ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ fic Buddyfight Ace ] เสี้ยวความทรงจำที่หายไป

    ลำดับตอนที่ #3 : 始まりの始まり : เสี้ยวความทรงจำส่วนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ค. 62



          ___


                 ในวันที่ 6 เดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 2xxx___



    ก่อนวันสิ้นโลก 3 เดือน___



            ___



    สายลมอ่อน ๆ พัดปลิ้วพริ้วไหวท่ามกลางต้นซากุระที่ผลิดอกสีชมพูบานสะพรั่ง บรรดาเหล่าผู้คนมากมายต่างเดินมุ่งหน้าไปยังจุดหมายของพวกเขา




                   โรงเรียนมัธยมปลาย ไอโบกาคุเอ็น




                           " ที่นี่มัน...ที่ไหนกัน ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนเคยมาที่นี่มาก่อน...? " ยูกะที่ยังคงตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า




    หลังจากที่เกิดเเสงอะไรบางอย่างสว่างขึ้นด้านหลังของเขาจากซากของเมืองที่ถูกทำลาย ใบหน้าของคนผมสีส้มที่กำลังวิ่งมารั้งและดึงแขนเขาเอาไว้ กับ ใครอีกคนที่วิ่งมาทางเขาเพื่อช่วยเขาเช่นกัน




                   ทำไม...ทำไมทั้งสองคนนั้นถึงพยายามจะช่วยเขาขนาดนั้น...? 




    ถึงแม้ภาพของสองคนนั้นจะยังตราตรึงอยู่ในหัว แต่ก็ไม่อาจกลบสิ่งที่ยูกะได้เผชิญอยู่ตรงหน้านี้ได้ ทัศนียภาพที่เปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือแบบนี้ มันทำให้เขาอดอึ้งกับสิ่งที่เห็นไม่ได้




                    มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ....




    เด็กหนุ่มเรือนผมฟ้าแดงถอนลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะมีบางอย่างมากระเเทกที่ด้านหลังหัวไหล่อย่างแรงจนหน้าแทบคว่ำ




        ป้าบ~! 



                            " ไงยูกะ " เจ้าของเรือนผมส้มบรรจงฝ่ามืออันอ่อนโยนกระเเทกเข้าที่ไหล่ขวาของเพื่อนเอาซะไหล่เเทบหลุด ก่อนส่งยิ้มยีฟันให้อย่างสนิทสนม



                             " ทำไมนายมองหน้าฉันแปลก ๆ อะยูกะ...? " อีกฝ่ายถามเมื่อเห็นสีหน้าของยูกะที่แปลกไปจนอดสงสัยไม่ได้เลยถามด้วยความงุนงง




                               " นาย...เป็นใครเหรอ ? " 




    คำกล่าวของยูกะทำให้อีกฝ่ายเบิกตาโพร่งขึ้นอย่างตกใจ ก่อนหัวเราะหึ ๆ แล้วยกมือตีไหล่ยูกะที่ทำหน้าขมวดคิ้วมองมาที่เขา



                                 " ยูกะไม่เอาน่า~เฮ้~! เล่นตลกอะไรอยู่ล่ะเนี่ย ฉันขำไม่ออกนะ---" กำลังหัวเราะได้ฟีล แต่พอเจอนัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองอย่างไม่เข้าใจ และ สงสัย ทำให้อีกฝ่ายลอบกลืนน้ำลายลงคอเบา ๆ 




                   ' ไม่ได้ล้อเล่นนี่หว่า...' 




                                  " นี่ ! นายเป็นใคร ทำไมนายถึงได้หน้าตาเหมือนกับคนที่ฉันเคยเจอเลยล่ะ ตอบมานะ ! " ยูกะไม่รีรอเข้าประชิดจนเบียดแน่นใส่อกอีกฝ่าย จนคนผมส้มสะดุ้งเฮือกเกือบล้มหงายหลัง



                                  " เดี๋ยวก่อนสิ ! ใจเย็น ! " คนผมส้มประท้วงเสียงดังก่อนจับไหล่ยูกะให้ไปยืนดี ๆ 



                                   " ยูกะ...ถามจริงนะ...เเอ๊บเล่นละครทอเเหลอยู่อะป่าว..." จับไหล่แล้วถามเสียงเข้ม แถมจ้องตาอีก



    คำตอบที่ได้จากนัยน์ตาอีกฝ่าย มันกับเเน่วเเน่ไม่สั่นไหวแม้เเต่น้อย




                 ซึ่งนั่นก็หมายความว่า....




    นี่คือเรื่องจริงแท้เเน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ ! ! 












