คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่3 การถ่ายทำที่แสนจะวุ่นวายสำหรับผมและยัยลูกว้า...
บทที่3 การถ่ายทำที่แสนจะวุ่นวายสำหรับผมและยัยลูกว้า...
ผมกับยัยลูกว้านั่งรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย แล้วผมก็สนทนากับมันว่า วันหยุดสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ผมจะต้องถ่ายทำมิวสิควิดีโอ ผมจะหาสถานที่และบรรยากาศที่ดูแล้วอบอุ่นสบายตาตรงตามConceptของผม ผมกับมันจะต้องค้างแรมกันสองวันกับอีกหนึ่งคืน คราวนี้ล่ะผมคงจะปวดหัวกับความมากเรื่องของน้องสาวตัวแสบเป็นแน่ แค่อยู่ที่บ้านมันก็โขกสับผมไม่เว้นแต่ละวันอยู่แล้ว
แล้วก็มาถึงคราวของยัยลูกว้าบ้าง มันบอกกับผมว่าหลังจากงานถ่ายทำมิวสิควิดีโอของผมเสร็จสิ้นแล้ว ผมจะต้องหาวิธีที่ทำให้มันได้รู้จักกับชายหนุ่มในฝันของมัน ซึ่งผมก็คงไม่อาจปฏิเสธได้อย่างแน่นอน และมันก็มีการบอกกับผมอีกด้วยนะ ผมยังติดค้างเรื่องที่บอกว่า ผมจะยอมทำอะไรเพื่อมันก็ได้อย่างนึง นี่ล่ะน้องสาวที่แสนดีของผม ว่านอนสอนง่าย ผมล่ะหมั่นไส้มันเหลือเกิน
หลังจากที่เราทั้งคู่รับประทานอาหารกันจนอิ่มแปล้แล้ว ถึงเวลาที่ผมจะกลับไปพักผ่อนเสียที แต่ยัยลูกว้านี่สิจะไม่ยอมกลับบ้านท่าเดียว มันบอกว่าอยากไปนั่งดูดาวบนดาดฟ้าของร้านต้นน้ำก่อน
ถึงยังไงผมก็ต้องเออออไปกับมันอยู่ดี เพราะเวลานี้มันถือไพ่เหนือกว่าผม ถ้าผมไม่ยอมตามใจมันล่ะก็ มันคงจะไม่ยอมเล่นมิวสิควิดีโอให้กับผมแน่
เราทั้งคู่เดินขึ้นมายังดาดฟ้าที่มีหมู่ดาวพร่างพราวอย่างสว่างไสว ผมว่าข้างบนนี้อากาศเย็นสบายมาก มีเพียงคู่รักไม่กี่คู่ที่กำลังนั่งนับดาวบนท้องฟ้ากันอย่างมีความสุข ยัยลูกว้าก็แปลกคน พอมันชวนผมขึ้นมาบนนี้ทีไร มันก็มักจะทำอารมณ์ซึ้งอยู่เรื่อย แล้วนี่ก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่ผมต้องการให้มันมาเล่นมิวสิควิดีโอให้กับผม
พอผมได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้ทีไร ผมก็มักจะคิดถึงผักบุ้งอยู่เรื่อย เพราะผมเคยพาเธอมานั่งทานอาหารที่ร้านนี้อยู่สองครั้ง ครั้งแรกเป็นวันคล้ายวันเกิดของเธอ ผมเลยอยากทำอะไรให้เธอรู้สึกสไปร์บ้าง เอ๊ย! เซอร์ไพร์สิ ตอนที่เราทั้งคู่นั่งรับประทานอาหารกันอยู่ ผมได้ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่เธอไม่รู้หรอกว่าผมกลับบ้านเพื่อไปเอาของขวัญที่เตรียมเอาไว้
ผมหาตุ๊กตาหมีตัวใหญ่อยู่นาน หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ที่จริงแล้วยัยลูกว้ามันนึกว่าผมซื้อให้กับมัน ผมเห็นมันนอนหลับปุ๋ยอยู่ในห้องนอนพร้อมกับกอดเจ้าตุ๊กตาหมีอย่างมีความสุข ผมเห็นแล้วก็รู้สึกเอ็นดูมัน ตุ๊กตาหมีตัวนั้นผมเลยยกให้มันซะ
ผมจึงไปซื้อของขวัญชิ้นใหม่ให้กับผักบุ้ง โดยเป็นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่เหมือนกันแต่คนล่ะแบบ แล้วผมก็กลับไปที่ร้านต้นน้ำ ผมเห็นผู้จัดการของร้านกำลังเจรจากับเธออยู่ เธอหน้าซีดอย่างกับไก่ที่ถูกต้ม ก็ผมบอกว่าอาหารมื้อนี้ผมจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงเธอเอง แต่ผมหายไปนานมาก โดยที่เธอไม่รู้หรอกว่าผมออกไปเลือกซื้อของขวัญให้กับเธอ ผมดูที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือก็เห็นMiss call อยู่หลายสาย พอเธอเห็นหน้าผมเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับเจ้าตุ๊กตาหมีตัวใหญ่เท่านั้นแหละ เธอก็น้ำตาไหลทันที
ที่เธอร้องไห้ไม่ใช่เพราะซาบซึ้งกับการที่ผมได้เซอร์ไพร์ในวันคล้ายวันเกิดเธอหรอกนะ แต่เธอร้องไห้ก็เพราะว่า เธอนึกว่าผมได้ชิ่งหนีค่าอาหารมื้อนี้ไปซะแล้ว เพราะเธอก็มีเงินติดตัวไม่พอจ่าย ผมหัวเราะกับความหัวอ่อนของเธอ แล้วหลังจากที่ผมชำระค่าอาหารเรียบร้อยแล้ว ผมก็ชวนเธอขึ้นไปดูดาวบนดาดฟ้าของตัวร้านด้วยกัน เธอกลั่นแกล้งผมสารพัด ทั้งดึงหู หยิกแขน บีบคอ โอ๊ย! ผมล่ะเจ็บเหลือเกิน เธอบอกว่าเธอหมั่นไส้ผม ที่ทำอะไรโดยไม่คิดให้รอบคอบซะก่อน แถมปล่อยให้เธอกระวนกระวายใจอยู่คนเดียวได้อย่างไรกัน แล้วผมก็ไปส่งเธอที่บ้าน โดยที่เธออุ้มตุ๊กตาหมีตัวนั้นไว้ในอ้อมอก เธอบ่นว่าหนักชะมัด
ครั้งที่สอง...ผมชวนผักบุ้งมาที่ร้านต้นน้ำอีกครั้งเนื่องในวันเกิดของผม มีพ่อกับแม่ และยัยลูกว้ามาเลี้ยงฉลองกันด้วย เธอรู้จักพ่อกับแม่ของผมมาตั้งแต่สมัยเรายังเป็นเด็ก เพราะที่บ้านต่างก็เปิดเป็นร้านขายอาหารด้วยเหมือนกัน วันเกิดของผม ผมมีความสุขมาก แล้วเธอก็ให้ของขวัญผมด้วยการที่เธอสัญญาว่า เธอจะเป็นเพื่อนที่ดีของผมตลอดไป ผมอาจจะไม่รู้ความรู้สึกในใจของเธอ แต่เธอจะรู้หรือป่าวนะ ว่าตอนนั้นผมแอบชอบเธออยู่ หรือว่าเธอจะรู้ แล้วเธอก็ต้องการจะเป็นเพื่อนกับผมไปตลอด ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมคงต้องผิดหวัง ผมอยากเจอเธออีกซักครั้ง ถ้าผมสามารถมีเครื่องย้อนเวลากลับไปได้ ผมคงจะไม่ทำให้เธอรู้สึกเช่นนี้แน่ แต่ผมก็ไม่อาจจะทำลายความซื่อสัตย์ในใจของตัวเองลงได้หรอกนะ เพราะผมไม่สามารถโกหกตัวเองได้จริงๆ
ยัยลูกว้าสะกิดเรียกให้ผมมองดาวตก มันบอกให้ผมอธิฐานอะไรก็ได้เผื่อจะเป็นจริงดั่งคำขอ แล้วมันยังมีการมาสั่งผมอีกนะว่า ต้องอธิฐานให้มันได้ยินด้วย เพราะมันอยากรู้ว่าผมขออะไร
“เร็วๆ อธิฐานสิ จะได้เป็นจริงไง เค้าอธิฐานแล้วนะ”
ผมถามมันไปว่า มันอธิฐานเกี่ยวกับเรื่องอะไร ขนาดมันยังสั่งให้ผมพูดให้มันได้ยินเลย แล้วทำไมผมถึงจะรู้คำอธิฐานของมันบ้างไม่ได้ล่ะ
“เค้าขอให้พี่มะนาวพาเค้าไปเที่ยวบ่อยๆ ไปดูหนัง กินข้าว อย่างเช่นวันนี้ พอใจหรือยัง?”
