คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : Extra Chapter : Avengers: Battle of New York [1]
Avengers:
Battle of New York
“ไม่ยักรู้ว่าเธอจะมาด้วย”
“ตอนแรกก็ไม่รู้ว่ามาด้วย...แต่เจออีกทีก็แอบตามมาแล้วดื้อจริงๆ”
“...”
เสียงบทสนทนาดังขึ้นตรงบริเวณทางเดินในขณะที่กำลังจะไปส่วนกลางของยาน
โทนี่และโคลสัน ฟิล กำลังคุยกันอยู่เงียบๆในขณะที่เขาเป็นคนนำทางทั้งสองไปยังห้องส่วนกลาง
เขาหันไปคุยกับเด็กสาวที่กำลังเดินตามพวกเขาอย่างเงียบๆ
รอยยิ้มสดใสและนุ่มนวลผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเธอภายใต้ฮู๊ดสีขาวที่ติดกับเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์
ซึ่งฮู๊ดกำลังบดบังใบหน้าของเธอเอาไว้
“เฮ้...เฟซี่!”
“เฟซี่?”
“แนท!”
ทั้งห้องตกอยู่ในภวังค์แห่งความเงียบ
เมื่อมหาเศรษฐีเพลย์บอยปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเด็กสาวที่กำลังยิ้มละมุนและนุ่มนวล นาตาชาลุกขึ้นจากเก้าอี้และมุ่งตรงไปยังร่างของเด็กสาวที่เธอพึ่งจะเรียกชื่อเล่นของเธอไป
เฟลิเซียดึงฮู๊ดออกและโผเข้ากอดเธออย่างแนบแน่น
เมื่อกอดจนพอใจแล้วเธอก็ปล่อยอีกฝ่ายออกจากอ้อมกอดและยิ้มให้เล็กน้อย
“นั่น...ใคร?”
“ลูกสาวฉันเอง”โทนี่ตอบ
“ไม่ยักรู้ว่ามีลูกสาว...แต่เดี๋ยวก่อนทำไมถึงพาเธอมาด้วย?”
“อันที่จริงเธอเป็นลูกบุญธรรม
และ...”
“หนูตามป๊ามาเองค่ะ คุณโรเจอร์”
“ป๊า...?”
เฟลิเซียตัดบทและตอบแทนโทนี่
ก่อนเธอจะค่อยๆเดินไปรอบๆอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย สตีฟขมวดคิ้วเพราะเขาพึ่งรู้ถึงการมีอยู่ของลูกสาวบ้านสตาร์ค
แต่เหมือนจะมีนาตาชาและมาเรีย
ที่ไม่ได้มีท่าทีแปลกใจออกจะทำหน้าปกติกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ
“เธออายุ...เท่าไหร่?”
“16ปีค่ะ”
“ที่นี่มันอันตรายแล้วสิ่งที่พวกเรากำลังจะต้องเจอมันก็อันตราย
พาเธอกลับน่าจะปลอดภัยที่สุด”สตีฟหันไปมองโทนี่
“คงไม่เคยอ่านการ์ตูนแนวโชเน็นจัมป์สินะ
อายุแค่16นี่แหละ สุดจะอันตราย”
“อะไรคือ...โชเน็นจัมป์?”
