คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #35 : Extra Chapter : Avengers: Battle of New York [3]
Avengers:
Battle of New York 3
New
York City
“นั่นมัน...”
หลังจากที่ทำการหา(ปล้น)เครื่องควินท์เจ็ทมาได้สำเร็จและตามมหาเศรษฐีในชุดเกราะเหล็กมาติดๆจนในที่สุดพวกเขาก็ถึงตัวมหานครนิวยอร์กอันเป็นเป้าหมาย
แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาช้าเกินไปและไม่ทันที่จะหยุดยั้งหรือยับยั้งเทพแห่งคำลวงได้ทัน
มีลำแสงสีฟ้าพวยพุ่งมาจากบริเวณยอดทาวเวอร์ซึ่งเป็นสตาร์คทาวเวอร์ของพ่อและแม่เธอ
เมื่อเงยหน้ามองสูงขึ้นไปบนเหนือก้อนเมฆและเหนือท้องนภาอันกว้างใหญ่ก็จะพบกับรูหนอนประตูมิติที่ถูกเปิดออก
กรร!
เสียงคำรามเล็กๆจากกองทัพสิ่งมีชีวิตต่างดาวค่อยๆออกมาจากประตูมิตินั้นด้วยพาหนะบางอย่างและพวกมันเริ่มยกอาวุธปืนทรงประหลาดของพวกมันขึ้นมา
ลำแสงสีฟ้าออกจากปากกระบอกปืนจัดการทำลายตึกราบ้านช่องรวมถึงอาคารกับสิ่งของและทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าประชาชนเริ่มตื่นตระหนกตกใจ
ที่กำลังเดินอยู่ก็รีบพากันวิ่งหนีเข้าตึกอาคารที่อยู่ใกล้ที่สุด
ส่วนที่กำลังขับขี่รถอยู่บนท้องถนนก็รีบวิ่งลงจากรถพากันวิ่งหนีกันแบบไม่คิดชีวิตและมีบางส่วนที่ล้มบาดเจ็บกับถูกลูกหลงจากเศษซากปรักหักพังหล่นใส่หรือกระเด็นใส่
“สตาร์คเราอยู่ทางขวาคุณสามนาฬิกา”
นาตาชาพูดผ่านอุปกรณ์สื่อสารที่ได้ทำการเชื่อมต่อระหว่างพวกเขาทั้งหมดเอาไว้แล้ว
เธอนั่งอยู่ในตำแหน่งข้างๆคนขับและรับหน้าที่เป็นนักบินผู้ช่วย
ส่วนคนขับหลักก็คือฮอว์กอายหนุ่ม เฟลิเซียกับสตีฟก็ยืนอยู่ข้างหลังของพวกเขาอีกทีและคอยเฝ้ามองเหตุการณ์ต่างๆผ่านจอมอนิเตอร์สลับกับหน้าต่างกระจกของควินท์เจ็ท
[“มัวหยุดแวะกินขนมจีนรึไง!?”]
“ป๊า...”
[“ล้อเล่นน่ะ...รอที่ถนนปาร์คเดี๋ยวจะล่อมันไปให้”]
แม้จะเป็นเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแต่ผู้เป็นพ่อก็ยังคงความประชดประชันในแบบของเขาเอาไว้เสมอ
เฟลิเซียมองหน้ากัปตันอเมริกาหนุ่มเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มเจื่อนๆให้กับอีกฝ่ายซึ่งได้แต่ปลงกับผู้เป็นพ่อของหล่อนและเริ่มชินกันแล้ว
“เอาล่ะ หาที่จับไว้ให้มั่นจะเริ่มซิ่งล่ะนะ”
เมื่อสิ้นคำของคลินท์แล้วเฟลิเซียค่อยๆเดินไปยังมุมที่มีราวให้เธอสามารถจับได้ตรงบริเวณผนังส่วนสตีฟก็จับราวจับที่อยู่บริเวณด้านบน
ความเร็วของควินท์เจ็ทเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวและมุ่งตรงไปยังถนนปาร์คตามที่มหาเศรษฐีเพลย์บ้านสตาร์คบอก
นาตาชากดปุ่มกลไกบางอย่างก่อนที่จะปรากฏเป็นปืนออกมาจากใต้ท้องของตัวเจ็ทนิ้วเรียวกดเข้าที่ปุ่มตรงบริเวณคันโยกเริ่มทำการกระหน่ำยิงใส่พวกชิทอรี่ที่โทนี่ได้ทำการล่อหลอกพวกมันให้ตามเขามาและลงเอยโดยการถูกยิงกำจัด
พวกมันค่อยๆร่วงหล่นลงไปยังด้านล่าง ระหว่างที่ตัวเจ็ทค่อยๆทะยานขึ้นไปยังบริเวณยอดตึกของสตาร์คทาวเวอร์พวกเขาก็กำจัดพวกชิทอรี่ไปพลางๆเมื่อถึงจุดอันเป็นที่มั่นหมายแล้วก็ปรากฏให้เห็นบุตรแห่งโอดินสองพี่น้องกำลังต่อสู้กันอยู่
“แนท”
“เห็นมันแล้ว”
ไม่ต้องให้พูดย้ำเป็นครั้งที่สองสายลับสาวสัญชาติรัสเซียกระหน่ำยิงใส่โลกิทันที
กึ่ก!
