คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : Chapter20 : Baphomet base
Chapter20
‘ข้าคือ....’
‘….ข้าคือ....ชะตา....’
‘ชะตา....ข้าคือ....ชะตา....’
‘ชะตา....ข้าคือชะตา....ที่.....’
‘ไม่อาจ...เลี่ยง....’
‘ส่วนฉัน....ฉันคือ....ฉันคือ....’
‘ไม่....!’
‘ฉันคือ...ไอ...’
เฮือก!
“ไม่!!!!”
ร่างบางสะดุ้งเฮือกและลืมตาเบิกกว้าง เสียงกรีดร้องและหอบหายใจเหนื่อยดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
เนื้อตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อจากอุณหภูมิความร้อนในกายที่สูงขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากนิมิตในห้วงนิทราที่ไม่ค่อยจะดีเสียเท่าไหร่นัก
23.50น.
เป็นอีกครั้งที่สะดุ้งตื่นจากฝันร้ายกลางดึก
เฟลิเซียฝันร้ายครั้งแรกในรอบห้าเดือน นับจากที่ย้ายออกมาจากตึกของอเวนเจอร์สและหลังจากที่โทนี่กลับมา
ฝันร้ายนั้นก็ค่อยๆจางหายไปอย่างช้าๆโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ยาอีก
แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนเมื่อห้าเดือนที่ผ่านมา ครั้งนี้มันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
ครั้งก่อนเธอมักจะฝันเห็นภาพที่โทนี่ถูกทานอสแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เพราะภาพมันติดตาและยิ่งกังวลฝันร้ายเหล่านั้นกับภาพเหล่านั้นก็ยังคงคอยตามหลอกหลอนอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเรื่อยไป
หรือบางครั้งก็กลายเป็นภาพคนที่ตัวเองรักสลายล้มหายตายจาก
นาตาชากับสตีฟจะเป็นสองคนที่เข้ามาปลุกเธอจากฝันร้าย
ปลอบและคอยบอกเธอว่ามันเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น พวกเขายังอยู่ตรงนี้
“มันก็แค่...ฝันร้าย...”
เหมือนพระเจ้าจะเห็นใจไม่มีใครได้ยินเสียงเธอกรีดร้อง
ดังนั้นเธอจึงโล่งใจว่าเธอจะไม่ปลุกโทนี่หรือเพพเพอร์ที่อาจจะกำลังพักผ่อนอยู่
ร่างบางค่อยๆนอนตะแคงและจ้องมองไปยังสร้อยคอที่เธอถอดวางเอาไว้ที่ข้างเตียง อัญมณีขาวกำลังเรืองแสงอีกครั้งและก็ดับวูบไปอีกเช่นเคย
เธอค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบมันมาเพื่อดูใกล้ๆมองมันอย่างพิจารณา
‘คงพยายามที่จะบอกอะไรบางอย่างกับเราจริงๆ’เธอพึมพำกับตนเองและครุ่นคิด
เฟลิเซียคิดและพยายามหาคำตอบหรือความหมายของมันมาโดยตลอด
อย่างที่เคยบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ ไม่มีตำราเล่มใดที่เอ่ยถึงหรือกล่าวถึงทั้งต้นไม้ปีศาจและมณี
ไม่ว่าจะตำนานหรืออะไรก็ตาม เธอตามหาไฟล์ทุกอย่างเท่าที่จะหาได้จากคลังห้องสมุดทั่วโลกแล้วแต่ก็ไม่พบ
ไม่มีตำราหรือหนังสือจารึกเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของพวกมัน
ตอนที่เธอไปที่กรีซก็พยายามจะหาคำตอบแต่ก็ไม่พบอะไร
เมื่อพยายามข่มตาหลับอีกครั้งก็ไม่เป็นผล
เฟลิเซียค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงจัดการถอดเสื้อผ้าที่ชุ่มเหงื่อทิ้งไป
ทันทีที่น้ำอุ่นจากฝักบัวกระทบกายทำให้เฟลิเซียรู้สึกผ่อนคลาย
เธอค่อยๆบรรจงสระผมของเธออย่างช้าๆ ซึ่งการสระอาจจะลำบากไปเสียหน่อยเพราะผมเธอยาวมากและแทบจะไม่ได้ตัดเลย
เฟลิเซียเดินไปที่กระจกใช้มือลูบเล็กน้อยเพราะกระจกเกิดฝ้าจากไอควันของน้ำอุ่น เธอหันหลังให้กับกระจกและค่อยๆหันข้างไปมอง
สัญลักษณ์ดาวห้าแฉกและในตอนนี้มีสัญลักษณ์บางอย่างที่คล้ายๆไม้กางเขนปรากฏขึ้นด้วยเช่นกันแต่ก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว
สองสัญลักษณ์นี้เด่นชัดอยู่ที่แผ่นหลังของเธอ
สัญลักษณ์ชีพอมตะ
ดัฟฟ์บอกเธอว่ามันคือสัญลักษณ์ชีพอมตะ
ผู้ที่ครอบครองอาจจะมีอายุที่ยืดยาวกว่าหรืออาจจะมีชีวิตอยู่ต่อตราบชั่วนิจนิรันดร์
เขาไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรเธอไปมากกว่านั้นและเธอเดาว่าเขาน่าจะรู้เรื่องพวกนี้ดีกว่าใครๆในองค์กร
“จริงด้วยสิ...”
เหมือนเธอจะฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
มีความคิดบางอย่างเข้ามาในหัว
จริงอยู่ว่าเธอจะหาไฟล์ข้อมูลหรือค้นหาจากหนังสือเก่าๆที่เธอพอจะหาซื้อได้
แต่ยังมีอีกที่หนึ่งที่เธอยังไม่ได้ไป ฐานของบาโฟเมตที่ล่มสลายไปเมื่อสามปีที่แล้ว
แม้สถานที่แห่งนั้นจะพังทลายลงแล้วก็ตามแต่อย่างน้อยๆน่าจะยังพอมีเบาะแสบางอย่างที่จะนำพาเธอไปสู่คำตอบได้
แม้ในตอนนี้ความหวังจะน้อยนิด
แต่อย่างน้อยๆก็ยังดีกว่าไม่มีความหวังอะไรเลย
“แน่ใจนะว่าจะไปคนเดียว?”
“แน่ใจค่ะป๊า”
เมื่อเช้าวันใหม่มาถึงเฟลิเซียรีบตื่นนอนแต่เช้าตรู่
ในความเป็นจริงเธอนอนไม่ค่อยหลับจนต้องตื่นเกือบทั้งคืนก็เถอะ กิจวัตรประจำวันของแต่ล่ะวันเธอจะตื่นมาช่วยเพพเพอร์เตรียมอาหาร
ทานอาหารพร้อมหน้าและเก็บจานไปล้าง พอเพพเพอร์กำลังตั้งครรภ์เฟลิเซียก็ยิ่งระมัดระวังให้มากขึ้นกว่าเดิม
“แล้วเอ่อ...คือลูกจะกลับมาทานมื้อกลางวันด้วยกันไหม?”
“อาจจะไม่ค่ะป๊า
แต่หนูสัญญาว่าจะรีบกลับมาให้ทันก่อนมื้อเย็นค่ะ”
“โอเค...ถ้าลูกมาไม่ทันมื้อเย็น
ป๊าได้นอนนอกห้องแน่ๆ”
โทนี่พูดติดตลกในขณะที่เขาเดินไปส่งลูกสาวตนที่รถ
เฟลิเซียก้าวเดินไปยังฝั่งคนขับอย่างช้าๆ พร้อมกับหยิบกุญแจรถของตนออกมาจากกระเป๋า
“อย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัย
แล้วก็...อย่าเป็นสิงห์นักซิ่งล่ะ”
“เข้าใจแล้วค่ะป๊า”เฟลิเซียยิ้มและพยักหน้า “อยากได้อะไรไหมคะป๊า?”
