ตามล่า อิหน้าปลวก - นิยาย ตามล่า อิหน้าปลวก : Dek-D.com - Writer
×

    ตามล่า อิหน้าปลวก

    หน้าปลวกแล้วไง?

    ผู้เข้าชมรวม

    39

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    39

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  15 พ.ย. 55 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทที่ 1 ราชินีปลวก       

    เคยไหมที่บ้างครั้งก็อยากจะหนีไปในที่ไกลๆ ไปในที่ๆไม่มีใครรู้จักคุณ คุณมีปัญหามากมายกองอยู่ข้างหน้า แต่ไม่รู้จะว่าจัดการกับมันอย่างไร คุณอาจจะยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน แต่คุณอยากใช้เวลาสักพักเพื่อที่จะพิจารณาดูว่าคุณจะจัดการกับปัญหาข้างหน้าหรือหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับปัญหาเหล่านั้นอย่างไร ถ้าคุณเคยรู้สึกเช่นนั้นละก็ คุณคงจะเข้าใจความรู้สึกของ “ดาวเรือง” ในตอนนี้เป็นอย่างดี

    หญิงสาวนั่งมองท้องฟ้าอย่างน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาของตัวเอง คำปรามาสที่ได้ยินมาวันนี้ยังคงก้องอยู่ในหัว เธอได้ยินอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำจนยากที่จะไม่คิดถึงมัน ถ้าคนเราเลือกเกิดได้ก็คงไม่มีใครอยากเกิดมา จน หน้าตาอัปลักษณ์ ตัวดำ หัวทื่อ แบบนี้หรอก มีคำถามเกิดขึ้นในใจมากมายหลายอย่าง แต่มนุษย์ก็คือมนุษย์ ผู้ที่ไม่ค่อยจะยอมรับความจริงที่เจ็บปวดได้ง่ายๆ คิดอยากโทษคนอื่นที่ทำให้เธอต้องรู้สึกเศร้าเยี่ยงนี้ เลยพาลโกรธไปทั่ว โกรธที่มีคนมาปรามาสกับเธอแบบนี้ แต่ที่เขาพูดมาก็จริงทั้งหมด โกรธพ่อและแม่ที่ทำให้เธอตัวดำ และหน้าตาอัปลักษณ์จนคนอื่นเรียกเธอว่า “ปลวก” แต่จะว่าไปเธอก็ไม่รู้ว่าเธอได้เชื้อนี้มาจากไหน เพราะตั้งแต่จำความได้เธอก็ไม่เคยได้เห็นหน้าพ่อกับแม่ของเธอเลย ความจริงในข้อนี้ยิ่งทำให้เธอโกรธโชคชะตาเข้าไปใหญ่ที่ทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้ เธอรู้สึกปวดขมับขึ้นมาทันที ยิ่งคิดมากก็ไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่จะทำให้จิตใจของเธอรู้สึกแย่ลงกว่าเดิม

    เสียงเพลงจากบาร์ที่อยู่ใกล้ดังเข้ามาให้ห้องพัก นักดนตรีกำลังบรรเลงเพลงของวงคาราบาว วงที่เธอชื่นชอบ เธอนอนลงและมองทอดออกไปยังท้องฟ้า และร้องเพลงตามนักร้องเพราะเพลงนี้เธอรู้จักเป็นอย่างดี

    “มหาลัย มหาหลอก    เด็กชายบ้านนอก เด็กหญิงบ้านนา

    รํ่าเรียนรู้ในวิชา  แต่จบออกมายังไม่มีงานทํา

    ไม่มีงานก็ไม่มีเงิน   ออกเดินเดินเดินยํ่าสมัครงาน

    สอบเท่าใดยังสอบไม่ผ่าน    มันหัวปานกลาง   เขาเอาแต่หัวดีๆ

    มีความรู้สู้เขาไม่ได้    เส้นเล็กเส้นใหญ่เส้นก๋วยจั๊บไม่มี

    นามสกุลไม่สง่าราศี    เป็นลูกตามีเป็นแค่หลานยายมา”

             

              นึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าเพลงนี้ คนเขียนตั้งใจเขียนหรือเปล่า เทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายในรั้วมหาวิทยาลัย อีกหน่อยเธอก็คงต้องทำเหมือนในเพลงคือออกไปหางานทำ แต่เธอก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าผลที่ได้จะเหมือนในเพลงเสียหมด คือไม่มีงานทำน่ะสิ เธอปล่อยใจคิดอะไรเรื่อยเปื่อย จนไม่ทันได้สังเกตว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดแล้ว แต่มันก็นานพอสมควรจนเธอรู้สึกง่วงนอน ฤดูหนาวในเดือนธันวาคมปีนี้ไม่ได้แตกต่างไปจากปีก่อนๆเลยคือ อากาศจะเย็นในช่วงค่ำจนถึงรุ่งสาง ส่วนตอนสายถึงบ่ายก็ร้อนตับแตกเหมือนเดิมนั่นแหละ

    อากาศเย็นๆแบบนี้อดรู้สึกคิดถึงบ้านไม่ได้ ถ้าตอนนี้เธออยู่บ้าน เธอก็คงซุกตัวอยู่ให้ผ้าห่มอยู่ข้างๆหญิงชราคนหนึ่ง และฟังเสียงบ่นอู้อี้ของชายชราอีกคนหนึ่งอยู่อย่างแน่นอน  นานเท่าไรแล้วนะที่เธอไม่ได้กลับบ้าน ป่านนี้ตาสมกับยายอุ่นจะเป็นอย่างไรบ้างนะ รอยยิ้มเริ่มปรากฏบนใบหน้าของหญิงสาว พรุ่งนี้เย็นโทรไปหาตากับยายดีกว่า เธอภูมิใจกับโทรศัพท์เครื่องละห้าร้อยบาทที่เธอซื้อให้ตากับยายด้วยน้ำพักน้ำแรงก่อนเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเป็นอย่างมาก เพราะรู้ดีว่าจะต้องไปเรียนไกลบ้านถึงห้าปี คงไม่มีโอกาสได้กลับมาเยี่ยมท่านบ่อยนัก ดาวเรืองฝันอยากจะเป็นครู กลับมาสอนที่โรงเรียนในหมู่บ้านซึ่งยังขาดแขลดและจะได้ดูแลตบแทนผู้มีพระคุณของเธอด้วย ซึ่งนับวันก็ยิ่งชราลงเรื่อยๆ แต่ก็โชคดีที่ท่านทั้งสองยังแข็งแรงอยู่ ตาสมดำรงชีพด้วยการเป็นสัปเหร่อและมัคทายก ส่วนยายอุ่นเป็นแม่ครัวใหญ่ ที่ไหนมีงานก็จะมาจ้างแกไปทำกับข้าว  ฝีมือของแกก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร ดาวเรืองได้เรียนรู้การทำอาหารของยายอุ่นมาโดยตรงฝีมือของเธอก็ไม่ใช่เล่นๆเช่นกัน บ้านไม้เก่าๆในเขตวัดมีข้าวของเครื่องใช้ไม่มาก มีมุ้งสองหลังคือของตาสมหลังหนึ่ง เป็นอีกหลังหนึ่งอยู่ในห้องเล็กๆ ที่ใช้ตู้หลังใหญ่กั้นไว้ให้ดาวเรือง แต่เธอก็ไม่ยอมอยู่ห้องนั้น จนยายอุ่นต้องยายมานอนด้วย พัดลมตัวเล็กสองตัวและตัวใหญ่อีกหนึ่งตัว ทีวีขนาดสิบสี่นิ้วที่ลุงน้อยผู้ใหญ่บ้านไม่ใช้แล้วเพราะเขาซื้อทีวีจอใหม่แบบใหญ่สะใจ เขาจึงนำทีวีหลังนี้มาให้ และตู้เย็นที่จับฉลากมาได้ในงานวัด แล้วก็วิทยุยี่ห้อธานินทร์เครื่องโปรดของตาสม

