ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic avengers x OC] She is our 'Family' [END]

    ลำดับตอนที่ #27 : Chapter25 : Thank you for everything

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 930
      93
      26 ธ.ค. 64

    Chapter25


     

     วู่ม!

     ตู้ม!

     แครอลเป็นคนรับช่วงต่อเธอจับถุงมือแนบตัวเอาไว้ให้แน่น ก่อนที่จะใช้พลังทะยานและพุ่งตัวไปข้างหน้าเพื่อฝ่าวงล้อมของศัตรูพร้อมกับระเบิดที่ไล่หลังเธอมา จุดหมายคือรถตู้ที่มีเครื่องเดินทางข้ามเวลาเปิดอยู่ ในตอนนี้ต้องเอามณีทั้งหมดไปคืนในช่วงเวลาและไทม์ไลน์นั้นๆก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะสายไป เมื่อร่างสูงเห็นว่าเธอกำลังมุ่งตรงมายังตรงนี้จึงรีบวิ่งเข้าหาเธอทันทีหมายที่จะแย่งถุงมือจากเธอ

     เพพเพอร์ ชูริ โฮปและเฟลิเซีย พุ่งตัวออกมาจากกลุ่มควันสีดำที่ไล่หลังแครอลมาในตอนแรก คลื่นพลังจากอาวุธทั้งสามและหนึ่งพลังเวทพุ่งโจมตีทานอสเพื่อเป็นการสะกัดยับยั้งเขาเอาไว้ ร่างยักษ์ล้มและกลิ้งไปตามแรงพลัง สาวแกร่งทะยานผ่านตัวเขาไปและเมื่อเขาตั้งตัวได้จึงปาอาวุธไปยังเครื่องเดินทางข้ามเวลา วินาทีนั้นคลื่นพลังมหาศาลได้ระเบิดออกมาทำให้ใครก็ตามที่อยู่ในบริเวณนั้นกระเด็นไปตามแรงของพลังงานที่ระเบิดออกมา แครอลกระเด็นไปอีกทางส่วนถุงมือก็หลุดลอยออกไปจากมือของเธอ

    “!?”

     เฟลิเซียที่ตั้งตัวได้ก่อนจึงรีบตั้งตัวและวิ่งไปยังทิศทางที่ถุงมืออยู่ โทนี่ที่ตั้งตัวได้พร้อมกับเธอก็มุ่งหน้ามายังถุงมือเช่นกันแต่ก็ถูกเหวี่ยงกระเด็นไปอีกทาง เขากำลังจะก้มหยิบถุงมือเธอดึงพลังออกมาและซัดพลังนั้นใส่เขาจนเขาเซเล็กน้อย เมื่อสบโอกาสธอร์จึงรีบเข้าไปประชิดตัวทันทีพร้อมกับสตีฟ เพื่อหยุดการกระทำของเขาแต่ก็ไม่เป็นผลทานอสโขกหัวของตนเข้ากับหัวของธอร์อย่างรุนแรงจนเขาล้มลง ร่างของสตีฟถูกเหวี่ยงข้ามตัวไปและถูกชกเข้าที่หน้าอย่างเต็มแรง ร่างแกร่งหยิบถุงมือขึ้นมาและกำลังจะสวม แต่ก็ถูกเถาวัลย์และรากไม้พุ่งขึ้นมาจากพื้นจับยึดร่างของเขาเอาไว้ก่อน เปิดโอกาสให้แครอลพุ่งตัวมาจัดการกับทานอสต่อเพื่อไม่ให้เขาใส่ถุงมือสำเร็จ การต่อสู้เริ่มดุเดือดแม้จะมีอะไรยึดตัวเขาเอาไว้ก็ไม่สามารถต้านทานเขาเอาไว้ได้ เมื่อเขาหลุดจากพันธนาการและจับตัวแครอลเอาไว้ได้ มือแกร่งเหวี่ยงเธอไปยังทิศทางที่ร่างบางยืนอยู่จึงทำให้ตัวแครอลลอยมากระแทกตัวเฟลิเซียจนล้มลงไป

     กึ่ก!

    ไม่!”

     เฟลิเซียร้องขึ้นเมื่อเขาสวมถุงมือและกำลังจะรับพลังจากมณีทั้งหก สาวแกร่งผมทองที่ตั้งตัวได้จึงถีบเข้าไปหยุดเขาเอาไว้ได้ทันก่อนที่การดีดนิ้วจะเริ่มขึ้น เธอพยายามดึงและแย่งยื้อถุงมือให้ออกมาจากทานอส บุรุษร่างยักษ์ดึงมณีพลังเม็ดสีม่วงออกมาก่อนที่จะซัดมันใส่แครอลจนร่างเธอลอยหวือกระเด็นออกไปอีกทาง ระหว่างนั้นเองโทนี่ที่อยู่ใกล้ๆกับสตีเฟ่นเงยหน้ามองเขา ไม่มีบทสนทนาระหว่างพวกเขามีเพียงแค่มหาจอมเวทที่ยกมือขึ้นและชูนิ้วชี้ขึ้นมา วินาทีนั้นโทนี่จึงเป็นคนที่เข้าไปแย่งยื้อถุงมือกับทานอสอีกครั้งแต่ก็ถูกเหวี่ยงลงพื้นอีกครั้งเช่นกัน

    ข้าคือชะตาที่ไม่อาจเลี่ยง

     เขาแสยะยิ้มและดีดนิ้วแต่ก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ทานอสจึงหันไปมองถุงมืออีกครั้งและพลิกดูก็ไม่พบมณีซึ่งเป็นขุมพลังแห่งจักรวาลทั้งหกเม็ด เมื่อหันไปยังบุรุษเหล็กเกราะแดงตรงหน้าเกิดเป็นความตะลึงงัน มณีทั้งหกอยู่ในมือของโทนี่เป็นที่เรียบร้อยแล้วเขาหลับตาเพื่อรับคลื่นพลังจากมณีค่อยๆและมันกำลังแผดเผาแขนของโทนี่ ขุมพลังแห่งจักรวาลเริ่มไหลเวียนในกายของเขาอย่างช้าๆเมื่อถึงจุดที่เขาพอจะประคองตนกับพลังนี้ได้จึงลืมตาขึ้นมองร่างสูงตรงหน้า


    ส่วนฉันคือ... Iron man

     กึ่ก!

     พ่อของเธอดีดนิ้ว...

