ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic avengers x OC] She is our 'Family' [END]

    ลำดับตอนที่ #16 : Chapter14 : Broken

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 952
      94
      26 ธ.ค. 64

    Chapter14


     

    …1 ปีหลังจากนั้น...

    Athens, Greece

      นับจากเรื่องราวความวุ่นวายและเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติสุขอีกครั้ง เฟลิเซียได้เล่าเรื่องมากมายที่เธอได้ค้นพบเมื่อตอนที่เธอกลับไปที่ฐานอีกครั้ง พร้อมโทนี่ที่เก็บกู้ข้อมูลมาได้ซึ่งในตัวข้อมูลมีเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อแม่และตัวเธอ ทำให้ได้รู้ว่าพ่อและแม่ของเธอต่างก็เป็นตัวทดลองเช่นกันทั้งพ่อและแม่ของเธอต่างก็รู้สึกเช่นเดียวกันว่าสิ่งนี้นั้นไม่ถูกต้อง พ่อพาแม่หนีแต่พวกเขาก็ตามหาจนเจอพ่อถูกฆ่าเพราะพยายามปกป้องแม่ ส่วนแม่กำลังตั้งท้องเธออยู่และด้วยเพราะมีพลังการดูดซับ ทันทีที่แตะไปที่ต้นไม้ปีศาจโดยบังเอิญตอนที่ถูกพากลับมา พลังทั้งหมดนั้นจึงตกมาอยู่ที่เฟลิเซียในคืนที่แม่เธอได้ให้กำเนิดแม่ของเธอก็เสียชีวิตทันที

     ดังนั้นเฟลิเซียจึงเป็นผลพลอยได้ อีกทั้งยังมีข้อมูลเกี่ยวกับการเติบโต การรับพลังจากต้นไม้ปีศาจ การใช้ยาและอื่นๆอีกมากมายที่ได้สร้างความกระจ่างให้กับเหล่าอเวนเจอร์ส โทนี่สัญญาว่าจะเก็บข้อมูลทุกอย่างที่มีเกี่ยวกับเธอเอาไว้เป็นความลับ เพราะทั้งหมดนี้คืออดีตชีวิตของเธอที่ได้ตายลงไปแล้ว ในตอนนี้เธอคือ เฟลิเซีย สตาร์ค ลูกสาวของโทนี่ สตาร์ค เธอคือBlack Magicianและเธอคือสมาชิกของทีมอเวนเจอร์ส ครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวของเธอ

    [“เฮ้ เป็นยังไงบ้าง?”]

    สบายดีค่ะป๊า...แล้วทางนั้นเป็นยังไงบ้าง?

    [“ก็...สบายดี คนอื่นๆก็...สบายดี”]

     โทนี่ยิ้มให้เธอเล็กน้อยในตอนนี้ที่อเมริกาเวลาจะอยู่ที่ประมาณ5ทุ่มกว่าๆ แต่ทางฟากประเทศกรีซที่เธออยู่ในตอนนี้เป็นเวลา6โมงเช้าโดยประมาณเฟลิเซียติดต่อสื่อสารกับโทนี่ผ่านมือถือที่ได้รับการปรับปรุงมาแล้ว มันจะฉายจอภาพคล้ายจอโปรเจ็คเตอร์ขนาดเล็กและเป็นภาพโฮโลแกรมของบุคคลที่เธอติดต่อขึ้นมาแต่จะเห็นแค่ช่วงหัวถึงอกเพียงเท่านั้น

    ป๊า...โอเครึเปล่าคะ?

    [“โอ้ใช่ ใช่ ป๊าโอเค”] เขายิ้มให้กับเธอ

     แต่เฟลิเซียรู้สึกถึงความผิดปกติในน้ำเสียงและท่าทางของเขาที่มันไม่เหมือนเดิม โดยปกติโทนี่จะพูดเรื่องราวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขาเจอวันนี้หรือการประดิษฐ์สร้างเทคโนโลยีอะไรบางอย่างสำเร็จ ไม่ก็อาจจะเผาเรื่องของใครสักคนในทีมให้เธอฟังเพื่อสร้างเสียงหัวเราะ ตลกขบขันให้เธอฟัง แต่มาในวันนี้มันกลับดูเงียบผิดวิสัยตัวเขามากๆ