             ณ  สวนสาธารณะนอกโรงเรียน


                             " ฉัน- คา-โค-กา-วะ รัน-มะ เป็นเพื่อนสมัยประถมของนายนะ จำได้ไหม ? ! " รันมะชี้นิ้วมาที่ตัวเองแล้วเน้นพยางค์ให้ชัดเจน ตาจ้องตาประสานมองตาอีกฝ่ายที่ขมวดคิ้วจ้องเขาเขม็ง




    ยูกะหลุบตาลงหลับตาปี๋ส่ายหน้ารั่ว ๆ จนรันมะถึงกับเเห้วกินนั่งก้มหน้าอย่างอาลัยอาวรณ์เพื่อนตัวเอง



                             " ไปทำอิท่าไหนความจำเสื่อมฟร๊ะเนี่ย ! เมื่อวานก็ยังดี ๆ อยู่เลยนี่..." รันมะถอนหายใจยาวเยียดก่อนจ้องมองยูกะอีกหน 




    คนผมส้มบุ้ยปากมองตรงไปทางข้างหน้าล่ะสายตาจากอีกคนพลางถอนหายใจอีกครั้ง พร้อมเกาหัวเเกรก ๆ 



                              " บ้าเอ้ย ๆ ๆ ๆ ! เห้อออ ! เกิดอะไรขึ้นกับมายเฟรนของฉันล่ะน่อ---" 



                                " ทำไมนายถึงเหมือนกับคนที่ฉันเจอเลยล่ะ ? " จู่ ๆ ยูกะกลับเข้ามาประชิดจ้องมองรันมะตาแป๋ว พร้อมกับถามประโยคคำถามให้ชวนงง คนผมส้มสัมผัสได้ถึงเเรงกดดันเล็ก ๆ จากนัยน์ตาสีน้ำตาลของยูกะ



    รันมะแอบสะอึกก่อนเขยิบหมายจะถอยออกจากยูกะเล็กน้อย แต่ดันบังเอิญถอยมากไปหน่อยหงายหลังลงจากม้านั่งเสียงดัง




           ตุ่ม~! 



                               " ว๊ะ---โอ๊ยยส์ ! เจ็บ...เจ็บ ๆ " คนนอนหงายท้องบ่นอุบอิบพลางขยี้หัวที่เปื้อนฝุ่นจนฟู ก่อนมองขึ้นไปบนม้านั่งที่ยูกะนั่งอยู่




    แน่นอนว่ายูกะ นอนราบไปกับม้านั่งคว่ำหน้ามาจ้องรันมะแบบไม่วางตา ด้วยความที่หน้าของทั้งสองมันใกล้จนเกินไป จนอาจเกิดความล่อแหลมก็ได้ 



    จึงทำให้คนผมส้มรีบดันตัวเองลุกขึ้นมานั่งดี ๆ แทน



                                " เหอะ ๆ...ก่อนอื่นต้องทำอะไรกับนายก่อนสินะยูกะ..." รันมะหัวเราะเเฮะ ๆ แล้วมองยูกะที่จ้องหน้าเขาอยู่



















                                 " ก็...อย่างที่ว่าไป...ยูกะความจำเสื่อมอะ..." รันมะยิ้มเห่ยให้กับใครอีกคนที่นั่งฟังสิ่งที่เขาพูดจนอ้าปากค้างในท่าค้างกำลังดูดน้ำอัดลมจากแก้วอยู่



                                  " บ้าาาาา ! นายโกหกฉันอยู่เหรอรันมะ Σ(๑ŏ╻ŏ๑) " เด็กสาวรีบวางแก้วแล้วบรรจงตบบ่าเพื่อนหนุ่มจนต้องร้องซี้ดซ้าด 



                                   " เบา ๆ หน่อยแมะ แม่คูณณณณ~! ยัยเเรงควาย..." คำว่าแรงควายนี่แอบไปนินทาเบา ๆ นะ เดี๋ยวโดนอีกดอกเเขนจะหักได้



                                   " อะไรเล่า ! " เด็กสาวรีบโวยวาย ก่อนเดินมาทางยูกะที่นั่งมองทั้งคู่เถียงกันอยู่ เด็กสาวส่งยิ้มภายใต้กรอบแว่นกันลมสีเขียวใสให้ยูกะ



                                    " ถ้านายจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ อ้อ ! ฉันชื่อว่า นานานะ ลอน เป็นเพื่อนของนายอีกคนนะ ฝากตัวด้วยจ๊ะ " ไอรอนส่งยิ้มให้อีกครั้ง ก่อนเเหงนหน้ามองนาฬิกาแขวน ณ ร้านอาหารเเห่งหนึ่งที่ฉายเวลาเป็นภาพโปรโลแกรมขึ้นเป็นเวลาให้ทุกคนในร้านดู



                                     " โอ๊ะ ! ตายล่ะ มัวแต่เถียงกับรันมะจนลืมดูเวลาเลย จะเข้าเรียนล่ะไปนะ แล้วเจอกันที่ห้องเรียนล่ะนายปัญญาอ่อน~" ไอรอนรีบหยิบกระเป๋าสะพายวิ่งลิ่ว ๆ ไปแต่ไกล พร้อมทิ้งเสียงหัวเราะเเถมท้าย ดังกลบเสียงด่าของรันมะซะมิดเลย
                 