ผมหัวเราะกับคำอธิฐานของยัยลูกว้า ถึงยังไงมันก็ยังเป็นน้องสาวที่น่าเอ็นดูของผมอยู่วันยันค่ำ แม้บางครั้งมันจะเอาแต่ใจตัวเองไปบ้าง ขี้งอแง ชอบฟ้องการกระทำของผมให้พ่อกับแม่รู้ งั้นก็ดีเลย ผมจะอธิฐานขอสิ่งที่ผมต้องการซะเดี๋ยวนี้
“งั้นผมขออธิฐานว่า ขอให้น้องสาวของผม หายดื้อ หายซน ไม่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ขี้ฟ้องพ่อกับแม่ ไม่โขกสับผมตอนเวลาที่อยู่บ้าน ทำอะไรเพื่อผมบ้างโดยไม่หวังผลตอบแทน และอื่นๆ อีกมากมาย”
ยัยลูกว้ามองผมอย่างเอาเรื่อง เมื่อได้ฟังคำอธิฐานของผม มันใช้สองมือหยิกเข้าที่แก้มทั้งสองข้างของผมและก็โยกไปมาอย่างพอใจ ไม่ใช่ผมไม่เจ็บนะ ผมเจ็บมาก แต่เอาเถอะ ยอมมันไปอีกซักวันจะเป็นไรไป
แล้วผมก็ขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางยัยลูกว้าคงจะเพลียมาก มันก็เลยผล็อยหลับไป ผมเลยหยิบเสื้อคลุมตัวนอกที่อยู่ทางเบาะหลังมาคลุมให้กับมัน
ผมปลุกยัยลูกว้าทันที เมื่อผมขับรถมาจอดยังลานจอดรถของตัวบ้าน โอ้โหมันยังขี้เซาอีกนะ ปลุกเท่าไหร่มันก็ไม่อยากตื่น แถมยังงอแงไล่ให้ผมไปไกลๆ อีก ผมเลยปล่อยให้มันนอนอยู่ในรถเอาไว้อย่างนั้น แล้วผมก็เข้าไปหยิบหน้ากากผีที่ชวนสยดสยองมาสวมไว้ ไม่อยากตื่นดีนักใช่ไหม ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ มัน แล้วร้องออกมาเท่าที่ผมคิดว่ามันจะหน้ากลัวที่สุด มันสะดุ้งทันที แล้วมันก็ร้องไห้ด้วยความตกใจ มันผลักผมอย่างแรง แล้วมันก็เข้าไปฟ้องพ่อกับแม่ ผมก็เลยโดนดุไปตามระเบียบ
ผมพยายามเคาะประตูห้องนอนของยัยลูกว้า เพื่อที่จะเอ่ยคำขอโทษ มันไม่ยอมเปิดประตูให้ผมง่ายๆ แถมมันยังไล่ให้ผมไปไกลๆ อีก แล้วผมก็บอกมันว่าอย่าลืมอาบน้ำก่อนนอนนะ เดี๋ยวตัวจะเหม็น และผมก็เดินเข้าไปยังห้องนอนของตัวเอง
ผมล็อคอินเข้าไปในโปรแกมMsn เผื่อหวังว่าจะได้พูดคุยกับผักบุ้งที่ล็อคอินเข้ามาใน
โปรแกมเช่นกัน แล้วผมก็ต้องผิดหวังที่ไม่ได้พบกับเธอ แต่อย่างน้อยก็มีน้องขนมปังปิ้งที่ล็อคอินเข้ามา
“สวัสดีค่ะพี่มะนาว โทรศัพท์หาหนูหรอคะ เห็นคุณแม่เล่าให้ฟัง มีธุระอะไรหรือป่าวคะ?”
“อ๋อ คือพอดีพี่กำลังหานางเอกมิวสิควิดีโออยู่น่ะ เลยอยากชวนขนมปังปิ้งมาแสดงให้หน่อย”
“ว้าว! นางเอกเลยหรอคะเนี่ย ดีใจจัง ว่าแต่หนูจะกลับไปทันอยู่ไหมคะ ถ้าได้เป็นนางเอกมิวสิควิดีโอจริงๆ คงดังระเบิดแน่เลย”
ผมไม่อยากบอกกับน้องขนมปังปิ้งหรอกว่า งานถ่ายทำมิวสิควิดีโอของผม เป็นแค่งานเล็กๆ ที่จะส่งให้กับบริษัทปลาคราฟฟิล์ม เพื่อที่ทางบริษัทจะพิจารณาอนาคตการเข้าทำงานของผม แล้วผมก็บอกกับเธอไปว่า คงจะไม่ทันหรอก ผมต้องส่งงานภายในอาทิตย์นี้ ส่วนผมก็หานางเอกคนใหม่แทนเธอได้แล้ว
“ว้า น่าเสียดายจังเลยนะคะ อาทิตย์หน้าหนูก็จะกลับไปเมืองไทยแล้ว คิดถึงบ้านมากๆ แต่ถ้าพี่มะนาวมีงานใหม่ๆ เข้ามาอีก อย่าลืมเรียกหนูไปแสดงด้วยนะคะ อยากเป็นดารากับเขามั่ง”
ผมบอกกับน้องขนมปังปิ้งไปว่า ถ้าผมมีงานใหม่เข้ามา แล้วผมได้เป็นผู้กำกับเอง ผมจะเรียกเธอให้ไปแสดงด้วย ซึ่งเธอก็ดีใจมาก
ผมคุยเรื่องทั่วๆ ไปกับน้องขนมปังปิ้ง เธออยากปรึกษาปัญหากับผมอยู่เรื่องนึง แต่เธอลังเลใจอยู่ ผมก็เลยบอกกับเธอไปว่า ถ้ายังไม่อยากเล่าให้ฟังก็ไม่เป็นไร แต่เธอนี่สิยังไงเรื่องนี้ก็ต้องปรึกษาผมให้ได้ ผมเลยบอกกับเธอไปว่า ค่อยๆ เล่า เดี๋ยวผมจะรับฟังเอง
“พี่มะนาวคะ พี่เคยชอบผู้ชายกับผู้ชายด้วยกันรึป่าว? คือหนูอยากรู้น่ะค่ะว่ามันรู้สึกยังไง?”
ผมไม่รู้จะตอบคำถามน้องขนมปังปิ้งอย่างไรดี หรือว่าเธอจะหาว่าผมเป็นพวกรักร่วมเพศ อาจจะไม่หรอกน่า แต่สมัยนี้เห็นเขาบอกกันว่า ผู้ชายมีอัตราส่วนน้อยกว่าผู้หญิง แล้วผู้ชายที่เจ้าสำอางผิวพรรณดูสะอาดสะอ้าน แต่งตัวเรียบร้อย ก็มักจะมีแนวโน้มเป็นพวกแอบแฝงชายรักชายอยู่ไม่น้อย ผู้หญิงก็เลยวิตกกังวลเรื่องหาคนที่จะมาเป็นชีวิตคู่ด้วย แล้วถ้ามารู้ตอนหลังว่าแฟนตัวเองเป็นตุ๊ด หรือเข้าข่ายเป็นพวกชาวสีม่วงล่ะก็ คงจะไม่มีกำลังใจทำมาหากินกันพอดี
ผมบอกกับน้องขนมปังปิ้งไปว่า ผมเป็นผู้ชายแท้100% และผมก็ไม่เคยคิดจะมีอารมณ์อย่างนั้นกับผู้ชายด้วยกันเป็นแน่
“คือว่าหนูกำลังหนักใจอยู่น่ะค่ะ หนูไม่รู้ว่าผู้ชายคนที่หนูคบอยู่ด้วยตอนนี้ เขาจะแมน100%หรือป่าว เราสองคนคบกันมาเกือบปีแล้ว และเขาก็ดูแลหนูดีมากๆ แต่ช่วงหลังมานี่ เขาดูแปลกๆ ไป หนูแอบเห็นพฤติกรรมประหลาดๆ ของเขาอยู่บ่อยๆ”
ผมเคยได้ยินมาอยู่เหมือนกันจากเรื่องของเพื่อนและเพื่อนอีกที (ดีนะที่ผมไม่เคยพบเจอกับคนใกล้ชิด) เพื่อนของผมมันเล่าให้ฟังว่า เพื่อนแถวบ้านของมันที่คบกันมานานมากๆ คนๆ นี้ไม่เคยจะเปิดเผยพฤติกรรมเกี่ยวกับเรื่องเบี่ยงเบนทางเพศให้ใครรับรู้เลย มีอยู่วันหนึ่งได้มีการจัดงานปาตี้สังสรรค์กัน เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ก็ทำให้คนๆ นี้เกิดอาการเมา แล้วมันก็จับเพื่อนของผมขังไว้ในห้องนอนกันสองต่อสอง พร้อมกับสารภาพว่าตัวเองเป็นเสือไบ หรือที่เรียกกันว่าเป็นกลุ่มชายรักชาย ดีนะที่เพื่อนของผมมันไม่โดนเสียความบริสุทธิ์ทางประตูหลัง มันหาจังหวะหนีออกมาได้ ไม่งั้นตราบาปก็คงจะติดตัวมันไปตลอดชีวิต นิทานเรื่องนี้มันก็เลยสอนให้ผมรู้ว่า ‘อย่าไว้ใจเพื่อนหรือคนใกล้ตัว ที่เรามั่นใจว่าเขาคงจะไม่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ ไม่งั้นเราจะเสียความบริสุทธิ์จากความเป็นชายแน่’ เหตุการณ์แบบนี้ผมภาวนาว่า ขออย่าได้พบเจอกับตัวเองเลย
“หนูแอบเห็นเขาไปเที่ยวกับเพื่อนผู้ชายสองต่อสองอยู่บ่อยๆ พอหนูแอบหลอกถามว่า วันนั้นได้ออกจากหอพักไปเที่ยวที่ไหนหรือป่าว เขาโกหกหนู เขาบอกว่าเขาไม่ได้ออกไปไหนเลย แถมบางครั้งเขาก็จะมีพฤติกรรมแปลกๆ อีกด้วย”
ผมเลยให้กำลังใจน้องขนมปังปิ้งไปว่าอย่าคิดมากเลย มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้ เพราะอย่างน้อยเราก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า เขาเป็นพวกชาวสีม่วงเต็ม100%หรือป่าว
