ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic avengers x OC] She is our 'Family' [END]

    ลำดับตอนที่ #33 : Extra Chapter : Avengers: Battle of New York [1]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 540
      37
      22 พ.ย. 64

    Avengers: Battle of New York


     

    ไม่ยักรู้ว่าเธอจะมาด้วย

    ตอนแรกก็ไม่รู้ว่ามาด้วย...แต่เจออีกทีก็แอบตามมาแล้วดื้อจริงๆ

    ...

     เสียงบทสนทนาดังขึ้นตรงบริเวณทางเดินในขณะที่กำลังจะไปส่วนกลางของยาน โทนี่และโคลสัน ฟิล กำลังคุยกันอยู่เงียบๆในขณะที่เขาเป็นคนนำทางทั้งสองไปยังห้องส่วนกลาง เขาหันไปคุยกับเด็กสาวที่กำลังเดินตามพวกเขาอย่างเงียบๆ รอยยิ้มสดใสและนุ่มนวลผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเธอภายใต้ฮู๊ดสีขาวที่ติดกับเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์ ซึ่งฮู๊ดกำลังบดบังใบหน้าของเธอเอาไว้

    เฮ้...เฟซี่!”

    เฟซี่?

    แนท!”

     ทั้งห้องตกอยู่ในภวังค์แห่งความเงียบ เมื่อมหาเศรษฐีเพลย์บอยปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเด็กสาวที่กำลังยิ้มละมุนและนุ่มนวล นาตาชาลุกขึ้นจากเก้าอี้และมุ่งตรงไปยังร่างของเด็กสาวที่เธอพึ่งจะเรียกชื่อเล่นของเธอไป เฟลิเซียดึงฮู๊ดออกและโผเข้ากอดเธออย่างแนบแน่น เมื่อกอดจนพอใจแล้วเธอก็ปล่อยอีกฝ่ายออกจากอ้อมกอดและยิ้มให้เล็กน้อย

    นั่น...ใคร?

    ลูกสาวฉันเองโทนี่ตอบ

    ไม่ยักรู้ว่ามีลูกสาว...แต่เดี๋ยวก่อนทำไมถึงพาเธอมาด้วย?

    อันที่จริงเธอเป็นลูกบุญธรรม และ...

    หนูตามป๊ามาเองค่ะ คุณโรเจอร์

    ป๊า...?

     เฟลิเซียตัดบทและตอบแทนโทนี่ ก่อนเธอจะค่อยๆเดินไปรอบๆอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย สตีฟขมวดคิ้วเพราะเขาพึ่งรู้ถึงการมีอยู่ของลูกสาวบ้านสตาร์ค แต่เหมือนจะมีนาตาชาและมาเรีย ที่ไม่ได้มีท่าทีแปลกใจออกจะทำหน้าปกติกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ

    เธออายุ...เท่าไหร่?

    16ปีค่ะ

    ที่นี่มันอันตรายแล้วสิ่งที่พวกเรากำลังจะต้องเจอมันก็อันตราย พาเธอกลับน่าจะปลอดภัยที่สุดสตีฟหันไปมองโทนี่

    คงไม่เคยอ่านการ์ตูนแนวโชเน็นจัมป์สินะ อายุแค่16นี่แหละ สุดจะอันตราย

    อะไรคือ...โชเน็นจัมป์?

     คำพูดเดียวของสตีฟพร้อมกับทั้งหมดทั้งมวลเงียบไปชั่วขณะ ต่างคนต่างมองหน้าซึ่งกันและกันเฟลิเซียยิ้มเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม ดวงเนตรคู่งามจับจ้องไปยังร่างแกร่งสูง เจ้าของเกศาสีบลอนด์ทองที่กำลังยืนสงสัยด้วยเช่นกันว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกัน

    มันคือหนังสือการ์ตูนแนวมิตรภาพน่ะค่ะคุณโรเจอร์แบบว่าบางเรื่องตัวเอกก็ไม่ใช่คนธรรมดาหรืออาจจะธรรมดาแต่ก็มีอะไรที่ไม่ธรรมดา

     เธอยิ้มและตอบเขาวินาทีนั้นเหมือนเขาตกอยู่ในภวังค์ความสดใสอย่างบอกไม่ถูก รอยยิ้มของเธอช่างอ่อนโยนและดูเป็นกันเองมากๆ บอกตามตรงว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันค่อนข้างตรึงเครียดและอึมครึมอย่างบอกไม่ถูก แต่พอเธอเข้ามาเหมือนบรรยากาศก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน แม้แต่นาตาชาที่สีหน้าเคร่งเครียดอยู่ในตอนแรกก็ยังยิ้มได้

     กัปตันหนุ่มรู้สึกถูกชะตากับเธออย่างบอกไม่ถูก อาจจะรวมถึงบุตรแห่งโอดินก็ด้วยเช่นกัน ทั้งๆที่เธอยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยแท้ๆเพียงแค่ยิ้มออร่าความสดใสมันก็กระจายไปทั่ว

    คงไม่ใช่เด็กธรรมดาสินะธอร์เป็นคนทำลายความเงียบและจดจ้องไปยังเฟลิเซีย

    เธอก็คนปกติธรรมดานี่แหละ ถ้าไม่นับที่โรมานอฟสอนเธอเรื่องจับปืนหรือพวกศิลปะการต่อสู้...เอาล่ะไปเดินเล่นแถวๆนี้หรือข้างล่างก็ได้ ผู้ใหญ่เขาจะคุยเรื่องงานกัน

     มาเรียแอบมองบนเล็กน้อยเพราะโทนี่ทำเหมือนกับยานเหาะลำนี้เป็นของเขาเสียอย่างนั้น แต่เธอก็พอจะรู้เรื่องนิสัยใจคอของเขามาบ้างซึ่งต่างจากคนลูกอย่างสิ้นเชิง อาจจะเพราะเธอเป็นลูกบุญธรรมก็ไม่แปลก แต่ที่แปลกคือคนแบบเขาสามารถสอนให้เธอสุภาพอ่อนหวานแบบนี้ได้ยังไง ในขณะที่ตัวเขาค่อนข้างอีโก้และกวนโอ้ยในบางเวลา

    บอกก่อนนะ...ห้ามจีบลูกฉันเด็ดขาด ใครมันบังอาจพ่อได้เจื๋อนทิ้งแน่

    ป๊าคะ!”

    อะไร!? ป๊าบอกแล้วว่าจะไม่ให้หนูมีแฟนจนกว่าหนูจะอายุครบ30! เอาล่ะๆไปได้แล้ว ผู้ใหญ่จะคุยกัน

     โทนี่ดันหลังเด็กสาวที่เดินกลับมาให้เดินออกไปทันที ก่อนที่เธอจะจับมือกับนิค ฟิวรี่ ที่เดินสวนเข้ามาพอและทักทายกันบ้างเล็กน้อย และมีคนมารับช่วงต่อนำทางเธอไปที่ส่วนอื่นๆของยานเหาะทันที

    ถ้าน้องชายข้าได้เห็นน่าจะชอบนาง...ข้ารู้สึกถูกชะตากับนาง

    ฝันหวานไปก่อนเลยพ่อเทพสายฟ้า...พ่อดุขนาดนี้กับน้องนายทำเรื่องขนาดนี้ คงจะให้เป็นเพื่อนกับเด็กเกเรยากนาตาชายืดตัวตรงและกอดอก

    ระวังคำพูดเจ้าหน่อย

    ก็...แค่พูดเรื่องจริง...เอาเป็นว่าเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า

     

    เกิดอะไรขึ้นกับคลินท์คะ?

