ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : 始まりの始まり : เสี้ยวความทรงจำส่วนที่ 2
เสียงออดเลิกเรียนดังขึ้นพร้อมกับเหล่าเด็กนักเรียนมากมายต่างเดินเพ่นพ่านออกมาจากรั้วโรงเรียน
รันมะหยิบหูฟังบูทูธออกมาจากกระเป๋านักเรียน ก่อนสวมใส่พร้อมเปิดเพลงจังหวะสบาย ๆ ฟังระหว่างทาง
ในตอนที่กำลังฟังเพลงได้จังหวะนั่นเอง...
" เจอกันพรุ่งนี้นายปัญญาอ่อน ฝากทักทายยูกะอีกรอบด้วยล่ะกัน ฮ่า ๆ ! " เด็กสาวผมม่วงวิ่งเข้ามาแล้วกระโดดตบหลังจนเขาเเทบหน้าทิ่มเอาซะดังป้าบพร้อมวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
" ยัยล่อนเฮงซวย ! " รันมะเเหกปากด่าแทบไม่ทัน รู้ตัวอีกทีลอนก็วิ่งไปไกลซะเเล้ว...
ไวชะมัดยัยลอนตัวแสบนี่...
หน็อยยย ! เดี๋ยวคิดบัญชีคืนล่ะยาวแน่ยัยลอน !
ในช่วงที่รันมะกำลังหาเพลงฟังระหว่างทางเผอิญที่สายตาของเขาดันเหลือบเห็นร่างคุ้น ๆ อยู่ตรงหน้าเข้าพอดิบพอดี ก่อนจะว่าด้วยเสียงร่าเริงเรียกอีกฝ่าย
" เฮ้ ! ไงมาซาโตะ~มาทำอะไรล่ะนั่น ? " เขาสงสัยทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายป่วยอยู่เเท้ ๆ นะ แต่พอรันมะเห็นหน้าอีกฝ่ายเขาก็เเทบจะกลืนคำพูดที่จะพูดกลับอีกฝ่ายลงคอไปเหมือนเดิมทันที
คนผมเขียววิ่งมากระชากตัวเขาแล้วเขย่าทันทีด้วยท่าทางรีบร้อน
" ยูกะ...ยูกะหายไปไหนไม่รู้ ! "
ประโยคที่ทำให้รันมะเบิกตาโพร่งขึ้นอย่างตกใจก่อนถอดหูฟังลงวางไว้บนคอเสื้อพร้อมออกตัววิ่งมาจากมาซาโตะอย่างไม่ฟังเสียงเรียกของอีกฝ่าย
รันมะวิ่งไปพลางเรียกหาอีกฝ่ายไปเเข่งกับเสียงของมาซาโตะที่พยายามใช้เสียงเช่นกัน แต่ก็ไอออกมาทุกทีจนรันมะรีบห้ามก่อนอาการอีกฝ่ายจะเเย่หนักแล้วบอกให้กลับไปนอนพัก
มาซาโตะรั้นพยายามไม่ฟังรันมะเพราะเป็นห่วงยูกะด้วย แต่ถึงกระนั้นพอมองสีหน้าของรันมะที่บังคับเขาให้กลับไปนอน ทำให้มาซะโตะยอมแพ้ทันที ก่อนเดินคอตกกลับหอไปเช่นเดิม
รันมะวิ่งต่ออีกหนพร้อมเรียกหายูกะอย่างไม่ขาดสาย คนผมส้มหันซ้ายขวามองรอบ ๆ ถึงแม้คนที่ผ่านทางจะมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม
ในตอนที่เขากำลังตะเบงเสียงเรียกอีกครั้ง รันมะหยุดชะงักก่อนหันไปมองทางซ้ายมือ และมันก็ทำให้เขาเจอเป้าหมายของเขาที่ออกตามหามานาน
เขารีบวิ่งไปหายูกะที่นั่งเอามือปิดหูตัวเองอยู่ทันที
" ยูกะ ! ยูกะ ! " คนผมส้มเขย่าตัวยูกะที่หลับตาปี๋ด้วยความกลัว ดวงตาสีน้ำตาลเเหงนขึ้นสบกับดวงตาอีกฝ่ายก่อนเอ่อคลอน้ำตาเล็ก ๆ
ยูกะเหมือนจะพูดออกมาว่ากลัว แต่ก็ต้องยกมือปิดหูหนักกว่าเดิม เสียงผู้คนและเสียงรถสัญจรกลายเป็นเสียงที่บิดเบี้ยวจนยูกะต้องปิดหูหนัก
รันมะมองท่าทางของยูกะก็รู้สึกไม่ดี ก่อนเหลือบเห็นสิ่งที่อยู่ตรงคอของตัวเอง
ฟุ่บ....
" ! ! ! " คนผมฟ้าแดงสะดุ้งเมื่อมีบางสิ่งผ่านศีรษะพร้อมกับฝ่ามือของคนผมส้มที่จับมือเขาออกแล้วสวมบางสิ่ง ๆ นั้นไว้แทนที่ก่อนจะมีเสียงเพลงคอลเบา ๆ ออกมา
รันมะหยิบมือถือขึ้นมาเร่งเสียงเพลงเพิ่มขึ้นให้อีกจนยูกะไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง ตอนนี้เขาได้ยินเเต่เสียงของเครื่องดนตรีท่วงทำนองที่ทำให้ยูกะตาลุกวาว
หมับ...
ฝ่ามือของยูกะถูกรันมะจับขึ้นพร้อมกับดึงให้เขาลุกแล้วเดินตามไปอย่างช้า ๆ ยูกะได้แต่เพียงมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนที่รันมะจะหันมาพูดกับเขาด้วยท่าทางร่าเริง
" นายคงหิวแล้วใช่ไหมล้า~ยูกะ~"
ยูกะไม่รู้ว่ารันมะพูดอะไรกับเขา แต่อีกฝ่ายก็ลากเขาไปยังที่ ๆ หนึ่งซะเเล้ว
ในย่านศูนย์การค้าที่เต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย ทั้งคู่หยุดลง ก่อนที่รันมะจะเเหงนหน้ามองป้ายร้านแห่งหนึ่งพร้อมกับเปิดประตูเข้าไป
กริ๊ง~!
