ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic avengers x OC] She is our 'Family' [END]

    ลำดับตอนที่ #25 : Chapter23 : Mission

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 654
      62
      22 พ.ย. 64

    Chapter23

     


     

    เฮ้! เฟซี่!”

    อ๊ะ..สวัสดีค่ะธอร์!”

    แหม...เด็กๆนี่ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ

    เดินดีๆพอถังเบียร์เคลื่อนที่แรดเช็ตเป็นไงบ้าง?

    อันที่จริงคือ...ร็อตเก็ตค่ะป๊าเฟลิเซียยิ้มและส่ายหน้าเล็กน้อย

    แกเป็นอัจฉริยะแค่บนโลกแค่นั้นแหละ

     ร็อคเก็ตห้อยตัวลงมาจากโครงฐานโดยมีค้อนอยู่ในมือ ในตอนนี้เขาทำหน้าที่เป็นลูกมือและผู้ช่วยของโทนี่ชั่วคราว ธอร์เดินเตร็ดเตร่เข้ามาพร้อมกับเปิดกระป๋องเครื่องดื่ม เขากำลังจะเข้ามาทักทายเฟลิเซียที่อยู่อีกด้านแต่ก็ถูกโทนี่ขัดเอาไว้เสียก่อน บุรุษคนเหล็กกำลังลากกล่องอุปกรณ์จำพวกสายพ่วงไฟขนาดยักษ์และกำลังง่วนอยู่กับการสร้างและตรวจเช็คความเรียบร้อยของฐาน ที่น่าจะนิยามหรือเรียกมันว่าไทม์แมชชีนหรือเครื่องเดินทางข้ามเวลา ตัวเครื่องค่อนข้างใหญ่และกินพื้นที่ภายในห้องในตัวอาคารพอสมควร เหมือนมันเป็นฐานตึกขนาดย่อมมีมุมทางเดินขึ้นฐานตัวฐาน ใจกลางของฐานเป็นกระจกสีดำทึบเล็กน้อยและเป็นรูปวงกลมขนาดยักษ์ มีแผงวงจรบางอย่างอยู่ใต้กระจกนั้นอีกทีหนึ่ง ในตอนนี้อยู่ในกระบวนการสร้างที่กำลังจะเสร็จสมบูรณ์และพร้อมเดินเครื่อง

      ขณะเดียวกันตอนนี้พวกเขาก็กำลังรวบรวมคนให้ครบทีม เนบิวล่ากับร็อคเก็ตเป็นสองคนแรกที่มาสมทบ ก่อนที่บรูซจะพาชายแรคคูนไปตามบุตรแห่งโอดินมาสมทบด้วย ธอร์มาในสภาพที่เรียกได้ว่าเขาเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ผมที่ยาวขึ้นและพันกันจนยุ่งเหยิง หนวดเคราเฟิ้มและพุ่งพุ้ยหุ่นหมี เหมือนเขาเป็นคนล่ะคนกับเมื่อห้าปีก่อน

    แนทจะกลับมารึยังนะ...

     เธอคิดในใจและค่อยๆเดินออกไปจากตรงนี้ทันทีเพราะไม่อยากเกะกะหรือขวางทาง พื้นที่ตรงนี้มันเริ่มเต็มไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆมากมาย หากพลาดไปนิดเดียวเธออาจจะสะดุดสายไฟหรือพลาดไปโดนอะไรสักอย่างได้ เพื่อความปลอดภัยเธอจึงเดินออกจากห้องอาคารแห่งนี้พลางกลับเข้าไปด้านในตรงส่วนที่เป็นห้องโถงหรือห้องแล็บ เมื่อมองออกไปด้านนอกในตอนแรกลานจอดควินท์เจ็ทมันว่างเปล่าเพราะนาตาชานำออกไป แต่ตอนนี้มันกลับมาจอดอยู่ที่ลานแล้ว เธอเดาได้ทันทีว่านาตาชาน่าจะกลับมาถึงแล้วจึงรีบเร่งฝีเท้าไปจุดหมายทันที

    ดูซิว่าใครเดินเข้ามา

    คลินท์!”

    เฟซี่!”

