คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Chapter16 : Never change
Chapter16
Upstate New York, New Avengers Facility
[“แม่โล่งใจที่ลูกไม่ได้อยู่บนยานนั้น”]
เพพเพอร์โทรหาเฟลิเซียทันทีหลังจากการติดต่อจากเธอถึงโทนี่สิ้นสุดลง อาจจะเพราะขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศที่อยู่เหนือนอกโลกไปแล้วและปลอดสัญญาณ ทำให้การสื่อสารติดขัดและสิ้นสุดลงทันที เธอรีบโทรหาหญิงสาวผู้เป็นลูกทันทีด้วยความเป็นห่วงและร้อนลนด้วยในเวลาเดียวกัน
“คุณแม่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
[“แม่ปลอดภัยดี”] เพพเพอร์ตอบ [“แล้วลูกล่ะ?”]
“ทางหนูก็ปลอดภัยดีค่ะ คุณแม่ไม่ต้องห่วงสบายใจได้ค่ะ”
เฟลิเซียตอบและอมยิ้มเล็กน้อย พอเพพเพอร์รู้ว่าเธอไม่ได้ตามสามีตนขึ้นไปบนยานก็โล่งใจ เพราะมันอันตรายและเสี่ยงมากเนื่องด้วยเธอไม่ได้มีชุดเกราะเหล็กหรือชุดสูทตัวเก่งที่อัพเกรดแล้วแบบของปีเตอร์
“ถ้าติดต่อคุณพ่อได้หนูจะรีบติดต่อกลับไปนะคะ”
[“ดูแลตัวเองด้วยนะเฟซี่...อย่าทำอะไรที่มันเสี่ยงหรือทำอะไรเกินตัวนะ ระวังตัวด้วยนะ”]
“คุณแม่ก็ระวังตัวด้วยนะคะ รักคุณแม่นะ”
[“รักลูกเช่นกันจ้ะ”] เพพเพอร์วางสาย
ผู้เป็นแม่พูดอย่างเป็นห่วง เพราะเธอเชื่อว่าเด็กสาวที่เธอดูแลและเลี้ยงดูมาตั้งแต่เธอยังตัวเล็กกว่านี้ คงไม่ยอมอยู่เฉยๆเธอไม่ได้หมายถึงการที่เฟลิเซียจะหาวิธีตามโทนี่ขึ้นยานอวกาศทรงประหลาดนั่นไป แต่หมายถึงเข้าร่วมการต่อสู้ที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ แม้จะโตจนเป็นสาวแล้วแต่เธอก็ยังเป็นห่วง โทนี่เองก็เช่นกันถ้าหากเป็นเขาเขาคงห้ามไม่ให้เธอลงสนาม หลังจากที่เฟลิเซียวางมือจากการต่อสู้และจากการเข้าร่วมทำงานทำภารกิจต่างๆที่เสี่ยงและอันตรายมานับสามปีเศษ โทนี่ลงความเห็นว่าอยากให้เธอได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นแบบเด็กปกติธรรมดาทั่วไปมากกว่า ถ้าหากจำเป็นที่จะต้องให้ช่วยก็อยากให้เป็นกองหนุนคอยอยู่ข้างหลังเหมือนทุกๆครั้งที่ผ่านมา
“เปลี่ยนไปมากๆจริง”บรูซมองไปรอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจ
“ไม่อยากจะเชื่อเลย”
“แต่ก็ต้องเชื่อแล้วล่ะค่ะ”เฟลิเซียยิ้ม
“ฉันคงจะพลาดอะไรไปเยอะเลยสินะ...เรื่องที่โทนี่บอกอเวนเจอร์สวงแตกนั่นก็ด้วย”
“อันที่จริงหนูก็พลาดไปเหมือนกันค่ะ”
