ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Yaoi] Conceal Secret (YunJae,MicXiah)

    ลำดับตอนที่ #9 : ฆาตรกรที่บริสุทธิ์

    • อัปเดตล่าสุด 26 ส.ค. 55





    “แจจุง….” ชางมินกับจุนซูมาเยี่ยมแจจุงที่โรงพยาบาล เห็นได้ชัดว่าปฏิกิริยาที่เคยมีกับเพื่อนสนิทอย่างเค้าทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพื่อไม่ให้ทั้งสองตกใจมากนัก ยุนโฮเล่าเรื่องที่แจจุงลืมเรื่องราวในระยะเวลาทั้งหกปีไหมหมดสิ้น แน่นอน ว่าต้องลืมพวกเค้าด้วย เพราะทั้งหมดรู้จักกัน ก็หลังจากที่แจจุงประสบอุบัติเหตุไปแล้ว

                   แจจุงหยับตัวให้ถอยหลังชิดกับกำแพง เอียงคอเล็กน้อยเป็นเชิงสงสัย

                   “พวกพี่เป็นใครครับ” ชางมินเอามือกุมหัวก่อนจะยิ้มบางๆ ไม่ใช่เรื่องตลกเท่าไหร่ แต่เห็นคนแก่เกือบอายุยี่สิบทำตัวแอ๊บแบ๊วแบบนี้ชิมชางมินถึงกับรับไม่ได้ชั่วครู่ เมื่อก่อนรึเคยเล่นตลกทำตัวแอ๊บแบ๊วกับแจจุงบ่อยๆ คิดไม่ถึงว่าเพื่อนของเค้าจะต้องมากลายเป็นแบบนี้เข้าจริงๆ จุนซูขมวดคิ้วก่อนจะใช้มือตบเข้าที่หลังของชางมินดังป้าป!

                   “ชิมชางมิน! แจจุงเป็นแบบนี้ยังจะมาหัวเราะอีก” จุนซูเหว

                   “อะไรเล่า แจจุงไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แค่สูญเสียความทรงจำ แบบที่ในละครเค้าเป็นกันไง น่ารักออก เพื่อนเราน่ะอายุเหลือแค่สิบสองเองนะ! โอ๊ยยยย” ชางมินกระซิบ แต่ก็โดนจุนซูหยิกที่ท้องแขนเข้าจนได้ด้วยความหมั่นไส้ เพื่อนตัวโย่งได้แต่ลูบแขนป้อยๆแล้วทั้งคู่ก็ต้องหันมายิ้มให้แจจุงที่เริ่มทำหน้างงๆ

                   “แจจุงนายคงรู้เรื่องจากคุณหมอแล้วล่ะสิ นายน่ะอายุสิบแปด ปีหน้าจะเข้ามหาลัยแล้ว เราติดมหาลัยเดียวกันทั้งหมดน่ะ โอเค..ฉันรู้นายจำไม่ได้ แต่นายไม่เชื่อที่คุณหมอบอกเลยหรอว่านายสูญเสียความทรงจำ?” จุนซูเอ่ยถาม

                   อย่างที่จุนซูบอก ก่อนหน้านี้คุณหมอหน้าสวยคนหนึ่งเข้ามาบอกกับแจจุงว่า ตัวเองสูญเสียความทรงจำในช่วงหกปีที่แล้ว แล้วก็บอกว่าเค้าเคยสูญเสียความทรงจำครั้งหนึ่งตอนอายุสิบสอง พอเค้าอายุสิบแปดก็สูยเสียความทรงจำหกปีนั้นไปและจำเรื่องราวก่อนหกปีนี้ได้แทน แจจุงไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่เค้าก็แอบสงสัยที่หน้าตาและเสียงของเค้าเปลี่ยนไปมาก ทั้งยังสูงขึ้นมากขนาดนี้ แต่ใครจะไปเชื่อลงได้ เมื่อหลายวันก่อนเค้าจำได้ว่าเพิ่งเกิดอุบัติเหตุ

                   งงไปหมดแล้ว

                   “ผมไม่เชื่อหรอก ผมไม่รู้จักพวกพี่สักนิด หน้าพวกพี่ผมก็เพิ่งเคยเห็น” จุนซูถอนหายใจ เค้าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นก่อนจะเปิดรูปที่เคยถ่ายกับแจจุงให้ดู

