ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่2 ผู้หญิงคนไหนจะมารับบทเป็นนางเอกให้กับผมหนอ...
บทที่2 ผู้หญิงคนไหนจะมารับบทเป็นนางเอกให้กับผมหนอ...
ผมเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการตักบาตร ผมจำไม่ได้หรอกว่าผมทำบุญครั้งล่าสุดวันไหน และมันก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นอย่างแปลกประหลาด วันนี้ผมต้องออกไปหางานทำให้ได้ ผมต้องเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ดีกว่าจมปลักอยู่กับความโศกเศร้าอย่างนี้
ผมขับรถยนต์ไปส่งยัยลูกว้าที่โรงเรียนก่อนที่จะไปสมัครงาน มันพูดไม่หยุดปาก เล่าโน่นเล่านี่ให้ผมฟังไปเรื่อย แม้แต่เรื่องที่มันแอบรักผู้ชายคนหนึ่ง มันบอกว่าจะแกล้งทำผ้าเช็ดหน้าหล่นเพื่อให้เขาคนนั้นเก็บ ผมคิดว่ามันเป็นมุกอ่อยที่เชยระเบิด มันคงดูละครมากเกินไปจนเพี้ยนแน่ๆ ผมไม่อยากให้ผู้ชายที่โชคร้ายคนนั้นต้องเป็นเป้าหมายของมันเลย ผมหวังว่าเขาคงจะมองไม่เห็นผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นจนหลงเหยียบเข้าอย่างจัง
ผมรำคาญที่ยัยลูกว้าพูดไม่หยุดปาก ผมเลยยื่นมือไปเปิดวิทยุเพื่อใช้เสียงเพลงกลบคำพูดของมันซะ แต่มันรู้ทันผมแถมยังกดปิดเสียงวิทยุของผมอีก ผมอยากจะบ้าตาย ผมต้องทนฟังมันบ่นไปอีกนานเท่าไหร่กันล่ะเนี่ย
“พี่มะนาว เมื่อวานพี่ผักบุ้งขึ้นไปหาข้างบนห้องนิ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจอยู่ใช่ม๊า? เค้ารู้หรอกนะ”
ผมนึกว่าน้องสาวตัวแสบจะไม่รู้เรื่องราวความเจ็บช้ำของผมซะอีก ถึงยังไงผมก็จะไม่เล่าความจริงให้มันฟังหรอกนะ เรื่องอะไรที่ผมจะเล่าให้มันฟัง มีหวังมันคงล้อเลียนผมไม่หยุดแน่ๆ เป็นผู้ชายแท้ๆ กลับต้องมานอนร้องไห้ น่าอายชะมัด
“ไม่อยากเล่าให้เค้าฟังก็ไม่เป็นไร แต่รู้ไหมว่าเค้าอ่ะ แอบเห็นพี่ผักบุ้งร้องไห้ด้วยแหละ ร้ายนะเนี่ยเรา ทำให้ผู้หญิงร้องไห้ก็เป็นด้วย”
ผมอยากเอากำปั้นเขกกะโหลกยัยลูกว้าชะมัด นี่ถ้าไม่ติดว่าผมกำลังขับรถอยู่นะ มันโดนแน่ แต่ว่าผักบุ้งร้องไห้ด้วยหรอเนี่ย ผมไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเธอจะเสียน้ำตาในเรื่องนี้ด้วย
“อั่นแน่ อยากรู้แล้วล่ะสิ เค้าไม่เล่าให้ฟังง่ายๆ หรอกนะ แบร่”
มันน่านักเจ้าน้องสาวคนนี้ ผมล่ะอยากจับมันมาเขกกะโหลกซะให้เข็ดไปเลย ดื้อก็ดื้อ ขี้งอนก็เป็นที่1 แถมยังชอบเอาเรื่องที่ผมลงโทษมันไปฟ้องพ่อกับแม่อีก คิดแล้วก็อยากจะจับแมลงสาบโยนใส่หน้าของมันทันที
“ไหนเล่าให้ฉันฟังทีซิ” ผมก็อยากรู้เรื่องราวอยู่เหมือนกันนะ แหมปิดบังกันอยู่ได้
“จะให้เล่ากันง่ายๆ อย่างนี้เลยหรอไง มีอะไรแลกเปลี่ยนรึป่าวล่ะ?” ยัยลูกว้ามีข้อแม้ตามเคย ผมลืมไปอีกอย่างหนึ่ง ถ้าจะให้มันทำอะไรเพื่อผมโดยที่ผมไม่มีข้อแลกเปลี่ยนให้กับมัน อย่าหวังว่ามันจะลงมือทำอะไรให้ฟรีๆ
“จะเอาอะไรว่ามา?” ผมขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับมัน เอาเถอะถึงยังไงผมก็ต้องเป็นฝ่ายยอมมันอยู่ดี
“เย็นนี้หลังเลิกเรียน เค้าอยากดูหนัง ขับรถมารับด้วย แล้วหลังจากดูหนังเสร็จ เค้าอยากไปทานข้าวเย็นที่ร้านต้นน้ำ”
“พอเลยๆ เอาแค่อย่างเดียว จะเอาให้คุ้มเลยหรือไงห๊ะ”
“งั้นก็อย่าฟังเลย จอดตรงนี้แหละ เดี๋ยวเค้าเดินไปเองก็ได้”
“โอเคๆ อ่ะเล่ามา” สุดท้ายผมก็ต้องเป็นฝ่ายยอมยัยลูกว้า ก็ผมอยากรู้นี่น่าว่าผักบุ้งเสียใจมากขนาดไหน
น้องสาวตัวแสบของผมเล่าให้ฟังว่า ผักบุ้งเดินลงบันไดมาด้วยอาการของคนที่น้ำตานองหน้า เธอไม่ยอมตอบคำถามของยัยลูกว้าเลย ว่าทำไมถึงร้องไห้ฟูมฟายซะขนาดนี้ เธอเพียงแต่สั่นศีรษะไปมา แล้วรีบวิ่งออกจากประตูรั้วบ้านไปอย่างรวดเร็ว แค่นี้เองหรอกหรอ โธ่เอ๊ยผมอุตส่าห์ตื่นเต้น
“จบแล้ว วันนี้สี่โมงเย็น ห้ามลืมเวลานัดเป็นอันขาด ถ้ามาช้าแม้แต่วินาทีเดียว ที่นอนของพี่มะนาวคงเต็มไปด้วยรถด่วนตัวสีเขียวแน่” ดูมันพูดเข้า ตกลงมันเป็นพี่สาวของผมไปแล้วใช่ไหมเนี่ย ทำอย่างกับผมเป็นน้องชายของมันหรือเป็นคนขับรถให้อย่างงั้นแหละ คอยดูเถอะ ซักวันหนึ่งผมจะกำราบมันให้อยู่หมัดให้ได้ เจ้าน้องสาวตัวแสบ!!!
พอผมส่งยัยลูกว้าเข้าโรงเรียนไปแล้ว ผมก็ขับรถไปยังบริษัทภาพยนตร์ ที่ผมตัดสินใจจะสมัครเข้ามาทำงาน ผมไม่รู้หรอกว่าการสมัครงานเป็นอย่างไร ผมเดินเข้าไปในบริษัททันที
ผมยกมือไหว้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง แล้วผู้ชายคนหนึ่งที่ดูท่าทางจะมีอำนาจมากที่สุดก็เอ่ยถามผม
“มาสมัครงานใช่ไหม? จะเข้าแผนกอะไรล่ะ?”
ผมตอบโดยไม่ลังเลยเลย “ผู้กำกับภาพยนตร์ครับ” เพราะสิ่งนี้คือความฝันทั้งหมดของผม ก็ผมอยากกำกับหนังรักโรแมนติกซักเรื่องนี่น่า
เขาถามผมว่าเคยมีผลงานอะไรมาก่อนไหม ถามแม้กระทั่งคนในครอบครัวของผม ว่ามีใครเคยเป็นผู้กำกับภาพยนตร์มาก่อนหรือป่าว รู้จักผู้คนในวงการบันเทิงบ้างไหม แล้วเส้นสายล่ะพอจะมีบ้างหรือป่าว ถามกันตรงๆ เลยนะเนี่ย
คุณสมบัติทั้งหมดที่เขากล่าวมา ถ้าผมตอบออกไปว่าไม่มีเลยล่ะ เขาจะไล่คนอย่างผมให้กลับบ้านไปไหมนะ ทำไงได้ก็คนอย่างผมมันมีความฝันนี่น่า ให้โอกาสผมไม่ได้หรอ ผมก็รู้นะว่าเขาคงไม่ไว้ใจให้ผมทำงานในแผนกที่ผมได้ตั้งใจเอาไว้อย่างแน่นอน เขาคงกลัวว่า คนหน้าใหม่อย่างผมที่ไม่มีผลงานอะไรเลย มันไม่ควรจะเสี่ยงกับการลงทุนและลงแรง
...ผมตอบออกไปว่าไม่มี...
ชายคนนั้นพยักหน้า ผมเดาสีหน้าพี่แกไม่ออกเลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าให้ผมเดานะ พี่แกคงคิดว่าผมกล้าพอที่เดินเข้ามาสมัครงานในนี้ หรือไม่ก็ผมควรกลับบ้านไปซะดีกว่า คนที่ไม่มีประสบการณ์อย่างผม มันไม่คู่ควรที่จะมารับงานเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ เขาคงมองผมเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น
“ก็ได้ ผมจะรับคุณเข้าทำงาน แต่คุณต้องกำกับมิวสิควิดีโอโดยเป็นเพลงรัก และในเพลงๆ นั้นต้องมีฉากจูบ คุณทำได้ไหมล่ะ ถ้าคุณมั่นใจ ผมก็จะรับไว้พิจารณา”
ผมตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเลเลยล่ะ โอกาสที่ผมจะเปลี่ยนสถานะจากคนว่างงาน กลายมาเป็นคนที่มีการงานทำเป็นหลักเป็นแหล่งก็คงจะคราวนี้แหละ ผมวิจัยฝุ่นมาปีกว่า แบมือขอเงินพ่อกับแม่ใช้ไปวันๆ คงจะไม่มีประโยชน์อะไร สู้ออกมาหาประสบการณ์จากงานที่ผมใฝ่ฝันดีกว่า ดีนะที่ผมคิดได้ในตอนนี้ ถ้าผมปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ผมคงจะกลายเป็นคนขี้เกียจสันหลังยาวเข้าซักวัน
ผมเดินออกจาบริษัทภาพยนตร์โดยป้ายชื่อของบริษัทติดตัวอักษรเอาไว้ว่า ‘ปลาคราฟฟิล์ม’ ผมหัวเราะกับชื่อที่แปลกไม่เหมือนใคร รอผมก่อนนะ แล้วผมจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในที่แห่งนี้แน่นอน เป็นเหมือนปลาคราฟที่แหวกว่ายในลำธารอันสดใส แล้วผมก็เดินจากไปยังที่แห่งนั้น โดยหัวสมองของผมกำลังตระหนักอยู่ว่า ผมจะเลือกผู้หญิงคนไหนแสดงเป็นคู่พระนางในมิวสิควิดีโอของผมดี
ผมก็เคยผ่านการกำกับละครมาอยู่เหมือนกันนะ อย่าหาว่าผมโม้เลย ละครที่ผ่านการกำกับโดยฝีมือของผมได้อันดับหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าผมจะภูมิใจดีหรือป่าว เพราะตอนนั้น อาจารย์ให้นักเรียนในห้องแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม มีกลุ่มของผมและกลุ่มของปราโมทย์ ผมควรจะดีใจหรือป่าวหนอ
ปราโมทย์เพื่อนผู้ชายของผมคนนี้แหละ คือคนที่เป็นพ่อสื่อให้ผมกับน้องเชอรี่ สมัยตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยมเราเป็นเพื่อนสนิทกัน ระยะหลังๆ มันหลบหน้าผม ก็เพราะเรื่องของน้องเชอรี่คนนี้แหละ ผมโกรธมันอยู่เป็นเดือน ส่วนมันก็แอบชอบน้องสาวของผมอยู่ ไม่มีทางที่ผมจะยอมให้มันได้สมหวังกับยัยลูกว้าเด็ดขาด
ลึกๆ ในใจแล้ว ผมก็หวงน้องสาวอยู่เหมือนกันนะ ถึงแม้นิสัยของมันจะบ้าๆ บอๆ ตามประสาเด็กวัยรุ่น แต่ความน่ารักของมันที่มีอยู่บ้าง(อันน้อยนิด)ก็สามารถดึงดูดสายตาของชายหนุ่มได้เช่นกัน
ถ้าวันใดวันหนึ่งยัยลูกว้าดันไปมีแฟนเข้าจริงๆ คนที่เป็นพี่ชายอย่างผมคงจะเหงาปากเป็นแน่ ถึงยังไงตอนนี้ผมก็ขอกัดกับมันไปก่อน จะได้ลืมเรื่องราวที่เลวร้ายไปได้ซักที
ยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะไปรับยัยลูกว้าตามเวลาที่เรานัดหมายกันเอาไว้ ผมหนักใจว่าจะเลือกผู้หญิงคนไหนมาแสดงเป็นนางเอกในมิวสิควิดีโอของผมดี ผมลองโทรศัพท์ไปหาเพื่อนสมัยตอนเรียนมัธยมด้วยกัน ไม่มีใครซักคนเลยที่จะยอมมาเป็นนางเอกให้กับผม เหตุผลก็เพราะว่าเรื่องค่าตัวที่ผมไม่มีให้ เพื่อนผู้หญิงของผมมันหน้าเงินกันเกือบทุกคน ผมเข้าใจดีว่ากองทัพต้องเดินด้วยเงินเสมอ และอีกเหตุผลนึงก็เพราะว่ากลัวแฟนของตัวเองจะเกิดอาการหึงหวง ฉากเลิฟซีนที่มีบทจูบอันแสนหวานฉ่ำ มีหรือที่ชายหนุ่มของพวกคุณเธอจะยอม ผมก็เลยบอกไปว่าให้แฟนหนุ่มมาร่วมแสดงเป็นพระเอกในมิวสิควิดีโอของผมด้วยก็ได้ แต่ปัญหาก็ติดตรงค่าตัวอีกนั่นแหละ ผมล่ะเหนื่อยใจจริง จริ๊ง พวกกองทัพเดินด้วยเงินเนี่ย
คนแล้วคนเล่าพวกคุณเธอก็ปฏิเสธคำชวนของผม ถ้างั้นก็ไม่มีทางเลือก ผมจะลองขับรถไปหาผักบุ้งที่บ้านของเธอ เพื่อให้เธอมาเป็นนางเอกมิวสิควิดีโอให้กับผม ผมกับเธอคบกันมาก็นาน เธออาจจะยอมช่วยเหลือผมก็เป็นได้ แต่ปัญหามันอยู่ที่ใจของผม ว่าจะสามารถทำใจให้แข็งพอเวลาเจอหน้าเธอได้หรือป่าว ผมยิ่งเป็นพวกอารมณ์อ่อนไหวง่ายอยู่ด้วย ถ้าในความรู้สึกของเธอยังมองว่าผมเป็นเพื่อนของเธออยู่ เธอก็อาจจะทำให้งานชิ้นแรกของผมสำเร็จลุล่วงผ่านไปด้วยดีก็ได้
รถยนต์ของผมมาหยุดตรงหน้าบ้านของผักบุ้ง ผมสองจิตสองใจว่าจะลงไปกดกริ่งเพื่อเรียกให้เธอออกมาดีหรือป่าว ในใจของผมก็มีอาการตื่นเต้นอยู่เหมือนกันนะ ถ้าเราพบหน้ากันครั้งนี้ ความรู้สึกทั้งหมดมันจะยังเหมือนเดิมอยู่หรือป่าว ผมใจคอไม่ดีเลย พร้อมกับที่ผมกำลังจะแตะคันเร่งเพื่อขับออกไป แต่กลับเหมือนมีอะไรบางอย่างฉุดให้ผมเดินลงจากรถ แล้วผมก็ตัดสินใจกดกริ่งเพื่อเรียกคนในบ้านให้ออกมา
