คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Chapter15 : Infinity begin
Chapter15
“นั่นแหละ...เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตอนที่หนูไม่อยู่”
หลังจากที่เฟลิเซียปล่อยโฮร้องไห้มาพักใหญ่ตอนนี้เธอก็สงบลงและเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
แต่ก็ยังคงมีน้ำตาเอ่อและไหลซึมเป็นระยะๆ
โทนี่เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้กับเธอฟังแน่นอนว่าเป็นไปตามที่เขาคาด เธอช็อคและไม่อยากเชื่อว่าสิ่งนี้มันจะเกิดขึ้นจริงๆแต่เธอก็เข้าใจทั้งเขาและอีกฝ่าย
ไม่มีใครอยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้นแต่สุดท้ายมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว
เขาให้ฟรายเดย์ฉายภาพการต่อสู้ที่เกิดขึ้นที่สนามบินในประเทศเยอรมันให้เธอได้เห็น
เกิดความเจ็บปวดขึ้นภายในจิตของเฟลิเซียเพราะทุกคนต่างก็เป็นคนที่เธอรักและหันมาต่อสู้กันเองด้วยเหตุปัจจัยหรือเหตุผลบางอย่างของทั้งสองฝ่าย
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดล้วนแต่ทำให้เธอรู้สึกแย่เพราะไม่ว่าจะโทนี่หรือสตีฟ
พวกเขาก็เป็นครอบครัวที่เธอรัก
“แล้วเรื่องบรานส์ล่ะ”
เธอนอนหนุนตักโทนี่ในขณะที่เขานั่งหลังพิงกระจกหน้าต่าง
โทนี่ลูบหัวปลอบเธอเบาๆ
พลางก้มมองเธอที่นอนหนุนตะแคงมองไปยังกรอบรูปตั้งโต๊ะที่มีรูปพวกเขาที่เคยถ่ายเป็นรูปหมู่และทีม
ซึ่งเธอนำมันมาอัดใส่กรอบเอาไว้และวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียงกับโต๊ะอ่านหนังสือ
รวมไปถึงรูปของโทนี่และเพพเพอร์ที่เธอถ่ายเองก็เช่นกันเธอก็นำมาอัดกรอบใส่เก็บเอาไว้
“หืม?”
“เรื่องที่เขาฆ่าพ่อแม่ป๊า...หมายถึงป๊าจะให้อภัยเขารึเปล่า?”
“เรื่องนั้นมันก็...ไม่รู้สิ
มันก็พูดยากมันอาจจะยากเกินกว่าหรืออาจจะเหนือกว่าการให้อภัยไปแล้ว ถึงจะบอกว่าบรานส์ไม่ได้เป็นตัวของตัวเองถูกไฮดราครอบงำจิตใจมันก็...”เขาเงียบไป
เฟลิเซียค่อยๆลุกขึ้นมานั่งและเขยิบไปนั่งข้างๆโทนี่
หลังเธอพิงกระจกเช่นกันก่อนที่จะค่อยๆหยิบทิชชู่มาซับน้ำตาอีกครั้งและยิ้มให้กับโทนี่
ซึ่งเขาก็เลิกคิ้วเล็กน้อยและรอฟังว่าเธอจะพูดอะไรต่อไป
“ถ้าเป็นหนู...หนู...คง...”
2 ปีต่อมา
หลายชั่วโมงก่อนหน้านี้
จากเหตุการณ์ที่ทำให้เฟลิเซียช็อคและเสียใจ
กับการที่สมาชิกที่เป็นทั้งทีมและครอบครัวในเวลาเดียวกันแตกออกเป็นเสี่ยงๆเนื่องด้วยหลายๆปัจจัย
แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังเป็นครอบครัวคนสำคัญของเธอ
รวมไปถึงเธอเองก็เป็นสมาชิกคนสำคัญของพวกเขาด้วยเช่นกัน
จากวันนั้นจนมาถึงวันนี้เวลาก็ได้ล่วงเลยมาแล้วจนถึงสองปี
สองปีที่ไม่มีเสียงหัวเราะจากสตีฟ นาตาชา คลินท์ วันด้า วิชั่นหรือแซม
และอาจจะรวมไปถึงบรูซกับธอร์ ที่เจอกันครั้งสุดท้ายก็ราวๆสามปีที่แล้ว
นับจากที่วันด้าและวิชั่นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอเวนเจอร์ส
เฟลิเซียยอมรับว่าแรกๆมันค่อนข้างเหงาจนเกือบจะอ้างว้าง
ที่ที่เคยเป็นที่ประจำของแต่ละคนก็ว่างเปล่า แต่เพราะยังมีโทนี่ เพพเพอร์
อาจจะรวมไปถึงปีเตอร์
ทำให้ความรู้สึกเหงามันก็พอทุเลาเบาลงแต่ก็ยังทำให้เธอรู้สึกคิดถึงพวกเขา
เธอเฝ้าหวังว่าสักวันจะได้รับการติดต่อจากใครสักคนหรือคงมีสักวันที่จะได้อยู่กันพร้อมหน้าอีกครั้ง
“เฮ้...คิดอะไรอยู่รึเปล่า
ยืนเงียบเชียว”
“ก็...นิดหน่อยค่ะ”
“ใจคงไม่ได้แอบลอยไปหาหนุ่มๆที่ไหนใช่ไหม?”
