ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic avengers x OC] She is our 'Family' [END]

    ลำดับตอนที่ #34 : Extra Chapter : Avengers: Battle of New York [2]

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ย. 64


    Avengers: Battle of New York 2

     

     

     เหตุความวุ่นวายทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไวมากจนไม่มีใครทันได้ตั้งตัว แต่ก็ยังดีที่ต่างคนต่างยังพอมีสติประมวลผลกับประเมินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทันจึงยังพอรับมือกันได้บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็เกิดความเสียหายขึ้นภายในตัวยานเหาะอยู่ดีแม้มูลค่าความเสียหายอาจจะมหาศาลมันก็คงไม่เทียบเท่ากับชีวิตของผู้คนบนยานที่ถูกคร่าหรือพรากเอาไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ไม่ว่าจะชีวิตของนักบินหรือเจ้าหน้าที่ภายในยานไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรูแต่ทั้งหมดทั้งมวลแล้วทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นเจ้าหน้าที่ของชีลด์ด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่มีเหตุและปัจจัยบางอย่างที่ทำให้พวกเขาต้องหันปืนหันอาวุธเข้าหาพวกพ้องด้วยกันอง

    [“โคลสันโดนเข้าแล้ว”]

    [“จะส่งหน่วยพยาบาลไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”]

    [“มาแล้ว...แต่ไม่ทัน”]

     เสียงประกาศจากผู้นำสูงสุดของชีลด์ดังขึ้นผ่านอุปกรณ์สื่อสาร มาเรีย นาตาชา โทนี่ สตีฟ เฟลิเซียและคนอื่นๆรับรู้โดยทั่วกันวินาทีนั้นเหมือนทุกคนหยุดหายไปใจกันชั่วขณะหนึ่งและรู้สึกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง โคลสัน ฟิล เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตในเหตุความวุ่นวายที่เกิดขึ้นแม้ผู้บัญชาการสูงสุดพยายามที่จะพูดเพื่อให้เขาประคองสติเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเพื่อรอรับการรักษา แต่ท้ายที่สุดความเหนื่อยล้ากับพิษบาดแผลซึ่งเกิดจากการถูกแทงเข้าที่จุดสำคัญก็เอาชนะเขาเสียชีวิตในเวลาต่อมาสร้างความหดหู่ใจให้กับพวกเขาได้ไม่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะสตีฟซึ่งเป็นบุคคลที่อีกฝ่ายนั้นชื่นชอบและเป็นแฟนตัวยง เขาสะสมและเก็บการ์ดกัปตันอเมริกามากมายหลายสำรับแต่น่าเสียดายที่การ์ดเหล่านั้นยังไม่มีแม้แต่ลายเซ็นจากตัวจริงเสียงจริงเลยแม้แต่ใบเดียว นี่เป็นการพบกันครั้งแรกอย่างเป็นทางการและก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ไร้ซึ่งคำบอกลาใดๆ ไม่มีใครเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนว่าจะมีเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้เกิดขึ้น มีน้ำตาที่เอ่อคลอออกมาจากดวงเนตรสีน้ำตาลเข้มเล็กน้อยเนื่องจากโคลสันก็เป็นคนที่เธอคุ้นหน้าคุ้นตาและเคยพบปะกันบ้างเป็นครั้งคราว แม้จะไม่ได้มีความผูกพันอะไรกันมากแต่จู่ๆก็มาด่วนจากไปโดยที่ยังไม่ทันได้ร่ำลาจะรู้สึกเศร้าก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

    ...

     เมื่อเห็นผู้เป็นลูกเศร้าขึ้นมาร่างแกร่งในชุดเกราะที่ตอนนี้เต็มไปด้วยร่องรอยขีดข่วนมากมายค่อยๆเดินเข้าไปหาลูกสาวตนอย่างช้าๆ มือแกร่งบีบไหล่เธอเล็กน้อยเพื่อเป็นการปลอบก่อนที่เธอจะหันมาทางเขาพลางยิ้มให้กับเขาเล็กน้อยเพื่อการบอกเขาว่าเธอไม่เป็นไร