“!?”
ลำแสงเวทมนตร์สีฟ้าพุ่งออกมาจากตัวคทาของเทพแห่งคำลวง
ใบพัดของเจ็ทถูกอีกฝ่ายโจมตีใส่เข้าอย่างจังจนระเบิดและระบบเครื่องยนต์ขัดข้องทำให้ประสิทธิภาพการควบคุมการบินลดลง
ร่างบางเซไปอีกทางเล็กน้อยในตอนที่เครื่องกำลังเอนไปเอนมาและส่ายไปส่ายมา สตีฟจับตัวหล่อนเอาไว้เล็กน้อยเพราะเธออาจจะหงายหลังและกลิ้งไปชนประตูเจ็ทได้
ส่วนอีกมือหนึ่งของเขาก็จับราวจับเอาไว้ให้มั่นปีกซ้ายของยานพาหะเริ่มเกิดการเผาไหม้พร้อมกับเครื่องที่ค่อยๆร่วงหล่นคลินท์กับนาตาชาพยายามควบคุมหักเลี้ยวลัดเลาะไปยังจุดที่ไม่มีผู้คนอยู่เพื่อที่พวกเขาจะสามารถลงจอดฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัยและสร้างความเสียหายให้กับบริเวณโดยรอบให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ตู้ม!
ควินท์เจ็ทลงจอดได้อย่างปลอดภัยพร้อมกับควันสีดำโขมงตลบอบอวลไปทั่วตัวพาหนะ
เมื่อประตูเปิดออกทั้งสี่ชีวิตก็รีบวิ่งออกจากตัวเจ็ททันทีและเผยให้เห็นถึงซากปรักหักพังกับความเสียหายซึ่งเกิดจากกองทัพสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว
สถานการณ์ความวุ่นวายกับประชาชนวิ่งหนีตายยังคงอยู่ในขั้นวิกฤตและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจบางส่วนเข้ามาช่วยกันอพยพผู้คนไปยังที่ที่ปลอดภัยบ้างแล้ว
“ต้องกลับขึ้นไปบนนั้น”
กัปตันหนุ่มออกคำสั่งทั้งหมดจึงวิ่งไปยังจุดหมายปลายที่เขาชี้ทันที
เสียงผู้คนกรีดร้องยังคงดังอยู่ตลอดทางที่พวกเขาวิ่งไปแต่เมื่อวิ่งไปได้สักพักทั้งสี่ก็ต้องหยุดชะงัก
“พระเจ้า...”
เฟลิเซียอุทานและไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เสียงคำรามของอะไรบางอย่างดังกึกก้องไปทั่วทั้งอาณาบริเวณในตอนนั้นเองที่เหนือน่านฟ้าตรงบริเวณรูหนอนประตูมิติเผยให้เห็นสิ่งมีชีวิตที่เหมือนผสมความเป็นจักรกลขนาดยักษ์คล้ายสัตว์ประเภทข้อปล้อง
ส่วนหลังมีเปลือกแข็งคล้ายกับกระดองส่วนตรงสันหลังของมันเป็นเหล็กคล้ายๆหนามและจำนวนขาที่ไม่สามารถจะอนุมานหรือคาดเดาได้เลย
มันแหวกว่ายในอากาศคล้ายกับปลาที่แหวกว่ายในน้ำลงมาอย่างช้าๆและบินต่ำลงมาแต่ก็สูงพอที่จะไม่ถึงตัวพวกเขา
ตรงบริเวณข้างลำตัวของพวกมันมีพวกชิทอรี่เกาะอยู่ เมื่อเคลื่อนตัวไปจนถึงบริเวณที่เป็นตึกพวกมันก็รีบกระโดดออกมาเกาะกำแพง
กระจกหรือหน้าต่าง เมื่อเข้าถึงภายในพวกมันก็เริ่มทำการทำลายล้างทุกอย่างทันทีพร้อมกับผู้คนภายในที่รีบหาทางหนีและเอาตัวรอด
“สตาร์คเห็นนี่รึยัง”สตีฟ
[“เห็นอยู่แต่ยังไม่เชื่อสายตาเท่าไหร่
แบนเนอร์ล่ะโผล่มารึยัง?”]
