คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Chapter10 : Last breath
Chapter10
[ทางแยกป่าทึบ]
“แน่ใจนะว่าเธอไม่เป็นไรจริงๆ?”
“แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีก”
คลินท์เอ่ยถามนาตาชาด้วยความเป็นห่วง หากนับวันนี้ด้วยเวลาก็ล่วงเลยมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เฟลิเซียไปจากพวกเขา โทนี่ทำการค้นหาและเจาะลึกจนแน่ใจแล้วแน่ๆว่าเธออยู่ ณ ที่แห่งนี้จริงๆและไม่ผิดแน่ๆ ตามจริงพวกเขาจะบุกมาเซอร์ไพรส์เธอตั้งแต่วันที่เธอออกมาแล้ว แต่ทั้งนี้ก็รอให้นาตาชาฟื้นตัว ด้วยเทคโนโลยีของดร.โช จึงทำให้ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วงและนาตาชาเองก็ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
แต่ล่าช้าไปก็เพราะพวกเขาต้องวางแผนเผื่อกรณีฉุกเฉินหลายๆอย่าง เก็บข้อมูลเกี่ยวกับบาโฟเมตบางส่วนที่พอจะหาได้ เพื่อความมั่นใจและความแน่ใจในอะไรหลายๆอย่าง ก่อนที่พวกเขาจะบุกมาเซอร์ไพรส์เธอถึงที่
“มั่นใจนะว่าเป็นที่นี่แน่ๆ?”
“อ่าฮะ”โทนี่ตอบสตีฟ
“ที่นี่ไม่ผิดแน่นอนถ้าเข้าไปลึกกว่านี้จะมีปราสาทเก่าๆอยู่ข้างใน ระบบป้องกันไม่ได้แน่นหนามาก ตรวจจับด้วยรังสีอินฟาเรดมีคนอยู่เยอะเลยล่ะ เหมือนที่ใต้ปราสาทจะมีอะไรบางอย่างอยู่ แล้วก็...”
“แล้วก็อะไรโทนี่?”
“ตอนที่บินสำรวจเหมือนจะมีร่องรอยอะไรบางอย่าง แบบ...เหมือนใครเอารถมาถางป่าเล่นจนเกือบจะราบเป็นหน้ากองเลยล่ะ”
“ภาวนาว่านั่นคงไม่ใช่ฝีมือของเธอหรอกนะ...”
“ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”โทนี่เอ่ยขึ้น “แต่ถ้าใช่ขึ้นมานั่นก็อีกเรื่อง”
“ทางนั้นเป็นยังไงบ้างวันด้า?”
[“ถ้ากะด้วยสายตาก็มีพวกมันล้อมปราสาทประมาณสิบห้าคนน่าจะได้”]
เธอตอบเขาผ่านอุปกรณ์สื่อสารที่เสียบไว้ที่หู ตอนนี้เธออยู่ทางทิศตะวันออกของป่ากับวิชชั่น เฝ้าจับตาดูองค์กรอยู่ห่างๆอย่างเงียบๆ วิชชั่นอยู่ข้างๆเธอไม่ห่าง และช่วยระวังภัยคอยสอดส่องบริเวณรอบๆ
“งั้นเดี๋ยวฉันไปทางนั้นเอง ฝากทางนี้ด้วยสตาร์ค”สตีฟเอ่ยขึ้นก่อนที่แยกจากทางด้านโทนี่และไปสมทบกับวันด้า โทนี่เป็นคนหาตำแหน่งพิกัดของเฟลิเซีย สตีฟนำและวางแผนเกือบจะทั้งหมด และมีเปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นไปได้ด้วยดี แต่ก็มีแผนสำรองเตรียมเอาไว้แล้วเช่นกัน ในกรณีที่อาจจะมีอะไรผิดพลาด
แกร่ก!
“หืม...”
นาตาชาหยิบปืนคู่ใจของตนเองออกจากซองหนัง คลินท์ยกธนูของตนเองขึ้นมาพลางหยิบลูกออกมาจากที่เก็บ รอบตัวพวกเขารายล้อมไปด้วยผู้คนที่อยู่ในฟอร์มชุดของผ้าคลุมสีดำ และสวมใส่หน้ากากปกปิดและบดบังใบหน้า
“ดูเหมือนเจ้าบ้านเขาจะออกมารับถึงที่”โทนี่เอ่ยขึ้นอย่างติดตลกพลางยกมือของตนเองขึ้นเตรียมพร้อมโต้กลับ หากเจ้าบ้านเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
“ว้าว...ใครจะไปคิดว่าอเวนเจอร์สจะบุกมาเยือนพวกเราถึงถิ่น”
“หมอนี่”นาตาชาจำเขาได้ดี “หมอนี่แหละโทนี่”
“แกพาลูกสาวฉันไปไว้ที่ไหนไม่ทราบ? จะยอมบอกดีๆหรือจะต้องเจ็บตัวก่อนถึงจะยอมบอก?”
“เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ...แต่ฉันไม่เลือกทางไหนทั้งนั้น”เบรคไหวไหล่และไม่สนใจในสิ่งที่บุรุษเกราะเหล็กเอ่ยขึ้น “เธออาจจะตายไปแล้วก็----”
ปัง! ปัง!
ตู้ม!
ตู้ม!
“เสียมารยาทจริงๆ ฉันยังพูดไม่จบเลย”
“โว้ว...แน่นอนว่าพวกเรามีแต่ไม่ใช่กับพวกแก”นาตาชาแสยะยิ้ม
เธอแจกกระสุนเขาไปสองนัด กับลูกธนูของคลินท์ที่แจกไปหนึ่งตู้ม ตามด้วยโทนี่ก็แจกไปอีกหนึ่งตู้มใหญ่ถ้วนด้วยเช่นกัน เบรคแสยะยิ้มใต้หน้ากากและโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ในต้นถัดไป
“พวกแกคิดจะทำอะไร?”
“ฉันไม่ได้คิด...แต่บอสของพวกเราคิด”เบรคค่อยๆเดินออกมาพร้อมกับมือของเขาที่มีควันคล้ายพายุเล็กๆหมุนวนอยู่บนฝ่ามือ
“บอกมาว่าเธออยู่ที่ไหน?”
“นั่นสินะ...อยู่ที่ไหนกันนะ? บางทีอาจจะบินไปยุโรปแล้วก็ได้ หรือบางที...”เขาแสยะยิ้มในหน้ากาก “อาจจะตายไปแล้วจริงๆก็ได้”
ตู้ม!
“เดี๋ยวทางนี้พวกฉันจัดการเอง”คลินท์หันไปทางโทนี่ “นายรีบไปเถอะ”
“จัดการ”
วู่ม! วู่ม! วู่ม!
ตู้ม!
“ขอโทษที่พอดีต้องรีบไปรับลูกสาวกลับบ้าน”
สมาชิกองค์กรบางส่วนที่เบรคพามาด้วยถูกโทนี่ซัดปลิวในพริบตาเดียว ก่อนที่โทนี่ใช้ชุดเกราะของตนเองหนีออกไปจากบริเวณนั้นทันที แม้จะมีคนที่เหลือบางส่วนพยายามใช้พลังพยายามซัดให้เขาร่วงหล่นลงมา แต่มันก็ทำอะไรเขาไม่ได้ หรืออย่างมากก็แค่เฉียดๆ
“เรามาสะสางเรื่องคืนนั้นกันเถอะ”นาตาชาหยิบกระบองคู่ใจของตนเองออกมา
“เดี๋ยวที่เหลือฉันช่วยเก็บให้”
“…”
ดวงเนตรสีท้องนภาเหม่อลอย เธอนั่งนิ่งและแววตาไม่ได้ฉายแววความรู้สึกใดๆออกมา ห้องที่เธออยู่มืดสลัวก่อนที่ประตูจะเปิดขึ้นมาจึงทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์ สายตาเธอจึงไปโฟกัสกับผู้ที่เข้าซึ่งเป็นคนที่เธอคุ้นเคยดี
ดัฟฟ์แสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ เฮลก้ามองเขาที่เดินผ่านตนเองไปเล็กน้อย หางตาของเธอมองไปยังร่างบางที่ถูกตรึงเอาไว้ด้วยโซ่มากมาย รัดกุมเอาไว้เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายหลบหนีไปได้
สภาพเธอเองก็ไม่ต่างกัน แต่ต่างตรงที่เธอไม่ได้ถูกตรึงติดกำแพง เธอมีเพียงแค่กุญแจมือและตรวนที่ข้อเท้า ข้อมือถูกรัดเอาไว้ด้วยอุปกรณ์อะไรบางอย่างทั้งสองข้างเธอขมวดคิ้วเล็กน้อย
‘ที่นี่มันอะไรกัน...’
