ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Prince Club +ปริศนารักเจ้าชาย+ online

    ลำดับตอนที่ #4 : เตรียมตัวเป็นนักเรียนม.ต้น(อีกครั้ง)

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 48




           “พ่อคะให้หนูไปหาคุณตาเถอะนะ”มินะเข้ามาขอร้องพ่อในห้อง

           “พ่อบอกแล้วไงลูกเค้าไม่ต้อนรับเรา”พ่อว่าอย่างอ่อนแรง

           “คุณพ่อรู้ได้ไงค่ะ เวลามันผ่านมา10กว่าปีแล้ว คุณตาก็ใช่ว่าจะใจแข็งนักหนา อย่างน้อยเราก็ยังมีคุณยาย”มินะเขย่าแขนเบาๆอย่างเซ้าซี้ไม่ยอมเลิก

           “แล้วลูกจะไปยังไง”พ่อถาม

           “แปลว่าคุณพ่อจะให้หนูไปใช่มั๊ยคะ”มินะยิ้มรอคำตอบอยู่ในอ้อมแขน

           “ถ้ายายยังอยู่หนูคงไปได้”พ่อว่า

           “คุณพ่อคะหนูจำเป็นต้องย้ายที่เรียนค่ะ”มินะว่าแล้ววิ่งออกไปจากห้องแล้วกลับมาอีกครั้งพร้อมกับสมุดบันทึกเล่มนั้น

           “แม่ต้องการให้คุณตาคุณยายเจอหนู”มินะว่าพลางเปิดสมุดบันทึกไปที่หน้านั้น

           “แต่หนูเดินทางคนเดียวได้เหรอลูก”พ่อหน้าเครียดเป็นกังวล

            “โธ่! คุณพ่อลืมไปแล้วเหรอคะว่าเรายังมีโมเอะอีกคน”มินะทำหน้าเซ็งๆ เป็นเชิงว่าพ่อฉันนี่ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

           “แต่ว่าที่อยู่หนูจะไปหาที่ไหน คุณตาหายไปเป็นสิบๆปีแล้วนะลูก”พ่อลูบหัวมินะอย่างแผ่วเบาเหมือนจะเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกความรักความอาทรในมือไปสู่ตัวมินะเองเพื่อเตือนว่าพ่อก็ไม่อยากให้ไป

           “พ่อคะหนูเตรียมไว้หมดแล้วขอแค่สอบมิดเทอมเท่านั้น…แล้วหนูก็จะไป”น้ำเสียงในตอนหลังเธอช่างดูเศร้าสร้อย

          

           พ่อเพิ่งเข้าใจตอนนี้เองว่าความรู้สึกของคุณตาตอนที่แม่ของมินะขอร้องให้เขาและเธอได้แต่งงานกันแต่คุณตาก็ต้องกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ปล่อยลูกสาวที่รักไป มันก็เหมือนกันเขาในตอนนี้ที่ต้องจำใจปล่อยมินะไปตามคำขอครั้งสุดท้ายของหญิงผู้เป็นที่รัก

    ที่บ้านของโมเอมิ

          

            เมื่อแรกที่มินะรู้จักบ้านโมเอมินั้นเธอไม่เคยเรียกมันได้เต็มปากสักครั้งว่าบ้านเพราะมันใหญ่โตเกินกว่าจะเป็นบ้านตามความคิดของเธอมันคฤหาสน์ชัดๆ

          

            พ่อบ้านรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์เกินกว่าที่ควรจะเป็น สวมแว่นตาหนาเตอะ กับชุดสูทสีเทาอ่อนๆ ที่รีดอย่างเรียบกริบ (มินะสงสัยในใจว่าจะต้องใช้น้ำยารีดผ้าเรียบหมดไปสักครึ่งขวดแน่ๆ) เดินเข้ามาโค้งคำนับให้โมเอมิอย่างนอบน้อม



            “คุณหนูเรียกผมมีอะไรหรือครับ”พ่อบ้านกล่าวอย่างสุภาพก้มหน้ารับคำสั่ง

            \"ชั้นต้องการเข้าเรียนที่ Prince and Princess College ในปีการศึกษาหน้า เพราะฉะนั้นชั้นต้องการให้พ่อบ้านจัดการหาที่อยู่นี้”มินะยื่นกระดาษที่เป็นที่อยู่ของคุณตาของโมเอมิให้

            “แต่คุณหนูครับ ผมคาดว่าอย่างน้อยก็คงประมาณ9 เดือนกว่าจะถึงปีการศึกษาหน้าที่เมืองไทย”พ่อบ้านแย้ง