ผมใจชื้นขึ้นมาบ้าง เมื่อเห็นว่าคนที่เดินออกมาจากประตูบ้านนั้นไม่ใช่ผักบุ้ง แต่เป็นแม่ของเธอ คุณป้ารู้จักผมดีทีเดียว เพราะผมมักจะแวะเวียนเข้าออกในบ้านหลังนี้อยู่บ่อยๆ กับข้าวฝีมือของคุณป้ารสชาติดีไม่แพ้ฝีมือของแม่ผมเลย
มีอยู่ครั้งหนึ่งคุณป้าบอกกับผมว่า อยากได้ผมมาเป็นลูกเขยของบ้านหลังนี้ ผมได้ยินดังนั้นรู้สึกดีใจแทบตาย แต่ผักบุ้งกลับมีอาการโกรธขึ้นมาทันที เธอไล่ให้ผมกลับบ้านไปโดยไม่มีเหตุผลซักคำ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าผมทำอะไรผิด แค่คุณป้าบอกกับผมว่า ผมเป็นคนที่อัธยาศัยดีเข้ากับครอบครัวของบ้านหลังนี้ได้ ในอนาคตเลยอยากให้ผมมาสู่ขอลูกสาวของตัวเอง
ในวันนั้นผมเลยไปนั่งดื่มเบียร์กับปราโมทย์แก้เซ็ง ส่วนเจ้าเพื่อนของผมคนนี้มันเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับผมมาก มันหัวเราะเยาะให้กับความทุกข์ของผม พอถึงเวลาจ่ายเงินมันหายหัวไปไหนก็ไม่รู้ ค่าเบียร์เลยเข้าเนื้อของผมเต็มๆ วันต่อมามันเลยโทรศัพท์มาขอโทษขอโพยผม มันบอกว่าคนที่บ้านของมันเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน ผมไม่รู้หรอกนะว่าคนที่บ้านของมันอาศัยอยู่กันกี่คน แต่ผมไปหามันทีไรก็เห็นมันอยู่คนเดียวทุกที ผมล่ะเบื่อจริง จริ๊ง แต่ถึงอย่างไรผมก็โกรธมันไม่ลงอยู่ดี เพราะมันเป็นเพื่อนที่ทำให้ผมสบายใจขึ้นมาได้
ผมยกมือไหว้คุณป้าเพื่อเป็นมารยาทของสังคมไทย คุณป้าบอกว่าผักบุ้งไม่อยู่บ้าน เมื่อวานนี้เธอแยกตัวไปเช่าคอนโดโดยไม่ได้บอกให้คนที่บ้านรับรู้เลยว่าเธออยู่แถวไหน เบอร์โทรศัพท์มือถือที่ใช้อยู่ในปัจจุบันของเธอก็ยกเลิก เธอเปลี่ยนเบอร์แล้ว แถมยังไม่ได้บอกให้ใครรู้เลยแม้กระทั่งผู้เป็นแม่ของเธอ เมื่อผมได้ยินดังนั้นก็เกิดอาการเป็นห่วงเธอ เธอไม่เคยไปไหนมาไหนตามลำพังโดยปราศจากผมและครอบครัวของเธอ เธอยังอ่อนต่อโลกอยู่มาก ขนาดเธอไปทานไอศกรีมกับผมที่ร้าน เธอยังโดนคนขายหลอกให้ซื้อรสช็อกโกแลตเรนโบว์กลับไปทานที่บ้าน ผมมาสืบรู้ตอนหลังว่ามันคือไอศกรีมรสเห็ด ผมไม่ยักกะรู้ว่าสมัยนี้เขาเอาเห็ดมาทำเป็นไอศกรีมกันแล้ว คนเราก็ช่างสรรหาความเป็นตัวของตัวเองกันซะจริง ถ้าผมเป็นคนขายไอศกรีมบ้างนะ ผมจะลองทำรสใบมะกรูดขายดูบ้าง ผมว่ามันคงจะถึงใจวัยรุ่นสมัยนี้ไม่มากก็น้อย
คุณป้าก็เป็นห่วงผักบุ้งมาก แล้วเหตุผลที่เธอแยกตัวออกไปนั้น เธอบอกกับผู้เป็นแม่ว่า เธออายุขนาดนี้แล้ว เธอจะลองทำงานหาเงินใช้เองด้วยน้ำพักน้ำแรงของเธอ เธออยากเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่านี้ จะได้รับรู้รสชาติของการเผชิญต่อโลกกว้างด้วยตัวคนเดียว แต่เธอก็ไม่ได้ทอดทิ้งทั้งผู้เป็นพ่อและแม่ เธอรับปากว่าทุกวันหยุดของสัปดาห์ เธอจะกลับมาปรนนิบัติรับใช้ท่านทั้งสอง
แต่ผมคิดว่าอีกเหตุผลหนึ่งที่เธอแยกตัวออกไปนั้น เพราะเธออยากหลบหน้าผม เธอคงไม่อยากให้ผมรู้สึกต่อเธอเกินคำว่าเพื่อนจริงๆ นั่นแหละ ผมคงทำให้เธอลำบากใจอยู่ไม่มากก็น้อย แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ความรู้สึกของผมมันอัดแน่นจนแทบจะทะลักออกมาจากอกอยู่แล้ว ถ้าผมไม่ได้สารภาพรักต่อเธอ ซักวันหนึ่งผมคงจะอกแตกตายแน่ แต่เอาเถอะถึงผมจะผิดหวัง อย่างน้อยผมก็สามารถเอาชนะความกลัวที่อยู่ในใจได้
ผมยกมือไหว้ล่ำลาคุณป้า แล้วผมก็ขับรถออกไป จุดหมายต่อไปของผมก็คือผมจะลองสำรวจรอบๆ คอนโดละแวกนี้ดู เผื่อผมจะเจอผักบุ้งแล้วชวนเธอมาเล่นมิวสิควิดีโอให้กับผม ไม่งั้นผมคงไม่มีผลงานเสนอต่อบริษัทปลาคราฟฟิล์มเป็นแน่
ผมแวะซื้อช่อดอกกุหลาบสีเหลืองข้างทาง เผื่อจะเจอผักบุ้งแล้วผมจะได้มอบดอกกุหลาบช่อนี้ให้กับเธอ เธอบอกผมอยู่เสมอว่า เธอชอบดอกกุหลาบสีเหลืองเพราะว่ามันเป็นสัญลักษณ์ระหว่างเพื่อน ในวันวาเลนไทน์ของทุกปี ผมก็จะซื้อดอกกุหลาบสีเหลืองให้กับเธออยู่เสมอ ถึงแม้ว่าในใจของผมอยากให้ดอกกุหลาบสีแดงหรือไม่ก็สีชมพูต่อเธอก็เถอะ แต่ผมก็ต้องฝืนใจตัวเอง เพราะเธอคิดต่อผมเสมือนเพื่อนคนหนึ่งจริงๆ
และแล้วผมก็รู้ว่าผักบุ้งพักอยู่ในคอนโดที่ไม่ไกลจากตัวบ้านของเธอ ประชาสัมพันธ์สาวบอกกับผมว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งเพิ่งจะย้ายเข้ามาเมื่อวานนี้ แถมชื่อจริงก็ยังเหมือนกันอีก ผมจึงมั่นใจ1000%ว่าต้องใช่เธออย่างแน่นอน
ผมกำลังจะยกกำปั้นขึ้นเพื่อที่จะเคาะประตูห้องของเธอ ผมชะงักอยู่นาน ผมจะเริ่มต้นอย่างไรดีล่ะ เพื่อให้เธอรู้ว่าผมยังอยากเป็นเพื่อนของเธออยู่ ถึงผมจะฝืนใจตัวเองเพื่ออยากให้เธอสบายใจก็เถอะ แต่ลึกๆ ในใจแล้วผมต้องการมากกว่านั้น ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วความกล้าของผมก็เกิดขึ้น ผมเคาะประตูห้องของเธอเข้าแล้วสิ...
หัวใจของผมเต้นระทึกตึกตัก เสียงกลอนประตูดังขึ้นบ่งบอกว่าเธอคงจะเปิดรับผมในฐานะเพื่อนคนหนึ่งเหมือนเช่นเดิม ผมหลับตาปี๋ แล้วผมก็ยื่นช่อดอกกุหลาบสีเหลืองให้กับเธอ...
น้ำเสียงที่ผมได้ยินขึ้นมานั้น มันทำให้ผมแทบจุก หายใจติดขัด แน่นหน้าอกกะทันหัน ใครจะไปรู้ว่าคนที่พักอาศัยอยู่ในห้องนี้จะเป็นประเทืองไปซะงั้น แถมพี่แกยังเชิญชวนให้ผมเข้าไปในห้องด้วยสิ ผมเสียเซ็ลฟทันที ความมั่นใจลดฮวบ หน้าแตกหมอไม่รับเย็บแน่ ผมเลยแก้ตัวข้างๆ คูๆ ไปว่า ผมเป็นพนักงานส่งช่อดอกไม้ แล้วผมก็รีบเดินออกไปจากคอนโดแห่งนั้นอย่างรวดเร็ว
ผมเกิดอาการเคืองประชาสัมพันธ์สาวไม่หาย ก็เธอเป็นคนบอกผมเองว่าเมื่อวานนี้เพิ่งจะมีหญิงสาวย้ายเข้ามาพัก แล้วเหตุฉะไหนจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ เฮ้อ...ความมั่นใจของผมหายไปในทันที สงสัยประเทืองคนนั้นคงกำลังยิ้มแก้มปริอยู่แน่ๆ ที่รู้ว่ามีคนส่งช่อดอกกุหลาบมาให้ แต่หารู้ไม่ว่าดอกกุหลาบช่อนั้นมันเป็นของผมเอง คิดแล้วก็เศร้า
ตายล่ะหว่า นี่มันเลยเวลานัดมาเกือบยี่สิบนาทีแล้วด้วย ยัยลูกว้าคงกำลังบ่นไม่หยุดปากแน่ ผมขับรถไปด้วยอาการของคนที่จามไม่หยุด ผมกำลังจะเป็นหวัดหรือน้องสาวตัวแสบของผมกำลังบ่นถึงผมอยู่ล่ะเนี่ย
เมื่อผมขับรถมาถึง ยัยลูกว้ากำลังยืนหน้ามุ่ยด้วยอาการของคนที่กำลังหงุดหงิดสุดขีด ผมเตรียมพร้อมกับลูกระเบิดก้อนใหญ่ ไม่ใช่สิ ขีปนาวุธมากกว่าที่กำลังจะบอมในไม่ช้านี้ แล้วผมก็รีบเดินเข้าไปหามันทันที
“ขอโทษนะลูกว้า เผอิญฉันติดธุระนิดหน่อย แค่ครึ่งชั่วโมงเอง คงไม่โกรธฉันนะ” ผมพยายามพูดคุยดีด้วยกับยัยลูกว้า หวังว่ามันคงจะให้อภัยผมนะ ผมไม่อยากกลับไปถึงบ้านแล้วโดนพ่อกับแม่บ่น เพราะน้องสาวตัวแสบของผมมันมักจะรายงานทุกเรื่องที่ผมทำผิดต่อมัน
ยัยลูกว้าเงียบ พร้อมกับยัดกระเป๋าถือใส่มือของผม แล้วมันก็เดินขึ้นรถไปโดยไม่มีคำบ่นให้ผมหูชาซักคำ แต่ผมก็สามารถรับรู้ถึงพลังจิตอันคลุกกรุ่นที่แฝงอยู่ในตัวของมันได้ ว่าเวลานี้มันคงกำลังเกิดอาการโกรธอย่างสุดขีด สุดท้ายผมก็ต้องเป็นฝ่ายยอมง้อมัน คิดแล้วก็เศร้า แล้วผมก็เดินคอตกพร้อมกับเป็นทาสถือกระเป๋านักเรียนให้กับมันอีก น้องสาวของผมมันเอาแต่ใจตัวเองจริง จริ๊ง
ผมพยายามง้อยัยลูกว้าด้วยการเปิดเพลงที่มันชอบ ผมยื่นอมยิ้มที่มักจะเอาติดรถเป็นประจำให้กับมัน ทีแรกมันทำเป็นไม่ยอมรับอมยิ้มที่ผมยื่นให้ แต่เมื่อที่ผมกำลังแกะถุงกระดาษออกพร้อมกับจะนำเข้าปาก มันก็ดันแย่งไปอย่างหน้าตาเฉย ผมเลยใช้มือยีหัวมันไปอย่างเอ็นดู พร้อมกับหอมแก้มของน้องสาวตัวเองหนึ่งที และก็ทำให้มันอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง แล้วมันก็เล่าเรื่องราวที่มีคนมาคอยตามจีบมัน ผมก็เลยหัวเราะเยาะแล้วบอกออกไปว่าผู้ชายพวกนั้นช่างโชคร้ายจริงๆ
แล้วยัยลูกว้าก็หยิกเข้าที่แขนของผมอย่างแรง ดีนะที่ผมมีสติอยู่บ้าง ไม่งั้นรถที่ผมกำลังขับอยู่นั้นคงชนเข้ากับฟุตบาทเป็นแน่
เมื่อมาถึงโรงหนัง เราก็เกิดอาการความคิดเห็นไม่ตรงกัน ก็ผมอยากดูหนังรักโรแมนติก แต่ยัยลูกว้าอยากดูหนังผีที่ชวนขนหัวลุก ผมไม่อยากจะบอกเลยว่า ถ้าครั้งไหนผมมาดูหนังผีแล้วกลับไปถึงบ้าน คืนนั้นทั้งคืนผมแทบนอนไม่หลับเลย กลัวก็กลัว เข้าห้องน้ำก็ไม่กล้าส่องกระจก หวาดผวาว่าจะมีร่างผีสาวโผล่มาข้างหลังทำให้รู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่างกาย แล้วก็มีอยู่วันนึงที่ทำให้หัวใจของผมแทบกองลงไปยังตาตุ่ม
ผมกำลังเคลิ้มหลับอย่างได้อารมณ์อยู่แล้วเชียว ผมได้ยินเสียงคนเคาะประตูห้อง ผมสะดุ้งทันที แล้วผมก็เปิดประตูห้องออก ปรากฏว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ผมอาจจะหูฝาดไปก็ได้ เพราะผมกำลังครึ่งหลับครึ่งตื่น พอผมปิดประตูเท่านั้นแหละ เสียงกรี๊ดร้องแสบแก้วหูชวนขนหัวลุกดังขึ้นประชิดข้างหลังของผมทันที ผมลมแทบจับ เมื่อหันหลังกลับไปก็พบว่ามีผีผู้หญิงใบหน้าขาวซีดแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผม ผมเกือบจะวิ่งออกจากห้องอยู่แล้วเชียว แล้วยัยลูกว้าก็หัวเราะออกมา...คืนนั้นผมหมั่นไส้มันมาก...ผมหวังว่าวันนึงผมจะต้องแกล้งมันกลับคืนอย่างสาสมไปเลย
เราสองคนยังตกลงกันไม่ได้ ยัยลูกว้าก็ไม่ยอมท่าเดียว ยังไงซะมันก็จะดูหนังผีให้ได้ แถมมันยังหาข้ออ้างอีกนะว่า ผมเป็นคนผิดที่มาช้ากว่าเวลาที่นัดเอาไว้ มันบอกว่าผมต้องเป็นฝ่ายยอมมัน ไม่เอาผมไม่อยากดูหนังผีนี่น่า ก็มันน่ากลัวจะตายไป
“ไม่เอาๆ เค้าจะดูหนังผี พี่มะนาวมารับเค้าช้าแล้วยังไม่ตามใจเค้าอีก คอยดูเถอะ กลับบ้านไปจะฟ้องพ่อกับแม่ โทษฐานที่ไม่ใส่ใจน้องสาวตัวเอง”
“แกก็รู้ว่าฉันกลัวผี แล้วยังจะอยากดูอีก เอางี้ งั้นเราแยกกันดูคนละเรื่อง พอหนังจบแล้วมาเจอกันตรงนี้ โอเคไหม?”