เฮลก้าครุ่นคิดตั้งแต่เธอลืมตาตื่นขึ้นมา เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในปราสาทแห่งนี้มีห้องนี้อยู่ด้วย มืดสลัวและบรรยากาศค่อนข้างจะน่าอึดอัด สัญลักษณ์ขององค์กรเด่นหราอยู่บนพื้น ดาวห้าแฉกถูกเขียนวาดด้วยสีแดงสด มีรอยและคราบเลือดแห้งแกรก อีกทั้งห้องนี้ยังมีกลิ่นสาบและกลิ่นชื้นเตะจมูก
“ตอนแรกก็หงุดหงิดอยู่หรอกที่หนีออกไป”ดัฟฟ์แสยะยิ้มในขณะที่เดินเข้าไปใกล้เฟลิเซีย
“แต่เพราะอยู่กับพวกอเวนเจอร์ส...ก็เลยได้ดึงพลังออกมาให้ได้เห็นว่าอยู่ในขั้นที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์ ยิ่งสามารถดูดซับพลังจากต้นไม้ปีศาจมาได้ ดึงประสิทธิภาพของมันออกมาได้จนเกือบจะสูงสุดแบบนี้ นับว่าเข้าขั้นสมบูรณ์เลยล่ะ”
“…”
“เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”ดัฟฟ์เอ่ยขึ้น “ดึงพลังออกมาแล้วค่อยหลอมรวมกับพลังที่มีอยู่ที่เหลือ...เท่านี้ก็สมบูรณ์”
“…!”
ตุ๊บ!
ดวงเนตรของเฮลก้าเบิกกว้าง ตัวของเธอลอยหวือไปกลางอากาศและตัวกระแทกเข้ากับผนังของห้อง เธอรีบตั้งตัวทันทีและพยายามยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล เธอยกมือของเธอขึ้นพลางกางฝ่ามือ เพื่อที่จะดึงพลังของตนออกมา
กึ่ก!
“อึ่ก!? นี่มันบ้าอะไรกัน!?”
แทนที่พลังนั้นควรจะซัดเข้ากับตัวดัฟฟ์ อุปกรณ์ที่ถูกติดไว้ที่ข้อมือทั้งสองข้างของเธอเรืองแสงขึ้น มันดูดซับพลังของเธอในทันที สร้างความประหลาดใจให้กับเธอได้ไม่น้อย ก่อนที่เธอจะพยายามเค้นและดึงพลังของตนออกมาอีกครั้ง แต่ก็ถูกอุปกรณ์เหล่านั้นดูดซึมกลับเข้าไปอีกครั้ง เธอพยายามกระชากตนให้หลุดจากพันธนาการนี้แต่ก็ไร้ผล ยิ่งพยายามใช้พลังมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งถูกดูดซับมากเท่านั้น ฉับพลันเธอเองก็รู้สึกว่าแรงและกำลังของตนนั้นล้าลงไปด้วย
กลับกันเธอรู้สึกแสบร้อนที่ข้อมือ ยิ่งเค้นพลังหรือยิ่งดึงออกมามากเท่าไหร่ ความแสบร้อนก็ยิ่งทวีมากขึ้นด้วยเช่นกัน
“เจ๋งใช่ไหมล่ะ?”ดัฟฟ์แสยะยิ้มก่อนที่จะใช้พลังดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ๆเขา
เฮลก้าพยายามอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล ยิ่งเธอดึงพลังออกมาได้เท่าไหร่ มันก็ยิ่งดูดกลืนพลังและพละกำลังของเธอก็เริ่มลดน้อยถอยลง
“อึ่ก!?”
“อุปกรณ์สั่งทำพิเศษเพื่อเอาไว้กักเก็บและดูดซับพลังจากพวกที่ไร้ประโยชน์และคิดคดทรยศที่ได้รับพลังจากต้นไม้ปีศาจแต่ไม่สามารถดึงพลังออกมาใช้ได้มากพอ หรือคิดที่จะหักหลังฉันกับพวกที่พลังพอจะใช้ได้และอยู่ในขั้นแข็งแกร่งพอสมควร”เขาเริ่มอธิบาย
เขาใช้พลังบีบรัดคอและพันธนาการเฮลก้าเอาไว้ เธอพยายามดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของเขา แต่ก็ไม่มีพละกำลังมากพอ ไหนจะตรวนที่ถ่วงขาเธอเอาไว้ ไหนจะอุปกรณ์บ้าๆนี่ที่ดูดซับพลังของเธอเอาไว้ ทำให้เธอตกอยู่ในสภาพที่ต้องยอมจำนนโดยสมบูรณ์
แต่เธอไม่ยอม!
