คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ผิดสัญญา
หลังจากหมดเวลาพักกลางวันบรรดาเด็กนักรียนทั้งหลายต่างก็ทยอยเดินกันออกจากโรงอาหาร สนามกีฬา หรือตามสถานที่ต่างๆ ที่ใช้ชีวิตกันอยู่เมื่อตอนพักกลางวัน บ้างก็วิ่งกันตามทางเดิน บางก็เดินจับคู่หยอกล้อกันกระหนุงกระหนิงไม่แคร์สายตาใคร แต่ทุกคนก็มีจุดหมายเดียวคือห้องเรียนของตัวเอง แต่วันนี้กลับมีสิ่งที่พิเศษเรียกให้ทุกคนที่เดินผ่านต้องหันมาสนใจหนุ่มน้อยนักเรียนแลกเปลี่ยนคนนี้ที่กำลงเดินมากับอาจารย์สาวคนสวยตรงมายังห้องปี 2-B โดยบัดดล
“ลี ทงเฮ”เจ้าของชื่อหันไปตามเสียงเรียกที่ดังจากภายในห้องทั้งที่ตัวเองยังไม่ทันจะก้าวขาพ้นประตูห้องเข้ามาเลย
“อะไรของมึงฮยอกแจ เรียกซะดังเลยมึง”ทงเฮถามกลับพลางเดินไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง
“ก็เมื่อกลางวันมึงเดินกับใครอ่ะ นักเรียนใหม่หรอ”ฮยอกแจคนเดิมถามขึ้นซึ่งทำให้บรรดาเพื่อนในห้องต่างก็หันมาให้ความสนใจกับบทสนทนาของสองคนนี้ทันทีรวมไปถึงซีวอนคนที่แกล้งทำเป็นไม่สนใจอยู่ข้างหลังห้องแต่หูกลับตั้งใจฟังเต็มที่ ซึ่งอาการดังกล่าวไม่สามารถรอดพ้นสายตาของคนที่เป็นหัวห้องไปได้
“อือ อยู่ห้องเราเนี่ยแหละ”เมื่อได้รับคำตอบเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทันภายในห้อง รวมทั้งคนที่แก้ลงไม่สนใจแต่พอรู้ว่าไอ้หนุ่มหน้ามนคนหน้าใหม่ต้องมาอยู่ห้องตัวเองเท่านั้นแหละเกิดอาการหน้ายุ่งขึ้นมาทันทีโดยที่เจ้าตัวก็หาสาเหตุไม่ได้
“อ่าว ทำไมกูไม่รู้อ่ะ มึงรู้ไหมคิบอม”ฮยอกแจผู้ที่ต้องการจะรู้ทุกเรื่องแต่กลับไม่เคยจะได้รู้อะไรก่อนใครๆเขาเลยถามขึ้น
“อืม เห็นอาจารย์บอกว่าเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาจากไทยน่ะ”คิบอมตอบตามที่รู้ ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าเรื่องทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องและเกิดขึ้นกับคนในห้องเขาต้องรู้หมดตามสโลแกนประจำตัว เรื่องทุกเรื่องของคนทุกคนในห้องเขาต้องรู้ ถูกไหมเพราะเขาเป็นหัวหน้าห้องนี่หน่า
แต่ยังไม่ทันที่ใครในห้องจะได้ซักถามอะไรต่ออีกเสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้นมาพร้อมกับร่างอาจารย์สาวซึ่งเป็นครูที่ปรึกษาเดินเข้ามาพร้องกับเด็กหนุ่มที่เป็นหัวข้องเมื่อสักครู่