     หากนับเวลาสัปดาห์นี้ก็เป็นเวลา 3 เดือนโดยประมาณที่เธอมาเรียนแลกเปลี่ยนและมาดูงานสถาปัตยกรรมของจริงที่ประเทศกรีซซึ่งอาจจะเป็นเวลาที่ไม่ได้ดูมากมายอะไร แต่สำหรับเธอมันค่อนข้างจะยาวนานพอสมควร นับว่าเป็นการเดินทางไปต่างประเทศด้วยตัวคนเดียวเป็นครั้งแรกและคราวนี้ไกลห่างจากพวกเขาแบบอยู่กันคนล่ะทวีป มันค่อนข้างเหงาเพราะเธอต้องอยู่ตัวคนเดียวแม้จะยังพอมีเพื่อนอยู่บ้างแต่ก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป โดยปกติทุกวันที่กลับจากมหาวิทยาลัยมายังทาวเวอร์หรือในตอนนี้ที่เป็นฐานอเวนเจอร์สแห่งใหม่(Upstate New York, New Avengers Facility) เธอก็จะเจอทุกๆคนที่นั่งอยู่ที่มุมต่างๆของตนเอง ทำอาหาร ดูหนังและมีกิจกรรมต่างๆมากมายที่ได้ทำร่วมกันในแต่ล่ะวัน หรือในตอนเช้าที่เดินไปเคาะตามห้องเพื่อปลุกทุกคนจากการหลับใหล

     เฟลิเซียแทบจะไม่ได้ติดต่อใครกลับกับแทบจะไม่ได้รับการติดต่อจากเขาด้วยเช่นกันเพราะทุกคนวุ่นอยู่กับงานและภารกิจต่างๆมากมาย บ่อยครั้งที่ติดต่อไปพวกเขาก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาครั้งสุดท้ายที่เธอคุยกับคนอื่นๆในทีมนอกจากโทนี่ก็ประมาณ 2 เดือนที่แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการติดต่ออีกเลย  กลับกันตลอดระยะเวลา 3 เดือน เหมือนเธอถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอกไปชั่วขณะทีวีก็ไม่ได้ดู รวมไปถึงโซเชียลมิเดียต่างๆก็ไม่ได้เล่นหรือเข้าไปเช็คด้วยเช่นกัน

    [“มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ?”]

    คือ...เรื่องมันยาวน่ะ...เอาไว้ป๊าจะเล่าให้ฟังนะ แล้วก็...ไว้เดี๋ยวป๊าจะไปรับที่สนามบินนะ รักษาสุขภาพนะเฟซี่...แล้วเจอกัน รักลูกนะ

    [“รักเหมือนกันค่ะป๊าก็ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ ฝากบอกคุณแม่ด้วยนะคะว่าหนูคิดถึง...เจอกันค่ะ”]

    จะบอก...ยังไงดีนะ

    ก็บอกไปตามตรงนั่นแหละเธอคงจะเข้าใจ

     เสียงคำพูดของโรดีส์ดังก้องอยู่ในหัวของเขา โทนี่มองซองจดหมายสีขาวที่มีชื่อของเขาเขียนเอาไว้อยู่และมันมาถึงมือเขาเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา พร้อมกับจดหมายอีกหนึ่งฉบับซึ่งเป็นชื่อของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขาเฟลิเซีย ใจความในจดหมายของเขาเขาได้อ่านมันแล้วเป็นที่เรียบร้อย ผู้ส่งมาก็คือสตีฟ โรเจอร์ส ตอนนี้อเวนเจอร์สนั้นไม่เหมือนเดิมตอนนี้กระจัดกระจายกันออกไป จะเรียกว่าทีมแตกกลุ่มแตกก็เรียกได้ไม่เต็มปากซะทีเดียว

     ในกล่องพัสดุไม่ได้มีเพียงแค่จดหมาย มีโทรศัพท์รุ่นแบบเปิดปิดหรือพับได้ใส่มาด้วย ใจความจดหมายก็บอกว่าหากเขาต้องการสตีฟ โรเจอร์ส อยากให้ช่วยหรือต้องการความช่วยเหลือ เขาก็พร้อมที่จะมา และโทนี่ได้รับการติดต่อมาเรือนจำราฟท์ถูกโจมตีเขาพอจะอนุมานได้ว่าสตีฟไปช่วยเหลือคนอื่นๆที่ถูกคุมขังอยู่และเป็นอิสระกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     มีเรื่องราววุ่นวายมากมายเกิดขึ้นซึ่งเขาเองก็ไม่รู้จะเริ่มเล่าจากตรงไหน แบบไหนและยังไงดี มีเรื่องการตายของพ่อแม่เขามาเกี่ยวโยงอีกและได้รู้ความจริงว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ ไหนจะเรื่องที่พวกเขาสู้กันเองที่สนามบินในประเทศเยอรมันและอื่นๆอีกมากมาย ลูกสาวเขาเองก็คงเศร้าใจไม่น้อยเมื่อกลับมาอีกครั้งพวกเขาก็ไม่อยู่อีกแล้ว เหมือนไม่มีอเวนเจอร์สแบบเดิมอีกแล้ว