เสียงกระดิ่งที่เเขวนอยู่บนประตูเรียกให้เจ้าของร้านที่กำลังนั่งอ่านนิตยสารเงยหน้าขึ้นมากล่าวต้อนรับเขาอย่างสดใส
" ยินดีต้อนรับค่ะ " เสียงสดใสของเด็กสาวผมม่วงกล่าวขึ้น ก่อนเดินไปวางเมนูให้ลูกค้าทั้งสองคนที่เข้ามาเป็นแขกรายแรกในวันนี้
" ฉันไม่เคยเห็นร้านนี้มาก่อนเลย...เพิ่งมาเหรอ ? " รันมะถามอย่างเป็นกันเองคงเป็นเพราะอีกฝ่ายอายุดูใกล้ ๆ กับเขา
" ใช่ค่ะ เพิ่งมาเปิดเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนน่ะค่ะ " เธอกล่าวแล้วส่งยิ้ม พร้อมเตรียมจดรายการอาหารเต็มแก่ เธอมองรันมะที่เปิดหน้าเมนูแล้วเหลือบไปมองยูกะที่จับหูฟังหลับตาฟังเพลงอย่างผ่อนคลาย
" เอ...เอ่อ...จะเอาอะไรดีนะ..." คนผมส้มเกาหัวแกรก ๆ เพราะเลือกเมนูไม่ถูก
" อยากลองทานเมนูเเนะนำของร้านเราไหมคะ ? " คนผมม่วงกล่าวพลางขยิบตาให้เล็กน้อย
" เเนะนำ...เอ่อ...ก็ได้อยู่หรอก งั้นขอที่นึงนะ "
ไม่ถึง 20 นาที เมนูเเนะนำที่ว่าก็มาเสิร์ฟถึงที่ กลิ่นหอมฉุนของเครื่องเทศที่โรยบนหน้าพิซซ่าร้อน ๆ ชวนให้น้ำลายไหล โชยขึ้นมาเเตะจมูกตามไอร้อนที่ระเหยขึ้นมาเบา ๆ
" พิซซ่าค่ะ เป็นสูตรพิเศษของ คาเฟ่มิโคโนะ เลยนะคะ ลองทานได้เลยค่ะ รับรองติดใจจนลืมไม่ลงเลยล่ะค่ะ " เด็กสาวยิ้มกว้างก่อนเดินกลับไปนั่งทำธุระต่อที่เคาน์เตอร์ พร้อมหยิบรีโมทเปิดทีวีให้ลูกค้าดูส่วนเธอก็จัดการธุระของเธอต่อ
รันมะเปิดตากว้างเมื่อกัดพิซซ่าเข้าไปคำใหญ่
" อร่อย ! ยูกะลองกินดูสิ ! มันอร่อยมากเลยล่ะ ! " รันมะยื่นพิซซ่าจ่อปากยูกะ
คนผมฟ้าแดงถอนหูฟังออกก่อนมองพิซซ่าเล็กน้อยแล้วกัดคำโต ๆ พร้อมเขี้ยวแก้มตุ่ย ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงในทีวีดังขึ้นพอดี
" [ วันนี้จะมีการแสดงไวโอลินอันเป็นที่กล่าวขานกันอย่างแพร่หลายของเด็กหนุ่มนักดนตรี ไฟแรงเเซงทางโค้งกันในช่วงนี้ด้วยล่ะค่าาา~] " เสียงพิธีกรสาวในรายการบันเทิงว่าขึ้นพร้อมทำท่าดีใจ เรียกความสนใจของทั้งสามให้หันมอง
" [ อัจฉริยะทางด้านดนตรี ริวเอ็นจิ ซาคุ คุงนั่นเองค่า~ เสียงไวโอลินของเขาทำให้คนทั้งโลกตกตะลึงจนน้ำตาแตกกันมาแล้วเชียวนะคะ ! ] "
" [ พูดเกินจริงจนดูโอเว่อร์ไปรึเปล่าค่ะเนี่ย~ ] " พิธีกรสาวผมสั้นกล่าวด้วยเสียงขบขัน
" รู้สึกว่าเพลงที่ทำให้เขาดังนี่คงจะเป็น...Take Flight สินะ " คนผมม่วงที่นั่งอยู่ห่างออกไปว่าขึ้น
" เอ๊ะ ! เธอเคยฟังด้วยเหรอ ! " รันมะหันควับไปมองอีกคนทันทีซึ่งแน่นอนว่าเธอก็ยิ้มให้แล้วตอบว่าใช่
" อ่ะ...คุยเพลิน...ฉันคาโคกาวะ รันมะ ส่วนหมอนี่ มิคาโดะ ยูกะ โทษทีนะลืมเเนะนำตัว " พอเจอคอเดียวกันต้องเเนะนำตัวกันเสียหน่อย
" ฉัน มิโคโนะ มิโกะ จ๊ะ " คนผมม่วงแนะนำตัวแล้วส่งยิ้มให้
ยูกะสะดุ้งเพราะตอนที่มิโกะเดินมาถามเมนูอาหารกับเสิร์ฟอาหารเขาไม่ได้มองหน้าเธอเลย ยูกะหันไปมองก่อนหันสบตามิโกะเข้าพอดิบพอดี เด็กสาวสตั้นเล็กน้อยแต่ก็ส่งยิ้มให้ยูกะอย่างเป็นกันเอง
' ยูกะ...ขอโทษนะที่ทำตามที่นายบอกไม่ได้ '
ประโยคที่มิโกะเคยกล่าวไว้กลับเขามันเเล่นเข้ามาในหัวอีกหนพร้อมกับภาพของมิโกะที่ฝืนยิ้มให้เขา
" เกิดอะไรขึ้นกัน..." ยูกะเริ่มสับสนว่าจุดที่เขาอยู่มันคือความจริง หรือความฝัน หรือ สิ่งที่มันเเล่นเข้ามาในหัวของเขานั้นมันจะเป็นความฝัน...
ณ ตามซอกตึกที่ห่างไกลจากความเจริญ
" อยะ....อย่า ! ขอร้องได้โปรดเถอะ..." เสียงของหญิงวัยทำงานที่ใบหน้าเกือบกว่าครึ่งกำลังกลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวยกสองฝ่ามือขึ้นขออ้อนวอนคนที่อยู่ตรงหน้า
ฝ่ามือขาวคลายมือออกพร้อมละอองเเสงสีอ่อนที่กลายเป็นคันธนูปรากฏขึ้นมา เด็กหนุ่มยกขึ้นเตรียมเเฝงศรใส่หญิงสาวอย่างไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น
" อึก ! อ๊าาาา ! " เธอหวีดร้องพร้อมดันตัวเองลุกขึ้นวิ่งเพื่อเอาชีวิตรอดให้ได้อย่างทุลักทุเล
เด็กหนุ่มผมสีอ่อนหลับตาลงครู่หนึ่ง พร้อมกับดาวที่ปรากฏขึ้นกลางหน้าผากเรืองเเสงอ่อน ๆ นัยน์ตาสีฟ้าจ้องมองอย่างเรียบนิ่ง พร้อมปล่อยศรพลังรุนเเรงเข้าทะลวงกลางหลังทะลุไปยังด้านหน้า
ฉึก !