                                      " หน็อยยยย ! ยัยล่อนเฮงซวย..." รันมะกำหมัดจนเส้นเลือดปูดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดด้วยความโกรธ



                                     " นี่...ห้องเรียนมันคืออะไร..? " ยูกะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เอียงศีรษะลงเล็กน้อยถามเขาด้วยความสงสัย 



    คนผมส้มเหมือนจะเอ๋อไปชั่วขณะ ก่อนจะตั้งสติแล้วหันมาจับไหล่อีกฝ่าย พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและเน้นคำทุกคำพูด



                                    " ฟังนะยูกะ...ห้องเรียน มันก็คือ สถานที่ส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรียกว่า โรงเรียน แล้วไอโรงเรียนที่ว่านี่ ก็คือ สถานที่ที่เป็นเเหล่งรวบรวมคนที่มีความรู้ให้มาสอนคนที่ยังไม่มีความรู้และความเข้าใจ ส่วน..ห้องเรียน คือ ส่วนหนึ่งที่ใช้ในการถ่ายทอดความรู้ เข้าใจไหม ? " 




    อธิบายยาวไปขนาดนี้ไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วนะ...




    ยูกะให้คำตอบอย่างชัดเจนคือการส่ายหัวไปมา จนรันมะหน้าเหวอเพราะเขาไม่รู้จะอธิบายยังไงให้ยูกะเข้าใจแล้วจริง ๆ เขาบรรจงตบหน้าผากตัวเองอย่างแรงเสียงดังป้าบ ก่อนจะลูบหน้าตัวเองแล้วส่งเสียงจิ๊ ๆ เบา ๆ 




                                     " ฉันจะทำยังไงกับนายดีนะ...เห้ออ...เอ๊อะ ! จริงด้วยสิ ! " จู่ ๆ คนผมส้มก็ปิ๊งบางอย่างขึ้นมาแล้วทุบกำปั้นลงฝ่ามือของตน 


                                     " เดี๋ยวจะพานายไปที่หอพักนักเรียนก่อนล่ะกัน บางทีหมอนั่นอาจช่วยอยู่เป็นเพื่อนนายได้~" รันมะเข้ามาจับข้อมือคนผมฟ้าแดงให้วิ่งตามตนไป



    ยูกะทำหน้าไม่เข้าใจ ดวงตาของยูกะจ้องมองสีหน้าที่เเต้มไปด้วยรอยยิ้มของรันมะ ที่ดูมั่นอกมั่นใจมากเหลือเกิน













    ไม่นานเกินรอ ทั้งสองก็ได้มาถึงหน้าหอพักนักเรียน คนผมส้มเริ่มทำหน้าเครียดเมื่อก้มมองนาฬิกาข้อมือที่บ่งบอกเวลา




    คาโคกาวะ  รันมะ ไม่เคยลำบากใจขนาดนี้มาก่อนเลยจริง ๆ ...





           ก๊อก ๆ...




    เขายกหลังฝ่ามือเคาะบานประตูห้องของใครสักคน โดยมีสายตาของยูกะมองการกระทำของรันมะด้วยความสงสัยเล็ก ๆ 





             เเอ๊ดดดดด.....




    บานประตูที่ว่าค่อย ๆ เปิดพร้อมกับร่างสูงทำหน้าไม่สบอารมณ์ โดยที่บนใบหน้ายังคงมีผ้าปิดจมูกป้องกันเชื้อโรคอยู่




    อีกฝ่ายขมวดคิ้ว ทั้ง ๆ ที่ไม่ต้องขมวดคิ้วหน้าของเขามันก็เครียดมากเกินพอแล้วล่ะ...




                                   " แค่ก ๆ ! มีอะไรว่ามาจะไปนอนต่อ แค่ก ๆ ! " คนผมเขียวไอเล็กน้อยดูจากน้ำเสียงที่เเหบกว่าปกติ สงสัยหวัดจะเริ่มลงคอซะเเล้ว



                                    " ยูกะ หมอนี่ชื่อว่า ริคุโอะ มาซาโตะ เป็นเพื่อนของฉันเองเเหละ " 



                                    " มาเล่นอะไรกันพวกนาย ถ้าไม่มีอะไรรีบไปเรียนเลยไป คนจะพักผ่อนขี้เกียจมาเถียงกับพวกนายเเสบคอ---แค่ก ๆ ! " ยังไม่ทันจบวรรคด่าดี มาซาโตะก็โดนอาการเเสบคอเล่นงานเสียเเล้ว




    รันมะยิ้มกรุ่มกริ่มจนมาซาโตะทำหน้าเครียดแทน แล้วมองรันมะเข้าไปกระซิบเล็กน้อย




    เมื่อเขาได้ลองฟังเรื่องคร่าว ๆ นัยน์ตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ แล้วมองไปทางยูกะที่ยืนนิ่งมองหลอดไฟนีออนบนเพดานเล็กน้อยอย่างไม่สนใจพวกเขา



                                    " เห็นป่ะ...ดูดิยูกะดูเรียบร้อยผิดปกติเกินไป " รันมะหันมองยูกะที่เริ่มเดินสำรวจรอบ ๆ อย่างช้า ๆ 



                                     " ปกติยูกะมันเกรียน พอเรียบร้อยทีฉันก็ไปไม่เป็นเหมือนกันเเหละ...เห้ออ..." มาซาโตะกล่าวก่อนมองเพื่อนหนุ่มของตนอีกคร่า...



