ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic avengers x OC] She is our 'Family' [END]

    ลำดับตอนที่ #36 : Extra Chapter : Avengers: Battle of New York 4 [END]

    • อัปเดตล่าสุด 15 ธ.ค. 64


    Avengers: Battle of New York 4

     

     กรร!

     วู่ม!

    [“ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง?”]

    ไม่ลดลงเลยค่ะ...เหมือนยังมากันอีกเรื่อยๆด้วย

     กรร!

    “!?

     ตู้ม!

    ไม่เป็นอะไรกันใช่ไหมคะ?

    อะ-อืม

     ในระหว่างที่กำลังติดต่ออยู่กับผู้เป็นพ่อในตอนนั้นเองมีพวกชิทอรี่บางกลุ่มจู่โจมเข้าใส่แบบกะทันหัน ตรงบริเวณนั้นมีประชาชนที่กำลังรอรับความช่วยเหลืออยู่ที่มุมมุมหนึ่งซึ่งค่อนข้างจะปลอดภัยแต่ก็เสี่ยงพอสมควร จนกระทั่งระเบิดทรงสี่เหลี่ยมประหลาดถูกขว้างออกมาในขณะที่มันกำลังจะระเบิดก็มีเกราะพลังงานบางๆโอบล้อมและปกป้องพวกเขาเอาไว้พร้อมกับระเบิดที่ถูกเถาไม้โยนขึ้นไปข้างบนซึ่งมีพวกมันอยู่ คลื่นระเบิดขนาดย่อมได้จัดการทำลายพวกมันที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงจนกระเด็นไปคนทิศคนละทาง อีกทั้งยังถูกคลื่นพลังของเธอซัดจนกระเด็นไปไกลอีก

    ทางนี้ครับ!”

     เจ้าหน้าที่กู้ภัยมาถึงที่หมายก่อนที่พวกเขาจะเริ่มอพยพผู้คนออกจากบริเวณนั้นโดยทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยแบบเมื่อครู่ เด็กน้อยคนหนึ่งที่ถูกผู้เป็นมารดาอุ้มจ้องมองเฟลิเซียอย่างไม่วางตาและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับพลังของอีกฝ่าย เหมือนมีประกายบางอย่างฉายอยู่ในแววตาของเด็กหญิง ร่างบางยิ้มให้กับอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนที่จะเดินแยกออกยังอีกทางทันทีด้วยสภาพที่ค่อนข้างจะมอมแมมพอสมควรเพราะทั้งล้มลุกคลุกฝุ่นมาเกือบตลอดทุกที่ที่เธอต่อสู้กับพวกมัน

    เธอเป็นนักเวทหรือแม่มดรึเปล่า...

    ก็อาจจะนะที่รัก

    แต่นักเวทหรือแม่มดใจร้ายไม่ใช่หรอคะ...ทำไมเธอถึงช่วยเราล่ะ

    เพราะว่าเธอใจดียังไงล่ะ

     ผู้เป็นมารดายิ้มและมองลูกสาวตนเล็กน้อย แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเขาทั้งหมดเห็นล้วนเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจและน่าอัศจรรย์ใจกับน่าหวาดเกรงด้วยในเวลาเดียวกัน แต่ถึงกระนั้นหล่อนก็ไม่ได้ทำอันตรายอะไรพวกเขาและช่วยชีวิตของพวกเขาเอาไว้ ทุกคนได้แต่เอ่ยขอบคุณหล่อนภายในใจและภาวนาต่อพระเจ้าว่าให้ทุกสิ่งทุกอย่างสงบลงโดยเร็วด้วยเถอะ

     

    ตอนนี้ต้องรีบไป...

     ตู้ม!!!

    “!?”