หญิงสาวกระอักก่อนล้มลงตึ่ง เเต่เธอยังไม่ตาย ใบหน้าที่เริ่มมีเขี้ยวหันมาแสยะยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียมเมื่อสิ่งที่สิงอยู่ร่างของหญิงสาวสามารถยึดร่างของเธอได้สมบูรณ์
" หายไปซะ..." คนผมอ่อนกล่าวเพียงเเค่นั้นก่อนยื่นฝ่ามือเข้าไปคว้าผลึกแก้วที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าผากก่อนบี้มันแตกคามือกลายเป็นฝุ่นสลายหายไปในอากาศ
หญิงสาวร่างอสูรเบิกตาโพร่งก่อนกรีดร้องพร้อมนอนลงไปอย่างไร้วิญญาณ
" คนที่เท่าไหร่กันแล้วนะ...." คนผมอ่อนชุดคลุมยาวกล่าวขึ้นพร้อมหลับตาลงเเหงนหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างอ่อนล้า
ณ ตึกสูงระฟ้าแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว
" เอาล่ะ...ทุกท่าน มากันครบแล้วสินะ..." ชายวัยกลางคนกล่าวขึ้นท่ามกลางโต๊ะประชุมตัวยาวที่ทอดไปจนถึงอีกฝั่งจนเกือบสุด เหล่าผู้คนมากหน้าหลายตามีสีหน้าที่เคร่งเครียดพอ ๆ กับชายหนุ่มเลยก็ว่าได้
" ตอนนี้...เราต้องกระจายกำลังของเทพศาสตราให้ทั่วทั้งกรุงโตเกียว---"
" ผมว่าผมบอกไปหลายหนแล้วนะ อนาคตมันแน่นอนมากเลยนะว่า โลกใบนี้จะล่มสลายไม่ใช่เพียงแค่โตเกียว " เด็กหนุ่มผมขาวว่าตัด เขาเป็นคนเดียวที่นั่งอยู่บนโต๊ะตัวยาวที่เรืองแสงสว่างอย่างไม่เกรงใจใคร
มาโมรุที่ยืนอยู่ไม่ห่างหันควับมองแทบจะทันทีแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วมองคนผมขาวที่กำลังนั่งชันเข่าจิ้มนิ้วเขี่ย ๆ โต๊ะเล่น
" ขอประทานอภัยเป็นอย่างสูงครับ...กระผมไม่ทราบถึงขอบเขตของมันแน่ชัดนัก จึงได้พูดแบบนั้น " ชายหนุ่มรีบก้มหัวขอโทษเด็กหนุ่มทันที
" ช่างมันเถอะ ผมก็เเค่ประท้วงเอาไว้ก่อน เพราะงั้นช่วยกระจายกำลังเทพศาสตราที่อยู่ทั่วโลกให้เฝ้าระวังก็ดีนะครับ "
" ครับ รับทราบครับ ท่านเทพพยากรณ์ "
คำว่า เทพพยากรณ์ คือ ตำเเหน่งที่สูงที่สุดในบรรดาเทพศาสตรา เทพพยากรณ์ก็เปรียบเสมือนเทพเจ้าของเหล่าเทพศาสตราทั้งปวง...
หากไม่มีเทพพยากรณ์ ก็จะไม่มีใครทำนายหรือเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเทพศาสตราทุกคน
ไลท์หยักคิ้วหยักไหล่โดยไม่สนใจอะไรมากนัก จนมาโมรุก็ได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ
" แต่ว่านะคะ ท่านเทพพยากรณ์ ดิฉันอยากจะทราบเรื่องที่ว่า...ทำไมท่านถึงอยากให้เฝ้าระวังทั้งโลกเลยล่ะค่ะ ? "
คำถามของหญิงสาวคนหนึ่งทำให้คนผมขาวหยุดเขี่ยโต๊ะที่ตนนั่งอยู่ เด่นเป็นสง่าคนเดียวทันที
ไลท์เอียงศีรษะเกยเข่าแล้วเบิกตามองหญิงสาว เธอสะดุ้งเบา ๆ แล้วก้มหน้าเพราะไม่กล้าสบตาเทพพยากรณ์นัก
ว่ากันว่า ดวงตาของเทพพยากรณ์ มันไร้ซึ่งชีวิตจนดูน่ากลัว...
" อสูรยังไงล่ะ "
เด็กหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากก่อนหลุบตาลงอีกครั้งหนึ่ง จนทุกคนในที่นั้นเหงื่อแตกพรากเพราะความกดดันของไลท์ที่ส่งผ่านออกมาจากคำพูดนั่น
รู้สึกคิดผิดที่ถามแบบนั้นออกไป
หลังจากการประชุมได้สินสุดลง เด็กหนุ่มผมขาวที่มาถึงห้องส่วนตัวของตัวเองโดยมีคนผมส้มเดินตามมาด้วย ก็โยนตัวเองลงเตียงอย่างอ่อนล้า พลางส่งเสียงอู้อี้ไม่ได้ศัพท์ เพราะไปมุดหน้าอยู่กับหมอนนุ่ม ๆ อยู่
" สวมบทให้ดูขลังเนี่ยยุ่งยากจังนะ..."
" งั้นก็ไม่ต้องสวมซะสิ " มาโมรุตอบทันควัน
" งืม~ทำแบบนั้นก็ไม่มีใครเชื่อถือพอดีสิคร้าบบ..." ไลท์กล่าวแล้วกลิ้งบนเตียงสะอาดของตนต่อไป
มาโมรุเค้นเสียงออกมาเล็กน้อย ก่อนมองอีกฝ่าย
" ถ้าขึ้นชื่อว่าเทพพยากรณ์น่ะ...ทุกคนเขาเชื่ออยู่แล้ว "
" เห~จะว่าไปก็ใช่นี่นา เอ๊อะ ! จะว่าไป รุ่นพี่..." ไลท์หันมามองมาโมรุเล็กน้อย คนผมส้มทำหน้าสงสัยทันที แต่พอได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็พลอยคิ้วกระตุกหยิก ๆ อย่างน่าโมโห
" ผมหิวแล้วไปหาซื้ออะไรให้ผมทานหน่อยสิ~ท่านองค์รักษ์~"
ไลท์หยักคิ้วหัวเราะหึ ๆ จนมาโมรุได้แต่กำหมัดกัดฟันขบไปมาอย่างอดกลั้น ก่อนเดินย่ำเท้าตึง ๆ อย่างหนักแน่นออกไปอย่างว่าง่าย
' ทำไมฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย ! ! '
เมื่อพวกยูกะและรันมะทานอาหารเสร็จจึงเดินออกมานอกร้านโดยบอกกล่าวมิโกะว่าจะไปแล้ว ทางฝ่ายนั้นก็โบกมือบายส่งด้วยรอยยิ้ม พร้อมก้มลงอ่านหนังสือต่อ
" ทำไม...ทำไม มิโกะถึงได้จำฉันไม่ได้กัน ทั้ง ๆ ที่เราก็เพิ่งเจอ--"
" บ่นอะไรเหรอยูกะ ? ? " รันมะถามก่อนมองยูกะ ซึ่งแน่นอนว่าคนผมฟ้าแดงก้มหน้าถอยออกมาแทบจะทันที แล้วบอกว่าไม่มีอะไรจนรันมะบุ่ยหน้า
" เปล่า...เปล่า ไม่มีอะไร " ดวงตาสีน้ำตาลหลุบลงเหมือนพยายามหลบอีกฝ่าย
ยิ่งยูกะทำแบบนั้น รันมะก็เริ่มรู้สึกตะหงิด ๆ ใจขึ้นมาชอบกล แต่ก็ไม่ได้ถามความอะไรมากนัก
" จริงด้วยสิยูกะ ! ! จะว่าไปนายก็คงกลับไม่ถูกด้วยสินะ...ก็...นายอยู่หอคนเดียวนี่นา..." ประโยคหลังอีกฝ่ายพูดเสียงเเผ่วพร้อมก้มมองต่ำจนยูกะสงสัย
คนผมฟ้าแดงเพิ่งสังเกตุว่าบนปกเสื้อฮู้ดตนนั้น ยังคงมีของที่ไม่ใช่ของเขาอยู่ และกำลังจะถอดคืนให้ แต่ทว่า รันมะกลับยกมือห้ามเขาก่อนแล้วว่าขึ้น
" นายเก็บไว้เถอะ ถือซะว่าฉันให้ล่ะกันนะเจ้าหูฟังอันนั้นน่ะ " พร้อมส่งรอยยิ้มจาง ๆ ให้
" แต่ว่า...นี่มันของนายนะ---"
" อือ ๆ ไม่เป็นไร เอาไว้ใช้มันตอนที่นายไม่อยากได้ยินเสียงพวกนั้นก็ได้ ไม่ต้องคืนหรอก "
" ... " ยูกะเลือกที่จะไม่ตอบได้แต่มองรันมะด้วยแววตาที่ไม่รู้ว่า ยูกะนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ ตามประสาคนความจำเสื่อม
คลืนนนน....กึก...