     เฟลิเซียค่อยๆลุกขึ้นมาและยืนขึ้น ดวงเนตรสีน้ำตาลยังคงเรืองแสงเป็นสีไข่มุก ความหวั่นใจและความกลัวเริ่มก่อขึ้นภายในใจ สิ่งที่หวาดกลัวและสังหรณ์ใจมาตลอดในที่สุดมันก็เกิดขึ้นแล้ว ภาพตรงหน้าระหว่างพ่อเธอกับทานอสเหมือนในนิมิตอันเลวร้ายที่เธอเคยพบในห้วงนิทราเมื่อห้าปีก่อน

    ข้าคือ....

    ‘….ข้าคือ....ชะตา....

    ชะตา....ข้าคือ....ชะตา....

    ชะตา....ข้าคือชะตา....ที่.....

    ไม่อาจ...เลี่ยง....

    ส่วนฉัน....ฉันคือ....ฉันคือ....

    ไม่....!’

    ฉันคือ....

     

     เธอกำมือของตนแน่นและกัดปากของตนเองเล็กน้อยจนได้รสและกลิ่นคาวเลือดซิบจากริมฝีปาก สายธารแห่งน้ำตาปรากฏขึ้นอีกครั้งและไหลอาบลงที่พวงแก้มของเธอ ไพร่พลจากต่างดาวของทานอสค่อยๆกลายเป็นฝุ่นธุลี รวมถึงยานรบและพาหนะต่างๆที่ถูกนำเข้ามา นายใหญ่เหนือหัวของเหล่าเอเลี่ยนจากต่างดาวมองไปรอบๆด้วยความอึ้งและทึ่งกับผลลัพธ์ที่มันไม่ได้ออกมาอย่างที่หวังหรือเป็นไปตามที่คาดเอาไว้ เขาค่อยๆหันกลับมาและทิ้งตัวนั่งลงจนในที่สุดเขาก็กลายเถ้าธุลีหายไป

    “…”

    “…”

     เฟลิเซียค่อยๆหันไปมองผู้ที่เคยผ่าตัดและเคยช่วยชีวิตตนเองไว้ ดวงเนตรสองคู่สบกันเล็กน้อย สตีเฟ่นไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำพูดใดๆออกมาเพราะเขารู้ว่ากำลังจะเกิดสิ่งใดขึ้นต่อจากนี้และเขาไม่สามารถพูดหรือบอกได้ไม่เช่นนั้นสิ่งนั้นมันจะไม่เกิดขึ้น มือของเธอค่อยๆแกะสร้อยคอของเธออกมาและวางมันทิ้งไว้ในตรงจุดที่เธอยืนอยู่ในตอนนี้

     เฟลิเซียค่อยๆย่างก้าวออกไปจากจุดที่เธอยืนอยู่และเดินไปหาพ่อเธออย่างเงียบๆและค่อยๆนั่งลงข้างโทนี่อย่างช้าๆ ใบหน้าที่มักจะเปื้อนรอยยิ้มและเต็มไปด้วยความสดใสในตอนนี้กลับว่างเปล่า มันเต็มไปด้วยความเศร้าหมองและความเจ็บปวด รอยเปื้อนจากฝุ่นที่เปรอะใบหน้าถูกชะล้างด้วยน้ำตาที่ยังคงไหล่เอ่อออกมาไม่หยุด

    ป๊า...

    ไง...เฟ...ซี่...

     โรดีส์เข้ามาดูโทนี่เป็นคนแรก ตามมาด้วยปีเตอร์ที่กำลังสะอื้นน้อยๆและร้องไห้เธอจึงกอดปลอบเขาเบาๆเพราะเธอก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน เพพเพอร์ค่อยๆพาปีเตอร์ออกมาและขยับพื้นที่ให้ลูกสาวตนได้นั่งข้างๆคนที่เธอรัก มือร่างแกร่งที่กุมมือภรรยาตนเอาไว้เปลี่ยนมากุมมือลูกสาวของตนเองแทน ฟรายเดย์บอกว่าตอนนี้อาการและภาวะร่างกายของโทนี่กำลังเข้าขั้นวิกฤต..

     เธอจะช้าไม่ได้แล้ว...

    ป๊า...จำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อแปดปีก่อนได้ไหม?

     เธอค่อยๆพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือและพยายามประคองเสียงเอาไว้ให้มั่น ดวงเนตรของโทนี่มองลูกสาวตนด้วยความฉงนใจเล็กน้อยๆ ใบหน้า แขนและตัวซีกขวาของเขาเป็นรอยไหม้จากการถูกพลังของมณีนั้นแผดเผา เฟลิเซียค่อยๆยิ้มน้อยๆและใช้อีกมือกุมมือของโทนี่เอาไว้

     เพพเพอร์รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีชอบกล โรดีส์กับปีเตอร์เองก็เช่นกัน สไปเดอร์แมนหนุ่มยังคงสะอื้นอยู่อย่างเงียบๆและปาดน้ำตา

    หนู...มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยบอกป๊าหรือคุณแม่หรือใครก็ตาม...ตอนนั้นที่กลับไปยังฐานบาโฟเมตเพื่อจัดการกับคนที่อยู่เบื้องหลังและทลายฐาน เขาได้บอกความลับและความจริงบางอย่างกับหนู สัญลักษณ์ตรงหลังที่หนูพยายามซ่อนและปกปิดมันมาโดยตลอด

     โรดีส์เข้าใจในทันทีเพราะเขาจำได้ เขาเคยเห็นลางๆและแตะหลังของเธออย่างไม่ได้ตั้งใจ นี่คงเป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้วว่าทำไมเธอถึงไม่ต้องการให้ใครแตะที่หลังโดยไม่ได้รับอนุญาต จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้พวกเขาได้รู้จักเธอมากยิ่งขึ้นจากข้อมูลเรื่องพ่อแม่ที่ได้มาจากฐานแต่ก็ไม่ได้รู้ทั้งหมดเสียทีเดียว

    มันคือสัญลักษณ์ชีพอมตะเขาบอกหนูมาแบบนั้น หนูไม่ได้รู้อะไรไปมากกว่านั้นพยายามหาคำตอบจากทุกที่พยายามไขปริศนาแต่ก็ไม่พบจนช่วงห้าปีที่ผ่านมานี้ในที่สุดหนูก็พบ...น้ำตายังคงไหลอาบแก้มเธออย่างไม่ขาดสาย

     ไม่รู้ว่าเฟลิเซียจะพยายามบอกอะไรแต่เพพเพอร์สงสารลูกสาวตนจับใจ ความรู้สึกหรือตัวของหญิงสาวเหมือนทำมาจากแก้ว เธอพร้อมแตกหักและสลายเสมอ จากเหตุเมื่อทีมแตกเมื่อหลายปีก่อนจนกระทั่งเหตุการณ์ที่ทานอสรุกรานโลกและรวมถึงตอนนี้กับความเจ็บปวดที่ไม่อาจจะพรรณนาได้

     เธอสูญเสียนาตาชาไปแล้ว รวมถึงวิชชั่นเองก็ด้วยและเธอกำลังจะสูญเสียคนที่เธอรักอีกคน...