เฟลิเซียยิ้มและส่ายหัวให้กับโทนี่
ก่อนที่จะเดินไปอยู่ข้างๆเพพเพอร์
คนเป็นแม่จึงกอดและใช่มือโอบเอวลูกสาวตนเอาไว้พร้อมกับยิ้ม
ในตอนนี้เธออายุ22ปีบริบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากเด็กสาวที่รู้จักกันในนามลูกสาวของมหาเศรษฐีเพลย์บอยและสมาชิกของทีมเวนเจอร์ส Black
magician ในตอนนี้ก็ได้เติบโตเป็นหญิงสาวสะพรั่งอย่างเต็มตัว
ด้วยส่วนสูงที่เพิ่มขึ้น
ผมจากที่ยาวอยู่แล้วเธอก็ยังคงปล่อยให้ยาวสยายจากบั้นเอวในตอนนี้ยาวไปจนถึงต้นขา
แต่ก็มีการมัดรวบเป็นหางม้าเพื่อความเรียบร้อย
แม้ว่าอายุจะบรรลุนิติภาวะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ความหวงของโทนี่ก็ยังคงทวีคูณมากยิ่งขึ้นและไม่มีท่าทีว่าจะลดละ
แต่ก็ยังให้อิสระเธอในการออกไปเที่ยวกับปีเตอร์
หรือออกไปเที่ยวเพียงลำพังตามที่เธอต้องการ แต่ก็ยังดูอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ
ในตอนนี้ทั้งสามพ่อแม่และลูกกำลังเดินอยู่ในสวนสาธารณะในยูนิฟอร์มชุดเสื้อแขนยาวแบบแจ็คเก็ตกางเกงขายาว
ชุดของโทนี่และเพพเพอร์มีคล้ายกัน ส่วนเฟลิเซียอยู่ในชุดเสื้อแขนยาวสีดำมีฮู๊ด
สวมทับกางเกงขาวยาวทรงสกินนี่เอวสูง รองเท้าผ้าใบดำตัดขอบขาว
“เดี๋ยวป๊าขอคุยกับแม่กันสองต่อสองแป๊บนะ”
“ค่ะป๊า~”
เธอพยักหน้ารับและปล่อยให้ทั้งสองคนเดินนำเธอไปก่อน
เฟลิเซียค่อยๆยกมือขึ้นและค่อยๆสอดมือเข้าไปในคอเสื้อของตน
เธอแตะเบาๆที่สร้อยเส้นสีดำที่มีอัญมณีสีขาวบริสุทธิ์เม็ดงามซ่อนอยู่
จากเหตุการณ์ที่ฐานบาโฟเมตถูกโค่นล้มกับพลังที่แท้จริงที่ซ่อนและไหลเวียนอยู่ในตัวเธอได้ตื่นขึ้น
ก็ล่วงเลยมาเป็นเวลาสามปีเศษแล้วเช่นกัน
เธอรู้สึกเหมือนมันพึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้
รู้สึกเหมือนตัวเองยังคงเป็นเด็กสาวตัวเล็กๆคนเดิมแม้ว่าในตอนนี้จะโตขึ้นมากแล้วก็ตามและแน่นอนเธอยังคงคิดสมาชิกคนอื่นๆในทีมเหมือนเดิม
“...”