“แบนเนอร์น่ะเหรอ?”
[“มาแล้วบอกด้วยล่ะ”]
ทั้งสี่ชีวิตวิ่งไปยังจุดตำแหน่งหนึ่งซึ่งเป็นจุดที่รถแท็กซี่คันสีเหลืองจอดทิ้งเอาไว้
พวกเขาใช้จุดนั้นเป็นที่กำบังและหลบซ่อนตัวชั่วขณะหนึ่งเพื่อที่จะดูลาดเลากับประเมินสถานการณ์เพื่อวางแผนว่าจะรับมือหรือทำยังไงต่อ
“ยังมีพลเรือนติดอยู่แถวนี้”คลินท์
“ข้างบนนั้น”
“นั่นโลกินี่...”
ฝูงบินของกลุ่มสิ่งมีชีวิตประหลาดจากต่างดาวบินอยู่กลางอากาศแล่นผ่านพวกเขาไป
เฟลิเซียชี้ให้ทั้งสามคนที่เหลือเห็นปรากฏเป็นร่างของเทพหนุ่มที่นั่งอยู่ที่นั่งตรงด้านหลังของยานพาหนะและมีชิทอรี่คอยบังคับการบินอยู่
ทั้งหมดมุ่งหน้าตรงดิ่งไปยังถนนสายหนึ่งที่ไกลออกไปจากจุดที่พวกเขาอยู่ไม่มากนัก พวกมันยังคงกระหน่ำยิงและทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าจนไม่เหลือชิ้นดีเกิดระเบิดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับกลุ่มควันจากระเบิดที่ตลบอบอวลไปทั่วอาณาบริเวณ
“แบบนี้ไม่รอดแน่ๆ...”
กรร!
วู่ม!
ในระหว่างที่กำลังหันไปสนใจกับภาพระเบิดตรงหน้า
พวกชิทอรี่ที่กระโดดออกมาจากสัตว์ประหลาดขนาดมาหึมาเริ่มคืบคลานเข้าหาพวกเขาและทำการใช้ปืนทรงประหลาดที่มีของมีคมคล้ายมีดติดอยู่และมีลักษณะคล้ายกับดาบปลายปืนที่สามารถจ้วงแทงได้
ร่างบางเจ้าของเกศาสีดำที่ตั้งตัวได้ก่อนหันไปเผชิญน้ากับพวกมัน
มือทั้งสองวาดขึ้นไปบนอากาศและชูมือขึ้นเหนือหัวปรากฏเป็นม่านพลังงานสีดำบางๆทำให้ลำแสงที่ถูกยิงออกมาไม่สามารถมาถึงตัวพวกเขาได้
กึ่ก!
หล่อนกระทืบเท้าลงที่พื้นมีคลื่นพลังงานสีดำออกมาจากตัวของเธอ มันวิ่งลงบนถนนเป็นเส้นตรงก่อนที่จะแตกกิ่งก้านออกคล้ายกับกิ่งไม้
ชั่วพริบตาเดียวเพียงเท่านั้นคลื่นพลังเหล่านั้นเปลี่ยนกลายเป็นหมอกควันสีดำและในหมอกสีดำนั้นก็มีเถาวัลย์หนามพวยพุ่งออกมาจากพื้นถนนจัดการแทงทะลุร่างชิทอรี่บางส่วน
บางส่วนก็จัดการรัดพันธนาการพวกมันเอาไว้ก่อนที่จะเหวี่ยงออกไปให้พ้นทางและถูกเธอทุ่มลงกับพื้นเข้าอย่างจัง
ปัง!
ปัง!
“เหมือนจะได้เวลาปล่อยของแล้วล่ะนะ”นาตาชามองเฟลิเซียพลางหันกลับมามองสตีฟ
“พวกเรายันให้นายไปเถอะพวกเราไหว”
“คิดว่าเอาอยู่ไหม?”
