คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่4
บทที่4
เช้าวันต่อมา...ทวิพัตรลืมตาตื่นขึ้นมาสายกว่าเวลาปกติ วันนี้เขามีเรียนที่มหาวิทยาลัย เขารู้สึกว่ามีอะไรหนักๆ มากดทับบนศีรษะของเขา ไม่ไหว...เขาเมาค้างหรือเนี่ย เมื่อคืนก็ดื่มไม่หนักเท่าไหร่ สงสัยจะเป็นเพราะนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ในเช้าวันนี้เขาเลยไม่ได้เข้าไปยังห้องของชมรม เพราะเวลาก็เลยมามากแล้ว คงต้องเป็นช่วงเย็น เพราะในวันนี้นักศึกษาทุกคน ต้องเข้ามาประชุมเรื่องการออกค่ายปลูกป่า ที่จะเริ่มกิจกรรมในไม่ช้านี้
“เฮ้ย! ไอ้พัตร เป็นไง เด็ดไหมล่ะเมื่อคืน” ภูวดลก้าวเท้าเดินมาทางด้านหลังของผู้เป็นเพื่อน แล้วเอ่ยปากทัก
“เด็ดบ้าอะไรวะ เมาจนพูดไม่รู้เรื่อง แถมอ้วกใส่เสื้อฉันอีก” ทวิพัตรเอ่ยอย่างหัวเสีย
“เอาน่าไอ้พัตร เดี๋ยวแกก็ชินไปเองแหละ แต่ว่าคืนนี้ แกต้องไปหายัยสองสาวนั่นกับฉันอีกนะเว้ย”
“พอเลยๆ จบกันที ฉันจะไม่ไปอีกเด็ดขาด” ทวิพัตรยื่นคำขาด เขาไม่อยากแบกรับอาการของผู้เป็นเพื่อนและสองสาว ที่หลังจากดื่มน้ำที่มีฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เข้าไปแล้วเมาจนไม่ได้สติ แถมเขายังต้องมาคอยเดือดร้อนปรนนิบัติพาไปส่งยังที่หมายปลายทางอีก
“โธ่ไอ้พัตร เห็นแก่ฉันเถอะ ไปเป็นเพื่อนหน่อย นะนะ” ภูวดลพยายามขยั้นคะยอให้ผู้เป็นเพื่อนใจอ่อน ยอมไปเที่ยวกับเขาในคืนนี้ให้ได้
“แกอยากไปก็ไปคนเดียวสิวะ ฉันไม่อยากไปนี่หว่า” แล้วคนที่เอ่ยบอกก็ก้าวเท้าเดินออกไปยังที่ตรงนั้น ปล่อยให้ผู้เป็นเพื่อนยืนเอ๋อเหร๋ออยู่คนเดียว
“เฮ้ย! ไอ้พัตร! รอฉันด้วยโว้ย!” ภูวดลพยายามตะโกนเรียกแต่ก็ไม่เป็นผล จนทำให้เขาสาวเท้าเดินตามหลังทวิพัตรไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางที่สองหนุ่มกำลังก้าวเท้าเดินไปอยู่นั้น ภูวดลขอแยกตัวไปหาสาวๆ ที่เขากำลังขายขนมจีบอยู่
ส่วนทวิพัตรก็กำลังเดินขึ้นไปยังอาคารที่เขาต้องเข้าเรียน และระหว่างทางที่เขากำลังก้าวเท้าเดินขึ้นบันไดอยู่นั้น ฟ้าประกายก็เดินลงมาเคียงข้างมาพร้อมกับชายหนุ่มผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นนักศึกษารุ่นพี่ชั้นปีสุดท้าย ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกปาก
“หรอคะ เปิ้ลไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ย ว่าพี่โอ๊ตก็ชอบปลูกต้นไม้เหมือนกัน” ฝ่ายหญิงเอ่ยคำพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ออกจะสดใส
“ใช่เลย บ้านพี่มีต้นไม้และดอกไม้หลายชนิดเลยนะ ถ้าน้องเปิ้ลอยากได้ วันหลังเดี๋ยวพี่พาไปเลือกที่บ้าน”
“จริงหรอคะ แหม พี่โอ๊ตเนี่ยใจดีจัง”