สิ้นสุดเสียงบานประตูบ้านเปิดออก เด็กหนุ่มผมส้มถอดรองเท้าตนออกก่อนเดินเข้าไปเปิดไฟในบ้านแล้วชะโงกคอออกมากวักมือเรียกยูกะให้เข้ามาในบ้าน
" นั่งตามสบายเลยนะ...แม่ครับแม่ ! ยูกะมานอนด้วยคืนนึงนะแม่ ! " รันมะร้องตะโกนแบบไม่เกรงใจเพื่อนบ้านพลางเดินเข้าไปในครัว
" อ่า...ไปทำงานแล้วเหรอเนี่ย.. " เขากล่าวด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนเหลือบเห็นโน้ตที่แปะไว้ตรงตู้เย็น เด็กหนุ่มจึงดึงมันออกมาแล้วอ่านมันครู่หนึ่ง ก่อนจะเเสดงสีหน้าออกมาอย่างไม่ปิดบังเลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่
" กลับวันมะรืน...อีกแล้วเหรอ...พ่อก็ด้วย...โอ้ว~พระเจ้าจ๊อดมันช่างยอดเยี่ยมซะจริง..." กรอกตามองบนพลางขย้ำกระดาษแล้วปาลงถังอย่างเเม่นยำ ก่อนกลับหลังหันก็ต้องตกใจเมื่อเห็นยูกะมายืนจ้องหน้าในระยะประชิดจนรันมะหน้าเหวอรับประทาน ถอยกรูทันทีด้วยความตกใจ
" นายพูดอะไรของนายเหรอ ? ? " ทำหน้าสงสัย ผสมความซื่อลงไปนิด ๆ
" เอ่อ...เฮอะ ๆ พ่อกับแม่ฉันกลับวันมะรืนน่ะ " รันมะเกาหัวแล้วเสมองบนก่อนหันไปหยิบแก้วหน้ามารินน้ำกินแก้กระหาย
" แล้ววันมะรืนมันคืออะไรเหรอ ? "
" ปุ๊ดดด---" คนผมส้มปลดปล่อยสายรุ้งออกมาจากปากทันที ( ความจริงก็บรรยายไปสิหล่อนว่ามันก็คือพ่นน้ำเฟ้ย ! ) ก่อนไอแค่ก ๆ วางแก้วแทบไม่ทัน
" ? ? ? " ยูกะทำหน้างงทันที
ตึ่ง ๆ !
" ยูกะพรุ่งนี้นายจะต้องไปโรงเรียนกับฉันนะ ! " คนผมส้มตีมือลงบนโต๊ะเเก้วตรงหน้าโซฟากลางห้องรับเเขกด้วยสีหน้าจริงจังมาก ๆ
" ที่ ๆ รันมะบอกฉันเมื่อตอนนั้นใช่ไหม ! ? " ยูกะดูตื่นเต้นมาก ๆ สังเกตุได้จากแววตาที่ลุกวิ้งวับไปมา
" ใช่แล้ว~แล้วเราก็จะไปขนของที่หอพักนายด้วยเลย ย้ายมาอยู่กับฉันชั่วคราวก่อน ตกลงไหม ? "
" อือ ๆ ! ตกลง ! " นี่ก็ตอบแบบไม่คิดหน้าคิดหลังเลยจริง ๆ คนความจำเสื่อมนี่บ้าจี้ตามดีจังเเฮะ...
ใครจะปล่อยให้ยูกะอยู่คนเดียวได้ล่ะ ดูดิ ! จากเด็กจอมเกรียน จอมวางแผน กลายเป็นเด็กน้อยซื่อบื้อเชื่อฟังง่ายไปแล้ว ! ( จะบอกว่าหมอนี่ไม่ใช่เพื่อนผมก็ทำร้ายไปสินะ งั้นหุบปากไม่พูดก็ได้ )
จะฝากมาซาโตะดูให้ก็คงไม่ไหว รบกวนอีกฝ่ายอีก แถมฝ่ายนั้นก็ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่มาเกือบสามสี่วันเเล้วด้วย ( อนาจจริง ๆ )
เสียงสีไวโอลินดังขึ้นประปลายก่อนจะหยุดลง พร้อมกับตัวของเด็กหนุ่มที่เริ่มขบฟันเพราะมันเล่นออกมาไม่ได้ดั่งใจนึกเสียที
" ทำไมกัน...ทำไมกัน..." ซาคุกล่าวก่อนนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมทึงเส้นผมของตนจนฟู ก่อนเปิดม่านมองไปยังชั้นล่างที่มีเเม่บ้านและเซฟีนอยู่ชั้นล่าง กำลังสนุกสนานในสวนหน้าบ้าน
" ว่าแต่คุณหนูเซฟีนนี่มีอารมณ์ขันจังนะคะ~" แม่บ้านที่เข็นรถเธอว่าขึ้นด้วยรอยยิ้ม
" ไม่หรอกค่ะคุณป้า " พร้อมกับหัวเราะชอบใจ
" จะว่าไปนะคะคุณหนู พรุ่งนี้พี่ชายของท่านจะไปแสดงนี่คะ ? คุณหนูจะไปรึเปล่า ? " ป้าแม่บ้านว่า แล้วมองเด็กสาวผมสีน้ำเเข็งเอียงศีรษะกำผ้าที่คลุมตักเธอไว้เบา ๆ แล้วตอบอย่างไม่ลังเลด้วยรอยยิ้ม
" ไปสิคะ งานแสดงของพี่ซาคุน่ะ หนูไม่เคยพลาดหรอกนะคะ "
" ป้าก็ถามเผื่อไงล่ะจ๊ะ~ถ้าไปป้าจะได้ไปส่งเราแล้วก็ไปดูด้วยอีกคน ถือซะว่าไปนั่งดูกันสองคนจะได้ไม่เหงาเนอะ ดีไหม ? " หญิงวัยกลางคนกล่าว
" งั้นก็ดีเลยน่ะสิคะ คุณป้า ! " เซฟีนปรบมือด้วยท่าทางดีใจที่มีเพื่อนไป ก่อนโดนแม่บ้านคนนั้นลูบผมด้วยความเอ็นดูท่ามกลางรอยยิ้มของเด็กสาวที่โดนพี่ชายของตนจับจ้องอยู่
ซาคุยิ้มอ่อน พร้อมปิดม่านลง ก่อนถอนหายใจฮึกฮัก แล้วหยิบไวโอลินขึ้น พลางหลับตาลงแล้วนึกถึงบทเพลงที่เขาเเต่งขึ้นมา
" นี่ก็เพื่อเซฟีน " เด็กหนุ่มพึมพำเบา ๆ ด้วยความตั้งใจ ก่อนบรรจงวางคันชักไว้บนตัวไวโอลินพร้อมเตรียมบรรเลงเพลงซ้อม
เปราะ....