“ด้วยความมันมืออย่างยิ่งเลย”
เมื่อทั้งสองพูดจบสตีฟก็แยกตัวออกไปทันที เหยี่ยวหนุ่มจัดการยิงลูกธนูใส่ศัตรูที่อยู่ตรงเบื้องหน้าพร้อมด้วยนาตาชาที่จัดการใช้ปืนกล็อกคู่ใจของตนยิงสกัดและกำจัดพวกชิทอรี่ที่กำลังค่อยๆพากันเข้ามาปะทะกับพวกเขา
ฝ่ามือของเฟลิเซียปรากฏเป็นคลื่นพลังงานผสมกับควันสีดำสนิทเธอจัดการดึงพลังของตนออกมาและซัดพลังนั้นใส่เหล่าชิทอรี่อย่างรุนแรงพอสมควรจนพวกมันกระเด็นกันออกไปอีกทาง
มือทั้งสองวาดไปบนอากาศอีกครั้งรากไม้ยักษ์พวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นจัดการตรึงร่างของพวกมันเอาไว้ก่อนที่เธอจะทุ่มพวกมันลงพื้นอย่างไม่ปราณี
“ไม่เป็นไรนะคะพวกเรามาช่วยแล้ว”
เฟลิเซียวิ่งตรงไปยังจุดที่มีคนติดอยู่ภายในรถตู้ตรงบริเวณใกล้เคียง
สองมือวาดลวดลายบางอย่างไปบนอากาศเถาวัลย์กับเถาไม้เลื้อยจัดการงัดประตูรถออกผู้คนที่ติดอยู่ค่อยๆทยอยพากันออกมาอย่างช้าๆ
ตัวของพวกเขานั้นสั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัวเพราะไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีเหตุการณ์อะไรแบบนี้
ลึกๆในใจพวกเขาก็คิดว่าตัวเองอาจจะไม่รอดแล้วเสียด้วยซ้ำและคิดว่าโลกอาจจะถึงกาลอวสานแล้วก็เป็นได้
“ทางนี้ค่ะ”
แต่ทันทีที่พวกเขาเห็นเธอจากใบหน้าที่หวาดกลัวและสิ้นหวังก็พอยิ้มขึ้นมาได้บ้างเล็กน้อย
พวกเขารู้สึกว่าตนเองยังพอมีความหวังทั้งหมดกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปยังทิศทางที่เด็กสาวบ้านสตาร์คได้นำทางพวกเขาไปทันทีและในระหว่างทางเธอก็ใช้พลังตนคอยปัดซากปักหักพังที่ทลายลงมาเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาโดนลูกหลงไปด้วย
กรร!
ฉึก!
“เกือบไปแล้วไหมล่ะ”คลินท์พูดพลางหยิบธนูออกมาจากกระบอกที่เขาสะพายไว้
“ขอบคุณค่ะ”
“ด้วยความยินดี”นาตาชาพูดพลางควงอาวุธปืนของพวกมัน
ระหว่างที่เธอกำลังอพยพผู้คนอยู่นั้นเองเฟลิเซียไม่ได้ระวังหลังของตนให้ดี
จึงเป็นช่องว่างเปิดโอกาสให้กับพวกมันได้เป็นอย่างดี มีชิทอรี่สองสามตัวกำลังจะโจมตีใส่เธอจากด้านหลังแต่เคราะห์ดีที่คลินท์เห็นเสียก่อนเขายิงลูกธนูปักที่หน้าหนึ่งในสามของพวกมัน
ส่วนนาตาชาใช้อาวุธปืนของพวกมันที่เธอแย่งมาได้จัดการยิงใส่พวกมันที่เหลือ
“ฝากด้วยนะคะ”
“เฮ้!
แล้วนั่นเธอจะไปไหนน่ะ! ตรงนั้นมันอันตะ- เฮ้ย!”
“ตอนนี้รีบอพยพพลเรือนไปที่ที่ปลอดภัยก่อนเถอะค่ะ”
“ขะ-เข้าใจแล้ว! เฮ้! เรียกเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาด่วน ขอกำลังเสริมด้วยยังมีประชาชนยังติดอยู่ที่นี่อีกเยอะเลยทราบแล้วเปลี่ยนด้วย”
เมื่อจัดการอพยพผู้คนออกไปยังจุดปลอดภัยได้แล้วและเจ้าหน้าที่ตำรวจรับช่วงต่อ
ระหว่างที่เขากำลังถามไถ่ด้วยความสงสัย เขาก็ต้องตกตะลึงและตะลึงงันไปชั่วขณะเมื่อเธอได้แสดงบางสิ่งบางอย่างให้เขาได้เห็นและเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
มือซ้ายวาดไปบนอากาศปรากฏกลุ่มควันสีดำปรากฏขึ้นบนพื้นพร้อมกับกลุ่มเถาวัลย์ที่ผสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียวพร้อมกับโจมตีใส่เหล่าชิทอรี่ที่ลอยอยู่เหนือพวกเขาและจัดการเหวี่ยงพวกมันไปชนกับพวกที่กำลังบินอยู่จนกระเด็นกันไปคนละทิศคนละทาง
ส่วนมือขวาก็ยกขึ้นเหนือหัวปรากฏเป็นเกราะพลังงานสีดำบางๆปกป้องผู้คนไม่ให้ถูกพวกมันที่เหลือโจมตีใส่ก่อนที่เธอจะจัดการเหวี่ยงคลื่นพลังนั้นใส่พวกมันให้ไกลออกไปและพ้นบริเวณที่พวกเขาอยู่
ครื้น!