“ยังงั้นก็ไม่เอา เค้าไม่กล้าดูคนเดียวนิ เป็นพี่ชายแท้ๆ แต่ไม่ดูแลน้องสาวตัวเองให้ดีดีเลย เอาไง ไม่งั้นจะฟ้องพ่อกับแม่”
น้องสาวของผมมันแสบเอาเรื่องเลยทีเดียว นี่ขนาดผมอุตส่าห์ให้มันเลือกไปดูหนังผีแล้วนะ มันยังจะหนีบผมเข้าไปดูด้วยอีก ผมไม่อยากดูเลย พอเวลาเผลอทีไรผีมันก็จะโผล่ออกมาทุกที คนกำกับหนังชวนขนหัวลุกนี่ก็เข้าใจคิด ทำให้ผู้ชมหัวใจแทบวายไปตามๆ กัน เอาน่ายังไงซะผมก็จะอดทนดูไปจนจบเรื่องก็แล้วกัน อย่างน้อยผมก็จะเอามือปิดหน้า
“ก็ได้ ดูก็ดู ถ้าจบแล้วก็เล่าให้ฉันฟังด้วยนะ”
“อย่าบอกนะว่าพี่มะนาวจะเอามือปิดหน้า ปอดแหกชะมัด ขนาดเค้าเป็นผู้หญิงยังกล้าดูเลย ตัวเองเป็นผู้ชายแท้ๆ”
ผมโดนยัยลูกว้าสบประมาท เออแม่คนเก่ง คอยดูเถอะคืนนี้ผมจะแกล้งปลอมเป็นผีเข้าไปหลอกมันถึงห้องเลย คอยดูซิว่าคนปากเก่งอย่างมันจะมีฤทธิ์อยู่รึป่าว คิดแล้วผมก็ยังไม่หายแค้นในคืนวันนั้น...
ผมลืมเรื่องของผักบุ้งไปซะสนิท นี่ถ้ายัยลูกว้าไม่ถามขึ้นมาว่า ผมยังตามไปง้อเธออยู่รึป่าว ผมเลยตอบออกไปว่าไม่ใช่เรื่องของเด็ก น้องสาวตัวแสบของผมทำหน้ามุ่ย จนผมรู้สึกหมั่นเขี้ยวเลยหยิกแก้มทั้งสองข้างของมันไปเบาๆ แล้วเราก็เดินเข้าไปยังโรงหนังด้วยกัน
ยัยลูกว้าพยายามคะยั้นคะยอให้ผมเอามือออกจากหน้าซะให้ได้ มีหรือที่ผมจะยอม แค่ได้ยินเสียงผมก็หลอนไปหมดทุกส่วนของร่างกายแล้ว ส่วนมันนั่งดูตาแป๋วพร้อมกับเคี้ยวข้าวโพดคั่วอย่างมีความสุข ผิดกับผมที่นั่งปอดแหกพยายามเหลือบมองระหว่างช่องนิ้วเป็นครั้งคราว กลัวก็กลัวว่าผีจะโผล่ออกมาตอนไหน ผมเลยภาวนาให้หนังจบเร็วๆ จะได้ไปทานอาหารมื้อค่ำที่ร้านต้นน้ำเสียที
หนังจบแล้ว...ผมดีใจมาก ผมไม่รู้หรอกว่าเรื่องราวทั้งหมดมันลงเอยอย่างไร มีเพียงยัยลูกว้าที่บ่นพึมพรำว่าหนังผีเรื่องนี้ตอนจบมันหักมุมไปหน่อย แล้วเหมือนกับว่าน้องสาวของผมพบเจอเข้ากับใครซักคน ทำให้มันรีบเดินไปหลบอยู่ตรงมุมเสา โดยที่มันปัดมือไล่ให้ผมเดินห่างออกไปจากมัน
ผมมองออกไปก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ในคราบของชุดนักเรียนมัธยมปลาย ผมนึกออกทันทีคงเป็นคนที่ยัยลูกว้าแอบปลื้มอยู่แน่ๆ มันคงกลัวคนๆ นั้นจะเห็นและเข้าใจผิดว่าผมเป็นแฟนของมัน มันเลยรีบไปแอบอยู่ตรงมุมเสา
น้องสาวของผมก็ตกตะลึงอยู่เหมือนกัน ชายหนุ่มคนนั้นมีรูปร่างหน้าตาอยู่ในระดับหล่อมาก คงเป็นที่กรี๊ดกร๊าดของสาวๆ ในโรงเรียนอยู่ไม่น้อย
ยัยลูกว้ายืนหลบอยู่ตรงมุมเสา โดยที่มันแอบจินตนาการไปถึงไหนต่อไหน ผมปล่อยให้มันพร่ำเพ้ออยู่อย่างนั้น ผมเลยเดินไปที่รถก่อน เดี๋ยวซักพักมันก็คงจะตามผมมาเองนั่นแหละ
ผมวิตกกังวลอยู่ไม่น้อยเลย เกี่ยวกับเรื่องที่ต้องหานักแสดงหญิงมาเล่นมิวสิควิดีโอให้กับผม ผมลองกดโทรศัพท์ไปหาผักบุ้งเผื่อว่าจะติดต่อกับเธอได้ แต่มันก็ไม่เป็นผล มีเพียงเสียงฝากข้อความเท่านั้นที่ตอบกลับมา
หรือว่าผมจะติดต่อหาน้องเชอรี่ดี เพื่อให้เธอมาเป็นนางเอกมิวสิควิดีโอให้กับผม แต่เมื่อคิดไปคิดมาผมว่าอย่างดีกว่า อาจจะเป็นการทำร้ายจิตใจบริษัทปลาคราฟฟิล์มเกินไปหรือป่าว แล้วผมก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังมีน้องขนมปังปิ้งอยู่อีกคน ผมลืมผู้หญิงคนนี้ไปได้อย่างไรกัน...
ผมไม่ใช่คนเจ้าชู้หรอกนะ ที่เลือกคบกับผู้หญิงหลายต่อหลายคนในเวลาเดียวกัน แต่น้องขนมปังปิ้งคนนี้เธอทำให้ผมสะดุดในความเป็นตัวตนของเธอ
สมัยชั้นมัธยมปลาย ในโรงเรียนของผมมีร้านขายขนมปังปิ้งอยู่ร้านนึง ตอนเช้าๆ ช่วงเวลาก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ แม้กระทั่งช่วงพักรับประทานอาหารกลางวัน หรือหลังเลิกเรียน ผมจะเห็นเด็กสาวคนหนึ่งที่เป็นรุ่นน้องของผม กำลังนั่งเม้ากับเพื่อนๆ พร้อมทานขนมปังปิ้งอย่างเอร็ดอร่อย ทุกครั้งที่ผมได้พบเธอ ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ผมจะไม่เห็นขนมปังปิ้งทาเนยแสนอร่อยอยู่ในมือของเธอ นี่เธอกะว่าจะทานแทนข้าวทุกมื้อเลยรึไงกันนะ หรือว่าเธอกำลังไดเอ็ด รูปร่างของเธอก็ดูเพรียวบางได้สัดส่วนดีนี่น่า แล้วมันก็ทำให้ผมค้างคาใจเกี่ยวกับความเป็นตัวตนของเธอ จนมันทำให้ผมอยากรู้คำตอบ
แล้วมีอยู่วันหนึ่ง มันก็ทำให้ผมมีความกล้าที่จะเข้าไปถามเอาคำตอบจากเธอ
‘น้องครับ อย่าหาว่าพี่อย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ พี่เห็นน้องเอาแต่ทานขนมปังปิ้ง เช้า กลางวันเย็น ไม่ยอมทานข้าวเลย ไม่เบื่อบ้างรึไงครับ?’
หญิงสาวรุ่นน้องคงกำลังสับสนอยู่เป็นแน่ว่า ทำไมผมถึงรู้ความเป็นไปของเธอ หลายๆ คนที่ผ่านหน้าร้านขนมปังปิ้งก็คงจะคิดเหมือนกันกับผมนั่นแหละ เพื่อให้หายค้างคาใจ ผมเลยเข้าไปถามเอาคำตอบจากเธอซะ
คำตอบที่ผมได้รับมันทำให้ผมหน้าแทบหงาย นี่ถ้ามุดลงดินได้นะ ผมจะขุดหลุมให้ลึกที่สุดเพื่อที่จะไม่เห็นหน้าของน้องคนนั้นอีกเลย
“พ่อกับแม่หนูสอนให้กินแต่ขนมปังค่ะ ถ้าพี่อยากรู้อะไรมากไปกว่านี้ โทรคุยกับพ่อหรือแม่ของหนูได้นะคะ แล้วมันก็เป็นสิทธิของหนู ที่อยากจะกินอะไรก็ได้ พอใจแล้วใช่ไหมคะ?”
แล้วหลังจากวันนั้น ผมก็ไม่ค่อยจะได้เห็นหน้าของเธอแถวร้านขนมปังปิ้งซักเท่าไหร่ หรืออาจจะเป็นเพราะผมที่เข้าไปเอาคำตอบจากเธอ จนเธอเริ่มจะคิดได้ว่า ใบหน้าของเธอคงจะคลับคล้ายคลับคาขนมปังปิ้งมากเข้าไปทุกที จนเธอเริ่มไม่คิดที่จะไปสนใจทานมันบ่อยๆ เหมือนแต่ก่อน แล้วผมก็ไม่ได้เข้าไปพูดคุยกับเธออีกเลย ทุกครั้งที่เราพบหน้ากัน เธอจะมองผมแบบว่าผมเป็นตัวประหลาดอะไรซักอย่าง ทำไมกันน่า แค่ผมอยากรู้คำตอบเท่านั้นเอง
...แล้วผมก็ได้รู้จักกับเธอ...