ทวิพัตรได้ยินคำสนทนาทุกประโยค ที่ฟ้าประกายพูดคุยกับชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มผู้นี้ แล้วเขาก็หันไปสบสายตาตรงๆ กับเธอ ก่อนที่เขาและคนทั้งคู่กำลังจะเดินสวนทางกันระหว่างอยู่บนขั้นบันได
ในใจของทวิพัตรรู้สึกร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก ชายหนุ่มผู้นี้คือใครกันนะ หรือว่าจะเป็นคนรู้ใจของเธอ เขาอยากรู้คำตอบเสียให้ได้ในตอนนี้
เมื่อฝ่ายฟ้าประกายเห็นสายตาของทวิพัตรที่ส่งมาทางใบหน้าของเธอ เธอกลับทำเป็นไม่สนใจเขา แถมยังทำกับว่าเขาเป็นอากาศธาตุยังไงยังงั้น
คอยดูเถอะ จะทำเป็นไม่สนใจอีกเลย คนบ้าอะไรก็ไม่รู้ ทำให้โลกร้อนขึ้นทุกวันๆ ฟ้าประกายคิดในใจ
“พี่โอ๊ตคะ เดี๋ยวเย็นนี้หลังจากประชุมเสร็จแล้ว เราไปหาอะไรทานกันไหมคะ” ฟ้าประกายเอ่ยปากชวนด้วยน้ำเสียงที่หวานและสดใส
“เอาสิ เย็นนี้หลังจากประชุมเสร็จ แล้วไปหาอะไรทานกัน ให้พี่เลือกร้านหรือน้องเปิ้ลจะเลือกล่ะ”
“เดี๋ยวเปิ้ลพาไปเอง ผัดไทแถวบ้านเปิ้ลอร่อยมากๆ เลย”
เมื่อทวิพัตรได้ฟังดังนั้น ก็เกิดอาการขุนเคืองขึ้นมาทันที จนทำให้เขาเดินไปดักตรงหน้าของอีกฝ่าย แล้วก็ทำสีหน้ากวนอารมณ์เล็กน้อย
“นี่นาย! ถอยออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ! มีสิทธิ์อะไรมายืนขวางทางคนอื่นเค้า” ฟ้าประกายทำเสียงดุใส่อีกฝ่าย เธอปล่อยให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่เคียงข้างเกิดอาการงุนงง
“อ้าว! มันเรื่องของผม ผมจะเดินไปทางนี้ คุณก็หลบไปสิ” ทวิพัตรไม่ยอมเดินหลบไปอีกทาง แถมเขายังหาเรื่องใส่เธออีกด้วย
“ทางมีให้เดินตั้งเยอะตั้งแยะไม่ยอมเดิน ไปกันเถอะค่ะพี่โอ๊ต อย่าไปสนใจคนแถวนี้เลย” แล้วฟ้าประกายก็เดินจูงมือของชายหนุ่มที่ยืนอยู่เคียงข้างให้หลบไปอีกทาง เธอเดินลงบันไดไปพร้อมกันกับเขา แถมเธอยังหันหลังกลับมาทำหน้าตาทะเล้นใส่ทวิพัตรอีก
สมน้ำหน้า คนทำลายโลกต้องแกล้งซะให้เข็ด ให้รู้ซะบ้างว่า เราก็ไม่ยอมฝ่ายเดียวหรอก ฟ้าประกายคิดในใจ และเธอก็เดินลงบันไดไปพร้อมกันกับชายหนุ่มที่มีหน้าตาคมเข้มอย่างสบายอารมณ์
ส่วนทวิพัตรรู้สึกเจ็บใจยิ่งนัก คนที่เขาชอบกลับมาทำอย่างนี้ใส่เขา แถมเธอกับชายหนุ่มคนนั้นยังพูดคุยกันอย่างกะหนุงกะหนิงอีก มีหรือว่าเขาจะยอมง่ายๆ เย็นนี้เขาจะพยายามกรีดกันไม่ให้เธอไปทานข้าวกับชายหนุ่มคนนั้นเด็ดขาด คอยดู!!!
หลังจากที่ทวิพัตรได้เข้าเรียนวิชาของภาคบ่ายจนเสร็จสิ้นแล้ว เขาเตรียมพร้อมที่จะเข้าไปประชุมยังห้องกิจกรรมเรื่องการออกค่ายปลูกป่า ก่อนที่เขาจะเดินไปยังตึกกิจกรรม เขาได้โทรศัพท์ไปบอกภูวดลว่า คืนนี้เขาคงไม่ไปเที่ยวด้วยแล้ว เขามีภารกิจสำคัญรออยู่ ซึ่งก็คือการขัดขวางไม่ให้ฟ้าประกายไปรับประทานอาหารเย็นกับชายหนุ่มผู้นั้น แต่เธอต้องไปกับเขาแทน!!!