เฟลิเซียวิ่งกลับมายังจุดที่นาตาชาและคลินท์อยู่
ร่างบางยกมือทั้งสองข้างของตนที่มีพลังเวทมนตร์หมุนเวียนอยู่ที่ข้อมือหมายจะจัดการพวกชิทอรี่ที่เหลือแต่ก็มีสายฟ้าพิฆาตที่ผ่าเปรี้ยงลงมาจัดการฆ่าสังหารพวกมันก่อนที่เธอจะได้ลงมือ
เทพสายฟ้าบุตรแห่งโอดินปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับค้อนโยเนียร์คู่ใจของเขา
“ธอร์!”เธอร้องขึ้น
กรร!
วู่ม!
“ข้าว่าแล้วว่าเจ้าต้องไม่ใช่เด็กธรรมดา”
คลื่นเวทมนตร์สีดำผ่านหน้าเขาไปเล็กน้อยเนื่องจากมีชิทอรี่กำลังจะโจมตีใส่เขา
แต่เฟลิเซียไวกว่าเธอจึงจัดการดึงพลังของเธอออกมาและชิงโจมตีก่อนที่อีกฝ่ายจะมีโอกาสได้โจมตีใส่
“ข้างบนเป็นยังไงบ้าง?”สตีฟที่กลับมารวมตัวแล้วถามขึ้น
“ไม่อาจเจาะสนามพลังที่หุ้มลูกบาศก์ได้”
[“ถูกของธอร์เราต้องสู้กับพวกนี้…ไหวไหมเฟซี่?”] โทนี่พูดผ่านอุปกรณ์สื่อสาร
“ยังไหวค่ะป๊า”
“เราจะสู้ยังไง?”นาตาชา
“สู้แบบทีม”สตีฟ
“ข้ายังต้องสะสางกับโลกิ”
“เหรอ? คิวยาวนะ”คลินท์พูดและจัดการลูกธนูของตนเองไปพลาง
“ไว้ก่อน”สตีฟตัดบทเขา
“โลกิพุ่งเป้าสุดฤทธิ์มาที่เราซึ่งดีแล้ว...ขาดโลกิพวกนี้จะแตกแถว
สตาร์คอยู่ข้างบนแต่เขาต้องให้พวกเรา...”
แต่ระหว่างที่กัปตันหนุ่มกำลังพูดอยู่นั้นเองก็มีเสียงรถจักรยานยนต์ดังขึ้นทำให้การพูดคุยหยุดชะงักลงไปชั่วขณะทั้งหมดให้ความสนใจกับแขกที่มาใหม่และไม่ใช่ใครอื่นบรูซดับเครื่องยนต์พลางลงจากรถ
พวกเขาจึงหยุดการสนทนานี้ลงพร้อมกับไปยืนรวมตัวกันตรงจุดที่เขาจอดรถจักรยานยนต์ทันที
“โห...สถานการณ์ดูเลวร้ายมาก”บรูซพูดขึ้น
“ตอนนั้นเลวร้ายกว่านี้”นาตาชาตอบเขา
“ขอโทษ...”
“เปล่า...แต่มัน...น่าจะเป็นประโยชน์ได้”เธอยิ้มเล็กน้อย
“ไม่คิดว่าจะได้เห็นเธอที่นี่นะ”
เมื่อพยักหน้าให้นาตาชาเสร็จสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นคนที่อายุน้อยที่สุดเพียงหนึ่งเดียวเข้า
เป็นไปดั่งที่โทนี่ได้บอกเขาเอาไว้ว่าเธอไม่มีชุดเกราะแบบผู้เป็นพ่อจนกระทั่งเขาได้เห็นเธอจัดการชิทอรี่เมื่อหลายนาทีก่อนหน้านี้จากที่ไกลๆ
จากข้อสงสัยที่มีอยู่ในที่สุดเขาก็ได้รับคำตอบแล้วว่าเด็กสาวนั้นซ่อนพลังแฝงบางอย่างเอาไว้
มันอาจจะเป็นเรื่องแปลกที่ชวนให้น่าทึ่งและอยู่เหนือกฏเกณฑ์ที่วิทยาศาสตร์จะสามารถอธิบายได้บวกกับไม่น่าเป็นไปได้
แต่การมีอยู่จริงของเทพเจ้าในเรื่องเล่าปกรณัมนอร์สกับมนุษย์ต่างดาวที่บุกโลกนั้นมีอยู่จริง
ดังนั้น....
