คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : Extra Chapter : Avengers: Battle of New York [2]
Avengers:
Battle of New York 2
เหตุความวุ่นวายทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไวมากจนไม่มีใครทันได้ตั้งตัว
แต่ก็ยังดีที่ต่างคนต่างยังพอมีสติประมวลผลกับประเมินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทันจึงยังพอรับมือกันได้บ้าง
แต่ถึงอย่างนั้นก็เกิดความเสียหายขึ้นภายในตัวยานเหาะอยู่ดีแม้มูลค่าความเสียหายอาจจะมหาศาลมันก็คงไม่เทียบเท่ากับชีวิตของผู้คนบนยานที่ถูกคร่าหรือพรากเอาไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
ไม่ว่าจะชีวิตของนักบินหรือเจ้าหน้าที่ภายในยานไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรูแต่ทั้งหมดทั้งมวลแล้วทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นเจ้าหน้าที่ของชีลด์ด้วยกันทั้งนั้น
เพียงแต่มีเหตุและปัจจัยบางอย่างที่ทำให้พวกเขาต้องหันปืนหันอาวุธเข้าหาพวกพ้องด้วยกันอง
[“โคลสันโดนเข้าแล้ว”]
[“จะส่งหน่วยพยาบาลไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”]
[“มาแล้ว...แต่ไม่ทัน”]
เสียงประกาศจากผู้นำสูงสุดของชีลด์ดังขึ้นผ่านอุปกรณ์สื่อสาร มาเรีย
นาตาชา โทนี่ สตีฟ เฟลิเซียและคนอื่นๆรับรู้โดยทั่วกันวินาทีนั้นเหมือนทุกคนหยุดหายไปใจกันชั่วขณะหนึ่งและรู้สึกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง
โคลสัน ฟิล
เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตในเหตุความวุ่นวายที่เกิดขึ้นแม้ผู้บัญชาการสูงสุดพยายามที่จะพูดเพื่อให้เขาประคองสติเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเพื่อรอรับการรักษา
แต่ท้ายที่สุดความเหนื่อยล้ากับพิษบาดแผลซึ่งเกิดจากการถูกแทงเข้าที่จุดสำคัญก็เอาชนะเขาเสียชีวิตในเวลาต่อมาสร้างความหดหู่ใจให้กับพวกเขาได้ไม่น้อยเช่นกัน
โดยเฉพาะสตีฟซึ่งเป็นบุคคลที่อีกฝ่ายนั้นชื่นชอบและเป็นแฟนตัวยง เขาสะสมและเก็บการ์ดกัปตันอเมริกามากมายหลายสำรับแต่น่าเสียดายที่การ์ดเหล่านั้นยังไม่มีแม้แต่ลายเซ็นจากตัวจริงเสียงจริงเลยแม้แต่ใบเดียว
นี่เป็นการพบกันครั้งแรกอย่างเป็นทางการและก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ไร้ซึ่งคำบอกลาใดๆ
ไม่มีใครเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนว่าจะมีเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้เกิดขึ้น มีน้ำตาที่เอ่อคลอออกมาจากดวงเนตรสีน้ำตาลเข้มเล็กน้อยเนื่องจากโคลสันก็เป็นคนที่เธอคุ้นหน้าคุ้นตาและเคยพบปะกันบ้างเป็นครั้งคราว
แม้จะไม่ได้มีความผูกพันอะไรกันมากแต่จู่ๆก็มาด่วนจากไปโดยที่ยังไม่ทันได้ร่ำลาจะรู้สึกเศร้าก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“...”