น้องขนมปังปิ้งกล่าวขอบคุณผม ที่ผมได้มอบกำลังใจดีๆ ให้กับเธอ เธอบอกคงต้องไปแล้ว วันหน้าเธอจะเข้ามาแชทพูดคุยกับผมอีก แล้วเธอยังบอกอีกนะว่า เมื่อเธอเดินทางกลับถึงประเทศไทยเมื่อไหร่ เธอจะมารับประทานอาหารมื้อเย็นที่บ้านของผม ลึกๆ แล้วผมก็ดีใจมาก เพราะหลายปีที่ผ่านมา ผมก็ไม่เคยเจอหน้าเธอเลย เคยเห็นแต่ในรูปภาพที่เธอส่งมาให้ผมดูก็เท่านั้น
ก่อนนอน ผมส่งอีเมลล์ไปหาผักบุ้ง ผมบอกกับเธอไปว่า ผมอยากขอโทษที่ผมทำลายความเป็นเพื่อนของเราให้พังทลายลง ผมอยากให้เธออภัยให้กับความรู้สึกของผม ถ้าเธอยังเห็นว่าผมกับเธอยังสามารถที่จะเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้ ผมบอกให้เธอติดต่อกลับมา ผมคงได้แต่รอ และภาวนาว่าเธอคงจะเปิดอ่านอีเมลล์ฉบับนี้ของผม
ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ วันนี้อากาศสดชื่นดีเหลือเกิน ผมไปเคาะประตูห้องนอนของยัยลูกว้า เพื่อบอกให้มันตื่นมาทำบุญตักบาตรพร้อมกับครอบครัวบ้าง จิตใจจะได้เบิกบาน
แล้วมันก็ตอบกลับมาว่า ตัวผมจะทำเป็นคึกอะไรนักหนา เห็นตักบาตรแค่วันนี้กับเมื่อวานในรอบสามเดือน มันพูดก็ถูก สามเดือนมานี้ ผมตื่นเช้ามาตักบาตรแค่สองครั้งเท่านั้น
แล้วมันยังมีการบอกอีกนะว่า ถ้าผมไม่เสียใจกับเรื่องผักบุ้ง ผมจะยังตื่นเช้าขึ้นมาตักบาตรร่วมกับครอบครัวอยู่หรือป่าว ผมไม่โกรธมันหรอก เพราะที่มันพูดออกมาโดนใจผมไปเต็มๆ
ครอบครัวของเราตักบาตรร่วมกัน ผมรู้สึกว่าสองวันมานี้ จิตใจของผมเริ่มเบิกบานมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือป่าว แต่มันรู้สึกดีอย่างแปลกประหลาด
ผมขับรถไปส่งยัยลูกว้าที่ประตูโรงเรียน ผมบอกกับมันว่า พอตอนเย็นกลับมาถึงบ้านก็เตรียมตัวจัดกระเป๋าเดินทางได้เลย ผมจะพามันไปถ่ายทำมิวสิควิดีโอแถวชายหาด ผมอยากได้บรรยากาศริมทะเล ช่างโรแมนติกเหลือเกิน แต่ไปกับน้องสาวจอมวุ่นวาย ผมไม่รู้ว่าจะรับมือกับความมากเรื่องของมันได้หรือป่าว
ผมว่าผมจะเตรียมเต็นท์นอนไปกางตรงริมชายหาด เพราะมันประหยัดค่าโรงแรม แถมยังได้บรรยากาศที่เย็นสบายจากสายลมตอนกลางคืนอีกด้วย
แล้วผมก็เห็นหนุ่มในฝันของยัยลูกว้ากำลังเดินเข้าประตูโรงเรียน ไม่รู้ว่าผมคิดมากไปหรือป่าว ผมไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้เดินเคียงข้างควบคู่มากับผู้หญิงคนไหนเลย เขาไม่เคยคิดจะสนใจสาวน้อยน่ารักบ้างหรือยังไงกันนะ หรือว่าจะเป็นพวกอนุรักษ์ไม้ป่าเดียวกัน บุคลิกท่าทางก็เข้าข่ายชายหนุ่มเจ้าสำอางอยู่ไม่น้อย บ้าน่า ผมอาจจะคิดมากไปก็ได้ ผู้ชายสมัยนี้รักความเป็นอิสระมากจะตายไป ผมว่านะคนที่ครองความโสดได้นาน คนๆ นั้นย่อมมีเสน่ห์อยู่ในตัว ทำให้ดึงดูดฝ่ายตรงข้ามได้ง่ายเลยทีเดียว ตอนนี้ผมก็โสดอยู่เหมือนกันนี่น่า แต่ไม่เห็นจะมีแรงดึงดูดจากสาวน้อยคนไหนบ้างเลย แถมยังอกหักดังเป๊าะอีก คิดแล้วก็เศร้า
ไม่รู้เป็นเพราะอะไร อยู่ดีๆ ผมก็อยากจะเดินตามเจ้าหมอนั่นไปซะเฉยๆ ผมอยากรู้ว่ามันเป็นชายแท้100%หรือป่าว ถ้าไม่ใช่แมนอย่างที่ผมคิด ยัยลูกว้าคงจะผิดหวังน่าดู ผมต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า สิ่งที่มองเห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เห็นก็เป็นได้ ผมกลัวน้องสาวของผมต้องมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่า เพราะมารู้ทีหลังว่า ผู้ชายคนนั้นเป็นพวกรักร่วมเพศ มันเจ็บยิ่งกว่าเขามีคนรักแล้วซะอีก
ยัยลูกว้าเข้ามาสะกิดข้างหลังผม มันถามผมว่าเข้ามาในโรงเรียนทำไม เพราะมันไม่อยากให้เพื่อนๆ รู้ว่า มีคนคอยไปรับไปส่ง มันอาย โตจนป่านนี้แล้วยังมีคนคอยประคบประหงมอีก ดีแล้วล่ะที่มันคิดได้บ้าง ผมจะได้เลิกเป็นทาสคอยไปรับไปส่งมันเสียที ผมล่ะเหนื่อยใจจริงๆ
“ชู่ว เบาๆ สิ เดี๋ยวเขาก็ได้ยินหรอก ไม่ต้องตามฉันมา ไป เข้าห้องเรียนได้แล้ว” ผมบอกยัยลูกว้าว่าให้เดินไปเข้าห้องเรียน ผมกำลังจะแกะรอยตามล่าหาความจริงอยู่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าผมบ้าไปแล้วหรือป่าว ตัวผมอย่างกับนักสืบในการตูนร์ญี่ปุ่นแน่ะ
น้องสาวตัวแสบของผมทำหน้างง แล้วมันก็รู้ว่าผมกำลังแอบสะกดรอยตามชายหนุ่มในฝันของมันอยู่ มันดึงชายเสื้อของผมเอาไว้เพื่อไม่ให้ผมก้าวเดินตามไป แล้วมันก็เอ่ยถามผมอย่างเคืองๆ
“จะตามไปทำไม? มีอะไรน่าแปลกใจหรอ? กลับบ้านไปได้แล้วเค้าอายเพื่อน”
แล้วผมก็บอกความจริงกับยัยลูกว้าไปว่า ผมกำลังพิสูจน์ในตัวของชายหนุ่มคนนั้นอยู่ ว่าอันที่จริงแล้ว มันเป็นผู้ชายแท้100%หรือป่าว ดูจากบุคลิกท่าทางแล้วมันไม่น่าไว้ใจเลย เพราะสมัยนี้บรรดาพวกอีแอบทั้งหลายแฝงกายกันเยอะมากทีเดียว
ยัยลูกว้าโกรธผมทันที ผมหวังดีกับมันแท้ๆ มันฉุดแขนผมไปหน้าประตูโรงเรียน สายตาของนักเรียนชายหญิงต่างก็จ้องมองมาที่ผมกับมัน คงคิดในใจอยู่ล่ะสิว่าเราทั้งคู่เป็นแฟนกัน แล้วกำลังไม่เข้าใจกันอยู่
ยัยลูกว้าใช้ข้อศอกกระทุ้งเข้าที่หน้าท้องของผมอย่างแรง ช่างจุกอะไรมากขนาดนี้ ผมตัวงอจนจะเป็นกุ้งอยู่แล้ว มันบอกถ้ามันกลับไปถึงบ้านเมื่อไหร่ ผมกับมันจะต้องเคลียร์กันให้รู้เรื่อง ไม่งั้นมันจะไม่ยอมเดินทางไปถ่ายทำมิวสิควิดีโอกับผมภายในคืนนี้
ยัยลูกว้าลากผมไปที่รถ มันเปิดประตูแล้วดันผมเข้าไป มันแสบเหลือเกิน มันบอกไม่ต้องตามเข้าไปในโรงเรียนอีกแล้วนะ
“ลูกว้า ฉันหวังดีกับแกนะ ฉันก็แค่อยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้น มันจะแมน100%หรือป่าว ฉันไม่อยากให้แกต้องเสียความรู้สึกกับมันภายหลัง” ผมพยายามอธิบายเหตุผลเผื่อยัยลูกว้าจะเข้าใจในความหวังดีของพี่ชาย ซึ่งผมก็ยังจุกหน้าท้องไม่หาย
“ไม่ต้องมาพูดเลย ใครเขาจะคิดบ้าๆ แบบพี่มะนาวบ้างห๊ะ ไม่มีอะไรจะทำแล้วใช่ไหม ไปกลับบ้าน!”