คำพูดเดียวของสตีฟพร้อมกับทั้งหมดทั้งมวลเงียบไปชั่วขณะ
ต่างคนต่างมองหน้าซึ่งกันและกันเฟลิเซียยิ้มเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม ดวงเนตรคู่งามจับจ้องไปยังร่างแกร่งสูง
เจ้าของเกศาสีบลอนด์ทองที่กำลังยืนสงสัยด้วยเช่นกันว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกัน
“มันคือหนังสือการ์ตูนแนวมิตรภาพน่ะค่ะคุณโรเจอร์…แบบว่าบางเรื่องตัวเอกก็ไม่ใช่คนธรรมดาหรืออาจจะธรรมดาแต่ก็มีอะไรที่ไม่ธรรมดา”
เธอยิ้มและตอบเขาวินาทีนั้นเหมือนเขาตกอยู่ในภวังค์ความสดใสอย่างบอกไม่ถูก
รอยยิ้มของเธอช่างอ่อนโยนและดูเป็นกันเองมากๆ บอกตามตรงว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันค่อนข้างตรึงเครียดและอึมครึมอย่างบอกไม่ถูก
แต่พอเธอเข้ามาเหมือนบรรยากาศก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน
แม้แต่นาตาชาที่สีหน้าเคร่งเครียดอยู่ในตอนแรกก็ยังยิ้มได้
กัปตันหนุ่มรู้สึกถูกชะตากับเธออย่างบอกไม่ถูก
อาจจะรวมถึงบุตรแห่งโอดินก็ด้วยเช่นกัน
ทั้งๆที่เธอยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยแท้ๆเพียงแค่ยิ้มออร่าความสดใสมันก็กระจายไปทั่ว
“คงไม่ใช่เด็กธรรมดาสินะ”ธอร์เป็นคนทำลายความเงียบและจดจ้องไปยังเฟลิเซีย
“เธอก็คนปกติธรรมดานี่แหละ
ถ้าไม่นับที่โรมานอฟสอนเธอเรื่องจับปืนหรือพวกศิลปะการต่อสู้...เอาล่ะไปเดินเล่นแถวๆนี้หรือข้างล่างก็ได้
ผู้ใหญ่เขาจะคุยเรื่องงานกัน”
มาเรียแอบมองบนเล็กน้อยเพราะโทนี่ทำเหมือนกับยานเหาะลำนี้เป็นของเขาเสียอย่างนั้น
แต่เธอก็พอจะรู้เรื่องนิสัยใจคอของเขามาบ้างซึ่งต่างจากคนลูกอย่างสิ้นเชิง อาจจะเพราะเธอเป็นลูกบุญธรรมก็ไม่แปลก
แต่ที่แปลกคือคนแบบเขาสามารถสอนให้เธอสุภาพอ่อนหวานแบบนี้ได้ยังไง
ในขณะที่ตัวเขาค่อนข้างอีโก้และกวนโอ้ยในบางเวลา
“บอกก่อนนะ...ห้ามจีบลูกฉันเด็ดขาด
ใครมันบังอาจพ่อได้เจื๋อนทิ้งแน่”
“ป๊าคะ!”
“อะไร!? ป๊าบอกแล้วว่าจะไม่ให้หนูมีแฟนจนกว่าหนูจะอายุครบ30! เอาล่ะๆไปได้แล้ว ผู้ใหญ่จะคุยกัน”
โทนี่ดันหลังเด็กสาวที่เดินกลับมาให้เดินออกไปทันที
ก่อนที่เธอจะจับมือกับนิค ฟิวรี่ ที่เดินสวนเข้ามาพอและทักทายกันบ้างเล็กน้อย
และมีคนมารับช่วงต่อนำทางเธอไปที่ส่วนอื่นๆของยานเหาะทันที
“ถ้าน้องชายข้าได้เห็นน่าจะชอบนาง...ข้ารู้สึกถูกชะตากับนาง”
“ฝันหวานไปก่อนเลยพ่อเทพสายฟ้า...พ่อดุขนาดนี้กับน้องนายทำเรื่องขนาดนี้
คงจะให้เป็นเพื่อนกับเด็กเกเรยาก”นาตาชายืดตัวตรงและกอดอก
“ระวังคำพูดเจ้าหน่อย”
“ก็...แค่พูดเรื่องจริง...เอาเป็นว่าเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า”
“เกิดอะไรขึ้นกับคลินท์คะ?”