ทวิพัตรก้าวเท้าเดินมาถึงห้องกิจกรรมก่อนใครเพื่อน ภายในห้องมีฟ้าประกายอยู่เพียงตัวคนเดียว คราวนี้ล่ะ เธอเสร็จเขาแน่
หญิงสาวก้มหน้าก้มตาจดโน้ตอะไรบางอย่างลงใส่สมุด เธอไม่ได้รับรู้เลยว่า มีใครบางคนเดินเข้ามาภายในห้องที่เธอนั่งอยู่
ชายหนุ่มพยายามก้าวเท้าเดินอย่างช้าๆ มายังข้างเก้าอี้ของหญิงสาว เขามองดูสมุดโน้ตที่เธอกำลังเขียนอะไรบางอย่างลงในนั้น
“โครงการออกค่ายปลูกป่า ที่จะถึงภายในสองอาทิตย์ พวกเราทั้งหมดจะไปตั้งแคมกัน ที่จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์” ทวิพัตรอ่านออกเสียง ทำให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ เกิดอาการสะดุ้งด้วยความตกใจ ก็เธอไม่รู้เลยว่า เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่
อีตาบ้า ออกไปไกลๆ เดี๋ยวนี้เลยนะ ออกไป!
ฟ้าประกายลุกขึ้นจากเก้าอี้ พยายามใช้ฝ่ามือผลักหน้าอกของทวิพัตร แต่ฝ่ายชายกลับจับข้อมือของเธอเอาไว้ได้ก่อน เขาพยายามไม่ให้เธอขัดขืน
“ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ! ไม่งั้นฉันจะตะโกนจริงๆ ด้วย!”
“เอาซี่ ถ้าคุณตะโกนตอนนี้ก็ดีเลย ผมจะได้บอกคนที่แห่มาที่นี่ ให้รู้ไปเลยว่า ผมเป็นแฟนคุณ” ทวิพัตรเอ่ยคำพูดออกมาอย่างกับผู้ชนะ เธอต้องโดนเขากลั่นแกล้งกลับคืนไปบ้าง
ฟ้าประกายเกิดอาการฟ้าผ่าออกมาอย่างรุนแรง เธอมีอารมณ์โกรธแกมเกิดอาการหมั่นไส้สุดขีด อยากจะฆ่าคนตรงหน้าซะให้ตาย แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้หรือขัดขืน
“นายนี่มัน...” เธอพยายามจะเป็นไทจากเขาให้จงได้ แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะสะบัดข้อมือออกจากการจับกุมของเขา
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ เธอไม่กล้าแม้แต่จะร้องตะโกนให้คนช่วย
“เมื่อตอนเช้า คุณพยายามที่จะแกล้งผมใช่ไหม?” ทวิพัตรเอ่ยถามอย่างจริงจัง
“คนอย่างนาย ต้องรู้ซะบ้าง พวกทำให้ธรรมชาติเสื่อมโทรม ยังต้องโดนมากกว่านี้อีก” เธอยิ้มออกมาอย่างกับผู้ชนะ ที่มีคำพูดเอ่ยออกมาต่อกรกับเขา
“ได้ เดี๋ยวรู้กัน” ทวิพัตรทำสีหน้าด้วยอารมณ์ของคนที่ไม่ชอบใจนัก “แล้วเมื่อเช้า ไอ้หนุ่มคนนั้นเป็นใคร แฟนหรือคนรู้ใจของคุณ”
“จะเป็นแฟนหรือคนรู้ใจ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายด้วยล่ะ แล้วก็ห้ามใช้คำว่าไอ้กับพี่โอ๊ตด้วย” คำพูดของฟ้าประกายที่เอ่ยออกมานั้น ยิ่งทำให้ทวิพัตรหัวเสียมากเข้าไปอีก “แล้วนายก็ควรปล่อยแขนฉันเดี๋ยวนี้!”