มันขึ้นเสียงกับผม ทั้งๆ ที่ผมหวังดีกับมันแท้ๆ ผมแอบน้อยใจ กลับก็กลับสิวะ แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอก ซักวันผมจะพิสูจน์ให้ได้ว่า ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันแมน100%จริงรึป่าว คอยดูเถอะ!!!
แล้วผมก็ขับรถเพื่อที่จะกลับบ้าน ผมแวะซื้อหนังสือที่ร้านใกล้ๆ ก่อน ซึ่งหัวเรื่องเขียนเอาไว้ว่า ‘แอบพิสูจน์ความเป็นชายของคนใกล้ชิด’ หัวข้อก็เกี่ยวกับวิธีการสังเกตพฤติกรรมของคนใกล้ตัว ว่าเขาคนนั้นเป็นพวกไม้ป่าเดียวกันหรือป่าว
แล้วยังมีวิธีสืบเสาะหาข้อมูลเกี่ยวกับความลับในหลายๆ เรื่องของบรรดาคนที่เป็นพวกชาวสีม่วงอีกด้วย ผมว่าหนังสือเล่มนี้มันมีประโยชน์ดีนะ อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมได้รับรู้ว่า ชายหนุ่มในฝันของยัยลูกว้าต้องไม่ใช่ผู้ชายแท้เต็ม100%แน่ๆ !!! ผมขอฟันธงครับ
ผมกลับมาถึงบ้านพร้อมกับจัดสัมภาระต่างๆ ผมยัดกล้องวิดีโอ เต็นท์นอน ยาทากันยุงและของจำเป็นอีกส่วนหนึ่งลงในกระเป๋าเดินทางทรงปิกนิก แล้วผมก็ไม่ลืมที่จะหยิบหนังสือที่แวะซื้อมาใส่ลงไปในกระเป๋า ผมต้องระมัดระวังให้เป็นอย่างดี ถ้ายัยลูกว้าเห็นหนังสือเล่มนี้เข้าล่ะก็ มีหวังได้กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ น้องสาวของผมมันเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย
พอยัยลูกว้ากลับมาจากโรงเรียน ผมก็รอมันเก็บสัมภาระข้าวของใส่ในกระเป๋า กระเป๋าของมันใบใหญ่มาก ทำอย่างกับว่าจะเดินทางไปต่างประเทศยังไงยังงั้น ผมเห็นแล้วก็เหนื่อยแทน ไม่รู้จะเอาอะไรติดตัวไปกันนักกันหนา แม้แต่พัดลมมันก็ยังจะเอาไปด้วย ผมบอกมันว่าไม่ต้องเอาไป ผมจะใช้วิธีกลางเต็นท์นอนริมชายหาด ลมพัดเย็นสบายดีอยู่แล้ว น้องสาวผมหนอน้องสาวผม...
ผมเถียงกับยัยลูกว้าอยู่นาน เรื่องข้าวของเครื่องใช้ที่มันจะพกติดตัวไปด้วย ผมบอกว่าเอาแต่สิ่งของที่จำเป็นไปเท่านั้น ห่วงยาง ชุดดำน้ำ หรือแม้แต่ลูกบอลยางลูกใหญ่ที่สามารถให้คนเข้าไปอยู่ในนั้นได้ มันก็จะเอาใส่กระเป๋าไปด้วย ผมไม่ได้ไปเที่ยวหรือปิกนิกนะ ผมต้องไปถ่ายทำมิวสิควิดีโอ ซึ่งมันเป็นงานของผม โอ๊ย...จะบ้าตาย...น้องสาวผมมันยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่อีกหรือเนี่ย
แล้วสุดท้ายผมก็ต้องเป็นฝ่ายยอมมัน
น้องสาวของผมมันดื้อสุดๆ ยิ่งห้ามมันทำโน่นทำนี่มากเท่าไหร่ มีหรือที่มันจะฟัง เอาแต่ใจก็เท่านั้น ผมล่ะหมดคำพูดกับมันจริงๆ
ก่อนที่ผมจะขับรถออกจากบ้าน พ่อและแม่ของผมกำชับเป็นอย่างดีว่า ต้องดูแลยัยลูกว้าให้ดีที่สุด ห้ามมีรอยแผลแม้แต่ตำหนิเดียวเด็ดขาด ไม่งั้นผมจะโดนทำโทษโดยการอดอาหารมื้อเย็นของที่บ้านเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ แต่ไหนแต่ไรมาแล้วที่พ่อกับแม่ของผมดูแลมันอย่างกับไข่ในหิน ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม เพราะอย่างนี้แหละโตขึ้นมามันเลยได้ใจ มันไม่คิดถึงหัวอกของผมบ้างหรือไงกันนะ ว่าผมอดทนแค่ไหนกับนิสัยของมัน แต่เอาเถอะ...ถึงยังไงผมจะทำตามคำสั่งของพ่อและแม่ก็แล้วกัน
ผมเปิดคลื่นวิทยุฟังเพลงสบายๆ เพื่อเคล้าคลอบรรยากาศในขณะที่กำลังขับรถ นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้ยินเสียงคลื่นซัดสาด นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้สัมผัสกับหาดทรายเลย นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้สูดบรรยากาศของชายทะเล และนานแค่ไหนแล้ว...ที่ผม...
ยัยลูกว้าตัวดียื่นมือมาปิดคลื่นวิทยุของผม อารมณ์ผมค้างเติ่งทันที มันเป็นอะไรของมันอีกล่ะเนี่ย บางครั้งผมก็ไม่เข้าใจมันจริงๆ บรรยากาศเสียหมด เฮ้อ...
“ปิดทำไม? ฉันกำลังได้ฟิลอยู่แล้วเชียว” ผมเอ็ดยัยลูกว้า ที่กำลังทำตัวอย่างกะเด็กมัธยมต้น มันนั่งกอดตุ๊กตาหมีพร้อมทำหน้าบ๊องแบ๊วอย่างไร้เดียงสา ผมล่ะเกลี๊ยดเกลียดพวกที่ชอบทำเหมือนตัวเองเป็นคนที่หน้าตาน้อยกว่าอายุ แม้แต่น้องสาวของผมมันก็เป็นกับเขาด้วย
“เค้าไม่อยากฟัง เค้าจะร้องเพลง”
แล้วผมก็ต้องทนฟังเสียงร้องเพลงของยัยลูกว้าอย่างกับควายท้องแก่ ที่กำลังจะเบ่งลูกของมันออกมายังไงยังงั้น
ผมแนะนำให้มันไปเข้าคอร์สฝึกร้องเพลงให้ถูกคีย์ก่อนจะดีกว่า แล้วผมก็เอาเครื่องเล่นMp3เสียบเข้าไว้ในหู เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทนฟังเสียงของมัน
และแล้วก็ถึงจุดหมายปลายทาง...พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว นี่แหละคือบรรยากาศที่ผมใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต และผมก็ได้สัมผัสกับมัน กลิ่นหอมของชายทะเลอบอวลไปทั่วประสาทรับสัมผัสของผม เสียงคลื่นซัดสาดเข้าชายฝั่ง มันทำให้จิตใจของผมสงบลงไปไม่น้อย สายลมก็พัดพาความเย็นสบายดีเหลือเกิน และผมก็หยิบสัมภาระข้าวของลงจากรถพร้อมกับของของยัยลูกว้าด้วย มันไม่คิดอยากจะช่วยผมเลยหรือยังไงกันนะ มันเอาลูกบอลยางสูบลมเข้าจนพอง แล้วมันก็เข้าไปนั่งอยู่ในนั้นพร้อมกับลอยตุ๊บป่องไปมาบริเวณน้ำตื้นของชายฝั่ง ผมปล่อยให้มันร่าเริงไปก่อน พรุ่งนี้เช้ามันไม่มีทางจะได้สนุกสนานอย่างเป็นอิสระแน่ คอยดูเถอะ
ผมกางเต็นท์นอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว สัมภาระข้าวของทั้งหมดที่พกติดตัวมาก็อยู่ในนั้น ผมสั่งอาหารทะเลจากร้านบริเวณใกล้ๆ มานั่งทานกับยัยลูกว้าสองคน มันบอกว่าพรุ่งนี้มันจะให้ผมพามันไปดำน้ำดูปะการัง ผมบอกพอเลย ไม่งั้นมีหวังงานของผมคงจะเสร็จไม่ทันตามเวลาที่กำหนดเอาไว้แน่
“ไม่เอา! ไม่เอา! ไม่เอา! เค้าอยากดูปะการัง! มาทะเลทั้งที พี่มะนาวก็พาเค้าดำลงไปดูหน่อยไม่ได้หรอ” ยัยลูกว้าทำหน้าตาให้ดูน่าสงสารที่สุด ไม่มีทางที่ผมจะใจอ่อนกับมันเด็ดขาด ผมรู้แกวมันหมดแหละ
“ไม่ได้! ฉันมาที่นี่เพื่อจะทำงานให้เสร็จ ไม่ได้คิดจะมาเที่ยวเลยนะ พรุ่งนี้แกต้องตื่นก่อนหกโมง กินเสร็จก็เข้าไปนอนได้แล้ว ฉันจะนั่งทบทวนบทต่อ”
“โห อะไรกันเนี่ย ใจร้ายชะมัด มาทะเลทั้งทีนึกว่าจะสนุก ที่ไหนได้ งาน! งาน! งาน! พี่มะนาวบ้า! บ้าที่สุด!”