     ร่างบางโผเข้ากอดเขาทันทีด้วยความคิดถึง ยอดนักธนูอมยิ้มเล็กน้อยและกอดเธอด้วยความคิดถึงและยีศรีษะเธออย่างนึกเอ็นดู เขาหมุนตัวเธอเล็กน้อยอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา จากเด็กผู้หญิงสู่การเป็นเด็กสาว จากเด็กสาวในที่สุดก็เติบโตเป็นหญิงสาวอย่างเต็มตัว กาลเวลามันช่างผันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว นานแล้วที่เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มอันสดใสนี้ เขารักเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ความสดใส ความอ่อนโยน ออร่าเหล่านี้ที่เขาเคยสัมผัสและได้รับมาจากเธออย่างไร จนถึงตอนนี้สิ่งเหล่านั้นก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม

    อึ้งเลยใช่ไหมล่ะ...บอกตามตรงตอนกลับมาเจอกันอีกครั้งฉันก็ตกใจเหมือนกัน

    เด็กสมัยนี้โตไวจนน่ากลัวจริงๆ

    ส่วนตัวฉันคิดว่าตัวโตขึ้นก็จริง...แต่ก็ยังเป็นเด็กน้อยอยู่วันยังค่ำแหละ

    แนทคะ!”

    อะไร! นี่พูดเรื่องจริงหล่อนยิ้ม

    อันนี้เห็นด้วยเขาพยักหน้า

    ล้อกันเล่นรึเปล่าคะ?

     ร่างสูงยิ้มในขณะที่นาตาชาเดินเข้ามาและกอดเฟลิเซียเบาๆ สายลับสาวโอบเอวร่างบางเล็กน้อยพลางบีบจมูกเธอเบาๆด้วยความเอ็นดู เสียงบทสนทนาและเสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นจากทั้งสามคน เป็นบทสนทนาเล็กๆในช่วงเวลาสั้นๆแต่ชวนให้คิดถึงวันวานที่ผ่านเลยมา

     ตอนนี้อาจจะเป็นความสุขชั่วคราวแต่อย่างน้อยๆมันก็ยังทำให้เธอยิ้มได้ แม้จะแฝงไปด้วยความกังวลบางอย่าง แต่เธอเชื่อว่าท้ายที่สุดทั้งเธอและคนอื่นๆก็จะผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน

     

     คลินท์อาสาที่จะเป็นคนประเดิมและทดลองเครื่องเดินทางข้ามเวลา ในตอนนี้เขาอยู่ในชุดสูทพิเศษที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อการนี้ เนบิวล่าช่วยจัดการตั้งค่ากลไกบางอย่างในชุดของเขา ตอนนี้ทุกคนกำลังยืนรวมตัวอยู่ที่แฝงควบคุม ส่วนคลินท์กำลังยืนอยู่ที่ใจกลางเครื่องเดินทางข้ามเวลา

    เอานะคลินท์...ข้ามเวลาใน3...2...1

     วู่ม!

     บรูซเป็นคนเดินเครื่องและคลินท์ก็หายไปในชั่วพริบตานั้น ทันทีที่เครื่องเดินและทำงานตัวเครื่องดันเขาข้ามผ่านไปยังกาลเวลาหรือช่วงเวลาที่ถูกเซ็ตเอาไว้ มีเส้นสายธารแห่งกาลเวลามากมายที่แตกแขนงออกไปอย่างไม่รู้จบ ชั่วครู่ต่อมาร่างสูงกลับมาโดยที่เขากำลังทรุดตัวนั่งลงอยู่กับพื้นจากความปั่นป่วนตอนไปและกลับกะทันหัน นาตาชาเป็นคนแรกที่วิ่งเข้าไปดูเขาตามด้วยเฟลิเซียและคนอื่นๆเขานำถุงมือกลับมาด้วย เป็นอันเสร็จสิ้นการประเดิมและเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ความหวังที่จะนำพาผู้คนกลับมายิ่งมีเปอร์เซ็นสูงขึ้นจากในตอนแรกและรอยยิ้มก็ผุดปรากฏขึ้นมาที่ใบหน้าของพวกเขา

     

    พร้อมรึเปล่าเฟซี่?

    ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมค่ะป๊า

    อันที่จริง...ถ้าไม่ไหวป๊าก็ไม่บังคับนะ

    ไหวค่ะป๊า

     หลังจากที่คลินท์ประเดิมลองย้อนเวลากลับไปเป็นคนแรกเห็นผล ช่วงเวลาหลังจากนั้นก็คือการประชุมเพื่อหาที่อยู่และช่วงเวลาของมณีแต่ล่ะเม็ด เมื่อได้พิกัดเวลาหรือช่วงปีที่แน่นอนแล้วขั้นตอนต่อไปคือการรวบรวมมณีเหล่านั้นและนำกลับมา ตอนนี้ทั้งเฟลิเซียและคนอื่นๆกำลังเตรียมตัวให้พร้อม ดีไซน์ชุดของเฟลิเซียเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ยังคงเป็นสีดำและในครั้งนี้เธอไม่ได้สวมเสื้อหนังอีกแล้ว ชุดเผยให้เห็นไหล่ขาวของเธอเล็กน้อยและมีชุดสูทพิเศษสีขาวแดงทับเอาไว้อีกชั้น ตอนนี้โทนี่กำลังใส่พิกัดเวลาป้อนคำสั่งใส่ชุดสูทของเธอ สีหน้าเขาเป็นกังวลเล็กน้อยเพราะเป็นห่วงแต่ร่างบางยังคงยืนยันคำเดิมว่าเธอพร้อมและไหว

    เอาล่ะ เรียบร้อย

     สองพ่อลูกค่อยๆย่างก้าวออกไปจากแล็บทดลอง ทีมเคลื่อนพลไปยังเครื่องเดินทางข้ามเวลาทุกคนยืนล้อมกันเป็นวงกลมส่วนบรูซประจำตำแหน่งอยู่ที่แผงควบคุม เฟลิเซียยืนอยู่ระหว่างโทนี่และสตีฟ

    ห้าปีก่อนเราแพ้...เราทุกคน เราเสียเพื่อนเสียครอบครัวเสียบางส่วนในตัวตน วันนี้คือโอกาสกอบกู้ทั้งหมด จดจำทีมจดจำภารกิจ ไปเอามณีแล้วนำมันกลับมา ไปกลับได้ครั้งเดียวห้ามผิดพลาดไม่มีแก้ตัว ส่วนใหญ่ได้ไปที่ๆเคยรู้จักแต่ไม่ได้แปลว่ามันจะเหมือนที่ๆเคยรู้จักจงระวัง....ปกป้องกันและกัน...นี่คือศึกตัดสินชีวิต

     กัปตันประจำทีมเอ่ยขึ้น โทนี่ยิ้มให้เขาเล็กน้อยเมื่อทั้งสองมองหน้ากันก่อนที่เขาจะหันมายิ้มให้ลูกสาวคนโต เฟลิเซียพยักหน้ารับเบาๆ

    เราต้องชนะแม้ต้องสูญเสีย...โชคดี

    ปลุกใจเก่งชะมัดร็อคเก็ต

    เนอะ!”สก็อต

    เอาล่ะ เฮียสั่งลุยแล้ว! เริ่มได้พี่เขียวเสวยโทนี่หันไปพูดกับบรูซที่กำลังเตรียมเดินเครื่อง

    อีกนาทีเจอกันนาตาชายิ้มและหันไปมองทุกๆคน

      ฟึ่บ!

     หน้ากากจากชุดสูทปรากฏขึ้นครอบคลุมใบหน้าของพวกเขาทุกคนเอาไว้ วินาทีแห่งการแปรผันและปั่นป่วนก็ได้เริ่มขึ้นเมื่อเครื่องเริ่มเดิน พวกเขาทุกคนถูกส่งไปยังช่วงเวลาหรือสถานที่นั้นๆกระจัดกระจายกันไปคนละทิศทางและคนละกระแสเวลา เฟลิเซียไปกับโทนี่ สตีฟ บรูซและสก็อต

    New York

    2012


     วู่ม!

     ทั้งห้าร่างปรากฏขึ้นที่มุมตึกแห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ฝุ่นควันสีขาวตลบอบอวลไปทั่วบริเวณเล็กน้อย ชุดสูทพิเศษหายไปปรากฏให้เห็นชุดเสื้อผ้าที่แท้จริงของพวกเขา ชิทอรี่สิ่งมีชีวิตจากต่างดาวที่ลักษณะเหมือนมนุษย์กระจายอยู่ทั่วทุกมุมตึกสูง มีบางส่วนที่กำลังทะยานอยู่บนท้องฟ้าด้วยยานพาหนะของตน และที่น่าจะโดดเด่นเห็นได้ชัดคือสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายปลาหรือตะขาบขนาดยักษ์ที่กำลังแหวกว่ายอยู่บนอากาศและเหนือน่านฟ้า