    แล้วก็...ดูแลเฟซี่ให้ดีๆนะโทนี่ เธอเป็นคนเก่งแล้วก็อนาคตยังอีกยาวไกล เธอเป็นคนที่พวกเราทุกคนรัก อยากให้เธอมีความสุขหลังจากที่ผ่านสิ่งต่างๆมามากมาย ให้เธอได้ใช้ชีวิตแบบเด็กปกติทั่วไป อย่าพยายามดึงเธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอันตรายเหมือนที่พวกเราพยายามให้เธอห่างไกลจากการต่อสู้ ฉันดีใจนะที่นายไม่ได้ดึงเธอเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือบังคับให้เธอเซ็นสนธิสัญญาโซโคเวีย และให้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ปกป้องเธอ...ฉันรู้ว่าเธอดูแลตัวเองได้ แต่เพื่อความปลอดภัยก็อยากให้นายดูแลเธอให้ดี ฉันรู้ว่าจะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เธอฟังยาก แต่ฉันเชื่อว่าเธอจะเข้าใจ...หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกสักครั้งในสักวัน อย่าลืมที่ฉันบอกล่ะ ถ้านายต้องการความช่วยเหลือ ติดต่อฉันมาและฉันก็พร้อมที่จะไปหานาย

     

     

    2วันหลังจากนั้น

    ป๊า!”

     เฟลิเซียกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปยังบุคคลอันเป็นเป้าหมายทันทีเมื่อเธอเห็นเขา โทนี่ในชุดสูทและสวมแว่นกันแดดยิ้มเยาะเล็กน้อยเมื่อเห็นลูกสาวของเขา หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานถึง 3 เดือน จากปีที่แล้วจนถึงปีนี้เขารู้สึกว่าเธอโตขึ้นและเริ่มเป็นสาวมากขึ้น แม้ตัวเธอจะโตขึ้นทุกวันๆแต่เขากลับรู้สึกว่าเธอก็ยังคงเป็นลูกสาวตัวน้อยและยังคงเป็นเด็กดังเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ทั้งความสดใสและรอยยิ้มที่เธอมอบให้กับเขาและคนรอบข้างเสมอ

    โว้ว...สูงขึ้นรึเปล่าเนี่ย?เขากอดและหอมหัวเธอเบาๆ

    แอบไปควงหนุ่มหรือแอบมีแฟนโดยไม่บอกป๊ารึเปล่า?

     เฟลิเซียหัวเราะเล็กน้อยและส่ายหัว เธออยู่ในชุดเสื้อแขนยาวสีกรมท่ากระโปรงทรงดินสอยาวสีครีมและสวมรองเท้าแบบสายรัดส้นเข็มสีดำ สร้อยคอสายสีดำกับอัญมณีสีขาวเธอก็ยังคงสวมใส่มันเอาไว้ ใบหน้าและปากแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางโทนส้ม นาตาชาและเพพเพอร์เป็นคนสอนให้เธอเริ่มแต่งหน้าในช่วงที่เธอพักฟื้นและก่อนที่เธอจะบินไปที่ประเทศกรีซ เพราะทั้งสองเห็นว่าเธอควรจะหัดแต่งเอาไว้บ้างก็ไม่เสียหาย

    เหนื่อยไหม? เดินทางเป็นยังไงบ้าง?เขาถามอย่างห่วงๆ หิวรึเปล่า?

    ก็ดีค่ะป๊าไม่เหนื่อยไม่หิวเท่าไหร่ค่ะ คิดถึงป๊ากับคุณแม่ คิดถึงทุกๆคนและชีสเบอร์เกอร์มากๆเลยค่ะ

    แล้ว...ถ้าต้องเลือกล่ะ?

    แน่นอนค่ะว่าเลือกของกิน

     โทนี่ทำท่ากุมอกตนและแสร้งทำเป็นเจ็บเล็กน้อยเมื่อลูกสาวของเขาเลือกของกินมากกว่าเขา ดวงเนตรของเธอกวาดสายตาไปรอบๆสนามบินเล็กน้อย โทนี่รู้ได้ในทันทีว่าเธอกำลังมองหาคนอื่นๆ เขาจึงดึงกระเป๋าเดินทางมาจากมือของเธอเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเล็กน้อยและเดินนำเธอไปอย่างเงียบๆ

    ไว้ถึงอัปเสตทแล้วป๊าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง...แต่ก่อนอื่นป๊ามีคนๆหนึ่งอยากให้หนูเจอ แบบ...เขาเป็นเด็กที่เจ๋งมากๆ แฮปปี้บอกว่าเขาเป็นเด็กดีมากๆป๊าคิดว่าหนูน่าจะชอบเขานะ อย่างน้อยก็ช่วยเอ็นดูเขาหน่อย

    เขา?