“ป๊าคิดว่าไม่นะ รักลูกนะ”
“รักป๊าเหมือนกันค่ะ 2,000ครั้งเลย”
“2,000เลยหรอ?”เขายิ้ม
สองพ่อลูกกอดกันเล็กน้อย โทนี่จุมพิตหน้าผากของเฟลิเซียเบาๆและเฟลิเซียจูบแก้มของโทนี่เบาๆ
มือเธอเปิดประตูรถออกมาและค่อยๆเข้าไปนั่งอย่างเงียบๆโดยที่ไม่ลืมคาดเข็มขัดนิรภัยตามที่พ่อของเธอบอก
ประตูรถปิดลงพร้อมกับสตาร์ทเครื่องยนต์ ตัวรถค่อยๆเคลื่อนออกไปตามเส้นทางอย่างช้าๆ
เมื่อรถเคลื่อนออกไปจนพ้นเขตบ้านแล้วโทนี่จึงเดินกลับเข้าไปในบ้านพร้อมกับเพพเพอร์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับการเป็นคุณแม่มือใหม่
และเรื่องการปลูกพืชผักสวนครัว โทนี่ค่อยๆทิ้งตัวลงข้างๆในมือของเขาถือถุงบลูเบอร์รี่อบแห้ง
เขากำลังเคี้ยวแก้มตุ่ยเพพเพอร์จึงละความสนใจจากหนังสือและมาสนใจเขาแทน
“ลูกจะกลับมาทานมื้อกลางวันกับพวกเราไหม?”
“เฟซี่บอกว่าไม่
แต่จะกลับมาให้ทันมื้อเย็น...ลูกบอกมาแบบนั้น”
“แล้วได้ถามลูกรึเปล่าว่าลูกไปไหน?”
“พระเจ้า...ลืมถามไปซะสนิทเลย”
โทนี่อยากจะทึ้งหัวตัวเองสักหลายๆที
เพราะเขาลืมถามว่าเธอจะไปที่ไหน ไปทำอะไร หรือไปพบกับใคร เกิดความกังวลขึ้นในใจเขาเล็กน้อยแต่ก็คิดว่าเธอไม่น่าจะไปไหนไกลเกินไป
“งั้นเดี๋ยวผม...เอ่อ...”
“ไม่เป็นไร”
เพพเพอร์จับมือโทนี่ที่กำลังจะโทรถามว่าลูกสาวตนนั้นกำลังมุ่งหน้าจะไปที่ไหน
เกิดความฉงนใจขึ้นมาเล็กน้อยที่จู่ๆคนรักของเขาก็ห้ามเขาเอาไว้
โทนี่จึงวางมือถือตนลงบนโต๊ะแต่โดยดี
และหันมาทำหน้าสงสัยในภรรยาตนว่าทำไมถึงไม่ให้เขาโทรตาม
“ให้เวลาส่วนตัวกับเธอบ้างก็ได้”เพพเพอร์กุมมือเขา
“บางทีลูกแค่อาจจะอยากอยู่คนเดียวสักพักหนึ่ง...เธอจะต้องไม่เป็นอะไร”และเธอก็เสริมขึ้น
“มันก็จริง...อย่างที่คุณพูด...ลูกเราเข้มแข็งจะตาย”
โทนี่กุมมือเธอตอบและพยักหน้าอย่างเข้าใจ
บางทีเฟลิเซียอาจจะเครียดและไม่ต้องการให้เขาหรือเพพเพอร์รู้ก็เลยอาจจะหาที่ที่เงียบสงบ
อยู่กับตัวเองเพื่อเป็นการฟื้นฟูสภาพจิตใจในแบบของเธอเอง
นับตั้งแต่เขากลับมาและเพพเพอร์ตั้งครรภ์ทำให้ทั้งสองเห็นได้ว่าสภาพจิตใจของเฟลิเซียนั้นดีขึ้นมาก
แต่ก็อาจจะยังไม่เต็มร้อยเพราะมันต้องใช้เวลา การที่เธอไม่บอกกล่าวอะไรเขาคงเพราะกลัวว่าเขาอาจจะห่วงเธอมากจนเกินไปจนไม่ยอมให้เธออออกไปไหน
“แต่ถ้าลูกเราแอบนัดหนุ่มที่ไหนไว้ จะเหลาไม้เรียวรอ”
“โทนี่…”
“อะไร?
