คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Chapter12 : True power
“อย่าคิดว่าแกมีพลังมากกว่าฉันแล้วฉันจะชนะแกไม่ได้!!!”
“งั้นมาลองกันสักตั้งหน่อยไหมล่ะคะ?”
วู่ม!
วู่ม!
“นั่นอะไรน่ะ!?”
โทนี่อุทานขึ้นอย่างตกใจทันทีเมื่อมีอะไรบางอย่างพุ่งขึ้นมาจากเบื้องล่าง
พอเขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก็ปรากฏเป็นร่างของเด็กสาวที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี และใครบางคนที่เขาคาดว่าน่าจะเป็นตัวบอสขององค์กร
“เฟซี่!?”
วันด้าร้องขึ้นสร้างความตะลึงให้กับสมาชิกคนอื่นๆที่วิ่งมารวมตัวกับเธอและวิชชั่น
เฟลิเซียลอยอยู่กลางอากาศพร้อมกับคลื่นพลังงานขาวดำที่กำลังวิ่งวนไปรอบๆตัวของเธอ
“บอกทีว่านี่ไม่ใช่ความฝัน”คลินท์แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
สตีฟเองก็เช่นกันเขาก็แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เหมือนเมื่อเกือบหนึ่งสัปดาห์ที่แล้วเธอยังเป็นเพียงแค่สาวน้อยน่ารัก
สุภาพและอ่อนหวาน แต่มาในวันนี้ความรู้สึกมันแตกต่างกันออกไปราวกับเป็นคนล่ะคน
ดูนิ่งขึ้นและดูแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิม แต่ก็ยังซ่อนความนุ่มนวลและอ่อนโยนเอาไว้ภายใน
“เหมือนเด็กน้อยของพวกเราเติบโตขึ้นมากกว่าเดิมแล้วนะ”นาตาชายิ้ม
“ดูพลังของเธอสิ...มันดูไม่เหมือนเดิม
ดูทรงพลังมากกว่าเดิม”วันด้ายิ้มและชื่นชม
“เหมือนไม่ใช่เธอเลยจริงๆ”วิชชั่นคิด
ฟึ่บ!
ฟึ่บ!
โทนี่ก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองเหมือนกัน เธอหลบดัฟฟ์ทันทีเมื่อเขาใช้พลังโจมตีเธอและลอยตัวอยู่กลางอากาศด้วยพลังของเขา
เฟลิเซียหลบอย่างพลิ้วไหว คล่องแคล่วและว่องไว เพลิงสีดำและขาวปรากฏขึ้นมาที่มือของเธอและซัดมันเข้าหาดัฟฟ์ทันที
แต่อีกฝ่ายก็หลบได้อย่างเฉียดฉิวก่อนที่เขาจะใช้พลังยกดึงเศษซากปราสาทและฐานที่พังทลายลงขึ้นมาและขว้างมันใส่เธอ
กึ่ก!
“โว้วๆ”
“เจ้านายคะ
มันกระเด็นไปทางเขตชุมชนค่ะ”
โทนี่หลบออกมาทันทีเมื่อเขากำลังจะถูกลูกหลง
และจัดการทำลายเศษซากที่หักพังบางส่วนก่อนที่มันจะกระเด็นไปทางเขตชุมชนเข้า
[“ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง?”]
“ยังอยู่ดีครบ32
ฉันหนังเหนียวไม่ตายง่ายๆหรอก”
[“สตาร์ค...”]
“โอเค...โอเค...ฉันสบายดีไม่เป็นอะไร
เห็นอย่างที่ฉันเห็นไหม?”
[“เต็มสองตาเลยล่ะ”]
ตู้ม!
ตู้ม!
วู่ม!
“อย่างกับดูหนังแอคชั่นอยู่งั้นแหละ”เป็นคลินท์ที่พูดขึ้น
[“ยังไงซะต้องเคลื่อนย้ายพลเรือนที่อยู่แถวๆนี้ก่อน
ไม่งั้นโดนลูกหลงไปด้วยแน่ๆเพราะไม่รู้ว่ามันจะสร้างความเสียหายให้กับอาคารบ้านเรือนที่อยู่ใกล้ๆมากน้อยแค่ไหน”]
“ถ้างั้นเดี๋ยวพวกฉันจะไปช่วยอพยพคนที่อยู่ใกล้ๆนี้
บาร์ตันไปกับโรมานอฟ ส่วนวันด้าไปกับวิชชั่นเดี๋ยวฉันจะไปทางนั้น ส่วนนายโทนี่คนระวังอย่าให้มันกระเด็นไปทางชุมชน”
[“จัดให้ตามคำขอ”]
วู่ม!
