ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Destiny or Art ปลายทางเส้นฝัน

    ลำดับตอนที่ #3 : + THE PRIENCESS + 20%

    • อัปเดตล่าสุด 12 ธ.ค. 55


    “ฉันอาบน้ำเองได้น่า! ฉันแค่ตาบอดไม่ได้พิการ! แล้วฉันยังสามารถหายได้คุณหมอก็บอกอยู่ไงเล่า!” ฉันดันประตูห้องน้ำด้วยการโถมน้ำหนักตัวลงไป

    “เถอะน่า! ฉันไม่สนใจในร่างกายเหมือนตุ๊กตาของเธอหรอกน่า! ถ้าเธอลื่นหัวฟาดมันจะยุ่งนะเฟ้ย!” ถึงนายจะพูดอย่างนั้นแต่นายเป็นผู้ชายนะ!

    “ฉันเป็นเพศตรงข้ามนายนะ!

    “แต่แค่กินข้าวเธอยังเอาช้อนไปให้หน้าผากเธอกินเลยจะให้วางใจได้ไงฮะ”

    “ก็ฉันเพิ่งตาบอดเพราะพวกนายนะ!

    “ฉันขอโทษ...แต่ว่าจะให้ปล่อยเธออาบน้ำเองไม่ได้หรอกนะ!” น้ำเสียงของคนปากหมาดูอ่อนโยนลงแต่ก็ยังหมาเหมือนเดิม  จะปล่อยฉันมีเวลาส่วนตัวบ้างไม่ได้รึไงนะถึงตอนนี้ฉันจะมองไม่เห็นแต่อีกหน่อยก็เห็นได้แน่ ๆ  ล่ะน่า

    “อย่างน้อยให้พวกแม่บ้านเขาไปช่วยเธอก็ได้นี่!

    “แค่เขาแต่งตัวให้ฉัน  ฉันก็รู้สึกเหมือนเป็นง่อยจะแย่แล้วนะ!” ชีวิตประจำวันฉันมันไม่ได้ยุ่งยากขึ้นสักเท่าไหร่ก็เพราะมีแต่คนคอยประคบประหงมไม่ใช่ว่าจะรู้สึกแย่นะเพราะฉันไม่เคยได้รับการเอาใจใส่ขนาดนี้มาก่อนเลยนี่

    “ก็ได้ๆ! แต่ฉันจะยืนรอตรงนี้แหละ!” เขาถอยออกไปจนประตูปิดได้เองเอาล่ะฉันเริ่มจะอาบน้ำได้เองแต่งตัวกินข้าวเองได้นิดหน่อยแล้วหลังจากผ่านมาตั้ง 2 อาทิตย์

     

    “ทำไมฉันต้องมาอยู่กับพวกนาย?” ฉันดมกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ที่มีอยู่ภายในตัวบ้านซึ่งถ้าเป็นที่บ้านฉันมันไม่ใช่แบบนี้แน่ถึงมันจะเงียบเหมือนกันแต่ว่าฉันก็ไม่เคยได้กลิ่นน้ำหอมมีเพียงกลิ่นดอกไม้จากสวนเท่านั้น

    “โห ขนาดตาบอดนะยังจมูกดีเหมือนหมาเลย” ฉันฟังเสียงที่ปนหัวเราะนั่นรู้สึกว่าจะอยู่ด้านหน้าสินะ

    “ถ้าเป็นนายคงชักดิ้นชักงอเหมือนปลากระโห้ขาดน้ำล่ะสิ!” ฉันหวังว่าจะหันไปถูกคนนะถึงยังไงให้พวกนี้เกลียดแล้วฉันไม่ต้องมายู่ที่นี่ยังไงก็ดีกว่าเยอะเลย

    “เธอหันหน้าผิดทางนะ” หน้าฉันถูกจับหันไปอีกทางถึงไม่แรงแต่ก็เจ็บนิดหน่อยเพราะโดนบีบฉันปัดมือที่มาโดนหน้าทิ้งทันทีพลางแลบลิ้น