     ระหว่างที่เธอกำลังโฟกัสกับการค้นหาเส้นทางที่อาจจะมีประชาชนบาดเจ็บอยู่นั้นเอง มีพวกชิทอรี่กลุ่มใหม่ซุ่มโจมตียิงเข้าที่เสาของอาคารที่เธอกำลังยืนอยู่ ซากปรักหักพังหล่นทับใส่ตัวหล่อนทันที ด้วยความที่มันเกิดขึ้นกะทันหันและไม่ทันได้ตั้งตัวเลยทำให้เธอไม่ใช่พลังป้องกันตนเอาไว้ ดังนั้นเธอจึงถูกซากตึกอาคารหล่นใส่ทำให้ได้รับบาดเจ็บ หน้าผากแตกจากการเศษอิฐก้อนใหญ่กระแทกเข้าอย่างจัง พวงแก้มขวามีรอยขีดข่วนเล็กน้อและก็ไม่ร้ายแรงมาก

     กึ่ก...

    “!?”

    ...

     แต่ในไม่กี่อึดใจต่อมามีแสงเล็ดลอดผ่านเข้ามาพร้อมกับร่างของเธอที่ลอยหวือขึ้นเหนือพื้น ฮัลค์จัดการขว้างปาเศษซากเหล่านั้นไปในทิศทางอื่นๆที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่แถวๆนั้น เจ้าของกายสีเขียวค่อยๆช้อนตัวเธอออกมาพลางวางเธอลงตรงพื้นข้างๆตนอย่างระมัดระวัง

    ขะ-ขอบคุณค่ะ...ฮัลค์

    “…”

     ร่างสูงไม่ตอบแต่ก็ไม่ได้ทำท่าโมโหใส่หล่อนแต่อย่างใด เขาหันหลังให้เธอก่อนที่จะใช้พลังกระโดดดีดตัวขึ้นไปยังตึกอาคารในละแวกใกล้เคียงที่ยังคงมีพวกมันรอซุ่มรอโจมตีอยู่และหายตัวไปในที่สุด

    [“ฉันปิดมันได้...มีใครได้ยินบ้างไหม ฉันปิดประตูมิติได้!”]

    [“ปิดเลย!”] สตีฟตอบกลับทันทีที่นาตาชาบอกว่าเธอสามารถปิดประตูมิติได้

    [“อย่า! เดี๋ยว!”]

    [“สตาร์ค! พวกมันมาอีกเพียบเลย”]

    [“เขายิงนิวเคลียร์มา จะปะทะในอีกไม่ถึงหนึ่งนาที”]

    นิวเคลียร์?

     เฟลิเซียขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะนิวเคลียร์เป็นเรื่องที่น่าจะอยู่นอกเหนือการจัดการพวกชิทอรี่และฟิวรี่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย แต่พอผู้เป็นพ่อบอกว่าจะปะทะในอีกไม่ถึงหนึ่งนาทีเธอก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกและรู้สึกนึกกลัวขึ้นมา

    หรือว่าป๊า...

     ร่างบางคิดว่าตนเองคิดถูกเพราะผู้ที่สามารถทำการบินได้ในตอนนี้มีเพียงแค่ผู้เดียวคือพ่อของเธอ เขาอาจจะกำลังหาวิธีที่จะหยุดยั้งและยับยั้งขีปนาวุธที่ถูกส่งมาเอาไว้ด้วยตนเองเพราะถ้าหากไม่หยุดเอาไว้ เกาะแมนแฮตตันกับนิวยอร์กก็คงถึงกาลอวสานของจริงแน่ๆ

    ป๊า....

     เธอทำการติดต่อเขาไปทันทีแต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยกล่าวว่าตัวเองนั้นเป็นห่วงและกังวล จาร์วิสตัดการเชื่อมต่อจากเธอไปถึงเขาโดยทันทีเพื่อลดและรักษาพลังงานของตัวชุดเกราะเอาไว้ นั่นจึงทำให้เธอยิ่งเป็นกังวลมากเข้าไปอีก

     ฟึ่บ!

    ป๊า...!?

     เธอตะโกนเรียกพ่อของเธอในใจเขานำขีปนาวุธขึ้นสูงและหายเข้าไปในประตูมิติที่ยังไม่ได้ถูกปิดลงตามที่ขอนาตาชาเอาไว้ วินาทีนั้นหัวใจเธอเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นเคล้ากังวลในเวลาต่อมาสตีฟสั่งให้นาตาชาปิดประตูมิติทันทีพร้อมกับร่างของพ่อเธอที่ค่อยๆร่วงหล่นลงมาแต่ไม่ชะลอเลย ถ้าหากตกลงมาทั้งๆอย่างนั้นก็อาจจะถึงแก่ชีวิตได้เธอจึงรีบออกตัววิ่งไปยังจุดที่คาดว่าพ่อเธอน่าจะตกลงมาแต่สุดท้ายฮัลค์ก็วิ่งเข้าไปรับพ่อของเธอเอาไว้ก่อนที่จะวางลงกับพื้น

    ป๊า!”

