ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สลับคู่จิ้น ให้ฟินเวอร์ 2

    ลำดับตอนที่ #8 : เสียงที่เปลี่ยน

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ย. 58



    ... เสียงที่เปลี่ยน คือ เสียงตรงมาจากหัวใจ ...

                   ผม กัปตัน คนที่มีความคิด มาก่อนการกระทำเสมอ ผมเคยควบคุมตัวเองได้ เคยมั่นใจในตัวเอง ถ้าวันนั้น ... ผมไม่ได้เจอคนๆนี้ คนที่เปลี่ยนโลกของผมไปตลอดกาล!!!

              
                   คนๆนั้น == คนที่มี จมูกโด่งคมสัน นัยย์ตากลมใส ผิวละเอียดเกลี้ยงขาว รูปร่างสมส่วน มาตรฐานชายไทย เป็นคนๆเดียวกัน ที่กำลังหื่น กระหาย อยากได้ครอบครองสรีระทุกส่วนของผม 


                   ริมฝีปากที่เคยหอมหวาน จูบแบบยั่วยวนอ้อยอิ่ง เริ่มปรับระดับ รุกคืบจนแทบจะกลืนกินทุกจังหวะลมหายใจของผม ฝ่ามือที่เคยปาดน้ำตาปลอบประโลม เริ่มลูบไล้ลงต่ำ ไปตามเนินเนื้อของสงวน แขนขาก็มีคนละ2ข้างเท่ากัน ทำไมผมไม่เคยตามฝ่ามือสุดสยิวนี้ได้ทัน เพียงไม่นานช่องทางรักของผมก็เย็นวาบ ไปด้วยเจลหล่อลื่น ปลายนิ้วของคนๆนั้นเริ่มดันมุดเข้ามาอย่างรู้งาน ผมหลุดเสียงกระเซ่าออกไปอย่างลืมตัว

    พี่ไวท์ : " ฟิตจัง ไม่โดนพี่นานแล้วเนี้ย อยากไหม? "

    ผม : " จะทำก็ทำเหอะ ไม่ทำก็นอน "

    พี่ไวท์ " ปากดี!!! "

    คำพูดและสายตาเจ้าเล่ห์ของพี่ไวท์ เริ่มทำให้ผมหวาดๆ แต่อารมย์นี้บอกตรงๆ อารมย์กลัวครับ ... 

     กลัวอดมากกว่า

    ริมฝีปากเลื่อนต่ำลงมาที่คอ ทุกจังหวะที่ผมคราง เหมือนมีลมหายใจอุ่นคอยประคองอยู่ ปลายนิ้วที่เคยขยับเข้า-ออก หยอกล้อเล่นเจล เริ่มเร่งจังหวะจนรู้สึกได้ถึงความจุกสะท้านทั่วร่าง ความเป็นชายของผมเด่นพร้อม ร่างกายผมตามสนองทุกจังหวะที่พี่ไวท์มอบให้ เหลือบเห็นยิ้มแสยะของมาเฟีย +++

               สองร่างที่นอนทับกันอยู่บนเตียงนุ่น ผมถูกฉุดดึงลุกขึ้น สองมือที่ลวนลามผมอยู่เริ่มอุ้มให้ผมลุกในท่าชันเข่ากึ่งนั่งกึ่งยืนอยู่บนเตียง แอบคิดจัง  " ว่าไปสรรหาท่ามาจากไหน? " จูบที่เร้าร้อนยังกระจายทั่วร่าง สองตุ่มถูกดูดเน้นเร้าจังหวะ ฝ่ามือคลึงอยู่ที่ปั่นท้ายคล้ายจะบีบให้แหลกคามือ ตอนนี้เข่าที่ชันเริ่มอ่อนแรง ร่างกายผมสั่นจนพี่ไวท์รู้สึกได้ พี่ไวท์เบรกกิจกรรมที่ทำอยู่ทันที หัวเราะ -- หึ หึ -- ในลำคอ

    พี่ไวท์ : " ร้อนว่ะ อาบน้ำดีกว่า!! "

    ผม : " ##$$&()+_)*(^$@@ ."