“เอาล่ะ วันนี้จะมีเพื่อนใหม่เข้ามานะจ๊ะ เพื่อนใหม่เราคนนี้เขาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่จะมาเรียนกับเรา 1 เทอมนะ...เอ้ามายืนข้างๆครูนี่ ...แนะนำตัวเลยจ้ะ”
“เอ่อ...สวัสดีครับ ผมชื่อ นิชคุณ หรเวชกุล เรียกว่า คุณ เฉยๆก็ได้ครับ เอ่อ...ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”หลังจากที่สวัสดีเป็นภาษาไทย แล้วแนะนำตัวแองเป็นภาษาท้องถิ่นจบก็ส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ บวกกับสายตาพิฆาต ทำให้บรรดาหนุ่มที่ว่ากันว่าเป็นทั้งเมะและเคะในห้องถึงกับเอ่ยแซวขึ้นมาทันที
“ฝากเนื้อฝากตัวอย่างเดียวหรอ ไม่ฝากใจบ้างหรอครับ”
“อย่ายิ้มอย่างนี้บ่อยๆนะ เดี๋ยวเราหัวใจวายซะก่อนที่รับฝากหัวใจนะ”
“มาไกลอย่างนี้ ไม่คิดถึงแฟนหรอ หรือถ้าว่างๆมาคิดถึงเราก็ได้นะ”และสาระพัดจะตามมาทำให้นิชคุณถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว ก็ถึงแม้ว่าเขาจะพอพูด ฟังภาษาเกาหลีได้แต่ก็ใช่ว่าจะเก่งซะทีเดียว ทำให้อาจารย์สาวต้องปรามบรรดาหนุ่มในห้องให้หยุดแซวเพื่อนใหม่สักทีแต่ก็ไม่วายจะแหย่เด็กใหม่คนนี้เหมือนกัน
“นั่นสิ มาอยู่ที่นี่แล้วแฟน ไม่บ่นหรอจ้ะ เพื่อนเขาอยากรู้น่ะ”
“แฟน?...อ่อ ผมไม่มีแฟนหรอกครับ แต่อาจจะมาหาเอาข้างหน้านี่ก็ได้นะครับ”จบคำพูดนี้ก็เรียกเสียงหัวเราะจากคนในห้องได้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังจะยกเว้นคนหนึ่งแหละที่นั่งทำปากบิดเบี้ยวอยู่ข้างหลังทันทีที่เพื่อนใหม่พูดจบ
“มึงเป็นอะไรซีวอน ทำปากอย่างกับตูดขมิบอยู่ได้”เยซองที่หันมาเจอพอดีถามขึ้นพลางหัวเราะไปกับท่าทางของเพื่อนตัวเอง ที่ทำท่าจะไม่ชอบเพื่อนใหม่คนนี้อย่างหนัก
“เปล่า กูแค่หมันไส้ ของใหม่เห่อกันจริง...มึงหัวเราอะไรฮันคยอง”
“หือ นี่ถ้ากูไม่รู้ว่ามึงนะแมนนะ กูคิดว่ามึงเป็นแต๋วแร๋วไปแล้วนะเนี่ย ฮ่าๆ”
“ขำ ไปเหอะพวกมึง ระวังบรรดาเด็กของพวกมึงจะหันไปชอบไอ้นั่นกันหมด แล้วจะหาว่ากูไม่เตือน”พูดพลางมองไปยังนิชคุณที่ตอนนี้ก็ยังโดนแซวไม่เลิกอยู่หน้าห้อง
“โอ๊ะ กุรู้แล้วทำไมมึงถึงไม่ชอบมัน ที่แท้มึงก็อิจฉาที่เค้าใสกว่ามึงนี่เอง”ฮันคยองแซวไปก็ขำไปกับอาการของซีวอนที่ตอนนี้หน้าบึ้งกว่าเดิมเหมือนว่าเขาจะจี้จุดเข้าพอดี