ในตอนนี้อะไรๆก็สามารถเป็นไปได้แล้วแหละ
“สตาร์ค เขาโผล่มาแล้ว”
[“แบนเนอร์หรอ?”]
“คุณพูดไม่ผิด”
[“งั้นบอกเขาแต่งตัวเลย เดี๋ยวจะพาความมันไปให้”]
สิ้นประโยคที่ผู้เป็นพ่อพูดเขาก็ปรากฏตัวขึ้นทันทีพร้อมสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาที่พวกเขาได้พบในตอนแรก
ธอร์กำค้อนโยเนียร์ในมือของตนเอาไว้ให้แน่นพร้อมกับคนอื่นๆที่ตั้งท่าเตรียมพร้อมรับมือคราวนี้มันเริ่มบินต่ำจนเกือบจะติดกับพื้นถนนขาของมันเริ่มกวาดรถกับต้นไม้ที่อยู่ตรงเกาะกลางถนน
เริ่มมีฝุ่นควันตลบอบอวลและสิ่งของเริ่มกระจุยกระจายไปกันคนละทิศคนละทาง
“ฉันนึกไม่ออกว่าจะมันกันอิท่าไหน”
“หนูก็นึกไม่ออกเหมือนกันค่ะแนท”
“ดร.แบนเนอร์…ถึงฤกษ์งามยามดีอย่างยิ่งที่คุณจะโกรธ”สตีฟพูดกับอีกฝ่าย
“นี่แหละความลับผมล่ะ”เขาพูดในขณะที่กำลังเดินหน้าไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่กำลังมุ่งตรงมายังพวกเขา
“ผมโกรธเมื่อไหร่ก็ได้”
เมื่อเขาพูดจบแล้วร่างกายของเขาก็แปรสภาพและเปลี่ยนไปทันทีอย่างฉับพลัน
ฮัลค์ปรากฏกายขึ้นก่อนที่จะหยุดสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวขนาดมหึมาเอาไว้ได้ด้วยมือเปล่าเพียงแค่มือเดียว
“จับไว้!”
โทนี่ยิงกระสุนมิดไซด์ขนาดเล็กใส่ทันทีเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวและกำจัดมันทิ้ง
ระหว่างที่ตัวของมันกำลังระเบิดอยู่นั้นเฟลิเซียยกมือขึ้นเหนือหัวตนเอง สองมือใช้พลังเวทมนตร์ผสานสร้างโล่พลังงานขนาดย่อมครอบคลุมปกป้องและป้องกันเธอกับพวกเขาจากเศษซากบางอย่างจากตัวมันกับลูกหลงที่อาจจะกระเด็นมาโดนพวกเขาได้
เมื่อการระเบิดสิ้นสุดโล่พลังนั้นก็ค่อยๆหายไปร่างบางลดมือลงให้อยู่ในระดับเดียวกันกับหัวไหล่ในตอนนี้มีคลื่นพลังงานสีดำกับควันสีดำลอยอยู่รอบๆตัวเธอเล็กน้อย
ร่างบางค่อยๆถอยหลังไปยืนรวมกลุ่มกับพวกเขาที่ตั้งท่าเตรียมพร้อมรับศึกที่กำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้งในอีกไม่กี่อึดใจ
กรร!!!!!!
กรร!!!!!!!