“ผมไม่ปล่อย ถ้าอยากให้ผมปล่อย คุณต้องเชื่อฟังผม” เขาพยายามออกคำสั่งกับเธออย่างจริงจัง
“นายบ้าไปแล้วรึ คำสั่งบ้าบออะไรของนาย ฉันไม่เชื่อหรอก”
“ถ้าคุณไม่เชื่อผม ผมจะหอมแก้มคุณเดี๋ยวนี้เลย เอาไง?” ทวิพัตรเตรียมพร้อมที่จะเอาจมูกโด่งๆ ของเขา กดทับไปยังข้างแก้มที่มีผิวขาวเรียบเนียนใสของฟ้าประกาย
“อย่านะ!” เธอพยายามร้องห้าม เพียงอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า เธอต้องโดนจมูกของเขามาสัมผัสยังแก้มใสๆ ของเธอรึเนี่ย ไม่นะ...แค่คิดเธอก็รู้สึกร้อนไปทั้งตัว แถมปฏิกิริยาต่างๆ ก็ทำให้เธอขนลุกไปหมดทั้งร่างกาย
“งั้นว่ามา คำสั่งบ้าๆ อะไรของนาย” เธอต้องยอมจำนน ไม่งั้นเธอคงโดนหอมแก้มเป็นแน่
“ดี คำสั่งของผมก็คือว่า เย็นนี้คุณต้องไปทานข้าวกับผม ไม่งั้นผมไม่ยอมเด็ดขาด” ทวิพัตรยื่นข้อเสนอให้แก่ฟ้าประกาย
“ไม่มีทาง ฉันจะไปทานกับพี่โอ๊ต” เธอตอบออกมาโดยไม่ต้องคิดให้มากเลย แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าของใครบางคน ก้าวเดินมายังห้องกิจกรรม ที่เธอกับเขากำลังตกลงกันอยู่
“ถ้าคุณไม่ยอม ผมจะหอมแก้มคุณเดี๋ยวนี้ แล้วบอกคนที่กำลังจะเดินเข้ามา ให้รู้กันไปเลยว่า ผมเป็นแฟนคุณ”
หญิงสาวสองจิตสองใจ ตายแน่ๆ เลยเรา เอาไงดีเนี่ย ถ้ามีคนรู้ว่า อีตาบ้านี่ แอบอ้างว่าเป็นแฟนเรา โอ๊ย! ไม่นะ...ไม่อยากคิดเลย
เสียงฝีเท้าของใครบางคนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หัวใจสองดวงเต้นตุบตับๆ ด้วยอาการตื่นเต้น อีกไม่กี่วินาทีแล้ว จะมีคนเดินเข้ามายังห้องกิจกรรมแห่งนี้ จะเป็นอาจารย์หรือนักศึกษากันล่ะเนี่ย...
“ก็ได้! ฉันยอมไปกับนาย งั้นก็ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”
ฝ่ายชายหนุ่มได้ฟังคำตกลงของหญิงสาว ก็รีบปล่อยแขนทั้งสองข้างของเธออย่างรวดเร็ว เขาเดินหนีออกไปจากที่ตรงนั้นด้วยความที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วทันใดนั้น คนที่เดินเข้ามายังห้องกิจกรรมก็คืออาจารย์สมเกียรติ
ผู้มาใหม่จ้องมองทั้งสองอย่างงุนงง เหมือนกับว่ามีพิรุธอะไรบางอย่างปกปิดเอาไว้ แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไร เพียงได้แต่ส่งยิ้มให้กับลูกศิษย์ทั้งสองของตัวเอง
เวลาผ่านไปได้เกือบๆ ครึ่งชั่วโมง ภายในห้องกิจกรรมของชมรมอนุรักษ์โลกร้อน ก็เต็มไปด้วยนักศึกษาของชมรมร่วมห้าสิบกว่าชีวิต ทั้งหมดกำลังนั่งรับฟังอาจารย์สมเกียรติชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทางไปยังค่ายปลูกป่า ณ. จังหวัดกาญจนบุรี
ทวิพัตรชำเลืองสายตาไปยังฟ้าประกายอยู่เป็นระยะๆ เธอนั่งรับฟังคำชี้แจงต่างๆ อยู่ข้างๆ พรภัทร รุ่นพี่ปีที่สี่ที่เขารู้สึกไม่ค่อยจะถูกชะตาต่อคนๆ นี้ซักเท่าไหร่ แถมเธอยังทำท่าทางกะหนุงกะหนิงต่อคนข้างๆ เมื่อยามที่เธอรู้สึกว่าเขากำลังชำเลืองมองไปทางนั้น
ถ้าเย็นนี้ไม่ยอมไปทานข้าวกับเรานะ จะไม่ยอมแน่ๆ ทวิพัตรได้แต่กำหมัดแน่ เขาอดกลั้นอารมณ์ของตัวเองเอาไว้
“เอาล่ะนะทุกคน การที่เราจะเดินทางไปปลูกต้นไม้ในป่าครั้งนี้ อาจารย์อยากให้พวกเราแบ่งกลุ่มกัน กลุ่มละประมาณเจ็ดถึงแปดคน เผื่อว่ามีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน แต่อย่าลืมที่บอก ห้ามไปไหนมาไหนคนเดียวเด็ดขาด ไม่งั้นอาจจะพลัดหลงป่าเอาได้ง่ายๆ”
เมื่ออาจารย์สมเกียรติชี้แจงรายละเอียดต่างๆ จนเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ทวิพัตรก็ลุกออกจากที่นั่ง เพื่อจะเดินเข้าไปรวมกลุ่มเดียวกันกับฟ้าประกาย