“ถามจริง?”บรูซมองอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
ในตอนนี้เธอพาบรูซมายังอัปสเตจนิวยอร์ก หลังจากที่แยกตัวจากหว่องแล้วเฟลิเซียจึงนำทางและพาบรูซมายังฐานอเวนเจอร์สใหม่ในทันที
“เรื่องมันยาวค่ะบรูซ อาจจะเล่าให้ฟังในตอนนี้ไม่ได้ แต่สัญญาว่าจะเล่าค่ะ ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคะ ในเวลาแบบนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดแบบนี้ก็เถอะ”เธอยิ้ม
ในชั่วโมงก่อนหน้านี้ตอนที่เขาออกมาจากประตูมิติพร้อมกับสตีเฟ่น วินาทีที่ได้กอดโทนี่ เพพเพอร์และเฟลิเซีย เขารู้สึกเหมือนได้กลับมาอยู่ในบรรยากาศที่คุ้นเคยอีกครั้งและเป็นบรรยากาศที่เขาคิดถึง
“ถึงจะบอกว่าโตขึ้นแต่เธอก็ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ...เฟซี่”เขาพึมพำ
บรูซยิ้มเล็กน้อย ความสุภาพอ่อนหวาน รอยยิ้มที่นุ่มนวลแม้จะมีความกังวลแฝงก็ยังยิ้มเพื่อให้คนอื่นสบายใจ นับจากวันที่เขาเคยพบเธอเป็นครั้งแรกมาจนถึงตอนนี้เฟลิเซียก็แทบจะไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ถ้าไม่นับสิ่งที่เขาเห็นเธอในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ เธอก็ยังคงเป็นเธอ
“เมื่อกี้พูดอะไรรึเปล่าคะ?”
“เปล่า...ไม่มีอะไร”เขายิ้ม
“ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหมคะ?”
“อ๋อ สบายมาก”เขาพยักหน้า “จะว่าไปสร้อยเส้นนี้โทนี่ซื้อให้หรอ?”
ในตอนแรกเขายังไม่เห็นสร้อยอัญมณีที่เธอใส่เพราะเธอซ่อนมันไว้ในเสื้อ จนตอนนี้เธอถอดเสื้อตัวนอกออกทำให้เขาได้เห็น เฟลิเซียยิ้มและส่ายหัวเล็กน้อย เพราะจะเรียกว่าโทนี่ซื้อให้เธอก็ไม่สามารถพูดแบบนั้นได้ เนื่องจากสร้อยเส้นนี้เธอได้มาตอนที่พลังเธอตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์
“เป็นสร้อยที่สวยดีนะ”บรูซตอบ
เฟลิเซียพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย ก่อนที่จะพาเขาเดินหลบมุมเข้าไปภายในห้องที่โรดีส์กำลังประชุมอยู่กับคณะรัฐมนตรี โดยเป็นภาพโฮโลแกรมสีฟ้าฉายออกมา ทำให้เห็นสมาชิกในคณะรัฐมนตรีเกือบทั้งหมด ชายหนุ่มหลบไปอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องที่ไม่ได้เปิดไฟแต่ก็ยังมีแสงสว่างส่องเข้าถึง เขาโบกมือทักทายชายผิวสีเล็กน้อย โรดีส์ยิ้มและพยักหน้ารับ พร้อมกับยิ้มทักทายเธอ
“ไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม?”