    ...

    ป๊า....ป๊า...ตื่นสิ...

    ...

    ได้โปรด...

     เธอวิ่งเข้ามาพร้อมกับสตีฟ ธอร์และฮัลค์ เทพสายฟ้าหนุ่มพลิกตัวพ่อเธอให้นอนหงายพลางดึงหน้ากากที่บดบังใบหน้าออกก่อนี่จะโยนทิ้งไปอีกทาง เฟลิเซียทรุดตัวลงนั่งข้างๆและเขย่าตัวโทนี่เล็กน้อย มือของเธอค่อยๆวางลงที่ตรงกลางอกของเขา หล่อนรู้สึกว่าใบหน้าของตนนั้นร้อนผ่าวกับหยาดน้ำตาน้อยๆที่เริ่มคลอออกมา ทั้งสามเห็นความกังวลที่ฉายออกมาบนใบหน้าและแววตาของเธออย่างเห็นได้ชัด จากปกติใบหน้าเธอจะฉาบไปด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอนับตั้งแต่ที่ได้พบกันพอได้เห็นแบบนี้แล้วมันก็ชวนให้รู้สึกกังวลตามไปด้วยแปลกๆ

     กรร!

    เฮือก!!?”

    ป๊า!!!”

    โคตรเหลือเชื่อเลย!”

     บุรุษร่างยักษ์กายสีเขียวคำรามกึกก้องเพื่อเป็นการเรียกให้คนตรงหน้าตื่น ซึ่งมันก็ได้ผลโทนี่สะดุ้งเฮือกตื่นมาเขามองไปรอบๆอย่างไม่น่าเชื่อและคิดว่าตัวเองตายไปแล้วเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อได้รับคำตอบว่าเขายังมีชีวิตอยู่มันทำให้เขาดีใจกับรู้สึกเหลือเชื่อด้วยในเวลาเดียวกัน

    เฮ้...หนูร้องไห้ทำไมเฟ...ป๊าอยู่นี่แล้ว

     เขาพูดทั้งๆที่ยังหอบหายใจแรงซึ่งเป็นผลพวงมาจากความเหนื่อยล้าและไม่ได้หยุดพักเลย เขาเอื้อมมือไปบีบแขนผู้เป็นลูกเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้กับเธอ เฟลิเซียยิ้มและพยักหน้าอย่างดีใจกับโล่งอกด้วยในเวลาเดียวกันที่พ่อเธอกลับลงมาอย่างปลอดภัยและยังมีชีวิตอยู่

    ไหวไหมคะป๊า?

    ไหว...ป๊ายังไหว โดนอะไรกระแทกหัวมาใช่ไหมนั่นน่ะ แม่บ่นป๊าหูชาแน่ๆเลย...บอกแล้วว่าดูแลตัวเองให้ดีๆ อย่าทำอะไรเกินตัว...แล้วเมื่อกี้มีอะไร?

     โทนี่พูดทั้งๆที่ยังคงหอบอยู่พลางมองคนอื่น เขาไม่ได้ตั้งใจจะบ่นเธอเป็นจริงเป็นจังแต่อย่างใดเพียงแค่เป็นห่วงและดีใจที่ลูกสาวของตนนั้นปลอดภัยแต่ก็เลือดตกยางออก ถ้าเพพเพอร์เห็นคาดว่าสองพ่อลูกก็คงโดนบ่นและโดนสวดกันแบบไม่ต้องสงสัยแน่ๆ

    อย่าบอกนะว่าพวกนายผายปอดฉันน่ะ?