“ผมขออยู่กลุ่มเดียวกับคุณ”
“นายแน่ใจหรอ ว่าสามารถที่จะอดทนต่อการเดินทางไปปลูกป่าในครั้งนี้ได้” ฟ้าประกายเอ่ยถาม คนอย่างเธอร้อยทั้งร้อยเชื่อได้เลยว่า เขาไม่สามารถที่จะอดทนต่อการเดินทางในป่าได้แน่ๆ เพราะดูจากความคิดเห็นและการปฏิบัติตัวของเขาต่อโลกใบนี้ เขาไม่เคยคิดที่จะช่วยรณรงค์ตามคำเชิญชวนต่างๆ เลย
“แน่ใจสิ เดี๋ยวคุณก็จะรู้ ผมไม่ใช่ผู้ชายอย่างที่คุณคิดว่าทำอะไรไม่เป็นหรอก”
ยังงี้ก็ดี เราจะออกคำสั่งต่างๆ ให้รู้จักคำว่าลำบากลำบนกันไปเลย ฟ้าประกายพร้อมอยู่แล้ว ที่จะรับทวิพัตรเข้ารวมกลุ่มกับเธอด้วย เพราะเธอเป็นหัวหน้ากลุ่ม ทีนี้แหละ เขาจะต้องเชื่อฟังคำสั่งต่างๆ ของเธอ
“งั้นก็ได้ ฉันรับนายเข้ากลุ่ม แต่อย่าเพิ่งดีใจไป ฉันมีข้อแม้อยู่อย่าง” หญิงสาวยื่นข้อเสนอให้กับชายหนุ่ม ว่าเขาจะมีความสามารถพอที่จะอดทนต่อกิจกรรมในครั้งนี้หรือไม่
“ว่ามาเลย ผมพร้อมทุกอย่างแหละ” ทวิพัตรเอ่ยบอกด้วยความมั่นใจ
“ถ้าฉันรับนายเข้ากลุ่มแล้ว นายจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของฉัน เพราะฉันเป็นหัวหน้ากลุ่ม ตกลงไหม?”
“ได้สิ ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย ของกล้วยๆ”
ฟ้าประกายยิ้มอย่างมีเลศนัย เธอวางแผนการเอาไว้หมดแล้ว จะได้รู้กันไปเลยว่า คนอย่างเขาต้องได้รับโทษทัณฑ์ ให้สาสมจากการที่เขาเฉยชาต่อปัญหาโลกร้อนที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน
หลังจากเสร็จสิ้นจากการประชุมหารือเรื่องที่จะเดินทางออกค่ายปลูกป่าแล้ว อาจารย์สมเกียรติก็ปล่อยให้นักศึกษาทุกคนเดินทางกลับบ้านได้
ทวิพัตรรู้สึกว่าฟ้าประกายคลาดสายตาไปจากเขา เธอคงหนีกลับบ้านไปก่อนแน่ๆ หรือไม่ก็ไปรับประทานอาหารเย็นกับรุ่นพี่ ที่เขาไม่ค่อยจะชอบใจสักเท่าไหร่นัก เขายังเห็นเธอพูดคุยกับคนๆ นั้นอยู่เลย แถมยังทำท่าทางสนิทสนมมากเสียด้วย แค่คิดร่างกายของเขาแทบจะลุกเป็นไฟด้วยความโกรธเคือง
เย็นมากแล้ว...พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงมามาก ท้องฟ้าอาบชโลมไปด้วยแสงสีแดงปนส้ม มองแล้วช่างดูเงียบเหงาเสียเหลือเกิน ฝูงนกกระพือปีกบินเข้ารังนอน สายลมยามเย็นพัดอ่อนๆ ให้หัวใจคนเงียบเหงาต้องหดหู่มากเข้าไปอีก
ชายหนุ่มก้าวเท้าเดินลงมาจากขั้นบันไดเรื่อยๆ ไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุยของผู้คนเลย แต่ก็มีเสียงที่เขาเหมือนรู้สึกว่าคุ้นเคยเอ่ยเรียก
“นี่นาย ทำไมเดินลงมาช้าจัง ฉันหิวมากแล้วรู้มั้ย?” เมื่อทวิพัตรเดินลงมาจากบันไดขั้นสุดท้าย ก็มีเสียงเรียกของฟ้าประกายเอ่ยมาทางด้านข้าง
“อ้าวคุณเองหรอ ทำไมไม่กลับบ้านล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยถามหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามาหาเขา
“อ้าวซะงั้น แล้วใครบอกว่าจะชวนฉันไปทานข้าวด้วยล่ะ” ฟ้าประกายทำสีหน้างุนงงเล็กน้อย
ทวิพัตรไม่คิดเลยว่าฟ้าประกายจะยืนคอยเขา เขาแค่หาข้อเสนอไม่ให้เธอไปรับประทานอาหารเย็นกับพรภัทรก็เท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะเปลี่ยนใจไปรับประทานอาหารเย็นกับเขาแทน
หญิงสาววางแผนการเอาไว้ในใจหมดแล้ว เธอจะทำให้เขาตายใจซะ เมื่อถึงเวลาที่จะเดินทางไปออกค่ายปลูกป่า เธอจะเปลี่ยนเป็นคนละคน ทีนี้ล่ะเขาจะต้องเชื่อฟังเธอทุกอย่าง แค่คิดเธอก็สะใจแล้ว ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ...