“ไม่ค่ะโรดีส์”เธอยิ้มและตอบเขา
“ติดต่อกับโทนี่ได้บ้างรึเปล่า?”เขาถาม
“ยังติดต่อไม่ได้เลยค่ะ คิดว่าเพราะอยู่เลยชั้นบรรยากาศจนออกไปนอกโลกแล้วทำให้ไม่สามารถติดต่อได้ ให้ฟราย์เดย์สแกนหาสัญญาณแล้วก็ไม่เจอ”
“ไม่ต้องห่วงเฟย์”เขายิ้มน้อยๆ “โทนี่จะต้องไม่เป็นอะไร”
“ขอบคุณนะคะโรดีส์”
เฟลิเซียหันไปสบตากับร่างโฮโลแกรมของรัฐมนตรี เธอหุบยิ้มในทันทีซึ่งเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากมาก โดยปกติเธอมักจะยิ้มแย้มอยู่ตลอดแม้ว่าจะเศร้าก็จะพยายามยิ้มให้คนรอบข้างรู้สึกดีขึ้น หากไม่นับเมื่อก่อนในปัจจุบันจะเห็นเธอหน้าบึ้งได้น้อย
“เฮโลน่า----”
“อันที่จริงคือสตาร์คค่ะท่านรัฐมนตรี”
เธอตัดบทและยิ้มบางแต่ดวงตาเธอนั้นกลับไม่ยิ้ม เฟลิเซียชิ่งเดินหนีออกไปทันทีเพราะเธอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น รัฐมนตรีมองเธออย่างไม่ชอบใจเล็กน้อยก่อนที่จะหันกลับมามองโรดีส์
“ช่างเป็นเด็กที่ไม่น่ารักเอาซะเลย”
โรดีส์ไหวไหล่กับคำพูดของรัฐมนตรี และพูดคุยกันต่อในเรื่องอื่น เฟลิเซียหายไปในครัวและเดินกลับเข้ามาพร้อมกับชา น้ำดื่มและของว่าง
“ขอบใจ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
เฟลิเซียรินน้ำให้กับบรูซ พร้อมกับวางถ้วยชาและขนมกินเล่นบางส่วนลงบนโต๊ะ ก่อนที่จะขอตัวออกจากโซนตรงนั้นไปอย่างเงียบๆ ตรงไปยังมุมหนึ่งของห้องซึ่งรายล้อมไปด้วยหนังสือมากมาย ก่อนที่จะเข้าไปหยุดตรงสุดมุมที่เต็มไปด้วยหนังสือเล่มหนาและค่อนข้างเก่า ตัวกระดาษเป็นสีน้ำตาลอ่อนจนถึงเข้มและส่วนใหญ่มักจะไม่ใช่ภาษาอังกฤษ มีไฟล์เอกสารสำคัญบางส่วนที่เธอได้ค้นคว้าและค้นพบ เกี่ยวกับอะไรบางอย่างที่แม้แต่โทนี่ก็ไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่าเธอค้นหาสิ่งใด
เธอจับที่สร้อยคอของเธออีกครั้งและครุ่นคิดอะไรบางอย่าง นับตั้งแต่เธอได้สร้อยเส้นนี้มาบ่อยครั้งที่เธอมักจะฝันแปลกๆและเป็นฝันประหลาด ฝันประหลาดเหมือนตอนที่ยังพักรักษาตัวและยังไม่ฟื้นจากการผ่าตัดแต่ก็มีที่แตกต่างออกไป สถานที่ไกลสุดลูกหูลูกตาท้องนภาสีฟ้ากว้างใหญ่กับหมู่เมฆสีขาวมากมายบางครั้งสีก็เปลี่ยนเป็นสีส้มคล้ายยามเย็น ในบางครั้งท้องนภาก็มืดมดและไร้ซึ่งแสงดาว บางครั้งก็ฝันถึงพ่อของเธอเอง ใช่ เธอฝันถึงโทนี่แต่ก็เลือนรางเหลือเกิน เธอจำไม่ได้ว่ารูปแบบฝันเป็นยังไงและฝันถึงอะไร ทุกอย่างมักจะจบลงเมื่อเธอสะดุ้งตื่น อัญมณีขาวเรืองแสงขึ้นมาพร้อมกับร้อนที่แผ่นหลังตรงบริเวณที่มีอักขระสัญลักษณ์ พอผ่านไปได้สักพักทุกอย่างก็กลับสู่สถานการณ์ปกติ เธอจึงหลับต่อแต่สุดท้ายก็เป็นอันต้องตื่นเพราะนอนไม่หลับ แต่มันจะเป็นเวลาประมาณตีห้าของวันนั้นๆ
เฟลิเซียพยายามจะไขปริศนาเกี่ยวกับอัญมณีเม็ดนี้แต่ก็ว่างเปล่า ไม่มีตำราเล่มใดที่เอ่ยถึงหรือกล่าวถึง รวมถึงต้นไม้ปีศาจเพราะสิ่งที่เธอรู้มีเพียงแค่องค์กรพบเจอและนำมันกลับมา แต่ไม่มีเรื่องราวต้นกำเนิดที่แท้จริงว่ามันมาจากไหน แม้กระทั่งตำนานก็ไม่มีและว่างเปล่า ไม่มีหนังสือเล่มใดจารึกเรื่องราวของสองสิ่งนี้
‘หรือเราจะคิดมากไปเอง...’