     เมื่อเหตุความวุ่นวายก่อนหน้าจบลงในตอนนี้ทุกอย่างตกลงสู่ความเงียบงันและกลับเข้าสู่สภาวะปกติ สตีฟและโทนี่นั่งลงที่โต๊ะประชุมภายในห้องที่พวกเขาพบปะคนอื่นในตอนแรกที่มา เฟลิเซียนั่งอยู่ตรงขั้นบันไดที่เชื่อมต่อระหว่างข้างบนไปยังด้านล่างในตอนนี้เธอถอดเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์ที่สวมทับออกจึงเผยให้เห็นเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวและผูกแจ็คเก็ตเอาไว้ที่เอว ยักษ์เขียวที่อยู่ภายในตัวของบรูซถูกปลุกขึ้นซึ่งเป็นไปดั่งแผนที่เทพแห่งคำลวงได้วางเอาไว้ทั้งหมด ฮัลค์ที่ตื่นขึ้นหายไปพร้อมกับเครื่องบินลำหนึ่งที่เข้าโจมตีเพื่อยับยั้งไม่ให้เขาสร้างความเสียหายให้กับยานไปมากกว่านี้ ไม่มีใครพบเห็นธอร์ส่วนโลกิที่ถูกคุมตัวก็หลบหนีออกจากที่แห่งนี้พร้อมกับเอาคฑาของเขานั้นออกไปด้วยได้สำเร็จ

    เจอนี่ในแจ็คเก็ตของโคลสัน

    “…”

    เหมือนเขายังไม่ทันให้คุณได้เซ้นต์

     แกร่ก!

     สำรับการ์ดสะสมถูกโยนลงบนโต๊ะกระจก ดวงเนตรสีฟ้าจับจ้องไปยังการ์ดหลายๆใบที่กระจายอยู่บนโต๊ะ แต่ที่สะดุดตาก็คงหนีไม่พ้นใบที่ชุ่มไปด้วยเลือดซึ่งยังไม่แห้งดีและมีเลือดติดเยอะกว่าใบไหนๆ มือแกร่งค่อยๆบรรจงหยิบการ์ดใบนั้นขึ้นมาอย่างช้าๆพร้อมกับร่างบางที่ค่อยๆหันมามองเล็กน้อย

    งานนี้ตายกลางอากาศ ระบบสื่อสารพิกัดตำแหน่งลูกบาศก์ แบนเนอร์ ธอร์ ที่ว่ามาหายหมด...ผมก็เสียตาดีๆไปอีกหนึ่งหรือมันอาจจะสมแล้วร่างสูงผิวสียิ้มที่มุมปากเล็กน้อยราวกับเวทนาในตัวเขาเอง

    “…”

    ใช่...เรามีโครงการจะสร้างปืนพิฆาตโดยใช้เทสเซอแรคต์ ผมไม่ได้แทงเบอร์นี้หมดหน้าตักเพราะใจลุ้นจะแทงเบอร์ที่เสี่ยงยิ่งกว่า เป็นแนวคิดเก่า...สตาร์ครู้เรื่องนี้

     เด็กสาวบ้านสตาร์คค่อยๆลุกขึ้นยืนและหันไปมองผู้เป็นพ่อเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาพร้อมกับฟังสิ่งที่นิค ฟิวรี่ พูดต่ออย่างเงียบๆ

    มันชื่อแผนรวมทีมอเวนเจอร์ส...แนวคิดคือการระดมพลกลุ่มบุคคลที่มีความพิเศษในตัว เผื่อเขาจะเป็นอะไรได้มากกว่านั้น เผื่อเขาสามารถผนึกกำลังร่วมมือกันในยามวิกฤตออกศึกในสงครามที่เราไม่เคยรบได้