เมื่อเห็นผู้เป็นลูกเศร้าขึ้นมาร่างแกร่งในชุดเกราะที่ตอนนี้เต็มไปด้วยร่องรอยขีดข่วนมากมายค่อยๆเดินเข้าไปหาลูกสาวตนอย่างช้าๆ
มือแกร่งบีบไหล่เธอเล็กน้อยเพื่อเป็นการปลอบก่อนที่เธอจะหันมาทางเขาพลางยิ้มให้กับเขาเล็กน้อยเพื่อการบอกเขาว่าเธอไม่เป็นไร
เมื่อเหตุความวุ่นวายก่อนหน้าจบลงในตอนนี้ทุกอย่างตกลงสู่ความเงียบงันและกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
สตีฟและโทนี่นั่งลงที่โต๊ะประชุมภายในห้องที่พวกเขาพบปะคนอื่นในตอนแรกที่มา
เฟลิเซียนั่งอยู่ตรงขั้นบันไดที่เชื่อมต่อระหว่างข้างบนไปยังด้านล่างในตอนนี้เธอถอดเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์ที่สวมทับออกจึงเผยให้เห็นเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวและผูกแจ็คเก็ตเอาไว้ที่เอว
ยักษ์เขียวที่อยู่ภายในตัวของบรูซถูกปลุกขึ้นซึ่งเป็นไปดั่งแผนที่เทพแห่งคำลวงได้วางเอาไว้ทั้งหมด
ฮัลค์ที่ตื่นขึ้นหายไปพร้อมกับเครื่องบินลำหนึ่งที่เข้าโจมตีเพื่อยับยั้งไม่ให้เขาสร้างความเสียหายให้กับยานไปมากกว่านี้
ไม่มีใครพบเห็นธอร์ส่วนโลกิที่ถูกคุมตัวก็หลบหนีออกจากที่แห่งนี้พร้อมกับเอาคฑาของเขานั้นออกไปด้วยได้สำเร็จ
“เจอนี่ในแจ็คเก็ตของโคลสัน”
“…”
“เหมือนเขายังไม่ทันให้คุณได้เซ้นต์”
แกร่ก!
สำรับการ์ดสะสมถูกโยนลงบนโต๊ะกระจก ดวงเนตรสีฟ้าจับจ้องไปยังการ์ดหลายๆใบที่กระจายอยู่บนโต๊ะ
แต่ที่สะดุดตาก็คงหนีไม่พ้นใบที่ชุ่มไปด้วยเลือดซึ่งยังไม่แห้งดีและมีเลือดติดเยอะกว่าใบไหนๆ
มือแกร่งค่อยๆบรรจงหยิบการ์ดใบนั้นขึ้นมาอย่างช้าๆพร้อมกับร่างบางที่ค่อยๆหันมามองเล็กน้อย
“งานนี้ตายกลางอากาศ ระบบสื่อสารพิกัดตำแหน่งลูกบาศก์
แบนเนอร์ ธอร์ ที่ว่ามาหายหมด...ผมก็เสียตาดีๆไปอีกหนึ่งหรือมันอาจจะสมแล้ว”ร่างสูงผิวสียิ้มที่มุมปากเล็กน้อยราวกับเวทนาในตัวเขาเอง
“…”
“ใช่...เรามีโครงการจะสร้างปืนพิฆาตโดยใช้เทสเซอแรคต์
ผมไม่ได้แทงเบอร์นี้หมดหน้าตักเพราะใจลุ้นจะแทงเบอร์ที่เสี่ยงยิ่งกว่า
เป็นแนวคิดเก่า...สตาร์ครู้เรื่องนี้”
เด็กสาวบ้านสตาร์คค่อยๆลุกขึ้นยืนและหันไปมองผู้เป็นพ่อเล็กน้อย
แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาพร้อมกับฟังสิ่งที่นิค ฟิวรี่ พูดต่ออย่างเงียบๆ
“มันชื่อแผนรวมทีมอเวนเจอร์ส...แนวคิดคือการระดมพลกลุ่มบุคคลที่มีความพิเศษในตัว
เผื่อเขาจะเป็นอะไรได้มากกว่านั้น เผื่อเขาสามารถผนึกกำลังร่วมมือกันในยามวิกฤตออกศึกในสงครามที่เราไม่เคยรบได้”
ชายผิวสีผู้มีผ้าปิดตาค่อยๆเดินไปหยุดอยู่ระหว่างกัปตันอเมริกาและบุรุษเจ้าของชุดเกราะเหล็ก
ดวงเนตรของเขาค่อยๆมองไปยังเด็กสาวที่กำลังค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ๆด้วยเช่นกัน กลุ่มบุคคลที่มีความพิเศษแน่นอนว่าเธอเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มบุคคลเหล่านั้น
เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ร่างสูงเองก็คาดหวังว่าเธอก็จะมาเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมแต่แน่นอนว่าก็ต้องถูกปัดตกไป