“เอาล่ะๆ พอแล้วเดี๋ยวค่อยไปซักประวัติกันต่อทีหลัง นิชคุณเดี๋ยวไปนั่งข้างๆคยูฮยอนนะ...รายนี้เค้าเด็กเรียนประจำห้อง ไม่มีพิษมีภัยเหมือนพวกนี้หรอก คยูฮยอนดูแลเพื่อนใหม่ด้วยนะจ้ะ อ่อ...ส่วนคนนั้นที่แก้มบวมน่ะ คิบอมเป็นหัวหน้าห้องนี้แหละรู้จักกันไว้นะ”
“ครับ”นิชคุณรับคำพร้อมกับมองหัวหน้าห้องที่ยิ้มให้เชิงทักทายก่อนจะหันไปยิ้มให้เพื่อนคนแรกที่รู้จักในห้องพยาบาลอย่างทงเฮแล้วจึงเดินไปยิ้มทักทายให้กับคยูฮยอนที่ตนเองต้องนั่งเรียนอยู่ข้างๆ ส่วนคยูฮยอน ก็ส่งยิ้มตอบกลับมาเมื่อรู้ว่าตัวเองจะได้มีเพื่อนใหม่มานั่งข้างอีกคน แต่ผิดกับอีกคนที่นั่งอยู่ข้างหลังจากที่เมื่อสักครู่ยังอารมณ์ดีอยู่กลับนั่งหน้ามุ่ย
“อาจารย์ ทำไมให้นิชคุณ นั่งหน้าล่ะครับ”เยซองที่เกิดอาการหวงเด็กเรียนขึ้นมาทักท้วงอาจารย์สาวทันที
“อ่าว มีปัญหาอะไรจ้ะ เยซอง ก็ที่นั่งข้างหน้ามันว่างนี่น่า”
“ก็...บังผมอ่ะ ผมมองไม่ค่อยเห็น...แล้วอีกอย่าง ผมหวงนะอาจารย์”คำตอบของเยซองเรียกเสียงหัวเราะจากบรรดาเพื่อนในห้องได้เป็นอย่างดี ใครบ้างจะไม่รู้ว่าเยซองหวงอะไรแม้แต่อาจารย์คนสวยยังรู้เลยก็ได้แต่ส่ายหัวกับคำตอบของลูกศิษย์ตัวเอง ส่วนของหวงของเยซองพอได้ยินคำตอบก็แทบอยากจะเอามุดไปมุดใต้โต๊ะของตัวเองทันที ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองหน้าคนพูดหรือเพื่อนคนอื่นๆในห้องเพราะรู้ว่าถ้ามองไปก็เจอกับสายตาล้อเลียนเป็นแน่แท้ นิชคุณที่พอจะเดาอาการของเพื่อนข้างๆได้ ก็นั่งยิ้มไปกับท่าทางการอายของคยูฮยอน
“นี่ให้มันน้อยๆหน่อย เยซอง จะมาประกาศอะไรกันตอนนี้ แล้วถ้าเธอไม่อยากให้นิชคุณนั่งตรงนี้เธอก็มานั่งแทนแล้วให้นิชคุณไปนั่งที่ของเธอเอาไหม”
“ไม่เอาครับอาจารย์!!!”ยังไม่ทันที่เยซองจะตอบอะไรคนที่ทำท่าจะมุดใต้โต๊ะเมื่อสักครู่ก็ชิ่งตอบขึ้นมาทำให้ทั้งห้องก็เงียบกริบขึ้นมาทันที ทำให้คนถูกถามอย่างเยซองหน้าบึ้งทันใดเพราะคิดว่าคยูฮยอนไม่อยากให้ตัวเองนั่งข้างๆ
“เอ๋...ทำไมล่ะคยูฮยอน”