            “ใช่ อีก9 เดือนจะถึงปีการศึกษาหน้าที่เมืองไทย แต่เรา2 คนจะไปที่เมืองไทยในฐานะนักเรียนม.ต้นอีกครั้งทันทีที่เรารับประกาศนียบัตรจบการศึกษาระดับมัธยมต้นที่นี่เรียบร้อยแล้ว”โมเอมิอธิบายเหตุผลให้พ่อบ้าน

            “เพื่ออะไรครับคุณหนู”พ่อบ้านนึกสงสัยจึงย้อนถามมีรอยย่นน้อยๆ บนใบหน้า

            “เพราะมินะจะย้ายไปอยู่กับคุณตาที่นั่น ชั้นคิดว่ามันนานเกินไปที่จะรอให้มันถึงปีการศึกษาหน้า”โมเอมิอธิบายมีความไม่พอในเจือปนอยู่ในน้ำเสียง ที่พ่อบ้านไม่ยอมเข้าใจสักที

            “เข้าใจแล้วครับ”พ่อบ้านโค้งคำนับรับคำสั่งแล้วเดินออกไป

            “เดี๋ยวก่อน!”โมเอมิร้องห้ามเมื่อพ่อบ้านกำลังบิดลูกบิดประตู

            “เตรียมพาสปอร์ตได้เลยนะจัดการให้เรียบร้อยก่อนสอบมิดเทอมเสร็จ”โมเอมิสั่งปิดท้าย

            “ครับ”พ่อบ้านรับคำอีกครั้งแล้วเปิดประตูออกไป

            “เรามาวางแผนกันต่อว่าเราจะทำยังไงต่อไป”โมเอมิระริกระรี้จับมือมินะมานั่งคุยกันที่เตียงนอนดับเบิลเบดขนาดใหญ่

            “ไม่เห็นจะต้องวางแผนเลยแค่เราไปถึงเราก็หาที่เรียนแค่นี้ก็พอแล้ว”มินะหน้าเหรอหรางงงัน

            “ไม่ให้วางแผนได้ยังไงตอนนี้น่ะแกเป็นวีโอล่ามือสำคัญของโรงเรียนถ้าแกออกไปแกคิดเหรอว่าครูใหญ่เค้าจะยอมให้แกออกง่ายๆ”โมเอมิอธิบายความหมายที่ต้องวางแผนให้ฟัง

            “ไม่เห็นเป็นไรเลยแค่พ่อชั้นมาเซ็นออกให้เราก็ได้ออกแล้ว”มินะว่า

            “แล้วตาแกล่ะเค้าโกรธพ่อกับแม่แกไม่ใช่เหรอเกิดแกไปแล้วเค้าไม่ยอมรับแกจะทำยังไง แล้วแกจะดูแลปกป้องอย่างที่แม่แกสั่งเสียได้ยังไง”โมเอมิหาเหตุผลต่างๆ นาๆ มาอ้าง ยังไงก็ยังไม่พ้นที่จะต้องมานั่งวางแผนอยู่ดี

            “แล้วเราจะวางแผนอย่างไง”มินะจนปัญญา

            \"ก็หาทางรับมือไง เกิดแกไปถึงแล้วตาแกบอกว่า…แกมาทำไมชั้นไม่ต้อนรับแก ไป๊!!”โมเอมิดัดเสียงให้เป็นคนแก่

            “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกม้าง”มินะหน้าเหวอ

            “ถึงสิ แล้วพอเค้าว่าอย่างเงี๊ยะแกก็เถียงไม่ออกแต่แกก็ไม่ยอมไปแล้วเค้าก็เอาน้ำร้อนมาสาดแก”โมเอมิว่าแล้วทำท่าสาดน้ำร้อนใส่ทำหน้าโหดเหี้ยมยกมือขึ้นปิดหน้าส่ายหัวไปมา ในขณะที่มินะก็ทำหน้าสยดสยองเต็มทนกับเรื่องที่โมเอมิสันนิษฐาน

            “แล้วเราจะไปเมื่อไหร่”มินะชิงถามก่อนที่โมเอมิจะสันนิษฐานต่อไป

            “ทันทีที่พาสปอร์ตเรียบร้อย อาจจะหลังสอบเสร็จประมาณอาทิตย์กว่า”โมเอมิกำลังจะสันนิษฐานต่อหุบปากลงแล้วตั้งต้นพูดใหม่

