ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กำเนิดเทพมารสวงสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #7 : กำเนิดที่ 6 : ยืดเส้นยืดสาย

    • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 61




         ข้าไม่คิดเลย เจ้านายของข้าจะอัจฉริยะขนาดนี้....


         แม้อายุจะแค่ 10 ปี แต่ถึงกับสามารถหลอมโอสถระดับจักรพรรดิได้ นับว่าเกินกว่าคำว่าอัจฉริยะจะเอาอยู่ ต้องอยู่ในระดับสัตว์ประหลาดหรือไม่ก็ลูกรักของพระเจ้าแล้วล่ะ...


    หลี่อิ่งคิดในใจในขณะกำลังเดินตามหลังเจ้านายผู้หน้าตาดีหล่อเหลา และเป็นผู้ชายที่ชกลิ้มฝีปากของเธอเป็นคนแรก คิดไปคิดมาหลี่อิ่งก็เอามือแตะลิ้มฝีปากแล้วหน้าก็ค่อยๆแดงขึ้นเรื่อยๆ


         " หลี่อิ่งเจ้า ปกปิดหูกับหางได้ไหม "


    ชิงหลางกล่าวด้วยความกังวลถ้ามีคนเห็นหลี่อิ่งในสภาพนี้คงวุ้นวายน่าดู


         " ได้แน่นอนเจ้าคะ "


    หลี่อิ่งหลับตาลง ไม่นานนักหูจิ้งจอกก็เริ่มจางหายที่ละนิดๆจากปลายหูจนถึงโค่นหู หางก็ไม่ต่างกัน หางทั้ง 5 เริ่มเลื่อนลอยหายไปทีละน้อยๆจากปลายหายถึงโค่นหางจนมองไม่เห็นอะไรแล้ว


         " งั้นพวกเราเดินทางไปยังเมืองกะนเถอะอยากรู้จริงว่าจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนกัน "


    ชิงหลางทำสีหน้าตื่นเต้นสุดๆจนแม้แต่หลี่อิ่งยังสัมผัสได้


         " แต่ก่อนอื่นจัดการสัตว์อสูรระหว่างทางเอาซากและดวงจิตถ้ามันมีล่ะก็นะ เอาไปขายกัน จะได้มีเงินใช้ "


    ชิงหลางหันกลับหลังไปพูดกับจิ้งจอกสาว


         " เจ้าคะ "


    หลี่อิ่งตอบกลับมาเป็นเชิงว่าเข้าใจสิ่งที่ชิงหลางบอกแล้ว


         ก้าวไร้จุดจบ


         ฟิบบ!!


    พอชิงหลางพูดตบก็หายตัวไปข้างหน้าอย่างดื้อๆจนทำให้สาวเจ้ากุ้มขมับที่ไม่ยอมบอกตนเองเลยว่าจะใช้วิชานั้น


         ก้าวไร้จุดจบ
      - วิชาเคลื่อนไหวความเร็วสูงผสมไปกับภาพลวงตา ( จะใช้หรือไม่ใช่ภาพลวงตาก็ได้ แล้วแต่ผู้ใช้ )



    หลี่อิ่งก็ใช้ด้วยเช่นกัน ก้าวแห่งแสง ความเร็วนั้นแม้จะเทียบไม่ได้กับ ก้าวไร้จุดจบแต่ก็ด้อยเพียงเล็กน้อยเนื่องด้วย ก้าวไร้จุดจบ ไม่เหมาะสมกับหลี่อิ่ง ทำให้ชิงหลางหาวิชาที่ดีที่สุดออกมาจาก หอสมุดอเลเดีย ซึ่ง ก้าวแห่งแสงเป็นเพียงรอง ก้าวไร้จุดจบ เท่านั้น


    ถ้ามีคนมาเห็นฉากนี้เขาคงจะหัวใจวายเพราะเห็นภูติพรายแน่ การเคลื่อนไหวของทั้งสองรวดเร็วคล้ายภาพติดตามองเห็นแต่จับต้องไม่ได้ โผล่ไปซ้ายที ขวาที ราวกับภูติพราย


         " หลี่อิ่งข้างหน้ามี อสูรระดับราชาสองตัว "


    ชิงหลางพูดผ่านทางลมปราณ


         " เจ้าคะ มันชื่อว่าหมาป่าทมิฬ พวกนี้มันชอบอยู่กันเป็นกลุ่มๆแต่ไม่รู้ทำไมมันเหลือแค่สองตัว "