เฟลิเซียพึมพำกับตัวเอง ในตอนนี้เธอก็ยังคงเป็นกังวลและยังเป็นห่วงโทนี่กับปีเตอร์ อาจจะรวมไปถึงสตีเฟ่นที่อยู่บนยานนั้นด้วย จากการที่ทีมแตกทำให้เธอสนิทกับปีเตอร์มากขึ้น เขาเป็นน้องชายที่น่ารักและเธอก็เอ็นดู เปรียบเสมือนเป็นน้องคนเล็กของบ้านและของทีม คำบอกเล่าของบรูซโลกกำลังตกอยู่ในอันตรายเพราะชายที่ชื่อทานอส เขากำลังตามหาและรวบรวมอัญมณีให้ครบ มีมณีอยู่ที่สตีเฟ่นหนึ่งเม็ดและที่วิชชั่นอีกหนึ่ง จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนนี้ถึงต้องการตัวของวิชชั่น เพราะต้องรีบทำอะไรสักอย่างก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป
กึ่ก...
“…”
เฟลิเซียได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลังเธอ ทำให้หลุดออกจากภวังค์ความคิด เธอไม่ได้หันไปในทันทีการลงน้ำหนักเท้าค่อนข้างเบาและไม่มีการส่งเสียงเรียก มันออกจะผิดวิสัยไปหน่อยเพราะโดยปกติถ้าเป็นโรดีส์เขาจะตะโกนเรียกเธอและบรูซเองก็เช่นกัน
หรือมีใครบุกมาที่นี่ในเวลาแบบนี้?
แต่ถ้ามีคนเข้ามาอย่างน้อยก็ต้องมีเสียงแจ้งเตือน หรือเสียงปะทะกันเกิดขึ้นแต่กลับไม่มีเสียงอะไรเลย โดยปกติเฟลิเซียไม่ใช่คนที่ขี้ระแวงหรือหวาดระแวงมากจนเกินไป แต่เธอก็คอยระวังตลอด
“เฮ้...”
“...”
“ไม่คิดจะหันกลับมาทักทายกันหน่อยหรอ...เฟซี่”
“สตีฟ...”
ร่างบางหันกลับมาพร้อมกับดวงเนตรเบิกกว้าง ชายร่างสูงผมบลอด์และดวงตาสีฟ้าที่เธอคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี ในตอนแรกเธอชะงักไปเพราะหนวดเคราที่ค่อนข้างยาว หากเขาไม่พูดเธอก็เกือบจะจำไม่ได้ สตีฟยิ้มเล็กน้อยและเป็นอย่างที่นาตาชาบอก ถ้าหากเขาไม่พูดเฟลิเซียก็อาจจะจำเขาไม่ได้ ทันทีที่สมองเธอประมวลผลว่านี่ไม่ใช่ความฝันแต่มันคือความจริง
“สูงขึ้นรึเปล่านะ? รอบที่แล้วยังตัวเล็กกว่านี้อยู่เลย”
“แนท...”