ปึ่ก!
“อึ่ก!”
เฟลิเซียซัดดัฟฟ์ลอยไปไกลเล็กน้อยแต่ถึงกระนั้นก็ทำอะไรเขาไม่ได้มากนัก
และเขาไม่ปล่อยให้การถูกโจมตีเสียเปล่า เขาใช้พลังอีกรูปแบบของตนดูดซับเอาพลังโจมตีของเธอมาและเสริมให้กับตัวเองและโจมตีเธอกลับด้วยพลังที่รุนแรงพอๆกัน
วู่ม!
ตู้ม!
ชั่วพริบตาเดียวเพียงเท่านั้นเฟลิเซียที่ไม่ได้ตั้งรับการโจมตีให้ดีถูกเขาซัดกลับจนกระเด็นลงไปที่เศษซากของตึกที่อยู่ด้านล่างจนเกิดกลุ่มควันเล็กน้อย
ดัฟฟ์แสยะยิ้มพลางใช้พลังยกเศษซากปรักหักพังที่อยู่ใกล้ๆขึ้นมาในจำนวนปานกลางและขนาดย่อมไม่ถึงกับใหญ่มาก
ชูมาขึ้นเหนือตนเองแล้วเหวี่ยงทุ่มลงไปยังจุดที่เธอกระเด็นตกลงไปทันที
ตู้ม!?
“!?”
กลุ่มก้อนเศษซากแตกกระจายไปทั่วบริเวณก่อนที่จะถึงเป้าหมาย
เถาวัลย์มหึมาสีดำสนิทมากมายพวยพุ่งออกมาจากจุดที่เธออยู่
มันทำลายกลุ่มก้อนเศษซากนั้นทิ้งและพุ่งเข้าโจมตีเขาด้วย
เขาจึงใช้พลังผ่ามันออกเป็นสองซีก
ปึ่ก!
ตู้ม!
ดัฟฟ์ที่ไม่ได้ระวังหลังถูกเถาวัลย์ที่โผล่มาจากด้านหลังเขาซัดเข้าอย่างจัง
และถูกจับเหวี่ยงไปอีกทางและลงเอยด้วยการถูกตรึงลงกับเนินซากของปราสาทเข้าอย่างจัง
เฟลิเซียเดินออกมาจากกลุ่มควันทันทีพร้อมกับพลังงานสีดำสนิทแต่มีคลื่นพลังงานสีขาววนอยู่รอบๆฝ่ามือของเธอ
กึ่ก!
ดัฟฟ์พยายามจะใช้พลังและดิ้นให้หลุดจากพันธนาการที่เธอสร้างขึ้น
แต่เธอก็กระทืบไปที่พื้นหนึ่งครั้งกลุ่มพลังสร้างเถาวัลย์และเถาไม้เลื้อยมากมายขึ้นมายึดติดและจับตรึงร่างของเขาเอาไว้
อีกทั้งมือซ้ายยังควบคุมพลังใช้คลื่นพลังบีบจับและยึดร่างของเขาเอาไว้
ร่างบางยกมือขวาขึ้นเหนือหัวรวมพลังเวทมนตร์ที่ฝ่ามือของเธอ
วู่ม!
โคร่ม!?
“รู้สึกจะมาทันเวลาพอดี”
ยังไม่ทันที่เธอจะได้จัดการเขา
มีพลังเวทมนตร์ซัดเข้าที่ร่างของเธอจนตัวเธอปลิวไปอีกฟากฝั่งจนติดกำแพง
จากความรุนแรงที่เธอถูกซัดไปนั้นทำให้กำแพงนั้นพังทลายลงในทันทีและเกิดฝุ่นควันเล็กน้อย
ดัฟฟ์ใช้จังหวะนั้นใช้พลังของตนทำลายเถาวัลย์เหล่านั้นและใช้พลังดูดซับพลังของเธอมาเป็นของเขาเอง
เขาลุกขึ้นยืนพลางหันไปยังทิศทางที่พลังนั้นซัดเธอจนกระเด็นไปอีกฟาก
“นายท่าน”
เบรคปรากฏตัวต่อหน้าเขาในสภาพค่อนข้างที่จะสะบักสะบอมและดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
หลังจากการระเบิดพลังของเธอเขาก็ถูกซัดกระเด็นไปไกล ทันทีที่เขาตั้งหลักได้จึงรีบมาที่นี่โดยเร็วที่สุดโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
ฟึ่บ!
วู่ม!