มือที่จับไวโอลินไว้เกร็งเเข็งจนปล่อยมันหลุดมือ เด็กหนุ่มเริ่มตาพร่ามัวก่อนทรุดลงกุมที่อกซ้ายพลางหายใจลวยริน ดวงตาเบิกกว้าง เหงื่อแตกพรากอย่างน่าประหลาด
" อะ...อะไร..." ซาคุมองฝ่ามือที่กำลังสั่นไม่หาย ก่อนเริ่มหยุดสั่น ทุก ๆ อย่างกลับมาเป็นปกติเหมือนเมื่อครู่ ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเขาเลยด้วยซ้ำ
ซาคุแปลกใจ ว่าตอนนี้เขาเป็นอะไรกันนักกันหนา ยิ่งจะถึงวันสำคัญเขาไม่อยากให้พลาด ไม่อยากให้เซฟีนต้องผิดหวังด้วย
" คุณหนูซาคุคะ ! มื้ออาหารเตรียมพร้อมแล้วนะคะ " เสียงแม่บ้านเรียกหา
" ครับ ! จะลงไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ " เด็กหนุ่มพยายามกลบเสียงสั่นของตนแล้วตอบไปตามปกติ ก่อนยืนขึ้นแล้วเปิดประตูลงไปทันที
" อาจจะเป็นเพราะเราเหนื่อยเกินไปก็ได้..."
งั้นเย็นนี้กินข้าวเย็นเสร็จแล้วกินยานอนพักผ่อนให้พร้อมดีกว่า...
วันต่อมาไวปานโกหก....
" ห๊ะ...นี่....นี่ที่จะบอกครูเมื่อวานคือเรื่องนี้ใช่ไหม ? ! " หญิงสาวผมน้ำตาลสั่นถึงคอทำหน้าเหวอเมื่อเห็นแววตาซื่อ ๆ ผิดปกติของคนผมฟ้าแดงที่ยืนอยู่ข้างรันมะ
" ก็...นะครับ...แฮะ ๆ..."
" ตาย ๆ ! งั้นครูจะโทรไปแจ้งผู้ปกครองของมิคาโดะคุงก่อนนะ--" ในขณะที่เธอกำลังเช็คสมุดรายชื่อหาเบอร์ผู้ปกครอง รันมะก็ได้พูดขึ้นมาแทบจะทันที
" พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตไปหลายปีก่อนแล้วล่ะครับ " คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้หญิงสาวที่กำลังเตรียมกดเบอร์ได้แต่มองขึ้นมา แล้วทำปากเชิงว่า ' เอาจริงเหรอ ? ' ก่อนปรายสายตามองคนผมฟ้าแดงด้วยความเศร้า
" แล้ว...มิคาโดะคุง...เขารู้รึเปล่า " เธอถามกลับเด็กหนุ่มผมส้ม
" รู้ครับ "
" ตอนนี้เขาอยู่กับใคร "
" คนเดียวครับ แต่ไม่ต้องห่วงครับ ญาติยูกะอย่างคุณลุง คุณยายยังส่งยูกะเรียนต่ออยู่ครับ แต่เเค่ว่า ทางฝ่ายนั้นอยู่ต่างประเทศครับ "
รันมะตอบคำถามได้อย่างคล่องเเคล่ว แถมยังไม่ติดขัดอีกด้วย
" อ้อ..." เธอพยักหน้าเบา ๆ แล้วมองที่ยูกะอีกหนแล้วว่าต่อ
" ก็...วันนี้ถ้ายังไงก็ช่วยดูเพื่อนหน่อยนะ เข้าใจไหม คาโคกาวะคุง " เธอจ้องรันมะทันที ซึ่งแน่นอนว่ารันมะก็ตอบตกลงอย่างว่าง่าย ก่อนจะหันไปพูดคุยกับยูกะ
" เอาล่ะ ! ยูกะเรา...ไป..." รันมะที่ว่าพล่อย ๆ หันหลังมาก็เจอแต่ความว่างเปล่าไร้วี่แววของยูกะ
รันมะถึงกับเอ๋อไปชั่วขณะก่อนถอนหายใจออกวิ่งตามหายูกะโดยมีเสียงครูสาวบอกว่าไม่ให้เขาวิ่งบนอาคารเรียนตามมาติด ๆ
' เดินหายไปไหนของนายกันเนี่ยยย ! ! '
ตึก ๆ...ตึก...
ใบหน้าของเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีฟ้าแดงเเง้มเปิดประตูห้องสมุดพร้อมชะโงกหน้าไปมองด้านใน ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองชุดผ้าคลุมคุ้นตาที่ทำให้เขาต้องตามเจ้าของชุดเข้ามาในนี้
ใช่....นั่นคือคนที่ยูกะชนด้วยเมื่อวานนั่นเอง
คนผมฟ้าแดงเดินก้มหน้าเล็กน้อย พลางกระชับสายกระเป๋านักเรียนของตนให้มั่น แล้วเดินตามอีกฝ่ายไปแบบไม่ปิดบัง
' จะเดินตามมาทำไมกัน ? '
เจ้าของเรือนผมสีอ่อน ผู้สวมชุดคลุมยาวกล่าวในใจ หางตาเหลือบมองยูกะเป็นพัก ๆ แล้วก็ทำเป็นไม่สนใจยูกะไปทั้งอย่างงั้น พลางเดินมาที่ชั้นหนังสือก่อนเอื้อมหยิบมันลงมาเล่มหนึ่ง
" จะตามไปถึงเมื่อไหร่..." นัยน์ตาสีฟ้าคู่คมจ้องมองตัวหนังสือตรงหน้า พร้อมกรอกอ่านไปอย่างรวดเร็ว
ตัดภาพมาทางยูกะที่สะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไรได้แต่มองหน้าสุบารุด้วยความซื่อ ในจังหวะที่เท้าของยูกะกำลังจะก้าวไปหานั่นเอง
ชิ้ง ! กึก---
เมื่ออีกฝ่ายจ้องมองไปที่ยูกะ ร่างกายของคนผมฟ้าแดงกลับถูกบางอย่างตรึงเอาไว้อย่างแน่นหนา เหมือนมีบางอย่างขวางกั้นไม่ให้เข้าไปใกล้เจ้าของดวงตาสีฟ้าได้เลย
สุบารุหรี่ตามองสิ่งที่ขวางกั้นยูกะเอาไว้
กำแพงล่องหนที่เขาสร้างมันขึ้นมาจากพลังของตัวเอง มีแต่เขาเพียงคนเดียวที่สามารถมองเห็น และทำลายมันได้---
" อ่ะ ! " จู่ ๆ ยูกะกลับยื่นแขนเข้ามาผ่านกำเเพงที่เขาสร้างเอาไว้ได้อย่างไม่สะทกสะท้าน แถมยังเดินทะลุมันมาอย่างกับว่า เหตุการณ์เมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
" ... " สุบารุถึงกับสตั้นจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองยูกะในท่าค้างถือหนังสือที่อ่านอยู่มองยูกะด้วยสีหน้าที่บอกชัดเจนว่า ' อึ้ง '