    หนูพบความลับของมัน...ผู้ที่ครอบครองสัญลักษณ์จะมีชีวิตอันเป็นนิจนิรันดร์ ไม่มีวันแก่เฒ่าและไม่มีวันตาย แต่ก็ต้องทนเห็นคนที่ตัวเองรักค่อยๆล้มหายตายจากไปทีละคน จิตใจที่แตกสลายจากการต้องสูญเสียจะถูกพลังเข้าครอบงำซะเองและสลายไปในที่สุด แต่มันไม่ได้มีเพียงแค่นั้น...

     โทนี่สภาวะร่างกายไม่มั่นคงแต่เขาก็ยังพอฟังจับใจความได้ ดวงตาของเขาเบิกกว้างเล็กๆเหมือนรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นมือของเขาสัมผัสและรู้สึกถึงได้อะไรบางอย่าง ตัวของเฟลิเซียค่อยๆมีออร่าพลังไหลเวียนออกมา แตกต่างจากพลังของเธอในทุกๆครั้งคราวนี้เป็นพลังงานสีขาวสะอาดและบริสุทธิ์

    นั่นเธอ...จะทำอะไร?คลินท์เป็นคนแรกที่เปิดประเด็น

    ไม่รู้เหมือนกัน...แต่รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่สตีฟตอบคลินท์

    เฟซี่...วันด้าพึมพำเรียกชื่อเธอเบาๆ

     โรดีส์์ เพพเพอร์และปีเตอร์ตะลึงงันกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ผมยาวที่ไม่ได้ปกคลุมแผ่นหลังทำให้เห็นแสงบางอย่างที่มันกำลังเรืองแสงอยู่ใต้เสื้อที่เธอสวมใส่ ซึ่งดูจากรอยเสื้อผ้าที่ถูกเฉือนจนขาดตรงแผ่นหลัง ทำให้เห็นแสงสีแดงเข้มกับสีขาวที่กำลังส่องสว่างกับ เพพเพอร์น้ำตาคลอและแตะไหล่เฟลิเซียเบาๆ

    มันมีอีกหนึ่งอย่าง...ร่างบางค่อยๆหันมายิ้มให้กับผู้เป็นแม่สลับกับผู้เป็นพ่อ

    ผู้ครอบครองสามารถละทิ้งความเป็นอมตะนี้ลงได้ เงื่อนไขของมันคือจะต้องใช้กับคนที่กำลังจะตายเท่านั้น แต่สิ่งแลกเปลี่ยนคือ...ชีวิต ร่างกายและจิตวิญญาณของผู้ครอบครองเธอยิ้มทั้งน้ำตา

     ลางสังหรณ์ถูกต้อง...

      ปีเตอร์ยกมือปิดปากอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ตนได้ยิน เขาเริ่มร้องไห้อีกครั้งเพพเพอร์ก็ไม่ต่างกัน

    เฟซี่...ได้โปรด...

    ...

     เธอส่ายหน้าปฏิเสธผู้เป็นมารดาและยังคงยิ้มทั้งน้ำตา ใต้ผิวกายเธอเรืองแสงสีส้มเล็กน้อย ออร่าแห่งพลังปกคลุมไปทั่วทั้งกายและแผ่กระจายออกมาเล็กน้อย

    สิ่งนี้ไม่ได้ช่วยให้คนที่กำลังจะตายเป็นอมตะ มันไม่ได้ช่วยให้บาดแผล อาการเจ็บป่วย หรือโรคภัยที่เป็นอยู่หายแค่ทำให้ทรงตัวขึ้นและเป็นการให้คนๆนั้นได้มีชีวิตอยู่ต่อไป และมีวันสิ้นอายุขัยเหมือนคนปกติ

    ...ไม่...

    มอร์แกนต้องมีป๊า...มอร์แกนต้องมีคุณแม่...น้องยังต้องมีทุกๆคนหนูจะไม่ยอมให้น้องขาดใครสักคนหนึ่งไป

    แต่มอร์แกนก็ต้องการลูกเหมือนกันนะเฟซี่ พ่อกับแม่และน้องขาดหนูไปไม่ได้เหมือนกันเพพเพอร์สะอื้น

    ...

     เฟลิเซียยิ้มให้เพพเพอร์และส่ายหน้าอีกครั้ง เมื่อนึกถึงภาพวันวานและช่วงเวลาที่ใช้ร่วมกันทั้งกับโทนี่ เพพเพอร์และมอร์แกน เธอรักทุกช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันและทุกช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน ไม่ใช่แค่โทนี่ เพพเพอร์หรือมอร์แกนแต่ทุกๆกคนเติมเต็มสิ่งที่เรียกว่าความรักพวกเขาสอนเธอให้รู้จักมัน ความอบอุ่นที่ไม่เคยรู้จัก ความรู้สึกแบบครอบครัวที่ไม่เคยได้สัมผัส สิ่งเหล่านั้นเขาได้มอบมาให้กับเธอจนเธอเข้าใจและรู้สึกได้ในทุกๆอนูของความรู้สึก เธอไม่รู้จะขอบคุณยังไงและจะตอบแทนพวกเขายังไง

     โทนี่กุมมือเฟลิเซียแน่นขึ้น

    อย่างน้อยๆมอร์แกนก็ยังมีป๊ากับคุณแม่ อย่างน้อยๆก็ยังพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก หนูอาจจะเห็นแก่ตัว...แต่...หนูยอมให้ป๊าตายไม่ได้จริงๆ ขอบคุณนะคะป๊า...สำหรับทุกอย่าง ขอบคุณป๊า...ขอบคุณคุณแม่...ขอบคุณทุกๆคนที่ทำให้ชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมีความสุขมากขนาดนี้ หนูรักทุกช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกับป๊าและทุกๆคนนะคะเธอบีบมือของโทนี่แน่น

    ขอบคุณ...จริงๆ...แล้วก็หนูฝากขอโทษมอร์แกนด้วยที่ไม่สามารถ...ทำตามที่ให้สัญญาเอาไว้ได้

     เธอหันไปยิ้มให้กับโทนี่และเพพเพอร์ โรดีส์น้ำตาคลอด้วยความเศร้าปีเตอร์เองก็เช่นกัน สตีฟและคลินท์ที่น้ำตากำลังเอ่อคลอ วันด้ายกมือขึ้นปิดปากร้องไห้ส่วนธอร์เบือนหน้าหนีบรูซกำมือตัวเองแน่น แซมหลับตาลงส่วนบัคกี้ก็นิ่งไปและอึ้งในเวลาเดียวกัน

    ไม่...!”