    ใช่...เอ่อเขาชื่อ ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ ไม่รู้ว่าหนูเคยเห็นไหมในยูทูปหรือโซเชียลมิเดียทั้งหลาย...เขาคือสไปเดอร์แมน ชู่...อย่าไปบอกเขาล่ะว่าป๊าบอกน่ะ

    เข้าใจแล้วค่ะเฟลิเซียยิ้มและพยักหน้า

     การที่โทนี่บอกว่าเขาเป็นเด็กที่เจ๋ง เธอพอจะคาดเดาได้ว่าอาจจะเป็นเด็กชื่นชอบและสนใจเกี่ยวกับพวกวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเหมือนกันกับเขา ถ้าเขาจะให้การสนับสนุนก็ไม่น่าจะแปลกเท่าไหร่ กลับกันเฟลิเซียรู้วิทยาศาสตร์แค่พื้นๆไม่ได้รู้ลึกอะไรมาก แต่ที่ทำเธอทึ่งและอึ้งคือตัวตนของคนที่เขาพูดถึงคือสไปเดอร์แมน เธอเคยเห็นผ่านมาบ้างซึ่งมีผู้คนจับภาพและถ่ายวิดีโอเอาไว้ได้ เขาคอยช่วยชาวเมืองจัดการกับคนไม่ดีซึ่งเป็นรัฐควีนส์ในอเมริกาแต่บางครั้งก็อาจจะทำวุ่นวายไปบ้าง และไม่มีใครร่วงรู้ว่าตัวจริงของเขาคือใครและผู้ใด แต่ระดับโทนี่ สตาร์ค เสียอย่างมีหรือที่เขาจะตามตัวไม่เจอและไม่รู้ว่าคือใคร

    เชื่อเขาเลย

    อ๊ะๆ แอบนินทาอะไรป๊าในใจรึเปล่า?

     เปล่าค่ะป๊าเธอยิ้ม

     เขาเปิดประตูเข้าไปในนั่งในตำแหน่งคนขับหลังจากช่วยเก็บกระเป๋าลงที่หลังรถ ปิดประตูและสตาร์ทรถพร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัย เฟลิเซียคาดเข็มขัดนิรภัยตามเพื่อความปลอดภัย รถของเขาแล่นออกจากสนามบินทันที

    แล้วที่กรีซเป็นยังไงบ้าง?

    วิหารของจริงสวยมากๆค่ะ ผู้คนใจดีแล้วก็เป็นกันเองมากๆ ของจริงสวยกว่าในหนังสือตั้งเยอะ แล้วก็...ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆอีกหลายๆอย่างเลยล่ะค่ะ ในระยะเวลา 3 เดือนอาจจะน้อยไปนิดแต่ก็ถือว่าคุ้มค่าที่ได้ไปค่ะ

    ป๊าได้ยินแบบนี้ก็ค่อยดีใจหน่อยขอโทษที่ป๊าไม่ค่อยได้ติดต่อไปแล้วก็ปล่อยให้เหงา

    หนูเข้าใจค่ะว่าทุกคนก็ยุ่งๆกับงานและมีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะต้องทำ เพราะงั้นไม่เป็นไรค่ะ มีหลายสิ่งหลายอย่างแล้วก็ต้องอ่านหนังสือเยอะแยะมากมายมันก็พอทำให้หนูหายเหงาได้ พอรู้ว่าจะได้กลับมาหาป๊ากับทุกคนในสองวันหลังจากที่ป๊าติดต่อมา แค่นั้นก็ตื่นเต้นใจจดใจจ่อรอที่จะกลับจนแทบจะนอนไม่หลับแล้วค่ะ

     จากนั้นบทสนทนาของทั้งสองก็ดังขึ้นอีกครั้งในขณะที่รถกำลังแล่น เธอเล่าเรื่องต่างๆมากมายที่ได้เจอให้เขาฟังทำให้เฟลิเซียลืมเรื่องราวที่เธอสงสัยและอยากรู้ไปชั่วขณะว่าคนอื่นๆหายไปไหน

     

    Upstate New York, New Avengers Facility

     หลังจากที่รถแล่นเข้ามายังตึกอเวเจอร์สแห่งใหม่ในอัปเสตทนิวยอร์ก ตึกมีการปรับรูปโฉมใหม่และมีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงแตกต่างออกไปจนเธอสังเกตเห็นได้ชัด เฟลิเซียขอแยกมาเก็บกระเป๋าเดินทางและสัมภาระบางอย่างที่ห้องของเธอ แม้แต่ห้องนอนของเธอก็ได้รับการตกแต่งใหม่แต่ก็ยังคงเค้าเดิมที่เธอชอบ ภายในห้องมีร่องรอยการทำความสะอาดแสดงให้เห็นว่าโทนี่ให้คนมาทำความสะอาดห้องของเธอตลอดและแทบจะไม่มีฝุ่นจับ

    สวัสดีฟรายเดย์

    สวัสดีค่ะMiss...ยินดีต้อนรับกลับค่ะ

     เฟลิเซียทักทายระบบAIภายในห้องเล็กน้อยและอมยิ้มเมื่อฟรายเดย์ทักทายเธอกลับ เธอคิดถึงเสียงของAIประจำตัวโทนี่และประจำตึกอเวนเจอร์ส ลึกๆก็แอบคิดถึงเสียงจาร์วิสด้วยเช่นกัน คิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างกล่าวคือคิดถึงบ้านและครอบครัวที่กำลังรอให้เธอกลับมา คิดถึงทุกๆคนอยากอดอยากบอกเล่าเรื่องราวต่างๆให้พวกเขาฟัง

    หืม...?