เบรคถูกดึงเข้ามาใกล้ๆร่างสูงทันที
พลังงานมหาศาลค่อยถูกดึงออกมาจากร่างของเบรคอย่างช้าๆ ดัฟฟ์ค่อยๆดูดซับและดูดกลืนพลังเวทมนตร์จากเบรค
ตาขาวของดัฟฟ์ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ออร่าพลังงานสีดำเช่นเดียวกับต้นไม้ปีศาจกระจายและหมุนเวียนไปรอบๆตัวทั้งสองคน
ดัฟฟ์รู้สึกได้ถึงพลังกายที่ค่อยๆเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างมหาศาล
“Hail…Baphomet!!!!!”
บาโฟเมตจงเจริญ!
“!?”
เฟลิเซียที่ตั้งหลักได้เธอตกใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอ
ร่างบางใช้พลังลอยตัวจากพื้นที่ตรงนั้นทันที ใช้พลังหยิบยกสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเธอขึ้นมาเพื่อที่จะสกัดและหยุดยั้งสิ่งที่ดัฟฟ์กำลังทำ
ตู้ม!
แต่ก็ไร้ผลเพราะเธอไม่สามารถยับยั้งได้ทัน
“คราวนี้อะไรอีก?”
“ตรวจพบคลื่นพลังงานมหาศาลค่ะเจ้านาย”ฟรายเดย์รายงาน “จากข้างล่างค่ะ”
โทนี่ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลห่างกันมากรับรู้ได้ถึงคลื่นบางอย่างที่กระจายและผ่านอากาศออกมา
ฟรายเดย์สแกนและรายงานเขาอีกครั้งทำให้เขารู้ได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ยิ่งทำให้เขารู้สึกห่วงเธอมากขึ้นกว่าเดิม
คลื่นพลังมหาศาลระเบิดออกมาจากตัวของดัฟฟ์อย่างรุนแรงจนมันสร้างความเสียหายไม่แพ้กับเธอและกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างเป็นรัศมีหลายกิโล
เฟลิเซียใช้พลังสร้างโดมเถาวัลย์หนามเป็นที่กำบังและป้องกันร่างของตนเองเอาไว้พร้อมกับคลื่นพลังงานที่ล้อมเธอเอาไว้อีกชั้นแต่มันก็ร้าวและแตกออก
เมื่อการระเบิดออกของพลังนั้นจบลงร่างไร้วิญญาณของเบรคถูกเหวี่ยงไปอีกทาง เฟลิเซียลดและเปิดตัวโดมป้องกันออกทันที
และจัดการเหวี่ยงพลังของเธอใส่อีกฝ่ายทันทีอย่างรุนแรง
กึ่ก! วู่ม!
“ไร้ประโยชน์น่า”
“!?”
ทันทีที่พลังของเธอถึงตัวของเขา
แทนที่ตัวของเขาจะกระเด็นออกไปแต่เขากลับสามารถดูดซับพลังของเธอเข้าสู่กายของเขาทันที
และโต้กลับเธอซัดเธอด้วยพลังที่รุนแรงกว่า เฟลิเซียจึงใช้พลังลอยตัวหลบการโจมตีของเขาและออกจากบริเวณนั้นในทันที
“คิดว่าจะหนีพ้นงั้นหรอ?”
เขาใช้พลังพุ่งทะยานตัวตามเธอไปในทันที
ก่อนที่จะเหวี่ยงพลังเวทมนตร์สีดำสนิทใส่เธออีกครั้งโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัวและก็ถูกพลังนั้นซัดเข้าเต็มๆและลอยกระเด็นออกไปอีกทาง
แต่เมื่อเธอตั้งหลักได้อีกครั้งก็เหวี่ยงพลังของเธอใส่เขาอีกครั้งทั้งรัวและซัดเหวี่ยงพลังอย่างไม่ลดละและไม่แม้แต่จะออมแรง
“อะไรกัน...ก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่เลยนี่
เมื่อเทียบกับการที่ฉันเอาพลังของเจ้าพวกนั้นมายังดูรุนแรงกว่าเธออีกนะ
หรือเอาพลังไปลงกับการระเบิดก่อนหน้านี้หมดแล้ว? ช่างน่าสงสาร...”