     ปีนี้เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบปะคนอื่นๆในทีมรวมถึงโลกิเองก็ด้วยเช่นกัน  เธอมองไปรอบๆอย่างหวนคิดถึงเล็กน้อย ตัวเธอในช่วงเวลาปีนี้ยังไม่ได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเสียทีเดียวว่าเป็นลูกบุญธรรมของมหาเศรษฐีเพลย์บอย เพราะตอนนั้นเธอยังใช้นามสกุลที่มีติดตัวมาอีกทั้งโทนี่และชีลด์ยังไม่รู้ที่มาที่ไปของเธอ จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เธอเริ่มเป็นที่รู้จักในชื่อของBlack magician อย่างเป็นทางการ และเป็นสมาชิกของทีมอเวนเจอร์สที่อายุน้อยที่สุดในทันทีโดยปริยาย เพราะเธอในตอนนี้พึ่งจะอายุเพียงแค่16ปีเท่านั้น

    เอาล่ะทุกคน...รู้หน้าที่แล้ว อัพทาวน์สองเม็ด ดาวน์ทาวน์หนึ่งเม็ด ไปเงียบๆคอยดูเวลาไว้

     โคร่ม!

     สิ้นคำสตีฟพูดเพียงเสี้ยววินาที มีเสียงคำรามดังขึ้นพร้อมกับเสียงทุ่มรถยนต์ลงกับพื้นถนนฮัลค์กำลังจัดการกับพวกชิทอรี่ บุรุษยักษ์สีเขียวกำลังกระทืบร่างของพวกมันตัวหนึ่งผ่านรถที่ตนพึ่งทุ่มไป และปาล้อรถหรืออะไรก็ตามที่สามารถหยิบจับได้อย่างเกรี้ยวกราด บรูซกุมขมับเล็กน้อยเพราะตอนนั้นเขากับฮัลค์ยังไม่ได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวเช่นในตอนนี้

    หรือแกล้งอัดแหลกบ้าง

    “sh*t!”

    “…”

     สิ้นคำสตีฟครั้งที่สองทั้งหมดหันไปยังทิศทางของเสียงที่อุทานคำหยาบออกมาทันที เป็นเสียงที่พวกเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เลยห่างออกไปเล็กน้อยก็จะเห็นเป็นเด็กสาวในชุดเสื้อยืดสีขาวและเสื้อแจ็คเก็ตแบบยีนส์สวมทับ กางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้มรองเท้าบูทหนังข้อสั้นแบบมีเชือกผูกสีดำ เด็กคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นเลยเป็นตัวเธอเองในวัย16ปีซึ่งกำลังจัดการกับพวกชิทอรี่อยู่แต่มีจังหวะพลาดหงายหลังทำให้จังหวะการเหวี่ยงตัวพวกมันเปลี่ยน เธอจึงอุทานด้วยความตกใจ

    อะ-อะไรคะ?

    ลูกพูดแบบนั้นจริงดิ...บอกทีว่าป๊าหูฝาด

     ทั้งหมดหันมามองเธอกันเป็นจุดเดียว พวกเขาแทบจะไม่หรือต้องใช้คำว่าไม่เคยได้ยินเธอสบถคำหยาบออกมาเลยสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินแม้จะมาจากตัวเธอในปี2012ก็ตาม โทนี่ก็ไม่เคยได้ยินและไม่เคยรู้มาก่อนด้วยซ้ำ เฟลิเซียหน้าแดงเล็กน้อยเธอจึงยกมือปิดหน้าตนเองทันทีด้วยความเขินอาย