    เรื่องมันยาว...เอาเป็นว่าเดี๋ยวเล่าให้ฟัง

     แสงแดดวันใหม่มาถึงอีกครั้งพร้อมกับร่างบางที่กำลังจ้องมองไปยังทิวทัศน์ด้านนอกหลังจากที่อาบน้ำล้างหน้าและทำธุระส่วนตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นาตาชามาเคาะประตูเรียกเธอและอยู่ในชุดเครื่องแบบของหน่วยชีลด์ในแบบที่เธอมักจะใส่เป็นประจำ สายลับสาวนำทางเฟลิเซียไปยังที่ที่หนึ่ง มันเป็นห้องขังที่อยู่ในรูปแบบวงกลมมีกระจกล้อมรอบด้าน มีร่างสูงในชุดเครื่องแบบสีเขียวที่กังยืนหันหลังให้ก่อนที่จะค่อยๆหันกลับมาและแสยะยิ้มให้กับนาตาชา เมื่อเห็นใบหน้าของเฟลิเซียเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ยังคงปั้นยิ้มต่อไป

    น้อยคนนักที่จะลักลอบเข้ามาใกล้ข้าได้...

    แต่คุณรู้ว่าฉันจะมา

    แล้ว...เจ้าเป็นใคร...เจ้านั่นแหละ

     เฟลิเซียชี้ตัวเองในขณะที่โลกิกำลังแสยะยิ้มและเอียงคอมองเธอ เทพเจ้าแห่งคำลวงไม่เคยเห็นอีกฝ่ายมาก่อน เขาเห็นออร่าบางอย่างจากเด็กสาวตรงหน้าหล่อนเตี้ยกว่านาตาชาเล็กน้อยและยังดูเด็ก ซึ่งไม่ควรมีเด็กมาป้วนเปี้ยนหรือเพ่นพ่านในยานเหาะลำนี้ก็ยกเว้นเสียแต่ว่าเธอจะไม่ใช่คนปกติ

    ข้าถามเจ้าอยู่ได้ยินไหม?

    ได้ยินค่ะ

    งั้นก็ตอบคำถามของข้ามา

    ก่อนจะถามชื่อคนอื่นคุณควรแนะนำตัวเองก่อนนะคะ

    แต่ข้าถามเจ้า...

    งั้นคุณก็แนะนำตัวคุณก่อนสิคะ

    เจ้าไม่รู้จักข้า?

    ก็...ถ้ารู้จะถามทำไมล่ะคะ?

    นางเป็นลูกเต้าเหล่าใครกัน?

     พรืด--

     ถ้าใครได้รู้และมาเห็นน่าจะทึ่งและประหลาดใจในเวลาเดียวกัน เทพแห่งการหลอกลวงกำลังต่อล้อต่อเถียงกับเด็กสาวชาวโลก โลกิครุ่นคิดและเขาก็หุบยิ้มลงทันทีเมื่อได้คำตอบแบบนั้น นาตาชาหน้านิ่งแม้ใจจริงเธออยากจะยิ้มและหัวเราะออกมาแต่ก็ต้องรักษามาดตนเอาไว้ ไม่งั้นสิ่งที่ตั้งมั่นและตั้งใจว่าจะทำมันจะไม่เป็นไปดั่งที่เธอต้องการ เฟลิเซียไม่ได้มีนิสัยชอบกวนโอ้ยสิ่งที่เห็นในตอนนี้คือบทบาทที่นาตาชากับเด็กสาวได้ตกลงกันเอาไว้ ในกรณีที่อาจจะมีการพูดคุยกับคู่กรณีที่อยู่ตรงหน้าตน ซึ่งผลลัพธ์มันเกินคาดกว่าที่นาตาชาจินตนาการเอาไว้มาก

     สงสัยทักษะความกวนโอ้ยก็คงได้มาจากโทนี่นิดหน่อย

    ก็ได้...ข้าจะแนะนำตัวให้เจ้าได้รู้จักเป็นบุญหูเจ้าก่อนที่เจ้าจะต้องก้มหัวให้กับข้าผู้นี้ นามของข้าคือ โลกิ เลาเฟย์สัน

    ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณเลาเฟย์สันเฟลิเซียยิ้ม

    ส่วนฉันชื่อ เฟลิเซีย เฮโลน่า จะเรียกว่าเฟลิเซียเฉยๆก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

    “…”

    ไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยงั้นหรอ?