แต่ความคิดและความคิดถึงบางอย่างก็ได้ถูกหยุดลง
เธอปล่อยมือจากสร้อยที่ซ่อนไว้ในใต้เสื้อและยิ้มเล็กน้อย
เธอเดาว่าโทนี่กำลังพูดคุยกับเพพเพอร์เรื่องฝันแปลกๆที่เขาฝันถึง
และสงสัยอยากรู้ว่าเพพเพอร์กำลังตั้งครรภ์หรือเปล่า ถ้าหากกำลังตั้งครรภ์ก็หมายความว่าเธอกำลังมีน้องในเร็วๆนี้ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
วู่ม!
“โทนี่ สตาร์ค”
“!?”
“ผม ดร.สตีเฟ่น
สเตรจน์ อยากให้คุณมากับผม”
“…”เพพเพอร์จับแขนโทนี่ทันทีโดยอัตโนมัติ
“โอ้ว...เอ่อ
ยินดีด้วยเรื่องงานแต่งงานของพวกคุณ”
แต่ในจังหวะที่ทั้งสองกำลังจูบกันอยู่นั้นก็เป็นอันต้องแยกออกจากกัน
ก็ปรากฏเป็นวงแหวนประตูมิติสีอมส้มคล้ายประกายไฟปรากฏขึ้น
เฟลิเซียรีบเดินเข้าไปดูใกล้ๆทันที
สิ่งที่เธอเห็นก็คือร่างของชายคนหนึ่งที่เดินออกมาจากมิตินั้นใส่ชุดเสื้อคลุมสีแดง
พร้อมกับสวมใส่ชุดเครื่องแบบที่ดูแล้วน่าจะเป็นยูนิฟอร์มเฉพาะตัว สวมใส่สร้อยที่มีรูปร่างลักษณะแปลกตา
“เดี๋ยวก่อนนะ...”
ร่างบางพึมพำและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
และนึกออกได้ในทันทีว่าบุคคลตรงหน้าคือคนที่เคยผ่าตัดและช่วยเมื่อตอนที่เธอบาดเจ็บหนัก
จากอุบัติเหตุเหล็กซากปรักหักพังแทงเธอจนทะลุ
“คุณหมอสตีเฟ่น
สเตรจน์”
“ขอบคุณที่ยังจำกันได้”เขาตอบกับเธอ “ผมก็จำคุณได้...ที่เคยมารักษาเมื่อสองปีก่อน”
เฟลิเซียพยักหน้าและแอบทึ่งในเวลาเดียวกันที่ตัวเขาในตอนนี้กับที่เธอเจอเมื่อสามปีที่แล้วเหมือนเป็นคนล่ะคน
“ผมรู้ว่าคุณกำลังสงสัยว่าทำไมตอนนี้ผมถึงเป็นแบบนี้
แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน...แล้วก็เรื่องของคุณผมรู้แล้ว”สตีเฟ่นพูดกับเฟลิเซียและหันกลับมาสนใจโทนี่ที่กำลังยืนงง
จากศัลยแพทย์ประสาทที่เก่งและมีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่ง
ผันตัวมาเป็นจอมเวทย์หรือพ่อมดอะไรเทือกๆนี้ นั่นคือสิ่งที่เฟลิเซียเข้าใจ
การที่เขารู้เรื่องของเธอแล้วมันก็ยิ่งชัดเจนว่าเขารู้เรื่องพลังของเธอและเธอไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบัง
“นี่แต่งชุดมาแจกบัตรฟรีอะไรหรอ?”โทนี่ขมวดคิ้ว
“พวกเราต้องให้คุณช่วย...ถ้าจะบอกว่าจักรวาลของเรากำลังมีภัยก็คงไม่เว่อร์เกิน”
“ช่วยพวกเรา....”
“บรูซ...”
โทนี่ถูกตัดบทจากหญิงสาวผู้เป็นลูก
ดวงเนตรคู่งามจดจ้องไปยังผู้มาใหม่อีกหนึ่งคนที่เดินออกมาจากอีกฟากของประตูมิติด้วยเช่นกัน
ชายร่างท้วมที่เธอคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีแต่ก็นานมากแล้วที่ไม่ได้พบกัน
เขาเปลี่ยนไปจนเธอเกือบจะจำไม่ได้
ทั้งโทนี่และเพพเพอร์ต่างก็ตะลึงงันไม่ต่างจากเธอ
“ไง...โทนี่”
“บรูซ!”