เขาไม่สะทกสะท้านและยินดีให้เธอซัดพลังใส่ตัวเขาอย่างเต็มที่
ยิ่งเธอรัวพลังใส่เขามากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งดูดซับมันมาเป็นของตัวเองมากยิ่งขึ้นและเหวี่ยงพลังนั้นกลับใส่เธออย่างรุนแรงหลายเท่าตัว
“ดูท่าไม่ค่อยดีเลยแฮะ”
สตีฟเปิดประเด็นในขณะที่พวกเขากำลังเคลื่อนย้ายพลเรือนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงให้ออกไปจากบริเวณนี้ให้ได้มากที่สุด
และหาเขตพื้นที่ความปลอดภัยให้กับพวกเขาเพื่อที่จะได้ไม่ถูกลูกหลงหรือรับผลกระทบจากการต่อสู้นี้
เขาเฝ้าสังเกตเธอผ่านจากชั้นๆหนึ่งจากตึกที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้ๆกันนี้
“หวังว่าทางนั้นจะไม่เป็นอะไรนะ”นาตาชา
“ทางนั้นเป็นยังไงบ้างสตาร์ค?”คลินท์
[“ไม่มีพลเรือนแถวๆนี้แล้ว
แล้วก็จากที่ให้ฟรายเดย์สแกน เหมือนพลังของหมอนั่นจะเพิ่มขึ้นนะมีศพเพิ่มด้วย แบบว่าเอิ่ม...ศพไม่ค่อยสวยเท่าไหร่”]
“เหมือนเธอจะเหนื่อยๆยังไงก็ไม่รู้สิ...ไม่ทำอะไรแบบนี้มันจะดีหรอ?”วิชชั่นถามพวกเขา
“ฉันเองก็ห่วงเธอเหมือนกัน”วันด้ามองสตีฟ
“อย่าว่าแบบนั้นแบบนี้เลยนะ
ฉันเองก็เป็นห่วงเธอเหมือนกันแต่ฉันก็เชื่อใจว่าเธอจะสามารถยุติเรื่องราวทั้งหมดนี้ลงได้ด้วยตัวเอง
เพราะถ้าฉันเป็นเธอก็คงไม่อยากให้ใครเข้าไปยุ่งกับการต่อสู้นี้
ตอนนี้เราทำได้แค่เฝ้าดูอยู่ห่างๆแค่นั้น”
[“ถูกอย่างที่แคปพูดนั่นแหละ”] เสียงของโทนี่ดังผ่านอุปกรณ์สื่อสาร ในขณะที่เขาค่อยๆร่อนลงไปยังดาดฟ้าของตึกอาคารที่อยู่ใกล้ๆแถวๆนี้และไม่ห่างไกลจากตัวป่ามาก
[“แต่ถ้าดูท่าทีแล้วมันไม่มีท่าทีว่าจะจบ
หรือเธอตกอยู่ในอันตรายมากกว่านี้ฉันจะเข้าไปช่วยเธอเอง”]
“ถ้ายอมแพ้และขอร้องให้ฉันไว้ชีวิตหรือมาเป็นพวกฉันตอนนี้ก็ยังทันนะ”
“ฉันก็ยังคงยืนยันคำเดิม...และยังคงเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของฉัน
ต่อให้ฉันต้องแพ้หรือต่อให้ฉันต้องถูกกำจัด ฉันก็ไม่มีทางไปเป็นพวกของคุณเด็ดขาดและไม่มีวันด้วย”
“ฉันล่ะนับถือความใจแข็งจนวินาทีสุดท้ายของเธอจริงๆ
หึ! แต่น่าเสียดายจริงๆอายุแค่นี้จะต้องมาจบชีวิตลงตรงนี้ ทั้งๆที่ยอมมาเปลี่ยนใจมาเป็นพวกฉันตั้งแต่แรกหนทางและอนาคตจะได้ยาวไกลกว่านี้แท้ๆ”
ร่างของทั้งสองคนๆลอยอยู่ในระดับเดียวกัน
มือของเธอค่อยๆกวาดและวาดลงบนอากาศพร้อมกับคลื่นพลังมหาศาลที่ปล่อยออกมาจากตัวเธอ
กลุ่มก้อนพลังเล็กๆค่อยๆหลอมรวมกันจนเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่พลังงานสีดำสนิทมีคลื่นเส้นสีขาวเรืองแสงวิ่งวนไปรอบๆตัวพลัง
พร้อมกับบรรยากาศรอบๆตัวของเธอเริ่มเปลี่ยนไปอีกครั้ง
วู่ม!
“อึ่ก!? หึ! ก็บอกแล้วไงว่าไร้ประโยชน์! ยิ่งทำแบบนี้ก็เท่ากับยิ่งเพิ่มพลังให้กับฉันนะรู้ไหม!?”