     ชายผิวสีผู้มีผ้าปิดตาค่อยๆเดินไปหยุดอยู่ระหว่างกัปตันอเมริกาและบุรุษเจ้าของชุดเกราะเหล็ก ดวงเนตรของเขาค่อยๆมองไปยังเด็กสาวที่กำลังค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ๆด้วยเช่นกัน กลุ่มบุคคลที่มีความพิเศษแน่นอนว่าเธอเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มบุคคลเหล่านั้น เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ร่างสูงเองก็คาดหวังว่าเธอก็จะมาเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมแต่แน่นอนว่าก็ต้องถูกปัดตกไป เนื่องจากเธอยังเด็กเกินไปและโทนี่เล็งเห็นว่าไม่อยากให้เธอต้องลงมาเสี่ยงกับเหตุที่มันไม่คาดฝันทั้งนี้ทั้งนั้นเขาอยากให้เธอได้ใช้ช่วงชีวิตวัยรุ่นแบบเด็กปกติทั่วไปอย่างสงบสุขมากกว่าชีวิตที่อาจจะมีความวุ่นวายให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน คนที่รู้เกี่ยวกับพลังของเธอถ้าไม่นับเขาก็มี เพพเพอร์ แฮปปี้ นาตาชา คลินท์ ฟิวรี่ มาเรียและคนล่าสุดที่ได้รู้ได้เห็นก็คือสตีฟ เฟลิเซียไม่ค่อยใช้พลังของตนเท่าไหร่นักถ้าหากไม่จำเป็นและแทบจะไม่ใช้ให้ใครได้เห็น สำหรับเขายิ่งรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเพราะเขาเป็นห่วงและเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากเขาไม่รู้ที่มาที่ไปที่แน่ชัดว่าเธอมาจากไหนจากผลตรวจที่ตัวเธอมีแต่ร่องรอยการถูกฉีดยาก็หนีไม่พ้นหัวข้อการถูกทดลอง เพื่อความปลอดภัยเขาจึงได้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับและเขียนข้อมูลเกี่ยวกับตัวเธอขึ้นใหม่ทั้งหมด การไปโรงเรียนผู้คนบางส่วนก็จะเริ่มรู้กันบ้างแล้วว่าเธอคือลูกสาวของเขา ไม่ว่าจะรู้จากการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเธอบนโลกอินเทอร์เน็ต หรือจากภาพที่เขาไปรับไปส่งเธอที่โรงเรียนมันก็เป็นคำตอบที่ชัดเจน ซึ่งเขาอยากให้ผู้คนค่อยๆรู้ถึงการมีอยู่ของเธอกันไปแบบเงียบๆและโชคดีที่โรงเรียนที่เขาได้เลือกสรรมาให้เธอผู้คนไม่ได้ตื่นตระหนกหรือกระโตกกระตากกันเสียเท่าไหร่

     ในอนาคตเขาเองก็วางแผนเอาไว้เหมือนกันว่าสักวันเขาจะเปิดตัวเธออย่างเป็นทางการ  พาเธอออกงานหรือออกอีเว้นท์บางอย่างในฐานะลูกสาวของเขา แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเขาและความพร้อมกับความต้องการของเธอด้วยเช่นกัน หากเธออยากให้มันเป็นไปแบบนี้เรื่อยๆเขาก็จะปล่อยให้มันเป็นไปดั่งที่เธอต้องการ

    ฟิล โคลสันจากไปโดยที่ยังศรัทธาในแนวคิดนี้

    “…”

    ในยอดมนุษย์

    “…”

    ก็เป็นแค่...ความฝันเชยๆเฉิ่มๆ

     ก่อนที่เจ้าของยานเหาะจะได้พูดจบลงร่างแกร่งเจ้าของชุดเกราะเหล็กลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางครุ่นคิดอะไรบางอย่างก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากห้องไป เมื่อเห็นดังนั้นผู้เป็นลูกจึงค่อยๆเดินตามผู้เป็นพ่อออกไปอย่างเงียบๆทำให้บรรยากาศภายในห้องตกลงสู่ความเงียบอีกครั้ง

    ป๊า...

    ตอนนี้ป๊าขออยู่คนเดียวเงียบๆก่อนพักหนึ่ง นี่ป๊าไม่ได้ดุหนูนะเฟซี่คือน้ำเสียงป๊ามันดูเหมือนโกรธ...แต่ป๊า

    ไม่เป็นไรค่ะป๊า...หนูเข้าใจ

    ขอบใจนะเฟซี่

     เมื่อปลีกตัวแยกออกมาเขาก็ตรงมายังห้องที่ใช้คุมขังเทพแห่งคำลวงเอาไว้และมันยังเป็นจุดเกิดเหตุที่โคลสันเสียชีวิต เฟลิเซียเดินตามผู้เป็นพ่อมาอย่างเงียบๆเพราะต้องการตรวจสอบให้แน่ใจว่าพ่อเธอไม่เป็นไร แต่เมื่อได้คำตอบจากเขาเช่นนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกเป็นห่วงแต่ก็เข้าใจว่าเขาต้องการอยู่กับตัวเองคนเดียวเงียบๆซึ่งเธอก็ค่อนข้างจะชินแล้ว ทุกครั้งที่เป็นแบบนี้ก็พอจะอนุมานได้ว่าเขาอาจจะกำลังมีแผนหรืออาจจะกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างอยู่

    จบเรื่องนี้เมื่อไหร่...ป๊าสัญญาว่าจะพาไปเที่ยวเพื่อเป็นการชดเชย ขอโทษนะที่ป๊าพามา...

