ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รัก ป่วนใจ

    ลำดับตอนที่ #1 : 'ฤทธา'

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ย. 58










    ชีวิตของผม

     







     

               “กึ้งให้ในสิ่งที่เราต้องการไม่ได้ เราสองคน….พอแค่นี้เถอะ

     

               ประโยคแบบนี้ คุณหลายๆคนคงเคยได้ยินมาแล้ว บางคนอาจมากกว่าหนึ่งครั้งเหมือนผม

               ครับ ผมชื่อ ฤทธา’ พวกเพื่อนๆ คนรู้จักเรียกผม กึ้งเธอคนที่กำลังเดินหันหลังให้ผมไปก็เช่นกัน มันไม่ได้แปลกอะไรที่คนเรารักกัน คบกัน เข้ากันไม่ได้ก็เลิกรา ไม่รู้ว่าเหตุผลของคนอื่นเป็นยังไง แต่ของผมมันค่อนข้างอธิบายยาก 
               จากมุมมืดที่ว่างเปล่าใกล้บริษัทที่ผมทำงานอยู่ ก่อนออกไปพบเจอผู้คนและชีวิตโสดอีกครั้ง ผมขอยืนสงบสติสักสองสามนาที หลังจากผ่านสภาวะระหองระแหงกับผู้หญิงคนหนึ่งที่คบกันมากว่าแปดเดือนได้สักพัก ก่อนเข้าสู่สถานะเบลอและจบกันในที่สุด
               มันเป็นอะไรที่ผมสงสัยมาตลอดสามสิบสามปี ตามปกติผู้ชายวัยขนาดนี้ควรจะแต่งงานมีครอบครัวได้แล้ว หากเพราะครอบครัวของผมเป็นแค่ชาวสวนมะพร้าว ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ผมเข้ามาเรียนบุกป่าฝ่าฟันอยู่ในเมืองกรุงด้วยตัวเองเนื่องจากที่บ้านไม่ค่อยสนับสนุนเท่าไรนัก ทำให้
    ผมยังไม่พร้อมถึงขั้นมีบ้านหลังโตหรือรถหรูสักคัน ถึงอย่างนั้น
               ผมมีความตั้งใจอยากจะดูแลใครสักคนก่อนถึงวันนั้น...



               ผมเรียนจบปริญญาตรีด้านการบริหารและวางแผนจะเรียนต่อเร็วๆนี้ ช่วงเวลาที่ผ่านมาได้พบผู้คนมากมาย ด้วยส่วนสูง 190 ซม. ทำให้ผมโดดเด่นมากใครในกลุ่มเพื่อนตั้งแต่สมัยมหา'ลัย หน้าตาผมไม่ใช่แบบพระเอกละคร รวมๆมันก็ออกมาพอไปกันได้กับหุ่นและส่วนสูง 
               แม้ไม่ได้เป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบแต่เป็นธรรมดาที่จะมีผู้หญิงเข้ามาหา ไม่รู้เรียกว่าโชคดีได้หรือเปล่าที่พวกเธอมักเป็นสาวๆขวัญใจของใครหลายๆคน  ผู้หญิงที่ผมตัดสินใจคบหาเป็นประเภทมองแล้ว รู้ว่า'สวย'ทันที เช่นเธอคนล่าสุด สูง ผมยาวสลวย แต่งหน้าเก่ง ดูแลตัวเอง เราทำงานอยู่คนละบริษัทแต่มีธุรกิจร่วมกัน เราสองคนติดต่อกันเรื่องงาน รู้จักกันดีจนตัดสินใจคบกัน พวกเรามักออกไปดูหนัง ทานข้าวฟังเพลง อาทิตย์ละสองสามครั้งเหมือนคู่รักธรรมดา
               แต่ความสัมพันธ์ของคนสองคนมีมากนั้น หลายอย่างที่บอกว่าเราไม่เข้ากัน

               

               ผมชอบอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ เธอชอบเต้น ดนตรีเพลงเบสหนักๆ 
             