    “โลจังอยู่ที่ไหน?” ฉันที่ตาบอดได้ทำกายภาพบำบัดแค่ครั้งสองรั้งก็ออกมาได้ไม่มีทางที่คนแขนหักอย่างหมอนั่นจะยังออกมาไม่ได้หรอกน่า

    “อยู่โรงพยาบาลน่ะครับ” เสียงนุ่มเยือกเย็นที่สุดในกลุ่มทำให้ฉันฉุน

    “เธอยังไม่ต้องรู้ รู้แค่ว่าเขายังต้องอยู่ก็แค่นั้นส่วนเธอพวกเราจะเป็นคนดูแลเอง”

    “ไม่เอา! ฉันจะอยู่กับโลจังพวกนายมันคนแปลกหน้าฉันจะไว้ใจได้ยังไง!” นี่มันอะไรกันพวกเขาทำฉันบาดเจ็บแล้วยังจะมาลักพาตัวฉันมาอยู่ที่นี่อีกจะบ้ารึเปล่าฉันจะทิ้งเจ้าหมอนั่นไว้คนเดียวได้ยังไง

    “อย่าหัวดื้อให้มากนักฉันรู้น่าว่าบ้านเธอรวยไม่ต่างกันแต่ได้ข่าวว่าพ่อแม่เธอไม่มีใครอยู่เลยนี่จะอยู่ก็มีแค่เธอคนเดียวบ้านก็มีฝุ่นถึงจะยกเว้นตรงที่เธอใช้ประจำก็เถอะ  ห้องที่นี่เราก็จัดให้เหมือนห้องเธอทุกอย่าง”

    “นี่พวกนายไปรื้อห้องฉันเลยงั้นเรอะ! ปล่อยฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้อย่ามายุ่งกับชีวิตฉันอีก!” ทำไมกันฉันไม่เข้าใจว่าพวกเขาจะเอาอะไรกับฉันกัน “ฉันไม่ใช่หุ่นยนต์ที่พวกนายจะมาชี้นิ้วสั่งได้นะ” ฉันลุกขึ้นทันทีแล้วก้าวออกมา ปึก! อุ.....เจ็บตรงนี้เป็นอะไรเนี่ยหรือว่าจะเป็นโต๊ะนะ  โถ่เว้ย  ทำไมฉันถึงต้องเจ็บตัวอย่างนี้นะแย่ๆๆๆๆ  ตาก็มองไม่เห็นแถมยังต้องอยู่ตัวคนเดียวในเวลาแบบนี้อีก..ไม่ได้  ไมเกรน์   เธอคือบุตรสาวคนรองของตระกูลเชียวนะ  เด็กสาวที่ท่านปู่คาดหวังไว้ฉันจะยอมแพ้ไม่ได้

    “ยัยบื้อ! ถ้าเธอไปตอนนี้ก็มีแต่จะเจ็บตัวมากขึ้น  แค่ลุกขึ้นแค่นี้เธอยังเดินชนโต๊ะเลยอย่าดื้อนักจะได้ไหม?!

    “ฉันไม่อยากอยู่ใกล้คนปากหมาอย่างนาย  ฉันไม่อยากอยู่ใกล้คนเผด็จการอย่างนาย ฉันไม่อยากจะอยู่ใกล้กับคนที่เก็บความลับไม่ยอมบอกอย่างนาย” นั่นคือเหตุการณ์เมื่อ  2  อาทิตย์ก่อนและมันยังคงสะท้อนอยู่ในหัวของฉัน 

    พวกเขายังคงไม่ยอมบอกอะไรมากไปกว่าว่าต้องดูแลฉันอย่างใกล้ชิดจนฉันเริ่มที่ไม่รู้ว่าควรจะตั้งคำถามต่อพวกเขาอีกนานเท่าไหร่ ฉันเองก็ไม่ได้เจ้าคิดเจ้าแค้นอะไรนัก...ถ้าพวกเขาทำเป็นไม่สนใจฉัน  ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะก่อนหน้านี้ฉันก็ไม่มีใครที่พึ่งพิงได้นอกจากโลจังอยู่แล้ว....

