ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic avengers x OC] She is our 'Family' [END]

    ลำดับตอนที่ #22 : Chapter20 : Baphomet base

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 620
      68
      30 ก.ค. 64

    Chapter20

     

    ข้าคือ....

    ‘….ข้าคือ....ชะตา....

    ชะตา....ข้าคือ....ชะตา....

    ชะตา....ข้าคือชะตา....ที่.....

    ไม่อาจ...เลี่ยง....

    ส่วนฉัน....ฉันคือ....ฉันคือ....

    ไม่....!’

    ฉันคือ...ไอ...

     เฮือก!

    ไม่!!!!”

     ร่างบางสะดุ้งเฮือกและลืมตาเบิกกว้าง เสียงกรีดร้องและหอบหายใจเหนื่อยดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เนื้อตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อจากอุณหภูมิความร้อนในกายที่สูงขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากนิมิตในห้วงนิทราที่ไม่ค่อยจะดีเสียเท่าไหร่นัก

    23.50น.

     เป็นอีกครั้งที่สะดุ้งตื่นจากฝันร้ายกลางดึก เฟลิเซียฝันร้ายครั้งแรกในรอบห้าเดือน นับจากที่ย้ายออกมาจากตึกของอเวนเจอร์สและหลังจากที่โทนี่กลับมา ฝันร้ายนั้นก็ค่อยๆจางหายไปอย่างช้าๆโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ยาอีก แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนเมื่อห้าเดือนที่ผ่านมา ครั้งนี้มันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ครั้งก่อนเธอมักจะฝันเห็นภาพที่โทนี่ถูกทานอสแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะภาพมันติดตาและยิ่งกังวลฝันร้ายเหล่านั้นกับภาพเหล่านั้นก็ยังคงคอยตามหลอกหลอนอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเรื่อยไป หรือบางครั้งก็กลายเป็นภาพคนที่ตัวเองรักสลายล้มหายตายจาก นาตาชากับสตีฟจะเป็นสองคนที่เข้ามาปลุกเธอจากฝันร้าย ปลอบและคอยบอกเธอว่ามันเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น พวกเขายังอยู่ตรงนี้

    มันก็แค่...ฝันร้าย...

     เหมือนพระเจ้าจะเห็นใจไม่มีใครได้ยินเสียงเธอกรีดร้อง ดังนั้นเธอจึงโล่งใจว่าเธอจะไม่ปลุกโทนี่หรือเพพเพอร์ที่อาจจะกำลังพักผ่อนอยู่ ร่างบางค่อยๆนอนตะแคงและจ้องมองไปยังสร้อยคอที่เธอถอดวางเอาไว้ที่ข้างเตียง อัญมณีขาวกำลังเรืองแสงอีกครั้งและก็ดับวูบไปอีกเช่นเคย เธอค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบมันมาเพื่อดูใกล้ๆมองมันอย่างพิจารณา

    คงพยายามที่จะบอกอะไรบางอย่างกับเราจริงๆเธอพึมพำกับตนเองและครุ่นคิด

     เฟลิเซียคิดและพยายามหาคำตอบหรือความหมายของมันมาโดยตลอด อย่างที่เคยบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ ไม่มีตำราเล่มใดที่เอ่ยถึงหรือกล่าวถึงทั้งต้นไม้ปีศาจและมณี ไม่ว่าจะตำนานหรืออะไรก็ตาม เธอตามหาไฟล์ทุกอย่างเท่าที่จะหาได้จากคลังห้องสมุดทั่วโลกแล้วแต่ก็ไม่พบ ไม่มีตำราหรือหนังสือจารึกเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของพวกมัน ตอนที่เธอไปที่กรีซก็พยายามจะหาคำตอบแต่ก็ไม่พบอะไร

