ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กำเนิดเทพมารสวงสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #14 : กำเนิดที่ 13 : อักขระ

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 64




         ตุบ! ตุบ! ตุบ!


    เสียงหัวใจของเซี้ยวหลานที่เริ่มเต้นแรงขึ้น ใบหน้าขาวนวลไร้ริ้วรอยเริ่มแดงอย่างช้าๆจ้องมองบุรุษตรงหน้าด้วยความรู้สึกอะไรบ้างอย่าง ผู้ชายที่เพื่อเธอถึงกับยอมมีเรื่องกับ 1 ใน 4 ตระกูลใหญ่ ผู้ชายคนนี้แหละที่เธอตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ ตั้งแต่วันที่เขาผ่านมาในชีวิต เพราะฉะนั้น...  



    เซี้ยวหลานส่ายหน้า พ่อกับแม่เธอเคยสอนเธอตั้งแต่เด็กว่า อย่าไปหลงกับความโกรธแค้น เพราะมันจะทำให้ชีวิตลงดิ่งสู่หุบเหวที่บางครั้งจะไม่สามารถปีนขึ้นมาได้อีก



    ชิงหลางแม้จะยุ่งอยู่กับคุณชายตระกูลจิว แต่เขาก็จ้องมองเซี้ยวหลานอยู่ตลอดเวลา ด้วยการที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน เขารู้ว่าเธอคิดอะไร ใบหน้าที่แฝงไปด้วยความโกรธเริ่มมีน้อยลง แม้จะยังมีอยู่ก็ตาม ชิงหลางยิ้มเล็กน้อยที่เธอจะค่อยๆควบคุมอารมณ์ได้แล้ว ถึงแม้ตอนที่ ชิงหลางพาเธอและหลี่อิงจะดูยิ้มแย้ม แต่หารู้ไม่ว่า ชิงหลางรู้ว่า เธอโศกเศร้าแค่ไหน ในตาก็ปรากฏความแค้นออกมาตลอดเวลา


         " ถึงอย่างนั้นมันก็ต้องได้รับบทลงโทษที่ทรมาณยิ่งกว่าตาย "


    เสียงที่เย็นชาจนถึงในการดูก ชิงหลาง ควบคุมเศษดินแถวนั้นก็ร่างมาเป็น ดาบสีน้ำตาล ที่พอใครมองก็ดูออกทันทีว่ามันสร้างมากจากดิน !!


         ฉึก!!


         อ๊ากกก!!


    ชิงหลางปรายตามองดาบที่ปักคาบนท้องของจิวซวง แล้วสลายดาบดินให้เป็นเศษดินเหมือนเดิม เลือดที่กระฉูดออกมาราวกับมีแรงดันเลือดสูงพร้อมกับมันที่กรีดร้องด้วยความทรมาณ มันกุ้มท้องด้วยความเจ็บปวดแล้วกลิ้งไปมาบนถนน พร้อมโศกเศร้าที่ตนเองตอนนี้ถูกทำลายการบ่มเบาะเรียบร้อย


         " หวังว่าพวกเจ้าจะไม่มาหาเรื่องพวกข้าอีก ไม่งั้น พวกเจ้าได้หายไปทั้งตระกูลแน่!!


    ชิงหลางหันหลังกลับโดยไม่มองไปข้างหลัง แม้จะดูเหมือนเป็นการประมาณศัตรู แต่ชิงหลางสามารถรับรู้สิ่งมีชีวิตในระยะรอบๆนี้ได้มันเรียกว่า ' สัมผัสวิญญาณ ' 1 ในทักษะที่ชิงหลางได้ลองฝึกดู เพราะว่าว่าง?เลยฝึก?