     ใบหน้าที่ฉาบไปด้วยน้ำตากับรอยยิ้มแสนอบอุ่นและอ่อนโยนสุดท้าย สัญลักษณ์ที่แผ่นหลังค่อยๆจางหายไป กายของหญิงสาวค่อยๆมีรอยแตกร้าวปรากฏขึ้นก่อนที่จะค่อยๆลามไปที่คอและที่แก้ม โทนี่ใช้แรงเฮือกสุดท้ายของตนคว้าลูกสาวของเขาเอาไว้ แต่ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว...

     เขาคว้าได้เพียงแค่ควันและกายของเธอสลายไปอย่างรวดเร็ว เธอหายไปในอ้อมกอดของเขาที่มีเพียงแค่กลุ่มควันหนาแน่นและกำลังฟุ้งกระจาย โรดีส์และปีเตอร์ช่วยกันประคองโทนี่ทันที พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของคนเป็นพ่อที่พึ่งจะเสียลูกสาวไปจากการที่เธอสละชีพตนเพื่อให้เขาได้มีชีวิตอยู่ต่อ...

     แสงสว่างที่นุ่มนวลและอบอุ่นของทีมในตอนนี้ได้มอบดับหายไปแล้ว

     กลุ่มควันสีขาวค่อยๆจางลงสายลมเอื่อยๆพัดพาหายไปจนหมด โทนี่ร่ำไห้แม้เขาจะยังรู้สึกเจ็บชาและร่างกายไม่มั่นคง ลูกสาวคนโตของบ้านสลายหายไปต่อหน้าต่อตาของเขาโดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยและนี่คือสิ่งที่เหนือความคาดหมาย นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาหรือใครนึกฝันหรือนึกถึงมาก่อน

    นั่น...อะไร...

     ธอร์เป็นคนเปิดประเด็นและเป็นคนแรกที่เห็น ทั้งหมดจึงมองไปยังจุดเดียวกันกับที่บุตรแห่งโอดินกำลังมองอยู่ สร้อยคอที่เธอทิ้งเอาไว้มณีกำลังเรืองแสงและค่อยๆสว่างขึ้นก่อนที่จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆและเกิดเป็นควันขึ้นมา มีใครบางคนยืนอยู่และถูกกลุ่มควันเหล่านั้นปกคลุม เมื่อควันจางหายไปเกิดเป็นความตะลึงงันอีกครั้ง คลินท์ที่ประมวลผลได้เป็นคนแรกวิ่งไปยังกลุ่มควันนั้นทันทีก่อนที่จะโผเข้ากอดหญิงสาวที่ปรากฏตัวขึ้น

    แนท!?”

    พระเจ้า...นี่มันเกิดอะไรขึ้น...

     คนที่ไม่มีวันได้กลับมาแล้วในตอนนี้กลับปรากฏกายขึ้น ท่ามกลางความตกใจของสตีฟ คลินท์และบรูซ  นาตาชางุนงงกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับตนเธอจำได้ว่าเมื่อร่างของเธอร่วงหล่นลงสู่พื้นเบื้องล่างทุกอย่างมืดบอดไปหมด จนกระทั่งมีแสงสว่างหนึ่งปรากฏขึ้นเมื่อเธอแตะก็มีอะไรบางอย่างฉุดเธอเข้าไปในแสงสว่างนั้น ฮอว์กอายกอดเพื่อนสนิทตนเอาไว้อย่างแนบแน่น เขาสะอื้นและดีใจด้วยในเวลาเดียวกันเพราะนี่คือเธอจริงๆไม่ใช่ใครอื่น นาตาชายังคงอยู่ในชุดสูทของเธอแบบเดิมไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไป เธอกอดคลินท์ตอบก่อนที่จะกวาดสายตามองไปรอบๆ

    นี่มันเรื่องอะไรกัน...?เธอถามอย่างฉงนใจ

    เธอช่วยคุณเอาไว้

    หมายความว่ายังไงเธอ?สตีฟถามอย่างสงสัย

    ลูกสาวของสตาร์ค...ช่วยเธอเอาไว้สตีเฟ่นตอบ

    สิ่งที่เธอพกติดตัวมาโดยตลอดและทิ้งมันเอาไว้ตรงนั้น...มันคือมณีแห่งการฟื้นคืน เป็นมณีเฉพาะที่ไม่ได้จัดอยู่รวมกับมณีทั้งหก บางครั้งมันจะบอกลางบอกเหตุบางอย่างหรือทำให้ผู้ครอบครองได้เห็นนิมิตบางอย่าง...เพียงแค่ชั่วคราวและไม่ได้บอกอะไรทั้งหมด มณีสามารถนำคนที่ตายไปแล้วกลับมาจากดินแดนแห่งความตายได้ เงื่อนไขเดียวคือจะต้องเป็นคนที่ผู้ถือครองรักจริงๆ แต่ถ้าเกิดไม่ใช่ก็จะเสียมณีไปโดยเปล่าประโยชน์ มันจะแตกสลายทันที ส่วนสิ่งที่จะต้องแลกเปลี่ยนคืออายุขัยที่สั้นลงของคนที่ครอบครองไม่ว่าจะฟื้นคืนสำเร็จ...หรือไม่ก็ตาม

     เมื่อคลายกอดจากคลินท์เธอจึงสบตากับเขา ใบหน้าแห่งความดีใจถูกแทนที่ด้วยความเศร้านาตาชาส่ายหัวเธอหวังว่ามันจะไม่ใช่แบบที่เธอคิด...

