คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : start something new...
Dream love to star
ฝากฝันรักสู่ดวงดาว
* ทุกอย่างที่ถูกเขียนไว้เป็นเพียงนามสมมุติเท่านั้น
ที่สุขุมวิท ประเทศไทย ปีค.ศ. 1996 เวลา09.00น.
“ตาล...เดี๋ยวยกของๆลูกขึ้นไปจัดก่อน ส่วนข้าวของๆแม่กับพ่อ แม่กับพ่อทำเอง... ห้องของลูกอยู่ริมสุดสีขาวนะ” ข้าวของรกรุงรังอันเนื่องมาจากการย้ายบ้านใหม่ของครอบครัวน้ำตาล เด็กสาวร่างสูงโปร่งที่มีนิสัยร่าเริงชอบพูดชอบคุยผมซอยสั้นประบ่า ผิวขาวอมชมพูแววตาเข้มแข็ง มองดูแล้วเหมือนชายปนหญิงยิ่งนัก สำหรับเธอการย้ายบ้านครั้งเป็นการย้ายบ้านครั้งที่3แล้ว...
“คะ” เด็กสาวตอบสั้นๆพลางมองสัมภาระของตัวเองก่อนจะยกขึ้นไปบนห้องของตน เมื่อขึ้นไปถึงห้องนอนที่ฉาบด้วยสีขาวของเธอ เธอก็บ่นอุบอิบแสดงความรำคาญใจเล็กน้อย
“เฮ้อ~ เบื่อจังยังมีเพื่อนได้ไม่เท่าไหร่ก็จากกันอีกแล้วนะ” เด็กสาวทำหน้ามุ่ย ก่อนจะลุกขึ้นมาเก็บข้าวของตนเอง เมื่อทุกอย่างเข้าที่ เธอก็จัดการกุลีกุจรเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายอันเหม็นเน่าจากการไม่ได้อาบน้ำมาหนึ่งวันเต็ม
เธอนึกขำตัวเองเล็กน้อย ที่อยู่มาได้ยังไงโดยไม่อาบน้ำมาหนึ่งวันเต็ม
หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาด หอมชื่นใจตามแบบของสาวน้อยร่างสูง เธอเชคดูที่กระจกเล็กน้อยแล้วจึงลงมายังชั้นล่าง
“แม่คะ ตาลหิวข้าวจังเลยทำกับข้าวให้ตาลหน่อยจิ นะนะนะคุณแม่สุดสวย~” สาวร่างสูงออดอ้อนผู้เป็นแม่ทำอาหารให้
“ไม่ต้องมาอ้อนเลยเรานะ ทำไมไม่หัดทำเองบ้างละ โตไปจะได้ทำให้แฟนกินไง” ผู้เป็นแม่สั่งสอนสาวน้อยตัวสูงแต่ดูเหมือนกับว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ฟังเลย
“ก็ตาลอยากกินฝีมือแม่คนเดียวนี่นา น้า~ทำให้ทานหน่อยนะคุณผู้หญิงแสนสวย” สาวน้อยร่างสูงออดอ้อนผู้เป็นแม่ยิ่งขึ้นจนผู้เป็นแม่ต้องยอมจำนน
“ก็ได้แต่เราต้องมาช่วยแม่ด้วยนะ” แม่ทำเสียงดุก่อนจะเข้าครัวพร้อมลูกมือตัวป่วนอีกหนึ่งคนที่ตามหลังไปติดๆ
หลังจากนั้นเวลาผ่านไป10นาที
“เสร็จแล้ว!!” เด็กสาวร่างสูงร้องออกมาด้วยความดีใจ ดวงตาแพรวพราวระยิบระยับ น้ำลายหยดออกมา เพราะอาหารที่ตนได้ทำออกมาเสร็จซักที
“ตาล... ไปเรียกคุณพ่อมาก่อนเดี๋ยวแม่ตักข้าวไว้รอ” คุณแม่พูดขัดทันทีที่เห็นเด็กสาวร่างสูงกำลังจะเขมือบอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ
เด็กสาวทำหน้าผิดหวังเล็กน้อยและรีบวิ่งไปตามคุณพ่อสุดชีวิต
“ทานละนะคะ” เด็กสาวพูดขึ้นก่อนจะลงมือสวาปามอาหารที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้า
“ตาล... ค่อยๆกินก็ได้เดี๋ยวติดคอหรอกลูก” ผู้เป็นพ่อปรามสาวน้อยแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะมุ่นอยู่กับการกินอาหารที่วางอยู่ตรงหน้ามากกว่า
“อุบ แคก แคก แคก” เสียงไอของเด็กสาวร่างสูงดังขึ้นหลังจากสวาปามอาหารเร็วเกินไปโดยไม่ดื่มน้ำตามเข้าไปเลย
“ไม่ต้องกลัวใครมาแย่งเราหรอก เฮ้ย... นี่ยังจะเพิ่มข้าวอีกเหรอเนี่ยเชื่อเลยลูกคนนี้” ผู้เป็นพ่อทำท่าหนักใจเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วงว่า ลูกเราเป็นผู้หญิงจริงรึเปล่าทำไมไม่มีความอ่อนหวานเอาซะเลย
“อืม... ตาลแม่หาโรงเรียนให้ลูกแล้วนะเดี๋ยวพรุ่งนี้แม่ไปส่ง”
“คร้าบบบ” เด็กสาวร่างสูงพูดก่อนจะหันไปม่วนกับการกินอาหารต่อ พลางคิดในใจว่าเพื่อนใหม่อีกแล้วเหรอเนี่ย... หวังว่าคงไปได้สวยนะ...
หันมาที่อีกฟากหนึ่งของประเทศ
ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ปีค.ศ.1996
“คุณหนูยูมิโกะคะ ตื่นได้แล้วคะคุณหนู” หญิงสาววัยกลางคนชาวญี่ปุ่นเรียกชื่อเด็กสาวแสนสวยที่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียง
“ใครว่าฉันอยู่ตรงนั้นละ ฉันอยู่ตรงนี้ต่างหากนามิ” เด็กสาวร่างเล็ก เงียบขรึมใส่ชุดยูกาตะนั่งบนระเบียงหน้าต่างดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนส่งมาให้หญิงสาววัยกลางคน
“คุณหนูคะ ได้เวลาแล้วคะ” หญิงสาววัยกลางคนพูดพร้อมฉีดยิ้มให้สาวน้อยร่างเล็ก
“ไปนะ เดี๋ยวก็กลับมาแล้วละ” เด็กสาวพูดขึ้นพร้อมเดินจากห้องของตนไป สำหรับยูมิโกะแล้วนามิเป็นแม่นมที่เธอรักมากที่สุดคนหนึ่ง เป็นเพียงคนเดียวที่เข้าใจเธอซึ่งผิดกับคนที่เป็นแม่แท้ๆของเธอเอง ถ้าไม่จำเป็นจริงๆจะไม่ถามเรื่องอื่นนอกจากการปฏิบัติตัวของเธอีที่โรงเรียน และวันนี้ก็เป็นวันที่เธอจะต้องไปแข่งขันจัดดอกไม้เพื่อเป็นชื่อเสียงของวงตระกูล
ถึงที่จัดดอกไม้เมืองเกียวโต
เมื่อหญิงสาวร่างเล็กก้าวเท้าลงจากรถลีมูซีนสุดหรูของแม่เธอก็ต้องเจอกับกองทัพนักข่าวมาขอสัมภาษณ์ หญิงสาวร่างเล็กทำได้เพียงแต่ยิ้มรับหน้ากล้องเท่านั้น เพราะผู้ตอบการสัมภาษณ์แทนเธอก็คือแม่ของสาวน้อยนั่นเอง