“เรื่องมันยาว...เอาเป็นว่าเดี๋ยวเล่าให้ฟัง”
แสงแดดวันใหม่มาถึงอีกครั้งพร้อมกับร่างบางที่กำลังจ้องมองไปยังทิวทัศน์ด้านนอกหลังจากที่อาบน้ำล้างหน้าและทำธุระส่วนตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นาตาชามาเคาะประตูเรียกเธอและอยู่ในชุดเครื่องแบบของหน่วยชีลด์ในแบบที่เธอมักจะใส่เป็นประจำ
สายลับสาวนำทางเฟลิเซียไปยังที่ที่หนึ่ง มันเป็นห้องขังที่อยู่ในรูปแบบวงกลมมีกระจกล้อมรอบด้าน
มีร่างสูงในชุดเครื่องแบบสีเขียวที่กังยืนหันหลังให้ก่อนที่จะค่อยๆหันกลับมาและแสยะยิ้มให้กับนาตาชา
เมื่อเห็นใบหน้าของเฟลิเซียเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ยังคงปั้นยิ้มต่อไป
“น้อยคนนักที่จะลักลอบเข้ามาใกล้ข้าได้...”
“แต่คุณรู้ว่าฉันจะมา”
“แล้ว...เจ้าเป็นใคร...เจ้านั่นแหละ”
เฟลิเซียชี้ตัวเองในขณะที่โลกิกำลังแสยะยิ้มและเอียงคอมองเธอ เทพเจ้าแห่งคำลวงไม่เคยเห็นอีกฝ่ายมาก่อน
เขาเห็นออร่าบางอย่างจากเด็กสาวตรงหน้าหล่อนเตี้ยกว่านาตาชาเล็กน้อยและยังดูเด็ก
ซึ่งไม่ควรมีเด็กมาป้วนเปี้ยนหรือเพ่นพ่านในยานเหาะลำนี้ก็ยกเว้นเสียแต่ว่าเธอจะไม่ใช่คนปกติ
“ข้าถามเจ้าอยู่ได้ยินไหม?”
“ได้ยินค่ะ”
“งั้นก็ตอบคำถามของข้ามา”
“ก่อนจะถามชื่อคนอื่นคุณควรแนะนำตัวเองก่อนนะคะ”
“แต่ข้าถามเจ้า...”
“งั้นคุณก็แนะนำตัวคุณก่อนสิคะ”
“เจ้าไม่รู้จักข้า?”
“ก็...ถ้ารู้จะถามทำไมล่ะคะ?”
‘นางเป็นลูกเต้าเหล่าใครกัน?’
พรืด--
ถ้าใครได้รู้และมาเห็นน่าจะทึ่งและประหลาดใจในเวลาเดียวกัน
เทพแห่งการหลอกลวงกำลังต่อล้อต่อเถียงกับเด็กสาวชาวโลก โลกิครุ่นคิดและเขาก็หุบยิ้มลงทันทีเมื่อได้คำตอบแบบนั้น
นาตาชาหน้านิ่งแม้ใจจริงเธออยากจะยิ้มและหัวเราะออกมาแต่ก็ต้องรักษามาดตนเอาไว้
ไม่งั้นสิ่งที่ตั้งมั่นและตั้งใจว่าจะทำมันจะไม่เป็นไปดั่งที่เธอต้องการ เฟลิเซียไม่ได้มีนิสัยชอบกวนโอ้ยสิ่งที่เห็นในตอนนี้คือบทบาทที่นาตาชากับเด็กสาวได้ตกลงกันเอาไว้
ในกรณีที่อาจจะมีการพูดคุยกับคู่กรณีที่อยู่ตรงหน้าตน ซึ่งผลลัพธ์มันเกินคาดกว่าที่นาตาชาจินตนาการเอาไว้มาก
สงสัยทักษะความกวนโอ้ยก็คงได้มาจากโทนี่นิดหน่อย
“ก็ได้...ข้าจะแนะนำตัวให้เจ้าได้รู้จักเป็นบุญหูเจ้าก่อนที่เจ้าจะต้องก้มหัวให้กับข้าผู้นี้
นามของข้าคือ โลกิ เลาเฟย์สัน”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณเลาเฟย์สัน”เฟลิเซียยิ้ม
“ส่วนฉันชื่อ เฟลิเซีย เฮโลน่า จะเรียกว่าเฟลิเซียเฉยๆก็ได้
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“…”
‘ไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยงั้นหรอ?’