เนื่องจากเธอยังเด็กเกินไปและโทนี่เล็งเห็นว่าไม่อยากให้เธอต้องลงมาเสี่ยงกับเหตุที่มันไม่คาดฝันทั้งนี้ทั้งนั้นเขาอยากให้เธอได้ใช้ช่วงชีวิตวัยรุ่นแบบเด็กปกติทั่วไปอย่างสงบสุขมากกว่าชีวิตที่อาจจะมีความวุ่นวายให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน
คนที่รู้เกี่ยวกับพลังของเธอถ้าไม่นับเขาก็มี เพพเพอร์ แฮปปี้ นาตาชา
คลินท์ ฟิวรี่ มาเรียและคนล่าสุดที่ได้รู้ได้เห็นก็คือสตีฟ เฟลิเซียไม่ค่อยใช้พลังของตนเท่าไหร่นักถ้าหากไม่จำเป็นและแทบจะไม่ใช้ให้ใครได้เห็น
สำหรับเขายิ่งรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเพราะเขาเป็นห่วงและเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัย
เนื่องจากเขาไม่รู้ที่มาที่ไปที่แน่ชัดว่าเธอมาจากไหนจากผลตรวจที่ตัวเธอมีแต่ร่องรอยการถูกฉีดยาก็หนีไม่พ้นหัวข้อการถูกทดลอง
เพื่อความปลอดภัยเขาจึงได้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับและเขียนข้อมูลเกี่ยวกับตัวเธอขึ้นใหม่ทั้งหมด
การไปโรงเรียนผู้คนบางส่วนก็จะเริ่มรู้กันบ้างแล้วว่าเธอคือลูกสาวของเขา ไม่ว่าจะรู้จากการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเธอบนโลกอินเทอร์เน็ต
หรือจากภาพที่เขาไปรับไปส่งเธอที่โรงเรียนมันก็เป็นคำตอบที่ชัดเจน ซึ่งเขาอยากให้ผู้คนค่อยๆรู้ถึงการมีอยู่ของเธอกันไปแบบเงียบๆและโชคดีที่โรงเรียนที่เขาได้เลือกสรรมาให้เธอผู้คนไม่ได้ตื่นตระหนกหรือกระโตกกระตากกันเสียเท่าไหร่
ในอนาคตเขาเองก็วางแผนเอาไว้เหมือนกันว่าสักวันเขาจะเปิดตัวเธออย่างเป็นทางการ
พาเธอออกงานหรือออกอีเว้นท์บางอย่างในฐานะลูกสาวของเขา
แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเขาและความพร้อมกับความต้องการของเธอด้วยเช่นกัน
หากเธออยากให้มันเป็นไปแบบนี้เรื่อยๆเขาก็จะปล่อยให้มันเป็นไปดั่งที่เธอต้องการ
“ฟิล โคลสันจากไปโดยที่ยังศรัทธาในแนวคิดนี้”
“…”
“ในยอดมนุษย์”
“…”
“ก็เป็นแค่...ความฝันเชยๆเฉิ่มๆ”
ก่อนที่เจ้าของยานเหาะจะได้พูดจบลงร่างแกร่งเจ้าของชุดเกราะเหล็กลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางครุ่นคิดอะไรบางอย่างก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากห้องไป
เมื่อเห็นดังนั้นผู้เป็นลูกจึงค่อยๆเดินตามผู้เป็นพ่อออกไปอย่างเงียบๆทำให้บรรยากาศภายในห้องตกลงสู่ความเงียบอีกครั้ง
“ป๊า...”
“ตอนนี้ป๊าขออยู่คนเดียวเงียบๆก่อนพักหนึ่ง
นี่ป๊าไม่ได้ดุหนูนะเฟซี่คือน้ำเสียงป๊ามันดูเหมือนโกรธ...แต่ป๊า”
“ไม่เป็นไรค่ะป๊า...หนูเข้าใจ”
“ขอบใจนะเฟซี่”
เมื่อปลีกตัวแยกออกมาเขาก็ตรงมายังห้องที่ใช้คุมขังเทพแห่งคำลวงเอาไว้และมันยังเป็นจุดเกิดเหตุที่โคลสันเสียชีวิต
เฟลิเซียเดินตามผู้เป็นพ่อมาอย่างเงียบๆเพราะต้องการตรวจสอบให้แน่ใจว่าพ่อเธอไม่เป็นไร
แต่เมื่อได้คำตอบจากเขาเช่นนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกเป็นห่วงแต่ก็เข้าใจว่าเขาต้องการอยู่กับตัวเองคนเดียวเงียบๆซึ่งเธอก็ค่อนข้างจะชินแล้ว
ทุกครั้งที่เป็นแบบนี้ก็พอจะอนุมานได้ว่าเขาอาจจะกำลังมีแผนหรืออาจจะกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างอยู่
“จบเรื่องนี้เมื่อไหร่...ป๊าสัญญาว่าจะพาไปเที่ยวเพื่อเป็นการชดเชย
ขอโทษนะที่ป๊าพามา...”