เมื่อเข้าไปในพิธีจัดดอกไม้ตามวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่น ทุกอย่างอยู่ในความเงียบสงัดเพราะต้องการชมความงามของหญิงสาวและความงามของดอกไม้ควบคู่กัน
“หมายเลข7 ซากิ ยูมิโกะ”
เสียงกรรมการเรียกชื่อคนต่อไปซึ่งคนต่อไปก็คือสาวร่างเล็กนั่นเอง เธอไม่มีท่าทางตื่นกลัวเลยแม้แต่น้อยมีเพียงความสง่างามของผู้ดี ควบคู่กับความงามของสาวร่างเล็กทำให้ผู้เป็นแม่ของเธอฉีกยิ้มร่าพร้อมชูคอเพื่อประกาศชัยชนะ
เมื่อพิธีจัดดอกไม้เสร็จสิ้นลงก็ได้เวลาประกาศชื่อผู้ชนะเลิศ
“คนที่ชนะเลิศการแข่งจัดดอกไม้ครั้งนี้คือ... คุณซากิ ยูมิโกะครับ”
หญิงสาวร่างเล็กเดินขึ้นไปบนเวทีเพื่อรับรางวัลด้วยท่วงท่าที่สง่างา และกลับมาด้วยท่าทางที่สง่างามเช่นเคยโดยมีผู้เป็นแม่ฉีกยิ้มร่าตามหลัง เมื่อจบการแข่งสองแม่ลูกก็เดินขึ้นรถคันหรูของพวกเธอกลับมายังคฤหาสน์ของพวกเธอ
และก่อนร่างเล็กจะลงจากรถผู้เป็นแม่ก็พูดขึ้น
“เดี๋ยว...ยูมิโกะทำได้ดีมากพรุ่งนี้แกจะต้องชนะพิธีชงชาให้ได้นะ ที่เหลือฝากด้วยละ” ผู้เป็นแม่บอกกับร่างเล็กก่อนจะนั่งรถออกไป
ร่างเล็กนึกในใจพลางคิดว่า อย่ามาหวังอะไรกับคนอย่างชั้นจะได้ไหม...
วันรุ่งขึ้นที่กรุงเทพ
“เฮ้อ~ น่าเบื่อจังเลยรถจะติดอีกนานมั้ยแม่” เด็กสาวร่างสูงถามด้วยท่าทีหงุดหงิดก่อนจะเปิดเพลงวิทยุฟัง
คอยเตือน...และบอกไว้อย่าเผลอไปมีใจให้กับเธอ
และไม่มีทาง...ที่จะเปิดใจ ...ที่จะปล่อยใจให้ผูกพัน
แต่ฉันมันคงเหงาอยู่เกินไป ก็เลยไม่อาจฝืนเก็บในใจ
ทุกครั้งที่เธออยู่ตรงนี้ ในใจคนๆนี้
ก็อยากบอกความจริงให้เธอรู้
**I think I love you ยิ่งคิดยิ่งมั่นใจ
Cause I miss you วันไหนไม่เจอเธอแล้ว
ใจมันจะลนลาน ดูมันเดียวดาย
ก็ใจมันร่ำร้องอยากพบเธอ
I'm falling for you ไม่รู้เพราะอะไร
Now I need you รู้เพียงแค่วันนี้
แค่มีเธอเคียงกาย มีเธอในใจ
ก็อบอุ่นไม่เหมือนอย่างที่เคย I love you
เราต่างกัน แต่ผูกพัน ฉันรู้ เป็นเพื่อนเธอคนหนึ่ง
ก็เราไม่เคยห่างกัน แต่คิดจะมาคบกัน ไม่รู้จะรักกันได้อย่างไง
ได้แต่คิดและทบทวนอยู่ในใจ ...ก็ยังมัวทนฝืนอยู่ทำไม
ทุกครั้งที่เธออยู่ตรงนี้ ในใจคนๆนี้
ก็อยากบอกความจริงให้เธอรู้
**
ก็ยังยืนยันอยู่กับใจตัวเองก่อน
ที่ยืนยันที่จะรักเธอเท่านั้น Oh! Yeah...