" เน่ ๆ ! เราเคยเจอกัน...ก่อนหน้านั้นอีกรึเปล่า ? " ดวงตาสีน้ำตาลมองด้วยความใสซื่อ เอียงศีรษะเล็กน้อยอย่างต้องการคำตอบ แล้วมองหน้าสุบารุ
" ผมไม่เคยรู้จักคุณ..." สุบารุแสดงสีหน้าออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่รู้จักยูกะจริง ๆ ก่อนจะรีบหันหลังไปเก็บหนังสือแล้วหาเล่มใหม่แทน พลันระหว่างนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างได้
" มิคาโดะ ยูกะ สินะ...ผมเคยเห็นรูปบัตรนักเรียนนายอยู่...." เขาไล่เปิดหน้าหนังสือแต่ตากลับจ้องมาที่ยูกะ
" นายเปลี่ยนไปจากที่ผมเคยเห็นเมื่อหลายวันก่อน..." เด็กหนุ่มกล่าว ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างขึ้นก็ดันมีคนมาขัดซะก่อน
" แฮก...แฮ่ก...ตาม...ตามหาตั้งนานแหน่ะ เอ๊ะ...? " คนผมส้มปรากฏกายขึ้นมาด้วยท่าทางหอบ ก่อนมองไปที่ทั้งสองด้วยความงุนงง ในตอนที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างกลับกลายเป็นว่าสุบารุนั้นเดินถือหนังสือผ่านพวกเขาไปอย่างกับว่าพวกเขาเป็นเพียงแค่อากาศธาตุว่างเปล่าไม่มีตัวตน
" เย็นชาชะมัด" รันมะหันมองแล้วบ่นตามอีกที ส่วนยูกะก็ได้แต่มองตามอย่างไม่ล่ะสายตาเหมือนกำลังซึมซับเสี้ยวความทรงจำทีละนิด ว่าทำไมเขาถึงจำอีกฝ่ายได้ แต่ทำไมอีกฝ่ายจำเขาไม่ได้
สุบารุที่หอบหนังสืออกมาจ้องมองทุกทิศทางภายใต้เเสงสว่างที่ส่องเข้ามาภายในอาคารเเห่งนี้
ในหัวก็ขบคิดถึงเรื่องแปลก ๆ ที่เขาเจอมาในวันนี้จนอดตะลึงไม่ได้
" มีคนสามารถทำลายม่านมิติของฉันได้..." เขาบ่นเล็กน้อยพลางหลับตาถอนหายใจอย่างอ่อนล้าเกินทน เสมองไปทางด้านหลังที่มีคนตามมา เหมือนกับว่าเขาพูดกับคน ๆ นั้นเสียมากกว่า
" โห~ท่าทางอาจเป็นเทพศาตราที่น่าเกรงขาม--"
" มนุษย์ปกติที่ไม่มีอะไรเลยต่างหาก..." สุบารุเอ่ยขัดแล้วเสมองอีกฝ่ายที่ดูจะอึ้งในสิ่งที่ได้ยิน ก่อนเเสยะยิ้มขึ้นมาแล้วตอบสุบารุ
" หึ ๆ...ยังไงก็น่าสนใจอยู่ดี...ม่านมิติของนายแข็งแกร่งขนาดที่ว่า เทพพยากรณ์ยังทำอะไรนายไม่ได้ แต่กลับกลายเป็นว่า เจ้ามนุษย์ธรรมดาคนนั้นทำลายได้...หึ ๆ จะไม่ให้สนใจได้ยังไงกันล่ะ "
" หยุดความคิดชั่วร้ายของนายลงซะทีเถอะ...คิโด เซย์จิ " ดวงตาสีฟ้าหันมองอย่างไม่สบอารมณ์ แน่นอนว่าเจ้าของชื่อทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินมาใกล้สุบารุพร้อมยิ้มชั่วร้าย
" พรุ่งนี้ ที่นี่..." คิโดวางมือบนบ่าอีกฝ่ายแล้วกระซิบเสียงเเผ่วพร้อมรอยยิ้มกว้าง ก่อนยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้สุบารุรับไป แล้วเดินออกไปทันที
" แล้วจะรอดูผลงานนะครับ คุณเทพดวงดาว~" คิโดแลบลิ้นแบร่ ๆ ตบท้ายแล้วเดินจากมาปล่อยสุบารุทิ้งไว้คนเดียวท่ามกลางพื้นที่โล่งกว้าง ณ ด้านบนห้องสมุดของโรงเรียน
วันต่อมา
เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันหยุด จึงทำให้รันมะพายูกะมาที่เดิมพร้อมพ่วงมาซาโตะที่หายป่วยเป็นปริทิ้งมาโลดโผน--มาหาของกินเพิ่มกำลัง
กริ้ง~
" ยินดีต้อนรับจ๊ะ รันมะคุง ยูกะคุง แล้วก็..." มิโกะที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ขมวดคิ้วมองคนไม่รู้จัก
" หมอนี่ ริคุโอะ มาซาโตะ เพื่อนฉันเองแหละ ส่วนนี่ก็ มิโคโนะ มิโกะ " รันมะผายมือไปทางมาซาโตะเเล้วเดินมาแนะนำมิโกะที่ยิ้มรับแล้วโบกมือทักทายอย่างเป็นกันเอง
" อ่อ...เอ่อ...ยินดี " คนผมเขียวแอบเขินพร้อมยกมือลูบท้ายทอยก้มหัวผงกรับเล็กน้อย
" มิโกะ อยากดูทีวีจัง ได้ไหม " ยูกะที่วันนี้มาเเปลกอยากขอดูทีวี แน่นอนว่ามิโกะไม่ขัดเพราะเธอเองก็อยากจะเปิดดูพอดีเช่นกัน
" ช่องอะไรก็ได้ใช่ไหมยูกะ ? " ถามเพื่อความเเน่ใจ
" ได้สิ ได้หมดเลย " ยูกะตอบ เเล้วนั่งจ้องเหมือนเด็ก ๆ มองจอภาพที่เริ่มปรากฏภาพการแสดงชุดหนึ่งพอดี
" เปิดได้ถูกใจฉันมากเลยมิโกะ " รันมะเกยศอกบนเคาน์เตอร์แล้วจ้องดูทีวี
" วันนี้จะมาการถ่ายทอดสดการแสดงของริวเอ็นจิคุงคนดังนี่นา "
" พวกนายนี่...ดูอะไรกันฟร่ะ..." มาซาโตะทำหน้าเหนื่อยใจมองทีวีอย่างไม่รู้จะพูดคำใดดี
" ไม่มีมิติเอาซะเลยนะนายน่ะ ! " ทั้งมิโกะ ทั้งรันมะว่าพร้อมกันจนมาซาโตะถึงกับยอมแพ้พูดครับ ๆ ลอยออกมาทันที
ยูกะจดจ้องอย่างไม่วางตาก่อนเริ่มขมวดคิ้วเพราะอาการเจ็บแปล็บในสมองก่อนข่มตาลง แล้วมองภาพที่เบลอจนมองไม่ออกมาสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น
' เจ็บ...เจ็บจัง...'
เสียงปรบมือดังขึ้นทั้งโรงแสดง หนึ่งในนั้นเองก็มีเซฟีนที่นั่งยิ้มแก้มปริกับป้าแม่บ้านนั่งปรบมือไปด้วยกัน
ฟรึ่บ !
