คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #36 : Extra Chapter : Avengers: Battle of New York 4 [END]
Avengers:
Battle of New York 4
กรร!
วู่ม!
[“ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง?”]
“ไม่ลดลงเลยค่ะ...เหมือนยังมากันอีกเรื่อยๆด้วย”
กรร!
“!?”
ตู้ม!
“ไม่เป็นอะไรกันใช่ไหมคะ?”
“อะ-อืม”
ในระหว่างที่กำลังติดต่ออยู่กับผู้เป็นพ่อในตอนนั้นเองมีพวกชิทอรี่บางกลุ่มจู่โจมเข้าใส่แบบกะทันหัน
ตรงบริเวณนั้นมีประชาชนที่กำลังรอรับความช่วยเหลืออยู่ที่มุมมุมหนึ่งซึ่งค่อนข้างจะปลอดภัยแต่ก็เสี่ยงพอสมควร
จนกระทั่งระเบิดทรงสี่เหลี่ยมประหลาดถูกขว้างออกมาในขณะที่มันกำลังจะระเบิดก็มีเกราะพลังงานบางๆโอบล้อมและปกป้องพวกเขาเอาไว้พร้อมกับระเบิดที่ถูกเถาไม้โยนขึ้นไปข้างบนซึ่งมีพวกมันอยู่
คลื่นระเบิดขนาดย่อมได้จัดการทำลายพวกมันที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงจนกระเด็นไปคนทิศคนละทาง
อีกทั้งยังถูกคลื่นพลังของเธอซัดจนกระเด็นไปไกลอีก
“ทางนี้ครับ!”
เจ้าหน้าที่กู้ภัยมาถึงที่หมายก่อนที่พวกเขาจะเริ่มอพยพผู้คนออกจากบริเวณนั้นโดยทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยแบบเมื่อครู่
เด็กน้อยคนหนึ่งที่ถูกผู้เป็นมารดาอุ้มจ้องมองเฟลิเซียอย่างไม่วางตาและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับพลังของอีกฝ่าย
เหมือนมีประกายบางอย่างฉายอยู่ในแววตาของเด็กหญิง
ร่างบางยิ้มให้กับอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนที่จะเดินแยกออกยังอีกทางทันทีด้วยสภาพที่ค่อนข้างจะมอมแมมพอสมควรเพราะทั้งล้มลุกคลุกฝุ่นมาเกือบตลอดทุกที่ที่เธอต่อสู้กับพวกมัน
“เธอเป็นนักเวทหรือแม่มดรึเปล่า...”
“ก็อาจจะนะที่รัก”
“แต่นักเวทหรือแม่มดใจร้ายไม่ใช่หรอคะ...ทำไมเธอถึงช่วยเราล่ะ”
“เพราะว่าเธอใจดียังไงล่ะ”
ผู้เป็นมารดายิ้มและมองลูกสาวตนเล็กน้อย
แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเขาทั้งหมดเห็นล้วนเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจและน่าอัศจรรย์ใจกับน่าหวาดเกรงด้วยในเวลาเดียวกัน
แต่ถึงกระนั้นหล่อนก็ไม่ได้ทำอันตรายอะไรพวกเขาและช่วยชีวิตของพวกเขาเอาไว้
ทุกคนได้แต่เอ่ยขอบคุณหล่อนภายในใจและภาวนาต่อพระเจ้าว่าให้ทุกสิ่งทุกอย่างสงบลงโดยเร็วด้วยเถอะ
“ตอนนี้ต้องรีบไป...”
ตู้ม!!!
“!?”
ระหว่างที่เธอกำลังโฟกัสกับการค้นหาเส้นทางที่อาจจะมีประชาชนบาดเจ็บอยู่นั้นเอง
มีพวกชิทอรี่กลุ่มใหม่ซุ่มโจมตียิงเข้าที่เสาของอาคารที่เธอกำลังยืนอยู่ ซากปรักหักพังหล่นทับใส่ตัวหล่อนทันที
ด้วยความที่มันเกิดขึ้นกะทันหันและไม่ทันได้ตั้งตัวเลยทำให้เธอไม่ใช่พลังป้องกันตนเอาไว้
ดังนั้นเธอจึงถูกซากตึกอาคารหล่นใส่ทำให้ได้รับบาดเจ็บ หน้าผากแตกจากการเศษอิฐก้อนใหญ่กระแทกเข้าอย่างจัง
พวงแก้มขวามีรอยขีดข่วนเล็กน้อและก็ไม่ร้ายแรงมาก
กึ่ก...