วันปัจฉิมนิเทศ ที่พวกเรานักเรียนชั้นมัธยมปลายทุกคนต้องอำลาโรงเรียนไปอย่างถาวรแล้ว พอถึงช่วงเวลาพิธีมอบดอกกุหลาบแสดงความยินดี อาจจะเป็นเพราะโลกหมุนกลับข้างก็เป็นได้ น้องขนมปังปิ้งยื่นดอกกุหลาบสีขาวให้กับผมพร้อมข้อความที่เขียนเอาไว้ในโปสการ์ด ผมอยากจะรีบเปิดอ่านซะเดี๋ยวนั้นเลย แต่ก็ต้องวางฟอร์มเอาไว้ก่อน กลัวว่าเธอจะหาว่าผมเป็นพวกเห่ออะไรใหม่ๆ ก็ต้องเข้าใจผมนะวัยรุ่นมักใจร้อนเสมอ ผมยิ้มให้กับเธอ ผมไม่รู้หรอกว่าเธอคิดอะไรอยู่ ลึกๆ แล้วผมก็ดีใจนะที่เธอไม่เกลียดขี้หน้าผมเข้าจริงๆ ในเหตุการณ์วันนั้น ผมรู้สึกดีทีเดียว อย่างน้อยเราก็ไม่มีอะไรขุ่นเคืองใจต่อกัน
เมื่อผมกลับมาถึงบ้าน ผมรีบเปิดอ่านข้อความในโปสการ์ดแผ่นนั้นทันที
‘ว้าว! ในที่สุดหนูก็กล้าเขียนข้อความมาหาพี่จนได้ เรียนจบแล้วใช่ม๊า ยินดีด้วยนะคะ ขอโทษด้วยที่วันนั้นหนูตอบคำถามออกไป แล้วพี่ก็คงจะรู้สึกไม่ดีแน่ ถ้ายังไงก็อย่าโกรธกันเลยนะคะ ขนมปังปิ้งอร่อยมากสำหรับหนู ตั้งแต่วันนั้นที่พี่เข้ามาถามหนู หนูก็ไม่กล้าที่จะนั่งอยู่แถวร้านขนมปังปิ้งอีกเลย หนูก็รู้อยู่เหมือนกันว่า คงจะมีใครอีกหลายๆ คนที่อยากเข้ามาถามเอาคำตอบจากหนู(ประเมินด้วยสายตาของคนที่มองผ่านไปมา)เอาเป็นว่าว่างๆ ก็โทรมาคุยกันบ้างนะ เรียกหนูว่าขนมปังปิ้งก็ได้ ชื่อน่ารักดี โชคดีนะคะ’
น้องขนมปังปิ้งเขียนเบอร์โทรศัพท์ให้กับผมด้วย เราเคยพูดคุยกันไม่กี่ครั้ง แล้วหลังจากนั้นเกือบปี เธอก็บินไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ผมจะลองโทรไปหาเธออีกครั้ง เผื่อเธอจะตอบตกลงมาเล่นมิวสิควิดีโอให้กับผม
ผมรอสายอยู่ไม่นาน แล้วก็มีเสียงของผู้หญิงคนนึงรับสาย ผมเดาว่าคงจะเป็นคุณแม่ของน้องขนมปังปิ้งแน่เลย
แล้วผมก็เดาถูก คุณแม่ของน้องขนมปังปิ้งบอกกับผมว่า ลูกสาวของเธออยู่ที่ประเทศอังกฤษ แต่อาทิตย์หน้าจะกลับมาเยี่ยมบ้าน ผมผิดหวังเล็กน้อย ถ้าเป็นอาทิตย์หน้าคงจะไม่ทันแล้วล่ะ ผมต้องส่งผลงานภายในอาทิตย์นี้ แล้วผมก็วางสายโทรศัพท์ไปจากคุณแม่
ผมหมดทางเลือกแล้ว และความคิดแว่บนึงของผมก็สว่างวาบขึ้นมาทันที ผมเห็นยัยลูกว้ากำลังเดินตรงมาที่รถ ท่าทางของมันเหมาะสมที่จะเป็นนางเอกมิวสิควิดีโอ รูปร่างหน้าตาของมันก็เข้าขั้นที่พอจะเป็นดารากับเขาได้ แค่ติดตรงที่ว่านิสัยของมันยังเหมือนเด็กที่ยังไม่ค่อยโตก็เท่านั้นเอง
ผมขับรถพายัยลูกว้าไปร้านอาหารที่ชื่อว่า ’ต้นน้ำ’ ครอบครัวของเรามักจะแวะมาทานอาหารที่นี่อยู่บ่อยๆ เมนูที่ขึ้นชื่อของร้านก็คือ ‘ส้มตำกุ้ง’ ส้มตำที่มีเนื้อกุ้งตัวโตๆ มันทำให้ผมน้ำลายสอเลยทีเดียว
ระหว่างทางยัยลูกว้าเอาแต่พร่ำเพ้อถึงชายหนุ่มคนที่มันแอบปลื้ม ผมก็ได้แต่รับฟังมัน พี่ชายตัวเองไม่เคยคิดจะแคร์ ทั้งที่ผมยอมตามใจมันทุกอย่าง อยากไปเที่ยวที่ไหนก็พาไป อยากทานอะไรก็ซื้อให้ทาน งอแงก็เป็นที่หนึ่ง เอาแต่ใจตัวเองก็เป็นที่สอง แล้วอย่างนี้ผู้ชายคนไหนจะยอมทนกับคนอย่างมัน ผมจะไม่ลืมเด็ดขาดว่า คืนนี้ผมจะปลอมเป็นผีเพื่อไปแกล้งหลอกให้มันกลัวตอนที่มันนอนอยู่ในห้อง โทษฐานที่มันเคยแกล้งผมเอาไว้
เมื่อมาถึงร้านต้นน้ำเราทั้งสองก็สั่งเมนูอาหารกัน ระหว่างที่รออยู่นั้นผมก็เข้าเรื่องทันที
“ลูกว้า ฉันมีเรื่องจะขอร้องแกหน่อย” ผมรู้ว่ามันจะไม่ยอมรับปากก่อนแน่ ถ้าไม่รู้ว่าเรื่องที่ผมขอจากมันคืออะไร
“ถ้ามันยากเกินไป เค้าก็ไม่เอาด้วยนะ”
นั่นไงว่าแล้ว ยัยลูกว้าเป็นแบบนี้เสมอ มันไม่ค่อยอยากจะเต็มใจทำอะไรเพื่อผมบ้างหรือยังไงกันนะ
“ฉันอยากขอให้แกมาเล่นมิวสิควิดีโอให้กับฉันหน่อย” พอจบประโยคเท่านั้นแหละ ยัยลูกว้าตาโตทนที ผมนึกว่ามันดีใจที่จะได้มาเล่นมิวสิควิดีโอให้กับผมซะอีก แต่ที่ไหนได้มันถามออกมาว่า
“แล้วได้เงินเท่าไหร่?”
ผมคงหนีไม่พ้นจริงๆ พวกกองทัพเดินด้วยเงินเนี่ย แม้แต่น้องสาวของตัวเอง
ยัยลูกว้าไม่ยอมท่าเดียว เมื่อได้รู้ว่าผมไม่มีค่าจ้างให้กับมัน แถมมันยังบอกอีกนะว่า ค่าตัวของมันไม่ใช่ถูกๆ คิดเป็นวินาทีด้วยนะ ดูมันพูดเข้า ทำอย่างกับตัวเองเป็นซุปเปอร์สตาร์อย่างนั้นแหละ ผมล่ะหมั่นไส๊ หมั่นไส้
“ถ้าไม่มีค่าตัวอย่างหวังว่าเค้าจะเล่นให้นะ”
ผมว่าผมต้องมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรซักอย่างนะ ยัยลูกว้าถึงจะยอมมาเล่นมิวสิควิดีโอให้กับผม แล้วผมก็เพิ่งคิดขึ้นมาได้ มันต้องอย่างนี้สิหน่า
“เอาอย่างนี้ดีไหม งั้นฉันจะช่วยเรื่องที่แกแอบปลื้มผู้ชายคนนั้นอยู่ ถ้าแกยอมมาเล่นเอ็มวีให้กับฉัน ฉันก็จะหาวิธีให้แกได้คุยกับเขาคนนั้น”
ผมหวังว่ายัยน้องสาวตัวแสบคงจะรับข้อเสนอของผมล่ะน่า
“ไม่ใช่ได้แค่พูดนะ ถ้าสมมุติเค้าตกลงเล่นเอ็มวีให้แล้ว พี่มะนาวจะต้องหาวิธีให้เค้าได้ทำความรู้จักกับชายหนุ่มในฝันคนนั้น ถ้าพี่มะนาวไม่ทำตามคำพูดล่ะก็ เค้าจะฟ้องพ่อกับแม่ เรื่องที่พี่มะนาวไม่ยอมเอาใจใส่ดูแลน้องสาวของตัวเองเท่าที่ควร”
“เออน่า ตกลงแกจะยอมเล่นเอ็มวีให้กับฉันแล้วใช่ไหม ฉันจะได้บอกแกว่าต้องแสดงอารมณ์ออกมายังไงบ้าง”
น้องสาวตัวแสบของผมมันมักจะเรื่องเยอะซะเหลือเกิน มันไม่ยอมจะทำอะไรโดยไม่หวังผลตอบแทนเลยซักครั้ง นี่ถ้าผมบอกกับมันว่า ในมิวสิควิดีโอของผมจะมีฉากจูบด้วยล่ะก็ มันจะเพิ่มผลตอบแทนเป็นสองเท่าหรือป่าวนะ ผมคิดหนักจริงๆ
“แล้วที่สำคัญ ในเอ็มวีของฉันจะมีฉากเลิฟซีนด้วยนะ เพราะทางบริษัทเขาตั้งโจทย์มาอย่างนี้ หวังว่าแกคงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?” ผมทำท่าทางให้ดูจริงจัง โดยภาวนาให้ยัยลูกว้าไม่เพิ่มผลตอบแทนหรือมีอะไรแลกเปลี่ยนที่มากกว่านี้ ผมล่ะเหนื่อยจริง จริ๊ง
“ฉากจูบหรอ! กรี๊ด! กรี๊ด! กรี๊ด! เค้ายังไม่อยากเสียความบริสุทธิ์นะ จูบแรกของเค้า ไม่ได้! ไม่ได้! ห้ามเด็ดขาด!”
ดูมันทำเข้า จะอะไรกันหนักกันหนา กะอีแค่ริมฝีปากของคนทั้งคู่ประกบเข้าหากัน มันไม่ใช่สมัยยุคเต่าล้านปีนะ นี่มันสมัยไหนกันแล้ว และมันก็เป็นแค่การแสดงเท่านั้น
ผมล่ะปวดหั๊ว ปวดหัว แค่หาตัวนักแสดงหญิงที่จะมารับบทบาทเป็นนางเอกในมิวสิควิดีโอ ทำไมมันช่างยากเย็นเหลือเกิน นี่ถ้าผมแฝงกายโดยแต่งตัวสวยได้นะ ผมจะไม่ง้อผู้หญิงคนไหนเลย ผมเห็นใจคนที่จะรับผมเข้าทำงานของบริษัทปลาคราฟฟิล์มก็เท่านั้น แล้วมันก็เป็นงานชิ้นแรกของผมด้วย ที่จะตัดสินว่าผมจะได้รับบทบาทเข้าไปทำงานอย่างจริงๆ จังๆ หรือป่าว
“ถ้าแกยอมมารับบทนางเอกเอ็มวีให้ฉันนะ ฉันจะยอมทำทุกอย่างที่แกต้องการ” ผมลองหาข้อเสนอดีๆ ให้กับยัยลูกว้า ผมคงไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ ผมยอมมันทุกอย่าง ขอแค่ให้มันมาเล่นมิวสิควิดีโอให้กับผม ไม่งั้นผมคงจะกลายเป็นคนตกงานอย่างนี้ไปอีกนานแน่ๆ
“แต่ว่า...มันก็มีฉากจูบด้วยนะ จะให้น้องสาวของตัวเองไปจูบกับใครก็ไม่รู้นะหรอ ไม่หวงเค้าแล้วรึไง? แล้วไอ้ที่ว่าจะยอมทำทุกอย่างเนี่ย พูดจริงรึป่าว? คิดให้ดีก่อนน๊า”
ผมคิดทบทวนดีแล้ว ผมไม่อยากเป็นคนที่ไม่มีอนาคต ผมต้องทำความฝันของตัวเองให้สำเร็จ แต่ว่าคนที่จะมารับบทเป็นพระเอกมิวสิควิดีโอให้กับผมนี่สิ ผมคิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าใครเหมาะสมที่สุดกับบทบาทนี้
ปราโมทย์หรอ...ไม่มีทางเด็ดขาด ผมรู้ว่ามันชอบน้องสาวของผมอยู่ แล้วเพื่อนของผมคนอื่นๆ ล่ะ ไม่มีทางเช่นกัน ถึงยัยลูกว้าจะดื้อหรือเอาแต่ใจตัวเองมากแค่ไหน แต่ในใจของผมก็หวงมันอยู่มาก น้องสาวตัวแสบคนนี้ ผมคอยไปรับไปส่งมันอย่างดี ดูแลเอาใจใส่มันทุกอย่างตามที่พ่อและแม่ได้สั่งเอาไว้ แล้วอย่างนี้ผมจะยอมทนให้มันไปจูบกับใครก็ได้อย่างงั้นหรอ แต่มันก็เป็นแค่การแสดงนะ
แล้วสุดท้ายผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า ใครเหมาะสมที่สุดกับบทบาทพระเอกมิวสิควิดีโอของผม
“เอาอย่างนี้ล่ะกันลูกว้า เดี๋ยวฉันจะทนเล่นเป็นพระเอกเอ็มวีเอง” ผมคิดในใจ ผมกับยัยลูกว้าเป็นพี่เป็นน้องกันแท้ๆ มันจะผิดประเพณีหรือป่าวนะ แต่มันก็เป็นแค่การแสดงเท่านั้นจริงๆ ผมไม่มีทางเลือก จะให้คนอื่นมาเล่นบทจูบอันแสนซึ้งกับน้องสาวของผมน่ะหรอ ผมไม่ยอม สู้ผมเล่นเองจะดีกว่า ยังไงเราก็เป็นพี่น้องกันคงจะตกลงกันได้ เราไม่ได้เป็นคนรักกันซะหน่อย แต่มันก็แปลกอยู่นะ เอาน่างานก็คืองาน คิดมากไปก็มีแต่ปวดหัว
“ห๊า! นี่เค้าหูฝาดไปหรือป่าว? พี่มะนาวจะมาเล่นเป็นพระเอกเอ็มวี แล้วมีบทจูจุ๊บด้วยเนี่ยนะ เราเป็นพี่น้องกันนะ กินยาแล้วลืมเขย่าขวดหรือป่าวเนี่ย?”
“ฉันไม่ได้บ้า! ตกลงแกจะยอมเล่นบทจูบกับคนอื่น หรือกับพี่ชายของตัวเองล่ะ อันไหนที่แกคิดว่าน่าไว้ใจมากกว่ากัน”
“งั้นพี่มะนาวก็ติดต่อให้ชายหนุ่มคนที่เค้าแอบปลื้มมาเล่นให้สิ คนนั้นน่าจะยอมมาเล่นให้นะ” ยัยลูกว้าพูดจบมันก็แอบจินตนาการไปถึงไหนต่อไหน ความคิดของมันก็เข้าท่าดีนะ แต่ผมไม่มีทางยอมเด็ดขาด ก็ผมหวงน้องสาวนี่น่า
“ไม่!” ผมตอบคำเดียวสั้นๆ อย่างหนักแน่
“ทำไมล่ะ? ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย ถ้าเป็นพี่มะนาวคงขอให้เขาคนนั้นมาแสดงให้ได้อยู่แล้ว”
“ก็แกเป็นคนบอกเอง ว่าฉันจะยอมให้แกไปจูบกับใครก็ไม่รู้น่ะหรอ แล้วฉันกับแกก็ยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายคนนั้นเลย นี่แหละเหตุผล”
“ทำไมล่ะ?” ยัยลูกว้าทำเสียงออดอ้อน “แต่ถ้าเป็นผู้ชายคนนั้น เค้าก็ยอมเล่นบทเลิฟซีนด้วยนะ อึ๊ย...ไม่อยากคิดเลย เขินจัง”
ท่าทางของยัยลูกว้าน่าหมั่นไส้เหลือเกิน ผมอยากจะจับมันไปขังไว้ในห้องนอนซะให้รู้แล้วรู้รอด แล้วผมก็จะแกล้งหลอกเป็นผีให้มันกลัวจนสะใจไปเลย คอยดูเถอะ คืนนี้มันหนีไปไหนไม่รอดหรอก
“เค้ารู้หรอกนะ ว่าพี่ชายของตัวเองหวงน้องสาวมากแค่ไหน ตกลงยอมเล่นเอ็มวีกับพี่มะนาวก็ได้ แต่ห้ามลืมคำพูดของตัวเองเด็ดขาด รู้ใช่ไหมว่าผลของการผิดคำสัญญามันต้องโดนยังไงบ้าง?”