เขาครุ่นคิดอีกครั้งใบหน้าเรียบนิ่งและขมวดคิ้ว
พร้อมกับเครื่องหมายคำถามเต็มหน้าเขาไปหมดอย่างไม่เข้าใจ
เทพหนุ่มไม่เคยรู้สึกพ่ายแพ้ขนาดนี้มาก่อนเลยแถมร่างบางก็ไม่มีท่าทีว่าจะหวาดกลัวเขาเลยแม้แต่น้อยและยังคงยิ้มหน้าระรื่นให้กับเขา
เหมือนออร่าแสงสว่างกำลังกระจายไปทั่ว สายลับสาวยังคงปั้นหน้านิ่งแต่ในใจเธอกำลังหัวเราะอยู่อย่างเงียบๆ
“ข้าออกจากที่นี่ไปได้เมื่อไหร่...ข้าฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆแน่”
“...”
เฟลิเซียยังคงยิ้มให้กับโลกิและไม่ได้ตอบโต้หรือเอ่ยคำใดออกมา
สร้างความฉงนใจและความสงสัยให้กับเขาได้ไม่น้อย หรือเขาพูดอะไรผิดไปรึเปล่า?
พอมาทวนคำพูดดูแล้วก็ไม่มีที่ชวนให้รู้สึกแปลกใจคือคนตรงหน้าไม่มีท่าทีหวาดกลัวหรือหวั่นเกรงในตัวเขาเลย
“เอาล่ะ...เรามาเข้าประเด็นกันดีกว่า”
หลังจากที่กวนประสาททำความรู้จักกับโลกิแบบไม่ค่อยจะเป็นทางการเสร็จ
เฟลิเซียค่อยๆถอยออกมาอย่างช้าๆในความเป็นจริงหล่อนก็แอบคิดว่าพื้นฐานแล้วโลกิไม่น่าใช่คนไม่ดีอะไรแต่อาจจะมีเหตุและปัจจัยอะไรบางอย่าง
เธอไม่ได้มีพลังในการอ่านหรือเข้าถึงจิตใจของอีกฝ่ายได้ แต่ก็นั่นแหละคือสิ่งที่เธอคิดทุกสิ่งทุกอย่างมันมักจะมีสองด้านเสมอ
เขาอาจจะไม่ใช่คนร้ายกาจอย่างที่คิดอาจจะเป็นคนที่ดีและอ่อนโยนกว่าที่ใครคาดเดาก็ได้
“ชาสักถ้วยไหมคะคุณฮิลล์?”
“ขอบใจ...เฮโลน่า”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
หลังจากที่ปลีกตัวออกมาเฟลิเซียมุ่งหน้ากลับไปยังห้องสำหรับเก็บเสบียงอาหาร
และถือวิสาสะหยิบจับถุงชาออกมาส่วนหนึ่ง ร่างบางกลับมายังห้องขนาดกลางที่พวกเขาเอาไว้ใช้เตรียมอาหาร
จัดการชงชาให้กับสมาชิกคนอื่นๆภายในชีลด์และมีบางส่วนที่ขอรับเป็นกาแฟแทน เมื่อส่งถ้วยชาให้กับสมาชิกที่กำลังทำงานกันอยู่ในห้องควบคุมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เฟลิเซียเดินไปยังห้องแล็บที่พ่อของเธอและดร.บรูซ แบนเนอร์ทันที
“ชาสักถ้วยไหมคะ?”
“คิดว่า...ได้ก็ดี”
“หลับสบายไหมเฟซี่?
ไม่มีใครมากวนใจลูกใช่ไหม?”