     ฉับพลันดวงตาเธอก็จับต้องเข้ากับซองกระดาษสีขาวที่มีชื่อของเธอเขียนเอาไว้และวางไว้โต๊ะอ่านหนังสือของเธอ เฟลิเซียค่อยๆเดินไปและหยิบมันขึ้นมาพลางพลิกมันไปมาเล็กน้อยและกำลังจะเปิดอ่าน

    “Miss Felicia คะ เจ้านายเรียกพบค่ะ

    ขอบคุณนะฟรายเดย์ กำลังจะไปเดี๋ยวนี้

    ด้วยความยินดีค่ะ

     เฟลิเซียวางซองจดหมายลง ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆและปิดประตู ร่างบางก้าวเดินไปยังลิฟต์และกดปุ่มไปยังชั้นที่เธอกับโทนี่ได้นัดกันเอาไว้ เมื่อถึงชั้นซึ่งเป็นชั้นที่นัดหมายเธอก็พบกับโทนี่ที่กำลังนั่งรอเธออยู่ที่เก้าอี้โซฟา เมื่อเขาเห็นเธอจึงลุกขึ้นและยิ้มให้ก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปพร้อมๆกัน จนเห็นบุคคลสองคนที่กำลังยืนดูควินท์เจ็ทออกตัวจากลานและทะยานสู่ท้องฟ้า

    ไม่ได้เห็นทุกวันหรอกนะแฮปปี้หันไปพูดกันเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆเขา

    แฮปปี้!”

     เฟลิเซียเดินนำโทนี่ไปและกอดเข้ากับชายร่างท้วมในชุดสูททันที แฮปปี้ยิ้มอย่างดีใจและกอดเธอเบาๆก่อนที่ทั้งสองจะคลายกอดออกจากกันเล็กน้อย เขารู้ข่าวจากโทนี่ว่าเธอกำลังจะกลับมาแต่ก็ไม่คิดว่าจะกลับมาเร็วขนาดนี้ แฮปปี้ทำหน้านิ่งๆขรึมๆอีกครั้งพลางมองเด็กหนุ่ม เฟลิเซียหันไปมองอีกฝ่ายที่อยู่ไม่ห่างกันมากและส่งยิ้มให้เขาเล็กน้อย


    เอ่อ...หวัดดีฮะ

    สวัสดีเฟลิเซียยิ้มและทักทายกลับ

    การเดินทางเป็นไงบ้าง?

    ดี...แฮปปี้ตอบเขา

    ปีเตอร์...ฉันมีคนอยากจะแนะนำให้นายรู้จัก นี่เฟลิเซียลูกสาวฉันเองที่เคยเล่าให้ฟังและเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของอเวนเจอร์สเหมือนกัน Black Magician”

    สวัสดีปีเตอร์

    เอ่อ...สวัสดีฮะ ผมปีเตอร์ พาร์คเกอร์ เรียกผมว่าปีเตอร์ก็ได้ แต่เดี๋ยวนะ...ผมรู้สึกคุ้นๆ...

    ฉันเองก็รู้สึกคุ้นหน้านายเหมือนกันปีเตอร์...เหมือนเราเคยเจอกันนะ...โอ้ใช่...นึกออกแล้ว

    หมายความว่ายังไง?

     โทนี่มองทั้งสองสลับกันอย่างรู้สึกสงสัย เมื่อเฟลิเซียนึกออกแล้วเธอจึงยิ้มน้อยๆและหันไปมองโทนี่สลับกับปีเตอร์และแฮปปี้ที่ทำหน้างงๆเล็กน้อยไม่ต่างกัน

    เมื่อปีที่แล้วหลังจากที่หนูออกจากทาวเวอร์แล้ว หนูกำลังจะไปที่ป้ายรอรถบัสแล้วก็...เธอหันไปยิ้มให้กับปีเตอร์

    เอ่อ...ผมวิ่งชนเธอตอนที่กำลังรีบตามบัสน่ะคุณสตาร์ค พอดีผมมีทัศนศึกษาที่นิวยอร์กเมื่อปีที่แล้ว