            “ชั้นคงมีเวลากับพ่ออีกแค่ เดือนเดียว”มินะก้มหน้ามองปลายที่ถูไปมาของตัวเอง

            “ยอมรับชะตากรรมแกเถอะมินะก็แกเป็นคนเลือกเองนี่นา”โมเอมิลูกหัวปลอบเพื่อน

              

             มินะล้มตัวลงนอนบนเตียงมือประสานไว้ที่หน้าท้องแล้วค่อยๆหลับตาลงช้า เพื่อผ่อนคลายจากความเศร้า โมเอมิเห็นอย่างนั้นก็ทำบ้างมือข้างหนึ่งวางไว้ที่หน้าท้องส่วนอีกมือหนึ่งก็ยื่นไปจับมือของมินะไว้



            “มินะชั้นรู้นะว่าแกอยู่กับพ่อมาทั้งชีวิตถึงแกไปอยู่ที่โน่นแกก็ไม่ได้อยู่คนเดียวแกยังมีชั้น ชั้นคนนี้ที่จะคอยตามแกเป็นเงาตามตัวแกอย่าเศร้าเลยนะชั้นเชื่อว่าสักวันก็ต้องได้กลับมาที่ญี่ปุ่นกลับมาอยู่กับพ่อแกอีกครั้งแน่”โมเอมิให้กำลังใจ

            “ช่าย…ชั้นก็หวังให้มันเป็นอย่างนั้น”มินะว่า

              

             แล้วทั้งสองก็หลับตาลงพร้อมกัน……………….



             ที่โรงเรียนมัธยมโอเจ

              

    ในห้องเรียนมัธยม3A



              “เอาล่ะเงียบๆกันหน่อย”อาจารย์ฟูมิโกะ ที่สอนวิชาสังคมและเป็นอาจารย์ประจำชั้นของห้องเอ่ยขึ้นในคาบสังคม ตอนเช้า

    ที่แท่นกลางชั้นเรียน

              

               นักเรียนหัวโจกในห้องทั้งหลายเงียบเสียงลง  แต่ยังมีทอมบอยคนหนึ่งในห้องส่งสายตาหวานให้สาวกะข้างๆ อย่างหวานหยดย้อยจนมดสำลักความหวานอยู่



               “ซุซุกิ ริสะ เธอพร้อมจะเรียนรึเปล่าฮะยายทอมบอย”อาจารย์ฟูมิโกะส่งสายตาตำหนิที่อยู่ภายหลังแว่นตาแมวนั้นมาที่ริสะ

               “หนูไม่ใช่ทอมบอยนะคะ”ริสะคัดค้านลุกขึ้นยืนตอบ

               “แล้วเธอเป็นอะไรอย่าบอกนะว่าเธอเป็นผู้ชาย”อาจารย์ฟูมิโกะไม่พอใจเพราะถ้านักเรียนคนไหนเถียงเธอเธอจะตีความเอาเองว่ากำลังดูถูกความคิดเธอ

               ‘ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ  ฮิๆๆๆๆ อิอิๆๆๆ’เสียงผู้หญิงในห้องหัวเราะ

               ‘เฮ้ย!อย่าบอกนะว่าแกเป็นผู้ชาย’เสียงผู้ชายในห้องเลียนแบบเสียงแหลมแสบแก้วหูของอาจารย์ฟูมิโกะ แถมยังโห่และเป่าปากใส่อีก

              “หนูเป็นผู้หญิงแข็งแรงต่างหากเล่า”ริสะเถียงขึ้นเสียงดังให้กลบเสียงนักเรียนที่โห่อยู่

              “เนี่ยน่ะเหรอที่เธอบอกว่าเป็นผู้หญิงแข็งแรงถ้าเธออดทนต่อคำตักเตือนแบบนี้ไม่ได้ชั้นว่าเธอกลับไปคิดใหม่ดีกว่ามั้ง”อาจารย์ว่าโดยไม่สนใจว่าริสะจะทำหน้ายังไงบ้าง ทันทีที่พูดจบเธอก็หันหน้าเข้าหากระดานจดข้อความต่อ

              “สงสารริสะเนอะ”มินะหันมาคุยกับโมเอมิ

              “งั้นๆ แหละ”โมเอมิว่า

              “อ่านข้อความบนกระดานพร้อมกันซิ”อาจารย์ฟูมิโกะขัดขึ้น

              “ให้นักเรียนสรุปใจความจากเทปที่ฟังไปส่งท้ายคาบ…โห่”พออ่านข้อความบนกระดานจบนักเรียนทั้งห้องก็พร้อมใจกันโห่