               ผมอยากออกกำลังกายไปวิ่งข้างนอก เธอไม่อยากตื่นกลัวออกมาผิวเสีย
             
               เธอชอบช็อปปิ้งดูเครื่องสำอางแต่ผมไม่ชอบยืนรอเก้อๆเขินๆอยู่หน้าบูธคอสเมติก
               
               เธออยากได้ของนู่นนี่แต่ผมให้บ้างเฉพาะที่ผมให้ได้ เพราะผมต้องเก็บเงินเรียน ผ่อนคอนโด
               
               เธออยากโพสลงรูปคู่ แต่ผมไม่ชอบถ่ายรูป


               เธอชอบอะไรโรแมนติก จับมือ โอบไหล่เดินห้าง เซอร์ไพรส์ในโอกาสพิเศษแต่....ผมไม่อยากทำ


         
              ไม่ใช่ไม่รัก ไม่อยากให้เธอมีความสุข แต่ผมคิดว่าความรักเราแสดงออกได้ด้วยการดูแลเอาใจใส่ จริงใจ ไม่จำเป็นต้องทำต่อหน้าคำอื่น หรือ ป่าวประกาศอะไร ต่างฝ่ายต่างให้เกียรติ ไม่พยายามไปก้าวก่ายชีวิตของอีกคน แต่เธอกลับไม่คิดแบบนั้น

              ผมเดินออกมา กลับสู่โลกความจริงอีกครั้ง ช่วงเย็นผมมีนัดกับลูกค้าไม่มีเวลาให้คร่ำครวญอะไรมากนัก กลับเข้ามาเก็บของที่โต๊ะทำงานแล้วออกไปเรียกแท็กซี่ไปยังจุดนัดพบกับลูกค้าไว้
              ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อรถ เพราะยังมีภาระผ่อนคอนโดอยู่ ต้องเจียดเงินไว้เพื่อเรียนต่อด้วย การลงทุน หาเรื่องเป็นหนี้เพิ่ม ยังต้องใช้เวลาในการตัดสินใจอยู่ ถึงไม่มีรถมีบ้านแต่ชีวิตก็มีความสุขดี แม้เงินเดือนไม่มากมายอะไรกับตำแหน่งหัวหน้าแผนก ยกเว้นเรื่องที่แม่กับพ่อโทรตามจิกเช้าเย็นตั้งแต่อายุสามสิบเรื่องให้กลับไปทำสวนมะพร้าว
              เรื่องนี้ผมคิดไว้อยู่แล้ว จะไม่ยอมให้บั้นปลายชีวิตเฉาแห้งอยู่ในเมืองกรุงเด็ดขาด จะยังไงผมจะกลับบ้านเพื่อไปสืบทอดกิจการต่อจากพ่อแม่เมื่ออายุมากพอสมควร แต่เรื่องที่กวนใจผมที่สุดกว่าเรื่องไหนๆคือเรื่องคลุมถุงชนที่พ่อกับแม่หมายหมั้นปั้นมือจะจับผมแต่งงานกับน้องข้างบ้านที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ จะได้อยู่ช่วยกันทำสวนมะพร้าว ซึ่งผมยอมไม่ได้จริงๆ ไม่ได้รังเกียจเธอ แต่เห็นเธอเป็นเหมือนน้องสาวมากกว่า



               "ที่นี่เป็นร้านอาหารของภรรยาผมเอง ว่างๆ คุณกึ้งลองพาครอบครัวมาทานนะครับ"



               "อ่อ ขอบคุณมากครับมีโอกาสแล้วผมจะแวะมา ยินดีที่ได้ทำธุรกิจร่วมกัน วันนี้ผมขอตัวก่อน สวัสดีครับ"



               จับมือกับลูกค้าครั้งสุดท้ายก่อนกล่าวลา ผมเดินออกมาจากร้านอาหารหรูไกลออกมาหน่อย ก่อนจะถอดสูทตัวนอกและขยับไทออกให้หายอึดอัด หมดไปอีกวันของชีวิตการทำงาน มองดูเวลาที่ข้อมือสองทุ่มกว่าแล้วถึงเวลาที่....