    ที่แท้ก็เป็นนายนี่เองปีเตอร์

     ปีเตอร์สังเกตเห็นรอยยิ้มสดใสและอ่อนโยนบนใบหน้าของเธอ เขาอมยิ้มตามเล็กน้อยและเขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโทนี่ถึงได้ยิ้มมีความสุขเวลาเล่าเรื่องของเธอให้เขาฟังแม้จะเล็กน้อยและเล่าในช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม

    บอกก่อนนะปีเตอร์...ห้ามจีบลูกสาวฉันเด็ดขาด โอเค? สถานะของเธอกับนายเป็นได้แค่พี่สาวและน้องชาย เข้าใจนะ ถ้าฉันรู้ว่านายจีบเธอเมื่อไหร่คราวนี้คงไม่ได้แค่ยึดชุดนายแน่ๆฉันจะเจื๋อนนายด้วย เธอจะไม่ได้รับอนุญาตให้เดตจนกว่าจะอายุ30 แล้วก็อย่าไปทำให้เธอโกรธล่ะ...นายคงไม่อยากโดนเธอรัดคอด้วยเถาวัลย์หรอกนะ

    คะ-ครับคุณสตาร์ค

    ฉันไม่มีทางทำแบบนั้นหรอกปีเตอร์...สบายใจได้ ฉันคงไม่ใจร้ายฆ่าสไปเดอร์แมนได้ลงคอหรอกนะ

    เอ่อ...ผม...คุณบอกเธอหรอ?

    แน่นอนว่า...ใช่ ฉันบอกเอง...ก็แบบอย่างน้อยก็มีแค่พวกเราที่รู้ ถ้าเข้าใจแล้วก็...เอ่อ เดี๋ยวป๊าขอคุยกับปีเตอร์แป๊บหนึ่ง

    เข้าใจแล้วค่ะป๊า...งั้นเดี๋ยวหนูไปรออยู่ตรงมุมนู้นนะคะ

     เฟลิเซียยิ้มและค่อยๆเดินออกห่างไปจากบริเวณนั้นและเดินไปที่มุมกระจกชื่นชมบรรยากาศด้านนอกผ่านกระจกใส แฮปปี้เดินตามโทนี่กับปีเตอร์และคอยแอบฟังอยู่ห่างๆ แน่นอนว่าสไปเดอร์แมนจะได้มาเป็นสมาชิกใหม่ของทีมอย่างแน่นอนเธอเชื่ออย่างนั้น

    มีนักข่าวอยู่ห้องนั้น50คน แล้วก็ลองชุดเลยไหม? ฉันจะได้แนะนำสมาชิกอเวนเจอร์สคนใหม่ให้โลกได้รู้ว่าเขาคือสไปเดอร์แมน หลังแถลงข่าวแฮปปี้จะพานายไปดูห้องใหม่

     โทนี่เปิดโชว์ชุดสูทสไปเดอร์แมนที่ได้รับการอัพเกรดมาแล้วเป็นที่เรียบร้อย ปีเตอร์ยิ้มและทึ่งในสิ่งที่โทนี่ต้องการจะมอบมันให้กับเขา ซึ่งมันก็ทำเอาเขาตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นสูทของตนที่เป็นเวอร์ที่ได้รับการอัพเกรดและดีไซน์ใหม่มาแล้ว

    ขอบคุณครับคุณสตาร์ค แต่ผมอยู่ได้

    อยู่ได้หรอ? ยังไง?โทนี่ขมวดคิ้ว

    หมายถึง...ผมอยากจะอยู่ติดดินอีกสักพัก เป็นสไปเดอร์แมนเพื่อนบ้านที่แสนดี ชาวบ้านก็ต้องการคนปกป้องใช่ไหม?

     เฟลิเซียค่อยๆเดินเข้ามาอย่างช้าๆและเดินไปยืนข้างแฮปปี้ โทนี่ถอดแว่นกันแดดของตนทันทีและมองปีเตอร์ที่กำลังปฏิเสธเขาอย่างไม่น่าเชื่อและเขาแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง

    ปฏิเสธฉันหรอ? คิดใหม่อีกทีไหม? คำถามสุดท้ายเอาไม่เอา?

    ไม่เอา

    โอเค...แฮปปี้จะพานายกลับบ้าน

    ไปรอในรถนะ...ฉันขอเวลาแป๊บ

    ขอบคุณคุณสตาร์คเจอกันฮะ

    แล้วเจอกันใหม่ปีเตอร์

    ขอบคุณฮะเอ่อ...ผมขอกอดก่อนที่ผมจะไปได้ไหมฮะ?