แล้วมันก็งอนผมตุ๊บป่องจนมันเข้าไปนอนในเต็นท์ ผมนั่งทบทวนบทก่อนที่ผมจะถ่ายทำในวันพรุ่งนี้ จุดไคลแม็กอยู่ที่ฉากจูบอันแสนซึ้งระหว่างผมกับมัน แล้วก็ยังเป็นฉากสุดท้ายก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน ผมหนักใจเหลือเกิน ที่ต้องมาแสดงบทเลิฟซีนกับน้องสาวสุดแสบของตัวเอง ไม่รู้ว่าจะราบรื่นหรือป่าวนี่สิ ความรู้สึกมันจะแปลกประหลาดขนาดไหนกันนะ คิดแล้วก็ไม่น่าเลย ถ้าผมหานางเอกมิวสิควิดีโอได้จริงๆ ผมจะไม่รบกวนให้มันมาแสดงให้กับผมหรอก แต่มันไม่มีทางเลือกแล้วนี่สิ ผมก็เลยต้องจำใจรับกับสภาพที่เป็นอยู่
...เอาน่า ผมคิดว่ามันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่คิดนักหรอก...
ผมเข้าไปในเต็นท์นอนเพื่อดูว่ายัยลูกว้าหลับสนิทแล้วหรือยัง ผมรู้สึกโล่งอกทันทีที่รู้ว่ามันหลับสนิทไปแล้ว ผมจะได้อ่านหนังสือเล่มที่ผมพกติดตัวมาด้วย คราวนี้ล่ะจะได้รู้กันไปเลยว่า ไอ้หนุ่มในฝันของน้องสาวผมมันต้องไม่ใช่ผู้ชายแท้แน่นอน
ผมศึกษาหาข้อมูลในหนังสือซึ่งให้ความเห็นว่า ผู้ชายที่เจ้าสำอางร้อยละ60%มีแนวโน้มเข้าข่ายต้องสงสัยเกี่ยวกับเป็นพวกรักร่วมเพศ บางคนจะไม่ยอมเปิดเผยความจริงให้ใครรับรู้ได้เลย อาจจะเป็นเพราะสังคมสมัยใหม่ยังไม่เปิดกว้างเท่าที่ควร แล้วในหนังสือก็ยังบอกเคล็ดลับเกี่ยวกับคนใกล้ชิดของเราให้รู้อีกด้วยนะว่า ถ้าอยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นพวกชาวสีม่วงหรือป่าวก็ให้พิสูจน์ดังนี้
แว๊ก!!! ผมจะบ้าตาย ไม่มีทางเด็ดขาด ในหนังสือเล่มนี้บอกเคล็ดลับให้ผมลองใช้สัมผัสร่างกายอันอ่อนโยน เช่นจับมือ ลูบแก้ม ลูบศีรษะ พร้อมกับส่งสายตาอันหยาดเยิ้มให้กับผู้ชายคนนั้น แค่ปราโมทย์เพื่อนสนิทของผมมันชวนให้ผมไปนอนค้างคืนที่บ้านของมัน ผมยังคิดแล้วคิดอีก หวาดระแวงเหลือเกินตอนที่มันดับไฟในห้องนอน มีผมกับมันอยู่กันเพียงแค่สองคน เวลาผ่านไปซักพัก มันจะลักหลับผมหรืออย่างไรก็มิทราบ มันยื่นมือมาโอบหน้าท้องของผมเอาไว้ ผมล่ะหน้าซีดเหงื่อแตกท่วมไปทั้งตัว พอมารู้อีกทีที่ไหนได้ มันดันละเมอ มันคิดว่าผมเป็นสาวๆ ที่มันชื่นชอบ และในวันนั้นผมเลยใช้หมอนข้างเป็นตัวแทนของผม ผมแทบไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางของมันดังอยู่ตลอดเวลา ผมไม่อยากนึกภาพเลยว่าเหตุการณ์มันจะเป็นอย่างไรต่อไป ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมก็ไม่กล้าไปนอนค้างคืนที่บ้านของมันอีกเลย
พอตอนเช้าตื่นขึ้นมา มันยังมีหน้ามาบอกผมอีกด้วยนะว่า ผมเป็นคนนอนดิ้นมาก จนทำให้ขาเตียงของมันแทบหัก...มันน่าไหมล่ะ...
ผมสะดุ้งตกใจทันที เกือบที่จะซ่อนหนังสือเอาไว้แทบไม่ทัน ยัยลูกว้าทำหน้าตางัวเงียตื่นขึ้นมากลางคัน มันบอกผมว่ามันอยากเข้าห้องน้ำ
“พี่มะนาว เค้าปวดฉี่ พาไปเข้าห้องน้ำหน่อย เค้ากลัวผี”
ผมบอกให้ยัยลูกว้าเดินไปเอง โตแล้ว ห้องน้ำก็อยู่ใกล้ๆ แค่นี้ เดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึง ทำเป็นกลัวผีไปได้
“ไม่เอา ไม่เอา เร็วๆ จะราดอยู่แล้วเนี่ย แค่พาเค้าไปหน่อยไม่ได้หรือไง”
แล้วผมก็ต้องเป็นฝ่ายพายัยลูกว้าไปปลดทุกข์
พอเราทั้งสองคนเดินกลับมาตรงที่เต็นท์นอนแล้ว ยัยลูกว้าดันถามผมเข้าว่า เมื่อตระกี้นี้ผมกำลังนั่งอ่านหนังสืออะไรอยู่ มันสังเกตเห็นว่าทำไมผมต้องทำตัวมีพิรุธด้วย เพราะมันเห็นผมกำลังสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากเป็นพิเศษ
“ไม่มีอะไรซักหน่อย ฉันก็แค่นั่งทบทวนบทเอ็มวี ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”
ผิดคาด ยัยลูกว้าไม่ยอมเข้าเต็นท์ไปนอน มันจะพยายามรู้ให้ได้ว่า ผมกำลังปิดบังอะไรมันอยู่
“ไม่นอน เมื่อกี้หนังสืออะไร ไหนขอเค้าดูหน่อย ถ้าเป็นหนังสือโป๊จะฟ้องพ่อกับแม่”
ผมนึกขึ้นได้ทันที แล้วก็หยิบหนังสือนวนิยายรักโรแมนติกที่ผมมักจะติดตัวเอาไว้อ่านเวลาว่างขึ้นมาให้ยัยลูกว้าดู
“นี่ไง หนังสือนวนิยาย เชื่อหรือยัง? ไปนอนได้แล้ว” ผมโล่งอกทันที ถ้ายัยลูกว้ารู้ว่าอันที่จริงแล้วผมกำลังอ่านหนังสืออะไรอยู่ มีหวังงานของผมในวันพรุ่งนี้เป็นอันไม่ต้องเสร็จกันพอดี
“อย่าให้รู้นะว่ามีอะไรปิดบังกันอยู่ ถ้ามารู้ทีหลังเค้าจะฟ้องพ่อกับแม่” แล้วยัยลูกว้าก็เดินเข้าไปนอนในเต็นท์
ผมสูดบรรยากาศของชายทะเลยามค่ำคืนซักพัก ผมชอบมันมากเหลือเกิน แล้วผมก็คิดถึงผักบุ้งอีกแล้ว จะทำยังไงดีหนอ ที่จะได้พบหน้าของเธออีกสักครั้ง เล่นหนีหายกันไปแบบนี้ ผมก็หมดปัญญาที่จะตามหาตัวเธอแล้วจริงๆ
และผมก็เข้าไปในเต็นท์นอน ผมง่วงมาก หนังตามันจะปิดลงเสียให้ได้ ยัยลูกว้านอนขดตัว มันคงหนาว ผมเลยหยิบผ้าห่มในกระเป๋าออกมาคลุมให้กับมัน มันกระดิกตัวแล้วหรี่ตามองผม
“เค้าไม่หนาว ห่มผ้าให้ทำไม”
“ทำเป็นพูดดี เห็นนอนขดตัวอย่างกะแมว ปากบอกไม่หนาว”
ยัยลูกว้าดึงผ้าห่มออกจากตัว มันดื้อตลอดแหละ ผมไม่สนใจไม่ห่มก็ไม่ห่ม ผมห่มเองก็ได้ แล้วพอตกดึก มันก็ดึงเอาผ้าห่มไปจากผมหน้าตาเฉย ถ้าละแวกนี้มีแมลงสาบซักตัว ผมจะจับใส่มันทันที แล้วผมก็เป็นฝ่ายนอนขดตัว ด้วยอาการของคนที่หน๊าว...หนาว
ผมตื่นขึ้นมาตอนตีห้ากว่าๆ เป็นตามคาด ยัยลูกว้าปลุกเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมตื่น มันบอกขอนอนต่ออีกห้านาที ผมเห็นมันพูดห้านาทีมาสามรอบแระนะ ผมปล่อยให้มันนอนต่อไป ผมออกจากเต็นท์เพื่อไปเตรียมสถานที่ของบรรยากาศในยามเช้า ผมต้องการความรู้สึกที่อบอุ่นของแสงแดดจางๆ
ฉากแรก...จะเป็นยัยลูกว้าที่กำลังนั่งเหม่อลอยคิดถึงคนรักที่ไม่ได้พบหน้ากันมาแสนนาน ผมจะให้มันนั่งกอดเข่าตรงริมชายหาด แล้วให้สายลมคอยพัดพลิ้วให้เส้นผมของมันปลิวไปตามแรงลม
เมื่อผมจัดฉากพร้อมกับตั้งกล้องวิดีโอเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็เข้าไปปลุกยัยลูกว้าในเต็นท์นอน ผมโกหกมันว่ามีแมลงสาบกำลังไต่แขนของมันอยู่ (ซึ่งอันที่จริงเป็นเปลือกหอยลื่นๆ) แล้วมันก็สะดุ้งสุดตัว แถมยังร้องกรี๊ดจนแก้วหูของผมแทบแตก มันลนลานสะบัดแขนขาไปมา ตลกชะมัด ผมเลยไล่ให้มันไปล้างหน้าพร้อมกับแต่งหน้ามาใหม่ด้วย ไม่งั้นจะไม่ทันเวลาที่ผมได้กำหนดเอาไว้
ผมคอยยัยลูกว้าอยู่นาน ผมเลยเดินไปทางห้องอาบน้ำ จริงดังคาด มันกำลังนอนซบเข้ากับที่นั่งบริเวณนั้นโดยไม่รู้สึกตัว ผมอยากจะบ้าตาย ผมเดินเข้าไปปลุกและบอกกับมันว่า ถ้าอีก10นาทีนี้มันยังทำภารกิจส่วนตัวไม่เสร็จล่ะก็ ผมจะไม่ยอมช่วยเหลือให้มันมีโอกาสได้พูดคุยกับชายในฝันของมันอย่างแน่นอน สุดท้ายมันก็ยอมผมแต่โดยดี
ยัยลูกว้ารีบจนทรงผมของมันดูกระเซอะกระเซิงไม่ได้รูป ผมเลยใช้ให้มันไปจัดทรงผมเสียใหม่
กว่าจะเริ่มถ่ายทำมิวสิควิดีโอฉากแรกก็ปาเข้าไปเกือบๆ ครึ่งชั่วโมง ผมบอกให้ยัยลูกว้าอินกับอารมณ์หน่อยได้ไหม มันแสดงอย่างกับหุ่นยนต์เลยล่ะ
“ฟิลลิ่งๆ รู้จักไหม? ทำหน้าตาให้มันซึ้งกว่านี้หน่อย เร็วๆ ด้วย มันจะสายอยู่แล้ว เดี๋ยวแสงจะไม่สวย”
ผมพยายามอธิบายยกเหตุผลร้อยแปดพันเก้ามาให้ยัยลูกว้ารับฟัง ผมล่ะเหนื่อยใจกับมันจริงๆ เฮ้อ...