    เราชนะแนท...พวกเราชนะ แต่เธอ...สละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยสตาร์ค...แลกเปลี่ยนด้วยชีวิตของเธอ

     ใจนาตาชาสลายทันทีดวงเนตรสีเขียวมีน้ำตาเอ่อล้นออกมา ก่อนที่เธอจะทรุดตัวลงกับพื้นโดยที่มีคลินท์ประคองเอาไว้ ต่อให้เฟลิเซียไม่ได้ช่วยโทนี่เอาไว้แต่การที่ช่วยนาตาชาก็ต้องแลกมาซึ่งอายุขัยที่สั้นลง สิ่งนั้นก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างกันแม้จะชนะแต่เธอก็ไม่อยู่แล้ว

    ทำไม...ทำไมถึง...ไม่...ทำไมไม่มีใคร...ห้ามเธอ...นาตาชาสะอื้น

     เธอไม่ได้รับคำตอบจากผู้ใดเพราะไม่มีใครร่วงรู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น หากไม่นับมหาจอมเวทที่พึ่งจะบอกเล่าเรื่องราวของมณีที่นำพาตัวเธอกลับมาจากปรโลก ไม่มีใครห้ามหรือขัดขวางปณิธานอันแรงกล้าของหญิงสาว

     ไม่มี...

     ใจของผู้เป็นพ่อและแม่สลายรวมถึงคนอื่นๆที่รักเธอไม่ต่างจากพวกเขา รอยยิ้มสุดท้ายยังคงตราตรึงในหัวใจ ความอบอุ่นยังตรึงอยู่ในโสตความรู้สึก พวกเขาได้รับชัยชนะจากศึกครั้งนี้ซึ่งเป็นการเผด็จศึกครั้งสุดท้าย และก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้เห็นใบหน้าของเธอ ตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมดจากตอนแรก เป็นการยืนยันที่แน่ชัดแล้วว่าเขาสูญเสียลูกสาวของเขาไปแล้ว

    ...ตลอดกาล...

     เพพเพอร์ค่อยๆกอดโทนี่เอาไว้เบาๆและเขาก็กอดตอบเธอเบาๆ น้ำตายังคงไหลอาบแก้มทั้งสองต่ออย่างเงียบๆ ไร้ซึ่งซุ่มเสียงใดในสนามรบมีเพียงแค่สายธารแห่งน้ำตาที่ไหลออกมาจากพวกเขาเหล่าอเวนเจอร์ส และความเศร้าหมองอย่างรู้สึกหดหู่ใจของทุกคนที่เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น

     

    หลายเดือนหลังจากนั้น

     

     ผู้คนที่หายไปเกือบครึ่งจักรวาลได้คืนสู่เหย้า สู่บ้าน สู่ที่ๆตนเองจากมา สู่คนที่รักและสู่ครอบครัวที่อบอุ่น หลายๆประเทศจากทั่วทุกมุมโลกเริ่มฟื้นฟูประเทศและกลับมาคึกครื้นอีกครั้งหลังจากที่หลายๆเมืองหลายๆรัฐเงียบงันไร้ซึ่งสุ่มเสียงผู้คนมานานนับห้าปี เศรษฐกิจ สถานศึกษา บริษัทและสถานที่หลายๆแห่งเริ่มฟื้นตัว  คลินท์ได้กลับไปหาภรรยากับลูกๆตนที่ตนรัก โดยมีนาตาชาไปเยี่ยมหลานๆของตนด้วย ปีเตอร์ได้หวนคืนสู่โรงเรียนได้พบปะกับเพื่อนอีกครั้ง ประเทศวากันด้าก็กลับมาครึกครื้นอีกครั้งไม่ต่างจากอเมริกา ค่ำคืนที่มืดมิดไร้กษัตริย์ผู้ปกครองในยามนี้เต็มไปด้วยเสียงของประชาชนและแสงสีเสียงแห่งการเฉลิมฉลอง

    Fairburn, Georgia 

    บ้านริมทะเลสาบ

    [“เฮ้...ถ้าเกิดทุกคนได้พบกับคลิปนี้เข้าแสดงว่าสิ่งที่หนูทำนั้นสำเร็จไปได้ด้วยดีและพวกเราก็ชนะศึกครั้งนี้คิดว่านะ ห้าปีก่อนหนูฝันร้ายและอาจจะดูเกินจริงไปซะหน่อย แต่ในฝันมันเหมือนจริงจนน่ากลัว ถึงจะประติดประต่อเรื่องราวให้ชัดเจนไม่ได้เพราะเห็นลางๆ แต่สิ่งรับรู้จากนิมิตฝันแน่ๆคือป๊าเสียชีวิต ไม่รู้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้เป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงแค่ฝันร้ายอันยาวนาน แต่ถ้าวิดีโอนี้ถูกเปิดขึ้นก็จะถือว่าสิ่งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่านิมิตในฝันมันเกิดขึ้นจริง สิ่งที่ตั้งใจเอาไว้ก็สำเร็จและหนูก็อาจจะไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว”]

     ภาพโฮโลแกรมถูกฉายขึ้นท่ามกลางห้องนั่งเล่นและห้องรับแขกกว้าง เผยให้เห็นร่างของหญิงสาววัย27ปี เธออยู่ในชุดเดรสลูกไม้ยาวสีขาวสะอาดและใบหน้าฉาบไปด้วยรอยยิ้ม ร่างบางกำลังยิ้มอย่างสดใสและนั่งอยู่บนเก้าอี้ ในห้องเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย สมาชิกอเวนเจอร์สแบบครบทีมแต่ที่ขาดไปก็คงจะเป็นวิชชั่น ผู้เป็นพ่อพบกับไฟล์ที่เธอทิ้งเอาไว้บนโต๊ะในห้องนอนกับหนังสือประหลาดเล่มหนาที่ถูกวางทับซ้อนเอาไว้

     โทนี่ เพพเพอร์และมอร์แกนนั่งอยู่ที่โซฟายาว มอร์แกนนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างพ่อกับแม่ของเธอ พวกเขาอยู่ในชุดสูทและชุดสุภาพสีดำใบหน้าของโทนี่เศร้าหมอง บรรยากาศภายในห้องเงียบพิลึกเพราะพวกเขากำลังตั้งใจฟังและมองหญิงสาวตรงหน้าที่เป็นเพียงแค่ภาพฉายโฮโลแกรมอย่างหวนคิดถึง แขนขวาของโทนี่ใส่เฝือกและใบหน้าซีกขวาของเขามีร่องรอยการทำแผลจากเทคโนโลยีของดร.โชที่ช่วยจัดการผิวหนังที่ไหม้จากพลังของมณี สร้างเซลล์ผิวหนังขึ้นใหม่เหมือนมันไม่เคยถูกพลังจากมณีเผาไหม้แต่บาดแผลภายในก็ยังคงต้องรักษากันต่อไป