    อันที่จริงมันไม่ใช่ความผิดป๊าเลยนะคะเธอตัดบทเขาก่อนที่จะอมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย

    หนูต่างหากที่เป็นฝ่ายแอบตามป๊ามาดังนั้นป๊าไม่ต้องขอโทษหนูหรอกค่ะ

     รอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอเมื่อเห็นดังนั้นเขาก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้เช่นกัน แม้สถานการณ์ในตอนนี้มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย และมีชีวิตผู้คนเป็นเดิมพันแต่อย่างน้อยๆในบรรยากาศอึมครึมเช่นนี้ก็ยังคงพอมีแสงสว่างความสดใสน้อยๆให้เขาได้รู้สึกว่ายังพอมีหนทางแก้ไขหรือพลิกผันสถานการณ์อันน่าหดหู่ใจนี้

    อืม...จริงด้วยสิ งั้นก็ถือว่าหนูมีความผิดต้องอดกินชีสเบอร์เกอร์เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์

     โทนี่พูดติดตลกแต่ในความเป็นจริงแล้วเขาคงทำแบบนั้นกับลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตนไม่ลง สองพ่อลูกกอดกันเล็กน้อยอย่างน้อยๆมันก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเยอะท่ามกลางความตึงเครียดกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนี้

    นี่เฟซี่

    คะป๊า?

    ถ้าเกิดว่าแผนรวมทีมอเวนเจอร์สที่ฟิวรี่ว่ามานั่นกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา แล้วฟิวรี่ขอให้ลูกเข้าร่วมด้วยลูกจะตกลงหรือปฏิเสธคำชวนของฟิวรี่?เขาถามในขณะที่คลายกอดจากเธอ

    ตอบตกลงค่ะ

    ง่ายๆแบบนั้นเลย?

    ใช่ค่ะ

    แล้วถ้าป๊าห้ามไม่ให้เข้าร่วมล่ะจะยังตอบตกลงอยู่ไหม?

    ต่อให้ป๊ามาห้ามยังไง...หนูก็ยังยืนยันคำตอบเดิมอยู่ดี หนูเองก็อยากจะเป็นเหมือนกับป๊าอยากจะเป็นซุปเปอร์ฮีโร่เหมือนกับทุกๆคน

    ซุปเปอร์ฮีโร่? ทุกๆคน

    ใช่ค่ะป๊าซุปเปอร์ฮีโร่ ก็อย่างที่คุณฟิวรี่บอกว่าแนวคิดคือการระดมพลกลุ่มบุคคลที่มีความพิเศษในตัว เผื่อเขาจะเป็นอะไรได้มากกว่านั้น ถ้าจะนิยามว่าทุกๆคนคือซุปเปอร์ฮีโร่ก็คงไม่เกินเลย ถึงหนูจะไม่ได้เก่งกาจหรือมากด้วยความสามารถเหมือนกับคนอื่นๆแต่หนูก็อยากจะช่วยเหลือผู้คนจัดการพวกคนไม่ดี อยากจะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคน

     ร่างแกร่งทึ่งในคำตอบที่ลูกสาวของตนได้เอื้อนเอ่ยออกมา ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้นแต่คนที่เดินตามมาทีหลังและยืนพิงผนังอยู่ก็อึ้งในคำตอบที่เด็กสาวตอบไม่ต่างกัน นี่ก็คงเป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้วว่าความรู้สึกที่ว่าถูกชะตาคือเขาไม่ได้รู้สึกไปเอง