ในที่สุดยัยลูกว้าก็ใจอ่อนจนได้ ผมล่ะเหนื๊อย เหนื่อย กว่ามันจะยอมทำอะไรเพื่อผมซักครั้งโดยไม่หวังผลตอบแทนเนี่ย แต่ผมก็ยังหนักใจอยู่เหมือนกันว่า มิวสิควิดีโอที่มีฉากจูบของผมกับมันจะออกมาเป็นยังไง แล้วเราทั้งคู่จะแสดงอารมณ์ออกมาจนเป็นที่ยอมรับของบริษัทปลาคราฟฟิล์มหรือป่าว ผมล่ะซีเรียสเหลือเกิน
ผมเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการตักบาตร ผมจำไม่ได้หรอกว่าผมทำบุญครั้งล่าสุดวันไหน และมันก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นอย่างแปลกประหลาด วันนี้ผมต้องออกไปหางานทำให้ได้ ผมต้องเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ดีกว่าจมปลักอยู่กับความโศกเศร้าอย่างนี้
ผมขับรถยนต์ไปส่งยัยลูกว้าที่โรงเรียนก่อนที่จะไปสมัครงาน มันพูดไม่หยุดปาก เล่าโน่นเล่านี่ให้ผมฟังไปเรื่อย แม้แต่เรื่องที่มันแอบรักผู้ชายคนหนึ่ง มันบอกว่าจะแกล้งทำผ้าเช็ดหน้าหล่นเพื่อให้เขาคนนั้นเก็บ ผมคิดว่ามันเป็นมุกอ่อยที่เชยระเบิด มันคงดูละครมากเกินไปจนเพี้ยนแน่ๆ ผมไม่อยากให้ผู้ชายที่โชคร้ายคนนั้นต้องเป็นเป้าหมายของมันเลย ผมหวังว่าเขาคงจะมองไม่เห็นผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นจนหลงเหยียบเข้าอย่างจัง
ผมรำคาญที่ยัยลูกว้าพูดไม่หยุดปาก ผมเลยยื่นมือไปเปิดวิทยุเพื่อใช้เสียงเพลงกลบคำพูดของมันซะ แต่มันรู้ทันผมแถมยังกดปิดเสียงวิทยุของผมอีก ผมอยากจะบ้าตาย ผมต้องทนฟังมันบ่นไปอีกนานเท่าไหร่กันล่ะเนี่ย
“พี่มะนาว เมื่อวานพี่ผักบุ้งขึ้นไปหาข้างบนห้องนิ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจอยู่ใช่ม๊า? เค้ารู้หรอกนะ”
ผมนึกว่าน้องสาวตัวแสบจะไม่รู้เรื่องราวความเจ็บช้ำของผมซะอีก ถึงยังไงผมก็จะไม่เล่าความจริงให้มันฟังหรอกนะ เรื่องอะไรที่ผมจะเล่าให้มันฟัง มีหวังมันคงล้อเลียนผมไม่หยุดแน่ๆ เป็นผู้ชายแท้ๆ กลับต้องมานอนร้องไห้ น่าอายชะมัด
“ไม่อยากเล่าให้เค้าฟังก็ไม่เป็นไร แต่รู้ไหมว่าเค้าอ่ะ แอบเห็นพี่ผักบุ้งร้องไห้ด้วยแหละ ร้ายนะเนี่ยเรา ทำให้ผู้หญิงร้องไห้ก็เป็นด้วย”
ผมอยากเอากำปั้นเขกกะโหลกยัยลูกว้าชะมัด นี่ถ้าไม่ติดว่าผมกำลังขับรถอยู่นะ มันโดนแน่ แต่ว่าผักบุ้งร้องไห้ด้วยหรอเนี่ย ผมไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเธอจะเสียน้ำตาในเรื่องนี้ด้วย
“อั่นแน่ อยากรู้แล้วล่ะสิ เค้าไม่เล่าให้ฟังง่ายๆ หรอกนะ แบร่”
มันน่านักเจ้าน้องสาวคนนี้ ผมล่ะอยากจับมันมาเขกกะโหลกซะให้เข็ดไปเลย ดื้อก็ดื้อ ขี้งอนก็เป็นที่1 แถมยังชอบเอาเรื่องที่ผมลงโทษมันไปฟ้องพ่อกับแม่อีก คิดแล้วก็อยากจะจับแมลงสาบโยนใส่หน้าของมันทันที
“ไหนเล่าให้ฉันฟังทีซิ” ผมก็อยากรู้เรื่องราวอยู่เหมือนกันนะ แหมปิดบังกันอยู่ได้
“จะให้เล่ากันง่ายๆ อย่างนี้เลยหรอไง มีอะไรแลกเปลี่ยนรึป่าวล่ะ?” ยัยลูกว้ามีข้อแม้ตามเคย ผมลืมไปอีกอย่างหนึ่ง ถ้าจะให้มันทำอะไรเพื่อผมโดยที่ผมไม่มีข้อแลกเปลี่ยนให้กับมัน อย่าหวังว่ามันจะลงมือทำอะไรให้ฟรีๆ
“จะเอาอะไรว่ามา?” ผมขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับมัน เอาเถอะถึงยังไงผมก็ต้องเป็นฝ่ายยอมมันอยู่ดี
“เย็นนี้หลังเลิกเรียน เค้าอยากดูหนัง ขับรถมารับด้วย แล้วหลังจากดูหนังเสร็จ เค้าอยากไปทานข้าวเย็นที่ร้านต้นน้ำ”
“พอเลยๆ เอาแค่อย่างเดียว จะเอาให้คุ้มเลยหรือไงห๊ะ”
“งั้นก็อย่าฟังเลย จอดตรงนี้แหละ เดี๋ยวเค้าเดินไปเองก็ได้”
“โอเคๆ อ่ะเล่ามา” สุดท้ายผมก็ต้องเป็นฝ่ายยอมยัยลูกว้า ก็ผมอยากรู้นี่น่าว่าผักบุ้งเสียใจมากขนาดไหน
น้องสาวตัวแสบของผมเล่าให้ฟังว่า ผักบุ้งเดินลงบันไดมาด้วยอาการของคนที่น้ำตานองหน้า เธอไม่ยอมตอบคำถามของยัยลูกว้าเลย ว่าทำไมถึงร้องไห้ฟูมฟายซะขนาดนี้ เธอเพียงแต่สั่นศีรษะไปมา แล้วรีบวิ่งออกจากประตูรั้วบ้านไปอย่างรวดเร็ว แค่นี้เองหรอกหรอ โธ่เอ๊ยผมอุตส่าห์ตื่นเต้น
“จบแล้ว วันนี้สี่โมงเย็น ห้ามลืมเวลานัดเป็นอันขาด ถ้ามาช้าแม้แต่วินาทีเดียว ที่นอนของพี่มะนาวคงเต็มไปด้วยรถด่วนตัวสีเขียวแน่” ดูมันพูดเข้า ตกลงมันเป็นพี่สาวของผมไปแล้วใช่ไหมเนี่ย ทำอย่างกับผมเป็นน้องชายของมันหรือเป็นคนขับรถให้อย่างงั้นแหละ คอยดูเถอะ ซักวันหนึ่งผมจะกำราบมันให้อยู่หมัดให้ได้ เจ้าน้องสาวตัวแสบ!!!
พอผมส่งยัยลูกว้าเข้าโรงเรียนไปแล้ว ผมก็ขับรถไปยังบริษัทภาพยนตร์ ที่ผมตัดสินใจจะสมัครเข้ามาทำงาน ผมไม่รู้หรอกว่าการสมัครงานเป็นอย่างไร ผมเดินเข้าไปในบริษัททันที
ผมยกมือไหว้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง แล้วผู้ชายคนหนึ่งที่ดูท่าทางจะมีอำนาจมากที่สุดก็เอ่ยถามผม
“มาสมัครงานใช่ไหม? จะเข้าแผนกอะไรล่ะ?”
ผมตอบโดยไม่ลังเลยเลย “ผู้กำกับภาพยนตร์ครับ” เพราะสิ่งนี้คือความฝันทั้งหมดของผม ก็ผมอยากกำกับหนังรักโรแมนติกซักเรื่องนี่น่า
เขาถามผมว่าเคยมีผลงานอะไรมาก่อนไหม ถามแม้กระทั่งคนในครอบครัวของผม ว่ามีใครเคยเป็นผู้กำกับภาพยนตร์มาก่อนหรือป่าว รู้จักผู้คนในวงการบันเทิงบ้างไหม แล้วเส้นสายล่ะพอจะมีบ้างหรือป่าว ถามกันตรงๆ เลยนะเนี่ย
คุณสมบัติทั้งหมดที่เขากล่าวมา ถ้าผมตอบออกไปว่าไม่มีเลยล่ะ เขาจะไล่คนอย่างผมให้กลับบ้านไปไหมนะ ทำไงได้ก็คนอย่างผมมันมีความฝันนี่น่า ให้โอกาสผมไม่ได้หรอ ผมก็รู้นะว่าเขาคงไม่ไว้ใจให้ผมทำงานในแผนกที่ผมได้ตั้งใจเอาไว้อย่างแน่นอน เขาคงกลัวว่า คนหน้าใหม่อย่างผมที่ไม่มีผลงานอะไรเลย มันไม่ควรจะเสี่ยงกับการลงทุนและลงแรง
...ผมตอบออกไปว่าไม่มี...
ชายคนนั้นพยักหน้า ผมเดาสีหน้าพี่แกไม่ออกเลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าให้ผมเดานะ พี่แกคงคิดว่าผมกล้าพอที่เดินเข้ามาสมัครงานในนี้ หรือไม่ก็ผมควรกลับบ้านไปซะดีกว่า คนที่ไม่มีประสบการณ์อย่างผม มันไม่คู่ควรที่จะมารับงานเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ เขาคงมองผมเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น
“ก็ได้ ผมจะรับคุณเข้าทำงาน แต่คุณต้องกำกับมิวสิควิดีโอโดยเป็นเพลงรัก และในเพลงๆ นั้นต้องมีฉากจูบ คุณทำได้ไหมล่ะ ถ้าคุณมั่นใจ ผมก็จะรับไว้พิจารณา”
ผมตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเลเลยล่ะ โอกาสที่ผมจะเปลี่ยนสถานะจากคนว่างงาน กลายมาเป็นคนที่มีการงานทำเป็นหลักเป็นแหล่งก็คงจะคราวนี้แหละ ผมวิจัยฝุ่นมาปีกว่า แบมือขอเงินพ่อกับแม่ใช้ไปวันๆ คงจะไม่มีประโยชน์อะไร สู้ออกมาหาประสบการณ์จากงานที่ผมใฝ่ฝันดีกว่า ดีนะที่ผมคิดได้ในตอนนี้ ถ้าผมปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ผมคงจะกลายเป็นคนขี้เกียจสันหลังยาวเข้าซักวัน
ผมเดินออกจาบริษัทภาพยนตร์โดยป้ายชื่อของบริษัทติดตัวอักษรเอาไว้ว่า ‘ปลาคราฟฟิล์ม’ ผมหัวเราะกับชื่อที่แปลกไม่เหมือนใคร รอผมก่อนนะ แล้วผมจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในที่แห่งนี้แน่นอน เป็นเหมือนปลาคราฟที่แหวกว่ายในลำธารอันสดใส แล้วผมก็เดินจากไปยังที่แห่งนั้น โดยหัวสมองของผมกำลังตระหนักอยู่ว่า ผมจะเลือกผู้หญิงคนไหนแสดงเป็นคู่พระนางในมิวสิควิดีโอของผมดี
ผมก็เคยผ่านการกำกับละครมาอยู่เหมือนกันนะ อย่าหาว่าผมโม้เลย ละครที่ผ่านการกำกับโดยฝีมือของผมได้อันดับหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าผมจะภูมิใจดีหรือป่าว เพราะตอนนั้น อาจารย์ให้นักเรียนในห้องแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม มีกลุ่มของผมและกลุ่มของปราโมทย์ ผมควรจะดีใจหรือป่าวหนอ
ปราโมทย์เพื่อนผู้ชายของผมคนนี้แหละ คือคนที่เป็นพ่อสื่อให้ผมกับน้องเชอรี่ สมัยตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยมเราเป็นเพื่อนสนิทกัน ระยะหลังๆ มันหลบหน้าผม ก็เพราะเรื่องของน้องเชอรี่คนนี้แหละ ผมโกรธมันอยู่เป็นเดือน ส่วนมันก็แอบชอบน้องสาวของผมอยู่ ไม่มีทางที่ผมจะยอมให้มันได้สมหวังกับยัยลูกว้าเด็ดขาด
ลึกๆ ในใจแล้ว ผมก็หวงน้องสาวอยู่เหมือนกันนะ ถึงแม้นิสัยของมันจะบ้าๆ บอๆ ตามประสาเด็กวัยรุ่น แต่ความน่ารักของมันที่มีอยู่บ้าง(อันน้อยนิด)ก็สามารถดึงดูดสายตาของชายหนุ่มได้เช่นกัน
ถ้าวันใดวันหนึ่งยัยลูกว้าดันไปมีแฟนเข้าจริงๆ คนที่เป็นพี่ชายอย่างผมคงจะเหงาปากเป็นแน่ ถึงยังไงตอนนี้ผมก็ขอกัดกับมันไปก่อน จะได้ลืมเรื่องราวที่เลวร้ายไปได้ซักที
ยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะไปรับยัยลูกว้าตามเวลาที่เรานัดหมายกันเอาไว้ ผมหนักใจว่าจะเลือกผู้หญิงคนไหนมาแสดงเป็นนางเอกในมิวสิควิดีโอของผมดี ผมลองโทรศัพท์ไปหาเพื่อนสมัยตอนเรียนมัธยมด้วยกัน ไม่มีใครซักคนเลยที่จะยอมมาเป็นนางเอกให้กับผม เหตุผลก็เพราะว่าเรื่องค่าตัวที่ผมไม่มีให้ เพื่อนผู้หญิงของผมมันหน้าเงินกันเกือบทุกคน ผมเข้าใจดีว่ากองทัพต้องเดินด้วยเงินเสมอ และอีกเหตุผลนึงก็เพราะว่ากลัวแฟนของตัวเองจะเกิดอาการหึงหวง ฉากเลิฟซีนที่มีบทจูบอันแสนหวานฉ่ำ มีหรือที่ชายหนุ่มของพวกคุณเธอจะยอม ผมก็เลยบอกไปว่าให้แฟนหนุ่มมาร่วมแสดงเป็นพระเอกในมิวสิควิดีโอของผมด้วยก็ได้ แต่ปัญหาก็ติดตรงค่าตัวอีกนั่นแหละ ผมล่ะเหนื่อยใจจริง จริ๊ง พวกกองทัพเดินด้วยเงินเนี่ย
คนแล้วคนเล่าพวกคุณเธอก็ปฏิเสธคำชวนของผม ถ้างั้นก็ไม่มีทางเลือก ผมจะลองขับรถไปหาผักบุ้งที่บ้านของเธอ เพื่อให้เธอมาเป็นนางเอกมิวสิควิดีโอให้กับผม ผมกับเธอคบกันมาก็นาน เธออาจจะยอมช่วยเหลือผมก็เป็นได้ แต่ปัญหามันอยู่ที่ใจของผม ว่าจะสามารถทำใจให้แข็งพอเวลาเจอหน้าเธอได้หรือป่าว ผมยิ่งเป็นพวกอารมณ์อ่อนไหวง่ายอยู่ด้วย ถ้าในความรู้สึกของเธอยังมองว่าผมเป็นเพื่อนของเธออยู่ เธอก็อาจจะทำให้งานชิ้นแรกของผมสำเร็จลุล่วงผ่านไปด้วยดีก็ได้