“ก็เค้าทำหน้าซึ้งให้แล้วนะ ยังไม่พออีกหรอ?”
แล้วผมก็ให้ยัยลูกว้าแสดงใหม่อีกรอบ ถ้ามันยังไม่ผ่านเทคแรกมีหวัง งานของผมคงจะเสร็จไม่ทันเป็นแน่ คิดแล้วก็ปวดหัวตึ๊บๆ
ในที่สุดยัยลูกว้าก็ทำสำเร็จ เทคแรกของมันช่างยากเย็นเสียเหลือเกินกว่าจะผ่านพ้นไปได้ ผมเลยเข้าไปยีหัวของมันอย่างเอ็นดู มันสะบัดมือผมทิ้ง เหตุผลก็เพราะว่ามันกลัวทรงผมของมันจะเสียทรง แล้วหน้าตาของมันจะออกมาดูไม่ดี เมื่อการถ่ายทำมิวสิควิดีโอได้เสร็จสิ้นไปแล้ว
“อย่ามาขยี้หัวเค้าเล่นได้ไหม ถ้าเอ็มวีออกมาแล้วหน้าตาเค้าดูไม่สวย พี่มะนาวต้องรับผิดชอบนะ”
ก็ได้ ผมจะเชื่อคำพูดของยัยลูกว้า อย่างน้อยมันก็ใส่ใจในการแสดงครั้งนี้อยู่เหมือนกัน ผมนึกว่ามันจะทำไม่ได้เสียอีก เอาน่าการถ่ายทำของเรายังไม่เสร็จสิ้นลง ผมยังไม่อยากเอ่ยปากชมมันซักเท่าไหร่ เดี๋ยวมันจะยิ่งได้ใจ
ฉากที่สอง...ผมอ่านบทให้ยัยลูกว้าฟังว่า ตัวมันเองต้องเดินลงไปสัมผัสน้ำทะเล ระดับความสูงแค่หัวเข่าเท่านั้น พร้อมกับบีบน้ำตาให้ไหลลงมาด้วยความโศกเศร้า ดูซิว่ามันจะทำได้ไหม
“โอ้โห! ให้เค้าร้องไห้เนี่ยนะ! บ้าป่าว? อยู่ดีๆ จะทำอารมณ์แบบนั้นได้อย่างไงกัน สู้เอายาหยอดตามาใส่ แล้วให้น้ำตามันไหลเองดีกว่า ง่ายกว่าตั้งเยอะ”
“อย่าบ่นๆ จะไปยากอะไรกันนักกันหนา แค่ร้องไห้เท่านั้นเอง แกก็คิดถึงเรื่องเศร้าๆ สิ แล้วมีที่ไหนเขาให้ใช้น้ำยาหยอดตากัน ขอแบบมืออาชีพหน่อย เอ้า! พร้อมนะ! จะถ่ายล่ะ!”
ผมตั้งกล้องวิดีโอไปทางยัยลูกว้า มันกำลังเดินลงน้ำทะเล พร้อมกับทำสีหน้าของตัวเองให้ดูเศร้าหมองลง ผมคิดว่ามันต้องทำได้สิน่า จะไปยากอะไรกะอีแค่บีบน้ำตาให้มันไหล แล้วผมก็ต้องสั่งให้มันแสดงใหม่อีกรอบ เพราะมันไม่ยอมร้องไห้เสียที มัวแต่ทำหน้าเศร้า แต่น้ำตาของตัวเองกลับไม่ยอมไหล ผมล่ะหมดคำพูดกับมันซะจริงๆ
ผ่านไป3เทคก็ยังแสดงไม่ได้ 5เทคแล้วก็ยังแสดงไม่ได้ ผมเลยเดินเข้าไปตะคอกใส่มันอย่างรุนแรงโดยที่ผมไม่รู้ตัว มันน้ำตาซึมเลย ทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้แน่ะ
แล้วผมก็สั่งคัท ในที่สุดฉากนี้ก็ผ่านพ้นไปอย่างยากลำบาก ผมเข้าไปลูบหัวยัยลูกว้าเพื่อปลอบให้มันรู้สึกดีขึ้น เพราะผมตะคอกใส่มันแรงมาก มันผลักเข้าที่หน้าอกของผมอย่างแรง จนผมเสียหลักล้มไปทั้งตัว แถมเสื้อผ้าก็เปียกไปหมด ผมหมั่นไส้มันเหลือเกิน แต่อีกใจนึงก็นึกสงสารมันอยู่เหมือนกัน ผมรู้สึกผิดที่ใช้ถ้อยคำรุนแรงใส่มัน
ยัยลูกว้าเกิดอาการเคืองผมจนมันเดินหายเข้าไปในเต็นท์นอนเอาเสียดื้อๆ ผมเลยใช้เวลานี้ถ่ายทำการแสดงของผมโดยตั้งกล้องวิดีโอเอาไว้ ผมกำกับเองแถมยังต้องมาแสดงเองอีก รู้สึกลำบากก็ลำบาก แต่เอาน่า อนาคตอันสดใสรอผมอยู่ ผมจึงยอมจำใจเพื่อทำให้มิวสิควิดีโอเรื่องนี้ถ่ายทำออกมาให้ดีที่สุด
เมื่อผมถ่ายทำการแสดงบทของผมเสร็จแล้ว ผมก็เดินเข้าไปยังเต็นท์นอน เพื่อชวนยัยลูกว้าออกไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน มันไม่ยอมออกไปกับผม มันบอกว่ามันยังไม่หิว ตามใจมันก็แล้วกัน ผมไม่เชื่อหรอกว่ามันยังไม่หิว แต่เพราะมันยังงอนผมอยู่ มันก็เลยออกอาการดื้อไปตามนิสัยของมัน ผมตัดสินใจออกไปซื้อส้มตำกับไก่ย่างแถวนี้ เพื่อเข้ามาทานกับมัน
อาหารแถวนี้รสชาติดีทีเดียว ผมทานไปได้ซักพัก ยัยลูกว้าก็ทำท่าทีเขยิบเข้ามาใกล้ๆ ผมรู้หรอกน่าว่ามันหิวมาก แต่มันก็ยังวางฟอร์มอยู่ ผมเลยทำเป็นไม่สนใจมัน
“เค้าขอกินด้วยซิ” ยัยลูกว้าทำเสียงอย่างน่าสงสารเพื่อให้ผมใจอ่อน มันมักจะเป็นอย่างนี้อยู่เรื่อย ชอบทำเสียงออดอ้อนเวลาอยู่กับพ่อและแม่ ท่านทั้งสองเลยตามใจมันเกือบทุกเรื่อง แล้วมันก็ได้ใจจนกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเอง
“ไหนบอกไม่หิว? ฉันไม่ได้ซื้อเผื่อแกนะ” ผมโกหกยัยลูกว้า อันที่จริงผมซื้อส้มตำไก่ย่างมาสองส่วน มีของผมและของมัน แต่ส่วนของมันผมได้ซ่อนเอาไว้ แค่อยากจะดัดนิสัยมันเล่นๆ ก็เท่านั้น
“โห! ใจร้าย! กินก็กินคนเดียว รู้ป่าวว่าเค้าหิวมากแค่ไหน?” นี่ยังไงล่ะ ผมรู้นิสัยของมันดี ปากบอกไม่หิวแต่ท้องร้องจ๊อกๆ เชอะทำเป็นวางฟอร์ม
“เอาๆ รีบกินๆ นี่ของแก กินเสร็จจะได้ทำงานต่อ ฉันมีเวลาไม่มาก”
“โห! ส้มตำปูปลาร้าหรอ! แล้วเค้าจะกินยังไงเนี่ย กินไม่เป็น แถมตอนเย็นจะถ่ายฉากจูบไม่ใช่รึไง อย่างงี้กลิ่นก็แรงแย่เลยซิ”
เอาอีกแล้ว ยัยลูกว้าจอมมากเรื่อง มันจะไปยากอะไรกะอีแค่กินส้มตำปูปลาร้า ผมว่ามันอร่อยออกจะตายไป รสชาติออกเค็มๆ กลมกล่อมดี ถ้าใครพลาดคงจะเสียใจแย่
“ไม่เห็นยากเลย ถ้างั้นก็กินไก่ย่างไปสิ หรือถ้าอยากกินอย่างอื่นก็เดินไปซื้อเอาเอง รีบไปรีบมาด้วย”
“ไม่เอา! เค้าอยากกินส้มตำไท พี่มะนาวเดินไปซื้อให้เค้าหน่อย น๊า น๊า น๊า แล้ววันนี้เค้าจะทำตัวเป็นเด็กดีหนึ่งวัน”
แล้วสุดท้ายผมก็ต้องยอมเดินไปซื้อส้มตำไทให้กับยัยลูกว้า คิดแล้วก็เซ็งตัวเองชะมัด
ระหว่างที่รอยัยลูกว้ารับประทานอาหารกลางวัน ผมก็เดินออกไปจากเต็นท์นอน ฉากต่อจากนี้จะเป็นฉากที่นางเอกวิ่งเข้าไปหาพระเอกด้วยความคิดถึง แล้วฝ่ายนางเอกต้องสวมกอดพระเอกเอาไว้ โดยคิดว่าเขาจะไม่หนีหายไปจากชีวิตของเธออีก