    แล้ว...ลูกพร้อมที่จะให้คนอื่นๆได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของตัวเองแล้วใช่ไหม? แบบว่า...เรื่องจะให้เปิดตัวว่าหนูคือลูกป๊าอันนั้นก็อีกเรื่องหนึ่งเพราะป๊าพร้อมที่จะให้คนอื่นๆได้รู้แล้วว่าป๊ามีลูกสาวที่น่ารักขนาดไหน แต่ที่ป๊าหมายถึงก็คือเรื่องพลังที่หนูมี...อันนี้ป๊าสมมติเฉยๆนะ ถ้าเกิดว่ามีคนไม่ชอบหนูขึ้นมาเหมือนที่มีคนบางกลุ่มไม่ชอบป๊าหนูจะทำยังไง? ชีวิตที่เคยเงียบสงบที่ผ่านมาอาจจะมีผู้คนถามคำถามมากมายให้ไม่เว้นแต่ละวันเลยก็ได้นะ

    มีคนที่ชอบก็ต้องมีคนที่ไม่ชอบเป็นธรรมดานั่นแหละค่ะป๊า...แน่นอนว่าต่อให้ในสักวันจะมีผู้คนรังเกียจหรือไม่ชอบในตัวหนู หนูก็จะไม่ละทิ้งอุดมการณ์ของหนูแน่นอน! หนูจะช่วยเหลือพวกเขาแบบไม่แบ่งแยก...แล้วก็หนูน่ะนะ...อยากจะเป็นหนึ่งในอเวนเจอร์สที่เก่งไม่แพ้ใครเหมือนกัน แต่ถ้าถามหนูว่าพร้อมไหมกับสิ่งที่กำลังจะตามมา...ไม่ว่าจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นหนูก็พร้อมที่ยอมรับและเผชิญหน้ากับมันค่ะป๊า

     ปณิธานและความปรารถนาอันแรงกล้าถูกเอื้อนเอ่ยออกมาจากเด็กสาววัย16ปี จะเรียกว่าเธอมีความคิดและวุฒิภาวะเฉกเช่นดังผู้ใหญ่ก็คงจะไม่เกินเลย สำหรับโทนี่แล้วเขารู้สึกว่าความคิดของเธอนั้นโตมากพอสมควรเมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกันกับเธอ ความกังวลของเขาเกี่ยวกับชีวิตส่วนของเธอที่มีมาโดยตลอดมลายหายไปทันทีเมื่อได้รับคำตอบและการยืนยันจากปากของเธอเอง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงยึดมั่นความคิดที่ว่าเธอจะต้องได้ใช้ชีวิตปกติแบบเด็กวัยรุ่นทั่วไปอย่างที่ควรจะเป็นอยู่ดี ต่อให้นับจากนี้ไปอาจจะวุ่นวายยังไงเขาก็จะยังหาวิถีหรือหนทางให้เธอได้ใช้ชีวิตแบบปกติสุขให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

     จากคำตอบของเธอสตีฟนึกถึงใครคนหนึ่งซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นเลย เขานึกถึงเพ็กกี้แม้อาจจะคนละบริบทกันก็ตามแต่คำตอบจากเธอที่มันดูห้าวหาญพอๆกับบุรุษหรืออาจจะยิ่งกว่า มันทำให้เขานึกถึงเธอขึ้นมาจริงๆ มันไม่ใช่คำตอบที่ดูเสแสร้งหากเมื่อฟังจากน้ำเสียงและมองเข้าไปในแววตาของเธอแล้ว มันคือคำตอบที่มาจากใจของเธอจริงๆซึ่งเขาก็ยอมรับในความแกร่งกล้าเกินเด็กของเธอเสียจริงๆ อาจจะด้วยเหตุนี้ด้วยที่ทำให้โทนี่เป็นห่วงและค่อนข้างจะห่วงแหนเธอพอสมควร กลับกันโทนี่เองก็ภูมิใจในตัวหล่อนไม่น้อยด้วยเช่นกันซึ่งถ้าหากสตีฟเป็นผู้ปกครองของเธอก็คงภาคภูมิใจไม่ต่างกัน เหมือนพลังงานบวกที่แผ่ออกมาจากเธอทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายไปด้วยจากที่กำลังครุ่นคิดบางอย่างและตรึงเครียดไม่ต่างไปจากโทนี่

    หนูว่าหนูขอตัวก่อนดีกว่า...เผื่อผู้ใหญ่สองคนอยากจะคุยกัน หนูจะไปดูแนทกับคลินท์ด้วยน่ะค่ะ

    หืม...โอเค แล้วเจอกัน

    แล้วเจอกันค่ะป๊า แล้วเจอกันค่ะคุณโรเจอร์

    สตีฟ

    คะ?