     เฟลิเซียพยักหน้าและยิ้มก่อนที่จะอ้าแขนกอดปีเตอร์อย่างนึกเอ็นดู อาจจะเพราะเธอใส่รองเท้าส้นสูงก็เลยทำให้ดูสูงพอๆกันกับเขาทั้งๆที่ปีเตอร์สูงกว่าเธอประมาณหนึ่ง เมื่อคลายกอดแล้วปีเตอร์กึ่งวิ่งกึ่งเดินออกไปก่อนที่จะหมุนตัวหันกลับมามองโทนี่

    คุณทดสอบผมใช่ไหม? ไม่มีใครอยู่ในห้องนั้น

    ใช่...นายสอบผ่าน เอาล่ะ รีบไปเถอะไป

    ขอบคุณคุณสตาร์ค!”

    ถ้างั้นเดี๋ยวหนูเดินไปส่งเขาเองไปกันเถอะปีเตอร์

     ทั้งสองค่อยๆเดินออกไปพร้อมๆกันอย่างเงียบๆ ปีเตอร์เปิดประตูเดินออกไปข้างนอกแม้ในตอนแรกจะดูนิ่งๆแต่เธอก็รู้ว่าเขาดีใจไม่ใช่น้อยที่เขาก็ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของอเวนเจอร์สอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ยินดีต้อนรับเข้าสู่ทีมอเวนเจอร์สนะปีเตอร์

    ขอบคุณฮะ ผมคิดว่าเขาจะอำผมเล่นซะอีก

    อำเล่น? เรื่องอะไร?เธอถามยิ้มๆในขณะที่กำลังเดินลงบันไดพร้อมๆกับเขา

    เรื่องที่ผมได้เป็นอเวนเจอร์สเขายิ้มๆและหันมามองเธอ

    เอ่อ...แล้วคุณก็ใช้เวทมนตร์ได้จริงๆ? แบบคุณต้องท่องมนต์หรือร่ายคาถาไหม? มีคำสาปรึเปล่า? เสกของได้ไหม?เขาถามอย่างตื่นเต้น

    แน่นอนว่าไม่...”

      เธอหยุดเดินเขาเองก็หยุดเดินพร้อมกับเธอก่อนที่จะหันมามอง เฟลิเซียยกมือขวามาขึ้นให้อยู่ในระดับคางของเธอ พลังงานคล้ายหมอกและควันสีดำแต่ประกายขาวล่องลอยออกมาจากมือของเธอ สักพักก็ปรากฏเถาไม้เลื้อยสีดำขึ้นมาที่ฝ่ามือพร้อมกับดอกไม้สีขาวที่เบ่งบาน เธอขยับนิ้วเล็กน้อยพลังก็จางหายไปพร้อมกับเถาไม้และดอกไม้ที่สลายกลายเป็นควันหายไป

    มัน...เจ๋งสุดๆไปเลยฮะปีเตอร์มองอย่างตื่นเต้น

    ขอบคุณ...แล้วก็...ฉันอาจจะไม่ได้เก่งพวกวิทยาศาสตร์อะไรมาก แต่ถ้านายต้องการความช่วยเหลือหรือมีปัญหาอะไรติดต่อมาทางฉันได้นะ

    เอ่อ...คือไม่เป็นไรฮะไม่เป็นไร...เดี๋ยวนะ คุณเอามือถือผมไปตอนไหน!?

    ก็ตอนที่นายกำลังเผลอเมื่อกี้ไงเธอวาดมือซ้ายซึ่งเป็นพลังเวทมนตร์สีขาวเทาให้เขาดู ก่อนที่จะคืนจะส่งคืนมือถือให้กับเขาโดยที่เมมเบอร์โทรและข้อมูลการติดต่อบางส่วนให้กับเขา เขาจึงรับไปและมองอย่างไม่น่าเชื่อว่าเธอจะเอามือถือเขาไปได้โดยที่เขาไม่รู้ตัว

    ไว้เจอกันใหม่นะปีเตอร์

    ไว้เจอกันใหม่

     เธอยิ้มและโบกมือลาให้กับเขาก่อนที่จะหมุนตัวเดินจากเขาไปเมื่อส่งเขาถึงรถ ส่วนแฮปปี้ก็เดินเข้ามาอย่างเงียบๆ ปีเตอร์มองแผ่นหลังของเธอที่ค่อยๆเดินขึ้นบันไดไปอย่างเงียบๆและเปิดประตูกระจกหายเข้าไปด้านใน

    เธอดู...ไม่ค่อยเหมือนคุณสตาร์คเลย

    เฟซี่เป็นลูกบุญธรรมของเจ้านายน่ะเขาคลายข้อข้องใจให้กับปีเตอร์

    แล้วทำไมก่อนหน้านี้ผมไม่เห็นเธอเลยล่ะ?

    เธอไปเรียนแลกเปลี่ยนที่กรีซอย่างเงียบๆ เพราะยังอยู่ในระหว่างพักงาน...ถูกสั่งให้วางมือก่อนน่ะ

    เดี๋ยวนะพักงาน? เธอทำอะไรผิดรึเปล่า?