                ปิ๊ป ป๊ป ปิ๊ป.......ไม่ทันขาดคำ




               "ครับแม่" 




               -
    ไงลูกบ่าว กินข้าวไหร่ยัง-  (ไงลูก กินข้าวหรือยัง)


               "กินแล้ว ว่าพรือ" (กินแล้ว มีอะไรครับ)


               -ไม่ไร น้องเข็มฝากมาบอกคิดถึงอย่างแรง- (ไม่มีอะไร น้องเข็มฝากความคิดถึงมา)


               "ครับแม่"


               "พ่อกับแม่บ่นอิตาย ว่าตอนไหนกึ้งจะหลบบ้าน" (พ่อแกบ่นจะแย่แล้ว เมื่อไหร่กึ้งจะกลับบ้าน)


               "ยังครับช่วงนี้ยังไม่ว่างเลยแม่ คงอีกสักพัก ดึกแล้วผมหลบบ้านก่อนนะ" ผมตัดสายก่อนจะวิ่งขึ้นรถเมย์ที่เข้ามาจอดเทียบป้ายพอดี ผู้คนเบียดเสียดยื้อแย่งที่นั่ง ช่วงค่ำที่รถรอบเริ่มน้อยเต็มทีผู้คนอัดแน่น แน่นอนว่าผมต้องได้ยืนอยู่แล้วและความสูงของผมก็มักจะเป็นปัญหาเวลาขึ้นรถประจำทางแบบเก่า รถฟรีจากภาษาประชาชนคันแดง เครื่องดัง แต่ก็พอไปได้หากไม่ยืนตรงที่มีพัดลมก็สบายๆ ผมไม่อยากรอคันต่อไปให้นาน นั่งแท็กซี่จากย่านดังตอนนี้รถคงติดหงัก เสียเงินหลายร้อยไปเปล่าๆ
               กลับมาถึงคอนโดผมพุ่งตัวลงเตียงแบบแพ้แรงโน้มถ่วง วันนี้ดูจะหนักหน่วงพอสมควรสำหรับผู้ชายวัยสามสิบสองอย่างผม พลิกตัวอีกครั้งมองดูในโทรศัพท์มีข้อความเข้า



              "เฮ้อ"

              เธอส่งข้อความมาบอกว่าพรุ่งนี้จะเข้ามาเก็บของ เธอไม่ได้มาอยู่กับถาวรเพราะมีบ้านอยู่แถวที่ทำงานหลังหนึ่ง ช่วงที่คบกันก็ไปๆมาๆ ค้างบ้างวันสองวัน มีเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวอีกนิดหน่อย พรุ่งนี้ผมต้องทำงานคงไม่ได้อยู่เจอเธอ ช่วยเก็บของแพ็คให้เธอแวะมาเอาเลยดีกว่า




               ผมตื่นเช้า ไปบริษัท ตอกบัตรทำงาน ดื่มกาแฟ ทานข้าวเที่ยงกับเพื่อน ไปพบลูกค้า เตะบอล ออกไปวิ่ง กลับมาทำงานและนอน ตื่นมาใหม่

               ผ่านไปได้สามเดือนกับชีวิตอิสระ ที่วันนี้ดูจะมีสีสันกว่าทุกวันที่ผ่านมา เมื่อได้รู้ข่าวดีจากรุ่นน้องคณะที่สนิทกันและยังติดต่อกันเรื่อยมา เตรียมสละโสด วันนี้นัดใหญ่กินข้าวฟังเพลงสังสรรค์อีกครั้ง พูดคุยเรื่องราวในชีวิตกับคนคุ้นเคย พักผ่อนแบบสบายๆ ในรอบหลายเดือน




               "มาแล้วครับพี่ชายผม" วินเข้ามาประจ๋อประแจ๋ทำทีนวดไหล่ทันทีที่ผมนั่งลงที่โต๊ะในไอริชบาร์บบรยากาศดีแห่งหนึ่ง หนุ่มสาวที่นั่งอยู่ก่อนยกมือไหว้ทักทาย มีทั้งคนที่ผมสนิทและไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ส่วนใหญ่จะเป็นสาวๆของรุ่นน้องผมนั่นแหละ



               "พี่กึ้ง นี่ สา ว่าที่เจ้าสาวของผมครับ"