รถยนต์ของผมมาหยุดตรงหน้าบ้านของผักบุ้ง ผมสองจิตสองใจว่าจะลงไปกดกริ่งเพื่อเรียกให้เธอออกมาดีหรือป่าว ในใจของผมก็มีอาการตื่นเต้นอยู่เหมือนกันนะ ถ้าเราพบหน้ากันครั้งนี้ ความรู้สึกทั้งหมดมันจะยังเหมือนเดิมอยู่หรือป่าว ผมใจคอไม่ดีเลย พร้อมกับที่ผมกำลังจะแตะคันเร่งเพื่อขับออกไป แต่กลับเหมือนมีอะไรบางอย่างฉุดให้ผมเดินลงจากรถ แล้วผมก็ตัดสินใจกดกริ่งเพื่อเรียกคนในบ้านให้ออกมา
ผมใจชื้นขึ้นมาบ้าง เมื่อเห็นว่าคนที่เดินออกมาจากประตูบ้านนั้นไม่ใช่ผักบุ้ง แต่เป็นแม่ของเธอ คุณป้ารู้จักผมดีทีเดียว เพราะผมมักจะแวะเวียนเข้าออกในบ้านหลังนี้อยู่บ่อยๆ กับข้าวฝีมือของคุณป้ารสชาติดีไม่แพ้ฝีมือของแม่ผมเลย
มีอยู่ครั้งหนึ่งคุณป้าบอกกับผมว่า อยากได้ผมมาเป็นลูกเขยของบ้านหลังนี้ ผมได้ยินดังนั้นรู้สึกดีใจแทบตาย แต่ผักบุ้งกลับมีอาการโกรธขึ้นมาทันที เธอไล่ให้ผมกลับบ้านไปโดยไม่มีเหตุผลซักคำ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าผมทำอะไรผิด แค่คุณป้าบอกกับผมว่า ผมเป็นคนที่อัธยาศัยดีเข้ากับครอบครัวของบ้านหลังนี้ได้ ในอนาคตเลยอยากให้ผมมาสู่ขอลูกสาวของตัวเอง
ในวันนั้นผมเลยไปนั่งดื่มเบียร์กับปราโมทย์แก้เซ็ง ส่วนเจ้าเพื่อนของผมคนนี้มันเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับผมมาก มันหัวเราะเยาะให้กับความทุกข์ของผม พอถึงเวลาจ่ายเงินมันหายหัวไปไหนก็ไม่รู้ ค่าเบียร์เลยเข้าเนื้อของผมเต็มๆ วันต่อมามันเลยโทรศัพท์มาขอโทษขอโพยผม มันบอกว่าคนที่บ้านของมันเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน ผมไม่รู้หรอกนะว่าคนที่บ้านของมันอาศัยอยู่กันกี่คน แต่ผมไปหามันทีไรก็เห็นมันอยู่คนเดียวทุกที ผมล่ะเบื่อจริง จริ๊ง แต่ถึงอย่างไรผมก็โกรธมันไม่ลงอยู่ดี เพราะมันเป็นเพื่อนที่ทำให้ผมสบายใจขึ้นมาได้
ผมยกมือไหว้คุณป้าเพื่อเป็นมารยาทของสังคมไทย คุณป้าบอกว่าผักบุ้งไม่อยู่บ้าน เมื่อวานนี้เธอแยกตัวไปเช่าคอนโดโดยไม่ได้บอกให้คนที่บ้านรับรู้เลยว่าเธออยู่แถวไหน เบอร์โทรศัพท์มือถือที่ใช้อยู่ในปัจจุบันของเธอก็ยกเลิก เธอเปลี่ยนเบอร์แล้ว แถมยังไม่ได้บอกให้ใครรู้เลยแม้กระทั่งผู้เป็นแม่ของเธอ เมื่อผมได้ยินดังนั้นก็เกิดอาการเป็นห่วงเธอ เธอไม่เคยไปไหนมาไหนตามลำพังโดยปราศจากผมและครอบครัวของเธอ เธอยังอ่อนต่อโลกอยู่มาก ขนาดเธอไปทานไอศกรีมกับผมที่ร้าน เธอยังโดนคนขายหลอกให้ซื้อรสช็อกโกแลตเรนโบว์กลับไปทานที่บ้าน ผมมาสืบรู้ตอนหลังว่ามันคือไอศกรีมรสเห็ด ผมไม่ยักกะรู้ว่าสมัยนี้เขาเอาเห็ดมาทำเป็นไอศกรีมกันแล้ว คนเราก็ช่างสรรหาความเป็นตัวของตัวเองกันซะจริง ถ้าผมเป็นคนขายไอศกรีมบ้างนะ ผมจะลองทำรสใบมะกรูดขายดูบ้าง ผมว่ามันคงจะถึงใจวัยรุ่นสมัยนี้ไม่มากก็น้อย
คุณป้าก็เป็นห่วงผักบุ้งมาก แล้วเหตุผลที่เธอแยกตัวออกไปนั้น เธอบอกกับผู้เป็นแม่ว่า เธออายุขนาดนี้แล้ว เธอจะลองทำงานหาเงินใช้เองด้วยน้ำพักน้ำแรงของเธอ เธออยากเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่านี้ จะได้รับรู้รสชาติของการเผชิญต่อโลกกว้างด้วยตัวคนเดียว แต่เธอก็ไม่ได้ทอดทิ้งทั้งผู้เป็นพ่อและแม่ เธอรับปากว่าทุกวันหยุดของสัปดาห์ เธอจะกลับมาปรนนิบัติรับใช้ท่านทั้งสอง
แต่ผมคิดว่าอีกเหตุผลหนึ่งที่เธอแยกตัวออกไปนั้น เพราะเธออยากหลบหน้าผม เธอคงไม่อยากให้ผมรู้สึกต่อเธอเกินคำว่าเพื่อนจริงๆ นั่นแหละ ผมคงทำให้เธอลำบากใจอยู่ไม่มากก็น้อย แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ความรู้สึกของผมมันอัดแน่นจนแทบจะทะลักออกมาจากอกอยู่แล้ว ถ้าผมไม่ได้สารภาพรักต่อเธอ ซักวันหนึ่งผมคงจะอกแตกตายแน่ แต่เอาเถอะถึงผมจะผิดหวัง อย่างน้อยผมก็สามารถเอาชนะความกลัวที่อยู่ในใจได้
ผมยกมือไหว้ล่ำลาคุณป้า แล้วผมก็ขับรถออกไป จุดหมายต่อไปของผมก็คือผมจะลองสำรวจรอบๆ คอนโดละแวกนี้ดู เผื่อผมจะเจอผักบุ้งแล้วชวนเธอมาเล่นมิวสิควิดีโอให้กับผม ไม่งั้นผมคงไม่มีผลงานเสนอต่อบริษัทปลาคราฟฟิล์มเป็นแน่
ผมแวะซื้อช่อดอกกุหลาบสีเหลืองข้างทาง เผื่อจะเจอผักบุ้งแล้วผมจะได้มอบดอกกุหลาบช่อนี้ให้กับเธอ เธอบอกผมอยู่เสมอว่า เธอชอบดอกกุหลาบสีเหลืองเพราะว่ามันเป็นสัญลักษณ์ระหว่างเพื่อน ในวันวาเลนไทน์ของทุกปี ผมก็จะซื้อดอกกุหลาบสีเหลืองให้กับเธออยู่เสมอ ถึงแม้ว่าในใจของผมอยากให้ดอกกุหลาบสีแดงหรือไม่ก็สีชมพูต่อเธอก็เถอะ แต่ผมก็ต้องฝืนใจตัวเอง เพราะเธอคิดต่อผมเสมือนเพื่อนคนหนึ่งจริงๆ
และแล้วผมก็รู้ว่าผักบุ้งพักอยู่ในคอนโดที่ไม่ไกลจากตัวบ้านของเธอ ประชาสัมพันธ์สาวบอกกับผมว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งเพิ่งจะย้ายเข้ามาเมื่อวานนี้ แถมชื่อจริงก็ยังเหมือนกันอีก ผมจึงมั่นใจ1000%ว่าต้องใช่เธออย่างแน่นอน
ผมกำลังจะยกกำปั้นขึ้นเพื่อที่จะเคาะประตูห้องของเธอ ผมชะงักอยู่นาน ผมจะเริ่มต้นอย่างไรดีล่ะ เพื่อให้เธอรู้ว่าผมยังอยากเป็นเพื่อนของเธออยู่ ถึงผมจะฝืนใจตัวเองเพื่ออยากให้เธอสบายใจก็เถอะ แต่ลึกๆ ในใจแล้วผมต้องการมากกว่านั้น ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วความกล้าของผมก็เกิดขึ้น ผมเคาะประตูห้องของเธอเข้าแล้วสิ...
หัวใจของผมเต้นระทึกตึกตัก เสียงกลอนประตูดังขึ้นบ่งบอกว่าเธอคงจะเปิดรับผมในฐานะเพื่อนคนหนึ่งเหมือนเช่นเดิม ผมหลับตาปี๋ แล้วผมก็ยื่นช่อดอกกุหลาบสีเหลืองให้กับเธอ...
น้ำเสียงที่ผมได้ยินขึ้นมานั้น มันทำให้ผมแทบจุก หายใจติดขัด แน่นหน้าอกกะทันหัน ใครจะไปรู้ว่าคนที่พักอาศัยอยู่ในห้องนี้จะเป็นประเทืองไปซะงั้น แถมพี่แกยังเชิญชวนให้ผมเข้าไปในห้องด้วยสิ ผมเสียเซ็ลฟทันที ความมั่นใจลดฮวบ หน้าแตกหมอไม่รับเย็บแน่ ผมเลยแก้ตัวข้างๆ คูๆ ไปว่า ผมเป็นพนักงานส่งช่อดอกไม้ แล้วผมก็รีบเดินออกไปจากคอนโดแห่งนั้นอย่างรวดเร็ว
ผมเกิดอาการเคืองประชาสัมพันธ์สาวไม่หาย ก็เธอเป็นคนบอกผมเองว่าเมื่อวานนี้เพิ่งจะมีหญิงสาวย้ายเข้ามาพัก แล้วเหตุฉะไหนจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ เฮ้อ...ความมั่นใจของผมหายไปในทันที สงสัยประเทืองคนนั้นคงกำลังยิ้มแก้มปริอยู่แน่ๆ ที่รู้ว่ามีคนส่งช่อดอกกุหลาบมาให้ แต่หารู้ไม่ว่าดอกกุหลาบช่อนั้นมันเป็นของผมเอง คิดแล้วก็เศร้า
ตายล่ะหว่า นี่มันเลยเวลานัดมาเกือบยี่สิบนาทีแล้วด้วย ยัยลูกว้าคงกำลังบ่นไม่หยุดปากแน่ ผมขับรถไปด้วยอาการของคนที่จามไม่หยุด ผมกำลังจะเป็นหวัดหรือน้องสาวตัวแสบของผมกำลังบ่นถึงผมอยู่ล่ะเนี่ย
เมื่อผมขับรถมาถึง ยัยลูกว้ากำลังยืนหน้ามุ่ยด้วยอาการของคนที่กำลังหงุดหงิดสุดขีด ผมเตรียมพร้อมกับลูกระเบิดก้อนใหญ่ ไม่ใช่สิ ขีปนาวุธมากกว่าที่กำลังจะบอมในไม่ช้านี้ แล้วผมก็รีบเดินเข้าไปหามันทันที
“ขอโทษนะลูกว้า เผอิญฉันติดธุระนิดหน่อย แค่ครึ่งชั่วโมงเอง คงไม่โกรธฉันนะ” ผมพยายามพูดคุยดีด้วยกับยัยลูกว้า หวังว่ามันคงจะให้อภัยผมนะ ผมไม่อยากกลับไปถึงบ้านแล้วโดนพ่อกับแม่บ่น เพราะน้องสาวตัวแสบของผมมันมักจะรายงานทุกเรื่องที่ผมทำผิดต่อมัน
ยัยลูกว้าเงียบ พร้อมกับยัดกระเป๋าถือใส่มือของผม แล้วมันก็เดินขึ้นรถไปโดยไม่มีคำบ่นให้ผมหูชาซักคำ แต่ผมก็สามารถรับรู้ถึงพลังจิตอันคลุกกรุ่นที่แฝงอยู่ในตัวของมันได้ ว่าเวลานี้มันคงกำลังเกิดอาการโกรธอย่างสุดขีด สุดท้ายผมก็ต้องเป็นฝ่ายยอมง้อมัน คิดแล้วก็เศร้า แล้วผมก็เดินคอตกพร้อมกับเป็นทาสถือกระเป๋านักเรียนให้กับมันอีก น้องสาวของผมมันเอาแต่ใจตัวเองจริง จริ๊ง
ผมพยายามง้อยัยลูกว้าด้วยการเปิดเพลงที่มันชอบ ผมยื่นอมยิ้มที่มักจะเอาติดรถเป็นประจำให้กับมัน ทีแรกมันทำเป็นไม่ยอมรับอมยิ้มที่ผมยื่นให้ แต่เมื่อที่ผมกำลังแกะถุงกระดาษออกพร้อมกับจะนำเข้าปาก มันก็ดันแย่งไปอย่างหน้าตาเฉย ผมเลยใช้มือยีหัวมันไปอย่างเอ็นดู พร้อมกับหอมแก้มของน้องสาวตัวเองหนึ่งที และก็ทำให้มันอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง แล้วมันก็เล่าเรื่องราวที่มีคนมาคอยตามจีบมัน ผมก็เลยหัวเราะเยาะแล้วบอกออกไปว่าผู้ชายพวกนั้นช่างโชคร้ายจริงๆ
แล้วยัยลูกว้าก็หยิกเข้าที่แขนของผมอย่างแรง ดีนะที่ผมมีสติอยู่บ้าง ไม่งั้นรถที่ผมกำลังขับอยู่นั้นคงชนเข้ากับฟุตบาทเป็นแน่
เมื่อมาถึงโรงหนัง เราก็เกิดอาการความคิดเห็นไม่ตรงกัน ก็ผมอยากดูหนังรักโรแมนติก แต่ยัยลูกว้าอยากดูหนังผีที่ชวนขนหัวลุก ผมไม่อยากจะบอกเลยว่า ถ้าครั้งไหนผมมาดูหนังผีแล้วกลับไปถึงบ้าน คืนนั้นทั้งคืนผมแทบนอนไม่หลับเลย กลัวก็กลัว เข้าห้องน้ำก็ไม่กล้าส่องกระจก หวาดผวาว่าจะมีร่างผีสาวโผล่มาข้างหลังทำให้รู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่างกาย แล้วก็มีอยู่วันนึงที่ทำให้หัวใจของผมแทบกองลงไปยังตาตุ่ม
ผมกำลังเคลิ้มหลับอย่างได้อารมณ์อยู่แล้วเชียว ผมได้ยินเสียงคนเคาะประตูห้อง ผมสะดุ้งทันที แล้วผมก็เปิดประตูห้องออก ปรากฏว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ผมอาจจะหูฝาดไปก็ได้ เพราะผมกำลังครึ่งหลับครึ่งตื่น พอผมปิดประตูเท่านั้นแหละ เสียงกรี๊ดร้องแสบแก้วหูชวนขนหัวลุกดังขึ้นประชิดข้างหลังของผมทันที ผมลมแทบจับ เมื่อหันหลังกลับไปก็พบว่ามีผีผู้หญิงใบหน้าขาวซีดแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผม ผมเกือบจะวิ่งออกจากห้องอยู่แล้วเชียว แล้วยัยลูกว้าก็หัวเราะออกมา...คืนนั้นผมหมั่นไส้มันมาก...ผมหวังว่าวันนึงผมจะต้องแกล้งมันกลับคืนอย่างสาสมไปเลย
เราสองคนยังตกลงกันไม่ได้ ยัยลูกว้าก็ไม่ยอมท่าเดียว ยังไงซะมันก็จะดูหนังผีให้ได้ แถมมันยังหาข้ออ้างอีกนะว่า ผมเป็นคนผิดที่มาช้ากว่าเวลาที่นัดเอาไว้ มันบอกว่าผมต้องเป็นฝ่ายยอมมัน ไม่เอาผมไม่อยากดูหนังผีนี่น่า ก็มันน่ากลัวจะตายไป
“ไม่เอาๆ เค้าจะดูหนังผี พี่มะนาวมารับเค้าช้าแล้วยังไม่ตามใจเค้าอีก คอยดูเถอะ กลับบ้านไปจะฟ้องพ่อกับแม่ โทษฐานที่ไม่ใส่ใจน้องสาวตัวเอง”
“แกก็รู้ว่าฉันกลัวผี แล้วยังจะอยากดูอีก เอางี้ งั้นเราแยกกันดูคนละเรื่อง พอหนังจบแล้วมาเจอกันตรงนี้ โอเคไหม?”