“อย่าพยายามดันทุรังเลย”เขาแสยะยิ้ม
“ไม่ต้องห่วง...ที่ผ่านมาฉันขอโทษจริงๆที่ไม่เคยเห็นหัวของเธอเลย แต่ครั้งนี้ฉันชื่นชมในความสามารถและพลังของเธอจริงๆ”เขาแสยะยิ้ม
“…”
เฮลก้าไม่ได้มีท่าทีที่ดีใจ แววตาและดวงหน้าฉาบไปด้วยความโกรธ แม้ว่าการชื่นชมและการขอโทษที่ออกมาจากปากชายคนนี้ คือสิ่งที่เธอรอคอยมาตลอดชีวิต แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้รู้สึกดีใจเพราะคำที่เขาเอื้อนเอ่ยออกมา มันไม่ได้มีน้ำเสียงแห่งความรู้สึกผิด แต่กลับเจือไปด้วยความรู้สึกสมเพช
“แต่ฉันขอรับมันไปล่ะนะ ขอบคุณที่ช่วยมาเป็นกำลังเสริมให้อีกแรง”
กึ่ก!
“!?”
เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอล่องลอยเหมือนขนนกเวลาที่มันร่วงหล่น หรือล่องลอยอยู่ในห้วงอากาศ ดวงเนตรของเธอเบิกกว้าง เขาใช้มือข้างที่ไม่ได้จับเธอตัวเธอ ใช้พลังอีกรูปแบบของเขา ดูดซับและดึงพลังออกมาจากเธอ แม้เฮลก้าพยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากพันธนาการนี้แต่ท้ายที่สุดก็ไม่เป็นผล กลุ่มก้อนพลังงานสีดำมากมายมหาศาลล่องลอยยอกมาจากตัวของเธอ ก่อนที่มันจะค่อยๆไหลเข้าสู่กายของเขาอย่างช้าๆ
ลมหายใจของเฮลก้าค่อยๆมอดดับลง ดวงตาพร่ามัวและแทนที่ด้วยความมืด เปลือกตาหนักอึ้งปิดลงอย่างน่าใจหาย ร่างของเธอถูกทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดี แต่ก่อนที่ลมหายใจจะมอดดับก่อนที่ดวงเนตรจะปิดลงเธอยังคงจดจ้องไปยังร่างของเฟลิเซีย เฮลก้านึกถึงการต่อสู้กับอีกฝ่ายก่อนหน้านี้และเหยียดยิ้มอย่างรู้สึกสังเวช จนในที่สุดลมหายใจของเธอก็มอดดับลง เขาไม่เพียงแต่ดูดซับหรือแย่งชิงเอาพลังของเธอไปเพียงเท่านั้น ดัฟฟ์ยังดูดกลืนและเอาพลังชีวิตไปจากเธอด้วยเช่นกัน
“อ่า...แบบนี้ค่อยรู้สึกดีหน่อย”
ดวงเนตรของเขาเรืองแสงสีขาววูบวาบ ตาขาวกลายเป็นสีดำสนิทชั่วขณะ เขายืดเส้นยืดสายบิดตัวไปมาเล็กน้อย ก่อนที่จะทดสอบพลังตนโดยการดึงลูกน้องที่อยู่ใกล้เขาที่สุดเข้ามาใกล้ๆ กระทำเช่นเดียวกับที่เขาทำกับเฮลก้าและแสยะยิ้มเล็กน้อย เขารู้สึกสดชื่นขึ้นกว่าปกติที่เคยเป็นมา รู้สึกพลังที่ไหลเวียนในกายเขานั้นมันเพิ่มพูนและฟื้นฟูมากขึ้น ราวกับว่าเขาได้เกิดใหม่และได้พัฒนาตนเองไปอีกขั้น พร้อมกับออร่าแห่งพลังที่แผ่ออกมาจากตัวเขาและวิ่งไปรอบๆตัวเขาก่อนที่มันจะจางหายไป
เฮลก้าไม่ใช่คนแรกที่เขาชิงเอาพลังมา แต่เป็นคนที่นับไม่ถ้วน ตลอดระยะเวลาที่องค์กรล่มสลายไป เขาไม่ได้พียงแค่กลับมาเพื่อฟื้นฟูองค์กรเพียงเท่านั้น เขายังศึกษาเกี่ยวกับต้นไม้ปีศาจ วิเคราะห์รูปแบบของแก่นพลังรวมไปถึงการให้นักวิทยาศาสตร์มากฝีมือใช้เขาเป็นหนูทดลอง จากความพยายามหลายปีมานี้ในที่สุดก็เห็นผล ความสามารถในการใช้พลังที่ค่อนข้างรุนแรง และสามารถดูดซับพลังของผู้อื่นได้ รวมไปจนถึงการดูดซับพลังชีวิตของอีกฝ่ายที่คล้ายคลึงกับต้นไม้ปีศาจ