    แบบก็มีหลายๆปัจจัย เอาล่ะรีบขึ้นรถซะจะได้ไปกัน

     

     

     เฟลิเซียทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ฟูกซึ่งอยู่ติดกับกระจกใสซึ่งเป็นหน้าต่างบานใหญ่และกว้างมากๆ เฟลิเซียจิบชาร้อนหลังจากอาบน้ำและสระผมใช้ไดรเป่าจนผมแห้ง สวมชุดนอนเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวสีเบจ ในที่สุดเวลาก็ผันเวียนเปลี่ยนเป็นช่วงพลบค่ำดวงเนตรสีน้ำตาลเข้มเหม่อมองออกไปด้านนอกเล็กน้อยก่อนที่จะหันกลับเข้ามาและวางถ้วยชาลงที่โต๊ะเล็กใกล้ๆกัน เธอหยิบซองจดหมายที่ยังไม่ได้เปิดอ่านติดมือมาด้วยจากที่ในตอนแรกวางไว้ที่โต๊ะอ่านหนังสือ เธอค่อยๆคลี่กระดาษที่อยู่ในซองออกมาอย่างช้าๆ ก่อนที่ดวงเนตรจะค่อยๆไล่อ่านที่ละคำอย่างช้าๆ

    จากสตีฟ...?

    ตอนนี้เธอคงกลับจากกรีซแล้วสินะเฟซี่ คงกลับมาได้ทันเวลาและคงเป็นเวลาที่เหมาะสมเพราะไม่ควรปล่อยโทนี่เอาไว้คนเดียวถึงจะมีเพพเพอร์อยู่ด้วย แต่โทนี่ก็ควรจะมีเธออยู่ด้วยข้างๆเพราะเธอเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนที่โทนี่รัก และควรจะอยู่ข้างๆในช่วงเวลาแบบนี้ เขียนมาแบบนี้อาจจะงงๆหน่อยว่าฉันหมายความว่ายังไง ระหว่างที่เธอไม่อยู่เรามีเรื่องกระทบกระทั่งกันนิดหน่อย มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นซึ่งโทนี่ก็คงจะเล่าให้ฟังในภายหลังเชื่อว่าเธอน่าจะเข้าใจ ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวและรวดเร็วมากจนจับต้นชนปลายแทบจะไม่ถูก ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ร่ำลาและบอกเล่าด้วยตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น พวกเราคงจะไม่ได้เจอกันไปอีกพักใหญ่ๆ แล้วก็ไม่แน่ใจว่าจะได้เจอกันอีกครั้งตอนไหนและเมื่อไหร่ แต่คิดว่าเราคงจะได้เจอกันในอีกสักวันแน่ๆ มันอาจจะเหงาหน่อยแต่ก็อยากให้เธอเข้มแข็งอยู่ข้างๆโทนี่ ระวังอย่าให้โทนี่ฟุ้งซ่านมากเกินไปล่ะ แล้วก็ดูแลตัวเองดูแลสุขภาพด้วย อย่ากินฟาดฟู้ดมากจนเกินไป เธอเป็นคนเก่งและอนาคตยังอีกยาวไกล เธอเป็นครอบครัวคนสำคัญของพวกเราไม่ใช่แค่โทนี่กับเพพเพอร์ เข้าใจว่ารู้สึกแย่ที่คนที่ตัวเองรักเหมือนคนในครอบครัวจู่ๆก็พากันหายไปแต่ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ยังคงเป็นครอบครัวของเธอเหมือนเดิม เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวยังมีโทนี่ เพพเพอร์ ฉัน นาตาชาและทุกๆคน สักวันเราจะต้องได้เจอกันอีกครั้งแน่นอน ฉันสัญญา...

    “…”

     กระดาษร่วงหล่นจากมือพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เธอค่อยๆหันไปมองผู้เป็นพ่อซึ่งเปิดประตูเข้ามาภายในห้องอย่างเงียบๆ โทนี่รีบเดินมาหาเธอและทิ้งตัวนั่งลงข้างๆกอดเธออย่างแนบแน่นพลางลูบหัวปลอบ เฟลิเซียกอดโทนี่แน่นน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายมีเสียงสะอื้นเล็กน้อย หัวใจของผู้เป็นพ่อรู้สึกเจ็บไม่น้อยเหมือนถูกอะไรบางอย่างทิ่มแทงใจเมื่อเห็นลูกสาวของตนได้หลั่งน้ำตาและกำลังร้องไห้กับสิ่งมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแบบไม่คาดฝันและไม่ได้เตรียมใจที่จะรับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้


     

     

    -----------------------------------------------------------------------------------

    ใกล้จะเข้าภาคอินฟินีตี้วอร์แล้วนะคะ!

     

     

     

     


    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×