ทันทีที่พลังโจมตีเข้าที่ตัวเขาโดยตรง
เขาไม่ได้ซัดเหวี่ยงมันกลับแต่กลับเริ่มสูบพลังของเธอมาเป็นของตัวเอง
หากมองจากมุมใดมุมหนึ่งจะเห็นเป็นเส้นพลังที่วิ่งเป็นเส้นตรงจากตัวของเธอวิ่งเข้าหาตัวเขาเป็นจำนวนมหาศาล
แทนที่เฟลิเซียจะหยุดการกระทำนั้นลงแต่เธอกลับยิ่งดึงพลังของเธอออกมามากขึ้นกว่าเดิม
ใบหน้าเริ่มแสดงออกถึงความเหนื่อยล้าแม้แววตาเธอจะมุ่งมั่นมากเพียงใดก็ตาม
ร่างกายที่ลอยอยู่ด้วยพลังก็ค่อยๆลดระดับลงไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่ถึงขั้นร่วงหล่นลงในวูบเดียว
“เฟซี่!?”
กึ่ก!
“นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย!?”
โทนี่ที่อยู่ด้านล่างเห็นท่าไม่ดีจึงจะรีบไปช่วยเธอ
แต่กลับถูกรั้งเอาไว้ด้วยรากไม้ที่มันโผล่ขึ้นเหนือพื้นปูนของดาดฟ้าไม่เพียงแค่ขาแต่ยังล็อคตัวของเขาเอาไว้ด้วย
ก่อเป็นโดมไม้สานขังเขาเอาไว้ รวมไปถึงทางฝั่งของสตีฟที่ถูกเถาวัลย์หนามล้อมเอาไว้
วิชชั่นกำลังจะไปช่วยแต่ก็ถูกวันด้าฉุดรั้งเอาไว้ไม่ให้เขาไป เป็นการเตือนกลายๆว่าเธอไม่ต้องการให้พวกเขาเข้ามา
“อัตราชีพจรกำลังลดลงต่ำ
อาการเหนื่อยล้าพุ่งขึ้นสูง”
ฟรายเดย์รายงานหลังจากโทนี่ให้สแกนเธอจากระยะไกล
นั่นยิ่งทำให้เขาใจคอไม่ดีและยิ่งกังวลมากยิ่งขึ้นเข้าไปอีก
บรรยากาศโดยรอบแปรเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน
ท้องฟ้าที่สว่างสดใสในตอนแรกในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยกลุ่มก้อนเมฆครึ้มเหมือนเมฆฝนปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้า
มันทั้งอึมครึมและชวนให้รู้สึกอึดอัดจนน่าใจหายและน่าตกใจ
อุณหภูมิเริ่มลดต่ำลงแต่ก็ไม่ได้ถึงกับหนาวเหน็บมันเย็นจนน่าขนลุก พลเรือนยิ่งแตกตื่นและหวาดกลัวมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
แม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่มีรายงานคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตก็ตาม
“...”
คลื่นพลังและเส้นพลังที่เขาสูบมาจากเธอถูกตัดขาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พร้อมกับร่างของเธอที่ล่องลอยอยู่ในห้วงอากาศ ไร้เรี่ยวแรงและอยู่ในสภาพที่ดูแล้วไม่ค่อยจะสู้ดีเสียเท่าไหร่นัก
“ช่างเป็นพลังที่คุ้มค่าสมกับการรอคอยจริงๆ
หึ”เขาหัวเราะในลำคอ
“ในที่สุดฉันก็ได้มันมาครอบครองแล้ว! ทีนี้แหละไม่ว่าใครหน้าไหนก็หยุดฉันไม่ได้แล้ว! จงสิโรราบให้กับฉันจงรับรู้และซาบซึ้งและจงคุกเข่าให้แก่ฉันผู้นี้ซะ!! เจ้าพวกมนุษย์อ่อนแอและน่าโง่ทั้งหลาย!”
เขาตะโกนลั่นพร้อมกับพลังมนตร์ดำที่แผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งห้วงอากาศโดยรอบ
บรรยากาศชวนให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวังชอบกล มันค่อยๆแผ่กระจายไปรอบๆในรัศมีวงกลมหลายกิโลเมตรครึ่งหนึ่งของผืนป่าและอีกครึ่งหนึ่งของชุมชน
เขาค่อยๆหันไปยังร่างของเธอที่ยังคงลอยเอื่อยอยู่และลดระดับห่างไปจากเขา
เฟลิเซียในสายตาของเขาตอนนี้อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นและดูอ่อนล้าเหลือเกิน
“เอาล่ะ...ก่อนที่ฉันจะฆ่าเธอ
เพื่อแสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาและสงเคราะห์ให้กับเธอ ฉันจะแสดงให้เธอเห็นถึงความพินาศย่อยยับของมวลมนุษย์โง่ๆไร้ประโยชน์
กับพวกอเวนเจอร์สที่เธอรักและภูมิใจมันนักหนา ฉันจะบดขยี้พวกมันต่อหน้าต่อตาเธอ! จงลิ้มรสชาติแห่งความสิ้นหวังนี้ไปซะ!!!!”