     เมื่อพยายามข่มตาหลับอีกครั้งก็ไม่เป็นผล เฟลิเซียค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงจัดการถอดเสื้อผ้าที่ชุ่มเหงื่อทิ้งไป ทันทีที่น้ำอุ่นจากฝักบัวกระทบกายทำให้เฟลิเซียรู้สึกผ่อนคลาย เธอค่อยๆบรรจงสระผมของเธออย่างช้าๆ ซึ่งการสระอาจจะลำบากไปเสียหน่อยเพราะผมเธอยาวมากและแทบจะไม่ได้ตัดเลย เฟลิเซียเดินไปที่กระจกใช้มือลูบเล็กน้อยเพราะกระจกเกิดฝ้าจากไอควันของน้ำอุ่น เธอหันหลังให้กับกระจกและค่อยๆหันข้างไปมอง สัญลักษณ์ดาวห้าแฉกและในตอนนี้มีสัญลักษณ์บางอย่างที่คล้ายๆไม้กางเขนปรากฏขึ้นด้วยเช่นกันแต่ก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว สองสัญลักษณ์นี้เด่นชัดอยู่ที่แผ่นหลังของเธอ

    สัญลักษณ์ชีพอมตะ

     ดัฟฟ์บอกเธอว่ามันคือสัญลักษณ์ชีพอมตะ ผู้ที่ครอบครองอาจจะมีอายุที่ยืดยาวกว่าหรืออาจจะมีชีวิตอยู่ต่อตราบชั่วนิจนิรันดร์ เขาไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรเธอไปมากกว่านั้นและเธอเดาว่าเขาน่าจะรู้เรื่องพวกนี้ดีกว่าใครๆในองค์กร

    จริงด้วยสิ...

     เหมือนเธอจะฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ มีความคิดบางอย่างเข้ามาในหัว จริงอยู่ว่าเธอจะหาไฟล์ข้อมูลหรือค้นหาจากหนังสือเก่าๆที่เธอพอจะหาซื้อได้ แต่ยังมีอีกที่หนึ่งที่เธอยังไม่ได้ไป ฐานของบาโฟเมตที่ล่มสลายไปเมื่อสามปีที่แล้ว แม้สถานที่แห่งนั้นจะพังทลายลงแล้วก็ตามแต่อย่างน้อยๆน่าจะยังพอมีเบาะแสบางอย่างที่จะนำพาเธอไปสู่คำตอบได้

     แม้ในตอนนี้ความหวังจะน้อยนิด แต่อย่างน้อยๆก็ยังดีกว่าไม่มีความหวังอะไรเลย

     

    แน่ใจนะว่าจะไปคนเดียว?

    แน่ใจค่ะป๊า

     เมื่อเช้าวันใหม่มาถึงเฟลิเซียรีบตื่นนอนแต่เช้าตรู่ ในความเป็นจริงเธอนอนไม่ค่อยหลับจนต้องตื่นเกือบทั้งคืนก็เถอะ กิจวัตรประจำวันของแต่ล่ะวันเธอจะตื่นมาช่วยเพพเพอร์เตรียมอาหาร ทานอาหารพร้อมหน้าและเก็บจานไปล้าง พอเพพเพอร์กำลังตั้งครรภ์เฟลิเซียก็ยิ่งระมัดระวังให้มากขึ้นกว่าเดิม

    แล้วเอ่อ...คือลูกจะกลับมาทานมื้อกลางวันด้วยกันไหม?

    อาจจะไม่ค่ะป๊า แต่หนูสัญญาว่าจะรีบกลับมาให้ทันก่อนมื้อเย็นค่ะ

    โอเค...ถ้าลูกมาไม่ทันมื้อเย็น ป๊าได้นอนนอกห้องแน่ๆ

     โทนี่พูดติดตลกในขณะที่เขาเดินไปส่งลูกสาวตนที่รถ เฟลิเซียก้าวเดินไปยังฝั่งคนขับอย่างช้าๆ พร้อมกับหยิบกุญแจรถของตนออกมาจากกระเป๋า

    อย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัย แล้วก็...อย่าเป็นสิงห์นักซิ่งล่ะ

    เข้าใจแล้วค่ะป๊าเฟลิเซียยิ้มและพยักหน้า อยากได้อะไรไหมคะป๊า?