ก็บอกแล้วเธอจะไม่ได้รับอนุญาตให้มีแฟนจนกว่าเธอจะอายุ 30 ปีบริบูรณ์”
“ลูกเราได้ขึ้นคานกันพอดี”เพพเพอร์ยิ้มและตีแขนเขาเล็กน้อย
“แบบนั้นก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”เขายิ้มและไหวไหล่ “ลูกจะได้อยู่กับเราตลอดไป...อยู่กับมากูน่า
เห็นด้วยไหม? หืม?”
เขาลูบท้องของเพพเพอร์เบาๆ
มีแรงสั่นสะเทือนที่ท้องของเธอเล็กเด็กน้อยกำลังดิ้นราวกับทักทายหรือเห็นด้วยกับสิ่งที่โทนี่พูด
เขาอมยิ้มเล็กน้อยเพพเพอร์เองก็ด้วย ร่างแกร่งหอมแก้มคนรักของตนเล็กน้อยและยังไม่ปล่อยมือของเขาจากท้องของอีกฝ่าย
ป่าทึบแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก
หลังจากที่ตัวรถเคลื่อนมาถึงจุดหมายปลายทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เฟลิเซียทำการจอดและดับเครื่องยนต์ทันที เธอล็อครถและค่อยๆเดินไปตามเส้นทางที่คุ้นเคยแม้มันจะผ่านมานานหลายปีแล้วเธอก็ยังคงจำเส้นทางได้
พร้อมกับร่องรอยการต่อสู้ที่เรียกได้ว่าวินาศสันตะโรป่าเกือบถูกถางทิ้งหมดทั้งแถบ แต่ก็มีร่องรอยของการแตกหน่อเกิดใหม่ด้วยเช่นกัน
สภาพโดยรวมถือว่ากำลังฟื้นฟูแต่ก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์
ไม่มีร่องรอยของการเข้ามาเยียวยาหรือทำให้ดีขึ้น
มีเพียงแค่ธรรมชาติเท่านั้นที่กำลังฟื้นฟูตัวเอง แม้เลยออกไปและดูภาพจะมุมสูงจะมีชุมชนอยู่แถวนี้
สิ่งที่พวกเขาพอจะทำได้มากที่สุดก็คือการนำต้นไม้ที่โค่นล้มออกไปเพียงแค่นั้น
ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวหรือทำอะไรไปมากกว่านี้
พอมานึกถึงอดีตที่ผ่านมาก็ทำให้เธอนึกถึงเฮลก้าอีกครั้ง
อีกฝ่ายชิงชังในตัวเธอแต่กับกันเธอไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นที่เฮลก้าจะรู้สึกเช่นนั้น
เหตุมันมาจากองค์กรที่ทำให้อีกฝ่ายต้องกลายเป็นเช่นนั้น
หากสามารถปรับความเข้าใจกันได้เธอก็อยาก
แต่ก็ดูเหมือนว่ามันก็สายเกินไปเพราะเธอสิ้นลมก่อนเธอจะได้พูดคุยกันอีกครั้ง
กึ่ก
และเป็นไปอย่างที่คิด...
ทุกสิ่งทุกอย่างยังเค้าความเดิมของมันเอาไว้ ที่ต่างออกไปอาจจะมีเพียงแค่ซากปรักหักพังที่เป็นอันตรายบางส่วนที่ถูกเคลื่อนย้ายออกไป
กับเบื้องล่างที่เริ่มเต็มไปด้วยรากของต้นไม้ที่แทงทะลุออกมาและอยู่ด้านข้างของตัวหลุมที่รัศมีวงกลมมันค่อนข้างกว้างพอสมควร
มีรอยดินยุบตัวลงซึ่งเกิดจากการที่ฝนตกเป็นเวลานาน
ทำให้ขอบดินใต้ขอบปากหลุมทรุดลงไปบ้าง ในอดีตที่แห่งนี้เคยเป็นปราสาทเก่าแก่
ตรงกลางหลุมที่กลวงลึกกว่ามีซากต้นไม้แห้งตายอยู่ตรงนั้น