    เรียกฉันว่าสตีฟ

     กัปตันอเมริกาหนุ่มยิ้มให้กับเธอเล็กน้อย เฟลิเซียพยักหน้ารับและยิ้มให้กับเขาเล็กน้อยก่อนที่จะเดินออกไปและมุ่งหน้าไปยังห้องอันเป็นเป้าหมายซึ่งมีบุคคลที่เธอนั้นพูดถึงอยู่ทันที

    เป็นเด็กที่สดใสจริงๆเลยนะ...ทั้งๆที่สถานการณ์แบบนี้ก็ยังยิ้มได้

    แหงอยู่แล้ว...ก็ลูกสาวฉันน่ะนะมันก็ช่วยไม่ได้ไง ไงล่ะอิจฉาใช่ไหมล่ะ?

    โทนี่...

    โอเค โอเค

     เขายกมือขึ้นเพื่อเป็นการบอกว่าขอยกธงขาวยอมแพ้และไม่ต้องการที่จะต่อล้อต่อเถียงใดๆกับเขาอีกแล้ว

    ดูแล้วเหมือนจะผ่านอะไรมาเยอะเลยสินะ

    นี่นายดักฟังตอนที่ฉันพูดกับดร.แบนเนอร์งั้นหรอ?

    จะเรียกว่าดักฟังก็ไม่ถูก...ฉันแค่บังเอิญเดินมาในจังหวะที่นายกับดร.แบนเนอร์กำลังพูดถึงเธออยู่ต่างหาก

    จ้า...เชื่อจ้ะโทนี่ตอบอย่างประชดประชัน

     

    [ห้องพักของชีลด์]

      ครืด

    บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าคะแนท?

    มีแผลถลอกนิดๆหน่อยๆแต่แค่นี้สบายมาก เธอไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม?

    ไม่ค่ะแนท...หนูไม่เป็นไรค่ะ

    เฟซี่

    คลินท์!”

     เจ้าของฉายาเหยี่ยวฮอว์กอายเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนู เขาพึ่งจะฟื้นเมื่อหลายสิบนาทีก่อนหน้านี้ทันทีที่เขาได้ยินเสียงเธอเขาก็รีบเดินออกมาทันทีด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอเธอบนยานเหาะแห่งนี้เนื่องจากนาตาชาและเขารู้ดีเรื่องที่โทนี่เป็นห่วงเธอมากจนเป็นกังวลและไม่ยอมให้เธอเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือเสี่ยงอันตรายแบบนี้แน่นอน

    ฉัน...ไม่ได้เผลอทำร้ายเธอใช่ไหม?

    ไม่ค่ะคลินท์เธอยิ้มให้กับเขาก่อนที่จะเดินไปยืนข้างๆสายลับสาวสัญชาติรัสเซีย

     ในเรื่องวุ่นวายและมีเรื่องชวนให้หดหู่ก็ยังมีเรื่องดีๆเกิดขึ้น นาตาชาได้สหายคนสนิทของตนคืนแต่ก็ทำเอาเธอเหนื่อยจนหืดขึ้นคอด้วยเช่นกัน แต่เพื่อที่จะหยุดยั้งเขาเอาไว้เธอจึงไม่มีทางเลือก

    แล้วลมอะไรพัดมากันล่ะเนี่ย?”

    เรื่องมันยาวน่ะค่ะ

    หวังว่าคงจะไม่ได้...ทำอะไรแผลงๆแบบที่แนทสอนหรอกนะ

    เฮ้ ทำไมถึงพูดเหมือนว่าร้ายฉันแบบนั้นล่ะ?

    ก็เธอเป็นสายลับ...อีกอย่างฉันจำได้ว่าเธอสอนกลเม็ดอะไรง่ายๆให้กับเฟซี่ด้วย ก็แค่กลัวว่าเธอจะสอนให้เฟซี่ทำอะไรแผลงๆแบบที่สายลับเขาทำกันแค่นั้นเอง

    เห็นแบบนี้ฉันก็สอนแค่ที่จำเป็นจริงๆนะ ไม่งั้นโทนี่เล่นฉันแน่

    ถามจริง

    ก็จริงน่ะสิ...เนอะ?