                ไม่มีอะไรจะพูดตอบ งง อึ้ง อ้าวววว..เฮ้ย!! ไอ้พี่บร้าาาา ( T _ T ) รู้ตัวอีกที พี่ไวท์ก็เดินหนีเข้าห้องน้ำไปแล้ว

    แบบว่า ทิ้งงงกรู.... ไว้กับอารมย์นี้อ่ะนะ

    สิ่งที่มันพร้อมรบ เด่นตระง่านตรงนี้ จะให้ทำยังไง ต้องปลอบมันยังไง อารมย์นี้ ผมคงต้อง..................................!!

    พี่ไวท์ : " ป่ะกัป อาบน้ำกัน "


                แล้วพี่ไวท์ก็เข้ามาได้จังหวะพอดี ดีที่ผมยังไม่ได้ทำอะไรน่าอายออกไป ผมไม่กล้าแม้แต่จะลุกขึ้น ได้แต่นั้งนิ่งและกดมันไว้อย่างนั้น " ป่ะๆๆ ร้อนเนอะ " เห้อๆ กรูไม่ร้อนนน... ผมตอบไปแบบนั้น มือที่สะกิดผมตอนนี้คงสัมผัสได้ ว่ายังสั่นอยู่ จากที่จับแค่แขน เริ่มโอบผมไว้ ผมได้แต่งนั้งก้มหน้า เดาว่าหน้าผมตอนนี้คงแดงผาด เลือดสูบฉีดตลอดยังนี้


               พี่ไวท์ คุกเข่าอยู่ที่พื้น สอดสองแขนเข้าโอบแผ่นหลังผม ฝ่ามือลูบไล้คล้ายจะหยอกล้อกัน ใบหน้าที่ผมหลงไหลเคลื่อนเข้ามาใกล้ ปลายจมูกที่ดันชิดเริ่มซุกซน ริมฝีปากจุ๊บเม้มเบาๆ  ผมสะดุ้งกับท่าทีแบบนั้นของพี่ไวท์ ผมเริ่มสับสนว่าจะมามุกไหน ... ไม่นานนัก บทจูบเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ผมไม่รีรอจูบตามอย่างลืมตัว ปลายลิ้นที่เกี่ยวพันกันพาให้ผมสั่นไปทั่วร่าง พี่ไวท์ดึงสาวแก่นกลางอย่างรู้งาน

    พี่ไวท์ : " ยังไม่พออีกเหรอ? " (มือสาวแก่น จนผมครางลั่น)

    พี่ไวท์ : . ชอบไหม? แรงอีกเปล่า? "

    ผม : " ปล่อย!! มรึงแกล้งกรู "

    พี่ไวท์ : " ยังปากดีอีก ให้กรูช่วยไหม? "

    เสียงกระซิบคีย์ทุ้ม ช่างยั่วยวน ให้ผมต้องการเค้ามากขึ้นอีก แต่ผมไม่กล้าที่จะพูดออกไปทั้งๆที่มันไม่ไหวแล้วววว ... รอยจูบที่เน้นไซ้ลำคอ เริ่มไล่ลงหาสองตุ่มที่แผงอก มือนึ่งลูบสไลด์อย่างออมมือ

    พี่ไวท์ : " พูดซิ ที่รักช่วยผมหน่อย?? "

    พี่ไวท์ : " ขอพี่ซิ พี่ทำให้กัปได้ทุกอย่าง "

               ผมรู้สึกอบอุ่นกับประโยคท้ายนี้มาก เหมือนมันออกมาจากใจ ไม่ใช่อยากล้อเล่นอีกแล้ว ผมพยายาม เปร่งเสียงกระเซ่าในเป็นภาษาที่เข้าใจได้ ว่าต้องนี้ผมต้องการเค้ามากแค่ไหน

    ผม : " ที่รักกก... ช่วยย โผมม หน่อยย "

              แล้วสิ่งที่ผมรอคอย พี่ไวท์ก็จัดให้เต็มที เราสลบไปพร้อมๆกันสิ่งที่ผมรู้สึกได้ตอนนี้ คือ .. เจ็บคอ และหิวน้ำมาก


              เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ถูกสวมใส่อยู่บนร่างผมแม้ว่าอุณหภูมิเมืองไทยจะเหยียบ40 แล้วก็ตาม แต่ผมก็จำใจต้องใส่มัน เพื่อช่วยอำพรางปกปิดร่องรอยรักที่ฝากไว้ ข้อมือที่เขียวช้ำจากการเกร็งจัด ยังเจ็บแปร่บๆ บางจุดยังปวดหนึบๆ แต่พี่ไวท์ก็ยังดึงดันจะมาสยามให้ได้ ทั้งๆที่เราก็กินข้าวกลางวันที่บ้านพี่ไวท์มาแล้ว บรรยากาศรอบตัวผมวันนี้ดูแปลกๆ สายตาของม๊าพี่ไวท์ที่โต๊ะอาหารทำให้ผมรู้สึกเขินประหลาด คำพูดที่แฝงความหมาย ทำให้ผมทำหน้าไม่ถูก ตอนที่โดนถามว่า " เจ็บคอเหรอลูก? " ก็ผมแทบไม่มีเสียงเลย คว้าแก้วน้ำมาถือได้ก็ยกกระดกไปหลายแก้ว 

             
    ผม : " เฮ้ย!! พี่ไวท์มาซื้อไรง่ะ "

    พี่ไวท์ : " เรื่อยๆ ก่อนกลับค่อยแวะซื้อยา "

    ผม : " ยาไร เป็นไรอ่ะ " (สายตาที่มองมาที่ผมตอนนี้ หื่นสุดๆ ไม่ต้องตอบกรูรู้แล้ว)

    พี่ไวท์ : " เจ็บมากไหม ขอโทษนะรุนแรงไปหน่อย ยาแก้ปวดช่วยได้!! "

             มือที่เอื้อมมาลูบหัวผมตอนนี้มันก็ดูอบอุ่นอยู่หรอกนะครับ ถ้ามันไม่รู้สึกแปลกๆตลอดเวลาน่ะนะ ทำไมถึงรู้สึกว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตา มีคนจ้องมองอยู่ตลอดแบบนี้ก็ไม่รู้สิ ทั้งๆที่คนรอบๆกายเราตอนนี้ก็ต่างคนต่างเดินเที่ยวเล่นอยู่


    ==> แป้ง <==
     
    แป้ง : " ม๊า!!  ม๊าเป็นไรคะ แป้งเรียกตั้งนานแล้วนะ "

    ม๊า : " ออ เปล่าลูก ม๊าแค่คิดอะไรเพลินๆนะ "

    แป้ง : " คิดเรื่องพี่ไวท์เหรอคะ? "

    ม๊า : " เปล่า!! มาก็คิดไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีไร "

    แป้ง : " ม๊าคะ ม๊าเคยเห็นพี่ไวท์มีความสุขแบบนี้มาก่อนไหมคะ "

    ม๊า : " ถามอะไรง่ะลูก "

    แป้ง : " แป้งรักม๊านะคะ แล้วม๊ารักแป้งหรือเปล่า? "

    ม๊า : " จะไม่รักก็ตอนนี้ล่ะ กอดม๊าแน่นเชียว จะอ้อนเอาอะไรอีกล่ะเรา "

    แป้ง : " ตกลงว่ารัก แล้วพี่ไวท์รักม๊า ม๊ารักพี่ไวท์หรือเปล่า "

    ม๊า : " ไม่มีแม่ที่ไหน ไม่รักลูกของตัวเองหรอกลูก!! "

    แป้ง : " แล้วพี่กัปตัน เค้าไม่ใช่ลูกม๊า ม๊าจะรักเค้าได้ไหมคะ? "

    ม๊า : " หนูรู้อะไรลูก "

    แป้ง : " ม๊าก็รู้อยู่แล้ว "