“อันที่จริงมันไม่ใช่ความผิดป๊าเลยนะคะ”เธอตัดบทเขาก่อนที่จะอมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“หนูต่างหากที่เป็นฝ่ายแอบตามป๊ามาดังนั้นป๊าไม่ต้องขอโทษหนูหรอกค่ะ”
รอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอเมื่อเห็นดังนั้นเขาก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้เช่นกัน
แม้สถานการณ์ในตอนนี้มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
และมีชีวิตผู้คนเป็นเดิมพันแต่อย่างน้อยๆในบรรยากาศอึมครึมเช่นนี้ก็ยังคงพอมีแสงสว่างความสดใสน้อยๆให้เขาได้รู้สึกว่ายังพอมีหนทางแก้ไขหรือพลิกผันสถานการณ์อันน่าหดหู่ใจนี้
“อืม...จริงด้วยสิ งั้นก็ถือว่าหนูมีความผิดต้องอดกินชีสเบอร์เกอร์เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์”
โทนี่พูดติดตลกแต่ในความเป็นจริงแล้วเขาคงทำแบบนั้นกับลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตนไม่ลง
สองพ่อลูกกอดกันเล็กน้อยอย่างน้อยๆมันก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเยอะท่ามกลางความตึงเครียดกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนี้
“นี่เฟซี่”
“คะป๊า?”
“ถ้าเกิดว่าแผนรวมทีมอเวนเจอร์สที่ฟิวรี่ว่ามานั่นกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา
แล้วฟิวรี่ขอให้ลูกเข้าร่วมด้วยลูกจะตกลงหรือปฏิเสธคำชวนของฟิวรี่?”เขาถามในขณะที่คลายกอดจากเธอ
“ตอบตกลงค่ะ”
“ง่ายๆแบบนั้นเลย?”
“ใช่ค่ะ”
“แล้วถ้าป๊าห้ามไม่ให้เข้าร่วมล่ะจะยังตอบตกลงอยู่ไหม?”
“ต่อให้ป๊ามาห้ามยังไง...หนูก็ยังยืนยันคำตอบเดิมอยู่ดี หนูเองก็อยากจะเป็นเหมือนกับป๊าอยากจะเป็นซุปเปอร์ฮีโร่เหมือนกับทุกๆคน”
“ซุปเปอร์ฮีโร่? ทุกๆคน”
“ใช่ค่ะป๊าซุปเปอร์ฮีโร่
ก็อย่างที่คุณฟิวรี่บอกว่าแนวคิดคือการระดมพลกลุ่มบุคคลที่มีความพิเศษในตัว
เผื่อเขาจะเป็นอะไรได้มากกว่านั้น ถ้าจะนิยามว่าทุกๆคนคือซุปเปอร์ฮีโร่ก็คงไม่เกินเลย ถึงหนูจะไม่ได้เก่งกาจหรือมากด้วยความสามารถเหมือนกับคนอื่นๆแต่หนูก็อยากจะช่วยเหลือผู้คนจัดการพวกคนไม่ดี
อยากจะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคน”
ร่างแกร่งทึ่งในคำตอบที่ลูกสาวของตนได้เอื้อนเอ่ยออกมา
ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้นแต่คนที่เดินตามมาทีหลังและยืนพิงผนังอยู่ก็อึ้งในคำตอบที่เด็กสาวตอบไม่ต่างกัน
นี่ก็คงเป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้วว่าความรู้สึกที่ว่าถูกชะตาคือเขาไม่ได้รู้สึกไปเอง
“แล้ว...ลูกพร้อมที่จะให้คนอื่นๆได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของตัวเองแล้วใช่ไหม?