              “อะไร อะไรทำไป”อาจารย์ส่งสายตาเหมือนนางจิ้งจอกที่ซ่อนอยู่หลังแว่นตาแมวมาที่นักเรียนแล้วเริ่มเปิดเทปแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะไขว่ห้างกินกาแฟแล้วทำหน้าอย่างกับได้อารมณ์อยู่ในสวนกาแฟซะอย่างงั้น

              “แกว่ามะมินะว่ายายแก่หนังเหนียวเนี่ยจะมาผลาญเงินโรงเรียนเราเปล่าๆ อะไรก็ให้จดจากเทป นี่..แกจดไปนะเดี๋ยวชั้นจะรอลอก”โมเอมิว่าจบก็กลับเอาหน้าไปซุกไว้ที่แขนแล้วนอนต่อ

              “ก็ได้”มินะรับคำ แล้วเธอก็ส่งสายตาไม่พอใจไปที่อาจารย์ฟูมิโกะเหมือนกัน

              

               อาจารย์ฟูโกะยังนั่งจิบกาแฟอย่างได้อารมณ์ที่โต๊ะต่อโดยไม่รู้ว่ามีนักเรียนหลายคนส่งสายไม่พอใจมาให้ ก็ดูเค้าสิ วันๆ ก็นั่งขายของจากเมืองนอกหาว่าเรียนสังคมต้องรู้จักของให้รอบโลก แถมยังชอบแต่งตัวแบบผู้ดีเช่นใส่เสื้อแขนกุดไว้ข้างในด้านนอกมีผ้าคลุมไหล่ที่มีสีหน้าเวียนหัวเหมือนหนังตุ๊กแกที่เธอคิดว่าสวยซะเต็มประดากับกระโปรงผ้าลูกไม้ที่บานซะจนกินพื้นที่รอบข้างตัวเธอไปประมาร4-5 เซนติเมตรเลยล่ะ



              “ยามาโมโต  โมเอมิมาหาชั้นหน่อยซิ”อาจารย์ฟูมิโกะเรียกหาโมเอมิ

              “มาน-อา-ราย-กาน-อีก”โมเอมิงัวเงียตื่นหรี่ตาปรือมองไปทางต้นเสียง

              “ยายตุ๊กแกหนังเหี่ยวนี่เอง”โมเอมิครวญในลำคอ แล้วเดินโซซัดโซเซไปหน้าห้องเรียน

              “ได้ข่าวว่าปีหน้าเธอจะย้ายโรงเรียนเหรอ”อาจารย์ฟูมิโกะพูดไปด้วย มือก็ล้วงแคทตาล็อกในกระเป๋าไปด้วย

              “อ๋อ..ค่ะ”โมเอมิสะบัดหัวแรงๆ เพื่อให้หายมึน

              “ย้ายไปที่ไหนล่ะ”อาจารย์มองลอดแว่นมาที่เธอพลางแลสายตามาที่แคทตาล็อกที่กองอยู่บนโต๊ะ ประหนึ่งว่าจะใช้สายตาที่เหมือนนางจิ้งจอกของเธอเกี่ยวสายตาของโมเอมิเพื่อลากให้สายตาเธอมาอยู่ที่แคทตาล็อกเล่มหนา

               “จะขายแคทตาล็อกก็บอกมาเถอะค่ะอย่าอ้อมให้เสียเวลาหนูจะจดงานต่อ”โมเอมิว่า

                

                อาจารย์ใช้สายตาเหมือนนางจิ้งจอกจับจ้องมาที่ดวงหน้าของโมเอมิอีกครั้ง



                “เมื่อกี้หนูก็แค่พักสายตาเท่านั้นเอง”โมเอมิยักไหล่ทำหน้าซังกะตาย

                “ชั้นยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ”อาจารย์ว่าเลิกล้มความพยายามที่จะส่งสายตามาที่แคทตาล็อกซะที

                “เธอไม่สนใจจะเปิดมันเลยเหรอ….ของชั้นดีจากอิตาลีเชียวนะ ชั้นให้สิทธิเธอดูเป็นคนแรกเธอจะไม่สนใจมันซักหน่อยเลยเหรอ”อาจารย์มองลอดแว่นและเริ่มใช้ความพยายามที่จะส่งสายตาที่พยายามลากสายตาโมเอมิให้มาจับจ้องที่แคทตาล็อกอีกครั้ง

              