     [“หนูรู้ว่าสิ่งที่หนูทำลงไปมันอาจจะเห็นแก่ตัว แต่เพราะหนูเสียป๊าไปไม่ได้จริงๆ หนูไม่อยากที่จะสูญเสียใครไปอีก แล้วก็...มากูน่ายังเด็กต้องมีป๊าแล้วก็คุณแม่ น้องยังเด็กเกินกว่าที่จะสูญเสียใครไปสักคน ป๊าหรือคุณแม่อาจจะพูดว่า น้องก็เสียลูกไปไม่ได้เหมือนกัน หนูไม่เถียงว่าน้องก็เสียหนูไปไม่ได้และหนูก็ยอมให้ป๊าต้องตายไม่ได้เหมือนกัน แต่ถ้าเมื่อเทียบกันแล้วป๊าสำคัญกว่า...หนูรู้ว่าไม่มีใครสำคัญไปกว่าใคร แต่นี่คือสิ่งที่หนูคิดและตั้งใจจะทำ การค้นพบความลับการสละชีพให้ใครสักคนมีชีวิตต่อนับว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์และไม่มีคิดว่าจะมีอะไรแบบนี้อยู่บนโลก อาจจะรวมถึงความลับที่ซ่อนเอาไว้มณีที่หนูพกติดตัวมาตลอดนี่ก็ด้วยเหมือนกัน...สิ่งแลกเปลี่ยนที่แสนแพงแต่มันก็คุ้มค่าถ้านั่นเป็นการที่ทำให้คนที่เรารักได้มีชีวิตอยู่ต่อ”]

     เธอยังคงยิ้มเหมือนตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ สดใส อบอุ่นและอ่อนโยน เหมือนแสงอาทิตย์อ่อนๆนุ่มนวล เหมือนแสงสว่างท่ามกลางความมืดมนที่เงียบงัน นาตาชายังคงร้องไห้แต่ไม่มีเสียงสะอื้นใดๆ สตีฟเองก็เช่นกันเหมือนเขาเห็นตัวเองที่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อน โรดีส์ก้มหน้าปาดน้ำตา คลินท์บีบไหล่วันด้าที่ยังเศร้าไม่ต่างกัน เพราะเท่ากับว่าตอนนี้วันด้าเสียทั้งวิชชั่นและเสียทั้งเฟลิเซีย

     มอร์แกนมองภาพโฮโลแกรมตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ เด็กน้อยอาจจะยังไม่เข้าใจความเป็นความตายในตอนนี้ เหมือนเธอรู้แค่ว่าเฟลิเซียหายไปที่ใดที่หนึ่งที่ไม่สามารถกลับมาหาเธอได้อีกแล้ว คำมั่นสัญญาที่คนเป็นพี่ไม่อาจรักษามันเอาไว้ได้...แน่นอนมอร์แกนงอแงและร้องไห้อย่างไม่เข้าใจ

     น่าเวทนาเหลือเกิน

    [“อาจจะพูดว่าอายุหนูยังน้อยเกินไปที่จะทำอะไรแบบนี้แต่ถ้าในแง่การได้ใช้ชีวิต...หนูรู้สึกว่ามันเพียงพอแล้วสำหรับหนู ถึงจะยังมีอะไรที่อยากทำและอยากใช้เวลากับทุกคนให้มากกว่านี้ก็เถอะ...อย่างที่หนูพูดน้องยังเด็กเกินที่จะสูญเสียป๊าหรือใครไปสักคน ป๊าได้ใช้เวลากับน้องเพียงแค่ห้าปีซึ่งมันน้อยเกินไปสำหรับชีวิตเด็กคนหนึ่ง แล้วก็อาจจะน้อยเกินไปสำหรับคุณแม่ ป๊ากับคุณแม่ควรได้ใช้ชีวิตด้วยกันไปจนแก่เฒ่า...ได้เฝ้าดูการเติบโตของมอร์แกน ส่วนหนูก็จะเฝ้ามองทุกๆคนอยู่ที่ใดที่หนึ่ง...หนูไม่ได้หายไปไหนแต่หนูยังอยู่ในใจของทุกๆคน ไม่ต้องหาวิธีที่จะพาหนูกลับมาเพราะหนูเลือกแล้ว...ไม่ต้องทำหลุมศพหลุมใหญ่ๆ และไม่ต้องมากพิธี...หนูขอพื้นที่แค่ตรงสวนดอกไม้ที่หนูชอบและปลูกเอาไว้ก็พอ...”]

     น้ำเสียงของเฟลิเซียเริ่มสั่นเครือ น้ำตาค่อยๆเอ่อล้นออกมาอย่างช้าๆแต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังคงยิ้มและปาดน้ำตา

    [“ขอบคุณป๊ากับคุณแม่ที่รักหนูเหมือนลูกแท้ๆ ขอบคุณที่รับเลี้ยงเด็กผู้หญิงที่มาจากไหนก็ไม่รู้ ให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่หนู ทั้งความรักและสิ่งของต่างๆมากมาย ขอบคุณมากูน่าที่ทำให้ชีวิตของพี่สดใสขึ้นและได้เข้าใจความรู้สึกของการมีพี่น้อง ขอบคุณแฮปปี้ที่คอยไปรับไปส่งทั้งๆที่บางทีก็ไม่ว่างและดูแลหนูอย่างดี...ขอบคุณปีเตอร์ที่เป็นน้องชายที่น่ารักและขอบคุณที่ไปเที่ยวเล่นเป็นเพื่อนด้วยกันบ่อยๆ ขอบคุณโรดีส์ที่รักและเอ็นดูหนูเหมือนหลาน ขอบคุณสตีฟสำหรับความเป็นพี่ชายและเล่าเรื่องราวต่างๆมากมายในยุค40sให้ฟัง ขอบคุณแนทที่เป็นพี่สาวที่น่ารักและเป็นอ้อมกอดที่อ้ารับและสวมกอดหนูเสมอ ขอบคุณคลินท์ที่เป็นพี่ชายที่อบอุ่นและสอนการยิงธนูให้ ขอบคุณบรูซที่คอยตอบคำถามและช่วยหนูทำการบ้านวิทยาศาสตร์ที่ยากๆ ขอบคุณธอร์ที่มักจะเอาหนังสือจากแอสการ์ดมาฝาก ขอบคุณแซมสำหรับมุกตลกขำขัน ขอบคุณวันด้าที่คอยสอนทำอาหารและสอนภาษาโซโคเวียและเสียใจด้วยเรื่องวิชชั่น... ขอบคุณสำหรับทุกๆสิ่งขอบคุณสำหรับทุกๆอย่าง ตั้งแต่วันแรกมาจนถึงตอนนี้ ขอบคุณทุกๆคนที่ยอมรับในตัวหนู ขอบคุณที่เป็นครอบครัวที่อบอุ่น ขอบคุณที่เป็นบ้านหลังใหญ่ให้หนูได้กลับ ขอบคุณที่ให้หนูได้เป็นอเวนเจอร์ส...ขอบคุณที่เป็นทุกอย่าง หนูรักทุกช่วงเวลาที่ได้ใช้กับทุกๆคนไม่ว่าตอนที่มีความสุข หรือทุกข์ ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหนๆ...มันทำให้หนูมีความสุขจริงๆ รักทุกๆคน...3,000”]