“ยังงั้นก็ไม่เอา เค้าไม่กล้าดูคนเดียวนิ เป็นพี่ชายแท้ๆ แต่ไม่ดูแลน้องสาวตัวเองให้ดีดีเลย เอาไง ไม่งั้นจะฟ้องพ่อกับแม่”
น้องสาวของผมมันแสบเอาเรื่องเลยทีเดียว นี่ขนาดผมอุตส่าห์ให้มันเลือกไปดูหนังผีแล้วนะ มันยังจะหนีบผมเข้าไปดูด้วยอีก ผมไม่อยากดูเลย พอเวลาเผลอทีไรผีมันก็จะโผล่ออกมาทุกที คนกำกับหนังชวนขนหัวลุกนี่ก็เข้าใจคิด ทำให้ผู้ชมหัวใจแทบวายไปตามๆ กัน เอาน่ายังไงซะผมก็จะอดทนดูไปจนจบเรื่องก็แล้วกัน อย่างน้อยผมก็จะเอามือปิดหน้า
“ก็ได้ ดูก็ดู ถ้าจบแล้วก็เล่าให้ฉันฟังด้วยนะ”
“อย่าบอกนะว่าพี่มะนาวจะเอามือปิดหน้า ปอดแหกชะมัด ขนาดเค้าเป็นผู้หญิงยังกล้าดูเลย ตัวเองเป็นผู้ชายแท้ๆ”
ผมโดนยัยลูกว้าสบประมาท เออแม่คนเก่ง คอยดูเถอะคืนนี้ผมจะแกล้งปลอมเป็นผีเข้าไปหลอกมันถึงห้องเลย คอยดูซิว่าคนปากเก่งอย่างมันจะมีฤทธิ์อยู่รึป่าว คิดแล้วผมก็ยังไม่หายแค้นในคืนวันนั้น...
ผมลืมเรื่องของผักบุ้งไปซะสนิท นี่ถ้ายัยลูกว้าไม่ถามขึ้นมาว่า ผมยังตามไปง้อเธออยู่รึป่าว ผมเลยตอบออกไปว่าไม่ใช่เรื่องของเด็ก น้องสาวตัวแสบของผมทำหน้ามุ่ย จนผมรู้สึกหมั่นเขี้ยวเลยหยิกแก้มทั้งสองข้างของมันไปเบาๆ แล้วเราก็เดินเข้าไปยังโรงหนังด้วยกัน
ยัยลูกว้าพยายามคะยั้นคะยอให้ผมเอามือออกจากหน้าซะให้ได้ มีหรือที่ผมจะยอม แค่ได้ยินเสียงผมก็หลอนไปหมดทุกส่วนของร่างกายแล้ว ส่วนมันนั่งดูตาแป๋วพร้อมกับเคี้ยวข้าวโพดคั่วอย่างมีความสุข ผิดกับผมที่นั่งปอดแหกพยายามเหลือบมองระหว่างช่องนิ้วเป็นครั้งคราว กลัวก็กลัวว่าผีจะโผล่ออกมาตอนไหน ผมเลยภาวนาให้หนังจบเร็วๆ จะได้ไปทานอาหารมื้อค่ำที่ร้านต้นน้ำเสียที
หนังจบแล้ว...ผมดีใจมาก ผมไม่รู้หรอกว่าเรื่องราวทั้งหมดมันลงเอยอย่างไร มีเพียงยัยลูกว้าที่บ่นพึมพรำว่าหนังผีเรื่องนี้ตอนจบมันหักมุมไปหน่อย แล้วเหมือนกับว่าน้องสาวของผมพบเจอเข้ากับใครซักคน ทำให้มันรีบเดินไปหลบอยู่ตรงมุมเสา โดยที่มันปัดมือไล่ให้ผมเดินห่างออกไปจากมัน
ผมมองออกไปก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ในคราบของชุดนักเรียนมัธยมปลาย ผมนึกออกทันทีคงเป็นคนที่ยัยลูกว้าแอบปลื้มอยู่แน่ๆ มันคงกลัวคนๆ นั้นจะเห็นและเข้าใจผิดว่าผมเป็นแฟนของมัน มันเลยรีบไปแอบอยู่ตรงมุมเสา
น้องสาวของผมก็ตกตะลึงอยู่เหมือนกัน ชายหนุ่มคนนั้นมีรูปร่างหน้าตาอยู่ในระดับหล่อมาก คงเป็นที่กรี๊ดกร๊าดของสาวๆ ในโรงเรียนอยู่ไม่น้อย
ยัยลูกว้ายืนหลบอยู่ตรงมุมเสา โดยที่มันแอบจินตนาการไปถึงไหนต่อไหน ผมปล่อยให้มันพร่ำเพ้ออยู่อย่างนั้น ผมเลยเดินไปที่รถก่อน เดี๋ยวซักพักมันก็คงจะตามผมมาเองนั่นแหละ
ผมวิตกกังวลอยู่ไม่น้อยเลย เกี่ยวกับเรื่องที่ต้องหานักแสดงหญิงมาเล่นมิวสิควิดีโอให้กับผม ผมลองกดโทรศัพท์ไปหาผักบุ้งเผื่อว่าจะติดต่อกับเธอได้ แต่มันก็ไม่เป็นผล มีเพียงเสียงฝากข้อความเท่านั้นที่ตอบกลับมา
หรือว่าผมจะติดต่อหาน้องเชอรี่ดี เพื่อให้เธอมาเป็นนางเอกมิวสิควิดีโอให้กับผม แต่เมื่อคิดไปคิดมาผมว่าอย่างดีกว่า อาจจะเป็นการทำร้ายจิตใจบริษัทปลาคราฟฟิล์มเกินไปหรือป่าว แล้วผมก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังมีน้องขนมปังปิ้งอยู่อีกคน ผมลืมผู้หญิงคนนี้ไปได้อย่างไรกัน...
ผมไม่ใช่คนเจ้าชู้หรอกนะ ที่เลือกคบกับผู้หญิงหลายต่อหลายคนในเวลาเดียวกัน แต่น้องขนมปังปิ้งคนนี้เธอทำให้ผมสะดุดในความเป็นตัวตนของเธอ
สมัยชั้นมัธยมปลาย ในโรงเรียนของผมมีร้านขายขนมปังปิ้งอยู่ร้านนึง ตอนเช้าๆ ช่วงเวลาก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ แม้กระทั่งช่วงพักรับประทานอาหารกลางวัน หรือหลังเลิกเรียน ผมจะเห็นเด็กสาวคนหนึ่งที่เป็นรุ่นน้องของผม กำลังนั่งเม้ากับเพื่อนๆ พร้อมทานขนมปังปิ้งอย่างเอร็ดอร่อย ทุกครั้งที่ผมได้พบเธอ ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ผมจะไม่เห็นขนมปังปิ้งทาเนยแสนอร่อยอยู่ในมือของเธอ นี่เธอกะว่าจะทานแทนข้าวทุกมื้อเลยรึไงกันนะ หรือว่าเธอกำลังไดเอ็ด รูปร่างของเธอก็ดูเพรียวบางได้สัดส่วนดีนี่น่า แล้วมันก็ทำให้ผมค้างคาใจเกี่ยวกับความเป็นตัวตนของเธอ จนมันทำให้ผมอยากรู้คำตอบ
แล้วมีอยู่วันหนึ่ง มันก็ทำให้ผมมีความกล้าที่จะเข้าไปถามเอาคำตอบจากเธอ
‘น้องครับ อย่าหาว่าพี่อย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ พี่เห็นน้องเอาแต่ทานขนมปังปิ้ง เช้า กลางวันเย็น ไม่ยอมทานข้าวเลย ไม่เบื่อบ้างรึไงครับ?’
หญิงสาวรุ่นน้องคงกำลังสับสนอยู่เป็นแน่ว่า ทำไมผมถึงรู้ความเป็นไปของเธอ หลายๆ คนที่ผ่านหน้าร้านขนมปังปิ้งก็คงจะคิดเหมือนกันกับผมนั่นแหละ เพื่อให้หายค้างคาใจ ผมเลยเข้าไปถามเอาคำตอบจากเธอซะ
คำตอบที่ผมได้รับมันทำให้ผมหน้าแทบหงาย นี่ถ้ามุดลงดินได้นะ ผมจะขุดหลุมให้ลึกที่สุดเพื่อที่จะไม่เห็นหน้าของน้องคนนั้นอีกเลย
“พ่อกับแม่หนูสอนให้กินแต่ขนมปังค่ะ ถ้าพี่อยากรู้อะไรมากไปกว่านี้ โทรคุยกับพ่อหรือแม่ของหนูได้นะคะ แล้วมันก็เป็นสิทธิของหนู ที่อยากจะกินอะไรก็ได้ พอใจแล้วใช่ไหมคะ?”
แล้วหลังจากวันนั้น ผมก็ไม่ค่อยจะได้เห็นหน้าของเธอแถวร้านขนมปังปิ้งซักเท่าไหร่ หรืออาจจะเป็นเพราะผมที่เข้าไปเอาคำตอบจากเธอ จนเธอเริ่มจะคิดได้ว่า ใบหน้าของเธอคงจะคลับคล้ายคลับคาขนมปังปิ้งมากเข้าไปทุกที จนเธอเริ่มไม่คิดที่จะไปสนใจทานมันบ่อยๆ เหมือนแต่ก่อน แล้วผมก็ไม่ได้เข้าไปพูดคุยกับเธออีกเลย ทุกครั้งที่เราพบหน้ากัน เธอจะมองผมแบบว่าผมเป็นตัวประหลาดอะไรซักอย่าง ทำไมกันน่า แค่ผมอยากรู้คำตอบเท่านั้นเอง
...แล้วผมก็ได้รู้จักกับเธอ...