    “โลจังเธอจะมาหาพี่เมื่อไหร่กัน” ฉันลุกขึ้นจากอ่างน้ำแล้วคลำตามกำแพงเพื่อหาเสื้อคลุมฉันต้องระวังทุกการกระทำเพื่อไม่ให้เป็นแบบช่วงแรกที่ฉันล้มจนหัวโนทุกวันไม่อย่างนั้นพวกเขาคงจะให้พวกแม่บ้านเข้ามาช่วยฉันอาบน้ำอีกแน่  ฉันโตแล้วนะมียางอายมากพอด้วยถึงแม้ว่าจะชอบตอนที่พวกเขาอาบให้เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงก็เถอะ

    “คุณหนูเกรน์เจ้าคะวันนี้จะเปลี่ยนผ้าปิดตาเป็นสีอะไรดีเจ้าคะ” เสียงนุ่มๆหวานๆของคุณป้าแม่บ้านดังเข้ามาในห้องน้ำเธอยังคงไม่ยอมให้ฉันได้แต่งตัวและเปลี่ยนผ้าเอง

    “สีขาวตามอนามัยสากลดีกว่าค่ะ” ฉันตอบระหว่างที่เปิดประตูแม่บ้านหลายคนเข้ามารุมทึ้งฉันจนอยู่ในชุดที่มีกระโปรงหนัก ๆ ฟู ๆ นุ่ม ๆ หอม ๆ ผมของฉันก็ถูกรวบขึ้นจนรู้สึกว่าเย็นที่แถวคอผมฉันไม่เคยได้สระเองเลยมีแต่คุณป้าแม่บ้านสระให้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นภาระนิด ๆ

    “ชุดสีน้ำเงินเข้ากับผมสีฟ้าอ่อนของคุณหนูมากเลยเจ้าค่ะ” ฉันยิ้ม  ฉันคิดว่าฉันยิ้ม! หวังว่าฉันยิ้มเพื่อตอบคำชมของคุณป้าแม่บ้าน

    “ว่าแต่สีผมนี่ย้อมเอาหรือคะ” ฉันส่ายหัวเบา ๆ คิดว่าจะถูกคนนะ ป้าแม่บ้านถามพลางถอดผ้าปิดตาฉันออกอย่างช้า ๆ

    “สีผมธรรมชาติค่ะ... ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแต่ว่าก็ไม่ได้เกลียดน่ะค่ะ”

    “แล้วทางโรงเรียนไม่ว่าเหรอเจ้าคะ”

    “ก็เคยติแต่ว่าเพราะพอย้อมมันกลายเป็นรังนกและพอใส่วิกมันก็กระเซอะกระเซิงท่านผอ.เลยยอมปล่อยไว้นะค่ะ” ฉันรู้สึกว่าการติดผ้าพันแผลของป้าแม่บ้านไม่ใช่การใช้คลิปหนีบไหน ๆ ก็ไหนๆ ขอถามนิดหน่อยคงจะดี

    “คุณป้าแม่บ้านใช้อะไรติดผ้าพันแผลที่ใช้ปิดตาของฉันหรือคะ” เสียงหัวเราะคิกคักเล็ก ๆ ทำเอาฉันงงฉันไม่เคยได้จับมันเลยเพราะต้องคอยจับกระโปรงเวลาเดินมันหนักจนบางครั้งก็กลัวจะหลุดขาดลงไปกองบนพื้น

    “อ๋อ  ดิฉันผูกเป็นโบให้น่ะเจ้าค่ะ  รีบออกไปกันเถอะนะเจ้าคะวันนี้มีแขกพิเศษมาไม่ใช่นายท่านทั้งสองหรอกค่ะพวกท่านจะกลับมาก็อีกปี” เธอไม่เปิดโอกาสให้ฉันถามอีกแล้วจับฉันยืนขึ้นหลังใส่รองเท้าเสร็จพาเดินออกไปนอกห้อง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×