    ป๊าคิดว่าไม่นะ รักลูกนะ

    รักป๊าเหมือนกันค่ะ 2,000ครั้งเลย

    2,000เลยหรอ?เขายิ้ม

     สองพ่อลูกกอดกันเล็กน้อย โทนี่จุมพิตหน้าผากของเฟลิเซียเบาๆและเฟลิเซียจูบแก้มของโทนี่เบาๆ มือเธอเปิดประตูรถออกมาและค่อยๆเข้าไปนั่งอย่างเงียบๆโดยที่ไม่ลืมคาดเข็มขัดนิรภัยตามที่พ่อของเธอบอก ประตูรถปิดลงพร้อมกับสตาร์ทเครื่องยนต์ ตัวรถค่อยๆเคลื่อนออกไปตามเส้นทางอย่างช้าๆ เมื่อรถเคลื่อนออกไปจนพ้นเขตบ้านแล้วโทนี่จึงเดินกลับเข้าไปในบ้านพร้อมกับเพพเพอร์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับการเป็นคุณแม่มือใหม่ และเรื่องการปลูกพืชผักสวนครัว โทนี่ค่อยๆทิ้งตัวลงข้างๆในมือของเขาถือถุงบลูเบอร์รี่อบแห้ง เขากำลังเคี้ยวแก้มตุ่ยเพพเพอร์จึงละความสนใจจากหนังสือและมาสนใจเขาแทน

    ลูกจะกลับมาทานมื้อกลางวันกับพวกเราไหม?

    เฟซี่บอกว่าไม่ แต่จะกลับมาให้ทันมื้อเย็น...ลูกบอกมาแบบนั้น

    แล้วได้ถามลูกรึเปล่าว่าลูกไปไหน?

    พระเจ้า...ลืมถามไปซะสนิทเลย

     โทนี่อยากจะทึ้งหัวตัวเองสักหลายๆที เพราะเขาลืมถามว่าเธอจะไปที่ไหน ไปทำอะไร หรือไปพบกับใคร เกิดความกังวลขึ้นในใจเขาเล็กน้อยแต่ก็คิดว่าเธอไม่น่าจะไปไหนไกลเกินไป

    งั้นเดี๋ยวผม...เอ่อ...

    ไม่เป็นไร

     เพพเพอร์จับมือโทนี่ที่กำลังจะโทรถามว่าลูกสาวตนนั้นกำลังมุ่งหน้าจะไปที่ไหน เกิดความฉงนใจขึ้นมาเล็กน้อยที่จู่ๆคนรักของเขาก็ห้ามเขาเอาไว้ โทนี่จึงวางมือถือตนลงบนโต๊ะแต่โดยดี และหันมาทำหน้าสงสัยในภรรยาตนว่าทำไมถึงไม่ให้เขาโทรตาม

    ให้เวลาส่วนตัวกับเธอบ้างก็ได้เพพเพอร์กุมมือเขา

    บางทีลูกแค่อาจจะอยากอยู่คนเดียวสักพักหนึ่ง...เธอจะต้องไม่เป็นอะไรและเธอก็เสริมขึ้น

    มันก็จริง...อย่างที่คุณพูด...ลูกเราเข้มแข็งจะตาย

     โทนี่กุมมือเธอตอบและพยักหน้าอย่างเข้าใจ บางทีเฟลิเซียอาจจะเครียดและไม่ต้องการให้เขาหรือเพพเพอร์รู้ก็เลยอาจจะหาที่ที่เงียบสงบ อยู่กับตัวเองเพื่อเป็นการฟื้นฟูสภาพจิตใจในแบบของเธอเอง นับตั้งแต่เขากลับมาและเพพเพอร์ตั้งครรภ์ทำให้ทั้งสองเห็นได้ว่าสภาพจิตใจของเฟลิเซียนั้นดีขึ้นมาก แต่ก็อาจจะยังไม่เต็มร้อยเพราะมันต้องใช้เวลา การที่เธอไม่บอกกล่าวอะไรเขาคงเพราะกลัวว่าเขาอาจจะห่วงเธอมากจนเกินไปจนไม่ยอมให้เธออออกไปไหน

    แต่ถ้าลูกเราแอบนัดหนุ่มที่ไหนไว้ จะเหลาไม้เรียวรอ

    โทนี่…”

    อะไร? ก็บอกแล้วเธอจะไม่ได้รับอนุญาตให้มีแฟนจนกว่าเธอจะอายุ 30 ปีบริบูรณ์

    ลูกเราได้ขึ้นคานกันพอดีเพพเพอร์ยิ้มและตีแขนเขาเล็กน้อย

    แบบนั้นก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยเขายิ้มและไหวไหล่ ลูกจะได้อยู่กับเราตลอดไป...อยู่กับมากูน่า เห็นด้วยไหม? หืม?