     

     โฮโลแกรมถูกเล่นจนจบภาพสุดท้ายที่พวกเขาได้เห็นคือเธอยิ้มทั้งน้ำตา โทนี่ก้มหน้าร่ำไห้เพราะเขาคิดถึงลูกสาวของเขาเหลือเกินรวมถึงคนอื่นๆก็เช่นกัน แม้ว่าจะชนะศึกครั้งนี้แต่เขาก็รู้สึกล้มเหลวเพราะเขาไม่มีแม้แต่ร่างของเธอให้กลับมาทำพิธีฝังศพอย่างถูกต้อง เพพเพอร์บีบมือเขาเบาๆส่วนมอร์แกนเองก็กอดพ่อของเธอเอาไว้เบาๆ โทนี่ยิ้มพลางปาดน้ำตาและหอมหัวลูกสาวของตนเองเล็กน้อย สิ่งที่คงเหลือเอาไว้มีเพียงแค่สร้อยคอสีดำสนิทและไร้มณี กับหนังสือที่นำพาเธอให้เธอได้หยั่งรู้ถึงความจริงของพลังที่แอบแฝงอยู่ กลิ่นไอหอมจางๆของเธอยังลอยฟุ้งอยู่ในห้วงอากาศในห้องนอนและส่วนต่างๆของบ้าน

     มีเพียงแค่การไว้อาลัยเธอสั้นๆและเรียบง่ายตรงริมทะเลสาบตามที่เธอขอ หนังสือและสร้อยคอถูกฝังเอาไว้ในสวนดอกไม้ที่เธอปลูกและชอบตรงบริเวณริมทะเลสาบที่ไกลออกจากบ้านไปเล็กน้อย คนมาร่วมการไว้อาลัยในครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เหล่าอเวนเจอร์สแต่ยังมีคนอื่นๆที่ร่วมรบในศึกครั้งนี้

    เฟลิเซีย เฮโลน่า

    (เฟลิเซีย สตาร์ค)

     แผ่นศิลาเล็กๆจารึกชื่อเธอลงและเพื่อเป็นการให้เกียรติ เขาเลือกที่จะใช้นามสกุลที่แท้จริงของเธอและวงเล็บด้วยชื่อเธอที่มีสนามสกุลของเขา มีช่อดอกไม้ที่เธอชอบวางอยู่อีกทั้งก็อยู่ท่ามกลางดอกไม้ที่เธอโปรดปราน ดอกไฮเดรนเยียความหมายในเชิงบวกที่หมายถึงขอบคุณที่เข้าใจในตัวฉัน และยอมรับความเป็นฉันเสมอมา ไม่ใช่ในเชิงชู้สาวแต่เป็นเชิงรักแบบครอบครัว ปีเตอร์นำดอกคาร์เนชั่นสีลายมาวางเขายิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะถอยออกมาพร้อมกับป้าเมย์

     

    ...บรานส์

    ....?

    ฉัน...ยกโทษให้นาย เรื่องพ่อแม่ของฉัน

    ทำไม...

    ก็...นายคงไม่มีทางเลือก ฉันยกโทษให้นาย

     สตีฟไม่คาดคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นและคิดว่าเขาคงจะหูฝาดไป บัคกี้มองอย่างอึ้งๆและตะลึงงันเพราะเขาไม่คิดว่าโทนี่จะเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดขึ้นก่อน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ฐานในไซบีเรียเมื่อบุรุษเกราะเหล็กรู้ว่าเขาคือผู้ที่ปลิดชีพพ่อแม่ของเขาก็โกรธเป็นฟืนไฟและไม่มีทางที่จะยกโทษหรืออภัยให้เขาได้เลย

    ทำไม...นายถึง...

    เพราะเฟซี่...เขาหันไปมองสตีฟเล็กน้อย

    เพราะเฟซี่...ทำให้ฉันเข้าใจ

     สตีฟกับบัคกี้ทึ่งในคำตอบและโทนี่ก็เดินออกไปจากบริเวณนั้นอย่างเงียบๆ เขาหวนถึงวันเวลาในคืนวันนั้นวันที่ลูกสาวของเขากลับมาและต้องมาเจอกับความจริงที่ว่าอเวนเจอร์สนั้นแตกหัก

    เรื่องนั้นมันก็...ไม่รู้สิ มันก็พูดยากมันอาจจะยากเกินกว่าหรืออาจจะเหนือกว่าการให้อภัยไปแล้ว ถึงจะบอกว่าบรานส์ไม่ได้เป็นตัวของตัวเองถูกไฮดราครอบงำจิตใจมันก็...

    ถ้าเป็นหนู...หนู...คงจะให้อภัยเขา

    ทำไม?

    เพราะเขา...ไม่มีทางเลือกเฟลิเซียยิ้มบาง

    หนูอาจจะโลกสวยจนขัดใจป๊า แต่...เขาไม่มีทางเลือกและเขาไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง ตอนนี้ป๊าอาจจะยังให้อภัยเขาไม่ได้เพราะความโกรธ แต่สักวัน...ป๊าอาจจะให้อภัยและยกโทษให้เขาได้ โดยที่ป๊าและเขาไม่มีอะไรติดค้างต่อกัน

    ...ช่างเป็นเด็กที่ทำอะไรเกินตัวจริงๆ

     คลินท์เปรยขึ้นในขณะที่เขากำลังยืนทอดสายตามองทะเลสาบที่ไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา นาตาชายืนอยู่ตรงกลางและวันด้ายืนอยู่ด้านขวาของนาตาชา หญิงสาวทั้งสองมองคลินท์เล็กน้อยนาตาชายิ้มอย่างเศร้าๆ

    สมกับเป็นเธอ...แต่ก็ไม่คิดว่าจะยอมแลกทุกอย่างเพื่อคนที่ตัวเองรักขนาดนี้นาตาชา

    เธอจะรู้ไหมว่าเธอช่วยแนทเอาไว้สำเร็จ...