     เขาครุ่นคิดอีกครั้งใบหน้าเรียบนิ่งและขมวดคิ้ว พร้อมกับเครื่องหมายคำถามเต็มหน้าเขาไปหมดอย่างไม่เข้าใจ เทพหนุ่มไม่เคยรู้สึกพ่ายแพ้ขนาดนี้มาก่อนเลยแถมร่างบางก็ไม่มีท่าทีว่าจะหวาดกลัวเขาเลยแม้แต่น้อยและยังคงยิ้มหน้าระรื่นให้กับเขา เหมือนออร่าแสงสว่างกำลังกระจายไปทั่ว สายลับสาวยังคงปั้นหน้านิ่งแต่ในใจเธอกำลังหัวเราะอยู่อย่างเงียบๆ

    ข้าออกจากที่นี่ไปได้เมื่อไหร่...ข้าฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆแน่

    ...

     เฟลิเซียยังคงยิ้มให้กับโลกิและไม่ได้ตอบโต้หรือเอ่ยคำใดออกมา สร้างความฉงนใจและความสงสัยให้กับเขาได้ไม่น้อย หรือเขาพูดอะไรผิดไปรึเปล่า? พอมาทวนคำพูดดูแล้วก็ไม่มีที่ชวนให้รู้สึกแปลกใจคือคนตรงหน้าไม่มีท่าทีหวาดกลัวหรือหวั่นเกรงในตัวเขาเลย

    เอาล่ะ...เรามาเข้าประเด็นกันดีกว่า

     หลังจากที่กวนประสาททำความรู้จักกับโลกิแบบไม่ค่อยจะเป็นทางการเสร็จ เฟลิเซียค่อยๆถอยออกมาอย่างช้าๆในความเป็นจริงหล่อนก็แอบคิดว่าพื้นฐานแล้วโลกิไม่น่าใช่คนไม่ดีอะไรแต่อาจจะมีเหตุและปัจจัยอะไรบางอย่าง เธอไม่ได้มีพลังในการอ่านหรือเข้าถึงจิตใจของอีกฝ่ายได้ แต่ก็นั่นแหละคือสิ่งที่เธอคิดทุกสิ่งทุกอย่างมันมักจะมีสองด้านเสมอ เขาอาจจะไม่ใช่คนร้ายกาจอย่างที่คิดอาจจะเป็นคนที่ดีและอ่อนโยนกว่าที่ใครคาดเดาก็ได้

    ชาสักถ้วยไหมคะคุณฮิลล์?

    ขอบใจ...เฮโลน่า

    ด้วยความยินดีค่ะ

     หลังจากที่ปลีกตัวออกมาเฟลิเซียมุ่งหน้ากลับไปยังห้องสำหรับเก็บเสบียงอาหาร และถือวิสาสะหยิบจับถุงชาออกมาส่วนหนึ่ง ร่างบางกลับมายังห้องขนาดกลางที่พวกเขาเอาไว้ใช้เตรียมอาหาร จัดการชงชาให้กับสมาชิกคนอื่นๆภายในชีลด์และมีบางส่วนที่ขอรับเป็นกาแฟแทน เมื่อส่งถ้วยชาให้กับสมาชิกที่กำลังทำงานกันอยู่ในห้องควบคุมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เฟลิเซียเดินไปยังห้องแล็บที่พ่อของเธอและดร.บรูซ แบนเนอร์ทันที

    ชาสักถ้วยไหมคะ?

    คิดว่า...ได้ก็ดี

    หลับสบายไหมเฟซี่? ไม่มีใครมากวนใจลูกใช่ไหม?