“ไม่มีค่ะป๊า ก็หลับสบายดีค่ะแต่ก็หลับไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่
แล้วป๊ากับคุณแบนเนอร์ได้พักกันบ้างรึยังคะ?”
“ก็งีบกันไปแล้วนิดหน่อย...แต่สบายมาก”
“ใช่สบายมาก ขอบคุณสำหรับชา”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
เฟลิเซียยิ้มพลางส่งถ้วยชาให้กับบรูซและพ่อของตนก่อนที่จะเดินออกไปทันทีเพราะไม่อยากรบกวน
ทั้งสองจิบชาเล็กน้อยก่อนที่จะต่างคนต่างวางถ้วยลง
บรูซกำลังยืนพิงกระจกส่วนพ่อของเธอก็ถือวิสาสะนั่งอยู่บนโต๊ะ ตรงหน้าเขามีจอมอนิเตอร์แบบอัจฉริยะและทันสมัยสามารถสัมผัสหรือเขียนวาดลงบนหน้าจอได้
“แล้ว...เธอมีชุดเกราะเหมือนนายรึเปล่า?”
“แน่นอนว่าไม่”โทนี่ตอบในขณะที่กำลังแฮกข้อมูลอะไรบางอย่าง
“แล้วความสามารถของเธอคือ?”
“เอ่อ...มันก็พูดยาก จะเรียกว่ายังไงดีล่ะเธอไม่ค่อยแสดงออกมาให้เห็นถ้าไม่จำเป็นและพยายามใช้ให้น้อยที่สุด”
“ใช้? นายหมายความว่ายังไง?”
บรูซถามด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจในสิ่งที่โทนี่พยายามจะสื่อ จากสีหน้าก็คงเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและอาจจะละเอียดอ่อนจนไม่สามารถอธิบายหรือเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูดได้
หรือเป็นอะไรที่อาจจะเหนือกฏเกณฑ์ความคาดหมายที่เขาก็ไม่อาจจะคาดเดาได้
“ต้องเห็นด้วยตาของตัวเอง...ก็บอกไม่ได้เหมือนกัน”
“แล้วนายเจอเธอได้ยังไง?”
“ก็แบบกำลังไปเดต...แล้วก็เจอเข้าโดยบังเอิญ
เนื้อตัวมอมแมมเสื้อผ้าขาดวิ่นไม่พูดไม่จากับหวาดระแวง เหมือนลูกแมวไปตกบ่อโคลนมา...แล้วก็ตื่นคน
แถมไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับตัวเธอเลย เธอบอกแค่ว่าเธอชื่อเฟลิเซีย เฮโลน่า
นอกนั้นก็...บ๋อแบ๋ว่างเปล่า ฉันไม่ได้ข้อมูลอะไร ชีลด์ก็ไม่มี ไม่มีอะไรเลยไม่มีใครรู้อะไรเลยเกี่ยวกับเธอ
ตอนตรวจร่างกายก็ยังดีหน่อยที่เธอให้ความร่วมมืออยู่บ้าง
หมอบอกว่าไม่มีร่องรอยของการถูกทำร้ายแต่มีรอยเข็มฉีดยากับอะไรนิดๆหน่อยๆแต่ไม่มีอะไรเป็นอันตรายถึงชีวิต...กว่าจะทำให้เด็กคนหนึ่งเปิดใจได้ก็ยากนะ
แต่พอผ่านจุดนั้นมาได้แล้วเธอร่าเริงสดใสขึ้นก็รู้สึกโล่งอกโล่งใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก”
“อะไรที่ทำให้นายตัดสินใจรับเธอลูกบุญธรรม?”
“ถูกชะตา”
“แค่นั้น?”