แบบว่า...เรื่องจะให้เปิดตัวว่าหนูคือลูกป๊าอันนั้นก็อีกเรื่องหนึ่งเพราะป๊าพร้อมที่จะให้คนอื่นๆได้รู้แล้วว่าป๊ามีลูกสาวที่น่ารักขนาดไหน
แต่ที่ป๊าหมายถึงก็คือเรื่องพลังที่หนูมี...อันนี้ป๊าสมมติเฉยๆนะ
ถ้าเกิดว่ามีคนไม่ชอบหนูขึ้นมาเหมือนที่มีคนบางกลุ่มไม่ชอบป๊าหนูจะทำยังไง?
ชีวิตที่เคยเงียบสงบที่ผ่านมาอาจจะมีผู้คนถามคำถามมากมายให้ไม่เว้นแต่ละวันเลยก็ได้นะ”
“มีคนที่ชอบก็ต้องมีคนที่ไม่ชอบเป็นธรรมดานั่นแหละค่ะป๊า...แน่นอนว่าต่อให้ในสักวันจะมีผู้คนรังเกียจหรือไม่ชอบในตัวหนู
หนูก็จะไม่ละทิ้งอุดมการณ์ของหนูแน่นอน! หนูจะช่วยเหลือพวกเขาแบบไม่แบ่งแยก...แล้วก็หนูน่ะนะ...อยากจะเป็นหนึ่งในอเวนเจอร์สที่เก่งไม่แพ้ใครเหมือนกัน
แต่ถ้าถามหนูว่าพร้อมไหมกับสิ่งที่กำลังจะตามมา...ไม่ว่าจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นหนูก็พร้อมที่ยอมรับและเผชิญหน้ากับมันค่ะป๊า”
ปณิธานและความปรารถนาอันแรงกล้าถูกเอื้อนเอ่ยออกมาจากเด็กสาววัย16ปี
จะเรียกว่าเธอมีความคิดและวุฒิภาวะเฉกเช่นดังผู้ใหญ่ก็คงจะไม่เกินเลย สำหรับโทนี่แล้วเขารู้สึกว่าความคิดของเธอนั้นโตมากพอสมควรเมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกันกับเธอ
ความกังวลของเขาเกี่ยวกับชีวิตส่วนของเธอที่มีมาโดยตลอดมลายหายไปทันทีเมื่อได้รับคำตอบและการยืนยันจากปากของเธอเอง
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงยึดมั่นความคิดที่ว่าเธอจะต้องได้ใช้ชีวิตปกติแบบเด็กวัยรุ่นทั่วไปอย่างที่ควรจะเป็นอยู่ดี
ต่อให้นับจากนี้ไปอาจจะวุ่นวายยังไงเขาก็จะยังหาวิถีหรือหนทางให้เธอได้ใช้ชีวิตแบบปกติสุขให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
จากคำตอบของเธอสตีฟนึกถึงใครคนหนึ่งซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นเลย
เขานึกถึงเพ็กกี้แม้อาจจะคนละบริบทกันก็ตามแต่คำตอบจากเธอที่มันดูห้าวหาญพอๆกับบุรุษหรืออาจจะยิ่งกว่า
มันทำให้เขานึกถึงเธอขึ้นมาจริงๆ มันไม่ใช่คำตอบที่ดูเสแสร้งหากเมื่อฟังจากน้ำเสียงและมองเข้าไปในแววตาของเธอแล้ว
มันคือคำตอบที่มาจากใจของเธอจริงๆซึ่งเขาก็ยอมรับในความแกร่งกล้าเกินเด็กของเธอเสียจริงๆ
อาจจะด้วยเหตุนี้ด้วยที่ทำให้โทนี่เป็นห่วงและค่อนข้างจะห่วงแหนเธอพอสมควร
กลับกันโทนี่เองก็ภูมิใจในตัวหล่อนไม่น้อยด้วยเช่นกันซึ่งถ้าหากสตีฟเป็นผู้ปกครองของเธอก็คงภาคภูมิใจไม่ต่างกัน
เหมือนพลังงานบวกที่แผ่ออกมาจากเธอทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายไปด้วยจากที่กำลังครุ่นคิดบางอย่างและตรึงเครียดไม่ต่างไปจากโทนี่
“หนูว่าหนูขอตัวก่อนดีกว่า...เผื่อผู้ใหญ่สองคนอยากจะคุยกัน
หนูจะไปดูแนทกับคลินท์ด้วยน่ะค่ะ”
“หืม...โอเค แล้วเจอกัน”
“แล้วเจอกันค่ะป๊า
แล้วเจอกันค่ะคุณโรเจอร์”
“สตีฟ”
“คะ?”