เเสงไฟดับลงพร้อมฉายไปในจุด ๆ เดียวที่บนเวทีมีเด็กหนุ่มผมสีน้ำเเข็งยืนอยู่ใจกลางท่ามกลางวงดนตรีและนักร้องประสานเสียง เด็กหนุ่มในชุดทักซิโด้ก้มหัวให้ทุกคน ก่อนส่งยิ้มให้เซฟีนเบา ๆ แล้วตีหน้านิ่งจับไวโอลินขึ้นมาตั้งท่าพร้อมบรรเลงบทเพลง
คันชักในมือสีไวโอลินเพียงนิดเดียว ทุกสายตาต่างจับจ้องมองไปยังเวทีอย่างสงบนิ่ง มองทวงท่าสง่างามของเด็กหนุ่มอายุน้อยมากความสามารถเกินไว บรรเลงบทเพลงที่ทั้งเเผ่วเบา และ หนักหน่วงจนพวกเขารู้สึกได้ถึงอารมณ์ของผู้บรรเลงบทเพลง บทเพลงที่กำลังสื่ออกมา ทำเอาพวกเขารู้สึกอินจนต้องหยุดฟังกันทุกคน
" ...อีกนิดเดียว..." ซาคุพึมพำก่อนหลับตาลงบรรเลงบทเพลงอีกครั้ง
อย่างน้อย ๆ เสียงดนตรีในครั้งนี้จะสื่อถึงเซฟีนบ้าง ในเพลงนี้เขาสื่อถึงความหวังที่ยังคงรอคอยในวันที่น้องสาวของเขาจะกลับมาเดินได้อีกครั้ง ไม่ว่าจะนานสักเพียงใดเขาก็จะรอ ไม่ว่าจะต้องช่วยเธอยังไงเขาก็จะทำ...
ด้านบนเวทีการแสดงที่เหนือขึ้นไปอีก
" ดูเหมือนจะได้เวลาเหมาะสมแล้วสินะ..." คนผมอ่อนยืนอยู่ด้านบนก่อนมองไปยังด้านล่างที่ผู้คนมากมายนั่งดูการแสดงของเด็กหนุ่มบนเวทีอย่างไม่มีใครล่ะสายตา
ฟุ่บ....
เจ้าของเรือนผมสีอ่อนกระโดดขึ้นเหยียบราวไม้ก่อนร่อนลงไปด้านล่างที่มีผู้คนมากมายนั่งอยู่
เปรี๊ยะ....
ซาคุที่กำลังจะเล่นบทเพลงต่อไปหยุดกึกแล้วมองไปยังจุดที่มาของเสียงแต่ก็ไม่พบอะไร เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเม้มปากแล้วทำเป็นไม่สนใจเสียงที่ว่า
เปรี๊ยะ....วูบ....! !
ตึ่ง ! !
จู่ ๆ กลับมีมือปริศนาพร้อมกับใบหน้ากึ่งมนุษย์กึ่งอสูรผุดมาจากหลุมมิติที่มีเพียงซาคุเพียงคนเดียวที่เห็น
มันโผล่มาตรงกลางที่นั่งผู้ชมพร้อมดมกลิ่นฟุดฟิด ๆ แล้วเเหวกม่านสีอ่อนใสบาง ๆ ออกมาจนมาโผล่งับหัวผู้ชมไปหนึ่งคน สร้างความตกใจให้ทุกคนจนโวยวายวิ่งหนีกันอย่างสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด แต่มันกลับกวาดมือที่ยืดยาวฟาดมนุษย์ทุกคนจนตายคาที่
มันยกมือและหดมือที่เปรอะเลือดจนเยิ้มนองเต็มแขน มนุษย์ที่ถูกกระทำถูกเเรงทับจนร่างกายบิดงอ แต่ยังไม่ตาย ส่งเสียงโอดครวญอย่างน่าเวทนา บางคนก็ร้องไห้อย่างทรมาณกับความเจ็บปวดสาหัสของตน
" [ รายการขอยุติการออกอากาศ เหตุเนื่องจากสัญญาณขัดข้อง ] "
หน้าจอทีวีที่ร้านมิโกะดับวูบก่อนจะเห็นภาพอันสยดสยองนั่น รันมะถึงกับถอดหมวกทำหน้าเหวอเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เเต่เมื่อกี้เขาไม่ได้ตาฝาดด้วยเหมือนกัน
" อะไรน่ะ...เมื่อกี้มันมีอะไร " มาซาโตะยังอึ้งตาม มิโกะยกมือป้องปากอย่างตกใจเมื่อเธอเองก็เห็นเช่นกัน
พวกเขาไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไรกันแน่...
" อสูรวันสิ้นโลก..." ยูกะเอ่ยขึ้นมาแต่ตายังจ้องไปที่ทีวีด้วยความอึ้ง เสียงของยูกะมันแผ่วเบาจนพวกเขาสามคนไม่ได้ยินสิ่งที่ยูกะพูดเลยเเม้แต่น้อย
" เซฟีน ! คุณป้า ! เซฟีน !..." ซาคุกระโดดลงจากเวทีแล้วขึ้นไปบนทางเดินที่นั่งผู้ชมที่ผู้คนกำลังกรีดร้องหวาดกลัวสัตว์ประหลาดตรงหน้า
เขาวิ่งมาถึงตรงจุดที่ถูกถลมแบบไม่กลัวตาย ก่อนเบิกตากว้างเมื่อพบเเขนอวบ ๆ ของหญิงแม่บ้านที่มากับเซฟีนโผล่มาจากใต้เศษผนังที่ผุพังพร้อมกับเลือดไหลเจือนองลงมาเป็นทาง
เด็กหนุ่มเบือนหน้าหนีไม่กล้ามอง ก่อนหันมองอีกครั้งพร้อมน้ำตา แล้ววิ่งจากมาเพื่อตามหาเซฟีนที่ไปอยู่ตรงส่วนไหนก็ไม่รู้
และแล้วซาคุก็ค้นพบเป้าหมาย
เด็กสาวผมสีน้ำเเข็งนั่งมองหน้าใครบางคนที่ยืนมองหน้าเธอเช่นกัน ก่อนที่คน ๆ นั้นกำลังทำบางอย่างที่ทำให้ซาคุเลือดขึ้นหน้า
ฉัวะ !
" อ...อึก ! อย่านะ ! " เด็กสาวถูกบางอย่างกรีดเข้าที่ต้นแขนอย่างจงใจ ก่อนขอร้องไม่ให้อีกฝ่ายทำร้ายเธอไปมากกว่านี้ ท่ามกลางแรงอาระวาดของสัตว์ประหลาด
" ต้องกำจัดไปให้พ้น ๆ ทาง..." สุบารุกล่าวก่อนใช้ปลายดาบเชิดคางเด็กสาวที่ตัวสั่นกลัวเขา พร้อมน้ำตานองเต็มเบ้าตา ก่อนเลื่อนปลายดาบเข้าไปใกล้ลำคอจี้จนเลือดซึบ
เปราะ....
เสียงบางอย่างที่เริ่มแตกร้าวมากกว่าครั้งก่อน ๆ พร้อม ๆ กับนัยน์ตาของเด็กหนุ่มที่เบิกกว้างขึ้น พร้อมเสียงหายใจที่รุนแรงตามอารมณ์ความโทสะที่มากเกินกว่าจะควบคุม
ซาคุมองปลายมีดที่จิ้มเข้าไปในเนื้อของเซฟีนมากขึ้น จนเลือดเริ่มไหลออกมามากขึ้นกว่าเดิม ดวงตาสีน้ำเเข็งเบิกกว้างจนลูกตาหรี่เล็กลง พร้อมกับเสียงของสิ่ง ๆ นั้นที่เเตกร้าว หักกระจาย แตกสลายลงในทันตา
เปราะ...เพล้ง !