                   “เนี่ยยยย.. ตอนที่เราไปแข่งบาสกัน ลูกสุดท้ายนายเป็นคนชู้ตเลยนะ” จุนซูเปิดภาพที่มีใครบางคนที่เหมือนเค้าตอนนี้กำลังกอดคอจุนซูยิ้มร่าทั้งๆที่ผมเปียกลู่ไปด้วยเหงื่อ ทั้งคู่ดูสนิทสนมกันมาก

                   “แล้วนี่ เราสามคนไปทัศนศึกษากัน นายมัวหลับอยู่ ชางมินแกล้งเปียผมนายเล่น แล้วก็เอาเมจิกมาเขียนหน้าด้วย ฮิๆ นี่ไง ดูทีไรก็ขำตลอดเลย อ๊า!!” ชางมินเอากำปั้นทุบหัวจุนซูทีหนึ่งก่อนจะยืนเท้าเอว

                   “นายนั่นแหละแกล้งแจจุง ฉันแค่ถ่ายรูปด้วย อย่ามามั่วน่า แจจุงเข้าใจฉันผิดจะทำยังไง?”

                   “ฉันล้อเล่นหรอกน่า….. พอจะจำได้ไหม แจจุง?” แจจุงส่ายหัว แต่ก็เริ่มเชื่อบ้างแล้ว เพราะรูปที่ชางมินกับจุนซูเอามาให้ดูนั้นเยอะแยะมากมาย ซึ่งมีเค้าอยู่ในนั้นทั้งหมด

                   “แต่เป็นพวกพี่จะรู้สึกยังไง ที่วันนึงตื่นมาแล้ว พ่อแม่ตายทั้งหมด แล้วจู่ๆก็มีคนมาบอกว่าตอนนี้อายุสิบแปดแล้วน่ะ….

                   “โอเคๆ…..คิมแจจุง งั้น….นี่ คิมจุนซู ฉันชิมชางมิน อย่าเรียกพี่เลย เราอายุเท่ากัน นายทำแบบนี้พวกฉันก็อายุสั้นหมด” ชางมินเอ่ย จุนซูได้แต่พยักหน้าแล้วยิ้มบางๆให้แจจุง ไม่รู้ทำไม แต่แจจุงรู้สึกดีใจและใจชื้นขึ้น เพราะตลอดเกือบครึ่งเดือนที่เค้าอยู่โรงพยาบาลนอกจากจะร้องไห้เศร้าโศกเรื่องพ่อกับแม่ และทำสงครามย่อมๆกับยุนโฮแล้ว เค้าก็ไม่มีใครเลย ไปไหนก็ไม่ได้ ถามโรงพยาบาลเรื่องศพของพ่อกับแม่แต่ทุกคนก็เหมือนจะไม่รู้เรื่องเรื่องนี้ และบอกว่าพ่อแม่ของเค้าเสียไปทั้งแต่หกปีที่แล้วแล้ว เมื่อวันก่อนยุนโฮเอาใบมรณบัตรมาให้แจจุงดู ซึ่งเป็นวันที่ในปีนี้(ตามที่แจจุงคิด) แต่ปีปัจจุบันตามหนังสือพิมพ์ กลับเป็นอีกหกปีข้างหน้า

                   ร่างบางสับสนเกินกว่าจะทำอะไรได้ ได้แต่พยายามเชื่อในสิ่งที่คนเหล่านี้ยัดเยียดให้เค้าเชื่อ

                   ซึ่งมีน้ำหนักให้น่าเชื่อมากกว่าความทรงจำในตัวเค้าตอนนี้เสียอีก………

                   “งั้นพาผมไปอยู่กับพวกพี่ได้ไหม?....ผมไม่อยากอยู่กับฆาตกรนั่น! มันฆ่าพ่อกับแม่ ทำให้พ่อแม่ตาย!” แจจุงดึงแขนเสื้อของจุนซู ร่างบางทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย จะทำอย่างนั้นได้ยังไงกัน ยุนโฮน่ะหวงแจจุงยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ ไปนอนบ้านจุนซูวันเดียวก็ยุนโฮเหวจนแจจุงไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว ชางมินกับจุนซูมองหน้ากัน แจจุงได้แต่มองหน้าทั้งสองกันสลับไปมาเพื่อรอคอยคำตอบ