เปรี้ยง!
จากนั้นเขาก็ชูมือขึ้นเหนือหัวตน สองมือผสานดึงพลังเวทมนตร์ที่รุนแรงออกมาอย่างมากมายมหาศาล
เกิดเป็นกลุ่มคลื่นพลังขนาดมหึมาและดำทะมึนมีแสงฟ้าแลบสีขาววูบวาบตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องดังก้องไปทั่วท้องฟ้า
ยิ่งเขาทำให้พลังนั้นยิ่งใหญ่ขึ้นมาเท่าไหร่
ควันสีดำและคลื่นพลังก็ยิ่งกระจายแผ่ไปทั่วบริเวณโดยรอบมากขึ้นเท่านั้น
“จบกันสักที!!!”
เขาค่อยๆซัดเหวี่ยงและทุ่มพลังนั้นไปยังพื้นที่ที่มีพลเรือนกับทีมอเวนเจอร์สอยู่ในทันที
เมื่อเขาสูบและดูดซับพลังมาจากเฟลิเซียแล้วมันก็ยิ่งทำให้พลังที่ถูกซัดออกไปนี้ทวีคูณความรุนแรงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
มันพุ่งเป็นเส้นตรงไปยังเป้าหมายทันทีราวกับอุกบาตขนาดยักษ์ที่กำลังจะเข้าพุ่งชน วันด้าจึงใช้พลังของตนสร้างเกราะพลังงานสีแดงขึ้นมาทันทีตามสัญชาตญาณ
เพื่อลดความเสียหายให้ได้มากที่สุดในระหว่างที่คนอื่นๆกำลังรีบพาผู้คนออกไปจากตรงนั้นให้ได้มากที่สุด
วู่ม!!!
“!?”
“คนที่จะต้องย่อยยับ
คนที่จะต้องพังพินาศ คนที่จะต้องลิ้มรสแห่งความสิ้นหวังน่ะ...มันคุณต่างหาก...ดัฟฟ์”
“เป็นไป...ไม่ได้...”
“แน่นอน...ว่ามันเป็นไปได้”
จากร่างที่กำลังค่อยๆลอยเคว้งและเตรียมี่จะร่วงหล่นลงสู่พื้นดินได้ทุกเมื่อ
และสภาพร่างกายดูเหนื่อยล้าในตอนแรกแต่ในตอนนี้กลับเปลี่ยนไปราวกับว่าเป็นคนละคนร่างของเธอลอยอยู่ในระดับเดียวกันกับเขา
ก่อนที่พลังของเขาจะถึงพื้นเบื้องล่างกลับถูกพลังสีขาวบริสุทธิ์ที่รุนแรงกว่าเข้าปะทะและขจัดพลังของเขาเพื่อเปลี่ยนวิถีทิศทางของมันและเบี่ยงไปอีกทาง
พลังของเขาถูกพลังของเธอพุ่งเข้าใส่จนกระทั่งพลังของเขากระจายออกจากกันและแผ่ออกไปเหมือนคลื่นน้ำในทะเล
ดวงตาสีน้ำตาเข้มเปลี่ยนไปเป็นสีขาวไข่มุกและเรืองแสง
ท้องฟ้าที่มืดมัวในตอนแรกก็ค่อยๆเปลี่ยนไปในตรงบริเวณที่เธออยู่ พลังงานสีขาวและดำแผ่ออกมาจากตัวเธออีกครั้งเป็นพลังที่ดูแข็งแกร่งและมันทำให้บรรยากาศรอบๆตัวเธอให้ความรู้สึกอ่อนโยนแต่ก็แข็งแกร่งด้วยในเวลาเดียวกัน
คลื่นพลังแผ่กระจายออกไปจนกระทั่งมันกลบคลื่นพลังจากดัฟฟ์ไปจนเกือบจะหมด
มือซ้ายของเธอเป็นพลังเวทมนตร์สีขาว ส่วนมือขวาเป็นพลังเวทมนตร์สีดำสนิทที่ตัวพลังมีประกายแสงสีขาวเล็กน้อย
“อึ่ก”
มีแสงสีขาววาบปรากฏตรงบริเวณอกของเธอก่อนที่จะเปล่งแสงสว่างจ้าออกมา
ดัฟฟ์ยกมือเพื่อบดบังแสงนั้นและป้องกันการมองเข้าที่แสงนั้นโดยตรง
เมื่อแสงวูบดับไปปรากฏเป็นสร้อยสายสีดำและตัวสร้อยก็มีอัญมณีสีขาวบริสุทธิ์ปรากฏขึ้น
คลื่นพลังค่อยๆก่อตัวเกิดเป็นเงาบางอย่างที่ด้านหลังของเธอดวงตาของเขาเบิกกว้างทันทีที่เห็น
ลักษณะเงาคล้ายกับต้นไม้ปีศาจและถ้าหากตาของเขาไม่ฝาด
เหมือนเขาจะเป็นเงาร่างของใครบางคนที่มันซ้อนทับอยู่ที่ด้านหลังของเธออีกที
แต่ไม่ปรากฏลักษณะที่แน่ชัดและชัดเจนว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายจากนั้นเงานั้นก็ค่อยๆจางลงไป
“น่าเสียดายนะคะ...ที่ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่เป็นไปดั่งที่คุณหวังเอาไว้
ฉันบอกคุณแล้วว่าฉันไม่ยอมมาจบเห่อยู่ที่นี่แน่นอนและไม่ยอมให้คุณทำอะไรพวกเขาเด็ดขาด”เธอยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยพร้อมกับประสานพลังเวทสีขาวดำที่ฝ่ามือตนเข้าด้วยกัน
“I am Black Magician”เฟลิเซียยิ้มให้กับเขา
วู่ม!