“ดูทำหน้าเหมือนกับเจอผีงั้นแหละ”แซม
“รอบนี้สูงพอๆกับวันด้าแล้วด้วย”วิชชั่นยิ้ม
“เฮ้...เฟซี่”วันด้า
วินาทีที่คนอื่นๆปรากฏตัวขึ้นนั้นเอง เหมือนเฟลิเซียลืมหายใจไปชั่วขณะ ดวงเนตรสีน้ำตาค่อยๆมีน้ำตาเอ่อล้นออกมาและอาบพวงแก้มของเธอ เธอปล่อยมือจากสร้อยของตัวเองและวิ่งโผเข้าสู่อ้อมกอดของนาตาชา
“เฮ้ๆใจเย็นๆ พวกเราอยู่ที่นี่แล้วไม่เป็นไรนะ...โอ๋ๆไม่ร้องคนเก่ง”
หยาดน้ำตาแห่งความรู้สึกได้พรั่งพรูออกมา ไม่มีเสียงสะอื้นมีเพียงแค่น้ำตาเท่านั้นที่ไหลรินออกมาอย่างเงียบๆ เฟลิเซียกอดนาตาชาเอาไว้อย่างแนบแน่น อ้อมกอดและความอบอุ่นที่เธอคิดถึง ภาพวันวานตอนที่ทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตามันฉายขึ้นมาแค่นึกภาพวันวานที่เคยอยู่ด้วยกันมันก็อบอุ่นหัวใจเธอแล้ว สตีฟลูบหัวเธอเล็กน้อยอย่างอ่อนโยนและนึกเอ็นดู เมื่อคลายกอดจากนาตาชาเธอก็เข้าสู่อ้อมกอดของวันด้าและสตีฟกับแซมตามลำดับ
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ”เฟลิเซียเอ่ยและเช็ดน้ำตา
ทั้งหมดยิ้มและพยักหน้ารับ แม้สีผมนาตาชาจะเปลี่ยนไปและสั้นกว่าเดิม นาตาชาก็ยังคงเป็นนาตาชา วันด้าเองก็ด้วยเช่นกัน แต่สภาพวิชั่นไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ส่วนแซมชุดอุปกรณ์ของเขาก็มีรอยขีดข่วนและรอยถลอกเล็กน้อย ความรู้สึกผิดฉายออกมาผ่านแววตาของสตีฟเพราะเขาไม่ได้ร่ำลาเธอด้วยตัวเอง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและแน่นอนไม่มีใครอยากให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นเช่นนี้ เขาดีใจเธอเข้าใจแต่ก็คงเสียใจอยู่มากไม่น้อยเช่นกัน เขาเปรียบเสมือนพี่ชาย นาตาชาและวันด้าก็เหมือนพี่สาว ทุกๆคนคือสมาชิกในครอบครัวคนสำคัญ
“อย่างกับพ่อลูกที่ไม่ได้เจอกันมานานอย่างนั้นแหละ”แซมแซวทั้งสองและเกิดเป็นเสียงหัวเราะเล็กน้อยระหว่างพวกเขา
“มาเข้าเรื่องกัน...ทานอสมีกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในจักรวาล และมันไม่ยอมรามือแน่จนกว่าจะได้...มณีวิชั่น”
หลังจากพบปะพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดก็เข้าสู่การประชุมในห้องห้องหนึ่ง ในตอนนี้สถานการณ์ค่อนข้างจะตรึงเครียด เฟลิเซียยืนฟังอย่างเงียบๆในขณะที่กำลังเช็ดเลือดตรงขมับและหน้าผากให้กับวันด้า
“ขอบใจนะ”เธอยิ้ม
“ด้วยความยินดีค่ะ”เฟลิเซียยิ้มและหันกลับมาสนใจบรูซและคนอื่นๆอีกครั้ง
“งั้นพวกเราต้องคุ้มกัน”นาตาชาเสนอ
“ไม่ ต้องทำลายทิ้ง”
ทั้งหมดหันหน้าไปยังบุรุษร่างแดงทันที ไม่มีใครคิดว่าเขาจะตัดสินใจและเอื้อนเอ่ยออกมาเช่นนี้
“ผมรับรู้หลายอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในหัว มันมี...บุคลิกและยังพอรู้องค์ประกอบมันเหมือนว่า ถ้าเผชิญกับขุมพลังมหาศาลที่แกร่งกล้าพอที่มีอัตลักษณ์พลังงานในแบบเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ความกลมเกลียวในอนุภาคจะสลาย”เขาค่อยๆเดินเข้าไปหาวันด้าและมองหน้าเธอสลับกับเฟลิเซีย