    เธอต้องรู้...เธอรู้แน่นอนวันด้าพยักหน้า

    ฉันจะใช้ชีวิตนี้ให้คุ้มค่า...จะอยู่ต่อเผื่อเธอและเพื่อเธอ

     ทั้งสามโอบกอดกันเล็กน้อย นาตาชายังคงทำใจไม่ได้เธอคิดถึงหญิงสาวที่มักจะสวมกอดเธอเป็นประจำพร้อมกับรอยยิ้มอันสดใส ที่เหนื่อยมากแค่ไหนก็จะรู้สึกหายและได้รับการเยียวยาจากเธอ ในวันที่วันด้ากลายเป็นฝุ่นเธอยังจำภาพที่เฟลิเซียร้องไห้ได้ คลินท์เองก็คิดถึงวันวานที่ได้สอนเธอยิงธนู ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นไว้จนน่าใจหายและเขาก็ไม่คิดว่าการกลับมาของเขาในครั้งนี้จะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายระหว่างเขากับเธอ

    หิวรึเปล่า?แฮปปี้ถามมอร์แกน

    อือฮึมอร์แกนพยักหน้า

    อยากกินอะไร?

    ชีสเบอร์เกอร์ค่ะ

    ทั้งพ่อของเธอ ทั้งพี่สาวเธอก็...ชอบชีสเบอร์เกอร์เหมือนกัน

    พี่เคยแอบซื้อให้หนูกิน...แต่อย่าบอกพ่อนะคะ

    โอ้...ได้ สัญญาจะปิดปากเงียบไม่บอกใคร

    เดี๋ยวจัดให้หม่ำจนพุงกางเลยพ่อของเธอพูด

     โทนี่เดินเข้ามาและทันได้ยินบทสนทนาของพวกเขาพอดี เขายิ้มน้อยๆมอร์แกนค่อยๆลุกขึ้นจากม้านั่งที่เธอนั่งอยู่กับแฮปปี้ เดินไปหาพ่อของเธอพลางกอดขาของเขาเพราะโทนี่ไม่สามารถที่จะอุ้มเธอได้ เพพเพอร์เดินเข้ามาจูบแก้มของโทนี่เล็กน้อยพลางอุ้มเธอขึ้นมา คราบน้ำตาที่แก้มของเธอยังชัดเจน มันเป็นการสูญเสียหนึ่งชีวิตในครอบครัวแต่ผลกระทบมันช่างสร้างความสะเทือนใจเหลือเกิน...

     ไม่รู้ต้องใช้เวลานานแค่ไหนเพื่อเยียวยาความเจ็บช้ำนี้

     

     วันเวลาล่วงเลยผ่านมาหลายเดือนอีกครั้งจนเกือบจะกลายเป็นปี โทนี่รักษาบาดแผลทั้งภายนอกและภายในจนหายเป็นปลิดทิ้ง ผิวหนังใบหน้าและแขนกลับมาเป็นปกติจากความช่วยเหลือของดร.โชเหลือแต่บดแผลในใจจากการสูญเสีย บ้านเมืองกลับเข้าสู่สภาวะปกติสุขและอาจจะมีวุ่นวายไปบ้างอย่างที่เคยเป็นมา เขาต้องแถลงแจ้งเรื่องราวต่างๆมากมายให้กับผู้คนฟังเกี่ยวกับการชนะศึกในครั้งนี้และนำพาทุกๆคนกลับมา มันยากที่จะพูดแต่เขาก็ผ่านมันมาได้แล้ว การตายของเฟลิเซียถูกปิดเป็นความลับมีเพียงแค่พวกเขาเท่านั้นที่รู้ คำตอบที่เขามักจะให้กับนักข่าวหรือใครก็ตามที่อยากจะรู้คือเธอไปใช้ชีวิตส่วนตัวแบบเงียบๆที่ไหนสักแห่งและขอเก็บเป็นความลับ

     เขาจอดรถและหยุดอยู่ที่หน้าร้านชีสเบอร์เกอร์ร้านประจำ เมื่อเดินไปยังหน้าร้านก็ทำให้เขารู้สึกห่อเหี่ยวใจพิลึก เขายังทำใจไม่ได้กับการจากไปของเธออาจจะรวมถึงคนอื่นๆก็ด้วยเช่นกัน ทุกๆคนยังคงเป็นอเวนเจอร์สและจัดการกับพวกคนไม่ดีที่สร้างความวุ่นวายเหมือนเดิม แม้ว่าในตอนนี้จะต่างคนต่างแยกไปใช้ชีวิตของตัวเอง พวกเขาก็ไม่ได้วางมือหรือหันหลังให้กับโลกที่พวกเขาปกป้องเสียทีเดียว เพียงแต่ให้เวลากับครอบครัวและคนที่ตัวเองรักมากขึ้น

    อ่า...ให้ตายเถอะ

     ชีสเบอร์เกอร์ร้านประจำของเขาปิดจากที่รู้สึกแย่และเหนื่อยอยู่แล้วก็ยิ่งทวีคูณ ชีสเบอร์เกอร์เป็นของโปรดของเขาที่จะสามารถเยียวยาเขาได้ โทนี่ตั้งใจที่จะซื้อกลับไปฝากมอร์แกนด้วยและถ้าเฟลิเซียยังอยู่เขาก็คงซื้อไปฝากเธอด้วยเหมือนกัน...

     เขาทำหน้าเซ็งและถอนหายใจ

    ดูเซ็งๆนะคะ ชีสเบอร์เกอร์หน่อยไหม? เผื่อจะอารมณ์ดีขึ้น

    ....!?”

    ถ้าไม่รีบจัดการชีสเบอร์เกอร์แสนอร่อยนี้ หนูจะกินมันทั้งหมดคนเดียวนะคะ:)

    ...เฟซี่!”

     

    ----------------------------------------------------------

    ไรท์มาอัพแล้วค่ะเย้

    บอกเลยว่าแต่งเองหงิงเองค่ะ

    อย่าตีหรือทุบไรท์เลยนะคะแค่กๆ

    อาจจะออกทะเลไปซะหน่อยหวังว่าจะชอบกันนะคะ

    ใกล้จะจบแล้วใจหายเลยค่ะ หงิงๆ


    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×