“แค่นั้นเลยดร.แบนเนอร์...แค่รู้สึกถูกชะตากับเธออย่างบอกไม่ถูก
ไม่รู้ว่าชีวิตเธอผ่านเรื่องอะไรมาบ้าง แต่ในตอนนี้และปัจจุบันเธอคือลูกสาวของฉันมหาเศรษฐีเพลย์บอยและใจบุญ
ไม่จำเป็นต้องขุดหรือหาข้อมูลเบื้องหลังของเธอแค่ให้รับรู้กันเอาไว้ก็พอว่าเธอคือลูกของฉัน
กลับบ้านมาแค่ได้เห็นรอยยิ้มกับความสดใสหรือถามไถ่ว่าวันนี้เป็นไงบ้าง? หรือ
ป๊าเป็นยังไงบ้าง? เหนื่อยไหม? ก็รู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง...ก็แค่นั้นเอง”
อีกมุมหนึ่งที่น้อยคนนักจะได้เห็นหรือได้ยิน
เรียกว่ามุมมองของคนเป็นพ่อก็น่าจะได้เขาไม่สามารถนิยามออกมาได้เช่นกัน
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นเขารู้สึกถูกชะตากับเธอทันทีและอยากที่จะรับเลี้ยงเธอด้วยเช่นกัน
เขารู้ว่าการเป็นพ่อคนนั้นมันไม่ง่ายอย่างที่คิดแต่เขาก็สามารถเลี้ยงดูให้เธอเติบโตมาอย่างมีความสุขเหมือนเด็กๆครอบครัวอื่นๆได้
ให้ความรักและทำให้เธอมีความสุขแบบที่เธอควรจะได้ เฟลิเซียไม่เคยร้องขออะไรเขาเลยแต่เขาก็ยินดีที่จะให้สิ่งที่เธอต้องการและอยากจะได้
ทั้งๆที่ไม่ใช่ลูกของเขาจริงๆแต่กลับรู้สึกผูกพันอย่างประหลาด
ราวกับเธอเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาจริงๆ เขาพร้อมปกป้องและจัดการกับใครก็ตามที่ทำร้ายหรือหมายจะเอาชีวิตเธอ
เขาจะไม่ปล่อยคนเหล่านั้นเอาไว้อย่างแน่นอนและพร้อมเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ตู้ม!
“!?”
หลังจากที่เธอยกชาไปให้พ่อของเธอก็ผ่านมาสักพักใหญ่ๆแล้ว
แรงสั่นสะเทือนจากระเบิดด้านนอกส่งผลกระทบเข้ามายังภายในห้องควบคุมและส่วนอื่นๆ
เฟลิเซียกำลังนั่งเล่นอยู่ลุกขึ้นทันทีและเมื่อเปิดประตูออกมาก็พบกับบุคคลที่บุกเข้ามาในยานในชุดเครื่องแบบเต็มยศ
พวกเขาหันปืนมายังเธอและกำลังจะเหนี่ยวไกลกลายเป็นว่าพวกเขาถูกหยุดการกระทำนั้นเอาไว้เสียก่อน
คลื่นพลังงานสีดำจับตัวของพวกเขาเอาไว้และจับเหวี่ยงกันออกไปคนละทิศทาง ตอนนี้ทุกคนที่อยู่ภายในยานกำลังแตกตื่นและวุ่นวายกันไปหมดเพราะถูกโจมตีจากด้านนอกและถูกปั่นป่วนจากภายในอีกทอดหนึ่ง
“หวา!”
คนที่ล้มไปแล้วในตอนแรกหยิบมีดออกจากซองหนังและพยายามจ้วงแทงใส่อีกฝ่าย
เฟลิเซียถอยหลังหลบทันทีก่อนที่จะเตะเข้าที่มือเขาจนมีดนั้นกระเด็นไปอีกทาง
ร่างบางถีบเข้าที่กลางลำตัวของอีกฝ่ายและจัดการหักแขนของเขาไปและกดแขนไว้ที่ด้านหลังจนอีกฝ่ายต้องกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
และเสียงกระดูกที่ดังกรอบแกรบ
เถาวัลย์ปรากฏขึ้นรัดตัวของเขาเอาไว้และจัดการฟาดเขาเข้ากับกำแพงจนสลบไปทันที
เทคนิคการต่อสู้แบบตัวต่อตัวง่ายๆที่นาตาชาได้พร่ำสอนเธอมา ในที่สุดเธอก็ได้ใช้เสียทีแม้มันจะไม่ได้แข็งแรงหรือมีความหนักแน่นเท่ากับผู้สอนก็ตาม
“อ๊ะ...คุณโรเจอร์!”