     เขาลูบท้องของเพพเพอร์เบาๆ มีแรงสั่นสะเทือนที่ท้องของเธอเล็กเด็กน้อยกำลังดิ้นราวกับทักทายหรือเห็นด้วยกับสิ่งที่โทนี่พูด เขาอมยิ้มเล็กน้อยเพพเพอร์เองก็ด้วย ร่างแกร่งหอมแก้มคนรักของตนเล็กน้อยและยังไม่ปล่อยมือของเขาจากท้องของอีกฝ่าย

     

    ป่าทึบแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก

     หลังจากที่ตัวรถเคลื่อนมาถึงจุดหมายปลายทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เฟลิเซียทำการจอดและดับเครื่องยนต์ทันที เธอล็อครถและค่อยๆเดินไปตามเส้นทางที่คุ้นเคยแม้มันจะผ่านมานานหลายปีแล้วเธอก็ยังคงจำเส้นทางได้ พร้อมกับร่องรอยการต่อสู้ที่เรียกได้ว่าวินาศสันตะโรป่าเกือบถูกถางทิ้งหมดทั้งแถบ แต่ก็มีร่องรอยของการแตกหน่อเกิดใหม่ด้วยเช่นกัน สภาพโดยรวมถือว่ากำลังฟื้นฟูแต่ก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีร่องรอยของการเข้ามาเยียวยาหรือทำให้ดีขึ้น มีเพียงแค่ธรรมชาติเท่านั้นที่กำลังฟื้นฟูตัวเอง แม้เลยออกไปและดูภาพจะมุมสูงจะมีชุมชนอยู่แถวนี้ สิ่งที่พวกเขาพอจะทำได้มากที่สุดก็คือการนำต้นไม้ที่โค่นล้มออกไปเพียงแค่นั้น ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวหรือทำอะไรไปมากกว่านี้

     พอมานึกถึงอดีตที่ผ่านมาก็ทำให้เธอนึกถึงเฮลก้าอีกครั้ง อีกฝ่ายชิงชังในตัวเธอแต่กับกันเธอไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นที่เฮลก้าจะรู้สึกเช่นนั้น เหตุมันมาจากองค์กรที่ทำให้อีกฝ่ายต้องกลายเป็นเช่นนั้น หากสามารถปรับความเข้าใจกันได้เธอก็อยาก แต่ก็ดูเหมือนว่ามันก็สายเกินไปเพราะเธอสิ้นลมก่อนเธอจะได้พูดคุยกันอีกครั้ง

     กึ่ก

     และเป็นไปอย่างที่คิด...

     ทุกสิ่งทุกอย่างยังเค้าความเดิมของมันเอาไว้ ที่ต่างออกไปอาจจะมีเพียงแค่ซากปรักหักพังที่เป็นอันตรายบางส่วนที่ถูกเคลื่อนย้ายออกไป กับเบื้องล่างที่เริ่มเต็มไปด้วยรากของต้นไม้ที่แทงทะลุออกมาและอยู่ด้านข้างของตัวหลุมที่รัศมีวงกลมมันค่อนข้างกว้างพอสมควร มีรอยดินยุบตัวลงซึ่งเกิดจากการที่ฝนตกเป็นเวลานาน ทำให้ขอบดินใต้ขอบปากหลุมทรุดลงไปบ้าง ในอดีตที่แห่งนี้เคยเป็นปราสาทเก่าแก่ ตรงกลางหลุมที่กลวงลึกกว่ามีซากต้นไม้แห้งตายอยู่ตรงนั้น พร้อมกับรากที่แห้งไปแล้วจำนวนหนึ่ง กล่าวคือมันคือฐานบรรจุต้นไม้ปีศาจ