                 โมเอมิยังคงส่ายหน้าทำหน้าเซ็งเหมือนเดิม ขณะที่อาจารย์ฟูมิโกะยังใช้สายตาแบบนั้นกับเธอต่อไป เธอแก้เก้อด้วยการมองผ้าคลุมไหล่ลายตุ๊กแก(ในความคิดของเธอ)เพลิน แต่สุดท้ายเธอก็คิดได้ว่ามันยิ่งไปกันใหญ่



                 “งานเธอน่ะไม่ต้องห่วงหรอกให้ยายเปิ่นนั่นนั่งทำให้เธอก็ได้”อาจารย์ส่งสายตาดูถูกไปที่มินะและชักสายตากลับมองและยิ้มนุ่มนวลอย่างไม่จริงใจเท่าไหร่ให้

                 “หุบปากเน่าๆ ที่ฉาบไว้ด้วยสีที่น่าขยะแขยงนั่นซะ”โมเอมิกำหมัดแล้วทุบลงที่แคทตาล็อกเล่มนั้นอย่างเหลืออด

                 “นี่เธอ….”อาจารย์ชี้นิ้วที่ยาวและแหลมมาที่โมเอมิ

                 “แล้ววันหลังน่ะถ้าอยากจะมองหน้าชั้นอีกล่ะก็ช่วยเก็บสายตาที่เหมือนนางจิ้งจอก กับรอยยิ้มที่เหมือนก้นลิงนั่นไปด้วย”โมเอมิไม่ยอมให้อาจารย์ได้พูดจบ

                 “หะ-หักจิตพิสัย3Aสิบคะแนน”อาจารย์พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นด้วยความโกรธเก็บของแล้วเชิดหน้าออกจากห้องไป

        

                 บรรยากาศตึงเครียดครอบคลุมมัธยม3Aอีกครั้ง แต่ไม่มีใครทาโมเอมิเลยซักคำที่ทำให้โดนหักจิตพิสัยทั้งห้อง ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะกลัวอำนาจเงินของเธอแต่เพราะทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า อาจารย์ทำเกินไปจริงๆ



                “หือ…รำคาญจริงเล้ย”โมเอมิบ่นกระปอดกระแปดกระฟัดกระเฟียดกลับไปนั่งที่โต๊ะ

                “โมเอะใจเย็น”มินะลูบหลังปลอบ

                “เย็นได้ไง แกไม่เจอแบบชั้นนี่ อี้ย์น่าขยะแขยงที่สุด แกคิดดูสิชั้นต้องมาเล่นเกมส์จ้องตากับนางปีศาจจิ้งจอกนั่น”โมเอมิระบายออกมา

                “ก็เธอเล่นด่าเค้าขนาดนั้นนี่นา”มินะว่าเสียงอ่อย

                “นี่แกกำลังจะหมายความว่าเรื่องทั้งหมดนี้ชั้นผิดงั้นสิ”โมเอมิตวัดสายตากลับมาที่มินะ

                “ป่าว..”มินะปฏิเสธเสียงอ่อย

                “ช่างเหอะเตรียมเรียนอังกฤษต่อเถอะ”โมเอมิหันหน้าไปที่กระดาน

              

                 ที่บ้านของมินะ



                “พ่อคะอาทิตย์หน้าหนูจะสอบแล้วนะ”มินะเอ่ยขณะที่ช่วยพ่อรดน้ำต้นไม้ที่สวนหย่อมหน้าบ้าน

                “พ่อรู้ลูกว่ามันน่าเศร้า”พ่อยิ้มให้กับสายยางรดน้ำที่ถืออยู่อย่างเลื่อนลอย

                “แล้วพ่อไม่คิดบ้างเหรอคะว่าหนึ่งอาทิตย์ที่เราเหลืออยู่เราน่าจะทำอะไรที่มันน่าประทับใจกว่านี้”มินะว่าไปถอนวัชพืชที่โคนกระถางกุหลาบไปด้วยอาการเศร้าหน่อยๆ

                “แค่นี้ก็ประทับใจเกินพอแล้วลูก”พ่อหันหน้ามาโดยเร็วใช้สายยางฉีดน้ำรดมินะ

              

                สองพ่อลูกเล่นกันสนุกสนานด้วยสงครามสายน้ำหน้าบ้าน มินะวิ่งไปเอาสายยางอีกสายที่มุมบ้านเปิดน้ำรดไปวิ่งหนีไป แข้งขาของทั้งสองแปดเปื้อนไปด้วยโคลนที่เหยียบย่ำ ใบหน้าเปื้อนยิ้มฉายแววความสุขอันแสนเศร้า  มินะนอนเกลือกกลิ้งไปกับพื้นสนามหญ้าแล้วเคลื่อนหัวไปวางบนตักพ่อเมื่อพ่อเดินไปปิดน้ำและนั่งลงข้างๆ