                   “ไม่ได้…..” เสียงทุ้มต่ำแทรกขึ้นมาในขณะที่ทั้งสามกำลังอยู่ในความเงียบ ยุนโฮยืนอยู่ตรงหน้าประตูนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้ แต่ตอนนี้ที่รู้แน่ๆคือสงครามย่อมๆกำลังจะเกิดขึ้นอีกแล้ว

                   “อย่ามายุ่ง!!” แจจุงกำเสื้อจุนซูแน่นอย่างกับเด็กที่หลบอยู่หลังพ่อแม่ตอนที่ถูกครูดุอย่างใดก็ไม่ปาน อากัปกิริยาของแจจุงตั้งแต่ที่ฟื้นขึ้นมา เป็นนิสัยของเด็กอายุสิบกว่าอย่างแท้จริง ยุนโฮมองว่ามันน่ารักเล็กน้อย ถ้าไม่ติดที่เด็กอายุสิบสองคนนี้หาเรื่องจะฆ่าเค้าทุกวัน

                   “เอาล่ะ ฉันเชื่อแล้วล่ะ ฮะๆ ยุนโฮนายมีลูกเพิ่มอีกคนแล้วล่ะว่ะ” ยูชอนตบเข้าที่บ่ายุนโฮเบาๆ ร่างสูงไม่หัวเราะด้วย ยูชอนปรายตาไปมองจุนซูที่หลบสายตาของเค้าไปมองแจจุงแทน

                   “จนกว่านายจะเรียนจบ…. ฉันจะไม่ให้นายไปไหนเด็ดขาด” ยุนโฮเพ่งมองที่แจจุงที่กำลังมองเค้าเหมือนกัน ต่างกันแค่แจจุงมองด้วยสายตารังเกียจ แต่ยุนโฮมองด้วยสายตาแกมบังคับ ชางมินเอามือป้องปาก

                   “ฉันว่าเราออกไปก่อนเถอะ”

                   “จะออกยังไงล่ะ แจจุงจับฉันแน่นขนาดนี้” จุนซูกระซิบกับชางมิน แต่สุดท้ายสายตาของยุนโฮที่มองมาที่พวกเค้าอย่างมีนัยสำคัญนั่นจึงทำให้จุนซูดึงตัวเองออกไปจากแจจุงพร้อมกับชางมิน พลางยิ้มแห้งๆเป็นการขอโทษ สายตาเว้าวอนของแจจุงดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไรในตอนนี้ ทั้งคู่เดินออกไปพร้อมกันโดยทิ้งยูชอนกับยุนโฮไว้ในห้อง ยูชอนหันกลับไปมองประตูเมื่อได้ยินเสียงประตูปิดสนิท

                   “เฮ้! ฉันไปก่อนล่ะ เชิญตามสบาย พอดีมีธุระนิดหน่อย ไปนะ..” ยูชอนยิ้มก่อนจะตบบ่ายุนสองสามทีฮแล้วเดินออกไปเร็วๆราวกับต้องการตามใครบางคนไปให้ทัน

                   ประตูปิดสนิท เหลือแต่ทั้งสองไว้อีกครั้ง วันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายที่แจจุงจะได้อยู่โรงพยาบาล แต่เห็นท่าวันนี้ยุนโฮจะต้องรีบพาเค้ากลับบ้านก่อนที่เจ้าตัวจะหนีออกจากกรงไปอีก

                   “คราวนี้ไม่ขว้างของใส่อีกแล้วหรอ?” ยุนโฮถามหลังจากที่เห็นท่าทีของร่างบางสงบขึ้นต่างจากเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อนซึ่งก็แค่นิดเดียวเท่านั้น

                   …………..ขี้เกียจ” ร่างบางกอดอก ไม่สบตาร่างสูง

                   “ไม่ใช่เพราะว่า…. กลัวเข็มฉีดยาหรอกหรอ?” ยุนโฮยิ้มเยาะ จนแจจุงเริ่มมีน้ำโหด้วยความโกรธ ใช่แล้วทุกครั้งที่อาละวาดแจจุงจะโดนจับกดแล้วฉีดยานอนหลับทันที เจ็บจะตาย แถมยังต้องหลับไม่รู้เรื่องอีก