     ฟึ่บ

     พลังเวทมนตร์ค่อยๆทำให้ร่างของเธอลอยขึ้นเหนือพื้น ก่อนที่จะส่งเธอไปยังพื้นเบื้องล่างและหยุดลงตรงจุดหนึ่ง กลิ่นดินความชื้นลอยเตะจมูกและมีร่องรอยของน้ำท่วมขังเล็กน้อย ยังพอมีพื้นปูนสภาพดีอยู่บ้างเป็นส่วนน้อย ที่เหลือก็แตกหักและพังสลายไป ร่องรอยแตกบางส่วนก็ยังมีรากไม้แห้งๆแทรกซอนอยู่บ้าง เฟลิเซียค่อยๆเดินสำรวจไปเรื่อยๆ ดวงเนตรมองไปยังจุดที่คาดว่าเป็นห้องลับที่เธอและเฮลก้าถูกจับไป เพดานที่ทำมาจากปูนก็ยังพอเหลืออยู่บ้างและไม่ได้พังทลายลงมาหมดทำให้ห้องนี้ยังคงพอเหลือเค้าโครงเดินของมันเอาไว้ อาจจะมีดินจากปากหลุมที่ทลายลงมากองอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าเล็กน้อย ลักษณะทางเดินเข้าไปก็คล้ายกับอุโมงค์ แต่ทรงห้องเป็นสี่เหลี่ยมที่แต่เดิมกว้างมากแต่เนื่องจากบางส่วนพังลงห้องก็เลยแคบลงและมีซากหักพังบางส่วนในห้องด้วย

    ...ตรงนี้...ไม่มี

     ร่างบางพึมพำกับตนเองในขณะที่กำลังเดินเข้าไปสำรวจ พยายามมองหาหนังสือหรือตำราสักเล่มจากชั้นหรือจากซากปรักหักพังแต่ก็ไร้วี่แวว สุดท้ายเธอจึงค่อยๆทิ้งตัวนั่งลงตรงจุดที่เป็นใจกลางของห้อง มือบางค่อยๆปัดฝุ่นและดินอย่างช้าๆเผยให้เห็นสัญลักษณ์ดาวห้าแฉกที่ยังคงอยู่ แสงสว่างจากด้านนอกยังพอทำให้เธอมองเห็นตัวสัญลักษณ์ มันจางลงไปบ้างเล็กน้อยเมื่อเทียบจากครั้งก่อน เมื่อปัดฝุ่นออกไปจนหมดแล้วเธอค่อยๆวางมือลงและลูบมันเบาๆ จากการที่เธอได้เห็นมันครั้งก่อนเฟลิเซียคิดว่าสัญลักษณ์นี้น่าจะถูกเขียนและวาดด้วยเลือด จากรอยแห้งและกลิ่นคาวจางๆ จากกลิ่นสาบบางๆและโครงสร้างแล้วความเป็นไปได้ที่เธอคิดในตอนนี้ ปราสาทหลังนี้น่าจะอยู่มานานกว่าที่เธอคิด แม้ว่าการตกแต่งภายในมันออกจะทันสมัยกว่าและคงเดิมลักษณะเดิมเอาไว้ แต่ก็คิดว่าคงได้รับการปรับปรุงหลังจากที่องค์กรตั้งรกรากที่นี่อีกครั้ง เพราะแต่ดั้งเดิมแรกเริ่มที่เธอเกิดไม่ใช่ที่ปราสาทหลังนี้

     เฟลิเซียลูบและตรวจสอบไปรอบๆว่าตรงตราสัญลักษณ์มีประตูลับไปต่อหรือไม่แต่ก็ไม่พบกับรอยเชื่อมต่อใดๆ เธอรู้สึกว่าเธอเริ่มมาถูกทางเพราะสิ่งที่อยู่ตรงพื้นและตรงหน้าเธอนี้จะต้องมีความลับซ่อนอยู่ ร่างบางสัมผัสและรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง หากเธอไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองมากจนเกินไป เธอคิดว่าดาวห้าแฉกตรงหน้าเธอนี่แหละที่กำลังจะพาเธอไปพบกับคำตอบและไขปริศนาที่ค้างคาใจทั้งหมด

     ฉึก!

     แปะ! แปะ!