                                      " ยังไง...ฉันจะพยายามดูให้ล่ะกัน เเค่ก ๆ ! นายไปเรียนเถอะ..." คนผมเขียวยกมือปิดปากที่ครอบไปด้วยผ้าปิดปากก่อนไอออกมาอีกหน 




    คนผมส้มทำหน้าลำบากใจขึ้นมา...



                                     " ขอโทษมาซาโตะ แต่ฉันไม่รู้จะฝากยูกะไว้กับใครดี..." 



                                     " ไม่เป็นไร...ฉันจะพยายามดูยูกะเท่าที่ทำได้ล่ะกัน..." มาซาโตะยกมือตบบ่าเพื่อนตัวเองเบา ๆ ก่อนส่งสายตาให้รันมะเชิงว่า สบายใจได้  ออกมา
                                    



    เด็กหนุ่มเรือนผมสีส้มหันมองเพื่อนของตัวเองอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง...





                                  " อ...อาเค...ฝากด้วยนะมาซาโตะ " เขาเหมือนฝืนพูดออกมาเสียมากกว่า



    ทางฝ่ายมาซาโตะทำหน้าเข้าใจในสิ่งที่เขาคิด ก่อนมองตามรันมะที่เริ่มเดินออกไปจากบริเวณตรงนั้น เมื่อพ้นสายตา เขาจึงเหลี่ยวหันมาดูยูกะอีกครั้ง





                                  " ทำไม...ทำไมนายถึงเป็นเเบบนี้ไปได้ล่ะ ยูกะ " คนผมเขียวกล่าว พลางมองอีกคนที่ยืนจับราวเหล็กทอดสายตามองทิวทัศน์ยามเช้าอย่างตื่นตาตื่นใจ
















           ตึก ๆ ! 




      ปึ่ง ! 



                                  " เป็นความจริงอย่างงั้นเหรอครับที่บอกว่า..." 



    เด็กหนุ่มเรือนผมสีส้มในชุดเครื่องแบบสีเช่นเดียวกับสีผมทำหน้าตรึงเครียดมองชายวัยกลางคนตรงหน้าที่ดูจะไม่ได้โกหกเขาจริง ๆ 



                                    " มาโมรุ...นี่น่ะ ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวมากนะ...คำทำนายของเทพศาสตราที่เราก็รู้ ๆ กันว่าใคร " ชายหนุ่มหมุนเก้าอี้ที่ตนนั่งอยู่หันหลังให้กับเด็กหนุ่มพร้อมทอดนัยน์ตาของตนออกไปทางด้านนอก



                                   " ครับ...ผมรู้ครับ คำทำนายของ เทพศาสตราแห่งการพยากรณ์ น่ะน่ากลัวเเค่ไหน แต่...ผมแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีเทพศาสตรามาจุติอีกน่ะครับ ! " 



    มาโมรุเครียดหนัก การที่เริ่มมีเทพศาสตราเกิดขึ้นมาเรื่อย ๆ มันยิ่งบอกได้ชัดเจนถึงเรื่องบางเรื่องตามดั่งคำทำนายของเทพศาสตราแห่งการพยากรณ์คนเก่าได้อย่างแม่นยำ....




          หากที่เหล่าเทพศาสตราเริ่มถือกำเนิดมากขึ้น เมื่อนั่น วันสิ้นโลกใกล้เข้ามาเยือน...





    เด็กหนุ่มกำมือแน่นพลางกัดฟันอย่างหักห้ามความหว้าวุ่นในจิตใจ




                                    " เซไค มาโมรุ ในฐานะที่นายเองก็เป็นหนึ่งในเทพศาสตรา นายจะทำยังไงเมื่อเวลานั้นมาถึ---" 



                                    " ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องโลกใบนี้ครับ..." มาโมรุตอบอย่างไม่ลังเลเเม้เเต่น้อย เเววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า ทำให้ชายหนุ่มเผลอยิ้มมุมปากขึ้นมา พลางเค้นเสียงในลำคอด้วยเช่นกัน



                                    " เป็นคำตอบที่ดูดีใช้ได้สำหรับนายน่ะนะ..." เขาว่า พลางจ้องมองเด็กหนุ่มอีกหน แล้วยกนิ้วเคาะไปที่นาฬิกาข้อมือของตน