“เพพเพอร์...”
“ไง...”
“เฟซี่...”
“สวัสดีค่ะบรูซ...”
-ปัจจุบัน-
โทนี่กับบรูซเข้าไปในมิติตามที่สตีเฟ่นต้องการ
ในตอนแรกเฟลิเซียจะขอตามไปด้วยแต่โทนี่ให้การปฏิเสธ
เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเจอเรื่องที่มันอันตรายมากน้อยแค่ไหน เพื่อความปลอดภัยเขาจึงให้เธอกลับไปกับเพพเพอร์
ในตอนนี้เธอกำลังเดินอยู่ในสวนสาธารณะแต่คนละสถานที่กับเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้
ในตอนนี้เป็นสวนสาธารณะที่มีลานรูปปั้นและลานน้ำพุใกล้ๆใจกลางนิวยอร์ก เนื่องด้วยวันนี้ไม่มีเรียนเธอจึงออกมาเดินเล่นคนเดียวเงียบๆหลังจากที่แยกกับเพพเพอร์แล้ว
การแต่งตัวยังคงเดิมเหมือนเมื่อเช้า
เพียงแต่เปลี่ยนไปใส่เสื้อยืดแขนยาวสีขาวด้านในและใส่แจ็คเก็ตสีดำพับแขนเสื้อเล็กน้อย
สวมใส่รองเท้าผ้าใบบูทสีดำเสริมส้นเล็กน้อย
ผมที่ถูกรวบหางม้าไว้ในตอนแรกก็ปล่อยสยาย
กึ่ก!
กึ่ก!
วินาทีที่กำลังเดินอยู่นั้นเอง
เธอรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนประหลาดพร้อมกับเสียงบางอย่างที่ล่องลอยเข้ามาในโสตประสาทการรับฟัง
เมื่อเงยหน้าขึ้นเธอก็ได้รับคำตอบในทันที ยานอวกาศทรงประหลาดคล้ายโดนัทยักษ์วงแหวนยักษ์ปรากฏขึ้น
พร้อมกับคลื่นแรงลมมหาศาลและเศษวัตถุเล็กๆน้อยที่พุ่งเข้าโจมตีเมือง
คลื่นลมแรงพัดพาทุกสิ่งทุกอย่างที่ฐานไม่มั่นคงหลุดกระเด็นออกไป
ผู้คนเริ่มแตกตื่นหวาดกลัว การจราจรเริ่มติดขัดและเกิดอุบัติเหตุรถชนกันเอง
รวมไปจนถึงรถพุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้าเพราะไม่สามารถควบคุมหรือต้านแรงคลื่นลมนี้ได้
“ทางนี้ค่ะ!
ฟรายเดย์เรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยที”
“ได้ค่ะ Miss”
เฟลิเซียวิ่งเข้าไปช่วยอพยพผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงไปที่ที่ปลอดภัยให้ได้มากที่สุด
ทั้งในตัวเมืองและบริเวณโดยรอบกำลังโกลาหลไม่ต่างกัน
แต่ดูเหมือนในกลางเมืองจะวินาศสันตะโรกว่าบริเวณโดยรอบ
ตู้ม!
นั่นคือเสียงที่ดังขึ้นมาจากอีกฟากฝั่ง เธอพอจะเดาได้ในทันทีว่ามีการต่อสู้กันเกิดขึ้น
ดูจากยานอวกาศทรงประหลาดนี้แล้ว
และอิงตามที่สตีเฟ่นพูดไปก่อนหน้านี้ก็ยิ่งทำให้ชัดเจนว่าคงจะมีสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวมาเยือนและเป็นภัยต่อโลก
“เหวอ!”
โคร่ม!
ร่างบางหันไปตามทิศทางต้นเสียง
บรูซร่วงหล่นลงมาจากวงแหวนประตูมิติพร้อมกับซากแท็กซี่คันเหลืองที่หักครึ่งท่อนตรงบริเวณลานสนามหญ้า
เธอจึงรีบวิ่งไปดูเขาทันทีส่งมือไปดึงให้เขาลุกขึ้นยืน
“โอเค...ไหมคะ?”
“ก็คิดว่าโอเค...แต่ฮัลค์ไม่ยอมออกมา”เขาปัดฝุ่นและเศษใบไม้เศษหญ้าตามตัวเขาเล็กน้อย
“เผลอแป๊บเดียวโตขนาดนี้แล้วหรอเนี่ย
ตอนนั้นยังไม่สูงขนาดนี้เลย”เขาพูดกับเธอ
“อันที่จริง...เราเจอกันล่าสุดก็เมื่อ...”