“!?”
“...”
แต่ในไม่กี่อึดใจต่อมามีแสงเล็ดลอดผ่านเข้ามาพร้อมกับร่างของเธอที่ลอยหวือขึ้นเหนือพื้น
ฮัลค์จัดการขว้างปาเศษซากเหล่านั้นไปในทิศทางอื่นๆที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่แถวๆนั้น
เจ้าของกายสีเขียวค่อยๆช้อนตัวเธอออกมาพลางวางเธอลงตรงพื้นข้างๆตนอย่างระมัดระวัง
“ขะ-ขอบคุณค่ะ...ฮัลค์”
“…”
ร่างสูงไม่ตอบแต่ก็ไม่ได้ทำท่าโมโหใส่หล่อนแต่อย่างใด
เขาหันหลังให้เธอก่อนที่จะใช้พลังกระโดดดีดตัวขึ้นไปยังตึกอาคารในละแวกใกล้เคียงที่ยังคงมีพวกมันรอซุ่มรอโจมตีอยู่และหายตัวไปในที่สุด
[“ฉันปิดมันได้...มีใครได้ยินบ้างไหม
ฉันปิดประตูมิติได้!”]
[“ปิดเลย!”]
สตีฟตอบกลับทันทีที่นาตาชาบอกว่าเธอสามารถปิดประตูมิติได้
[“อย่า!
เดี๋ยว!”]
[“สตาร์ค!
พวกมันมาอีกเพียบเลย”]
[“เขายิงนิวเคลียร์มา
จะปะทะในอีกไม่ถึงหนึ่งนาที”]
‘นิวเคลียร์?’
เฟลิเซียขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะนิวเคลียร์เป็นเรื่องที่น่าจะอยู่นอกเหนือการจัดการพวกชิทอรี่และฟิวรี่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย
แต่พอผู้เป็นพ่อบอกว่าจะปะทะในอีกไม่ถึงหนึ่งนาทีเธอก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกและรู้สึกนึกกลัวขึ้นมา
‘หรือว่าป๊า...’
ร่างบางคิดว่าตนเองคิดถูกเพราะผู้ที่สามารถทำการบินได้ในตอนนี้มีเพียงแค่ผู้เดียวคือพ่อของเธอ
เขาอาจจะกำลังหาวิธีที่จะหยุดยั้งและยับยั้งขีปนาวุธที่ถูกส่งมาเอาไว้ด้วยตนเองเพราะถ้าหากไม่หยุดเอาไว้
เกาะแมนแฮตตันกับนิวยอร์กก็คงถึงกาลอวสานของจริงแน่ๆ
“ป๊า....”
เธอทำการติดต่อเขาไปทันทีแต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยกล่าวว่าตัวเองนั้นเป็นห่วงและกังวล
จาร์วิสตัดการเชื่อมต่อจากเธอไปถึงเขาโดยทันทีเพื่อลดและรักษาพลังงานของตัวชุดเกราะเอาไว้
นั่นจึงทำให้เธอยิ่งเป็นกังวลมากเข้าไปอีก
ฟึ่บ!
‘ป๊า...!?’
เธอตะโกนเรียกพ่อของเธอในใจเขานำขีปนาวุธขึ้นสูงและหายเข้าไปในประตูมิติที่ยังไม่ได้ถูกปิดลงตามที่ขอนาตาชาเอาไว้
วินาทีนั้นหัวใจเธอเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นเคล้ากังวลในเวลาต่อมาสตีฟสั่งให้นาตาชาปิดประตูมิติทันทีพร้อมกับร่างของพ่อเธอที่ค่อยๆร่วงหล่นลงมาแต่ไม่ชะลอเลย
ถ้าหากตกลงมาทั้งๆอย่างนั้นก็อาจจะถึงแก่ชีวิตได้เธอจึงรีบออกตัววิ่งไปยังจุดที่คาดว่าพ่อเธอน่าจะตกลงมาแต่สุดท้ายฮัลค์ก็วิ่งเข้าไปรับพ่อของเธอเอาไว้ก่อนที่จะวางลงกับพื้น
“ป๊า!”