พร้อมกับรากที่แห้งไปแล้วจำนวนหนึ่ง กล่าวคือมันคือฐานบรรจุต้นไม้ปีศาจ
ฟึ่บ
พลังเวทมนตร์ค่อยๆทำให้ร่างของเธอลอยขึ้นเหนือพื้น
ก่อนที่จะส่งเธอไปยังพื้นเบื้องล่างและหยุดลงตรงจุดหนึ่ง
กลิ่นดินความชื้นลอยเตะจมูกและมีร่องรอยของน้ำท่วมขังเล็กน้อย
ยังพอมีพื้นปูนสภาพดีอยู่บ้างเป็นส่วนน้อย ที่เหลือก็แตกหักและพังสลายไป
ร่องรอยแตกบางส่วนก็ยังมีรากไม้แห้งๆแทรกซอนอยู่บ้าง
เฟลิเซียค่อยๆเดินสำรวจไปเรื่อยๆ ดวงเนตรมองไปยังจุดที่คาดว่าเป็นห้องลับที่เธอและเฮลก้าถูกจับไป
เพดานที่ทำมาจากปูนก็ยังพอเหลืออยู่บ้างและไม่ได้พังทลายลงมาหมดทำให้ห้องนี้ยังคงพอเหลือเค้าโครงเดินของมันเอาไว้
อาจจะมีดินจากปากหลุมที่ทลายลงมากองอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าเล็กน้อย ลักษณะทางเดินเข้าไปก็คล้ายกับอุโมงค์
แต่ทรงห้องเป็นสี่เหลี่ยมที่แต่เดิมกว้างมากแต่เนื่องจากบางส่วนพังลงห้องก็เลยแคบลงและมีซากหักพังบางส่วนในห้องด้วย
“...ตรงนี้...ไม่มี”
ร่างบางพึมพำกับตนเองในขณะที่กำลังเดินเข้าไปสำรวจ
พยายามมองหาหนังสือหรือตำราสักเล่มจากชั้นหรือจากซากปรักหักพังแต่ก็ไร้วี่แวว
สุดท้ายเธอจึงค่อยๆทิ้งตัวนั่งลงตรงจุดที่เป็นใจกลางของห้อง มือบางค่อยๆปัดฝุ่นและดินอย่างช้าๆเผยให้เห็นสัญลักษณ์ดาวห้าแฉกที่ยังคงอยู่
แสงสว่างจากด้านนอกยังพอทำให้เธอมองเห็นตัวสัญลักษณ์
มันจางลงไปบ้างเล็กน้อยเมื่อเทียบจากครั้งก่อน เมื่อปัดฝุ่นออกไปจนหมดแล้วเธอค่อยๆวางมือลงและลูบมันเบาๆ
จากการที่เธอได้เห็นมันครั้งก่อนเฟลิเซียคิดว่าสัญลักษณ์นี้น่าจะถูกเขียนและวาดด้วยเลือด
จากรอยแห้งและกลิ่นคาวจางๆ จากกลิ่นสาบบางๆและโครงสร้างแล้วความเป็นไปได้ที่เธอคิดในตอนนี้
ปราสาทหลังนี้น่าจะอยู่มานานกว่าที่เธอคิด
แม้ว่าการตกแต่งภายในมันออกจะทันสมัยกว่าและคงเดิมลักษณะเดิมเอาไว้ แต่ก็คิดว่าคงได้รับการปรับปรุงหลังจากที่องค์กรตั้งรกรากที่นี่อีกครั้ง
เพราะแต่ดั้งเดิมแรกเริ่มที่เธอเกิดไม่ใช่ที่ปราสาทหลังนี้
เฟลิเซียลูบและตรวจสอบไปรอบๆว่าตรงตราสัญลักษณ์มีประตูลับไปต่อหรือไม่แต่ก็ไม่พบกับรอยเชื่อมต่อใดๆ
เธอรู้สึกว่าเธอเริ่มมาถูกทางเพราะสิ่งที่อยู่ตรงพื้นและตรงหน้าเธอนี้จะต้องมีความลับซ่อนอยู่
ร่างบางสัมผัสและรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง หากเธอไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองมากจนเกินไป
เธอคิดว่าดาวห้าแฉกตรงหน้าเธอนี่แหละที่กำลังจะพาเธอไปพบกับคำตอบและไขปริศนาที่ค้างคาใจทั้งหมด
ฉึก!
แปะ! แปะ!