                “นี่คุ้มแล้วเหรอกับเวลาที่เหลือของหนู”มินะเงยหน้าถามพ่อ

                “มันอยู่ที่ใจลูกถ้าลูกบอกว่าคุ้มมันก็คุ้ม”พ่อว่าพลางลูบผมลูกสาวคนเดียวด้วยความรักใคร่

                “แล้วพ่อว่าคุณตาจะรังเกียจหนูมั้ย”มินะหันมานอนตะแคงข้างพูดไปมือก็ถอนหญ้าเล่นไป

                “ก็เพราะพ่อรู้ว่าลูกต้องรู้สึกอย่างงี้พ่อถึงไม่อยากให้ไป”พ่อเสียงขรึมลง

                “แต่เราต้องทำหน้าที่ใช่ไหมคะ….หน้าที่ครั้งสุดท้าย”มินะว่าเสียงอ่อยในตอนท้าย

                “ถ้าพ่อไม่ติดว่าพ่อต้องทำงานพ่อก็คงจะลาออกไปอยู่ด้วยแต่ถ้าพ่อไปลูกคงไม่ได้รับการยอบรับอีก”พ่อว่า

                “พ่อคะพ่ออยู่อย่างนี้นานๆ ให้หนูหนุนตักนานๆ นะ”มินะน้ำตาซึม

                “ไม่ร้องน่าลูก”พ่อใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาที่แก้มใสของลูกสาวเบาๆ

                “จะสู้ขาดใจเลยแหละเพื่อให้ได้อยู่กับคุณตา”มินะกำหมัดขึ้นมาอย่างเชื่อมั่นเชิดหน้ามองฟ้า



    ที่ห้อง3A



                “นี่เงียบๆ แล้วก็ฟัง”อาจารย์ฟูมิโกะเดินมาที่หน้าชั้นตะโกนบอกนักเรียนทุกคนในห้อง

                “อีกสองวันจะสอบ เตรียมตัวตายไว้ก่อนได้นะชั้นเตือนด้วยความหวังดี”อาจารย์ฟูมิโกะพูดต่อเมื่อนักเรียนเงียบ

              

                เตือนด้วยความหวังดีอะไรกันมาถึงก็ดักคอให้เตรียมตัวตาย ไม่ติวข้อสอบ ไม่ให้กำลังใจ ไม่แนะแนวทาง แถมยังซ้ำเติมไปทางสมน้ำหน้าอีกหาก วันๆ ก็ให้แต่ทำรายงานไม่เห็นสอนสักกะอย่าง……



               “นี่ๆ มินะพาสปอร์ตเรียบร้อยแล้วละเตรียมตัวได้แล้วล่ะ”โมเอมิเอียงเก้าอี้มาคุยกับมินะที่โต๊ะโดยเอาข้อศอกเท้าโต๊ะมินะไว้

               “อืม”มินะหน้าเจื่อลงอย่างเห็นได้ชัดแต่โมเอมิไม่สังเกตเห็น

               “นี่ๆเธอสองคนคุยอะไรกันต้องการไมโครโฟนไหม”อาจารย์ชี้มาทางโมเอมิและมินะ

               “ชั้นไม่ได้คุยเรื่องจับตุ๊กแกตากแห้งหรอกน่าไม่ต้องร้อนตัวหรอก”โมเอมิบ่นกระปอดกระแปด

               “มินญารภัทร เธอเหม่อลอยอะไรของเธอ”อาจารย์เดินมาทุบโต๊ะเรียนของมินะทำให้เธอสะดุ้ง

               “เอ่อ……”มินะไม่รู้จะหาคำแก้ตัวยังไงวันนั้นเธอเลยโดนหักจิตพิสัยวิชาสังคมไปตามระบียบ



               ตอนพักกลางวัน



               “เฮ้ย! มินะแกเป็นไรไปน่ะดูแกไม่สดใสเลย”โมเอมิจ้องหน้ามินะ

              “ไม่เป็นอะไรหรอก”มินะโกหกซึ่งๆ หน้าความจริงเธอไม่สดใสก็ตั้งแต่เมื่อรู้ว่าพาสปอร์ตเรียบร้อยเพราะมันหมายถึงเธอต้องไปจากที่นี่….