    คือเอ่อ...ไม่เคยได้ยินเธอสบถกันเลยงั้นหรอ?สก็อตเปิดประเด็นและมองหน้าพวกเขา

    เท่าที่รู้จักกันมาตั้งแต่ตอนนี้จนถึงปัจจุบันก็ไม่เคยสตีฟ

    ฉันก็ไม่เคย พึ่งจะเคยได้ยินก็เดี๋ยวนี้แหละโทนี่ตอบส่วนบรูซก็ยิ้มๆและส่ายหน้า

    ก็...ดูบ้าพลังไปนะแต่ก็เอาเถอะบรูซพูดพลางฉีกเสื้อกล้ามตัวยักษ์ของตนออก

    เราไปกันเถอะเฟซี่

    ระวังตัวด้วยล่ะ

    ทุกคนก็ระวังด้วยนะคะ

     สองพ่อลูกกอดกันเล็กน้อยเฟลิเซียแยกไปกับบรูซเพื่อไปยังอาศรมของสตีเฟ่น ภารกิจของทั้งสองคือการไปนำมณีเวลากลับไปที่ฐาน ส่วนโทนี่ สตีฟและสก็อตแยกไปเอามณีสองเม็ดที่เหลือก็คือมณีจิตใจในคทาของโลกิ และมณีอวกาศในเทสเซอร์แร็ค ในระหว่างทางที่กำลังค่อยๆหลบซ่อนตัวเพื่อไปยังอาศรมบรูซก็แกล้งทำเป็นโมโหหรืออัดแหลกตามที่สตีฟบอก เฟลิเซียพยายามลัดเลาะตามไปอย่างเงียบๆเพื่อหลบลูกหลง

    ดาวน์ทาวน์

    อาศรมนิวยอร์ก

     ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงกันอย่างเงียบๆ บรูซกระโดดเหวี่ยงตัวเองขึ้นมายังดาดฟ้าของอาศรม ส่วนเฟลิเซียใช้พลังส่งตัวเองขึ้นมาอย่างเงียบๆ มีชั้นที่ลักษณะคล้ายเรือนเพาะชำที่ค่อนข้างสูงสำหรับวางกระถางและถาดต้นไม้ขนาดเล็ก พร้อมกับอุปกรณ์สำหรับปลูกต้นไม้หรือทำสวนเล็กๆน้อยๆที่ถูกแขวนเอาไว้ บรูซค่อยๆเดินไปยังประตูอย่างเงียบๆ

    ไปทางนั้นระวังลื่นนะ พึ่งจะขัดพื้นลงแว็กซ์ใหม่

      แต่ยังไม่ทันที่จะได้เปิดประตูก็มีเสียงหนึ่งพูดเตือนเขาเอาไว้ก่อน เฟลิเซียหันไปยังทิศทางของเสียงที่เธอได้ยิน ปรากฏเป็นร่างๆหนึ่งในชุดสีเหลืองเข้มการแต่งกายคล้ายกับนักบวช จอมเวทหรือเจ้าสำนักบางอย่าง

    ใช่...พอดีมาหาดร.สเตรนจ์

    ถ้างั้นก็มาเร็วไปห้าปีนะ สตีเฟ่น สเตรนจ์ กำลังผ่าตัดคนไข้ห่างไปยี่สิบช่วงตึกทางนู้น

     อีกฝ่ายชี้ไปยังด้านที่เจ้าของชื่อที่ทั้งสองกำลังตามหา ก่อนที่จะค่อยๆหันกลับมามองทั้งสองคนอีกครั้ง ร่างบางกับร่างสูงมองหน้ากันเล็กน้อย

    ต้องการอะไรจากเขาล่ะ?แองเชี่ยนวันถาม

    จริงๆก็นั่นแหละบรูซชี้ไปที่สร้อยคอที่เธอกำลังสวมใส่

    คงให้ไม่ได้

    ได้โปรด...เราจำเป็นที่จะต้องใช้มันจริงๆค่ะ

    โทษทีผมไม่ได้มาขอ...ถึงเธอจะกำลังขออยู่ก็เถอะ

     เฟลิเซียร้องขออย่างสันติอีกฝ่ายส่ายหน้าเพื่อเป็นคำตอบ แต่สำหรับบรูซคือไม่เพราะจุดประสงค์หลักคือไม่ได้กะมาขอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

    อย่าหาเรื่องเลยน่า

    ก็ไม่ได้อยากหาเรื่องแต่ต้องใช้มณีนั่น และไม่มีเวลามาเถียง

     วู่ม!

    บรูซ!”

     เฟลิเซียอุทานอย่างตกใจดวงเนตรเบิกกว้างเล็กน้อย ร่างยักษ์ที่ค่อยๆเดินเข้าใกล้และกำลังจะแตะเข้าที่สร้อยของอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะเอื้อมถึงฝ่ามือคู่กรณีประทับเข้าที่กลางตัวเขากายหยาบล้มลง ส่วนกายละเอียดล่องลอยออกจากร่าง

    ไม่ต้องห่วงเขาจะไม่เป็นไรแองเชี่ยนวันหันไปพูดกับเฟลิเซียก่อนที่จะเงยหน้ามองบรูซ

    มาเริ่มกันใหม่ดีไหม?