    เมื่อคิดถึงท่านทั้งสอง เธอจึงนึกตำหนิตัวเองทันทีจากความขาดสติของเธอ เธอควรขอบคุณโชคชะตาต่างหากล่ะ ที่ทำให้เธอมาอยู่จุดนี้ มีคนอีกมากมายที่ไม่ได้มีโอกาสเรียนสูงเท่าเธอ ถึงเธอจะจนแต่เธอก็ได้เรียนร่วมชั้นเดียวกับพวกที่ชอบดูถูกเธอ เธอจึงถือว่าเธอและคนพวกนั้นอยู่ชั้นเดียวกันและลืมเรื่องชนชั้นเสีย ถึงเธอไม่สวย ตัวดำ หรือปลวกแค่ไหน อย่างน้อยก็มีคนอีกสองคนที่รักเธอ เห็นค่าของเธอ เธอยังจำได้ดีว่ายายอุ่นบอกเธอว่าเธอสวยแค่ไหน เมื่อเด็กๆ ในหมู่บ้านล้อเรื่องหน้าตาและความดำของเธอ

    “ดาวเรือง หนูจะร้องไห้ทำไมจ๊ะ ไม่ต้องเสียใจนะที่พวกเขาบอกว่าหนูไม่สวยน่ะ ยายว่าหนูสวยนะ สวยแบบแปลกๆน่ะจะ พวกนั้นเลยไม่เห็นความสวยของหนู” หญิงเลยวัยทองพูด

    “พวกนั้นว่าหนูดำด้วยจ๊ะ” เด็กน้อยฟ้อง

    “ดำนี่แหละดีลูก ดำดีสีไม่ตก ขาวสกปรก คบไม่ได้”

    ดาวเรืองหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกตอนที่ยายอุ่นบอกว่าสวยแบบแปลกๆ นี่และมังที่ยายบอก สวยแบบแปลกๆคือสวยแบบปลวกๆนี่เอง

    หญิงสาวลุกขึ้น เธอเสียเวลามานั่งคิดเรื่องไร้สาระแบบนี้มาตั้งแต่ตัวค่ำแล้ว แทนที่จะทุ่มเทให้กับการสอบกลางภาคที่ใกล้เข้ามา

    “เอาวะ ปลวกก็ปลวก  แต่เป็นปลวกทั้งทีก็ขอเป็นราชินีปลวกแล้วกันวะ ดำ แล้วไง ยังงี้อ่ะ สเปคฝรั่งเฟ้ย จน แต่ก็ไม่เคยขอใครกิน สู้ทุกอย่างด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ไม่สวย หน้าปลวก หน้าปุแล้วไงหรอ? ก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนนี่นา เชอะ! ฉันไม่สนใจหรอกนะ ว่าใครจะพูดยังไง เพราะฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อฟังคำพูดไร้สาระพวกนี้ ฉันมาที่นี่เพราะความฝันของฉัน”

    เมื่อคิดเช่นนี้แล้วรู้สึกดี เธอบิดขี้เกียจสองสามที ปล่อยสายตาไปเรื่อยเปื่อย แต่ต้องสะดุดเพราะสายตาคู่หนึ่งที่มองมาจากมุมมืดบนต้นไม้ แวบแรกที่เห็นหญิงสาวตกใจมาก แต่เมื่อมองดีๆกลับเป็นสัตว์สี่เท้าที่มีดวงตะเป็นประกายที่สะท้อนแสงไฟจากตึกที่เธออยู่นั่นเอง

    “แมวอะไรหว่า ตัวเบอเร่อ” เธอว่า หลังจากกะขนาดของมันจากขนาดของดวงตาคู่นั้น

     ขณะที่เธอกำลังจะหันหลังกลับ มีนกตัวใหญ่มากตัวหนึ่งบินเฉี่ยวลงมาจากไหนไม่รู้ไปทางต้นไม้ที่มีแมวเกาะอยู่ นกตัวนี้ทั้งใหญ่และเร็วมาก ความแรงของมันทำให้เธอเสียหลักจนเกือบล้ม

    “ตัวอะไรฟะ ไม่เห็นคนยืนอยู่ไง” ดาวเรืองบนอุบก่อนหันไปมอง

    “เฮ้ย นกฮูกจะกินแมว ทำไงดี?” หญิงสาวตกใจ เมื่อเห็นเงาของสัตว์สองตัวกำลังต่อสู้กัน เธอคิดอะไรไม่ออก คิดแต่เพียงอยากจะช่วยแมวให้พ้นจากการเป็นอาหารของนกฮูกในคืนนี้