    ม๊า : " ความรู้สึกตอนยังเป็นวัยรุ่น มันอาจจะวูบวาบ เกินจะแยกแยะว่าคือรัก หลง ชอบ มีความสุข หรือแค่ไม่มีใครลูก ม๊าแค่ห่วงพี่เราวันนี้เค้ายังดีกัน เค้าก็มีความสุข แต่ถ้าวันนึ่งคนนึ่งเปลี่ยนไป เรื่องนี้ก็จะเป็นแค่ความทรงจำของคนสองคน พี่ไวท์จะเจ็บปวดไหม? เพราะดูพี่ไวท์จะแคร์มากกว่า "

    แป้ง : " ม๊า!! เราลองไปดูกันไหมคะ เวลาที่เค้าอยู่ด้วยกัน2คน "


                    ในสายตาของแป้ง ไม่มีใครแคร์ใครน้อยกว่ากันเลย ความห่วงใยที่พี่สองคนนี้มีให้กัน มันดูเหนียวแน่น วันเวลาที่เดินผ่านไปทุกนาที เรื่องราวของพี่สองคนนี้ มีแต่ความหวังดีมอบให้กันเสมอ เป็นการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ไม่หวังการยอมรับ แต่ในเมื่อแป้งเป็นน้อง และรับรู้ทุกอย่าง แป้งจะทำให้มันสวยงามบนโลกของความจริง

    ณ. สยาม

                 รอยยิ้มเจิดจร้าของไวท์ แววตาสื่อความหมายของเหม่ง เสียงหัวเราะสดใสของคนสองคน ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนๆ สิ่งทีีสองคนนี้ปล่อยออกมา คือกระแสแห่งความสุข ...

                ความสุขที่ ... คนเป็นแม่อย่างเราสัมผัสได้

                เหม่งน้อยยืนรอพี่อยู่หน้าร้านขายยา สีหน้าเอียงอาย หน้ากลมแต้มไปด้วยเลือดฝาด มองเห็นริมฝีปากอมยิ้มอยู่ไกลๆ เค้าแวะทำอะไรกันนะ? แล้วทำไมไม่เข้าไปด้วยกัน!!
    น้องไวท์เองก็ไม่ต่างกัน เดินออกมาหน้าแดงกร่ำ มือถือถุงยาเล็กๆ พยักหน้าน้อยๆแล้วพากันรีบเดินไป

    ฉัน : " ขอโทษนะคะ น้องผู้ชายคนเมื่อกี้เค้ามาซื้ออะไรเหรอคะ " 

    พนักงาน : " เออ!!คนไหนคะ หล่อๆหน้าขาวๆไหม? .. อ๋อ ซื้อยาแก้ปวดกับ...เจลคะ "

    ฉัน : (กลืนน้ำลาย เอียงอาย) " ขอบคุณคะ "


                ==== > < ==== ///// ==== > < =====

    >> " ม๊า ไวท์ออกไปเที่ยวกับเพื่อนนะ กลับดึกหน่อย ไม่ต้องรอ "
    >> " ม๊า ไวท์เพิ่งนอนตอนตี4นี้เอง จะรีบปลุกไปไหนเนี้ย "
    >> " ม๊าครับ ไวท์ก็แค่สอบตก ก็ข้อสอบมันยาก ม๊าเข้าใจไวท์ใช่ไหมอ่ะ "
    >> " โถ่!! ม๊า..เพื่อนไวท์เค้ามีกันหมดอ่ะ ไวท์ไม่มีก็เชยแย่ดิ "  
    >> " ไวท์โตแล้วนะม๊า น่าจะมีรถไว้ใช้เองได้แล้ว "  
    >> " ม๊า ไวท์ของเบิกค่าขนมก่อน ... จะซื้อของขวัญให้สาวอ่ะ "  

            ไวท์คนที่เคยต้องได้ทุกอย่างที่อยากได้ ... คนที่เคยอายเพื่อน ถ้าไม่มีอย่างใครเค้า ... คนที่เที่ยวเตร็ดเตร่ไม่สนใจเรียน ... คนที่เคยใช้เงินฟุ่มเฟื่อยซื้อนี่นั้นเพื่อมัดใจสาว ... คนที่เคยอยู่แต่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง //// 