“...”
“ป๊า....ป๊า...ตื่นสิ...”
“...”
“ได้โปรด...”
เธอวิ่งเข้ามาพร้อมกับสตีฟ ธอร์และฮัลค์ เทพสายฟ้าหนุ่มพลิกตัวพ่อเธอให้นอนหงายพลางดึงหน้ากากที่บดบังใบหน้าออกก่อนี่จะโยนทิ้งไปอีกทาง
เฟลิเซียทรุดตัวลงนั่งข้างๆและเขย่าตัวโทนี่เล็กน้อย มือของเธอค่อยๆวางลงที่ตรงกลางอกของเขา
หล่อนรู้สึกว่าใบหน้าของตนนั้นร้อนผ่าวกับหยาดน้ำตาน้อยๆที่เริ่มคลอออกมา
ทั้งสามเห็นความกังวลที่ฉายออกมาบนใบหน้าและแววตาของเธออย่างเห็นได้ชัด
จากปกติใบหน้าเธอจะฉาบไปด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอนับตั้งแต่ที่ได้พบกันพอได้เห็นแบบนี้แล้วมันก็ชวนให้รู้สึกกังวลตามไปด้วยแปลกๆ
กรร!
“เฮือก!!?”
“ป๊า!!!”
“โคตรเหลือเชื่อเลย!”
บุรุษร่างยักษ์กายสีเขียวคำรามกึกก้องเพื่อเป็นการเรียกให้คนตรงหน้าตื่น
ซึ่งมันก็ได้ผลโทนี่สะดุ้งเฮือกตื่นมาเขามองไปรอบๆอย่างไม่น่าเชื่อและคิดว่าตัวเองตายไปแล้วเสียด้วยซ้ำ
แต่เมื่อได้รับคำตอบว่าเขายังมีชีวิตอยู่มันทำให้เขาดีใจกับรู้สึกเหลือเชื่อด้วยในเวลาเดียวกัน
“เฮ้...หนูร้องไห้ทำไมเฟ...ป๊าอยู่นี่แล้ว”
เขาพูดทั้งๆที่ยังหอบหายใจแรงซึ่งเป็นผลพวงมาจากความเหนื่อยล้าและไม่ได้หยุดพักเลย
เขาเอื้อมมือไปบีบแขนผู้เป็นลูกเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้กับเธอ
เฟลิเซียยิ้มและพยักหน้าอย่างดีใจกับโล่งอกด้วยในเวลาเดียวกันที่พ่อเธอกลับลงมาอย่างปลอดภัยและยังมีชีวิตอยู่
“ไหวไหมคะป๊า?”
“ไหว...ป๊ายังไหว
โดนอะไรกระแทกหัวมาใช่ไหมนั่นน่ะ
แม่บ่นป๊าหูชาแน่ๆเลย...บอกแล้วว่าดูแลตัวเองให้ดีๆ อย่าทำอะไรเกินตัว...แล้วเมื่อกี้มีอะไร?”
โทนี่พูดทั้งๆที่ยังคงหอบอยู่พลางมองคนอื่น เขาไม่ได้ตั้งใจจะบ่นเธอเป็นจริงเป็นจังแต่อย่างใดเพียงแค่เป็นห่วงและดีใจที่ลูกสาวของตนนั้นปลอดภัยแต่ก็เลือดตกยางออก
ถ้าเพพเพอร์เห็นคาดว่าสองพ่อลูกก็คงโดนบ่นและโดนสวดกันแบบไม่ต้องสงสัยแน่ๆ
“อย่าบอกนะว่าพวกนายผายปอดฉันน่ะ?”