ฮัลค์เป็นฝ่ายคำรามก่อนพร้อมเสียงโห่ร้องผสานของพวกชิทอรี่ที่ดังขึ้นตามมาและดังไปทั่วทั้งบริเวณและดังขึ้นทั่วทุกพื้นที่ที่พวกมันอยู่
ไม่ว่าจะเป็นที่ตึกอาคารหรือที่พื้นเบื้องล่างราวกับว่าเป็นสัญญาณโต้กลับว่าพวกมันก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับพวกเขาและไม่แม้แต่จะหวาดกลัวหรือย่ำเกรงพวกเขาเสียด้วยซ้ำ
“ส่งที่เหลือเข้ามา”
โลกิที่นั่งอยู่บนยาพาหนะของชิทอรี่ตัวหนึ่งออกคำสั่ง
ดวงเนตรสีเขียวจดจ้องไปยังกลุ่มคนเบื้องล่างซึ่งก็ไม่ใช่กลุ่มใดอื่นโดยเฉพาะเด็กสาวที่ได้พบกับเขาในตอนที่เขาถูกจับอยู่บนยานเหาะก่อนหน้านี้
เขายอมรับว่าทึ่งจริงๆที่ได้เห็นพลังที่แฝงซ่อนอยู่ในตัวของหล่อนเพราะเขาไม่คิดว่าจะมีชาวมิดการ์ดที่สามารถใช้พลังเวทมนตร์ได้
ก็ยกเว้นเสียแต่ว่าเจ้าหล่อนไม่ใช่มนุษย์แต่อาจจะเป็นเผ่าพันธุ์อื่นที่แอบแฝงและอาศัยอยู่ในดินแดนมิดการ์ดแห่งนี้
ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอยู่แล้วแต่ก็ต้องยอมรับว่าหล่อนเป็นคนที่น่าสนใจไม่น้อยเหมือนกันและเป็นสตรีผู้หาญกล้า
กล่าวคือกล้าที่กวนโอ้ยกับกวนประสาทเขาจบงานนี้เมื่อไหร่และถ้าเขาได้รับชัยชนะเขาจะฉีกหล่อนเป็นชิ้นๆแน่นอน
“สหาย”
นาตาชาเรียกทั้งหมดจึงเงยหน้ามองไปยังจุดเดียวกันกับที่เธอมอง
เหนือน่านฟ้าตรงประตูมิติแสดงให้เห็นพวกมันที่ยังคงพากันบุกเข้ามาอย่างไม่ขาดสายที่เด่นเป็นสง่าก็คงหนีไม่พ้นสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์แบบเดียวกับตัวที่ฮัลค์พึ่งจะล้มมันไปก่อนหน้านี้
“เอาเลยกัปตัน”โทนี่เปิดประเด็น
“เอาล่ะฟังนะ...ถ้ายังปิดประตูไม่ได้เราต้องจำกัดบริเวณ
บาร์ตันขึ้นไปยอดตึกรายงานกำลังมันว่าตรงไหนกองรบกองโจร สตาร์คคุณคุมพื้นที่ตัวไหนออกนอกเขตสามช่วงตึกถ้าไม่ไล่กลับมาก็ฆ่าเลย”
“ไปส่งได้ไหม?”
“ได้ เกาะให้แน่นๆล่ะเลโกลัส”เมื่อพูดจบพ่อของเธอก็ทะยานขึ้นข้างบนไปพร้อมกับไปส่งคลินท์ที่ยอดตึก
“ธอร์ หาทางลดพื้นที่ปากประตูชะลอการผ่าน
คุณมีสายฟ้าจัดต้อนรับมันเลย”
ร่างแกร่งพยักหน้าก่อนที่เขาจะควงและเหวี่ยงโยเนียร์พาตนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไปทำในสิ่งที่ตนได้รับมอบหมายทันที
“คุณกับผมอยู่พื้นราบดึงการต่อสู้ไว้ที่นี่
ฮัลค์...”
“!?”
“อัดให้แหลก!”
เมื่อสิ้นคำสั่งของกัปตันอเมริกาหนุ่มร่างกำยำแสยะยิ้มราวกับชอบใจในสิ่งที่ตนเองได้รับมอบหมาย
เขาจัดการกระโดดสูงไปยังตึกที่อยู่ตรงหน้าทันทีก่อนที่จะจัดการอัดพวกชิทอรี่อย่างเมามันและไม่มีปราณี
“ส่วนเธอ...เฟซี่”
“คะสตีฟ?”
“มีไม้เด็ดอะไรงัดออกมาใช้ให้หมด”
“รับทราบค่ะ”
“ระวังตัวด้วยล่ะ”
เฟลิเซียใช้พลังส่งตัวเองไปยังอีกทิศทางหนึ่งทันที
เถาวัลย์หนามค่อยๆจัดการสังหารและพันธนาการร่างของพวกมันหล่อนจับเหวี่ยงพวกมันไปคนละทิศคนละทางกับบางตัวที่ถูกเธอจับเหวี่ยงขึ้นเหนือหัวลอยไปในอากาศชนพวกมันที่กำลังบินอยู่ร่วงหล่นลงมาบ้างก็มี
กรร!
สองมือประสานกันเล็กน้อยเถาวัลย์พวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นจัดการพันธนาการร่างของพวกมันเอาไว้
ร่างบางค่อยๆยกร่างของพวกมันขึ้นเหนือพื้นอย่างช้าๆและกำลังจะจัดการเหวี่ยงไปอีกทางกับจับพวกมันทุ่มลงกับพื้น
“Sh*t!”