สุบารุเหลือบมองไปทางด้านข้างก่อนถอยออกมาอย่างว่องไวเมื่อมีบางอย่างพุ่งตรงมาที่เข้าแล้วโอบอุ้มเด็กสาวไว้
" กล้าทำร้ายน้องสาวของฉัน แกมันกล้ามาก..." ซาคุกระชับเซฟีนที่สลบไปเพราะความตกใจกลัว กำเเขนเด็กสาวเเน่นจนเธอขมวดคิ้วส่งเสียงความเจ็บปวดออกมา แล้วพล็อยสลบไปอีกรอบ
สุบารุไม่ตอบแต่มองไปยังบริเวณพื้นที่ซาคุเหยียบ พบว่ามีไอเย็นเเผ่ออกมาจากตัวของอีกฝ่ายจนเยือกเเข็งบริเวณโดยรอบไปหมดแล้ว ก่อนจ้องมองดวงตาของซาคุที่หรี่ลงจนดูน่ากลัวแล้วข่มฟันกึก ๆ การกระทำแบบนั้นยิ่งเพิ่มอนุภาคของพลังพุ่งสูงขึ้นไปอีก
" ดูเหมือน...จะตื่นขึ้นมาจนได้...." สุบารุมองซาคุทันทีแล้วกล่าวต่อก่อนกางมือเรียกคันธนู พร้อมดาวที่ปรากฏกลางหน้าผาก
" เทพศาสตราวายุเหมันต์ "
ซาคุกวาดมือปลดพลังใส่สุบารุอย่างรุนแรงแต่อีกฝ่ายกลับยกมือขึ้นสร้างม่านบาเรียกันเเรงพลังจนมันแยกเป็นสองทางแล้วหยุดนิ่ง เป็นธารน้ำเเข็งทันที
คนผมอ่อนไม่พูดมาก ดึงคันธนูเเผลงศรสีทองพุ่งตรงใส่ซาคุปักที่กลางอกอย่างแรงโดยไม่มีการเห็นใจ
สุบารุขมวดคิ้วหรี่ตามองด้วยความเครียดทันทีเมื่อพบว่าศรของเขานั้นไม่ได้ปักที่กลางอกซาคุ ผลึกก้อนน้ำเเข็งที่สร้างมาป้องกันแตกหักและสลายไปอย่างรวดเร็ว
เด็กหนุ่มที่ขาดสติเงยหน้าขึ้น ลูกตาสีขาวถูกความมืดปกคลุมจนกลายเป็นสีดำอย่างน่ากลัว พร้อมรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม และพลังที่ปลดปล่อยออกมาเกินควบคุมจนสุบารุต้องยกท่อนเเขนบังลมพายุ
ฝ่ามือของซาคุยกขึ้นเหมือนจับบางอย่างก่อนยกยิ้มมุมปากเเสยะยิ้มเยาะพร้อมปล่อยบางสิ่งที่รวดเร็วใส่สุบารุอย่างไม่ปรานี
ปิ้ว !
แต่สุบารุตั้งตัวทันสร้างหลุมจักรวาลมาดูดเอาพลังเมื่อครู่ให้ไปโผล่ด้านหลังเขาเเทนจนลูกกระสุนที่พุ่งทะลุเวทีถูกผลึกน้ำเเข็งเเช่เเข็งไปแล้ว
" อุปสรรคจริง..." เด็กหนุ่มสถบก่อนเหลือบหันไปมองด้านหลังด้วยความตกใจแล้ววาร์ปหายไปจากตรงนั้นทันทีเมื่อมีบางอย่างพุ่งลงมาจากฟ้า ปักลงบนจุดที่เขาอยู่
" หนีไปได้เเฮะ..." ไลท์ที่นั่งอยู่บนคานไม้เเกว่งขาไปมาแล้วยกยิ้มบาง ๆ ตวัดนิ้วควบคุมกรงล้อของตนขึ้นมาก่อนพูดบางอย่างขึ้น
" ดูท่า...จะงานหนักแบบสุด ๆ ไปเลยนะครับ รุ่นพี่~"
สิ้นเสียงไลท์มาโมรุวาร์ปมาอยู่หลังซาคุก่อนใช้แขนล็อคคออีกฝ่ายแล้วจับเหวี่ยงให้พ้นจากเซฟีนแล้วพุ่งตามไปกดร่างอีกฝ่ายลงบนพื้นด้วยมือข้างเดียว
" พลังตอนเกิดใหม่รุนแรงจริง ๆ..." มาโมรุบ่นพลางใช้มือข้างที่ว่างหยิบบางอย่างขึ้นมาแล้วกดมืออีกข้างไม่ให้ซาคุดิ้นขัด เด็กหนุ่มผมส้มกัดฝ่าขวดบางอย่างขึ้นเปิดจุดก่อนแทงมันลงบนหลังคออีกคนที่เขากดไว้
ซาคุเริ่มหยุดขยับก่อนที่ดวงตาจะเหม่อลอยแล้วสลบไป เมื่อมาโมรุเห็นอีกฝ่ายนิ่งแล้วก็ลุกขึ้นมาจ้องไปที่อสูรตัวที่ยังคงอาละวาดงับกินซากมนุษย์ทั้งหมดที่หนีไปไม่ได้เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
" ไม่คิดจะช่วยกันใช่ไหม..." เขาปรายตามองไลท์ที่นั่งหลับตายิ้มยี่เท้าคางลงบนตักมองเขาจากที่สูง
" หน้าที่องค์รักษ์ของผมไม่ใช่เหรอค้าบบ~"
" เทพพยากรณ์กวนโอ๊ย..." มาโมรุแอบบ่น
" ท่านองค์รักษ์ขี้บ่น~" ไลท์เห็นอนาคตว่ามาโมรุจะบ่นเขาก็เลยตรอกจุดใส่ซะไม่มีการอ้อมค้อมว่าเขาขี้บ่นจริงๆ มาโมรุส่ายหัวถอนใจก่อนเดินย้ำเท้าหมุนข้อมือตรงไปที่มัน
วินาทีนั้นบนศีรษะของเด็กหนุ่มปรากฏวงเเหวนสีเหลืองสว่างขึ้นพร้อมกับอาวุธที่ลอยตามเขามาเวลาเขาออกตัวเดิน
เด็กหนุ่มดีดนิ้ว พริบตานั้นคฑาคู่กายวาร์ปหายไป กลายสภาพเป็นกรงขังอสูรปิดตายอย่างรวดเร็ว ก่อนเด็กหนุ่มจะพุ่งตัวไปง้าหมัดชกใส่กรงนั่นจนกรงสะเทือนเหมือนระฆัง
อสูรวีดร้องคำรามลั่นเพราะทนเสียงไม่ได้ ก่อนจะถูกกรงบีบตัวจนบิดงอได้ยินเสียงเนื้อบดเสียดอย่างน่ากลัวตามมาพร้อมกับร่างที่เเหลกสลายไป มาโมรุก้มลงมองซากที่เหลือของมันพยายามจะรวมตัวกับซากศพอีกครั้ง
คนผมส้มก้มลงหยิบผลึกแก้วขึ้นมาก่อนกำมันจนแตกอย่างไม่เห็นใจ อสูรวีดร้องหนักจนแตกร่างกายแหลกสลายเป็นผุยผงไป
" จุ๊ ๆ...เห็นกี่ที ๆ ก็อดเสียวท้องไม่ได้จริง ๆ " ไลท์ส่ายหน้าไปมาส่งเสียงพร้อมอย่างกวนบาทาพร้อมให้ ถึงแม้มาโมรุจะไม่ได้ยินก็ตามทีเถอะ
ปฐมบทของการเริ่มต้น
始まりの始まり
(Hajimari no hajimari)
_____________________
ตอนหน้าจะเกิดอะไรขึ้นกันต่อไปน้า~
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น