    ...ชนะแล้ว

     สตีฟเงยหน้ามองขึ้นไปยังบนท้องฟ้าที่ประตูมิติได้ถูกปิดลง ไม่มีคลื่นแสงพลังงานใดตัดผ่านอีกแล้วและทุกสิ่งเริ่มเงียบสงบแต่ก็มีเสียงไซเรนรถพยาบาลกับกู้ภัยดังขึ้นเป็นระยะๆ คาดว่าสถานการณ์ทั้งหมดเริ่มคลี่คลายลงและกำลังจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติในอีกไม่ช้า

    โย่ๆ เย้ ฮูเร่ เก่งมากๆเลย พรุ่งนี้ขอไม่เข้านะหยุดงานกันสักวันหนึ่ง เคยกินปาทังก้าไหม? ร้านปาทังก้าถัดจากที่นี่ไปสองไฟแดง...คืออะไรไม่รู้แต่ว่าอยากจะลองโทนี่พูดในขณะที่สตีฟกำลังยิ้ม

    ภารกิจยังไม่เสร็จธอร์พูดพลางก้มหน้ามองโทนี่

    งั้นเลื่อนปาทังก้าไปก่อน

    ภารกิจ...จริงด้วยสิ

     เฟลิเซียถึงบางอ้อในทันทีว่าธอร์หมายถึงสิ่งใด แม้ประตูมิติจะปิดได้แล้วและพวกชิทอรี่ที่บุกเข้ามาก็ถูกจัดการหมดแล้วแต่ก็เหลือตัวการใหญ่ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักที่พวกเขายังไม่ได้สะสาง เมื่อพักเหนื่อยและหยุดพักเพื่อหายใจกันสักพักใหญ่ๆทั้งหมดก็รีบมุ่งหน้ากลับไปยังสตาร์คทาวเวอร์ทันทีเพื่อจัดการภารกิจให้จบสิ้น

     

    Stark Tower

    ดูกันไม่ได้เลยนะพวกนายเนี่ยคลินท์

    นายก็ไม่ต่างจากพวกฉันเท่าไหร่หรอกน่าโทนี่

    หัวร้างข้างแตกกันเลยหรอเนี่ย...ไปทำอิท่าไหนมาเฟซี่?

    เรื่องมันยาวน่ะค่ะแนท

     ทั้งหมดมารวมตัวกันที่ทาวเวอร์ของโทนี่ทันทีเพราะมีจุดประสงค์เดียวกันคือจับกุมเทพแห่งคำลวงที่ถูกฮัลค์อัดติดกับพื้น โลกิค่อยๆหันหน้ามาเผชิญกับพวกเขาอย่างช้าๆในสภาพที่ไม่ต่างจากพวกเขาเสียเท่าไหร่นักแต่ก็เรียกได้ว่าหมดสภาพพอสมควรจากการที่ถูกบุรุษร่างยักษ์ผิวกายสีเขียวจับฟาดไปมา

    ถ้าเจ้ามาเพื่อสิ่งเดียวกันข้าขอดื่มก่อนสักกรึ๊บ...

     กรร!

     

     

     หลายวันให้หลังมหานครนิวยอร์กเริ่มฟื้นฟูและฟื้นตัวกลับมา เฉกเช่นเดียวกันกับพวกเขาที่พักรักษาตัวจนดีขึ้นแต่ก็ยังไม่หายดีเท่าที่ควร โทนี่นำทีมไปร้านปาทังก้าดังที่ตั้งใจเอาไว้ซึ่งก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ก็นับว่าเป็นอาหารที่พอจะกินได้ เสียงขอบคุณจากพลเรือนดังกึกก้องไปทั่วทั้งเกาะแมนแฮตตันผ่านหน้าจอโทรทัศน์กลับกันก็มีเสียงความเศร้าโศกอาลัยถึงผู้เคราะห์ร้ายและผู้บริสุทธิ์บางส่วนที่จากไปอย่างไม่มีวันหวนคืน มีการวางดอกไม้ตามจุดต่างๆเพื่อระลึกถึงผู้คนบางส่วนที่จากไป