            ไวท์คนนั้นหายไปไหน ... ใช่คนที่กอดม๊าอยู่นี้หรือเปล่า ซื้อของขวัญให้ในวันที่หาเงินได้เอง อยู่ติดบ้านอ่านบทละคร มาให้ม๊าสอนทำอาหาร ฮัมเพลงสบายอารมย์ตอนล้างรถ คนที่หนีบเด็กหัวเหม่งกลับมาบ้านแทบทุกวัน 

              มีอยู่ตอนนึ่งที่ไวท์ โพสต์รูปฮาๆของน้องแล้วมันดูไม่ดีสักเท่าไร เค้ารีบลบมันออกจากโซเชียลทันที แม้ว่ายังไม่มีใครว่าอะไรก็ตาม ... รู้สึกได้เลย ว่าเค้าแคร์และเริ่มคิดแบบผู้ใหญ่ 

          กริ๊งงงง .. กริ๊ง!! .. กริ๊งงงงง 

    แม่ : " สวัสดีคะคุณพี่ น้องนะคะ ขอโทษที่โทรมารบกวนดึกดื่น "

    แม่ : " ไม่รบกวนคะ เพิ่งจะส่งเด็กๆเข้านอน "

    แม่ : " ขอโทษแทนน้องไวท์ด้วยนะคะ พาน้องกัปตันมาค้างที่บ้านบ่อย ไม่รู้ขออนุญาติหรือยัง "  
    แม่ : " ไม่ต้องห่วงคะ น้องไวท์โทรบอกตลอด ขอบคุณมากที่ช่วยดูแลน้อง "  

    แม่ : " ถ้าคุณพี่ไม่รังเกียจ เมตตาลูกน้องสักคนนะคะ รับแกเป็นลูกอีกสักคน "   

    แม่ : " หมายความว่ายังไงคะ "  

    แม่ : " น้องเองก็ไม่รู้จะพูดยังไง ตั้งแต่ที่เด็กสองคนนี้ได้รู้จักกัน บ้านน้องก็มีแต่เรื่องดีๆ น้องไม่อยากให้คุณพี่รังเกียจลูกของน้อง ถ้าวันนึ่ง เออ... เด็กสองคนนี้จะ... "

    แม่ : " ถ้าน้องจะพูดในสิ่งที่พี่ก็พอจะรู้อยู่แล้ว .. พี่ไม่ได้รังเกียจอะไรนะคะ แต่ความที่เค้ายังเด็ก ความรู้สึกอาจเปลี่ยนแปลงได้ พี่ไม่อยากขีดเส้นอะไรให้ลูก พี่อยากให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเอง ถ้าถึงวันที่เค้าแน่ใจ หรือเค้าเหนื่อย เค้าไม่ไหว พี่พร้อมจะเป็นหลักให้มากกว่าคะ "  

    แม่ : " น้องรู้นะคะ ว่ามันยอมรับได้ยาก แต่ถ้าลูกของน้องรักใคร น้องก็รักด้วย " 


               บทสนทนาที่พรั่งพรูออกมาก คำพูดเหมือนปรับทุกข์เล่าสู่กันฟังตามประสาแม่ๆ แต่พูดๆไปก็เหมือนจะสู่ขอลูกของเค้ามากกว่า อยากเล่าในสิ่งที่มันเปลี่ยนไป สิ่งที่มันดีขึ้น ความสวยงามที่ได้มองเห็นเด็กทั้งสองอยู่ข้างๆกัน แม่น้องกัปตันเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ กลายมาเป็นที่ปรึกษาให้เองซะอีก จากที่เคยกล้าๆกลัวๆที่จะยอมรับ พอได้ฟังความรู้สึกของแม่คนอื่นยิ่งรู้สึกได้ว่าเราคิดถูก ที่เลือกความสุขของลูกมาก่อน ค่านิยมที่สืบต่อกันมาก ในสายตาคนอื่นจะมองเรื่องนี้ยังไง แต่ท้ายที่สุดมีแค่ลูกของเรา ที่สุข หรือทุกข์ มากกว่า   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×