“คือว่า...เอ่อ ถ้า...ถ้า คุณเยซองมานั่งตรงนี้ผมกลัวจะเรียนไม่รู้เรื่องนะครับ”สิ้นคำตอบของคยูฮยอนก็ตามด้วยเสียงหัวเราะจากทุกคนในห้องไม่เว้นแม้แต่อาจาย์คนสวย ก็ท่าทางที่นั่งเอาเล็บจิกโต๊ะกับหน้าแดงนี่ทำให้ทุกคนที่เห็นอดที่จะเด็นดูไม่ได้ ส่วนคนที่อยู่ข้างหลังอย่างเยซองที่มองเห็นแค่แผ่นหลังกลับอารมณ์บูดขึ้นเรื่อยๆเริ่มจะไม่พอใจไอ้เด็กใหม่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ไงมึง กูพูดยังไม่ทันไรเลย เป็นไงล่ะ เพิ่งมาแค่วันแรกนะมึง ยังขนาดนี้แล้ววันพรุ่งแล้วก็วันต่อๆไปจะขนาดไหน”ซีวอนที่สบโอกาสก็ใส่ไฟทันที ทั้งที่ตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ชอบหน้าไอ้เด็กใหม่นี่เลยจริงๆ
“เอาล่ะๆ ทีนี้โอเคแล้วเยซอง นิชคุณเธอก็นั่งตรงนี้แล้วถ้าไม่เข้าใจอะไรก็ถามเพื่อนๆในห้องหรือมาถามครูก็ได้นะจ้ะ...งั้นครูไปก่อนนะ ตั้งใจเรียนกันด้วยล่ะ”
“ครับผมอาจารย์คนสวย”บรรดาเด็กๆในห้องพากันตอบรับอาจารย์คนสวยอย่างพร้อมเพรียงแต่พออาจารย์สาวเดินออกไปจากห้องเท่านั้นแหละฝูงลิงที่อยู่ในตัวแต่ละคนก็ลุกฮือขึ้นมาทันทีซึ่งส่วนใหญ่นั้นมีเป้าหมายอยู่ที่หนุ่มหน้าใหม่คนนี้นี่เอง
“นี่ นิชคุณฉันชื่อโจควอนนะ ถามไรหน่อยสิ นายรู้จักกับทงเฮมาก่อนหรอเห็นเดินด้วยกันเมื่อกลางวันอ่ะ”นิชคุณหันมามองหน้าคนถามพลางส่งรอยยิ้มที่แทบจะทำให้แต่ละคนที่เห็นแทบจะลงไปกองกับพื้นเลยทีเดียว
“ก็รู้จักกันตอนที่อยู่ห้องพยาบาลด้วยกันน่ะครับ พอดีทงเฮเขา...”
“นิชคุณ!!!”
“ทงเฮ มึงจะแหกปากทำไมวะ ห้องก็แค่นี้หูกูจะแตกไอ้นี่”ฮยอกแจบ่นออดออกมาเพราะเสียงตะโกนของทงเฮ ที่ดังขึ้นเลยอดรู้ว่านิชคุณกับทงเฮนั้นไปรู้จักกันได้ยังไง
“เอ่อ...คือนายทำปากกาตกไว้ที่ห้องพยาบาลนะ ฉันจะเอามาคืน”ทงเฮรีบเดินหยิบปากกาที่อยู่ในกระเปานักเรียนอีกด้ามมาให้นิชคุณที่นั่งทำหน้างงว่าตัวเองไปทำปากกาตกไว้ตอนไหน และเป็นอีกครั้งที่การกระทำของทงเฮเรียกเสียงฮือฮาได้จากคนในห้องเมื่อจู่ๆก็ก้มลงไปซะใกล้กับใบหน้าของนิชคุณนี่สิ
“ถ้านายบอกเรื่องที่ห้องพยาบาล นายตายแน่...”ทงเฮกระซิบขู่ด้วยน้ำเสียงที่ตัวเองคิดว่าน่ากลัวที่สุดแต่กลับกลายเป็นว่าเรียกเสียงหัวเราะน้อยๆจากนิชคุณกลับมาแทน
“นายจะหัวเราะทำไม”ทงเฮจ้องหน้านิชคุณอย่างเอาเรื่อง ซึ่งในสายตาของนิชคุณเองรวมไปถึงสายตาของคนอื่นๆในห้องอาจจะมองว่ามันน่ากลัวก็ได้ถ้าไม่มีไอ้ปากที่ยู่ๆนั่นติดมาด้วยมันเลยทำให้น่ารักน่าแกล้งมากกว่าจะน่ากลัว