     แน่นอนว่าประตูที่ล็อคเอาไว้จะต้องมีกุญแจไข และไวเท่าความคิดที่เธอนึกออกในตอนนี้ เฟลิเซียใช้พลังของตนให้อยู่ในรูปแบบคล้ายเข็มแหลมแทงเข้านิ้วชี้ของตน หยดเลือดหยดลงที่ดาวห้าแฉกสองสามหยด อาจจะดูหลุดโลกหรือสิ้นคิดไปเสียหน่อย แต่นั่นก็คือสิ่งที่เธอคิดได้ในตอนนี้ ในเมื่อเธอคิดว่ามันเขียนด้วยเลือด หากเธอใช้เลือดก็อาจจะมีอะไรเกิดขึ้นสักนิดสักหน่อย

     วู่ม!

     เมื่อหยาดโลหิตซึมเข้ากับตราสัญลักษณ์ พร้อมกับอัญมณีสีขาวเรืองแสงขึ้นมาพร้อมกับดาวห้าแฉกที่เรืองแสงสีแดงเลือด เฟลิเซียค่อยๆลุกขึ้นทันที มีเส้นสายบางอย่างปรากฏขึ้นตรงบริเวณทางเดิน เมื่อหันหลังกลับมาก็พบว่าแสงนั้นกำลังวิ่งไปยังใจกลางฐานของต้นไม้ที่มันแห้งตายไปแล้ว ดวงเนตรเบิกกว้างเพราะสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่ตรงหน้า ลำต้นที่แห้งตายไปกลับกำลังเรืองแสงสีขาวกับเทาตรงบริเวณที่เป็นรอยแตกหัก กระจุกแสงคล้ายกระจุกดาวเหล่านั้นค่อยๆลอยขึ้นมาและมาหลอมรวมกันที่ใจกลางของฐาน เกิดเป็นคลื่นพลังสีขาวดำขนาดย่อม เฟลิเซียค่อยๆเอื้อมมือไปแตะมันอย่างช้าๆ แสงนั้นก็เปลี่ยนเป็นหนังสือปกสีดำสนิทเล่มหนา ตัวปกมีสัญลักษณ์ดาวห้าแฉกแต่ก็ต่างออกไป พร้อมกับลวดลายบางอย่าง ถูกคล้องปิดผนึกตัวเล่มด้วยโซ่อันเล็ก นิ้วมือข้างที่มีเลือดแตะที่ตัวโซ่เบาๆ ผนึกหนังสือถึงถูกเปิดออกทันที หนังสือเปิดออกและคลี่หน้าของมันเอง กระดาษเป็นสีเนื้อและน้ำตาลอ่อนและมีรอยดำจางๆเล็กน้อย เธอเห็นข้อความบางอย่างชั่วขณะ จากนั้นหนังสือก็ปิดตัวมันลงเองและค่อยๆลอยมาหาเธอ แสงสีขาวจากสร้อยคอเองก็ค่อยๆดับไป รวมถึงแสงจากดาวห้าแฉกเองก็ด้วยเช่นกัน

    สำเร็จ

     เฟลิเซียอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อในที่สุดหนังสือที่จะเป็นคำตอบของสิ่งที่เธอสงสัยและยังค้างคาใจอยู่ เธอกำลังจะได้รู้ว่าสร้อยเส้นนี้และสิ่งที่อยู่ที่แผ่นหลังของเธอแท้จริงแล้วมันมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่

     

    Fairburn, Georgia 

    บ้านริมทะเลสาบ

    ยังไม่นอนอีกหรอเฟซี่?

     เฟลิเซียกลับมาทันมื้อค่ำตามคำสัญญา เพพเพอร์ตกใจทันทีที่เธอเห็นเฟลิเซียกลับมาพร้อมกับพลาสเตอร์ยาที่แปะนิ้วอยู่ ด้วยฮอร์โมนของคนท้องเพพเพอร์ร้องไห้เพราะตกใจและเป็นห่วง ทำให้สองพ่อลูกต้องปลอบเธอไปพักใหญ่ๆ

    นอนไม่ค่อยหลับน่ะค่ะป๊า

     โทนี่กำลังจะเข้านอนแต่ก็เห็นไฟห้องของเธอเปิดอยู่ เขาค่อนข้างแปลกใจเพราะตอนนี้ก็เป็นเวลา23.50น.มันค่อนข้างดึกมากแล้ว ปกติลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขาต้องนอนหลับแล้ว แต่ตัวของเธอไม่ได้อยู่บนเตียงหรือมุมใดมุมหนึ่งภายในห้องเขาจึงค่อยๆเดินตามหาเธอที่ห้องนั่งเล่นแต่ก็ไม่พบ จนกระทั่งเห็นเธอนั่งอยู่ที่ริมทะเลสาบสวมเสื้อคลุมกันหนาวและน้ำค้าง

    ลูกโอเครึเปล่า...หรือฝันร้ายอีกแล้ว?