    ขอร้องล่ะค่ะ

    เสียใจด้วย...ข้าช่วยพวกเจ้าไม่ได้

     กายหยาบของบรูซถูกอีกฝ่ายใช้พลังยกร่างไปไว้อีกมุมมีหมวกสานคลุมใบหน้าของเขาเอาไว้ เฟลิเซียและกายละเอียดของเขาเดินตามแองเชี่ยนวันทันทีที่เธอเดินหนีและยังคงปฏิเสธที่จะมอบมณีเวลาให้

    การให้มณีเวลาไปช่วยโลกของเจ้า อาจทำให้โลกของข้าถึงฆาต

    คือไม่ได้ดูหมิ่นนะแต่ผมไม่คิดว่า...วิทยาศาสตร์ยืนยันเรื่องนั้นได้

     ฟึ่บ!

     กายละเอียดของเขาวิ่งไปดักหน้าอีกฝ่ายเอาไว้เฟลิเซียเดินตามทั้งสองไปติดๆ อีกฝ่ายมองหน้าทั้งสองเล็กน้อย แองเชี่ยนวันดึงเส้นธารกระแสเวลาสีทองขึ้นมาจากช่วงตึกของอีกฟากและเส้นกระแสเวลานี้ก็ยืดยาวไปยังอีกฟาก เส้นสายสีทองอำพันอมส้มหลายๆเส้นสายรวมกันจนก่อเกิดเป็นเส้นกระแสเวลาเส้นใหญ่ ความยาวของมันไม่อาจคาดการณ์หรืออนุมานได้ แต่คิดว่าน่าจะยาวออกไปไม่รู้จบและไม่มีทางหาเส้นบรรจบได้

    มณีอินฟินีตี้สร้างภาวะรับรู้ที่เรียกว่าไถลของเวลา หากมณีขาดไปหนึ่งสายธารจะแยกออก

     พร้อมกับการปรากฏเป็นภาพของมณีอินฟินีตี้ทั้งหกเม็ด มณีแห่งเวลาถูกเขี่ยออกไปจนเกิดเป็นเส้นที่แตกแขนงออกไปสีดำ

    ทำแล้วโลกของเจ้าอาจได้ประโยชน์...แต่โลกใหม่ข้าอาจไม่ดีนัก ในโลกความจริงใหม่ที่แยกมาจะไร้ซึ่งอาวุธชิ้นเอกในการต่อกรกับพลังมืด โลกของเราอาจถูกเข้าบดขยี้คนนับล้านจะทนทุกข์ ตอบมาทีด็อกเตอร์...วิทยาศาสตร์ของเจ้าช่วยคุ้มกันได้ไหม?

    ไม่...แต่...ลบมันทิ้งได้บรูซตอบและเริ่มอธิบาย

    เพราะเมื่อเราใช้มณีเสร็จแล้ว ก็สามารถเอามันไปคืนที่ไทม์ไลน์ของมัน ณ เวลาที่เราเอามา ฉะนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ โลกในไทม์ไลน์นั้นมันไม่เคยหาย

     ปรากฏเป็นมณีเม็ดสีเขียวมรกตที่มือของเขา บรูซค่อยๆวางมันลงตรงกระแสเวลาสีดำที่แตกแขนงออกมา เส้นเวลาที่แตกแขนงออกก็ค่อยๆจางหายไปและยังคงไว้ซึ่งกระแสเวลาสีทองเส้นเดิม มันค่อยๆจางหายไปและแองเชี่ยนวันหันหลังให้พร้อมกับค่อยๆเดินออกไป เฟลิเซียและบรูซยังคงเดินตามแต่รักษาระยะห่างเอาไว้ เฟลิเซียเริ่มมีความหวังว่าอีกฝ่ายน่าจะเข้าใจและยอมให้ความร่วมมือในการนำมณีเวลากลับไป

    ใช่...แต่พวกเจ้าลืมมองปัจจัยที่สำคัญที่สุด จะคืนมณีได้พวกเจ้าต้องรอดตายจากงานนี้

    เราต้องรอดผมจะรอดให้สัญญาเลยเขายืนกราน

    ข้าไม่อาจเอาโลกไปเสี่ยงกับคำสัญญามันเป็นหน้าที่ของมหาจอมเวทที่จะต้องปกป้องมณีเวลา...

    แต่...คุณหมอสตีเฟ่น สเตรนจ์ จะให้มณีเวลากับทานอสไปทำไมคะ?