    ไม่มีค่ะป๊า ก็หลับสบายดีค่ะแต่ก็หลับไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ แล้วป๊ากับคุณแบนเนอร์ได้พักกันบ้างรึยังคะ?

    ก็งีบกันไปแล้วนิดหน่อย...แต่สบายมาก

    ใช่สบายมาก ขอบคุณสำหรับชา

    ด้วยความยินดีค่ะ

     เฟลิเซียยิ้มพลางส่งถ้วยชาให้กับบรูซและพ่อของตนก่อนที่จะเดินออกไปทันทีเพราะไม่อยากรบกวน ทั้งสองจิบชาเล็กน้อยก่อนที่จะต่างคนต่างวางถ้วยลง บรูซกำลังยืนพิงกระจกส่วนพ่อของเธอก็ถือวิสาสะนั่งอยู่บนโต๊ะ ตรงหน้าเขามีจอมอนิเตอร์แบบอัจฉริยะและทันสมัยสามารถสัมผัสหรือเขียนวาดลงบนหน้าจอได้

    แล้ว...เธอมีชุดเกราะเหมือนนายรึเปล่า?

    แน่นอนว่าไม่โทนี่ตอบในขณะที่กำลังแฮกข้อมูลอะไรบางอย่าง

    แล้วความสามารถของเธอคือ?

    เอ่อ...มันก็พูดยาก จะเรียกว่ายังไงดีล่ะเธอไม่ค่อยแสดงออกมาให้เห็นถ้าไม่จำเป็นและพยายามใช้ให้น้อยที่สุด

    ใช้? นายหมายความว่ายังไง?

     บรูซถามด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจในสิ่งที่โทนี่พยายามจะสื่อ จากสีหน้าก็คงเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและอาจจะละเอียดอ่อนจนไม่สามารถอธิบายหรือเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูดได้ หรือเป็นอะไรที่อาจจะเหนือกฏเกณฑ์ความคาดหมายที่เขาก็ไม่อาจจะคาดเดาได้

    ต้องเห็นด้วยตาของตัวเอง...ก็บอกไม่ได้เหมือนกัน

    แล้วนายเจอเธอได้ยังไง?

    ก็แบบกำลังไปเดต...แล้วก็เจอเข้าโดยบังเอิญ เนื้อตัวมอมแมมเสื้อผ้าขาดวิ่นไม่พูดไม่จากับหวาดระแวง เหมือนลูกแมวไปตกบ่อโคลนมา...แล้วก็ตื่นคน แถมไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับตัวเธอเลย เธอบอกแค่ว่าเธอชื่อเฟลิเซีย เฮโลน่า นอกนั้นก็...บ๋อแบ๋ว่างเปล่า ฉันไม่ได้ข้อมูลอะไร ชีลด์ก็ไม่มี ไม่มีอะไรเลยไม่มีใครรู้อะไรเลยเกี่ยวกับเธอ ตอนตรวจร่างกายก็ยังดีหน่อยที่เธอให้ความร่วมมืออยู่บ้าง หมอบอกว่าไม่มีร่องรอยของการถูกทำร้ายแต่มีรอยเข็มฉีดยากับอะไรนิดๆหน่อยๆแต่ไม่มีอะไรเป็นอันตรายถึงชีวิต...กว่าจะทำให้เด็กคนหนึ่งเปิดใจได้ก็ยากนะ แต่พอผ่านจุดนั้นมาได้แล้วเธอร่าเริงสดใสขึ้นก็รู้สึกโล่งอกโล่งใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

    อะไรที่ทำให้นายตัดสินใจรับเธอลูกบุญธรรม?

    ถูกชะตา

    แค่นั้น?