เพล้ง!
ตู้ม!
“สามปีที่แล้ว...เอาเป็นว่าไว้ค่อยคุยกันนะคะบรูซ”
เฟลิเซียที่ตั้งหลักได้เป็นคนแรกรีบวิ่งไปยังทิศทางที่มีวัตถุบางอย่างทะลุข้ามตัวตึกมายังจุดที่เธอกับบรูซอยู่
ซึ่งอันที่จริงแล้วคือพ่อของเธอถูกอาวุธบางอย่างที่คล้ายๆค้อนติดโซ่รัดตัวเอาไว้และเหวี่ยงมาจนถึงฝั่งนี้จนพื้นดินเป็นรอยลาก
และต้นไม้ก็รับแรงกระแทกอย่างจังจนเกิดเป็นรอย
“โทนี่!”
“ป๊า!”
“เฮ้ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะเนี่ย”เขาถามเฟลิเซียและค่อยๆลุกขึ้นพร้อมกับบรูซที่วิ่งมาสมทบ
“เป็นอะไรไหม?
หมู่หรือจ่า!?”บรูซถาม
“ยังไปได้สวย...สวยอยู่
แถวนี้มันอันตราย”เขาบอกเป็นกลายๆว่าให้เฟลิเซียออกไปจากตรงนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง
“แล้วนายล่ะจะช่วยไหม?”
“พยายามเรียกแล้ว
แต่มันไม่ออกมา”
“หลบค้อน!”
วู่ม!
บุรุษเหล็กพุ่งตัวผลักให้บรูซหลบให้พ้นทาง
เฟลิเซียอ้าแขนและกางมือออกพอประมาณพลังงานสีดำและมีประกายแสงสีขาวปรากฏขึ้นที่มือขวา
เธอซัดเหวี่ยงคลื่นพลังงานนั้นใส่เอเลี่ยนร่างยักษ์จนกระเด็นและเซหงายหลังไป
พลังงานสีขาวแต่ก็มีคลื่นพลังสีดำปนปรากฏขึ้นที่มือซ้าย สองมือประกอบและประสานคลื่นพลังเวทหลอมรวมกัน
จากนั้นเฟลิเซียก็อ้าแขนกางมือซัดเหวี่ยงคลื่นพลังขนาดย่อมนั้นออกไป
แม้จะดูเบาบางแต่ก็แฝงไปด้วยความรุนแรงจนอีกฝ่ายกระเด็นออกไปอีกครั้ง
พอเอเลี่ยนร่างยักษ์ลุกขึ้นมาตั้งหลักได้ก็จัดการเหวี่ยงค้อนมายังเธอทันที
โทนี่จึงรีบเข้ามารับช่วงต่อเบี่ยงเบนค้อนนั้นไปอีกทาง
จัดการยิงคลื่นลำแสงใส่อีกฝ่าย
“ไม่อยู่แค่แป๊บเดียว...เดี๋ยวนี้ทำแบบนี้ได้แล้วหรอ”บรูซมองเฟลิเซียอย่างทึ่งๆ
“ต้องอัพเดตกันอีกเยอะเลยค่ะ”
วู่ม!
คลื่นลำแสงที่ปล่อยออกจากชุดของโทนี่
ถูกเกราะของอีกฝ่ายสะท้อนได้ทำให้แสงคลื่นกระจายออกไปรอบๆจนตัดผ่านต้นไม้หักโค่นล้ม
เฟลิเซียยกมือขึ้นเหนือหัวสร้างพลังงานบาเรียบางๆขึ้นมาเพื่อป้องกันคลื่นนั้นซัดใส่ตัวเองและป้องกันตัวเองจากต้นไม้ที่กำลังโค่นล้มใส่
รวมไปถึงกันไม่ให้บรูซโดนลูกหลงด้วย
“ไม่!”
นั่นคือเสียงคำรามจากฮัลค์ที่เธอได้ยิน
บรูซทรุดตัวลงนอนเพราะจนแล้วจนรอดและจนท้ายที่สุดฮัลค์ก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเขา
“หวัดดี ไง
คุณสตาร์ค!”