ทันทีที่พลังสีขาวดำของเธอพุ่งเป็นเส้นตรงซัดเข้าที่ตัวเขา
เขาจึงทำแบบเดิมดูดซับและสูบพลังของเธออีกครั้งเพื่อที่จะได้เปลี่ยนนำพลังของเธอมาเป็นของตัวเองและใช้จัดการกับเธอ
ตัวของเขามีพลังกระจายออกมาอีกครั้ง
แต่...
“อึ่ก! หึ! ไร้ประโยชน์น่า!
ไม่ว่าแกจะดึงพลังออกมามากแค่ไหนฉันก็จะสูบมันให้หมด!
ไม่ให้...อึ่ก นี่มันบ้าอะไรกัน!?”
มันไม่เหมือนเดิม...!
“ในเมื่อคุณอยากได้มันมากฉันก็จะให้จนกว่าคุณสูบไปจนกว่าคุณจะพอใจ
แต่ฉันก็ไม่รับประกันนะ...ว่าผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นยังไง...”
“อึ่ก! นี่มันบ้าอะไรกัน! หยุดนะ!”
ดัฟฟ์รู้สึกแปลกและไม่เหมือนเดิมเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นภายในตัวของเขา
ร่างกายของเขามีพลังวิ่งวนและมีแสงวูบวาบใต้ผิวหนังของเขา
ในตอนแรกที่เขาสูบพลังมาจากเธอมันทำให้เขามีความรู้สึกเหมือนตัวเขาได้รับพลังเพิ่มและรู้สึกเปี่ยมไปด้วยพลังมากมาย
อีกทั้งยังพร้อมใช้พลังนี้ในการโต้กลับแต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาไม่สามารถหยุดสูบพลังของเธอได้
เหมือนเขาดูดซับมันมามากจนเกินไปจนเขาเริ่มรู้สึกอึดอัดเหมือนตัวของเขาจะระเบิดและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“อ๊าก!!!!!!!”
เมื่อพลังที่เขาสูบมานั้นมันมากล้นเกินไป
เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองให้หยุดได้จนในที่สุดและท้ายที่สุดกายของเขาก็สลายไปพร้อมกับพลังที่มากล้นจนเกินควบคุมนี้
ทันทีที่เขาสลายไปต่อหน้าต่อตาของเธอและเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของทุกคน
พลังที่เขาสูบไปค่อยๆวิ่งกลับมาหาเธออย่างช้าๆเฟลิเซียวาดมือขึ้นไปบนอากาศเล็กน้อยพลังนั้นค่อยๆลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและกระจายไปทั่วอากาศหมู่เมฆครึ้มค่อยๆสลายไปพร้อมๆกับพลังที่แตกกระจายออกปรากฏเป็นท้องฟ้าสดใสดังเดิมอีกครั้ง
“เฟซี่!”
“ป๊า!?”
ทันทีที่เท้าของเธอเหยียบพื้นและโทนี่หลุดออกจากพันธนาการที่เธอสร้างเอาไว้
เขาออกจากชุดเกราะและวิ่งมาหาเธอทันที สองพ่อลูกแทบจะกระโดดกอดกันในทันทีเมื่อคลายกอดโทนี่จับตัวเธอหมุนเล็กน้อยเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าเธอไม่เป็นอะไร
“ป๊าไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”
“ไม่เป็นไร?