“...ชนะแล้ว”
สตีฟเงยหน้ามองขึ้นไปยังบนท้องฟ้าที่ประตูมิติได้ถูกปิดลง
ไม่มีคลื่นแสงพลังงานใดตัดผ่านอีกแล้วและทุกสิ่งเริ่มเงียบสงบแต่ก็มีเสียงไซเรนรถพยาบาลกับกู้ภัยดังขึ้นเป็นระยะๆ
คาดว่าสถานการณ์ทั้งหมดเริ่มคลี่คลายลงและกำลังจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติในอีกไม่ช้า
“โย่ๆ เย้ ฮูเร่ เก่งมากๆเลย พรุ่งนี้ขอไม่เข้านะหยุดงานกันสักวันหนึ่ง
เคยกินปาทังก้าไหม? ร้านปาทังก้าถัดจากที่นี่ไปสองไฟแดง...คืออะไรไม่รู้แต่ว่าอยากจะลอง”โทนี่พูดในขณะที่สตีฟกำลังยิ้ม
“ภารกิจยังไม่เสร็จ”ธอร์พูดพลางก้มหน้ามองโทนี่
“งั้นเลื่อนปาทังก้าไปก่อน”
“ภารกิจ...จริงด้วยสิ”
เฟลิเซียถึงบางอ้อในทันทีว่าธอร์หมายถึงสิ่งใด
แม้ประตูมิติจะปิดได้แล้วและพวกชิทอรี่ที่บุกเข้ามาก็ถูกจัดการหมดแล้วแต่ก็เหลือตัวการใหญ่ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักที่พวกเขายังไม่ได้สะสาง
เมื่อพักเหนื่อยและหยุดพักเพื่อหายใจกันสักพักใหญ่ๆทั้งหมดก็รีบมุ่งหน้ากลับไปยังสตาร์คทาวเวอร์ทันทีเพื่อจัดการภารกิจให้จบสิ้น
Stark
Tower
“ดูกันไม่ได้เลยนะพวกนายเนี่ย”คลินท์
“นายก็ไม่ต่างจากพวกฉันเท่าไหร่หรอกน่า”โทนี่
“หัวร้างข้างแตกกันเลยหรอเนี่ย...ไปทำอิท่าไหนมาเฟซี่?”
“เรื่องมันยาวน่ะค่ะแนท”
ทั้งหมดมารวมตัวกันที่ทาวเวอร์ของโทนี่ทันทีเพราะมีจุดประสงค์เดียวกันคือจับกุมเทพแห่งคำลวงที่ถูกฮัลค์อัดติดกับพื้น
โลกิค่อยๆหันหน้ามาเผชิญกับพวกเขาอย่างช้าๆในสภาพที่ไม่ต่างจากพวกเขาเสียเท่าไหร่นักแต่ก็เรียกได้ว่าหมดสภาพพอสมควรจากการที่ถูกบุรุษร่างยักษ์ผิวกายสีเขียวจับฟาดไปมา
“ถ้าเจ้ามาเพื่อสิ่งเดียวกัน…ข้าขอดื่มก่อนสักกรึ๊บ...”
กรร!
หลายวันให้หลังมหานครนิวยอร์กเริ่มฟื้นฟูและฟื้นตัวกลับมา
เฉกเช่นเดียวกันกับพวกเขาที่พักรักษาตัวจนดีขึ้นแต่ก็ยังไม่หายดีเท่าที่ควร โทนี่นำทีมไปร้านปาทังก้าดังที่ตั้งใจเอาไว้ซึ่งก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ก็นับว่าเป็นอาหารที่พอจะกินได้
เสียงขอบคุณจากพลเรือนดังกึกก้องไปทั่วทั้งเกาะแมนแฮตตันผ่านหน้าจอโทรทัศน์กลับกันก็มีเสียงความเศร้าโศกอาลัยถึงผู้เคราะห์ร้ายและผู้บริสุทธิ์บางส่วนที่จากไปอย่างไม่มีวันหวนคืน
มีการวางดอกไม้ตามจุดต่างๆเพื่อระลึกถึงผู้คนบางส่วนที่จากไป
ดิอเวนเจอร์สชื่อกลุ่มยอดมนุษย์หรือซุปเปอร์ฮีโร่ดังกระฉ่อนเลื่องลือไปทั่วทั้งอเมริกาและในหลายๆประเทศ
ประชาชนต่างชื่นชมและขอบคุณอย่างสุดซึ้งที่พวกเขาได้ช่วยชีวิตของตนเอาไว้ ในระหว่างสัปดาห์การฟื้นฟูนี้เองมีหลายท้องที่ในหลายๆรัฐและหลายๆประเทศ
วาดภาพของพวกเขาบนกำแพง บ้างก็วาดลงกระดาษ