         " นี้ก็ดึกแล้วกลับกันเถอะ "


    ชิงหลางเดินมาข้างหน้าเซี้ยวหลานยิ้มแล้วกล่าวออกมา


         " คะ "


    เซี้ยวหลานเผยรอยยิ้มที่ดูสดใสที่ดูจริงใจ ทำให้ผู้ชายทั้งโลกคาระวะยกย่องให้เธอเป็นนางฟ้าทันที


    หลี่อิ่งที่เห็นว่าเซี้ยวหลานเริ่มอารมณ์ดี เธอก็ดีใจด้วย แม้ว่าเธอจะเป็นสัตว์อสูรแต่ใช่ว่าเธอจะอคติกับมนุษย์ไปหมดทุกคน


    ชิงหลางพาสองสาวเข้าโรงเตี๋ยมที่เคยมาแล้วครั้งหนึ่ง


         โรงเตี๋ยมบุปผาสวรรค์


         กริ้งๆ


    ชิงหลางเปิดประตูเข้าไป ได้ยินเสียงหัวเราะสนุกสนานของผู้ที่เข้าใช้บริการ


         " สวัสดีคะ "


    ชิงหลางพาสองสาวมายังเคาเตอร์บริการ สาวหน้าตาดีที่รู้สึกจะชื่อ ' ลู่เซี่ยน 'เป็นลูกสาวของโรงเตี๋ยมแห่งนี้


         " ข้าต้องการเปิดอีกห้องหนึ่งที่อยู่ข้างๆห้องนี้ "


    ชิงหลางยื่นป้ายห้องของตนเองแก่สาวสวยตรงหน้า ลู่เซี่ยนพยักหน้าเบาๆ แล้วถามขึ้นมาอีกครั้ง


        " กี่วันเจ้าคะ "


        " 7 วัน "


         " 70 เหรียญเงินเจ้าคะ "


         " อะ "


    ชิงหลางจ่ายเงิน ลู่เซี่ยนยื่นป้ายห้องมาให้ชิงหลางพร้อมกล้าวขอบคุณอย่างเรียบร้อย ชายน้อยใหญ่จ้องมองลู่เซี่ยนด้วยความหลงไหล ชิงหลางคิดใจว่า พวกมันมาที่นี้เพื่อส่องหญิงแน่ๆ ชัวร์ๆ


    ชิงหลางยื่นป้ายให้หลี่อิ่ง โดยให้ทั้งสองนอนด้วยกัน เขาเป็นผู้ชายการจะนอนกับผู้หญิงอาจดูไม่ดีเท่าไรสำหรับตอนนี้


         แอ็ดด~


    ชิงหลางเข้ามาในห้องนอนตัวเอง แล้วย่นก้นลงกับเตียงนอนทันที


    พลางลูบๆคลำๆแหวนมิติที่นิ้วซ้ายของตน พร้อมตัดสิ้นใจว่าจะเรียนอักขระ


         หอสมุดแห่งอเลเดีย


    ภาพรอบตัวชิงหลางพลันบิดเบี้ยว ตรงหน้า ปรากฎหนังสือที่ปล่อยกลิ่นอายแตกต่างกันไป ลอยอย่างสะเปะสะปะอย่างไม่มีระเบียบ ชิงหลางคิดโดยใส่คำสำคัญเข้าไป


         อักขระ


    หนังสือที่ไม่เกี่ยวข้องก็เริ่มจางหายไปเหลือเพียง แค่ 7 เล่ม ชิงหลางนอนอ่านนั่งอ่านยืนอ่านตลอด 7 วันเพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาทั้งหมด ขอบอกให้ว่าแต่ล่ะเล่ม โครตหนา!!


    ด้วยความที่หอสมุดแห่งอเลเดียเป็นคล้ายๆของขวัญที่ส่งชิงหลางมายังโลกนี้ ชิงหลางจึงสามารถควบคุมกาลเวลาได้อย่างง่ายดาย บอกเลย โกงโครตๆ


    เวลาข้างนอกก็ผ่านมาจนเช้าพอดี ชิงหลางอาบน้ำแต่งตัวให้ดูหล่อเหลามากกว่าเดิม ไหนๆเขาก็สาวๆมาอยู่ด้วยจึงต้องเพิ่มสเนห์สักหน่อย