    มีเรื่องอะไรให้คิดนิดหน่อยน่ะค่ะป๊า

     โทนี่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเฟลิเซีย สิ่งที่สะดุดตาของเขาคือหนังสือที่ไม่ได้เปิดอ่านวางอยู่บนตักของเธอ แต่เขาก็ไม่คิดจะถามเพราะโดยปกติเธอก็ชอบซื้อหนังสือเก่าหรืออะไรที่มันออกแนวโบราณตำนานอะไรอยู่แล้ว เขาคิดว่ามันคงจะเป็นเล่มใหม่ที่เธอซื้อตอนที่ออกไปข้างนอก ค่ำคืนนี้พระจันทร์เต็มดวงและให้แสงสว่างในค่ำคืนนี้และแสงกระทบทะเลสาบเป็นภาพที่ค่อนข้างจะสวยงาม

    แล้วเอ่อ...ลูกกำลังคิดอะไรอยู่?

    ก็...หลายๆเรื่องหลายๆอย่างค่ะเฟลิเซียตอบเขาตามตรงแต่ดวงตาของเธอกำลังทอดสายตามองที่ทะเลสาบ

    หืม...ลับลมคมในอะไรรึเปล่า หรือกำลังคิดหนุ่มที่แอบนัดเจออยู่รึเปล่า?

    อ๊ะ...ไม่ใช่ค่ะป๊าเฟลิเซียหัวเราะเบาๆ

    แล้วหนูกำลังคิดอะไรอยู่?

    หลายเรื่องค่ะ แต่ที่แน่ๆไม่มีเรื่องหนุ่มๆคนไหนแน่นอน ป๊าสบายใจได้

    ได้ยินแบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อย...เอาล่ะ ไม่ว่าหนูจะคิดอะไรอยู่ตอนนี้ปล่อยวางไปก่อน แล้วรีบเข้านอนก่อนที่แม่เขาจะตื่นมาเห็น เดี๋ยวจะไม่สบายเอาด้วย คืนนี้อากาศหนาวอย่าลืมห่มผ้าและใส่เสื้อตัวหนาๆหน่อย ส่วนป๊าจะไปทำของขวัญให้แม่เขาต่อ ฝันดีเฟซี่

    ฝันดีค่ะป๊า

     เขาค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆและบิดขี้เกียจเล็กน้อย เฟลิเซียจึงค่อยๆลุกขึ้นเดินตามเขาไปช้าๆ เธอวาดมือไปบนอากาศเล็กน้อยหนังสือจึงหายไป

    ป๊าคะ

    หืม...?

     วินาทีนั้นเองโทนี่หันมามองร่างบางที่จู่ๆก็เรียกเขาขึ้นมา เฟลิเซียเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะยิ้มออกมาและส่ายหน้า

    ไม่มีอะไรค่ะ...แค่จะบอกว่า...อย่าหักโหมเกินไป อย่าลืมพักด้วยนะคะ

    วันนี้ทำตัวพิลึกนะเนี่ยโทนี่ยิ้ม

     จากนั้นสองพ่อลูกจึงพากันแยกย้าย เฟลิเซียแยกกลับเข้าบ้านและเข้านอน ส่วนโทนี่กลับไปที่โรงรถเพื่อทำของขวัญให้กับเพพเพอร์ต่ออย่างเงียบๆ

     

    -----------------------------------------------------------------------------------------

    มาอัพแล้วค่ะ!

    ช่วงนี้อาจจะไม่ได้อัพถี่เท่าไหร่นะคะ

    การบ้าน+สอบมาเป็นระยะๆเลยค่ะช่วงนี้ฮื้อ

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×