    จริงค่ะคลินท์

    เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย...ดื้อเงียบนะ

    หนูก็ดื้อเหมือนป๊า/ดื้อเหมือนโทนี่นั่นแหละ

    ไม่เข้ากันนี่สิจะแปลกใจมาก คลินท์คิดในใจ

     นาตาชาอมยิ้มพร้อมกับโอบไหล่แขนพาดบ่า ร่างบางโอบเอวและกอดเธอเล็กน้อยพร้อมกับอมยิ้มไม่ต่างกันส่วนคลินท์ก็ทำหน้าเอือมปนอมยิ้มพลางส่ายหน้าส่ายหัวให้กับทั้งสองที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ในตอนแรกสีหน้าของสายลับรัสเซียสาวค่อนข้างจะเป็นกังวลแต่พอเธอเข้ามามันก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาดพิลึก เธอนึกถึงวันที่ตนได้พบกับเด็กสาวเป็นครั้งแรกก็เมื่อสองปีที่แล้วนาตาชาถูกชะตากับเธออย่างบอกไม่ถูกเช่นเดียวกันกับสตีฟ แม้จะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆที่ได้พูดคุยกันเธอก็รู้สึกว่าตนเองได้รับพลังงานบวกและความอบอุ่นมาจากเธอมหาศาลเหมือนกัน ส่วนคลินท์เองก็ถูกชะตาไม่ต่างจากคนอื่นๆแม้จะได้พบเธอแบบนับครั้งได้ก็ตาม ในตอนนั้นสัดส่วนและส่วนสูงของเธอยังคงดูเป็นเด็กกว่าในตอนนี้เด็กสาวในวัย16 สำหรับนาตาชาแล้วเฟลิเซียก็ถือว่าจัดอยู่ในกลุ่มเด็กที่โตไวจนน่าใจหายเหมือนกัน เรื่องการสอนศิลปะการป้องกันตัวและการใช้ปืนเธอก็สอนไปเพียงแค่พื้นฐานให้ป้องกันตัวได้และใช้ปืนเป็น เฟลิเซียเป็นเด็กที่ค่อนข้างจะฉลาดเธอเรียนรู้ได้เร็วแม้จะเป็นเพียงแค่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆก็ตาม

     ครืด

    ไปกันได้แล้ว

     เป็นสตีฟที่เดินเข้ามาพร้อมกับตัวเขาที่เปลี่ยนสวมใส่ชุดกัปตันอเมริกาตัวเก่งของเขาแบบเต็มยศ เป็นสัญญาณบอกว่าเขาเตรียมพร้อมที่จะออกไปเผชิญหน้ากับศึกที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้แล้วหลังจากที่เขาและโทนี่คาดเดากับอ่านเกมของเทพแห่งคำลวงออก

    ไปไหน?นาตาชาและเฟลิเซียค่อยๆคลายแขนออกจากกันและกัน

    ไว้บอกระหว่างทาง...ขับเจ็ทของชีลด์ได้ไหม?

    ผมขับได้คลินท์ตอบ

    มีชุดเก่งไหม?

    มี

    จัดเต็มเลย...ส่วนเธอเฟซี่

    คะ?

    เตรียมตัวให้พร้อมแล้วมาด้วยกัน

    อ๊ะ...ค่ะสตีฟ!”

     

    ----------------------------------------------------------------------------

    มาต่อแล้วค่ะเย้

    จริงๆยัยน้องก็ดื้อ/แอบแสบ นั่นแหละค่ะ (ฮา)

    โทนี่ไม่ได้เครียดเดี่ยว มัมหมีก็กุมขมับด้วยค่ะ (ฮา)

    อาจจะวกขายความสดใสของน้อง/ความสัมพันธ์ของน้องกับตัวละคร

    เยอะไปหน่อยหวังว่าจะไม่เบื่อกันนะคะ TT

    ถึงเราจะได้เห็นหรือรับรู้กันตั้งแต่ช่วงหลังภาคหนึ่งแล้ว

    ไรท์ก็อยากลงรายละเอียดอีกสักนิด ซึ่งอาจจะดูวกวนไปสักนิด

    ก็ต้องขออภัยกราบอภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

    ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ

    ไว้จะรีบมาต่อนะคะ

    ขอบคุณค่ะ

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×