              "สวัสดีค่ะ" ผมรับไหว้สาวสาวกิริยาน่ารักดูเหมาะกับน้องผมดี ก่อนจะยกแก้วเบียร์สดขึ้นดื่มดับกระหาย เวลาเดียวกันกับที่ไอ้น้องตัวแสบสะกิดถามเบาๆ 


              "ไงพี่ กะสาวคนนั้นอ่ะ เมื่อไหร่จะมีข่าวดี นี่ผมแซงหน้าแล้วนะ หรือว่า พี่แอบแต่งกันแล้วไม่เชิญผมเนี่ย"


             "ตลกละไอ้วิน  แต่งบ้าแต่งบออะไร เขาขอเลิกกับฉันเมื่อสามเดือนที่แล้ว" พูดแล้วผมก็ยังเซ็งอยู่แต่ไม่ได้เสียอกเสียใจอะไร ดูเหมือนในที่นี้จะมีแค่ผมที่ไร้สาวข้างกาย



             "เลิก เลิกได้ไง โห่ ทำไมล่ะ ตั้งแปดเดือนแล้วนา"



             "ก็นั่นแหละ เหตุผลเดิมๆ" ไม่อยากจะอธิบายมาก รู้ๆกันอยู่ ช่วงที่มีปัญหากับคนรักผมเคยปรึกษาวินบ้างแล้ว



             "จึ หรือว่าจริงๆแล้ว พี่เหมาะกับการเป็นโสดเพราะแสดงความรักไม่เก่ง เด็ดเดี่ยวอยู่คนเดียวได้ เลยเปลี่ยวซะ"




             "เปลี่ยวเป่ออะไร ไม่ใช่เพราะฉันซะหน่อย เราเข้ากันไม่ได้ต่างหาก นายโชคดีกว่าฉันที่เจอคนที่ไปด้วยกันได้ก่อน ไม่มีทางที่ฉันจะอยู่เป็นโสดหรอก" พูดกันจริงๆคือ ผมไม่คิดว่าจะอยู่คนเดียวไปจนตายได้หรอก ผู้หญิงโสดตัวคนเดียวไม่แปลก แต่ผู้ชายโสดตัวคนเดียวนี่สิ แบบผมที่บ้านคงหาว่าผมเบี่ยงเบนแน่


             "ฮ่าๆ คิดได้อย่างนั้นก็ดี แต่ผมเสียดายแทนพี่เลยนะ แฟนพี่แต่ละคน เด็ดๆ โดนๆทั้งนั้นเหมาะกับระดับดีกรีนักบาสประจำคณะอย่างพี่ แต่ไหง ไปไม่รอดซะงั้น"



            "เออ ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน" ถูกของวิน นี่เขาไม่ดีตรงไหน ไม่ใช่เพราะว่าผมไม่รวย แต่มัน....มีบางอย่าง อะไรซักอย่างที่อธิบายไม่ได้


           
             "ยังไงล่ะทีนี้ หาคนดามใจคืนนี้เลยดีมั้ย สนใจคนไหนบอก ผมลุยให้เอง" วินขยิบหูขยิบตา หมอนี่มันร้ายไม่เคยเปลี่ยน ขนาดคนเจ้าชู้อย่างมันตั้งแต่สมัยมหา'ลัยยันทำงาน ยังได้แต่งงานก่อนผม เหอะ



            "ลุยทั้งที่ว่าที่เจ้าสาวนายนั่งอยู่ด้วยเนี่ยนะ"



            "ฮ่าๆ ครับ ผมลุยได้มาเป็นของพี่ ไม่ใช่ของผมซะหน่อย มาๆๆๆ ฉลองให้กับความโสดของพี่ใหญ่ ชนนนนน.....เฮฮฮฮฮฮ"




            เคร้ง....


            ทั้งโต๊ะพากันเฮ สนุกสนานกันใหญ่ ผมเองก็ยังชิว ผู้หญิงไม่มีทางเหมือนกันทุกคน ผมแน่ใจว่าอีกไม่นานจะต้องได้เจอกับคนที่เข้ากันได้และพร้อมจะอยู่ด้วยกันไปตลอด 
            และแล้ววันนี้ผมก็ได้เจอ....




             "เอ้า มุ่ย มาแล้วหรอ"

            


         


               

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×