วันปัจฉิมนิเทศ ที่พวกเรานักเรียนชั้นมัธยมปลายทุกคนต้องอำลาโรงเรียนไปอย่างถาวรแล้ว พอถึงช่วงเวลาพิธีมอบดอกกุหลาบแสดงความยินดี อาจจะเป็นเพราะโลกหมุนกลับข้างก็เป็นได้ น้องขนมปังปิ้งยื่นดอกกุหลาบสีขาวให้กับผมพร้อมข้อความที่เขียนเอาไว้ในโปสการ์ด ผมอยากจะรีบเปิดอ่านซะเดี๋ยวนั้นเลย แต่ก็ต้องวางฟอร์มเอาไว้ก่อน กลัวว่าเธอจะหาว่าผมเป็นพวกเห่ออะไรใหม่ๆ ก็ต้องเข้าใจผมนะวัยรุ่นมักใจร้อนเสมอ ผมยิ้มให้กับเธอ ผมไม่รู้หรอกว่าเธอคิดอะไรอยู่ ลึกๆ แล้วผมก็ดีใจนะที่เธอไม่เกลียดขี้หน้าผมเข้าจริงๆ ในเหตุการณ์วันนั้น ผมรู้สึกดีทีเดียว อย่างน้อยเราก็ไม่มีอะไรขุ่นเคืองใจต่อกัน
เมื่อผมกลับมาถึงบ้าน ผมรีบเปิดอ่านข้อความในโปสการ์ดแผ่นนั้นทันที
‘ว้าว! ในที่สุดหนูก็กล้าเขียนข้อความมาหาพี่จนได้ เรียนจบแล้วใช่ม๊า ยินดีด้วยนะคะ ขอโทษด้วยที่วันนั้นหนูตอบคำถามออกไป แล้วพี่ก็คงจะรู้สึกไม่ดีแน่ ถ้ายังไงก็อย่าโกรธกันเลยนะคะ ขนมปังปิ้งอร่อยมากสำหรับหนู ตั้งแต่วันนั้นที่พี่เข้ามาถามหนู หนูก็ไม่กล้าที่จะนั่งอยู่แถวร้านขนมปังปิ้งอีกเลย หนูก็รู้อยู่เหมือนกันว่า คงจะมีใครอีกหลายๆ คนที่อยากเข้ามาถามเอาคำตอบจากหนู(ประเมินด้วยสายตาของคนที่มองผ่านไปมา)เอาเป็นว่าว่างๆ ก็โทรมาคุยกันบ้างนะ เรียกหนูว่าขนมปังปิ้งก็ได้ ชื่อน่ารักดี โชคดีนะคะ’
น้องขนมปังปิ้งเขียนเบอร์โทรศัพท์ให้กับผมด้วย เราเคยพูดคุยกันไม่กี่ครั้ง แล้วหลังจากนั้นเกือบปี เธอก็บินไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ผมจะลองโทรไปหาเธออีกครั้ง เผื่อเธอจะตอบตกลงมาเล่นมิวสิควิดีโอให้กับผม
ผมรอสายอยู่ไม่นาน แล้วก็มีเสียงของผู้หญิงคนนึงรับสาย ผมเดาว่าคงจะเป็นคุณแม่ของน้องขนมปังปิ้งแน่เลย
แล้วผมก็เดาถูก คุณแม่ของน้องขนมปังปิ้งบอกกับผมว่า ลูกสาวของเธออยู่ที่ประเทศอังกฤษ แต่อาทิตย์หน้าจะกลับมาเยี่ยมบ้าน ผมผิดหวังเล็กน้อย ถ้าเป็นอาทิตย์หน้าคงจะไม่ทันแล้วล่ะ ผมต้องส่งผลงานภายในอาทิตย์นี้ แล้วผมก็วางสายโทรศัพท์ไปจากคุณแม่
ผมหมดทางเลือกแล้ว และความคิดแว่บนึงของผมก็สว่างวาบขึ้นมาทันที ผมเห็นยัยลูกว้ากำลังเดินตรงมาที่รถ ท่าทางของมันเหมาะสมที่จะเป็นนางเอกมิวสิควิดีโอ รูปร่างหน้าตาของมันก็เข้าขั้นที่พอจะเป็นดารากับเขาได้ แค่ติดตรงที่ว่านิสัยของมันยังเหมือนเด็กที่ยังไม่ค่อยโตก็เท่านั้นเอง
ผมขับรถพายัยลูกว้าไปร้านอาหารที่ชื่อว่า ’ต้นน้ำ’ ครอบครัวของเรามักจะแวะมาทานอาหารที่นี่อยู่บ่อยๆ เมนูที่ขึ้นชื่อของร้านก็คือ ‘ส้มตำกุ้ง’ ส้มตำที่มีเนื้อกุ้งตัวโตๆ มันทำให้ผมน้ำลายสอเลยทีเดียว
ระหว่างทางยัยลูกว้าเอาแต่พร่ำเพ้อถึงชายหนุ่มคนที่มันแอบปลื้ม ผมก็ได้แต่รับฟังมัน พี่ชายตัวเองไม่เคยคิดจะแคร์ ทั้งที่ผมยอมตามใจมันทุกอย่าง อยากไปเที่ยวที่ไหนก็พาไป อยากทานอะไรก็ซื้อให้ทาน งอแงก็เป็นที่หนึ่ง เอาแต่ใจตัวเองก็เป็นที่สอง แล้วอย่างนี้ผู้ชายคนไหนจะยอมทนกับคนอย่างมัน ผมจะไม่ลืมเด็ดขาดว่า คืนนี้ผมจะปลอมเป็นผีเพื่อไปแกล้งหลอกให้มันกลัวตอนที่มันนอนอยู่ในห้อง โทษฐานที่มันเคยแกล้งผมเอาไว้
เมื่อมาถึงร้านต้นน้ำเราทั้งสองก็สั่งเมนูอาหารกัน ระหว่างที่รออยู่นั้นผมก็เข้าเรื่องทันที
“ลูกว้า ฉันมีเรื่องจะขอร้องแกหน่อย” ผมรู้ว่ามันจะไม่ยอมรับปากก่อนแน่ ถ้าไม่รู้ว่าเรื่องที่ผมขอจากมันคืออะไร
“ถ้ามันยากเกินไป เค้าก็ไม่เอาด้วยนะ”
นั่นไงว่าแล้ว ยัยลูกว้าเป็นแบบนี้เสมอ มันไม่ค่อยอยากจะเต็มใจทำอะไรเพื่อผมบ้างหรือยังไงกันนะ
“ฉันอยากขอให้แกมาเล่นมิวสิควิดีโอให้กับฉันหน่อย” พอจบประโยคเท่านั้นแหละ ยัยลูกว้าตาโตทนที ผมนึกว่ามันดีใจที่จะได้มาเล่นมิวสิควิดีโอให้กับผมซะอีก แต่ที่ไหนได้มันถามออกมาว่า
“แล้วได้เงินเท่าไหร่?”
ผมคงหนีไม่พ้นจริงๆ พวกกองทัพเดินด้วยเงินเนี่ย แม้แต่น้องสาวของตัวเอง
ยัยลูกว้าไม่ยอมท่าเดียว เมื่อได้รู้ว่าผมไม่มีค่าจ้างให้กับมัน แถมมันยังบอกอีกนะว่า ค่าตัวของมันไม่ใช่ถูกๆ คิดเป็นวินาทีด้วยนะ ดูมันพูดเข้า ทำอย่างกับตัวเองเป็นซุปเปอร์สตาร์อย่างนั้นแหละ ผมล่ะหมั่นไส๊ หมั่นไส้
“ถ้าไม่มีค่าตัวอย่างหวังว่าเค้าจะเล่นให้นะ”
ผมว่าผมต้องมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรซักอย่างนะ ยัยลูกว้าถึงจะยอมมาเล่นมิวสิควิดีโอให้กับผม แล้วผมก็เพิ่งคิดขึ้นมาได้ มันต้องอย่างนี้สิหน่า
“เอาอย่างนี้ดีไหม งั้นฉันจะช่วยเรื่องที่แกแอบปลื้มผู้ชายคนนั้นอยู่ ถ้าแกยอมมาเล่นเอ็มวีให้กับฉัน ฉันก็จะหาวิธีให้แกได้คุยกับเขาคนนั้น”
ผมหวังว่ายัยน้องสาวตัวแสบคงจะรับข้อเสนอของผมล่ะน่า
“ไม่ใช่ได้แค่พูดนะ ถ้าสมมุติเค้าตกลงเล่นเอ็มวีให้แล้ว พี่มะนาวจะต้องหาวิธีให้เค้าได้ทำความรู้จักกับชายหนุ่มในฝันคนนั้น ถ้าพี่มะนาวไม่ทำตามคำพูดล่ะก็ เค้าจะฟ้องพ่อกับแม่ เรื่องที่พี่มะนาวไม่ยอมเอาใจใส่ดูแลน้องสาวของตัวเองเท่าที่ควร”
“เออน่า ตกลงแกจะยอมเล่นเอ็มวีให้กับฉันแล้วใช่ไหม ฉันจะได้บอกแกว่าต้องแสดงอารมณ์ออกมายังไงบ้าง”
น้องสาวตัวแสบของผมมันมักจะเรื่องเยอะซะเหลือเกิน มันไม่ยอมจะทำอะไรโดยไม่หวังผลตอบแทนเลยซักครั้ง นี่ถ้าผมบอกกับมันว่า ในมิวสิควิดีโอของผมจะมีฉากจูบด้วยล่ะก็ มันจะเพิ่มผลตอบแทนเป็นสองเท่าหรือป่าวนะ ผมคิดหนักจริงๆ
“แล้วที่สำคัญ ในเอ็มวีของฉันจะมีฉากเลิฟซีนด้วยนะ เพราะทางบริษัทเขาตั้งโจทย์มาอย่างนี้ หวังว่าแกคงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?” ผมทำท่าทางให้ดูจริงจัง โดยภาวนาให้ยัยลูกว้าไม่เพิ่มผลตอบแทนหรือมีอะไรแลกเปลี่ยนที่มากกว่านี้ ผมล่ะเหนื่อยจริง จริ๊ง
“ฉากจูบหรอ! กรี๊ด! กรี๊ด! กรี๊ด! เค้ายังไม่อยากเสียความบริสุทธิ์นะ จูบแรกของเค้า ไม่ได้! ไม่ได้! ห้ามเด็ดขาด!”
ดูมันทำเข้า จะอะไรกันหนักกันหนา กะอีแค่ริมฝีปากของคนทั้งคู่ประกบเข้าหากัน มันไม่ใช่สมัยยุคเต่าล้านปีนะ นี่มันสมัยไหนกันแล้ว และมันก็เป็นแค่การแสดงเท่านั้น
ผมล่ะปวดหั๊ว ปวดหัว แค่หาตัวนักแสดงหญิงที่จะมารับบทบาทเป็นนางเอกในมิวสิควิดีโอ ทำไมมันช่างยากเย็นเหลือเกิน นี่ถ้าผมแฝงกายโดยแต่งตัวสวยได้นะ ผมจะไม่ง้อผู้หญิงคนไหนเลย ผมเห็นใจคนที่จะรับผมเข้าทำงานของบริษัทปลาคราฟฟิล์มก็เท่านั้น แล้วมันก็เป็นงานชิ้นแรกของผมด้วย ที่จะตัดสินว่าผมจะได้รับบทบาทเข้าไปทำงานอย่างจริงๆ จังๆ หรือป่าว
“ถ้าแกยอมมารับบทนางเอกเอ็มวีให้ฉันนะ ฉันจะยอมทำทุกอย่างที่แกต้องการ” ผมลองหาข้อเสนอดีๆ ให้กับยัยลูกว้า ผมคงไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ ผมยอมมันทุกอย่าง ขอแค่ให้มันมาเล่นมิวสิควิดีโอให้กับผม ไม่งั้นผมคงจะกลายเป็นคนตกงานอย่างนี้ไปอีกนานแน่ๆ
“แต่ว่า...มันก็มีฉากจูบด้วยนะ จะให้น้องสาวของตัวเองไปจูบกับใครก็ไม่รู้นะหรอ ไม่หวงเค้าแล้วรึไง? แล้วไอ้ที่ว่าจะยอมทำทุกอย่างเนี่ย พูดจริงรึป่าว? คิดให้ดีก่อนน๊า”
ผมคิดทบทวนดีแล้ว ผมไม่อยากเป็นคนที่ไม่มีอนาคต ผมต้องทำความฝันของตัวเองให้สำเร็จ แต่ว่าคนที่จะมารับบทเป็นพระเอกมิวสิควิดีโอให้กับผมนี่สิ ผมคิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าใครเหมาะสมที่สุดกับบทบาทนี้
ปราโมทย์หรอ...ไม่มีทางเด็ดขาด ผมรู้ว่ามันชอบน้องสาวของผมอยู่ แล้วเพื่อนของผมคนอื่นๆ ล่ะ ไม่มีทางเช่นกัน ถึงยัยลูกว้าจะดื้อหรือเอาแต่ใจตัวเองมากแค่ไหน แต่ในใจของผมก็หวงมันอยู่มาก น้องสาวตัวแสบคนนี้ ผมคอยไปรับไปส่งมันอย่างดี ดูแลเอาใจใส่มันทุกอย่างตามที่พ่อและแม่ได้สั่งเอาไว้ แล้วอย่างนี้ผมจะยอมทนให้มันไปจูบกับใครก็ได้อย่างงั้นหรอ แต่มันก็เป็นแค่การแสดงนะ
แล้วสุดท้ายผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า ใครเหมาะสมที่สุดกับบทบาทพระเอกมิวสิควิดีโอของผม
“เอาอย่างนี้ล่ะกันลูกว้า เดี๋ยวฉันจะทนเล่นเป็นพระเอกเอ็มวีเอง” ผมคิดในใจ ผมกับยัยลูกว้าเป็นพี่เป็นน้องกันแท้ๆ มันจะผิดประเพณีหรือป่าวนะ แต่มันก็เป็นแค่การแสดงเท่านั้นจริงๆ ผมไม่มีทางเลือก จะให้คนอื่นมาเล่นบทจูบอันแสนซึ้งกับน้องสาวของผมน่ะหรอ ผมไม่ยอม สู้ผมเล่นเองจะดีกว่า ยังไงเราก็เป็นพี่น้องกันคงจะตกลงกันได้ เราไม่ได้เป็นคนรักกันซะหน่อย แต่มันก็แปลกอยู่นะ เอาน่างานก็คืองาน คิดมากไปก็มีแต่ปวดหัว
“ห๊า! นี่เค้าหูฝาดไปหรือป่าว? พี่มะนาวจะมาเล่นเป็นพระเอกเอ็มวี แล้วมีบทจูจุ๊บด้วยเนี่ยนะ เราเป็นพี่น้องกันนะ กินยาแล้วลืมเขย่าขวดหรือป่าวเนี่ย?”
“ฉันไม่ได้บ้า! ตกลงแกจะยอมเล่นบทจูบกับคนอื่น หรือกับพี่ชายของตัวเองล่ะ อันไหนที่แกคิดว่าน่าไว้ใจมากกว่ากัน”
“งั้นพี่มะนาวก็ติดต่อให้ชายหนุ่มคนที่เค้าแอบปลื้มมาเล่นให้สิ คนนั้นน่าจะยอมมาเล่นให้นะ” ยัยลูกว้าพูดจบมันก็แอบจินตนาการไปถึงไหนต่อไหน ความคิดของมันก็เข้าท่าดีนะ แต่ผมไม่มีทางยอมเด็ดขาด ก็ผมหวงน้องสาวนี่น่า
“ไม่!” ผมตอบคำเดียวสั้นๆ อย่างหนักแน่
“ทำไมล่ะ? ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย ถ้าเป็นพี่มะนาวคงขอให้เขาคนนั้นมาแสดงให้ได้อยู่แล้ว”
“ก็แกเป็นคนบอกเอง ว่าฉันจะยอมให้แกไปจูบกับใครก็ไม่รู้น่ะหรอ แล้วฉันกับแกก็ยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายคนนั้นเลย นี่แหละเหตุผล”
“ทำไมล่ะ?” ยัยลูกว้าทำเสียงออดอ้อน “แต่ถ้าเป็นผู้ชายคนนั้น เค้าก็ยอมเล่นบทเลิฟซีนด้วยนะ อึ๊ย...ไม่อยากคิดเลย เขินจัง”
ท่าทางของยัยลูกว้าน่าหมั่นไส้เหลือเกิน ผมอยากจะจับมันไปขังไว้ในห้องนอนซะให้รู้แล้วรู้รอด แล้วผมก็จะแกล้งหลอกเป็นผีให้มันกลัวจนสะใจไปเลย คอยดูเถอะ คืนนี้มันหนีไปไหนไม่รอดหรอก
“เค้ารู้หรอกนะ ว่าพี่ชายของตัวเองหวงน้องสาวมากแค่ไหน ตกลงยอมเล่นเอ็มวีกับพี่มะนาวก็ได้ แต่ห้ามลืมคำพูดของตัวเองเด็ดขาด รู้ใช่ไหมว่าผลของการผิดคำสัญญามันต้องโดนยังไงบ้าง?”
ในที่สุดยัยลูกว้าก็ใจอ่อนจนได้ ผมล่ะเหนื๊อย เหนื่อย กว่ามันจะยอมทำอะไรเพื่อผมซักครั้งโดยไม่หวังผลตอบแทนเนี่ย แต่ผมก็ยังหนักใจอยู่เหมือนกันว่า มิวสิควิดีโอที่มีฉากจูบของผมกับมันจะออกมาเป็นยังไง แล้วเราทั้งคู่จะแสดงอารมณ์ออกมาจนเป็นที่ยอมรับของบริษัทปลาคราฟฟิล์มหรือป่าว ผมล่ะซีเรียสเหลือเกิน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น