    “คิดสิๆ นกฮูกๆ นกกลางคืน กลัวแสง... ใช่ๆ อย่างน้อยมันก็น่าจะตกใจนะ” เธอหยิบไฟฉายที่ถือติดตัวมาจากห้อง แล้วส่องไปยังจุดที่สัตว์ทั้งสองกำลังต่อสู้กันอยู่ ภาพที่เห็นกลับทำให้เธอตัวสั่นเทาด้วยความตกใจ มันไม่ใช่นกฮูกตัวใหญ่กับแมวตัวใหญ่ แต่มันคือหมาในสีดำกับค้างคาวต่างหาก กำลังต่อสู้กันบนต้นไทรต้นใหญ่ เธอน่าจะเอะใจตั้งแต่ทีแรกที่เห็นหมาในตัวนั้น แมวอะไรจะตัวใหญ่ขนาดนั้น แต่นี่มันหมานี่ หมาจะปีนต้นไม้ได้อย่างไร เธออยู่บนดาดฟ้าชั้นห้านะ ปีนมาสูงขนาดนี้ได้ไงอ่ะ ไหนจะนกฮูกอีก ที่มันทำเธอเกือบล้ม เสียงหมาเริ่มหอนโหยหวน  มีนกบินมาเพิ่มอีกสามสี่ตัว คราวนี้เป็นนกจริงๆไม่ใช่ค้างคาว น่าจะเป็นนกฮูกจริงๆหรือไม่ก็นกเค้าแมว บรรยากาศวังเวงชอบกล แต่หญิงสาวกลับยืนนิ่งไม่ไหวติง เธอเคยช่วยตาสมทำศพมาก่อน เธอจึงไม่ค่อยกลัวผี แต่ภาพตรงหน้ามันชวนพิศวงอย่างไรไม่รู้ สัตว์สองชนิดกำลังต่อสู้กัน บนต้นไม้เก่าแก่ แล้วมีนกอีกสามสี่ตัว ที่ดูเหมือนจะส่งเสียงเชียร์การต่อสู้ที่ดุเดือดคู่นี้อยู่ นักสู้สองตัวหันมายังต้นทางของแสง พวกมันเห็นหญิงสาวตัวเล็กๆกำลังยืนอยู่ ตาของพวกมันมองเธอราวกับเห็นเหยื่อใหม่ที่น่าสนใจกว่าการต่อสู้ เจ้าค้างคาวตัวใหญ่พร้อมที่จะจู่โจมเธอแล้ว เจ้าหมานั่นก็เหมือนกัน

    “คราวนี้แหละ วิ่ง!” หญิงสาวบอกกับตัวเองก่อนวิ่งและปิดประตูดาดฟ้าก่อนที่เจ้าค้างคาวนั้นจะถึงตัวเธอ เธอหายใจหอบ ทั้งกลัว ทั้งตกใจ ทั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นค้างคาวตัวใหญ่ขนาดนี้ หรือเห็นหมาที่หน้าตาน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนเลย

    ดาวเรืองเดินเข้าห้อง เธอปิดประตูและหน้าต่างระเบียง ล็อกอย่างแน่นหนาก่อนเดินขึ้นเตียง เธอมองประตูและหน้าต่างระเบียงอย่างระแวง คืนนี้เป็นคืนแรกที่ปิดหน้าต่างและระเบียงนอน คืนนี้คงไม่ได้รับลมจากทะเล ต้องทนร้อนเอาหน่อย เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เพราะไม่รู้ว่าเจ้าสัตว์ใหญ่สองตัวนั้นไปรึยัง

    “เกือบไปแล้ว แค่นึกอยากจะเป็นราชินีปลวกแค่นี้ เกือบกลายเป็นอาหารหมา อาหารค้างคาวไปแล้วไม่ล่ะ  ไม่ยักรู้นะว่าสัตว์พวกนี้จะกินปลวก” หญิงสาวบอกกับตัวเองก่อนผล็อยหลับไป โดยที่ไม่รู้เลยว่าข้างนอกนั้น มีสายตาเกือบสิบคู่ที่มองเธออย่างกระหาย

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น