    ว่ายังไงนะ?

    จากที่ป๊าบอกเขาเป็นคนยกมณีให้กับทานอสด้วยตัวของเขาเอง

    ยกให้เองหรอ?

    ใช่

     บรูซยืนยันคำพูดของเฟลิเซียอีกเสียง มหาจอมเวทมองอย่างไม่เชื่อสายตาและอึ้งไปเล็กน้อย

    ทำไมล่ะ?

    ผมเองก็ไม่รู้ เขาอาจจะผิดพลาดก็ได้

    ...หรือข้าผิด?

     ฟึ่บ!

     กายหยาบค่อยๆล่องลอยมาอย่างช้าๆ กายละเอียดของเขากลับเข้าสู่ร่างกายหยาบของตนเอง ผนึกที่สร้อยคอค่อยๆถูกเปิดออกพร้อมกับมณีสีมรกตที่กำลังเรืองแสงเล็กน้อย อีกฝ่ายค่อยๆหยิบยื่นให้กับร่างสูงอย่างช้าๆ

    สเตรจน์จะเป็นจอมเวทที่เก่งที่สุด...

    แปลว่าเขามีเหตุผลที่ทำอย่างนั้น

    หวั่นใจว่าจะเป็นเช่นนั้น

    ขอบคุณ...

     เขารับมณีมาจากอีกฝ่ายและกอบกำมันเอาไว้อย่างบางเบา เฟลิเซียโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อยเพราะในที่สุดอีกฝ่ายก็ยอมยกมณีเวลาให้ อีกทั้งยังกุมมือของเขาเอาไว้เบาๆ

    ข้าฝากชะตาไว้กับเจ้าบรูซ...รวมถึงเจ้าด้วย

    ...เฟลิเซียพยักหน้ารับ

    เราทุกคน

    เอาล่ะได้เวลากลับฐานแล้วเฟซี่...

    ค่ะบรูซ

      เขากดปุ่มกลไกลที่มือซ้ายของเขาชุดสูทที่ขาวแดงปรากฏขึ้นที่ตัวของเขา เขากดปุ่มที่มือซ้ายสองทีตัวเขาจึงถูกส่งกลับไปที่ฐานก่อน

    นี่คงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน...นักเวททมิฬ

     แองเชี่ยนวันทักขึ้นในขณะที่เฟลิเซียกำลังกดเรียกชุดสูทของตนเอง ร่างบางเงยหน้ามองอีกฝ่ายเล็กน้อย เฟลิเซียยิ้มบางเพราะขึ้นชื่อว่ามหาจอมเวทแล้วเธอคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะรู้ถึงความเป็นไปในหลายๆอย่างเพราะเป็นถึงมหาจอมเวท ดวงเนตรตรงหน้ากำลังจดจ้องมายังสร้อยคอที่เธอสวมใส่เล็กน้อย มณีเม็ดสีขาวบริสุทธิ์โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด

     แองเชี่ยนวันรับรู้ถึงการมีอยู่ของมณีเม็ดนี้และพลังแฝงที่เร้นอยู่ในกายของหญิงสาวตรงหน้า เพียงแต่ไม่ได้พูดออกมา

    ดีใจที่ได้เจอกันนะคะ...แล้วก็ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

     ฟึ่บ!

     ชุดสูทพิเศษสีขาวแดงและหน้ากากปรากฏขึ้นครอบคลุมใบหน้า ตัวของเฟลิเซียได้หายไปจากจุดที่เธอยืนอยู่

    ช่างเป็นเด็กที่กล้าหาญและแน่วแน่จริงๆเจ้าของอาศรมยิ้มเล็กน้อยและหุบยิ้มลงด้วยเช่นกัน ก่อนที่จะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก่อนที่จะเปิดประตูกลับเข้าไปด้านในของอาศรม

     

    -----------------------------------------------------------------------------

    มาอัพแล้วค่ะเย้

    จากแท็กในทวิตเมื่อวันก่อนทำไรท์หลอนนอนไม่หลับค่ะแง TT

    ส่วนวันนี้ #ม็อบ7สิงหา

    ทั้งหดหู่ทั้งโกรธจริงๆค่ะกับการกระทำของเจ้าหน้าที่

    ระมัดระวังตัวกันด้วย

    ขอให้ทุกๆคนปลอดภัยค่ะ

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×