บ้างก็หาไฟล์ภาพบนอินเทอร์เน็ตมาอัดใส่กรอบ และมีบางส่วนที่สกรีนเสื้อหรือหมวกทำท่าทางเลียนแบบพวกเขา
บางคนคลั่งไคล้มากจนถึงขนาดสักหรือเพ็นท์รูปของพวกเขาเอาไว้บนร่างกายของตนเอง
“ขอบคุณนะคะ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
เฟลิเซียโบกมือลาเด็กหญิงตัวน้อยที่มาพร้อมกับแม่ของเธอ
ทั้งสองเอ่ยกล่าวขอบคุณและมอบของบางอย่างเล็กๆน้อยๆให้กับเธอซึ่งเป็นดอกไม้กับขนมจุกจิก
ในตอนนี้ตัวทาวเวอร์กำลังอยู่ระหว่างการซ่อมแซมโทนี่ตัดสินใจที่จะตัดตัวอักษรตัวอื่นทิ้งไปให้หมด
เหลือไว้เพียงแค่ตัว A ซึ่งมาจาก Avengers คราวนี้ทาวเวอร์ก็จะไม่ได้มีเพียงแค่เธอกับพ่อแม่อีกแล้ว
แต่พวกเขาเองก็จะมาอยู่ร่วมชายคาทาวเวอร์เดียวกันกับเธอด้วย
เฟลิเซียมีความรู้สึกว่าครอบครัวที่มีเพียงแค่สามคนพ่อแม่ลูกในตอนนี้กำลังจะขยายใหญ่ขึ้น
สตีฟ คลินท์และธอร์จะเป็นพี่ชาย(แต่ถ้าอิงอายุที่ควรจะเป็นก็เป็นปู่เลยล่ะนะ)ของเธอ
ส่วนบรูซก็อาจจะเป็นลุงและนาตาชาก็จะเป็นพี่สาวของเธอ
เฟลิเซียรู้สึกแบบนั้นจริงๆ...
ถ้าหากไม่นับคลินท์และนาตาชา
เธอพึ่งจะเคยพบเจอคนอื่นๆเป็นครั้งแรกแต่กลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
ยิ่งได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันในเหตุการณ์ที่จบลงไปแล้วเธอก็ยิ่งรู้สึกเหมือนความผูกพันบางอย่างเริ่มเหนียวแน่นขึ้น
ทั้งเธอทั้งพวกเขาต่างคนต่างรู้สึกถูกชะตากันอย่างบอกไม่ถูกและพวกเขาก็รู้สึกเอ็นดูเธออย่างบอกไม่ถูกด้วยเช่นกัน
รู้สึกเหมือนเธอเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวของตนเองและรู้สึกเธอเป็นคนสำคัญของชีวิตตนไปด้วยโดยปริยาย
แม้ในตอนนี้พวกเขาจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเธอไม่มากและมีที่มาที่ไปไม่ชัดเจนก็ตาม ทั้งหมดมวลในตอนนี้พวกเขาก็หวังว่าจะได้รู้เรื่องของเธอและได้เรียนรู้กันและกันมากยิ่งขึ้นไปอีก
ความสัมพันธ์และความผูกกันเองก็คงจะแน่นแฟ้นขึ้นด้วยเช่นกัน...ไม่ใช่แค่พวกเขาที่คิดแบบนั้นเฟลิเซียก็มีความคิดแบบเดียวกันว่าพวกเขาคือคนสำคัญในชีวิตตน
แม้จะไม่ได้เกี่ยวพันกันทางสายเลือดแต่เธอก็รักพวกเขาจริงๆ และหวังว่าจะได้อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
ในสักวันหากมีใครจะทำลายหรือทำร้ายคนสำคัญของเธอ
แน่นอนเฟลิเซียก็พร้อมที่จะปกป้องพวกเขาจากกลุ่มคนเหล่านั้น
ในทางกลับกันหากมีใครคิดที่จะทำร้ายหรือทำลายเธอพวกเขาเองก็จะปกป้องเธอด้วยเหมือนกัน
โดยเฉพาะรอยยิ้มกับความสดใสของเธอ
พวกเขาอยากเห็นและให้มันคงอยู่กับพวกเขาแบบนี้ตลอดไป
และเธอก็อยากจะอยู่ด้วยกันกับพวกเขาแบบนี้ตลอดไปเหมือนกัน...