พอยัยลูกว้าเดินออกมาจากเต็นท์นอน ผมก็อธิบายรายละเอียดต่างๆ ให้มันฟัง ผมบอกให้มันวิ่งเข้ามาสวมกอดผมอย่างคนรัก ส่วนผมจะต้องเป็นฝ่ายปลอบใจมัน พอจบฉากนี้แล้ว ก็ถึงฉากสุดท้ายที่ผมกับมันต้องมาสัมผัสริมฝีปากของกันและกัน คิดแล้วก็ขนลุกซู่ไปทั่ว อย่าว่าแต่มันเลยที่ไม่เคยจูบกับใครมาก่อน ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้มาเหมือนกัน แถมครั้งแรกยังเป็นน้องสาวของตัวเองอีก ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ใช่ไหม ที่เอาน้องสาวของตัวเองมารับบทบาทที่แสนจะอึดอัดขนาดนี้ เราทั้งคู่ไม่ได้เป็นคนรักกันซะหน่อย ทำไมผมต้องคิดมากขนาดนี้ด้วยนะ
เมื่อผมสั่งแอคชั่น ยัยลูกว้าก็วิ่งพรวดเข้ามาที่ตัวของผมอย่างรวดเร็ว เพราะความซุ่มซ่ามของมันที่ไปสะดุดเข้ากับขาตัวเอง ร่างบางเลยเสียหลักล้มมาทางผม ดีนะที่ผมพอจะมีสติอยู่บ้าง ผมเลยสวมกอดมันเอาไว้ได้ทัน แล้วเราทั้งคู่ก็ส่งสายตาปิ้งๆ ให้แก่กัน จนผ่านไปประมาณ5วินาที ผมและมันก็เบือนหน้าหนีไปคนล่ะทาง ถึงจะเป็นแค่การแสดงก็เถอะ แต่ความรู้สึกของผมมันร้อนๆ หนาวๆ ยังไงก็ไม่รู้ เมื่อคิดว่าฉากสุดท้ายกำลังจะมาถึง นี่ขนาดแค่ส่งสายตาให้แก่กันและกันยังมีปฏิกิริยาคล้ายๆ กับไฟฟ้าสถิตอยู่ในร่างกายยังไงยังงั้น แต่ถ้าลองเป็นฉากจูบอันแสนซึ้งล่ะก็ ผมไม่อยากคิดเลย เพราะผมกลัวไฟมันจะซ็อต แล้วร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมเดินไม่ตรง เพราะไฟฟ้ามันจะสปาร์คไปทั่วอวัยวะทุกส่วนของผม
ผมบอกให้ยัยลูกว้าไปนั่งทำอารมณ์ซักยี่สิบนาที ส่วนผมหรอ ไม่มีปัญหา สบายมาก ผมได้แต่ปลอบใจตัวเอง ที่ไหนได้ผมก็ยังกล้าๆ กลัวๆ อยู่อย่างนั้น
...ตายแน่ๆ มะนาวเอ๊ย...
“ไม่เอา แสดงเลย เค้าพร้อมแล้ว แค่ฉากจูบจะเป็นไรไป อย่าบอกนะว่าพี่มะนาวยังไม่พร้อม โธ่เอ๊ย ที่แท้ก็ยังป๊อดไม่เลิก เป็นผู้ชายแท้ๆ”
นั่นสิเนอะ ผมเป็นผู้ชายนะ ฝ่ายที่กลัวต้องเป็นยัยลูกว้าต่างหากไม่ใช่ผม ผมยอมรับแล้วล่ะว่าผมปอดแหกจริงๆ นั่นแหละ ก็ผมยังไม่เคยสัมผัสจูบแรกกับใครมาก่อนเลยนี่น่า ผมไม่ใช่พวกชำนาญในเรื่องแบบนี้ซักหน่อย ผมภาวนาขอให้เทคเดียวผ่านฉลุยเถอะ ผมไม่อยากมีความรู้สึกแบบคนรักกับน้องสาวของตัวเอง ถึงจะเป็นแค่การแสดงของผมและมันก็ตาม แต่มันก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่อารมณ์ของผมจะเข้าถึงตัวละครตัวนั้น นี่ผมกำลังจะเกิดความคิดอะไรบ้าๆ กับน้องสาวตัวเองล่ะเนี่ย เฮ้อ...มะนาวหนอมะนาว อย่าคิดฟุ้งซ่านได้ไหม
ยัยลูกว้ายืนมองตาแป๋วว่าผมจะทำอย่างไรกับมันต่อไป กล้องวิดีโอผมก็ตั้งเอาไว้พร้อมอยู่แล้ว ผมบอกให้มันหลับตาลงจะได้ไม่เกิดอาการเขินอาย
“หลับตาทำไม? ยังงี้ก็มองไม่เห็นกันน่ะสิ จะจูบก็จูบมาเลยเค้ารออยู่ เร็วๆ ทำตัวป๊อดไปได้”
ยัยลูกว้าท้าผมอย่างนี้มีหรือว่าผมจะยอม ผมกำลังจะใช้ริมฝีปากของตัวเองสัมผัสไปยังริมฝีปากของมัน...แต่แล้ว...ผมก็หยุดชะงัก
“เอ้า! ก็จูบมาสิ หยุดทำไม เป็นอะไรมากรึป่าวเนี่ย?” ยัยลูกว้าค้อนใส่ผมอย่างแรง ผมขอเวลาทำใจก่อนได้ไหม โอ๊ย! ไม่ไหวๆ ผมเป็นผู้ชายนะเนี่ย เรื่องแบบนี้ผมยังไม่กล้าทำเลย แล้วนับประสาอะไรกับชีวิตจริง โธ่เอ๊ย ชาตินี้ทั้งชาติไม่ต้องมีศรีภรรยาเลยจะดีกว่า
“ขอฉันไปแปรงฟันก่อนได้ไหม ส้มตำกลิ่นมันแรง เดี๋ยวแกอาจจะรู้สึกไม่ดี” ผมหาข้ออ้างไปเรื่อย อันที่จริงผมไม่ได้ต้องการที่จะไปแปรงฟันหรอก ผมแค่อยากยืดเวลาออกไปอีกหน่อย ซักนิดก็ยังดีน่า แต่แสงของพระอาทิตย์ก็เริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ ไม่ทันการล่ะ ถ้าผมยังมัวลังเลโอ้เอ้อยู่แบบนี้ มีหวังงานของผมคงจะเสร็จไม่ทันเวลาเป็นแน่ ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เป็นไงเป็นกัน
แล้วผมก็นับ 1...2...3... ผมตัดสินใจใช้ริมฝีปากของตัวเองสัมผัสไปยังริมฝีปากของยัยลูกว้าอย่างรวดเร็ว ผมคิดว่าคงจะไปได้สวยเลยทีเดียว เจ๋งชะมัด เทคเดียวผ่านฉลุยอย่างที่ผมต้องการเอาไว้เลย
แล้วผมก็ถอนริมฝีปากของตัวเองออกจากริมฝีปากของยัยลูกว้าอย่างช้าๆ อุณหภูมิในร่างกายของผมมันพุ่งสูงปรี๊ดจนวัดระดับไม่ได้เลยว่ากี่องศาเซลเซียส แต่ที่น่าแปลกไปกว่านั้น น้องสาวของผมมันไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือยังไงกันนะ มันมองผมตาแป๋ว แล้วประโยคคำพูดของมันก็ทำให้ผมเสียเซลฟ์อย่างแรง
ยัยลูกว้าบอกผมว่า ฉากจูบอันหวานซึ้งซีนนี้อย่างกับมีก้อนหินมากระทบปากของมันยังไงยังงั้น มันเลยไม่เกิดความรู้สึกอะไรที่แปลกประหลาดเลยซักนิด
แต่ที่แย่ไปกว่านั้น...ผมดันลืมตรวจสอบกล้องวิดีโอให้ดีเสียก่อนว่า ผมลืมกดปุ่มสตาร์ทเพื่อให้ตัวเครื่องทำงาน ว๊าก!!! อยากจะบ้าตาย ต้องถ่ายทำใหม่อีกรอบหรอกหรอเนี่ย คิดแล้วก็ปวดหัวตึ้บๆ
“อะไรนะ! ทำไมสะเพร่ายังงี้ล่ะ เค้าล่ะปวดหัวแทนพี่มะนาวจริงๆ ทีหน้าทีหลังก็หัดตรวจสอบให้ดีก่อนสิ นี่เค้าต้องโดนจูบอีกรอบนึงหรอเนี่ย?”