    แค่นั้นเลยดร.แบนเนอร์...แค่รู้สึกถูกชะตากับเธออย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าชีวิตเธอผ่านเรื่องอะไรมาบ้าง แต่ในตอนนี้และปัจจุบันเธอคือลูกสาวของฉันมหาเศรษฐีเพลย์บอยและใจบุญ ไม่จำเป็นต้องขุดหรือหาข้อมูลเบื้องหลังของเธอแค่ให้รับรู้กันเอาไว้ก็พอว่าเธอคือลูกของฉัน กลับบ้านมาแค่ได้เห็นรอยยิ้มกับความสดใสหรือถามไถ่ว่าวันนี้เป็นไงบ้าง? หรือ ป๊าเป็นยังไงบ้าง? เหนื่อยไหม? ก็รู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง...ก็แค่นั้นเอง

     อีกมุมหนึ่งที่น้อยคนนักจะได้เห็นหรือได้ยิน เรียกว่ามุมมองของคนเป็นพ่อก็น่าจะได้เขาไม่สามารถนิยามออกมาได้เช่นกัน ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นเขารู้สึกถูกชะตากับเธอทันทีและอยากที่จะรับเลี้ยงเธอด้วยเช่นกัน เขารู้ว่าการเป็นพ่อคนนั้นมันไม่ง่ายอย่างที่คิดแต่เขาก็สามารถเลี้ยงดูให้เธอเติบโตมาอย่างมีความสุขเหมือนเด็กๆครอบครัวอื่นๆได้ ให้ความรักและทำให้เธอมีความสุขแบบที่เธอควรจะได้ เฟลิเซียไม่เคยร้องขออะไรเขาเลยแต่เขาก็ยินดีที่จะให้สิ่งที่เธอต้องการและอยากจะได้

     ทั้งๆที่ไม่ใช่ลูกของเขาจริงๆแต่กลับรู้สึกผูกพันอย่างประหลาด ราวกับเธอเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาจริงๆ เขาพร้อมปกป้องและจัดการกับใครก็ตามที่ทำร้ายหรือหมายจะเอาชีวิตเธอ เขาจะไม่ปล่อยคนเหล่านั้นเอาไว้อย่างแน่นอนและพร้อมเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

     

     ตู้ม!

    “!?”

     หลังจากที่เธอยกชาไปให้พ่อของเธอก็ผ่านมาสักพักใหญ่ๆแล้ว แรงสั่นสะเทือนจากระเบิดด้านนอกส่งผลกระทบเข้ามายังภายในห้องควบคุมและส่วนอื่นๆ เฟลิเซียกำลังนั่งเล่นอยู่ลุกขึ้นทันทีและเมื่อเปิดประตูออกมาก็พบกับบุคคลที่บุกเข้ามาในยานในชุดเครื่องแบบเต็มยศ พวกเขาหันปืนมายังเธอและกำลังจะเหนี่ยวไกลกลายเป็นว่าพวกเขาถูกหยุดการกระทำนั้นเอาไว้เสียก่อน คลื่นพลังงานสีดำจับตัวของพวกเขาเอาไว้และจับเหวี่ยงกันออกไปคนละทิศทาง ตอนนี้ทุกคนที่อยู่ภายในยานกำลังแตกตื่นและวุ่นวายกันไปหมดเพราะถูกโจมตีจากด้านนอกและถูกปั่นป่วนจากภายในอีกทอดหนึ่ง

    หวา!”

     คนที่ล้มไปแล้วในตอนแรกหยิบมีดออกจากซองหนังและพยายามจ้วงแทงใส่อีกฝ่าย เฟลิเซียถอยหลังหลบทันทีก่อนที่จะเตะเข้าที่มือเขาจนมีดนั้นกระเด็นไปอีกทาง ร่างบางถีบเข้าที่กลางลำตัวของอีกฝ่ายและจัดการหักแขนของเขาไปและกดแขนไว้ที่ด้านหลังจนอีกฝ่ายต้องกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด และเสียงกระดูกที่ดังกรอบแกรบ เถาวัลย์ปรากฏขึ้นรัดตัวของเขาเอาไว้และจัดการฟาดเขาเข้ากับกำแพงจนสลบไปทันที เทคนิคการต่อสู้แบบตัวต่อตัวง่ายๆที่นาตาชาได้พร่ำสอนเธอมา ในที่สุดเธอก็ได้ใช้เสียทีแม้มันจะไม่ได้แข็งแรงหรือมีความหนักแน่นเท่ากับผู้สอนก็ตาม

    อ๊ะ...คุณโรเจอร์!”