“ไหนมื้อกลางวันอยากหม่ำอะไร?”
“ชีสเบอร์เกอร์ค่ะ!”
“ใจตรงกันเลย
สมแล้วที่เป็นลูกของพ่อ!”
“พอเลยทั้งสองคน! วันก่อนก็พึ่งจะกินกันไปเองนะ”
โทนี่ค่อยๆเดินเข้ามาหาลูกสาวตนอย่างเงียบๆหลังจากที่เธอแยกตัวจากสองแม่ลูกที่พบกันในระหว่างที่กำลังออกมาเดินเล่น
เพพเพอร์ดุสองพ่อลูกเล็กน้อยเพราะเสพติดในความอร่อยของชีสเบอร์เกอร์มากจนไม่สามารถต้านทานได้และบริโภคมากเกินไปจนน่าเป็นห่วง
เฟลิเซียอมยิ้มและหัวเราะเล็กน้อยรวมถึงโทนี่เองก็ด้วยเหมือนกัน
เขาไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจและถูกเพพเพอร์ศอกกระทุ้งไปหนึ่งทีก่อนที่จะหัวเราะออกมา ผู้เป็นแม่และคนรักอมยิ้มอย่างอ่อนอกอ่อนใจก่อนที่จะกอดผู้เป็นลูกเล็กน้อยด้วยความโล่งใจครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจจะทราบได้
เพราะตอนที่เห็นหล่อนทีวีเธอก็เป็นห่วงแทบแย่ ยิ่งโทนี่ยิ่งแล้วใหญ่หัวใจเธอจะวายและลมแทบจับ
พอสองพ่อลูกกลับมาเธอก็โอบกอดทั้งสองเอาไว้ด้วยความเป็นห่วงซึ่งตามมาด้วยการบ่นชุดใหญ่
‘ตอนนี้ทุกๆคนจะทำอะไรกันอยู่นะ...’
ธอร์นำตัวโลกิกลับแอสการ์ดพร้อมกับลูกบาศก์ ระหว่างนี้สมาชิกของทีมคนอื่นๆที่เหลือต่างก็แยกย้ายกันไปเพื่อที่จะได้พักผ่อนหลังจากผ่านวันเวลาอันยาวนานที่เหนื่อยล้าจนสายตัวแทบขาด
แม้ภารกิจจะจบแต่ก็ไม่ได้หมายความทีมจะถูกยุบลง ทุกๆคนยังคงเป็นอเวนเจอร์สดังเดิมเพียงแต่แยกย้ายไปทำสิ่งต่างๆหรือไปในที่ที่ของตนเองและหยุดพัก
เฟลิเซียหวังว่าทุกคนจะกลับมารวมตัวกันในเร็วๆนี้
เธอรู้สึกว่าความสนุกกับความวุ่นวายบางอย่างอาจจะมาเยือนในเร็วๆนี้
แต่ถึงอย่างนั้นขอแค่มีพวกเขาอยู่ไม่ว่าจะพบเจอสิ่งใดเธอก็ไม่หวาดหวั่นขอเพียงแค่มีพวกเขาอยู่ด้วยกันก็เพียงพอแล้ว
Avengers:
Battle of New York END
----------------------------------------------------------
จบไปแล้วค่ะกับตอนพิเศษในภาคนี้
หวังว่าจะชอบกันนะคะ!
อีกไม่กี่วันฟิคนี้ก็จะครบรอบ
1 ปีแล้วนะคะ (เย้)
ขอบคุณที่เดินทางมาด้วยกันจนถึงตอนจบอีกครั้งนะคะ
ความคิดเห็น