“เรียกฉันว่าสตีฟ”
กัปตันอเมริกาหนุ่มยิ้มให้กับเธอเล็กน้อย
เฟลิเซียพยักหน้ารับและยิ้มให้กับเขาเล็กน้อยก่อนที่จะเดินออกไปและมุ่งหน้าไปยังห้องอันเป็นเป้าหมายซึ่งมีบุคคลที่เธอนั้นพูดถึงอยู่ทันที
“เป็นเด็กที่สดใสจริงๆเลยนะ...ทั้งๆที่สถานการณ์แบบนี้ก็ยังยิ้มได้”
“แหงอยู่แล้ว...ก็ลูกสาวฉันน่ะนะมันก็ช่วยไม่ได้ไง
ไงล่ะอิจฉาใช่ไหมล่ะ?”
“โทนี่...”
“โอเค โอเค”
เขายกมือขึ้นเพื่อเป็นการบอกว่าขอยกธงขาวยอมแพ้และไม่ต้องการที่จะต่อล้อต่อเถียงใดๆกับเขาอีกแล้ว
“ดูแล้วเหมือนจะผ่านอะไรมาเยอะเลยสินะ”
“นี่นายดักฟังตอนที่ฉันพูดกับดร.แบนเนอร์งั้นหรอ?”
“จะเรียกว่าดักฟังก็ไม่ถูก...ฉันแค่บังเอิญเดินมาในจังหวะที่นายกับดร.แบนเนอร์กำลังพูดถึงเธออยู่ต่างหาก”
“จ้า...เชื่อจ้ะ”โทนี่ตอบอย่างประชดประชัน
[ห้องพักของชีลด์]
ครืด
“บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าคะแนท?”
“มีแผลถลอกนิดๆหน่อยๆแต่แค่นี้สบายมาก
เธอไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม?”
“ไม่ค่ะแนท...หนูไม่เป็นไรค่ะ”
“เฟซี่”
“คลินท์!”
เจ้าของฉายาเหยี่ยวฮอว์กอายเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนู
เขาพึ่งจะฟื้นเมื่อหลายสิบนาทีก่อนหน้านี้ทันทีที่เขาได้ยินเสียงเธอเขาก็รีบเดินออกมาทันทีด้วยความประหลาดใจ
เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอเธอบนยานเหาะแห่งนี้เนื่องจากนาตาชาและเขารู้ดีเรื่องที่โทนี่เป็นห่วงเธอมากจนเป็นกังวลและไม่ยอมให้เธอเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือเสี่ยงอันตรายแบบนี้แน่นอน
“ฉัน...ไม่ได้เผลอทำร้ายเธอใช่ไหม?”
“ไม่ค่ะคลินท์”เธอยิ้มให้กับเขาก่อนที่จะเดินไปยืนข้างๆสายลับสาวสัญชาติรัสเซีย
ในเรื่องวุ่นวายและมีเรื่องชวนให้หดหู่ก็ยังมีเรื่องดีๆเกิดขึ้น
นาตาชาได้สหายคนสนิทของตนคืนแต่ก็ทำเอาเธอเหนื่อยจนหืดขึ้นคอด้วยเช่นกัน
แต่เพื่อที่จะหยุดยั้งเขาเอาไว้เธอจึงไม่มีทางเลือก
“แล้วลมอะไรพัดมากันล่ะเนี่ย?”
“เรื่องมันยาวน่ะค่ะ”
“หวังว่าคงจะไม่ได้...ทำอะไรแผลงๆแบบที่แนทสอนหรอกนะ”
“เฮ้
ทำไมถึงพูดเหมือนว่าร้ายฉันแบบนั้นล่ะ?”
“ก็เธอเป็นสายลับ...อีกอย่างฉันจำได้ว่าเธอสอนกลเม็ดอะไรง่ายๆให้กับเฟซี่ด้วย
ก็แค่กลัวว่าเธอจะสอนให้เฟซี่ทำอะไรแผลงๆแบบที่สายลับเขาทำกันแค่นั้นเอง”
“เห็นแบบนี้ฉันก็สอนแค่ที่จำเป็นจริงๆนะ
ไม่งั้นโทนี่เล่นฉันแน่”
“ถามจริง”
“ก็จริงน่ะสิ...เนอะ?”