“ครับ ผมจะไม่บอกใครทงเฮสบายใจได้”นิชคุณรับปากด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเอามือไปขยี้ผมของทงเฮอย่างเอ็นดูถึงแม้ว่าทงเฮจะยืนขึ้นแล้วแต่มือนิชคุณก็ยังเอื้มไปขยี้ผมทงเฮเล่นได้อย่างสบาย ส่วนเจ้าของผมก็ได้แต่หน้าบึ้งเข้าไปอีก เพราะเริ่มไม่แน่ใจไอ้เด็กใหม่นี่มันจะดูซื่อๆเหมือนหน้าตามันหรือเปล่านี่ซิ การกระทำของทั้งสองเรียกความสนใจของบรรดาเพื่อนห้องในห้องที่ดูได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับหัวหน้าห้องอย่างคิบอมเพราะมีไม่บ่อยนักที่ใครจะเห็นทงเฮทำหน้าโกรธได้น่ารักมันไม่เหมือนตอนทะเลาะกับซีวอนเพราะอันนั้นมันเหมือนกับจะรบกันฆ่าให้ตายเลยทีเดียวกับกับนิชคุณคนนี้มันแตกต่างกันมากมาย คิบอมเหลือบไปมองซีวอนที่นั่งอยู่ข้างหลังแล้วก็ต้องกระตุกยิ้มขึ้นมาเมื่อเห็นอาการกระฟัดกระเฟียดอย่างเห็นได้ชัด
“มึงยิ้มอะไรคิบอม”ฮยอกแจที่หันมาเห็นพอดีทักขึ้น และไอ้รอยยิ้มแบบนี้ถ้ามันอยู่บนหน้าหัวหน้าคนนี้เมื่อไหร่มันต้องมีเรื่องทุกที
“กูอยากเปิดโต๊ะอีกแล้วว่ะ”
“ห๊ะ...เอาอีกแล้วหรอมึงเมื่อเช้าเพิ่งโดนไอ้หมวยมันด่า นี่มึงยังไม่สำนึกอีกหรอไง”คิบอมเหลือบตามองคนข้างๆอย่างกวนๆ
“ทำไม หรือมึงจะไม่เล่นก็ตามใจ กูก็เปิดไปอย่างนั้นแหละเพื่อหมามันหลงมาเล่น”
“ไอ้...”
“หมันไส้!!!”จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจของทุกคนให้มองไปทางต้นเสียงทันที เมื่อรู้ว่ามาจากไหนต่างคนก็มองมาทางหัวหน้าห้องอย่างคิบอมทันที เพียงแค่เสียงนิ้วเคาะโต๊ะสองครั้งก็เป็นอันรู้กันว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปแล้วบรรดาคนในห้องต้องทำตัวยังไง ฮยอกแจมองหน้ากวนๆของคิบอมที่ส่งมาให้ก่อนจะสบทเป็นภาษาผู้ดีของห้องสองสามคำแล้วก็พาตัวเองไปยังโต๊ะของคิบอมทันที ส่วนโจวควอนเมื่อเห็นท่าไม่ดีก็รีบลากนิชคุณกับคยูฮยอนที่นั่งหน้าตาตื่นออกจากบริเวณที่คาดว่าน่าจะมีระเบิดลงทันที
“เปิดโต๊ะ”
“โธ่เอ๊ย ก็แค่ไอ้พวกที่เห่อของใหม่”ซีวอนพูดพลางนั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าอย่างกวนๆ
“...หึ”
“มึงยิ้มอะไรไอ้หมวย อย่ามากวนกู”ซีวอนโวยวายออกมาเมื่อเห็นท่าทางเหมือนกับจะเยาะเย้ยอะไร