    นับว่า อักขระใช้ง่ายก็ว่าง่าย ใช้ยากก็ว่ายาก มันต้องใช้ความชำนาญสูงทั้งยังต้องควบคุมลมปราณได้ดี เพราะมันต้องการใช้ลมปราณในการเขียนอักขระ ผิดตัวเดียว สลายทั้งหมด


    ผู้ใช้อักขระจึงไปทางด้านการสร้างอาวุธแทน ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตก็ได้เงินอย่างไม่ยากลำบากอะไร


    วันนี้ชิงหลางกะจะสอนวิชาลมปราณให้กับเซี้ยวหลานเพราะเพื่อให้เธอป้องกันตัวเองได้


    ในป่าอันดับ 8 ของอาณาจักร มีชายหญิงสามคน ที่ผู้ชายดันแว่นอากาศอย่างเท่ๆ พลางขยับมือสอนผู้หญิงคนหนึ่งโดยมีหญิงสาวสวยผมสีดำนั่งบนกิ่งไม้จ้องมองดู


         " ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นคือวิธีการใช้บ่มเพาะลมปราณโดยการใช้ เคล็ดววิชาเหมันต์นิรันดร์ ด้วยที่วิชานี้เหมาะสมกะบเจ้าที่สุด "


    ชิงหลางสอนวิธีการต่างๆหลี่อิ้งก็เดืนไปหาอาหารมาให้ ทั้งสามอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ความสัมพันธ์ของฟลี่อิ่งกับเซี้ยวหลานก็ดูพัฒนาไปด้วยดีแม้หลี่อิ่งจะเปิดว่าตนเองเป็นอสูรพัธสัญญาของชิงหลาง เซี้ยวหลานก็ไม่ได้ว่าแทบยังชอบหลี่อิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก


    จนเวลาร่วงโรยมาถึง 3 เดือน ด้วยกาาใช้เม็ดยาที่ชิงหลางปรุงให้ เซี้ยวหลานก็มีลมปราณอยู่ที่ หลอมรวมขั้นที่ 5 แล้ว


         ฝ่ามือเยือกแข็ง 



    เสียงกล่าวที่ฟังดูราบเรียบดังขึ้นพร้อมกับเสียง ฟู่ ฟู่ ทำให้สัตว์อสูรระดับ หลอมรวมขั้นที่ 6 แบ็งตัวตายทันที


    แม้จะอยู่ระดับหลอมรวมขั้น5 แต่คู่ต่อสู้ที่อยู่ระดับหลอมรวมทั้งหมดที่ยังเป็นผู้ใช้ลมปราณธรรมดาไม่ใช่คู่ต่อสู้แน่นอน ด้วยทักษะและเคล็ดวิชาระดับสูงพร้อมความชำนาญและความช่ำชองในการใช้


         " ข้าทำสำเร็จแล้วนะชิงหลาง "


    เซี้ยวหลานหันหลังกับมาพร้อมยิ้มแย้มอย่างน่ารักที่ถึงกับทำให้ชิงหลางอยากหยิกแก้มด้วยความหมั่นไส้ทันที แม้เธอจะอายุมากกว่าตนเอง 1ปีก็เถอะ


    รอบกายเซี้ยวหลานปรากฏสัตว์อสูรตั้งแต่ระดับก่อเกิดถึงหลอมรวม กว่า 20 ตัว รอยแผลที่เกิดขึ้นมักจะมีน้ำแข็งติดตามตัวอยู่ด้วย



          " งั้นกลับไปกินข้าวกันเถอะ ข้าหิวแล้ว "


          " จ๊ะ "


    ขอบอกไว้เลยสกิวการทำอาหารของหลี่อิ่งกับเซี้ยวหลานไม่ธรรมดา ข้าวแต่ละอย่างอร่อยสุดๆ


    มีสาวสวยอยู่ด้วยตั้งสองคน ผู้ชายทั่วโลกจงอิจฉาข้าซะ ฮ่าๆๆ~




    #อย่าลืม เม้น


    #อย่าลืม กดหัวใจ


    #เป็น กำลังใจ ให้ไรต์นะ






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×