“จริงค่ะคลินท์”
“เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย...ดื้อเงียบนะ”
“หนูก็ดื้อเหมือนป๊า/ดื้อเหมือนโทนี่นั่นแหละ”
‘ไม่เข้ากันนี่สิจะแปลกใจมาก’ คลินท์คิดในใจ
นาตาชาอมยิ้มพร้อมกับโอบไหล่แขนพาดบ่า
ร่างบางโอบเอวและกอดเธอเล็กน้อยพร้อมกับอมยิ้มไม่ต่างกันส่วนคลินท์ก็ทำหน้าเอือมปนอมยิ้มพลางส่ายหน้าส่ายหัวให้กับทั้งสองที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
ในตอนแรกสีหน้าของสายลับรัสเซียสาวค่อนข้างจะเป็นกังวลแต่พอเธอเข้ามามันก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาดพิลึก
เธอนึกถึงวันที่ตนได้พบกับเด็กสาวเป็นครั้งแรกก็เมื่อสองปีที่แล้วนาตาชาถูกชะตากับเธออย่างบอกไม่ถูกเช่นเดียวกันกับสตีฟ
แม้จะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆที่ได้พูดคุยกันเธอก็รู้สึกว่าตนเองได้รับพลังงานบวกและความอบอุ่นมาจากเธอมหาศาลเหมือนกัน
ส่วนคลินท์เองก็ถูกชะตาไม่ต่างจากคนอื่นๆแม้จะได้พบเธอแบบนับครั้งได้ก็ตาม ในตอนนั้นสัดส่วนและส่วนสูงของเธอยังคงดูเป็นเด็กกว่าในตอนนี้เด็กสาวในวัย16
สำหรับนาตาชาแล้วเฟลิเซียก็ถือว่าจัดอยู่ในกลุ่มเด็กที่โตไวจนน่าใจหายเหมือนกัน
เรื่องการสอนศิลปะการป้องกันตัวและการใช้ปืนเธอก็สอนไปเพียงแค่พื้นฐานให้ป้องกันตัวได้และใช้ปืนเป็น
เฟลิเซียเป็นเด็กที่ค่อนข้างจะฉลาดเธอเรียนรู้ได้เร็วแม้จะเป็นเพียงแค่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆก็ตาม
ครืด
“ไปกันได้แล้ว”
เป็นสตีฟที่เดินเข้ามาพร้อมกับตัวเขาที่เปลี่ยนสวมใส่ชุดกัปตันอเมริกาตัวเก่งของเขาแบบเต็มยศ
เป็นสัญญาณบอกว่าเขาเตรียมพร้อมที่จะออกไปเผชิญหน้ากับศึกที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้แล้วหลังจากที่เขาและโทนี่คาดเดากับอ่านเกมของเทพแห่งคำลวงออก
“ไปไหน?”นาตาชาและเฟลิเซียค่อยๆคลายแขนออกจากกันและกัน
“ไว้บอกระหว่างทาง...ขับเจ็ทของชีลด์ได้ไหม?”
“ผมขับได้”คลินท์ตอบ
“มีชุดเก่งไหม?”
“มี”
“จัดเต็มเลย...ส่วนเธอ…เฟซี่”
“คะ?”
“เตรียมตัวให้พร้อมแล้วมาด้วยกัน”
“อ๊ะ...ค่ะสตีฟ!”
----------------------------------------------------------------------------
มาต่อแล้วค่ะเย้
จริงๆยัยน้องก็ดื้อ/แอบแสบ
นั่นแหละค่ะ (ฮา)
โทนี่ไม่ได้เครียดเดี่ยว
มัมหมีก็กุมขมับด้วยค่ะ (ฮา)
อาจจะวกขายความสดใสของน้อง/ความสัมพันธ์ของน้องกับตัวละคร
เยอะไปหน่อยหวังว่าจะไม่เบื่อกันนะคะ
TT
ถึงเราจะได้เห็นหรือรับรู้กันตั้งแต่ช่วงหลังภาคหนึ่งแล้ว
ไรท์ก็อยากลงรายละเอียดอีกสักนิด
ซึ่งอาจจะดูวกวนไปสักนิด
ก็ต้องขออภัยกราบอภัยมา
ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ
ไว้จะรีบมาต่อนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น