“กูก็เพิ่งจะได้กลิ่นอะไรตุๆลอยมา คล้ายๆกับหมาที่กลัวจะไม่มีใครสนใจตัวเอง มันก็เลยพาลกัดเขาไปทั่ว เดี๋ยวนะเขาเรียกว่าอะไรนะ...อ่อ หมาหัวเน่านั่นเอง มึงได้กลิ่นเหมือนกูไหมซีวอน”
“ไอ้หมวยมึง...ใครหมาหัวเน่า มึงพูดดีๆนะ เฮอะ! ทำมาเป็นว่ากูไม่เหมือนบางคนหรอก พอมีของใหม่มาก็ระริกระรี้ ออเซาะกันซะ” ทีกับกูล่ะทำอย่างจะฆ่าที่กับไอ้เด็กใหม่ออเซาะซะ กูหมันไส้
“มึงพูดแบบนี้หมายความว่าไงซีวอน”ทงเฮถามกลับด้วยความพยายามที่จะข่มอารมณ์ตนเองอย่างยิ่ง
“กูพูดอะไรกูก็หมายความว่าอย่างนั้น ทำไมมันกระทบมึงหรอไง เดือดร้อนจังนะ...อ่อ ลืมไปว่าคงจะสนิทกันมากเพราะนอนที่ห้องพยาบาลด้วยกันแล้วนี่ คงจะลึกซึ้งละสิ”ซีวอนยังคงนั่งส่งความกวนอวัยวะเบื้องล่างไปให้คู่ปรับอย่างต่อเนื่อง
“ซีวอนมึงจะพูดอะไรก็ให้เกียรติคนอื่นเขาบ้างนะ ไม่มีใครเขาคิดอกุศลแบบมึงหรอก”
“เออ...กูมันเลวใครมันจะไปดีอย่างไอ้เด็กใหม่ของมึงละ อะไรก็ดีไปหมด กูอยากจะรู้นักว่า...ของมันจะดีจริงๆหรือเปล่าถึงทำให้ลี ทงเฮ ถึงขนาดออกโรงปกป้อง”อารมณ์ที่ยั้งไว้ขาดผึ่งทันที ทงเฮไม่ชอบให้ใครเอาเรื่องแบบนี้มาพูด ซึ่งเรื่องนี้ซีวอนก็รู้ดีพอๆกับเพื่อนในห้อง แต่มันก็ยังมีมาประปรายเขาก็ไม่อยากสนใจอะไรมากมายแต่ครั้งนี้ซีวอนพูดเหมือนดูถูกเขามากเกินไปแถมยังเป็นกับนิชคุณเพื่อนใหม่ที่ยังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ซีวอนก็ยังพูด และทุกครั้งเขาก็อดทน
“ไอ้ซีวอน!!! มึงอย่ามาปากดี ก็เพราะปากมึงอย่างนี้ไงเล่ากูยุนอาถึงทิ้งมึง กูเคยส่งสารมึงนะ แต่ตอนนี้กูสมเพชมึงเพราะปากมึงนั่นแหละ และกูจะบอกมึงไว้เลยนะนิสัยแย่ๆแบบมึงน่ะไม่มีใครเค้าเอาหรอก”
“ลี ทงเฮ!!! ”ซีวอนลุกพรวดด้วยความโมโหทันที ทุกคนในห้องรู้ว่าซีวอนรักยุนอามากแค่ไหน ตอนที่เลิกกันใหม่ๆซีวอนแทบจะกินเหล้าแทนข้าวเลยก็ว่าได้เรียนก็ไม่ค่อยเรียนเรียกได้ว่าแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนกันเลยทีเดียวแต่โชคดีที่ตอนนั้นซีวอนได้เพื่อนซึ่งตอนนี้ส่วนใหญ่ก็เรียนอยู่ห้องเดียวกันคอยช่วยเหลือเรียกได้ว่าเกือบทุกคนเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมารวมทั้งทงเฮก็ด้วย ตั้งแต่ตอนนั้นมาเลยไม่มีใครพูดถึงชื่อนี้ จนกระทั่งตอนนี้ลี ทงเฮ กลับขุดมันขึ้นมาอีกครั้ง