เมื่อเธอวิ่งมาเรื่อยๆก็พบเข้ากับประตูบานหนึ่งที่เปิดอยู่
และเป็นจุดบริเวณที่ใบพัดได้รับความเสียหาย
สตีฟกำลังยึดเกาะอะไรบางอย่างอยู่และตัวเขาก็กำลังลอยลู่ลมอยู่นอกยาน
“ระวัง!”
เขาร้องเตือนให้เธอระวังศัตรูที่ยังคงกราดยิงเขาแบบไม่หยุดพักเมื่ออีกฝ่ายหันมาเห็นเธอ
จึงหันปากกระบอกปืนใส่เธอแต่ก็ไม่ทันได้เหนี่ยวไกลคลื่นพลังปรากฏที่มือขวาของเธออย่างช้าๆก่อนที่จะหยิบร่างของอีกฝ่ายขึ้นเหนือพื้น
และพันธนาการเขาเอาไว้ด้วยเถาวัลย์งอกขึ้นมาจากพื้น มือซ้ายของวาดไปบนอากาศดึงตัวของสตีฟให้เข้ามาด้านในและให้เขาใช้เป็นที่ยึดเกาะ
คันโยกสีแดกถูกโยกลงมาจนสุดพร้อมกับโทนี่ที่ออกมาจากใบพัดยักษ์
“เฟซี่หลบ!”
“!?”
เมื่อดึงสตีฟเข้ามาด้านในจนถึงจุดที่ปลอดภัย เธอรีบเบี่ยงตัวหลบทันทีบุรุษเหล็กเกราะแดงพุ่งเข้าใส่ศัตรูที่ถูกเธอจับเอาไว้และน็อคเอาท์อีกฝ่ายทันทีจนเขาสลบไสลไป
“ป๊า!”
“ไม่เป็นไร...ไม่ต้องห่วง
ลูกบาดเจ็บตรงไหนไหม?”
“หนูไม่เป็นไรค่ะป๊า...คุณโรเจอร์คะ?
บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ?”
“ไม่เป็นไร...สบายมาก”
เฟลิเซียที่ตรวจสอบแล้วว่าพ่อของเธอไม่เป็นไรจึงเดินออกไปตรวจสอบกัปตันหนุ่มทันที
เมื่อได้รับคำตอบดังนั้นเธอก็โล่งใจเล็กน้อย สตีฟเริ่มเข้าใจคำพูดของโทนี่แล้วว่าอายุ16ปีเป็นวัยที่สุดจะอันตรายมันเป็นยังไง
แน่นอนเขาอึ้งและทึ่งสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวของเด็กสาวเพราะเขาไม่คิดว่าเป็นพลังเหนือธรรมชาติอะไรทำนองนี้
แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร
เพียงแค่เขาคาดไม่ถึงว่าเด็กผู้หญิงธรรมดาๆที่ดูเหมือนไม่มีอะไรจะซ่อนพลังงานคล้ายเวทมนตร์ราวกับแม่มดนี้เอาไว้
-------------------------------------------------------------------------------------
โบนัสตอนพิเศษค่ะ
เดี๋ยวมีมาต่ออีก
ซุ่มแต่งตั้งแต่ฟิคน้องยังไม่จบ
(ฮา)
ส่วนตอนต่ออาจจะนานหน่อยนะคะ
TvT กลัวพี่กิน้อยใจ
อุตส่าห์อยู่บนฟิคแต่ไม่มีบทเลย
ความคิดเห็น