                                    " อย่าลืมหน้าที่อันสำคัญของตัวเองล่ะ มาโมรุ " ชายหนุ่มว่า ก่อนมองเด็กหนุ่มผมส้มยิ้มเห่ยแล้วเกาศีรษะพลางเสมองไปด้านบนเพดานยกสูงที่ตกเเต่งด้วยโคมไฟระโยงระยาวสวยงามไม่รกมากจนเกินไป



                                     " งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ " มาโมรุกล่าว พร้อมกับก้มหัวเคารพแล้วเดินออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มไป



    การจากไปของมาโมรุทำให้ชายหนุ่มแอบถอนหายใจเล็กน้อย พลางเสมองไปทางด้านข้างแล้วหรี่ตาลง




               ' ตอนนี้เทพศาสตราแห่งการพยากรณ์สำคัญมาก นายต้องปกป้องเขาให้ได้นะมาโมรุ ' 














    เด็กหนุ่มผมส้มยืนกอดอกถอนหายใจพร้อมเพ่งสายตามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า



                                  " ทำไมนายถึงมานอนหมอบกลางถนนแบบนี้ " เขาหมดคำจะพูด บวกกับสายตาของประชาชีมากมายต่างให้ความสนใจมาทางเขาซะเป็นส่วนใหญ่เสียด้วย




    คนที่นอนหมอบอยู่ตรงพื้นเงยหน้าขึ้นมาพร้อมเอ่ยพูดด้วยความอ่อนล้า



                                    " บ...โบกรถจนหม...หมดแรง..." คนผมขาวตอบก่อนตามด้วยเสียงร้องของกระเพาะอาหารที่เริ่มทำงานตามสเต็ปของมัน



                                     " ร...รุ่นพี่มาโมรุ...ผมหิวข้าว...จะตายแล้ว..." คนผมขาวพูดเสียงอู้อี้เพราะคว่ำหน้านอนหมอบกับพื้นอยู่น่ะสิ




    มาโมรุถอนหายใจอย่างแรง 



                                    " ไลท์คุง ถ้าไม่ลุกไม่พาไปกินข้าวน--" 




          ฟุ่บ ! 



    ยังไม่ทำจบคำ คนผมขาวรีบสปิงตัวลุกนั่งเรียบร้อยทันที ก่อนยืนขึ้นมาเขย่าเเขนเสื้อคนผมส้มอย่างแรงจนตัวโยกหน้าโยกหลัง แต่มีหรือมาโมรุจะบ่น แถมยังทำหน้าเฉยเมยเเถมอีก



                                      " ราเม็งอร่อย ๆ นะรุ่นพี่~ผมหิวมากต้องหลายชาม " 


                                      " ถ้าหลายชามก็จ่ายเองล่ะกัน..." คนผมส้มเสมองไปทางอื่น เหมือนเขาพยายามจะทำตัวไม่ให้รู้จักกับคนตรงหน้านี่จริง ๆ



    ไลท์สะดุ้งเฮือกเหงื่อแตกพรากเมื่อได้รับรู้ว่าตัวเองอาจไม่ได้กินข้าวแน่ ๆ 


                                       " ง...งั้นชามเดียวก็ได้ครับรุ่นพี่ ! " รีบตอบเสียงดังจนมาโมรุต้องยกนิ้วอุดหูก่อนมองไลท์เล็กน้อย



                                        " เห้อ...นายนี่ทำงานไม่คุ้มค่าจ้างเลยนะ โยกรถยังไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็หิวซะเเล้ว..." 



                                       " โห ! รุ่นพี่ก็พูดง่ายอะดิครับ ! ผมเนี่ยวุ่นหน้าวุ่นหลัง แถมวันนี้ยังจะมีเรื่องเกิดขึ้นอีก ผมจัดการแทบไม่ทันแล้วนะ ! " นี่ก็เถียงเก่งไปอีก...



    ไลท์ที่กำลังเริ่มโต้เถียงเงียบลงครู่หนุ่ง ก่อนเหม่อเล็กน้อยจนมาโมรุต้องหรี่ตามองอีกคน



                                       "...เทพศาสตราคนใหม่กำลังตื่นขึ้น..." น้ำเสียงที่ดูเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่ว่าขึ้น ก่อนค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ นัยน์ตาสีม่วงที่เริ่มพร่ามัวจ้องมองไปยังทางตรงหน้าอย่างไร้จุดหมาย



                                                        













            ปุบ....



    ฝ่ามือของใครคนหนึ่งปิดหนังสือเล่มหนาลง พร้อมกับเสมองไปยังพุ่มไม้ที่ไร้ผู้คน ก่อนค่อย ๆ พูดเสียงแผ่ว



                                 " มีธุระอะไร..." น้ำเสียงเรียบนิ่งของเด็กหนุ่มผมสีอ่อนว่าขึ้น พลางหลุบตาลงเพื่อผ่อนคลายจากการอ่านหนังสือเมื่อครู่



                                 " จะมีเทพศาสตรามาจุติใหม่..." อีกคนที่แอบอยู่หลังต้นไม้กอดอกแล้วว่าเสียงอย่างขบขัน



                                " ยังไงมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันอยู่แล้ว..." พร้อมกับเปิดหนังสืออ่านใหม่อีกรอบ



                               " ไม่แน่...อาจจะมีเทพศาสตาที่มีพลังที่นายกำลังตามหาอยู่ก็ได้นะ สุบารุ..." 