     ดิอเวนเจอร์สชื่อกลุ่มยอดมนุษย์หรือซุปเปอร์ฮีโร่ดังกระฉ่อนเลื่องลือไปทั่วทั้งอเมริกาและในหลายๆประเทศ ประชาชนต่างชื่นชมและขอบคุณอย่างสุดซึ้งที่พวกเขาได้ช่วยชีวิตของตนเอาไว้ ในระหว่างสัปดาห์การฟื้นฟูนี้เองมีหลายท้องที่ในหลายๆรัฐและหลายๆประเทศ วาดภาพของพวกเขาบนกำแพง บ้างก็วาดลงกระดาษ บ้างก็หาไฟล์ภาพบนอินเทอร์เน็ตมาอัดใส่กรอบ และมีบางส่วนที่สกรีนเสื้อหรือหมวกทำท่าทางเลียนแบบพวกเขา บางคนคลั่งไคล้มากจนถึงขนาดสักหรือเพ็นท์รูปของพวกเขาเอาไว้บนร่างกายของตนเอง

    ขอบคุณนะคะ

    ด้วยความยินดีค่ะ

     เฟลิเซียโบกมือลาเด็กหญิงตัวน้อยที่มาพร้อมกับแม่ของเธอ ทั้งสองเอ่ยกล่าวขอบคุณและมอบของบางอย่างเล็กๆน้อยๆให้กับเธอซึ่งเป็นดอกไม้กับขนมจุกจิก ในตอนนี้ตัวทาวเวอร์กำลังอยู่ระหว่างการซ่อมแซมโทนี่ตัดสินใจที่จะตัดตัวอักษรตัวอื่นทิ้งไปให้หมด เหลือไว้เพียงแค่ตัว A ซึ่งมาจาก Avengers คราวนี้ทาวเวอร์ก็จะไม่ได้มีเพียงแค่เธอกับพ่อแม่อีกแล้ว แต่พวกเขาเองก็จะมาอยู่ร่วมชายคาทาวเวอร์เดียวกันกับเธอด้วย เฟลิเซียมีความรู้สึกว่าครอบครัวที่มีเพียงแค่สามคนพ่อแม่ลูกในตอนนี้กำลังจะขยายใหญ่ขึ้น สตีฟ คลินท์และธอร์จะเป็นพี่ชาย(แต่ถ้าอิงอายุที่ควรจะเป็นก็เป็นปู่เลยล่ะนะ)ของเธอ ส่วนบรูซก็อาจจะเป็นลุงและนาตาชาก็จะเป็นพี่สาวของเธอ

     เฟลิเซียรู้สึกแบบนั้นจริงๆ...

     ถ้าหากไม่นับคลินท์และนาตาชา เธอพึ่งจะเคยพบเจอคนอื่นๆเป็นครั้งแรกแต่กลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันในเหตุการณ์ที่จบลงไปแล้วเธอก็ยิ่งรู้สึกเหมือนความผูกพันบางอย่างเริ่มเหนียวแน่นขึ้น ทั้งเธอทั้งพวกเขาต่างคนต่างรู้สึกถูกชะตากันอย่างบอกไม่ถูกและพวกเขาก็รู้สึกเอ็นดูเธออย่างบอกไม่ถูกด้วยเช่นกัน

     รู้สึกเหมือนเธอเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวของตนเองและรู้สึกเธอเป็นคนสำคัญของชีวิตตนไปด้วยโดยปริยาย แม้ในตอนนี้พวกเขาจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเธอไม่มากและมีที่มาที่ไปไม่ชัดเจนก็ตาม ทั้งหมดมวลในตอนนี้พวกเขาก็หวังว่าจะได้รู้เรื่องของเธอและได้เรียนรู้กันและกันมากยิ่งขึ้นไปอีก ความสัมพันธ์และความผูกกันเองก็คงจะแน่นแฟ้นขึ้นด้วยเช่นกัน...ไม่ใช่แค่พวกเขาที่คิดแบบนั้นเฟลิเซียก็มีความคิดแบบเดียวกันว่าพวกเขาคือคนสำคัญในชีวิตตน แม้จะไม่ได้เกี่ยวพันกันทางสายเลือดแต่เธอก็รักพวกเขาจริงๆ และหวังว่าจะได้อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ

     ในสักวันหากมีใครจะทำลายหรือทำร้ายคนสำคัญของเธอ แน่นอนเฟลิเซียก็พร้อมที่จะปกป้องพวกเขาจากกลุ่มคนเหล่านั้น ในทางกลับกันหากมีใครคิดที่จะทำร้ายหรือทำลายเธอพวกเขาเองก็จะปกป้องเธอด้วยเหมือนกัน

     โดยเฉพาะรอยยิ้มกับความสดใสของเธอ

     พวกเขาอยากเห็นและให้มันคงอยู่กับพวกเขาแบบนี้ตลอดไป

     และเธอก็อยากจะอยู่ด้วยกันกับพวกเขาแบบนี้ตลอดไปเหมือนกัน...