แน่นอนว่าประตูที่ล็อคเอาไว้จะต้องมีกุญแจไข และไวเท่าความคิดที่เธอนึกออกในตอนนี้
เฟลิเซียใช้พลังของตนให้อยู่ในรูปแบบคล้ายเข็มแหลมแทงเข้านิ้วชี้ของตน หยดเลือดหยดลงที่ดาวห้าแฉกสองสามหยด
อาจจะดูหลุดโลกหรือสิ้นคิดไปเสียหน่อย แต่นั่นก็คือสิ่งที่เธอคิดได้ในตอนนี้
ในเมื่อเธอคิดว่ามันเขียนด้วยเลือด หากเธอใช้เลือดก็อาจจะมีอะไรเกิดขึ้นสักนิดสักหน่อย
วู่ม!
เมื่อหยาดโลหิตซึมเข้ากับตราสัญลักษณ์ พร้อมกับอัญมณีสีขาวเรืองแสงขึ้นมาพร้อมกับดาวห้าแฉกที่เรืองแสงสีแดงเลือด
เฟลิเซียค่อยๆลุกขึ้นทันที มีเส้นสายบางอย่างปรากฏขึ้นตรงบริเวณทางเดิน
เมื่อหันหลังกลับมาก็พบว่าแสงนั้นกำลังวิ่งไปยังใจกลางฐานของต้นไม้ที่มันแห้งตายไปแล้ว
ดวงเนตรเบิกกว้างเพราะสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่ตรงหน้า
ลำต้นที่แห้งตายไปกลับกำลังเรืองแสงสีขาวกับเทาตรงบริเวณที่เป็นรอยแตกหัก กระจุกแสงคล้ายกระจุกดาวเหล่านั้นค่อยๆลอยขึ้นมาและมาหลอมรวมกันที่ใจกลางของฐาน
เกิดเป็นคลื่นพลังสีขาวดำขนาดย่อม เฟลิเซียค่อยๆเอื้อมมือไปแตะมันอย่างช้าๆ
แสงนั้นก็เปลี่ยนเป็นหนังสือปกสีดำสนิทเล่มหนา ตัวปกมีสัญลักษณ์ดาวห้าแฉกแต่ก็ต่างออกไป
พร้อมกับลวดลายบางอย่าง ถูกคล้องปิดผนึกตัวเล่มด้วยโซ่อันเล็ก
นิ้วมือข้างที่มีเลือดแตะที่ตัวโซ่เบาๆ ผนึกหนังสือถึงถูกเปิดออกทันที
หนังสือเปิดออกและคลี่หน้าของมันเอง กระดาษเป็นสีเนื้อและน้ำตาลอ่อนและมีรอยดำจางๆเล็กน้อย
เธอเห็นข้อความบางอย่างชั่วขณะ จากนั้นหนังสือก็ปิดตัวมันลงเองและค่อยๆลอยมาหาเธอ แสงสีขาวจากสร้อยคอเองก็ค่อยๆดับไป
รวมถึงแสงจากดาวห้าแฉกเองก็ด้วยเช่นกัน
“สำเร็จ”
เฟลิเซียอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อในที่สุดหนังสือที่จะเป็นคำตอบของสิ่งที่เธอสงสัยและยังค้างคาใจอยู่
เธอกำลังจะได้รู้ว่าสร้อยเส้นนี้และสิ่งที่อยู่ที่แผ่นหลังของเธอแท้จริงแล้วมันมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่
Fairburn, Georgia
บ้านริมทะเลสาบ
“ยังไม่นอนอีกหรอเฟซี่?”
เฟลิเซียกลับมาทันมื้อค่ำตามคำสัญญา
เพพเพอร์ตกใจทันทีที่เธอเห็นเฟลิเซียกลับมาพร้อมกับพลาสเตอร์ยาที่แปะนิ้วอยู่ ด้วยฮอร์โมนของคนท้องเพพเพอร์ร้องไห้เพราะตกใจและเป็นห่วง
ทำให้สองพ่อลูกต้องปลอบเธอไปพักใหญ่ๆ
“นอนไม่ค่อยหลับน่ะค่ะป๊า”
โทนี่กำลังจะเข้านอนแต่ก็เห็นไฟห้องของเธอเปิดอยู่
เขาค่อนข้างแปลกใจเพราะตอนนี้ก็เป็นเวลา23.50น.มันค่อนข้างดึกมากแล้ว
ปกติลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขาต้องนอนหลับแล้ว แต่ตัวของเธอไม่ได้อยู่บนเตียงหรือมุมใดมุมหนึ่งภายในห้องเขาจึงค่อยๆเดินตามหาเธอที่ห้องนั่งเล่นแต่ก็ไม่พบ
จนกระทั่งเห็นเธอนั่งอยู่ที่ริมทะเลสาบสวมเสื้อคลุมกันหนาวและน้ำค้าง
“ลูกโอเครึเปล่า...หรือฝันร้ายอีกแล้ว?”