    ประโยคท่อนคำพูดเมื่อครู่ทำให้ฝ่ามือที่กำลังเปิดไล่อ่านหน้าต่อไปหยุดชะงักลงทันที นัยน์ตาสีฟ้าเหล่มองไปทางด้านหลังทันที



                               " หมายความว่ายังไง..." สิ้นคำของสุบารุ อีกคนที่แอบอยู่หลังต้นไม้ค่อย ๆ เค้นเสียงหัวเราะออกมาอย่างขบขัน



                               " หึ ๆ~ไม่รู้สินะ~" 















    เสียงสีของไวโอลินตัวหนึ่งกำลังค่อย ๆ บรรเลงบทเพลงที่เเฝงความรู้สึกของผู้บรรเลงลงไปอย่างหนักแน่นทุกท้วงทำนอง




    เจ้าของเครื่องไวโอลิน เอนศีรษะพร้อมกับยังคงจับคันชักสีไวโอลิน บรรจงไล่นิ้วขึ้นลงเพื่อให้เกิดเสียงสูงต่ำตามโน้ตเพลงที่ผุดขึ้นมาในหัวอย่างช่ำชอง




    เสียงไวโอลินค่อย ๆ เบาลง ก่อนที่บทเพลงบทนั้นจบลง เสียงปรบมือของคนที่นั่งฟังอยู่เพียงคนเดียว ปรบมือให้กับเขาในห้องขาวสะอาด โดยมีเด็กสาวผมยาวที่นั่งอยู่บนโซฟาปรบมือให้




                                 " พี่ยังเล่นไวโอลินเก่งเหมือนเดิมเลยนะคะ พี่ซาคุ " เด็กสาวเอ่ยชม เเต่เด็กหนุ่มกับยิ้มอ่อน แล้วมองเด็กสาวที่ค่อย ๆ ลุกอย่างยากลำบากเพื่อขึ้นรถเข็นส่วนตัว ก่อนเข็มรถมาใกล้เขา พร้อมเเหงนหน้าขึ้นมองเขาเช่นกัน



                                  " เดี๋ยวพี่เข็นให้ดีกว่านะ อ่ะ...นั่งดี ๆ นะระวังมือด้วย วางบนตักนั่นล่ะ " เด็กหนุ่มวางไวโอลินแทบจะทันทีก่อนอ้อมไปยังด้านหลังรถเข็นแล้วจับตรงด้ามจับก่อนออกเเรงเข็นเบา ๆ 



                                  " ลำบากพี่อีกแล้ว...หนูขอโทษนะคะ " เด็กสาวทำหน้ารู้สึกผิด



                                  " ไม่หรอก เซฟีนเป็นน้องสาวของพี่นะ เรื่องเเค่นี้พี่น่ะสบายอยู่แล้วล่ะ ! " ซาคุยิ้มกว้างเพื่อให้เซฟีนสบายใจ เด็กสาวผมยาวได้เพียงแต่ยิ้มกลับมาแล้วทอดมองไปยังทางตรงหน้าต่อไป 



    รอยยิ้มของซาคุค่อย ๆ หุบลง ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นสีหน้าของความเศร้า และความรู้สึกผิดในใจที่มีให้ต่อน้องสาวของเขา....




                ' ไม่ว่าจะต้องทำอะไร พี่จะต้องทำให้เรากลับมาเดินได้อีกครั้ง...เซฟีน...' 






                 ไม่ว่าพี่จะต้องเเลกด้วยอะไรก็ตาม...







        เปราะ...!




    เสียงอะไรบางอย่างภายในร่างกายของซาคุเเตกลง มันไม่ใช่เสียงของอวัยวะ ไม่ใช่เสียงของเครื่องประดับบนร่างกายที่เขาสวมอยู่...




    มันเหมือนกับบางสิ่งกำลังเเตกหักลง เป็นดั่งบานกระจกที่ปิดกั้นอะไรบางอย่างเกิดรอยร้าวขึ้น...




                                  " พ...พี่ค่ะ ! " เซฟีนหันหลังมามองพี่ชายของตัวเองด้วยความตกใจ



                                  " ไม่เป็นไรเซฟีน พี่สบายดี " ซาคุฝืนปั้นยิ้ม แต่เซฟีนกลับไม่อยากเชื่อกับรอยยิ้มแบบนี้สักเท่าไหร่



                                    " ...พี่ค่ะ..." เธอเริ่มเป็นห่วงพี่ชายตัวเองหนักมากขึ้น เด็กสาวเริ่มทำหน้ากังวลมากขึ้นกว่าทุกที
















         เเก๊บ...เกร็ก...