ก็ค้นรักที่ตามหา รอเพียงเวลาจะเผยใจกัน แต่ฉันยังกลัวๆ
แต่ฉันยังไม่กล้าบอกเธอ ให้รู้
**
ร่างสูงทำเสียงในลำคอประกอบกับเพลงที่เปิด โดยมีผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่ข้างๆยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางคิดว่า ลูกเราก็มีความเป็นหญิงเหมือนกันนะ
“แม่วันนี้วันอะไร” สาวน้อยร่างสูงพูดขึ้น
“วันกะ...ก็วันศุกร์ไง นี่ลูกไม่รู้เหรอ” ผู้เป็นแม่รีบปรามปากตัวเองทันทีเพราะเกือบหลุดสิ่งที่ไม่สามารถพูดออกไปได้
“เปล่า...” เด็กสาวร่างสูงพูดพลางหน้าทำหน้าเศร้าเล็กน้อยทำให้ผู้เป็นแม่เกือบหลุดปากหลายครั้ง และที่เธอถามคำถามนี้เพราะว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเธอ
“เอ้า...ถึงแล้ว เข้ากับเพื่อนให้ได้นะสู้ๆ!!” เด็กสาวหลุดจากความภวังค์แห่งความเศร้ามาแล้วหันไปยิ้มให้แม่ของเธอ ก่อนจะลุกออกไป
ที่โรงเรียนใหม่
“เอาละนะทุกคน วันนี้เรามีนักเรียนใหม่หนึ่งคน ขอให้เป็นเพื่อนกันไว้นะ”ครูประจำชั้นของเด็กสาวร่างสูงพูดขึ้น ทำให้ร่างสูงเกร็งนิดๆ
“สะ...สวัสดีคะชื่อวิทรานันท์ สุริยะกาลอายุ16ปีแล้ว ชื่อเล่นน้ำตาลยินดีที่ได้รู้จักฝากเนื้อฝากตัวด้วยด้วยนะ” ร่างสูงยิ้มและโค้งตัวอย่างสุภาพ
“งั้นเธอไปนั่งข้างหัวหน้าห้องนะ มินตราฝากเพื่อนด้วยนะ” ครูชี้ไปที่ที่นั่งข้างหน้าต่างซึ่งมีสาวสวยนั่งข้างๆโต๊ะของเธอ
“คะ” เด็กสาวตอบสั้นๆแล้วเดินไปยังที่นั่งของตัวเอง
“ดีจ้ะ ชื่อมินตรา มินตรา วิทยาวัลย์เป็นหัวหน้าห้องเรียกสั้นๆว่ามินก็ได้ยินดีที่ได้รู้จักนะ” สาวสวยข้างสาวสูงทักทายพร้อมรอยยิ้มแสนหวานทำให้สาวสูงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
“ยินดีเช่นกัน มินเรียกอย่างนี้ได้ใช่มั้ย” ร่างสูงถามแสนสวย
“ได้ซิ ไม่ได้จดลิขสิทธ์ไว้ซักหน่อย” สาวสวยพูดพลางหัวเราะร่างสูงทำให้ร่างสูงหัวเราะตามไปด้วย
“นี่...คุณหัวหน้าห้องกับนักเรียนใหม่ ครูจำได้นะว่าให้เราสองคนสนิทกันแต่ไม่ได้หมายความว่าคุยกันในห้องได้นะ” ครูทำเสียงดุก่อนจะหันกลับไปสอนต่อ
“เห็นมั้ยโดนดุเลย” สาวสวยที่นั่งข้างๆกระซิบบอกร่างสูง
“เพราะมินนั่นแหละ ทำให้ตาลโดนดุเลย” ร่างสูงบ่นกลับ
“อ้าว ก็ผิดทั้งคู่นั่นแหละ” สาวสวยโต้กลับ
“แต่ที่ผิดมินต่างหาก” ร่างสูงพูด
“กะ...”
“อะแฮ่ม”
ยังไม่ทันสาวสวยจะพูดขึ้นก็มีเสียงจากสาวใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างหน้าห้องขัดขึ้น ทำให้สาวสวยหยุดการสนทนาเมื่อครู่นั้นโดยเร็ว
ความคิดเห็น