“ใช่...ไปพร้อมกับคุณด้วย เราเคยคุยเรื่องนี้กันแล้วนี่”มีความกลัวกึ่งกังวลฉายขึ้นมาในดวงตาของวันด้า
“มันเป็นทางเดียวที่รับประกันว่าทานอสจะไม่ได้มันไป”
“มันเป็นการแลกที่แพงเกิน”วันด้าเอ่ย
“คุณเท่านั้นที่มีพลังทำได้”เขาจับแก้มเธอ “หรือไม่ก็คุณ...เฟลิเซีย”
“ไม่ค่ะวิชั่น...มันจะต้องมีทางอื่น ฉันทำแบบนั้นไม่ได้”เฟลิเซียส่ายหน้า
วันด้าถอยออกมาพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นเล็กน้อย ด้วยอารมณ์และความรู้สึกเศร้าเพราะเธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ วิชั่นคือคนที่วันด้ารัก เธอก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้เช่นกันเหมือนวันด้า มันเป็นการแลกมาซึ่งชีวิตของคนในครอบครัวและยิ่งเป็นคนที่วันด้ารักยิ่งแล้วใหญ่ เธอบีบไหล่ของวันด้าเบาๆและจับมือเธอเอาไว้และวันด้าก็บีบมือเธอตอบ
“ทานอสคุกคามครึ่งจักรวาล อยากให้ชีวิตเดียวปิดโอกาสโค่นล้มมัน”วิชั่นเอ่ยขึ้น
“มันไม่ควร...เราไม่แลกชีวิตวิชั่น อย่างที่เฟซี่บอกมันจะต้องมีทางอื่น”สตีฟถอนหายใจเล็กน้อย
“เมื่อ70ปีก่อนคุณยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องคนนับล้านๆชีวิต ถามหน่อยมันต่างกันตรงไหน?”
“มันต่างกัน...และอาจจะเหมือนที่เฟซี่พูด”บรูซเปิดประเด็นขึ้น
“นายอาจมีทางเลือก ความคิดนายเกิดจากการผสมผสานตัวตนหลายชั้นจากจาร์วิส อัลตรอน โทนี่ ฉันและมณี ทั้งหมดบูรณาการแต่ละตัวตน เรียนรู้แลกเปลี่ยน”
“จะบอกว่าวิชั่นไม่ใช่แค่มณีหรอ?”วันด้าถาม
เฟลิเซียรู้สึกมีความหวังเมื่อบรูซเปรยขึ้นแบบนั้น หมายความว่าโอกาสและเปอร์เซนต์ที่วิชั่นไม่ต้องสละตัวเองจะสูงมากยิ่งขึ้นเข้าไปอีก
“จะบอกว่าต่อให้เอามณีออก วิชั่นก็ยังเหลือตัวตนอีกเยอะอาจดีกว่าเดิมก็ได้”
“เราทำได้ไหม?”นาตาชาถามอย่างมีหวัง
“ไม่ใช่ผม ไม่ใช่ที่นี่”บรูซส่ายหน้าพลางหันไปมองโรดีส์สลับกับเฟลิเซีย
“งั้นก็ควรหาคนทำ หาที่ที่จะทำด่วน”โรดีส์พูดขึ้น
“ท่านรัฐมนตรีไม่คืนห้องให้แน่ๆค่ะ”เฟลิเซียตอบและถอนหายใจเล็กน้อย เพราะเหมือนจากข้อตกลงและว่าด้วยสตีฟ นาตาชาและคนอื่นๆในเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ห้องที่ควรจะได้ใช้ก็กลับกลายเป็นต้องรออนุมัติและเหมือนห้องถูกอายัดไปโดยปริยาย
“รู้จักที่หนึ่ง”
แสงแห่งความหวังที่ริบหรี่ในตอนนี้ก็เหมือนเริ่มสว่างมากยิ่งขึ้น เมื่อสตีฟบอกว่ารู้จักอยู่ที่หนึ่งก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่ามีโอกาสและมีเปอร์เซ็นต์สูงมากยิ่งขึ้น ทุกคนเริ่มมีความหวังแต่คนที่รู้สึกใจชื้นขึ้นกว่าใครๆก็คงจะเป็นวันด้า เฟลิเซียเองก็เช่นกันเพราะเธอยังไม่พร้อมสำหรับการสูญเสียหากจะมีใครสักคนต้องตายหรือหายไป ไม่ว่าจะเป็นพ่อเธอหรือใครก็ตาม
“เตรียมตัวให้พร้อม เราจะรีบออกเดินทางกัน”
ทุกคนพยักหน้ารับ สตีฟไม่ได้บอกในทันทีว่าที่ๆเขาหมายถึงนั้นคือที่ใด เหมือนเธอได้สัมผัสบรรยากาศเดิมๆอีกครั้งที่เธอคิดถึง กัปตันอเมริกาผู้นำทีมที่คอยออกคำสั่งและวางแผนต่างๆให้ทุกภารกิจผ่านไปได้อย่างราบรื่น
“เฟซี่...”