    ตะเกียบไม้สีน้ำตาลที่อยู่บนมือเด็กหนุ่มตกกระทบโต๊ะที่กำลังนั่งทานราเม็งกันอยู่





    นัยน์ตาสีเขียวแก่สั่นคอลทันที ก่อนมองอีกคนที่เพิ่งจัดการราเม็งจบกำลังยกมือไหว้ขอบคุณมื้ออาหารพร้อมเเนบตะเกียบไปด้วย




                               " ...ก...โกหกอย่างงั้นเหรอ...ที่บอกว่า..." มาโมรุอ้ำอึงแล้วมองไลท์ที่กำลังคนน้ำในถ้วยราเม็งไปมาเหมือนไม่มีอะไรทำ



    คนผมขาวยกยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อมองน้ำในถ้วยที่เริ่มเข้ามารวมกันอีกครั้ง



                             " เทพศาสตราที่จะมาจุติใหม่ครั้งนี้มี 2 คนอย่างแน่นอนครับ~" ไลท์ว่า



                            " จะเป็นไปได้ยังไงกัน ! จุติพร้อมกันทีเดียวสองคนเลยงั้นเหรอ ! ม...ไม่มีทางแน่ ๆ นี่มันเริ่มบ่งบอกถึงหายนะแล้วนะ ไลท์คุง ! " มาโมรุทุบโต๊ะเสียงดังจนคนที่นั่งอยู่ในร้านอันน้อยนิดหันควับมามอง โดยไม่ได้เข้าใจเนื้อหาที่สองหนุ่มกำลังถกเถียงกันอยู่เลยสักนิด



    ไลท์แอบถอนหายใจแล้วยันคางด้วยความเบื่อหน่ายเล็กน้อย



                             " มันเกิดขึ้นมาแล้ว เราหักห้ามมันไม่ได้หรอกครับ ชะตากรรมมันถูกกำหนดเอาไว้แบบนั้--" ไลท์หยุดพูดเมื่อคอเสื้อยืดถูกกระชากอย่างแรงจากคนทางด้านข้าง



                            " ต้องมีสักคนสิที่จะหยุดเรื่องแบบนี้ได้น่ะ ! " 


                            " เพ้อฝันจริง ๆ เลยนะครับรุ่นพี่เนี่ย...เรื่องแบบนั้นน่ะ...เทพศาสตราที่จะหยุดยั้งหายนะครั้งนี้น่ะ..." ไลท์ลืมตาขึ้นมองอีกฝ่ายแล้วพูดด้วยเสียงเรียบนิ่ง จนมาโมรุรู้สึกถึงพลังที่มีอำนาจจนเขายังรู้สึกกลัว...



                           " ไม่มี...ผมมองไม่เห็นคนที่ว่านั่นเลยสักนิด...หึ...สุดท้ายไม่ว่าจะมองไปทางไหน เเสงสว่างที่เป็นความหวังก็ช่างน้อยนิดเหลือเกิน..." 




                            " คุณลูกค้าครับ อย่าทะเลาะวิวาทกันเถอะครับ " เจ้าของร้านรีบเอ่ยเตือนทันที 



                            " แหม่~โษทีนะครับ~พอดีพวกผมคุยกันไม่ลงร่องนิดหน่อย แต่คืนดีกันแล้วล่ะครับ~" ไลท์ตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนจับมือมาโมรุที่กำเสื้อเขาเอาไว้ให้ปล่อยเขาลง พร้อมกับเดินไปสั่งเพิ่มอีกชาม เหมือนกับว่าไม่มีเรื่องเมื่อครู่เกิดขึ้น...




                              หายนะ....หายนะชัด ๆ...




    คนผมส้มข่มฟันไปมาด้วยความเครียด ช่างแตกต่างจากอีกคนที่โซยราเม็งอย่างสบายใจเฉิบ
















    นัยน์ตาสีน้ำตาลกระพริบตาปริบ ๆ แล้วเอียงศีรษะด้วยความใสซื่อพลางจิ้มนิ้วลงบนใบหน้าของอีกคนที่นอนหลับปุ๋ยเพราะความเหนื่อยล้าจากการไอตลอดทั้งวัน



                            " มาซาโตะ~มาซาโตะ~ตื่นได้แล้วนะ~มาซาโตะ~" ยูกะเขย่าคนผมเขียวที่นอนอยู่ก็ยังคงใส่ผ้าปิดจมูกป้องกันไม่ให้ยูกะติดเชื้อไปด้วยอีกคน



                              " มา~ซา~โตะ~" ยูกะยังคงเรียกอีกฝ่ายอย่างไม่หยุดหย่อน ก่อนเรียกอีกครั้งเสียงดังฟังชัด


                               " มาซาโตะ---" คนผมฟ้าแดงหยุดชะงักลงทันที เมื่อกลับมีอะไรบางอย่างลอยเข้ามาในสมองจนเขาปวดจี้ด




    มันเป็นภาพเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเขา เขาได้ยินเสียงหัวเราะของตัวเองกับคนมากมาย เสียงคุยกันอย่างสนุกสนาน




    หรือแม้แต่กระทั่ง เสียงร้องไห้คร่ำครวญของเขา





                   "ช่วยลบ...ช่วยลบเรื่องเลวร้ายนี่ออกจากหัวฉันที..." 