ทงเฮชะงักทันทีเมื่อรู้ว่าตนเองพูดอะไรออกไปและแววตาที่แสดงออกมาของซีวอน แววตาแบบเมื่อ 3 ปีที่แล้วที่ทงเฮเห็นมันบ่อย แววตาที่แสดงถึงความเจ็บปวดอย่างมากมายและแววตานั้นที่มันห่างหายไปนานแต่มันกำลังกลับมาเพราะลี ทงเฮคนนี้ คนที่เป็นคนแรกที่สัญญาว่าจะไม่พูดถึงชื่อนี้ให้ซีวอนได้ยินอีก ส่วนคนอื่นได้แต่พากันอึ้งถึงแม้ว่าไอ้คู่นี้มันจะทะเลาะอะไรกันรุนแรงแค่ไหนก็ไม่มีใครเอาเรื่องร้ายแรงของฝ่ายตรงข้ามมาพูดเพราะยังไงทุกคนก็ยังมีคำว่า “เพื่อน” แต่ตอนนี้...
“ซีวอน ฉัน...”
“พลั่ก!!!...พลั่ก!!!”
“เฮ้ย!!! จับซีวอนไว้”เพื่อนคนหนึ่งร้องขึ้นอย่างตกใจที่เห็นซีวอนพุ่งตัวต่อยหมัดหนักๆเข้าที่ใบหน้าของทงเฮ จนคนอื่นๆต้องรีบเข้ามาห้ามไว้แล้วแยกตัวทั้งสองให้ออกห่างจากกัน แต่จะเรียกว่าแยกทั้งสองคงไม่ได้เพราะมีแต่ซีวอนที่เป็นคนจะพุ่งเข้ามาหาทงเฮจนเพื่อนหลายคนต้องช่วยกันล็อคตัวซีวอนไว้ทั้งฮันคยอง เยซองและเพื่อนคนอื่นๆอีก ทงเฮก็ถูกคิบอมกับนิชคุณพยุงไว้ไม่ให้ล้ม ทั้งคู่เอาแต่จ้องหน้ากันแต่ต่างความรู้สึกซีวอนไม่คิดว่าทงเฮคนที่สัญญากับเขาไว้คนแรกว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก เรื่องที่ทำให้เขาต้องเสียใจจนแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แต่ทงเฮก็กลับเป็นคนแรกที่เอ่ยมันขึ้นมา ส่วนทงเฮมองซีวอนกำลังโมโหและแววตาอันแดงก่ำที่ทงเฮรู้สึกได้เลยว่ามันคือความเสียใจ ผิดหวัง ที่กำลังมองมามันยิ่งทำให้ทงเฮรู้สึกผิดเข้าไปอีกทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนสัญญาเอง เพื่อนที่ให้สัญญากันไว้แล้วว่าจะไม่เอาเรื่องร้ายแรงที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่มาพูด แต่ลี ทงเฮ ทำมันไปแล้ว
“นี่มันเรื่องอะไรกัน!!!”
“อาจารย์มินฮวาน!!”
-------------------------------------------------------------
จัดยาว ตอนนี้แต่งยากส์อ่ะ บรรยายอารมณ์ไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่ตัวรู้นะว่าอยากให้เป็นแบบไหน 55+
ใครมีอะไรจะติจะเตียนก็บอกกันมั่งนะ อยากรู้ จะได้ปรับปรุง โฮะๆ
ยังก็รักคนอ่าน คนเม้นนะจ้ะ จุ๊บๆ
ปล.แอบเปลี่ยนชื่อตอนนิดหน่อย พล็อตมันเปลี่ยนกระทันหัน ^.^
ความคิดเห็น