    ไหนมื้อกลางวันอยากหม่ำอะไร?

    ชีสเบอร์เกอร์ค่ะ!”

    ใจตรงกันเลย สมแล้วที่เป็นลูกของพ่อ!”

    พอเลยทั้งสองคน! วันก่อนก็พึ่งจะกินกันไปเองนะ

     โทนี่ค่อยๆเดินเข้ามาหาลูกสาวตนอย่างเงียบๆหลังจากที่เธอแยกตัวจากสองแม่ลูกที่พบกันในระหว่างที่กำลังออกมาเดินเล่น เพพเพอร์ดุสองพ่อลูกเล็กน้อยเพราะเสพติดในความอร่อยของชีสเบอร์เกอร์มากจนไม่สามารถต้านทานได้และบริโภคมากเกินไปจนน่าเป็นห่วง เฟลิเซียอมยิ้มและหัวเราะเล็กน้อยรวมถึงโทนี่เองก็ด้วยเหมือนกัน เขาไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจและถูกเพพเพอร์ศอกกระทุ้งไปหนึ่งทีก่อนที่จะหัวเราะออกมา ผู้เป็นแม่และคนรักอมยิ้มอย่างอ่อนอกอ่อนใจก่อนที่จะกอดผู้เป็นลูกเล็กน้อยด้วยความโล่งใจครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจจะทราบได้ เพราะตอนที่เห็นหล่อนทีวีเธอก็เป็นห่วงแทบแย่ ยิ่งโทนี่ยิ่งแล้วใหญ่หัวใจเธอจะวายและลมแทบจับ พอสองพ่อลูกกลับมาเธอก็โอบกอดทั้งสองเอาไว้ด้วยความเป็นห่วงซึ่งตามมาด้วยการบ่นชุดใหญ่

    ตอนนี้ทุกๆคนจะทำอะไรกันอยู่นะ...

     ธอร์นำตัวโลกิกลับแอสการ์ดพร้อมกับลูกบาศก์ ระหว่างนี้สมาชิกของทีมคนอื่นๆที่เหลือต่างก็แยกย้ายกันไปเพื่อที่จะได้พักผ่อนหลังจากผ่านวันเวลาอันยาวนานที่เหนื่อยล้าจนสายตัวแทบขาด แม้ภารกิจจะจบแต่ก็ไม่ได้หมายความทีมจะถูกยุบลง ทุกๆคนยังคงเป็นอเวนเจอร์สดังเดิมเพียงแต่แยกย้ายไปทำสิ่งต่างๆหรือไปในที่ที่ของตนเองและหยุดพัก

     เฟลิเซียหวังว่าทุกคนจะกลับมารวมตัวกันในเร็วๆนี้ เธอรู้สึกว่าความสนุกกับความวุ่นวายบางอย่างอาจจะมาเยือนในเร็วๆนี้ แต่ถึงอย่างนั้นขอแค่มีพวกเขาอยู่ไม่ว่าจะพบเจอสิ่งใดเธอก็ไม่หวาดหวั่นขอเพียงแค่มีพวกเขาอยู่ด้วยกันก็เพียงพอแล้ว

     

     

     

    Avengers: Battle of New York END

     

    ----------------------------------------------------------

    จบไปแล้วค่ะกับตอนพิเศษในภาคนี้ หวังว่าจะชอบกันนะคะ!

    อีกไม่กี่วันฟิคนี้ก็จะครบรอบ 1 ปีแล้วนะคะ (เย้)

    ขอบคุณที่เดินทางมาด้วยกันจนถึงตอนจบอีกครั้งนะคะ

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×