    เสียงของเขากำลังพูดคุยกับใครบางคน ในภาพความทรงจำนั้น เขากำลังเเหงนหน้าคุยกับใครคนหนึ่งอยู่




    เสียงของคนตรงหน้าที่ตอบกลับมามันช่างแผ่วเบาจนเขาไม่ได้ยิน 




                                   " ขอบคุณ..." 



    เสียงของเขากล่าวขอบคุณอีกฝ่าย ก่อนค่อย ๆ หลับตาลงอย่างช้า ๆ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินออกจากขอบตาที่ร้อนผ่าวจากการร้องไห้มาอย่างยาวนาน....


















    มาซาโตะสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาในเกือบเย็น  เขากวาดสายตามองไปยังนาฬิกาบนศีรษะทันที




                 ' บ่ายสาม ' เด็กหนุ่มลุกขึ้นก่อนเริ่มผิดสังเกตุเมื่อห้องมันเงียบผิดปกติเกินไป...




    เขารีบลุกวิ่งวนทั่วห้องพักหายูกะทุกซอกทุกมุน แต่ก็พบกลับความว่างเปล่า 



    มาซาโตะหน้าถอดสีก่อนรีบเปิดประตูวิ่งออกไปโดยไม่สนใจอาการของตัวเองเลยสักนิด



                  ' นายหายไปไหนเนี่ยยูกะ ! ' 














                             " ฮา...แฮ่ก...แฮก..." 



            แปล็บ....



                              " งึก ! " ยูกะขมวดคิ้วกับอาการปวดหัวขั้นรุนแรง ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเสียงรถที่ผ่านทางมา เสียงกริ่งจักรยานก็ทำให้เขาปวดหัว



    เสียงทุกอย่างที่ว่า กำลังกลายเป็นเสียงหัวเราะอย่างสะใจของอะไรบางอย่าง



                            " อย่ามายุ่งกับฉันออกไป ! " เด็กหนุ่มวิ่งพลางตะโกนเสียงดังอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น




    เขาตะโกนแข่งกับเสียงภายในหัวที่เริ่มหัวเราะดังขึ้น เสียงหัวเราะที่คล้ายกับการเยาะเย้ยเริ่มผิดเพี้ยนจนน่ากลัว....




    มันทำให้เขาอยากร้องไห้ออกมา...




          ตุบ !




    เพราะมัวแต่ขับไล่เสียงในหัวจนวิ่งชนเข้ากับอะไรบางอย่างจนล้มก้นกระเเทกพื้น ก่อนเเหงนหน้ามองทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง



    เจ้าของเรือนผมสีอ่อนก้มมองยูกะด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก ก่อนทอดสายตามองไปทางอื่นอย่างไม่สนใจพร้อมออกเดินไปโดยไม่เหลี่ยวหลังกลับมาอีก....





    ยูกะเบิกตากว้าง ก่อนจะนึกถึงใบหน้าของคนเมื่อครู่ เพราะเขาเคยเห็นอีกฝ่ายมาก่อนจากที่อื่นที่ดูต่างจากที่นี่



                       ' ยูกะ...' น้ำเสียงอันอ่อนโยนเรียกชื่อเขาก่อนที่ทุกอย่างจะเริ่มเลือนจนเขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...










                            " เทพศาสตราคนใหม่..." สุบารุเดินออกมาหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่มีคนมาชนเขา ก่อนกำผลึกแก้วอย่างแรงจนมันเเตกคามือ



                            " ต้องรีบกำจัดก่อนจะกลายเป็นภัย..." เเสงสว่างสีทองที่เริ่มปราฏขึ้นกลางหน้าผากเป็นรูปดาวสีทองตามดวงตาที่เเน่วเเน่ของเด็กหนุ่มทอเเสงสว่างจนรอบทิศเริ่มมืดลงอย่างรวดเร็ว...













    ปฐมบทของการเริ่มต้น



                                   始まりの始まり


    ( Hajimari no hajimari )
        





                                   ____________________



    จบไปแล้วนะคะสำหรับตอนเริ่ม แหม่~ก็คงสร้างความงงงวยให้อีกแล้วสินะคะ เพราะไรต์รีบนั่นเอง ดูจากเนื้อหาที่โคตาระตัดตอน555

    ตอนหน้า เเนะนำตัวละครตามสเต็ปนะคะ~

    ตอนละครนี่ไม่แน่นอนว่าจะมีกี่คน ไม่แน่จายจร้าา~


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×