“แหม นายนี่ก็ ฉันไม่เป็นคนที่รับปากใคร แล้วไม่ยอมทำตามหรอกนะ ดูซี ฉันรับปากนายไว้ฉันก็ยังทำเลย” หญิงสาวแกล้งตีหน้าซื่อ ณ. เวลานี้เธอต้องอดกลั้นในการกระทำของเขาทุกอย่าง เมื่อถึงเวลานั้น เขาต้องโดนมากเข้าไปอีก ให้รู้กันไปเลยว่า การที่เขาไม่ยอมช่วยกันรณรงค์ภาวะโลกร้อนนั้น มันสาหัสสากันมากขนาดไหน
“งั้นก็ดีเลย ไปกันเถอะ ผมก็หิวเหมือนกัน”
ฟ้าประกายนั่งรถไปกับทวิพัตรด้วยกันสองคน ตลอดทางเธอแกล้งทำตัวดีไปเสียทุกอย่าง จนเขาหลงเชื่อ เธอทำท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ขัดคอหรือออกความคิดเห็นใดๆ ที่ขัดแย้งต่อความคิดเห็นของเขาเลยสักครั้ง
บรรยากาศภายในร้านผัดไทกุ้งสดแถวย่านที่พักอาศัยของฟ้าประกาย แน่นเอี๊ยดเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ทั้งสองนั่งรับประทานและพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ทั้งเรื่องสัพเพเหระ เรื่องเล่าตลกสนุกสนาน จนความใกล้ชิดของคนทั้งคู่เริ่มขยับเขยื้อนเข้าหากันมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้บางครั้งทวิพัตรจะออกความคิดเห็น ที่เขาคิดว่าเรื่องช่วยกันรณรงค์ภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องไร้สาระ แต่เธอก็ได้แต่รับฟัง โดยไม่ออกความคิดเห็นขัดแย้งใดๆ แต่ในใจของเธอก็รู้สึกหมั่นไส้ผู้ชายคนนี้ยิ่งนัก เมื่อถึงเวลานั้น เธอจะทำให้เขาได้รู้ซึ้งถึงการกระทำของตัวเขาเอง ให้มากขึ้นเป็นเท่าตัว
“นายนี่ก็พูดเก่งไม่เบา ฉันเห็นทีแรกนึกว่าจะเป็นพวกขี้เก๊กซะอีก” หญิงสาวเอ่ยคำพูดออกไปพลางเคี้ยวผัดไทอยู่ในปากไป
“แหม ธรรมดาคุณ เมื่อเราอยู่กับคนที่เรารู้สึกดีด้วย เราก็อยากสนทนาให้มาก” เมื่อเขาพูดจบประโยคก็ส่งสายตาด้วยความจริงใจไปที่ดวงตาคู่ใสของเธอ
ปฏิกิริยาภายในร่างกายของฟ้าประกายเกิดอาการแปลกๆ ชอบกล เธอเป็นอะไรก็ไม่รู้ เมื่อเขาสบสายตาของเธอเข้าตรงๆ แล้ว เธอมันจะแสร้งหันหน้าไปทางอื่น จนเธอต้องสั่งผัดไทเป็นจานที่สามติดกันแล้ว
“โหคุณ สั่งมาสองจานแล้วนะเนี่ย ยังไม่อิ่มอีกหรอ ระวังจะอ้วนเป็นหมูไม่รู้ด้วยนะ” ทวิพัตรจ้องมองใบหน้าของฟ้าประกาย เขารู้ดีว่าเธอเกิดอาการเขินอายต่อเขา จนทำให้เธอหาข้ออ้างสั่งผัดไทมาทานเพิ่มอีก