    หลี่อิ่งที่ใช้ ก้าวแห่งแสง ตามมาเรื่อยๆก็ใบหน้าก็ปรากฏความสงสัย


          " เอาเถอะ ถือว่าพวกมันเป็นตัวลองวิชาก็แล้วกัน "


    ชิงหลางพูดจบเร่ง ก้าวไร้จุดจบจุดถึงขีดสุด หายแวบไปจากสายตาทันที หลี่อิ่งก็ไม่แพ้กัน ใช้ ก้าวแห่งแสงจุดถึงขีดสุดเช่นกัน


      โฮกกก
      โฮกกก


    หมาป่าทมิฬทั้งสองตัวขู่คำรามกัน ข้างหน้ามีร่างกวางระดับ กำเนิด ที่ไร้ชีวิตนอนอยู่ มันต่างส่งเสียงเถียงไปว่า อาหารนี้เป็นของข้า แต่แน่นอน อีกฝ่ายก็ไม่ยอม เพราะมันเดินและมาเห็นพร้อมกัน


        " ข้าเดินมาเจอก่อน "


         " ข้าสัมผัสมันก่อน "


         " ข้าฆ่ามันก่อน "


         " เปล่าข้าต่างหากที่ฆ่ามัน "


    ต่างเถียงกันไม่สนใจลอบข้าง การคำรามของแต่ละที สัตว์อสูรระดับต่ำต่างหลบหนีเข้าไปในถิ่นของตนเอง


         ฟิ้วๆ


    สัญชาตญาตของมันทั้งสองรับรู้ว่ามีอะไรบ้างอย่างกำลังมา พวกมันจึงตกลงกันว่า พักศึก ก่อน


    สิ่งที่กำลังมามันแยกออกเป็นสองทางซ้ายขวา ราวกับต้องการแยกหมาป่าทมิฬทั้งสอง หมาป่าทมิฬเค้นเสียงในลำคอ ' แยกแล้วทำไม พวกข้าแข็งแกร่ง ' พวกมันอยู่ในระดับราชา จะเรียกว่าในป่านี้มันแทบจะเป็นจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร


    ชิงหลางไปทางซ้าย หลี่อิ่งไปทางขวา ตอนที่หมาป่าทมิฬไล่ตามอยู่นั้น ชิงหลางได้ลดการใช้  ก้าวไร้จุดจบ ให้ช้าลง หมาป่าหมาป่าทมิฬจะได้มองเห็นการเคลื่อนไหว ใบหน้าที่ราวกับว่านี้เป็นเรื่องสนุก


         ' เราจะไม่ใช่พลังจิต '


         ฟิ้ว !! ตึก !!


    ชิงหลางหยุดอยู่กับพื้นแล้วหันหลังไปมองหมาป่าทมิฬ หมาป้าทมิฬก็ตกใจที่อยู่ๆเหยื่อของมันก็หยุดแบบดื้อๆแต่ก็ทำให้มันได้ใจเข้าไปใหญ่แล้วคิดว่า ' เหยื่อของมันคงหมดกำลังใจในการหนี '


    หมาป่าทมิฬมันเดินตรงไปข้างหน้าของชิงหลาง ทำสีหน้าท่าทางเยาะเย้ย ชิงหลางถึงกับมีเส้นบนหน้ากระตุกทันที


         " หน้ามันกวนบาทามาก อยากจะรู้จริงๆหมาป่าย่างมันจะอร่อยไหม "


    ชิงหลางเลียริมฝีปากราวกับว่าอีกไม่กี่นาทีจะได้กินข้าวเช้าเป็นแน่


         ฟิ้วว


    หมาป่าทมิฬไม่รอช้าเห็นเหยื่ออยู่ข้าง เร่งฝีเท้าพุ่งไปอย่างรวดเร็วตวัดกงเล็กที่แหลมคมเข้าใส่ใบหน้า แต่ ชิงหลางเร็วกว่า เบี่ยงลงไปทางขวา แล้วเตะไปยังกลางลำตัว


         ตูมม!!!


    หมาป่าทมิฬถูกอัดกระเดนไปกระทบกับต้นไม้ทันที มันลุกขึ้นมาแล้วคำรามอย่างโกรธเกลี้ยว


         โฮกกก


    เสียงคำรามสะท้อนไปทั่วบริเวณ ตาของมันเริ่มเป็นสีแดง สัญชาตญาตดิบของมันกำลังเผยออกมา มันเคลื่นที่ไปข้างหน้า ความเร็วมากกว่าเดิมถึง 10 เท่า ตวัดกงเล็บแบบเดิมเพียงแต่ชิงหลางหลบได้ ทว่า ต้นไมที่อยู่ข้างหลังชิงหลางต่างขาดเป็นสองท่อน