     เมื่อเธอวิ่งมาเรื่อยๆก็พบเข้ากับประตูบานหนึ่งที่เปิดอยู่ และเป็นจุดบริเวณที่ใบพัดได้รับความเสียหาย สตีฟกำลังยึดเกาะอะไรบางอย่างอยู่และตัวเขาก็กำลังลอยลู่ลมอยู่นอกยาน

    ระวัง!”

     เขาร้องเตือนให้เธอระวังศัตรูที่ยังคงกราดยิงเขาแบบไม่หยุดพักเมื่ออีกฝ่ายหันมาเห็นเธอ จึงหันปากกระบอกปืนใส่เธอแต่ก็ไม่ทันได้เหนี่ยวไกลคลื่นพลังปรากฏที่มือขวาของเธออย่างช้าๆก่อนที่จะหยิบร่างของอีกฝ่ายขึ้นเหนือพื้น และพันธนาการเขาเอาไว้ด้วยเถาวัลย์งอกขึ้นมาจากพื้น มือซ้ายของวาดไปบนอากาศดึงตัวของสตีฟให้เข้ามาด้านในและให้เขาใช้เป็นที่ยึดเกาะ คันโยกสีแดกถูกโยกลงมาจนสุดพร้อมกับโทนี่ที่ออกมาจากใบพัดยักษ์

    เฟซี่หลบ!”

    “!?”

     เมื่อดึงสตีฟเข้ามาด้านในจนถึงจุดที่ปลอดภัย เธอรีบเบี่ยงตัวหลบทันทีบุรุษเหล็กเกราะแดงพุ่งเข้าใส่ศัตรูที่ถูกเธอจับเอาไว้และน็อคเอาท์อีกฝ่ายทันทีจนเขาสลบไสลไป

    ป๊า!”

    ไม่เป็นไร...ไม่ต้องห่วง ลูกบาดเจ็บตรงไหนไหม?

    หนูไม่เป็นไรค่ะป๊า...คุณโรเจอร์คะ? บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ?

    ไม่เป็นไร...สบายมาก

     เฟลิเซียที่ตรวจสอบแล้วว่าพ่อของเธอไม่เป็นไรจึงเดินออกไปตรวจสอบกัปตันหนุ่มทันที เมื่อได้รับคำตอบดังนั้นเธอก็โล่งใจเล็กน้อย สตีฟเริ่มเข้าใจคำพูดของโทนี่แล้วว่าอายุ16ปีเป็นวัยที่สุดจะอันตรายมันเป็นยังไง แน่นอนเขาอึ้งและทึ่งสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวของเด็กสาวเพราะเขาไม่คิดว่าเป็นพลังเหนือธรรมชาติอะไรทำนองนี้ แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพียงแค่เขาคาดไม่ถึงว่าเด็กผู้หญิงธรรมดาๆที่ดูเหมือนไม่มีอะไรจะซ่อนพลังงานคล้ายเวทมนตร์ราวกับแม่มดนี้เอาไว้

     

    -------------------------------------------------------------------------------------

    โบนัสตอนพิเศษค่ะ

    เดี๋ยวมีมาต่ออีก

    ซุ่มแต่งตั้งแต่ฟิคน้องยังไม่จบ (ฮา)

    ส่วนตอนต่ออาจจะนานหน่อยนะคะ TvT กลัวพี่กิน้อยใจ

    อุตส่าห์อยู่บนฟิคแต่ไม่มีบทเลย

     

     

     

     

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×