ผู้ชายอะไรกันเนี่ย เอาแต่จ้องมองอยู่นั่นแหละ กินก็ไม่ยอมกิน
“ทำไม กลัวไม่มีตังจ่ายหรือไง นายเลี้ยงฉันไม่ใช่หรอมื้อนี้ ฉันต้องกินให้คุ้ม”
ทวิพัตรหัวเราะออกมาเล็กน้อยกับคำพูดของฟ้าประกาย
“อือ ผมเลี้ยงคุณ แต่ผมกลัวว่า คุณจะอืดเป็นหมูแล้วเดี๋ยวจะไม่มีคนมาชอบ”
“ยังงั้นก็ดี ฉันจะได้อยู่เป็นโสด ถ้าเจอผู้ชายห่วยๆ ฉันยอมขึ้นคานดีกว่า” หญิงสาวเน้นตรงคำว่า ‘ห่วยๆ’ ให้ฟังอย่างชัดเจน ซึ่งเธอก็กะจะว่าเขาทางอ้อมอยู่นิดๆ
“แล้วผู้ชายอย่างผมห่วยไหม?” ทวิพัตรเดินหน้ารุกใส่ฟ้าประกายเข้าไปอีก แต่ผัดไทเจ้ากรรมดันมาส่งตรงหน้าให้กับเธอเสียก่อน เขาเลยอดฟังคำตอบที่เอ่ยถามเธอออกไป
“ทำไมนายกินน้อยจัง” ฟ้าประกายเอ่ยถาม ในมือของเธอใช้ช้อนตักเครื่องปรุงต่างๆ ลงไปในจานผัดไท “ดูสิกินก็ไม่หมด”
ทวิพัตรจ้องมองใบหน้าของฟ้าประกายอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะตักผัดไทคำแรกของจานที่สามเข้าปาก เขาก็เอ่ยคำพูดอะไรบางออกมา
“ผมอิ่มอกอิ่มใจ”
“อ๊อก! อ๊อก!” หญิงสาวเกิดอาการสำลักเข้ากับเจ้าเส้นผัดไท ทำให้เธอควานหาแก้วน้ำดื่มแทบจะไม่ทัน “นี่นายกะจะฆ่ากันหรือไงเนี่ย”
น้ำเน่าชะมัด
“ฮ่ะ ฮ่ะ เป็นอะไรของคุณ ผมพูดแค่นี้ ทำไมคุณต้องสำลักด้วย”
“นายมันบ้า บ้าที่สุด”
ฟ้าประกายรู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนผ่าว เธอตั้งหลักแทบไม่ทันกับปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น
“กินต่อเถอะ ผมไม่กวนแล้ว”
ระหว่างที่ทั้งสองนั่งรับประทานผัดไทกุ้งสดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทวิพัตรก็ขับรถไปส่งฟ้าประกายที่หน้าประตูรั้วบ้าน
หญิงสาวคิดในใจว่า ชายหนุ่มต้องมีต้องมีข้อแม้อะไรบางอย่าง โดยไม่ยอมปล่อยให้เธอลงจากรถง่ายๆ เป็นแน่ สังเกตได้จากประตูรถที่ยังไม่ได้ปลดล็อค กับเหตุการณ์เมื่อครั้งก่อน ที่เธอเอาตุ๊กตาคิดตี้สีชมพูตัวน้อย สัมผัสแก้มของเขาไปอย่างเต็มแรง
แล้วก็เป็นดั่งที่เธอคาดเอาไว้ไม่มีผิด เขาเริ่มที่จะเอ่ยอะไรลางๆ ออกมาแล้วสิ
“คุณว่าตุ๊กตาตัวนี้ ที่วางอยู่ตรงหน้ารถของผมมันน่ารักมั๊ย?”