แต่ไม่รู้ว่าเพราะบังเอิญหรือโชคชะตากลั่นแกล้งในระหว่างที่กำลังจะเหวี่ยงพวกมันอยู่นั้น
เธอก็ดันพลาดท่าหงายหลังลงไปนอนกับพื้นเสียก่อนพร้อมกับอุทานขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจและองศาการเหวี่ยงพวกมันก็เปลี่ยนด้วยเช่นกัน
เธอปิดปากตนเองทันทีเพราะรู้ตัวว่าคำอุทานที่เธอได้อุทานออกไปนั้นเป็นคำหยาบ
ตลอดการใช้ชีวิตในฐานะลูกสาวบ้านสตาร์คเธอไม่เคยพูดคำหยาบให้เขา
เพพเพอร์หรือแฮปปี้ได้ยินเลยสักครั้ง
พื้นฐานแล้วเฟลิเซียไม่ใช่เด็กหยาบคายและไม่ใช่เด็กพูดจาไม่ไพเราะอยู่แล้วแต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่รู้จักคำหยาบ
‘จะให้ป๊ากับคุณแม่รู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด’เธอคิดในใจและเคราะห์ดีที่เธอได้กดเปิดอุปกรณ์สื่อสารค้างเอาไว้
เพราะไม่เช่นนั้นคงจะได้ยินกันทั้งหมดแน่ๆ
ร่างของพวกมันร่วงหล่นลงกับพื้นและหลุดออกจากพันธนาการทันทีเฟลิเซียค่อยๆลุกขึ้นนั่งและลูบหลังปอยๆด้วยความเจ็บ
แต่เหนือสิ่งอื่นใดเหมือนเธอจะได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากพวกมันเล็กน้อยราวกับว่าที่เธอพลาดท่าล้มเป็นเรื่องที่น่าตลกขบขัน
เฟลิเซียไม่รู้ว่าเธอควรจะโกรธหรือเวทนาตัวเองดีที่มาพลาดท่าล้มแบบนี้
กรร!
“!?”
แต่พอตั้งตัวได้ก็เหมือนพวกมันไม่แม้แต่จะให้โอกาสเธอได้โจมตีกลับใส่พวกมันในทันที
ลำแสงออกจากปากกระบอกปืนพร้อมกับร่างบางที่รีบก้มตัวหลบ และกลิ้งตัวหาที่กำบังใช้พลังตนโจมตีใส่เพื่อเป็นการโต้กลับ
“Oh sh*t!”
และเป็นอีกครั้งที่เธออุทานคำหยาบออกมาด้วยความตกใจเพราะจู่ๆก็มีลำแสงสีฟ้าตัดผ่านหน้าเธอไปอีกครั้งแบบเฉี่ยวๆ
ร่างบางยกมือปิดปากตนเองอีกครั้งทันทีก่อนที่จะหันไปมองพวกมันและยิ้มให้เล็กน้อย
“ถือว่า...เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างพวกเรานะคะ”
“!?”
ตู้ม!
“อย่าได้พบเจอกันอีกเลย”
แค่ชั่วพริบตาเดียวเพียงเท่านั้นระหว่างที่พวกมันบางส่วนยังตลกขบขันกับท่าทีของมนุษย์สาวชาวโลกอยู่โดยที่ไม่ทันได้ระวังตัว
กลุ่มก้อนพลังงานและกลุ่มควันสีดำทมิฬได้ปรากฏขึ้นที่มือทั้งสองข้างของหล่อนเฟลิเซียดึงพลังของตนออกมาประมาณหนึ่งก่อนที่จะซัดพวกมันกระเด็นไปขึ้นเหนือเธอไปชนกับพวกเดียวกันเองจนร่วงลงมาและถูกเถาวัลย์หนามแทงกับฟาดซ้ำอย่างน่าสยดสยอง
[“เอ่อ...ดูเหมือนว่าระเบิดเมื่อกี้
Miss เฟลิเซียจะเป็นคนทำนะครับเจ้านาย”]
“แน่นอน...ลูกก็ต้องเก่งเหมือนพ่อเป็นธรรมดาแหละนะจาร์วิส”]
[“นี่ไม่ใช่เวลามาอวยลูกสาวนะครับเจ้านาย!”] AI หนุ่มเอ่ยอย่างเอือมๆ
[“เฟซี่!
มาช่วยทางนี้หน่อย”]
“กำลังจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ!”
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ไรท์มาต่อแล้วค่ะ
เย้
มาดึกเช่นเคย
ไรท์พึ่งหายป่วยค่ะก็เลยมาอัพช้าไปนิดนึง
TT
ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะเข้าหน้าหนาวแล้ว
ตอนหน้าอาจจะเป็นตอนสุดท้ายของ
Battle
of New York แล้วนะคะ
แล้วเจอกันค่ะ!
ความคิดเห็น