                   …….ออกไป!! แจจุงเหว เริ่มทนไม่ได้ที่ถูกมองออกทะลุปุโปร่ง แถมยังถูกดูถูกที่ทุกคนปฏิบัติราวกับเค้าเป็นเด็กอมมือ (แน่ล่ะ ก็คิดว่าว่าอายุสิบสองไม่ใช่หรอ = =)

                   “ฉันแค่จะมาบอกว่าเตรียมตัวกลับได้แล้ว เปลี่ยนชุดซะ ฉันจะทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนด….!!!?” กล่องกระดาษทิชชู่ที่อยู่ใกล้มือที่สุดถูกปาเข้าตรงใบหน้าของร่างสูงเต็มๆ แจจุงยิ้มมุมปากนิดๆ

                   “ฉันไม่กลับกับนาย!!! ฆาตรกร!!” แจจุงแยกเขี้ยว ยุนโฮได้แต่ครางหึในลำคอ เมื่อได้เห็นท่าทีของคนตัวเล็กที่ทำท่าเป็นแมวขู่ฟ่อๆ ยุนโฮเหลืออด เค้าเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่อยู่ในถุงกระดาษซึ่งเตรียมเอาไว้แล้วออกมา มันเป็นเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มของโรงเรียนที่แจจุงมักจะใส่นอนเพราะใส่สบาย แน่นอน เด็กชายคิมแจจุงไม่รู้จักเสื้อผ้าพวกนั้นเลยสักนิด ยุนโฮคลี่ผ้าทั้งหมดสะบัดให้เรียบก่อนจะเดินดุ่มๆมาตรงหน้าคิมแจจุง แจจุงปัดมือหนาเมื่อร่างสูงพยายามจะดึงสายที่รัดเสื้อของเค้าเอาไว้

                   “อย่ามายุ่ง!! ฉันไม่เปลี่ยน! ปล่อย!! ฉันจะไปอยู่กับจุนซู!

                   ………..” มือหนายังทำหน้าที่ต่อไปในขณะที่แจจุงพยายามทั้งผลักทั้งดันให้ร่างของยุนโฮถอยห่างจากเค้าให้มากกว่านี้ แต่ร่างสูงก็ทำเป็นหูทวนลม ใบหน้านิ่งเฉยทำให้แจจุงยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเพราะไม่สามารถยั่วโมโหหรือโต้เถียงอะไรได้ เสื้อของโรงพยาบาลถูกรั้งลงจนเผยให้เห็นไหล่เล็กขาวนวล ยุนโฮพยายามมองแต่เสื้อที่จะใส่ให้ร่างบางเท่านั้น หน้าแดงอย่างไม่มีสาเหตุ และมือก็ยังพยายามจิกปัดมือที่รุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของร่างบางออก แต่แรงอันเพียงน้อยนิดจึงทำให้ถูกเปลี่ยนเสื้อได้อย่างง่ายดาย ยุนโฮหยิบชิ้นต่อไป

                   กางเกง!

                   แมวเผือกตาโต อารามตกใจแต่มีสติ พลางคว้ากางเกงวอร์มตัวนั่นไว้แล้วกอดไว้แน่น

                   “ออกไป! จะใส่เอง…..” ในเมื่อโดนบังคับขนาดนี้แล้ว แจจุงจะทำอะไรได้ เค้าคงต้องทำเป็นยอมไปก่อน เรื่องจะแก้แค้นน่ะ เมื่อไหร่ก็ได้…..แจจุงคิดเข้าข้างตัวเองก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำแล้วสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ยุนโฮเอามือซุกกระเป๋ากางเกงแล้วยืนรออย่างใจเย็น

                   กลายเป็นเด็กน้อยไปแล้วจริง สินะ…..

                   ถึงจะน่ารักดีก็เถอะ ก็บางครั้งก็อยากจับมาตีให้ก้นลายเลยเชียว…..