“พีท!”เฟลิเซียเรียกอีกฝ่าย
“หวัดดีฮะ!”
ระหว่างทีละความสนใจไปเพียงชั่วครู่เดียว
เด็กหนุ่มในชุดยูนิฟอร์มลายใยแมงมุมหรือสไปเดอร์แมนก็ปรากฏตัวขึ้นและหยุดการโจมตีจากอีกฝ่ายเอาไว้
ก่อนที่มันจะมาถึงตัวของโทนี่
“ไอ้หนู! มาได้ไง?”
“มาทัศนศึกษากับโรงเรียน!”
ปีเตอร์ถูกเหวี่ยงไปยังลานน้ำพุ
ระหว่างนั้นโทนี่ก็เริ่มอธิบายสถานการณ์ทั้งหมดให้เด็กหนุ่มฟังผ่านอุปกรณ์สื่อสาร
เมื่อตั้งหลักได้และยิงใยแมงมุมเพื่อยึดติดกับอีกฝ่ายแต่ก็ถูกเหวี่ยงออกไปอีกครั้ง
เฟลิเซียวิ่งเข้าไปแต่ก็รักษาระยะห่างและวาดมือขวาที่ล้อมไปด้วยคลื่นหมอกสีดำและคลื่นพลังงานไปบนอากาศ
ปรากฏเป็นเถาวัลย์สีดำขึ้นมาจากพื้น จัดการจับมัดและพันธนาการผู้บุกรุกเอาไว้
เธอกำมือเพื่อให้เถาวัลย์นั้นรัดกุมเขาเอาไว้ให้แน่น
ก่อนที่จะถูกซากแท็กซี่สีเหลืองที่ตกมากับบรูซก่อนหน้านี้ฟาดเข้าให้อย่างจัง
แต่ถึงกระนั้นการต่อสู้ก็ยังไม่ยุติ
ฟิ้ว!
“นั่นมัน”
มีอะไรบางอย่างผ่านหน้าพวกเขาไป
ที่เฟลิเซียพอจะมองออกและเห็นก็คือเป็นร่างของสตีเฟ่นที่น่าจะกำลังสลบไสลอยู่
แต่ผ้าคลุมสีแดงนั้นกำลังพาเขาหนีจากมนุษย์ต่างดาวอีกคนที่กำลังตามไล่จับร่างเขามาแบบติดๆ
“นั่นไงพ่อมด!”โทนี่ร้องขึ้น “ไปเร็ว!”
“ได้ฮะ!”
ปีเตอร์ตอบรับคำและรีบยิงใยแมงมุมไปตามไปยังทิศทางเดียวกันกับที่สตีเฟ่นล่องลอยผ่านไปตามคำสั่งของโทนี่
อย่างไม่ลดละและไม่คลาดสายตา
“ไม่เป็นไรกันนะ?”หว่องถาม
“คิดว่านะคะ”
ตู้ม!
“!?”
โทนี่ถูกจับอีกอีกครั้งด้วยอาวุธของอีกฝ่าย
เฟลิเซียกำลังจะรีบวิ่งเข้าไปช่วยแต่วงแหวนมิติปรากฏขึ้นพร้อมกับเอเลี่ยนร่างยักษ์ที่ถูกส่งไปยังที่แห่งหนึ่ง
ที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็งปกคลุม
“เหวอ!”
บรูซร้องเสียงหลง
วงแหวนประตูมิตินั้นถูกปิดลงพร้อมกับแขนเจ้าเอเลี่ยนถูกตัดขาดตอนที่วงแหวนนั้นปิดตัวลง
ชายผู้เป็นหนึ่งเดียวกันกับฮัลค์จึงเตะมือที่ขาดให้ห่างและให้ไปไกลๆจากตน
“อ๊ะ...ป๊า!”
“ไม่ต้องห่วง...ป๊าจะรีบไปช่วยพ่อมดกับพีท
แล้วป๊าจะรีบกลับมา!”
เจ้าของเกราะเหล็กทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าไป
เขากำลังไล่ตามยานอวกาศทรงประหลาดที่แต่เดิมมันอยู่ใกล้ตัวเมืองนิวยอร์ก
แต่ในตอนนี้มันได้ลอยออกชั้นบรรยากาศของโลกออกไปแล้ว
---------------------------------------------------------------------------
หลังจากหายต๋อมไปนาน
มาอัพแล้วค่ะ!
ความคิดเห็น