เรียกได้ว่าเขาเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์ ที่เขายังไม่ฆ่าหรือเอาพลังของเฟลิเซียมาในทันที แม้เขาจะถูกทดลองจนสามารถดูดซับพลังได้ก็ตาม แต่ด้วยหลานเหตุหลายปัจจัย เขาไม่สามารถดึงพลังของต้นไม้ปีศาจออกมาได้อย่างเต็มที่มากนัก เขาพยายามอยู่หลายครั้งแต่ผลออกมาก็ไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่นัก ดังนั้นเมื่อพบการมีอยู่ของเธอและการที่เธอกลับมายังที่แห่งนี้ พร้อมกับเธอดูดซับพลังจากต้นไม้ปีศาจไปได้ทั้งหมดและพลังเหล่านั้นก็ไหลเวียนอยู่ในกายเธอ นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะเติมเต็มส่วนที่เหลือให้มันสมบูรณ์ ต่อจากนี้ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เขาจะนำพาองค์กรกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งและจะไม่มีผู้ใดสามารถโค่นล้มเขาลงได้
“นายท่าน”
“รู้แล้ว”
ดัฟฟ์เอ่ยก่อนที่เขาจะหันไปยังจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่กำลังฉายเกือบทุกมุมของป่าและทุกมุมของคฤหาสน์ให้เขานั้นได้เห็น บนจอมีโค้ดเนมหรือฉายาสมยานามของสตีฟ กล่าวคือกัปตันอเมริกา สการ์เล็ตวิชและวิชชั่น ซึ่งกำลังบุกมาจากทางด้านป่าตะวันออก และกำลังฝ่าลูกน้องตนที่พยายามฟาดฟัน และพยายามเหวี่ยงพวกเขาให้พ้นทางด้วยพลังของตน ส่วนบุรุษเหล็กหรือไอรอนแมนกำลังสำรวจจากภาคอากาศ พร้อมกับโจมตีโต้กลับลูกน้องบางส่วนที่พยายามจะโจมตีให้เขาร่วงหล่นลงมา แม้จะมีกำลังพลมากกว่าแต่ลูกน้องของพวกเขาก็ต้องพ่ายให้กับโทนี่ สตาร์ก อนุมานได้ว่าอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้าพวกเขาก็จะเข้ามาถึงตัวของเขา แต่ก็ต้องใช้เวลาอีกหน่อยเพราะกว่าจะบุกมาถึงที่แห่งนี้ เพราะเป็นห้องพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เมื่อรับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเฟลิเซียเขาจึงสร้างห้องนี้และอุปกรณ์กักเก็บพลังพิเศษทันที เมื่อเธอย่างก้าวมายังที่นี่มันก็แล้วเสร็จทันใช้งานทันที และเมื่อมองไปอีกจอก็แสดงให้เห็นร่างเจ้าของชื่อแบล็ควิโดว์และฮอว์กอาย กำลังต่อสู้อยู่กับเบรคชนิดที่ว่าไม่มีใครยอมใคร
อีกไม่กี่อึดใจตามแผนที่เขาได้คาดการณ์และวางเอาไว้ เหล่าอเวนเจอร์สก็จะบุกเข้ามายังห้องนี้ได้สำเร็จ ถึงตอนนั้นก็จะเป็นช่วงเวลาประจวบเหมาะที่เขาจะดึงเอาพลังของเธอออกมา และปลิดชีพเธอให้เป็นที่ประจักษ์ซึ่งเขาเองก็รอที่จะเห็นพวกเขาได้ลิ้มรสชาติแห่งความเจ็บปวดจากการที่ต้องสูญเสียคนที่พวกเขารักไม่ไหวแล้วเช่นกัน
กึ่ก
“โอ้...ดูเหมือนว่าจะตื่นแล้วสินะ :)”
-----------------------------------------------------------------------------------
ไม่ได้อัพมาสักพักใหญ่ๆ ไรท์มาอัพแล้วนะคะ > <
อย่าลืมคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ในการเขียนตอนต่อๆไปด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ!
ความคิดเห็น