         โฮกกก


    มันคำรามอย่างโกรธที่มนุษย์หลบได้


    เสียงต่อสู้ที่ดังขึ้นไม่ไกลจากชิงหลางเท่าไร ถ้าให้เดาก็เป็นการต่อสู้ของหลี่อิ่งที่ใกล้จะจบแล้ว



          " ต้องปิดฉากแล้วน่ะ ข้า "



    ชิงหลางกระโดนถอยหลังไปไกลกว่า 5 ก้าว


         " ลาก่อน แล้วมาเป็นอาหารเช้าของข้า "


         ดัชนีสามสี


    ปรากฎเส้นแสงกว่า 10 เส้น กรีดอากาศพุ่งไปยังหมาป่าทมิฬด้วยความเร็วสูง หมาป่าทมิฬไม่ทันหลบก็ถูกเส้นนับ 10 แทงตายเรียบร้อย


    ย้อนกลับไป 10 นาทีก่อน


    หลี่อิ่งทำตามที่ชิงหลางกล่าว พาหมาป่าทมิฬอีกตัวหนึ่งไปทางขวา โดยใช้ ก้าวแห่งแสง พอเจอที่โล่งๆหลี่อิ่งก็หยุดใช้ก้าวแห่งแสงมองไปข้างหลังที่หมาป่าทมิฬจ้องอยู่ ตัวมันนั้นนิสัยและความคิดไม่ต่างกับตัวที่อยู่ด้ววกับชิงหลาง


    หมาป่าทมิฬตวัดกงเล็บกลางอากาศไปสองสามครั้ง


        ฟิ้วว


    หลี่อิ่งก็เบี่ยงเบนหลบได้ทุกครั้ง ต้นไม้ที่อยู่หลังหลี่อิ่งก็ขาดเป็นสองท่อน เพื่อที่ยะได้สภาพศพที่ดีที่สุด หลี่อิ่งใช้ ก้าวแห่งแสงหายวับไปข้างหลังหมาป่าทมิฬ


    หมาป่าทมิฬตื่นตัวสุดขีดแล้วหันหลังกลับ


         เฉาะ!!!


    หัวของมันโดนไม้แหลมๆแทงทะลุหัวไป ร่างไร้ชีวิตล่มลงไปกองกับพื้น


         " ชิงหลางคงไม่ว่าอะไรหรอก มีแผลนิดเดียวเอง "


    หลี่อิ่งกล่าวออกมาพร้อมใช้แหวนมิติดูดร่างหมาป่าทมิฬเข้าไป


    เดิสไปยังจึดที่แยกกันพบซากหมาป่าทมิฬที่มีแผลมากกว่า 10 ปรากฎอยู่


         " อันนี้พวกเราเอาไว้กินอาหารเช้าน่ะหลี่อิ่งมาทำกินกันเถอะ "


    ชิงหลางเอาไม้เสียบเนื้อแล้วเอามาย่าง กลิ่นที่หอมชุยแม้จะไม่หอมมากเพราะไม่มีเครื่องปรุง..


         งับบ...


    หลี่อิ่งกัดเนื้อย่างอย่างเอร็ดอร่อย น้ำไขมันก็ไหลเล็กน้อยตอนกิน


         " อร่อยมากเจ้าคะ "

         " อืม ข้าก็ไม่คิดว่ามันจะอร่อยขนาดนี้ ..งับ... สงสัยต้องกินบ่อยๆ "


       ณ ที่ที่หนึ่งเป็นรังของหมาป่าทมิฬตอนนี้มันกำลังนอนพักผ่อนกันอยู่แต่เหตุใดไม่รู้มันถึงหนาวสั่นแปลกๆ


         " หลี่อิ่งรู้ไหม เมืองที่ข้ากำลังจะไปเป็นเมืองอะไร "

    ชิงหลางที่กินอะไรเสร็จเรียบร้อยลุกขึ้นแล้วพูดออกมา



        " แม้ข้าจะไม่เคยเข้าเมืองมาก่อน แต่เท่าที่รู้จากมนุษย์ที่เข้าป่ามา รู้สึกจะชื่อ บุปผาสวรรค์ นะเจ้าคะ "


    หลี่อิ่งเอียงคอตอบอย่างน่ารักน่าชัง


        ' อยากปะทับริมฝีปากชะมัด '


    ชิงหลางคิดขึ้นมาเมืาอเห็นท่าทางของหลี่อิ่ง




    #อย่าลืม เม้น


    #อย่าลืม กดหัวใจ


    #เป็น กำลังใจ ให้ไรต์นะ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×