“มีเรื่องอะไรให้คิดนิดหน่อยน่ะค่ะป๊า”
โทนี่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเฟลิเซีย สิ่งที่สะดุดตาของเขาคือหนังสือที่ไม่ได้เปิดอ่านวางอยู่บนตักของเธอ
แต่เขาก็ไม่คิดจะถามเพราะโดยปกติเธอก็ชอบซื้อหนังสือเก่าหรืออะไรที่มันออกแนวโบราณตำนานอะไรอยู่แล้ว
เขาคิดว่ามันคงจะเป็นเล่มใหม่ที่เธอซื้อตอนที่ออกไปข้างนอก ค่ำคืนนี้พระจันทร์เต็มดวงและให้แสงสว่างในค่ำคืนนี้และแสงกระทบทะเลสาบเป็นภาพที่ค่อนข้างจะสวยงาม
“แล้วเอ่อ...ลูกกำลังคิดอะไรอยู่?”
“ก็...หลายๆเรื่องหลายๆอย่างค่ะ”เฟลิเซียตอบเขาตามตรงแต่ดวงตาของเธอกำลังทอดสายตามองที่ทะเลสาบ
“หืม...ลับลมคมในอะไรรึเปล่า หรือกำลังคิดหนุ่มที่แอบนัดเจออยู่รึเปล่า?”
“อ๊ะ...ไม่ใช่ค่ะป๊า”เฟลิเซียหัวเราะเบาๆ
“แล้วหนูกำลังคิดอะไรอยู่?”
“หลายเรื่องค่ะ
แต่ที่แน่ๆไม่มีเรื่องหนุ่มๆคนไหนแน่นอน ป๊าสบายใจได้”
“ได้ยินแบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อย...เอาล่ะ
ไม่ว่าหนูจะคิดอะไรอยู่ตอนนี้ปล่อยวางไปก่อน
แล้วรีบเข้านอนก่อนที่แม่เขาจะตื่นมาเห็น เดี๋ยวจะไม่สบายเอาด้วย
คืนนี้อากาศหนาวอย่าลืมห่มผ้าและใส่เสื้อตัวหนาๆหน่อย ส่วนป๊าจะไปทำของขวัญให้แม่เขาต่อ
ฝันดีเฟซี่”
“ฝันดีค่ะป๊า”
เขาค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆและบิดขี้เกียจเล็กน้อย
เฟลิเซียจึงค่อยๆลุกขึ้นเดินตามเขาไปช้าๆ
เธอวาดมือไปบนอากาศเล็กน้อยหนังสือจึงหายไป
“ป๊าคะ”
“หืม...?”
วินาทีนั้นเองโทนี่หันมามองร่างบางที่จู่ๆก็เรียกเขาขึ้นมา
เฟลิเซียเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะยิ้มออกมาและส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรค่ะ...แค่จะบอกว่า...อย่าหักโหมเกินไป
อย่าลืมพักด้วยนะคะ”
“วันนี้ทำตัวพิลึกนะเนี่ย”โทนี่ยิ้ม
จากนั้นสองพ่อลูกจึงพากันแยกย้าย
เฟลิเซียแยกกลับเข้าบ้านและเข้านอน
ส่วนโทนี่กลับไปที่โรงรถเพื่อทำของขวัญให้กับเพพเพอร์ต่ออย่างเงียบๆ
-----------------------------------------------------------------------------------------
มาอัพแล้วค่ะ!
ช่วงนี้อาจจะไม่ได้อัพถี่เท่าไหร่นะคะ
การบ้าน+สอบมาเป็นระยะๆเลยค่ะช่วงนี้ฮื้อ
ความคิดเห็น