              “แน่นะ”โมเอมิเอามือมาจับที่หน้าผากของมินะดู

              “ตัวก็ไม่ร้อนแต่ทำไมซึมๆ”โมเอมิสงสัย

              “นี่ชั้นมีวิธีแก้ให้แกมีเมล์ใช่มะ”โมเอมิสีหน้าลิงโลดขึ้นมา

              “อืมมีมาหลายปีแล้ว”มินะว่าตามซื่อ

              “แกมาเล่มเอ็มเอามะมันจะได้สดใสหน่อย”มินะว่าพลางตบมือตัวเองลงที่หน้าขาของมินะ

              “เอ็ม เอ็มคืออะไรอะ”มินะทำหน้าสงสัย

              “ก็เอ็มเอสเอ็นไง”โมเอมิบอก

              “ชั้นไม่รู้จักอะ”มินะว่าตามซื่ออีก

              “สรุปว่าตั้งแต่แกมีเมล์มาแกไม่เคยเล่มอ็ม”โมเอมิพยายามทำหน้าและน้ำเสียงให้ปลงกับความเชยของเพื่อน

              “อืม”มินะพยักหน้า

              “โอเค งั้นวันนี้ชั้นไปบ้านแกชั้นจะทำให้แกรู้จักความสุขจากเอ็มซะที”โมเอมิยืนขึ้นเชิดเต็มที่ให้กับศักดิ์ศรีเจ้าแม่ออนไลน์



    ตอนเลิกเรียน



              “เลิกได้ซะทีนะโรงเรียน และแล้วเวลาก็หมดไปอีกหนึ่งวัน”โมเอมิถอนหายใจอย่างโล่งอกพลางกางแขนออกรับลมเต็มที่

              “ช่าย หมดไปอีกหนึ่งวัน”มินะพูดเสียงเหนื่อยอ่อน แต่สำหรับเธอแล้วเธอเอยากจะหยุดเวลาไว้ไม่ให้เดินทาง ไม่อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เพราะถ้าถึงวันพรุ่งนี้เธอก็จะเหลือเวลาอยู่ที่นี่แค่วันเดียวเท่านั้น

              “เดี๋ยวชั้นโทรบอกคุณพ่อบ้านให้มารับนะ”โมเอมิพูดไปมือก็ล้วงโทรศัพท์มือถือในกระโปรงไป

              “ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องโทรหรอกเราเดินกับบ้านกันก็ได้เก็บบรรยากาศดีๆ ที่ญี่ปุ่นไว้”มินะเอื้อมมือไปจืบมือของโมเอมิไว้ก่อนที่เธอจะโทร

              “อืม ก็ได้”โมเอมิเก็บมือถือลงไปไว้ในกระเป๋ากระโปรงอย่างเดิม

                  

                ทั้งสองเดินตามกันไปตามทาง ในย่านฮาราจูกุที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา เป็นทั้งศูนย์รวมแฟชั่นเด็กวัยรุ่นที่ชอบทำตัวประหลาดเรียกง่ายๆ ว่าเด็กแนว มีให้มองเห็นอยู่ทั่วไป

                  

               โมเอมิมักพูดอยู่เสมอว่ามินะไม่น่าจะมาอยู่ในย่านที่อุดมไปด้วยความทันสมัยแบบนี้เลย ทำตัวก็ไม่ตามกระแสวะบ้างทั้งๆ ที่มันอยู่ใกล้แค่เอื้อม น่าจะแลกที่อยู่กับเธอซะมากกว่า แต่ว่าแลกที่อยู่ไม่ได้หรอกโมเอมิอยู่ในย่านกินซ่าที่มีแต่พวกมีเงิน แต่มินะฐานะทางบ้านไม่ดีนัก

                  

                ทั้งสองเดินไปตามทางโดยไม่ได้พูดอะไร โมเอมิเข้าใจความรู้สึกของมินะตอนที่นี้เธอเป็นเพื่อนกับมินะมานานแค่สังเกตสีหน้าและแววตาแค่นี้เธอก็แล้วว่ามินะลำบากใจแค่ไหนที่เวลาเหลือน้อยแบบนี้

                  

                เมื่อมาถึงหน้าบ้านมินะฝากกระเป๋าไว้ที่โมเอมิล้วงกระเป๋ ากระโปรงหยิบเอากุญแจบ้านออกมาไขที่กุญแจที่คล้องโซ่อยู่อีกทีที่ประตูหน้าบ้าน พอปลดกุญแจและโซ่ออกแล้วโมเอมิและมินะก็เดินตามกันเข้าไป เมื่อคล้องกุญแจกลับไปที่เดิมโมเอมิก็ส่งกระเป๋าคืนให้มินะ มินะรับมาแล้วโมเอมิกับมินะก็กอดคอกันเข้าบ้าน