หญิงสาวรู้สึกว่าหัวใจของเธอเริ่มที่จะเต้นแรงขึ้นมาเรื่อยๆ ซะแล้ว
“ก็น่ารักดี ทำไมหรอ?” เธอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับคำถามที่เขาเอ่ยออกมา
“เมื่อไม่นานมานี้ มันหอมแก้มผมด้วยแหละ” ทวิพัตรเอ่ยอย่างหน้าตาย
“หรอ แล้วนายมาบอกฉันทำไมล่ะ” เธอเอ่ยโดยไม่กล้าสบสายตากับเขาตรงๆ
“ตุ๊กตามันไม่มีชีวิต แต่อยู่ดีดี มันก็มาหอมแก้มผมเฉยเลย สงสัยผมต้องหอมแก้มมันคืนแล้วล่ะ” ทวิพัตรจับตุ๊กตาคิดตี้สีชมพูขึ้นมา เขาพิจารณาดูความน่ารักของมันอย่างถี่ถ้วน
“ก็ได้ ฉันยอมก็ได้” ฟ้าประกายไม่มีคำพูดอะไรจะเอ่ยออกมาต่อกรกับทวิพัตร เธอรู้อยู่แล้วว่าต้องเสร็จเขาแน่ๆ เธอต้องโดนเขาหอมแก้มหรือเนี่ย เธอคิด ไม่นะ...แก้มใสๆ ที่บริสุทธิ์ของฉ้าน จะต้องโดนสัมผัสด้วยจมูกของผู้ชายหรือนี่
แค่คิดเธอก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัวแล้ว ก็เธอไม่เคยนี่น่า
ฟ้าประกายหลับตาด้วยความตื่นเต้น ในหัวสมองของเธอได้ยินเพียงแต่เสียงนับตัวเลขของทวิพัตร หนึ่ง...สอง...สาม...
แล้วเธอก็รู้สึกว่ามีอะไรนุ่มๆ มาสัมผัสเบาๆ ยังข้างแก้มใสๆ ของเธอ เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาดูก็พบว่า เจ้าตุ๊กตาคิดตี้ตัวน้อยกำลังผละออกจากข้างแก้มของเธอ เธอค่อยรู้สึกโล่งอกขึ้นมาหน่อย
“คืนนี้ฝันดีนะคุณ ผมไม่ยอมเสียความเป็นชายให้คุณง่ายๆ หรอก” ทวิพัตรเอ่ยคำพูดออกมาอย่างติดตลก แล้วเขาก็หัวเราะลั่นอย่างเสียงดังด้วยความชอบใจ
ฟ้าประกายรู้สึกหมั่นไส้ทวิพัตรยิ่งนัก กับคำพูดและการกระทำของเขา เธอใช้นิ้วมือหยิกลงไปแรงๆ ยังท่อนแขนของเขา เพื่อเป็นการสั่งสอนให้เขารู้สึกซะบ้าง
“โอ๊ย! เจ็บนะ! หรือจะให้ผมหอมแก้มคุณจริงๆ เอามั้ย?” ชายหนุ่มใช้มือกุมท่อนแขนด้วยความเจ็บปวด
“ไม่เอา! เปิดประตูเดี๋ยวนี้ ฉันจะลงจากรถ”
แล้วทวิพัตรก็ปลดล็อคประตูรถให้กับฟ้าประกาย เขาเฝ้ามองจนกว่าเธอจะเดินเข้าไปภายในตัวบ้าน แถมเธอยังหันมาทำหน้าตาทะเล้นใส่เขาอีก รู้ยังงี้หอมแก้มของเธอจริงๆ ก็ดีอยู่หรอก คราวหน้าเขาจะไม่ปล่อยให้เธอลอยนวลแน่ อิอิอิ...
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ความสัมพันธ์ของเขาและเธอก็เริ่มดีขึ้นมาเรื่อยๆ ถ้าวันไหนเป็นวันหยุดแล้วเขากับเธอไม่ติดธุระอะไร ทั้งสองก็มักจะชวนกันไปดูหนังแล้วก็รับประทานอาหาร บางครั้งก็ไปกันสองต่อสอง หรือบางครั้งก็ชวนเพื่อนๆ ไปด้วยกันเป็นกลุ่มๆ แม้กระทั่งภูวดล หรือกลุ่มเพื่อนๆ ของเธอก็มักจะติดสอยห้อยตามกันไปด้วย
ความลับอีกเรื่องที่ยังไม่ถูกเปิดเผยก็คือ ฟ้าประกายยังไม่รู้ความจริงทั้งหมดว่า บิดามารดาของทวิพัตรประกอบอาชีพอะไร เพราะเขาจะปิดปากเงียบไม่ยอมบอกแก่เธอ ยามเธอถามว่าบิดาและมารดาของเขาประกอบอาชีพอะไร เขาก็จะตอบออกไปว่า ทำธุรกิจส่งออกสินค้าต่างๆ แม้กระทั่งภูวดลเพื่อนสนิทของเขา เขาย้ำหนักย้ำหนาว่า ห้ามปริปากบอกเรื่องนี้แก่เธอและเพื่อนๆ ของเธอแม้แต่คนเดียวเป็นอันขาด
ความคิดเห็น