ไม่เป็นไรหรอ! รู้ไหมหัวใจป๊าเกือบจะวาย!”เขาดุเธอเล็กน้อยและดึงเธอเข้ามากอดอีกครั้ง
“ขอโทษค่ะป๊า...มัน...เรื่องมันยาว”เฟลิเซียยิ้มแห้งและขอโทษอย่างรู้สึกผิด
“วันหลังไม่เอาแบบนี้อีกแล้วนะรู้ไหม!?”
“คงไม่มีวันหลังให้ทำแบบนี้แล้วแหละนะ”สตีฟยิ้ม
“แนท! ทุกคน!”
“เฮ้ๆใจเย็นๆเด็กน้อย”
นาตาชากอดและลูบหัวเธออย่างปลอบประโลม
พร้อมกับคลินท์ที่ตบบ่าเล็กน้อย เมื่อนาตาชาคลายกอดจากเธอวันด้าเป็นรายต่อไปที่รีบวิ่งเข้ามาหาเธอและกอดเธอก่อนที่จะดุเธอไปตามระเบียบด้วยอีกคน
“แน่นอนว่าจะไม่มีวันหลังให้หนีออกจากบ้านแบบนี้อีกแล้ว...ป๊า...ภูมิใจในตัวหนูมากๆเลยนะเฟซี่”โทนี่ยิ้มและลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน
“พวกเราก็เหมือนกัน”สตีฟยิ้ม
“ร้ายไม่เบา”นาตาชาแซว
“เก่งมากยัยหนู”คลินท์ชม
“เหมือนจะมีคนมีพลังสูสีแล้วนะ”วิชชั่นยิ้มและโอบไหล่วันด้า
“แน่นอน”วันด้ายิ้มอย่างภูมิใจ
“เธอช่วยพวกเราเอาไว้!”หนึ่งในพลเรือนร้องขึ้น
“เธอไม่ได้เป็นเหมือนในข่าวจริงๆด้วย!”
“เธอคือ...ฮีโร่!!!!!”
เสียงของเหล่าพลเรือนดังแว่วๆมา
สร้างรอยยิ้มให้กับพวกเขาได้ไม่น้อย อย่างน้อยนี่ก็เป็นบทพิสูจน์ให้พลเรือนและผู้คนได้เห็นว่าเธอไม่ใช่ปีศาจอย่างที่พวกเขาเคยครหาเธอเอาไว้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
“ขอบคุณทุกๆคน...ขอบคุณนะคะ!”เฟลิเซียยิ้มและขอบคุณพวกเขามากๆ
“อ๊ะ...จริงสิ...”เธอนึกอะไรบางอย่างได้
“เดี๋ยว! เฟซี่! จะไปไหน!?”
“มีเรื่องที่จะต้องทำอยู่อีกอย่าง...เดี๋ยวหนูมาขอเวลาแค่แป๊บเดียว”
เธอขอปลีกตัวแยกไปจากพวกเขาทันทีแบบไม่อธิบายให้พวกเขาฟังเลยสักนิด
เธอวิ่งไปยังจุดที่ตัวปราสาทนั้นพังทลายลงและใช้พลังนำร่างของเธอไปยังจุดที่เป็นชั้นใต้ดินที่เธอถูกจับเอาไว้ก่อนหน้านี้
“อยู่ที่ไหนกันนะ”
เธอมองไปรอบๆซากปรักหักพังที่ตอนนี้มันพังจนไม่เหลือชิ้นดีและไม่รู้ว่าเคยเป็นอะไรมาก่อนบ้าง
เธอวาดมือไปในอากาศเล็กน้อยเพื่อยกเศษซากเหล่านั้นให้ลอยขึ้นและพยายามกวาดสายตาของไปรอบๆจนกระทั่งได้พบกับคนที่เธอกำลังตามหา
เฮลก้า...
ร่างของเฮลก้าลอยออกมาพร้อมกับเศษซากปราสาทที่ถูกวางลงอย่างช้า
เฟลิเซียวางร่างของเฮลก้าเอาไว้ตรงหน้าเธอพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงข้างๆร่างของเธอ
มือของเธอปัดเศษฝุ่นและเกลี่ยผมออกจากใบหน้าร่างไร้วิญญาณ ใบหน้าซีดเซียวและผิวกายก็เย็นเฉียบจนน่าใจหาย
“เรา...ออกไปจากที่นี่กันเถอะ”
กึ่ก!
ฉึก!
---------------------------------------------------------------------------------------------
มีไฟมันก็จะยาวๆหน่อยๆค่ะ (ฮา)
ความคิดเห็น