                “นี่มินะคอมอยู่ที่ห้องแกหรือว่าห้องพ่อแกอะ”โมเอมิกวาดตาดูรอบบ้านไปด้วยถามไปด้วยบางครั้งก็เดินไปหยิบโน่นจับนี่ขึ้นมาดู

                “ใช่อยู่ที่ห้องชั้น เข้าไปก่อนเลยเดี๋ยวเอาของกินตามไป”มินะโผล่หน้าออกมาจากห้องครัว

                “เจ๋งสุดๆ เลย ให้ชั้นโทรบอกคุณพ่อบ้านให้เอาของกินมาส่งอีกมะ”โมเอมิถามเดินเข้ามาที่ปากประตูห้องครัวชะโงกหน้าเข้าไปถาม

                “ไม่ละ ไปเปิดคอมรอเถอะ”มินะเงยหน้ามาบอกมือก็ยังล้างผลไม้ไปด้วย

                “โอเค”โมเอมิส่งสัญญาณมือว่าโอเคโดยเอานิ้วชี้กดลงบนนิ้วโป้ง

                  

                แล้วโมเอมิก็แยกเข้าไปในส่วนที่เป็นห้องของโมเอมิ ระหว่างที่รอมินะมาโมเอมิก็ค้นข้อมูลในเครื่องเล่นอย่างเสียมารยาท แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อการพยายามทำตัวเป็นสายลับจำเป็นของเธอไม่เป็นผลเพราะคอมของมินะไม่มีข้อมูลอะไรที่ว่าเป็นความลับเลย จะมีก็แต่รายงานต่างๆ เต็มเครื่อง



                “ว้า..เซ็งเลย ทั้งคนทั้งคอมเฉิ่มเหมือนกันเป็นบ้า”โมเอมิถอนหายใจอย่างเบื่อๆ

                  

                 หลังจากกร่นว่าคอมมินะอยู่นานโมเอมิก็เริ่มต่ออินเตอร์เน็ตแล้วเข้าไปที่เอ็มเอสเอ็นทันที



                “ไม่ได้ตั้งแบบออโต้และจะเอารหัสที่ไหนมาเนี่ย”โมเอมิตบขาตัวเอง

                “มาแล้วๆ ผลไม้หวาน”มินะเอาเสียงนำมาก่อนที่จะเลื่อนประตูโชจิออก

                “นี่มินะรหัสเมล์รหัสอะไร ความจริงอะนะชั้นจะแฮคก็ได้นะแต่ชั้นว่ามันคงเสียความรู้สึกน่าดูถ้าแฮคโดยไม่ได้รับอนุญาติ”โมเอมิรีบลุกมาถามมินะที่ถือถาดผลไม้เข้ามา

                “ไม่ได้หรอกให้ไม่ได้”มินะส่ายหัว

                “ทำไม!”โมเอมิกระแทกถาดผลลงบนโต๊ะเล็กกลางห้องอย่างแรง

                “ก็ตอนสมัครเค้าห้ามบอกรหัสใครนี่นา”มินะเถียง

                “ก็จะเชื่ออะไรกับคำที่มันบอกเล่า”โมเอมิขึ้นเสียง ก็ทำยังกะเธอบอกรหัสใครอย่างนั้นแหละถึงมาด่าคนอื่น

                “บอกก็ได้ 53744848944525”

                “นี่แกกลัวใครจะรู้รหัสแกนักหนา”โมเอมิบ่นๆ ที่มินะตั้งรหัสซะยาว แล้วก็เดินไปพิมพ์รหัส

                “โอ้ พระเจ้าจอร์จ แกไม่มีใครในลีสเลยเหรอเนี่ย เออใช่แกไม่เคยเล่นนี่นา”โมเอมิทำสีหน้าตกใจเมื่อเจอว่าไม่มีรายชื่อคนรู้จักในเอ็มเลย แต่ก็ทำสีหน้าปลงๆ เมื่อคิดได้

                “เดี๋ยวจะโพสชื่อกับรูปแกไว้ละกัน”โมเอมิพูดไปพลางเข้าไปโพสรูปและประวัติเล็กๆ น้อยๆ ของมินะในเว็บ

                “อือ”มินะตอบโดยไม่ได้ฟังเพราะมัวแต่ปลอกผลไม้อยู่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×