“ถ้าจะห้ามไม่ให้หนูไปล่ะก็...บอกเลยว่า—”
“ไม่ได้จะห้าม...แค่จะถามว่ามีชุดตัวเก่งไหม?”สตีฟยิ้มน้อยๆ
ร่างบางชะงักและรู้สึกผิดคาดเล็กน้อย เพราะคิดว่าเขาคงจะห้ามไม่ให้เธอไปด้วยเนื่องจากการต่อสู้ครั้งนี้ไม่รู้ว่ามันจะอันตรายมากน้อยแค่ไหน และอาจจะเพราะเธอคิดว่าเขายังคงมองเธอเป็นเด็กอยู่ก็เลยอาจจะไม่ให้ไปและให้เธอรออยู่ที่นี่
“มีค่ะ”
“งั้น...เจอกันที่ควินท์เจ็ท”
“ขอบคุณค่ะสตีฟ!”
“เร็วเข้าเฟซี่ ชักช้าเดี๋ยวจะไม่รอนะ”
“ค่ะแนท!”
เฟลิเซียรีบออกไปในทันทีท่ามกลางสายตาของสตีฟ นาตาชาและคนอื่นๆที่อมยิ้มเล็กน้อย แม้จะยังตรึงเครียดแต่ก็เพราะมีเธอพวกเขาก็ยังพอยิ้มได้แต่ความกังวลที่มีอยู่ก็ไม่ได้คลายตัวลงในทันที
“เธอไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ”วันด้าพูดในขณะที่ยืนอยู่ข้างๆวิชั่นอย่างห่วงๆ
“คิดว่าเธอก็คงเสียใจไม่ใช่น้อย...แต่การที่เธอยังยิ้มได้แบบนั้นก็นับว่าเก่งจริงๆ”แซม
“ก็...ช็อค ใช่แล้วเธอช็อคมากๆ โทนี่เล่าให้ฟังว่าช่วงแรกๆเธอไม่ค่อยกินอะไรเลย ใช้คำว่ากินน้อยลงล่ะกัน แต่พอผ่านไปได้สักพักก็กลับมาร่าเริงสดใสเหมือนเดิม แต่ก็...เหงาแหละ ไม่ค่อยแสดงออกมาตรงๆ”โรดีส์กอดอกและบอกเล่าให้พวกเขาฟัง
“ถ้าโทนี่อยู่ก็คงห้ามไม่ให้เธอออกไปเพราะให้เธอวางมือแล้วอย่างสมบูรณ์”สตีฟพูดขึ้น “ไม่ก็บ่นจนหูชา”
“ฉันว่าคงไม่แค่บ่น...แต่ฉันว่าตอนนี้เธอก็พร้อมที่จะอยู่แนวหน้าแล้ว แต่ก็นั่นแหละก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี ฉันเชื่อมั่นในเธอ”นาตาชา
“ฉันก็มีความรู้สึกว่าเธอต่างจากเมื่อก่อน หมายถึงพลังที่มันดูไม่เหมือนเดิมจากที่เห็นเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้ ยังไงตอนนี้เธอก็เป็นกำลังสำคัญของเราอีกคน”บรูซกล่าว
-------------------------------------------------------------------------------
ไรท์มาอัพแล้วค่ะเย้ เริ่มเข้มข้นเข้าไปทุกที
สามารถติดฟิคนี้ได้ทางรีดอะไร้ต์เช่นกันนะคะ
ที่นี่เลย > https://www.readawrite.com/a/2ff44684403fc563e2eceb6e57104701 <
ขอบคุณค่ะทุกๆกำลังใจและทุกๆคอมเมนต์นะคะ
ไว้ไรท์จะรีบมาอัพตอนใหม่ค่ะ
ความคิดเห็น