“เอาน่า ฉันก็ไม่อยากจะจูบกับแกนักหรอก ใครจะไปรู้ว่ามันจะเกิดเหตุแบบนี้”
ผมกับยัยลูกว้าต่างก็ปวดหัวไม่แพ้กัน แล้วผมก็กดปุ่มให้กล้องวิดีโอทำงาน ผมเริ่มเอียงใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ ริมฝีปากของน้องสาวตัวเอง พร้อมกับ...
ผมทำไม่ได้ คราวนี้ผมทำไม่ได้จริงๆ ความรู้สึกของผมมันไม่เป็นไปตามความต้องการของอารมณ์ ยัยลูกว้ายืนมองผมตาแป๋ว กำลังรอดูอยู่ว่าผมจะทำอย่างไรกับมันต่อไป
“มัวรออะไรอยู่ จะจูบก็จูบสิ หรือว่าจะให้เค้าเป็นฝ่ายเริ่มจูบพี่มะนาวก่อน เป็นผู้ชายแท้ๆ หัดกล้าหน่อยสิ แล้วอย่างนี้จะหาแฟนเองได้หรอ ขนาดแค่นี้ยังไม่กล้าเล๊ย”
ผมโดนยัยลูกว้าทับทมเป็นชุด แล้วมันก็ทำให้ผมมีความกล้ามากยิ่งขึ้น ผมตั้งสติใหม่อีกรอบ ผมใช้สองมือจับหัวไหล่ของมัน
...แล้วผมก็สัมผัสเบาๆ ไปยังริมฝีปากอันบอบบางของยัยลูกว้า…
ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ยัยลูกว้าผลักเข้าที่หน้าอกของผม และมันก็ใช้ฝ่ามือตบมาที่ข้างแก้มของผมอย่างแรง แล้วมันก็เดินหนีเข้าไปในเต็นท์นอน ผมยืนเอ๋อด้วยความงุนงงทันที ผมผิดอะไรหรอเนี่ย ทำไมมันต้องตบหน้าของผมด้วย ผมเดินไปตรวจดูภาพในกล้องวิดีโออีกครั้ง ผมเห็นแล้วก็พอใจที่ผมและมันแสดงอารมณ์ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติมากกว่าครั้งที่แล้ว งานของผมก็เสร็จสิ้นเสียที
และผมก็ใช้ฝ่ามือลูบที่แก้มของตัวเอง มันรู้สึกชาอย่างบอกไม่ถูก ผมอยากถามสาเหตุว่าทำไมมันต้องตบหน้าของผมด้วย ผมจึงเดินเข้าไปในเต็นท์นอน
“ลูกว้า แกเป็นอะไรของแก? ทำไมต้องตบหน้าฉันด้วย?” ผมเดินเข้าไปหายัยลูกว้าที่กำลังนอนหันหลังให้กับผม ผมได้ยินเสียงสะอื้นดังอย่างเบาๆ ผมไม่นึกว่ามันจะร้องไห้
มันเป็นคนพูดเองไม่ใช่หรอว่า ผมเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ไม่มีความกล้าอยู่ในตัว แล้วนี่ผมเป็นฝ่ายผิดยังงั้นหรอ ที่ผมใช้ความกล้าทั้งหมดด้วยการสัมผัสริมฝีปากของมันอย่างนุ่มนวล หรือว่ามันจะร้องไห้เพราะผมแสดงจริงจังมากเกินไป จนมันรู้สึกถึงความแปลกประหลาดในหัวใจของตัวเอง ยิ่งคิดผมก็ยิ่งสับสน ผู้หญิงนี่ก็ช่างมีหลากหลายอารมณ์เหลือเกิน
“ลูกว้า ร้องไห้ทำไม? ฉันขอโทษก็ได้นะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวคืนนี้ เราไปหาร้านอาหารอร่อยๆ ทานกัน ฉันตามใจแกเลยนะ”
“ไม่ต้องมายุ่ง! จะไปไหนก็ไป! เค้าอยากอยู่คนเดียว!”
ผมเกาหัวแกร๊กๆ โอ๊ย อยากจะบ้าตาย ยัยลูกว้ามาอารมณ์ไหนอีกล่ะเนี่ย ผมก็พลอยเหนื่อยใจกันไปด้วย ผู้หญิงนี่ก็ช่างมีอารมณ์ศิลปินอยู่ในตัวไม่เว้นแต่ละคน แล้วผมจะทำยังไงกับน้องสาวของตัวเองต่อดี เอาเป็นว่าการมาถ่ายทำการแสดงมิวสิควิดีโอในครั้งนี้ ผมจะให้พ่อกับแม่รู้เรื่องไม่ได้เป็นอันขาด ไม่งั้นมีหวังผมคงโดนไล่ออกจากบ้านแน่ โทษฐานที่ผมคิดอะไรบ้าๆ โดยการเอาน้องสาวแท้ๆ ของตัวเองมารับบทเป็นนางเอก ส่วนผมแสดงเป็นพระเอก แล้วในที่สุดเราทั้งคู่ก็มาจุมพิตกัน คิดแล้วก็ยิ่งกว่าปวดหัวเสียอีก นี่ถ้าผมปวดเส้นผมได้นะคงไม่เหลือแน่
“ลูกว้า...ห้ามบอกเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่ฟังนะ ฉันกลัวว่าท่านทั้งสองจะไม่สบายใจ ฉันผิดเองแหละ ที่ขอให้แกมาแสดงเอ็มวีให้กับฉัน ฉันรู้ว่าแกลำบากใจตอนที่เราเล่นฉากจูบด้วยกัน”
ยัยลูกว้าสะอื้นหนักมากขึ้นไปอีก ผมพูดอะไรผิดไปหรอ ทำไมมันถึงไม่ยอมหยุดร้องไห้ซะที ผมเลยทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ มัน พร้อมกับปลอบโยนด้วยการลูบศีรษะของมันไปมา
ยัยลูกว้าปัดมือผมทิ้งทันที ผมไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี ผมเลยตัดสินใจนอนลงข้างๆ ตัวของมัน แล้วผมก็เล่าเรื่องราวในอดีตสมัยตอนที่เราเป็นเด็กให้มันฟัง ผมหวังว่ามันจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“ลูกว้าจำได้หรือป่าว? ว่าตอนที่เราเด็กๆ แกเคยโกรธฉัน เรื่องที่แกอยากได้ตุ๊กตาหมีของฉัน แล้วสุดท้ายฉันก็ต้องยอมแก น้องสาวสุดหวงคนนี้ก็เลยได้ตุ๊กตาตัวน้อยไปอย่างสมใจอยาก ลูกว้ารู้ไหม ฉันรักและเอ็นดูแกมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนะ ไม่มีครั้งไหนที่ฉันจะไม่ตามใจแกเลย”
...ผมหวังว่าเรื่องราวต่างๆ จะทำให้ยัยลูกว้าคิดถึงมันขึ้นมาได้บ้าง...
ตอนสมัยที่ผมเป็นเด็ก ผมจำได้ว่า กลุ่มของไอ้มืดเด็กท้ายซอย แก๊งของพวกมันแสบเอาเรื่องเลยทีเดียว มีอยู่วันหนึ่งพวกมันเข้าไปล้อมหน้าล้อมหลังน้องสาวของผมเอาไว้ แล้วพวกมันก็เอ่ยแซวเหมือนในละครหลังข่าวไม่มีผิดเพี้ยน
‘ไปไหนจ๊ะน้องสาว? ให้พวกพี่ไปส่งไหม?’
ผมไปซื้อขนมแล้วเดินกลับเข้ามาหายัยลูกว้าพอดี ท่าจะไม่ดีเสียแล้ว! น้องสาวของผมกำลังตกอยู่ในอันตราย! แล้วช่วงระยะเวลานั้น ผมดูซุปเปอร์เรนเจอร์มากเกินไป ผมลืมคิดไปเลยว่าผมตัวคนเดียว แต่ฝั่งของพวกไอ้มืดมีสมาชิกเท่ากับหนึ่งทีมฟุตบอล ผมจะเหลืออะไรล่ะครับทีนี้ ซุปเปอร์เรนเจอร์ก็ซุปเปอร์เรนเจอร์เถอะ มันไม่ช่วยอะไรผมเลย ผมต้องเดินกลับบ้านทั้งๆ ที่ยัยลูกว้าเป็นคนพยุงร่างอันเละตุ้มเป๊ะของผมเอาไว้ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมก็ไม่อยากดูซุปเปอร์เรนเจอร์อีกเลย...
เสียงสะอื้นไห้ของยัยลูกว้าเบาลงแล้ว ผมบอกให้มันไปล้างหน้าล้างตาซะ ผมจะพามันไปรับประทานอาหารเย็น แถวร้านชายทะเลที่มีบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก
ความคิดเห็น