                   ร่างบางในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงวอร์มตัวเก่งเดินออกมาช้าๆ ยุนโฮเดินไปดึงมือร่างบางให้เดินออกจากห้องไปอย่างเคยชิน แจจุงสะบัดมือออกทันที ใบหน้าแสดงถึงความไม่พอใจและโกรธเกรี้ยวแต่ร่างสูงก็ทำเป็นไม่สนใจไม่สะทกสะท้านใดๆทั้งสิ้น เค้าตัดสินใจแล้วว่าตราบในที่แจจุงยังจำไม่ได้และยังดื้อกับเค้าจนกว่าที่จะถึงเวลาอันสมควร เค้าไม่มีทางที่จะยอมแพ้เด็กเอาแต่ใจแบบนี้เป็นอันขาด ร่างสูงอุ้มร่างบางอย่างไม่ทันตั้งตัว แมวป่าหัวโตดิ้น ทั้งยังเอามือข่วนร่างสูงจนเป็นรอย แต่ใบหน้าของยุนโฮกลับเรียบเฉย

                   หน้าด้านซะจริง!!!!

    แจจุงเหลืออดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อรู้ว่าสู้ไม่ได้ แจจุงจึงยอมนิ่งทำตัวเป็นแมวบ้านที่เชื่อฟังชั่วครู่ พยาบาลกับคนไข้ต่างมองและหัวเราะคิดคักด้วยความน่ารักของทั้งคู่ ยุนโฮอมยิ้มนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าแจจุงตัวแข็งทื่อไม่กล้าทำอะไรให้เป็นจุดเด่นมากไปกว่านี้ นานทีเดียวกว่าจะถึงที่หมาย ร่างสูงวางร่างบางลงบนเบาะนุ่มข้างๆคนขับ ก่อนที่ตัวเดินจะอ้อมขึ้นรถไปด้วย

    แจจุงมองใบหน้าที่ตั้งใจขับรถจนไม่สนใจอะไรนอกจากทางข้างหน้า ในขณะนั้นความคิดบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัว……

    บางทีถ้าเล่นไม้แข็งเกินไป เค้าก็อาจจะแพ้….

    ลองอ่อนลงบ้างแล้วค่อยแทงข้างหลังให้ตายอย่างช้าๆก็น่าจะดีกว่า…..

    แจจุงคิดว่าบางทีเค้าอาจจะต้องทำตัวเป็นเด็กดีเพื่อให้ศัตรูตายใจก่อน……

                   เพราะอย่างน้อยตอนนี้ร่างบางก็สับสนกับตัวเองมากพออยู่แล้ว หลักฐานต่างๆชัดเจนจนเค้าปฏิเสธไม่ได้ ทั้งรูปที่ถ่ายคู่กับจุนซูและชางมิน ใบหน้าที่เปลี่ยนไปของเค้า ทั้งทรงผม และส่วนสูง รอยแผลเป็นบางแห่งที่ไม่เคยมีก็ปรากฏขึ้นให้ชวนสงสัย แจจุงเชื่อเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าตอนนี้เค้ากำลังเป็นผู้ที่สูญเสียความทรงจำไปตลอดหกปีที่ผ่านมา

                   แต่ความจริงก็คือความจริง….

                   ความจริงที่ว่าชองยุนโฮทำให้พ่อแม่ของเค้าต้องตาย….

                   เป็นสิ่งที่ให้อภัยไม่ได้….

                   เค้าคือลูกคนเดียว ทั้งยังไม่มีญาติพี่น้องที่สนิทรักใคร่…..

                   แจจุงเหลือตัวคนเดียว……

                   เพราะจองยุนโฮ……

     

                   “แน่ใจหรอ คิมจุนซู” หญิงสาวที่มีใบหน้าอ่อนล้าเล็กน้อยเอ่ย คิมจุนฮีกำมือของน้องชายแน่น เมื่อจุนซูติดสินใจที่จะจ่ายค่าเทอม ค่าหอพัก และยอมรับแต่เงินที่จุนฮีหามาได้เท่านั้น

                   “ครับ….. ผมจะทำงานพิเศษ…. อย่างที่บอก.. จากเรื่องราวที่พี่เล่าให้ผมฟัง ผมไม่อยากให้พี่เอาเงินจากพี่ร็อบมาใช้จ่ายเพื่อผมกับพ่อแม่อีก ทั้งตอนนี้ธุรกิจที่พี่ร็อบทำก็แย่อยู่แล้ว…. ยังช่วยเราจ่ายหนี้สินอีก ผมไม่อยากรบกวนเลยครับ” หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย ยังคิดไม่ออกว่าน้องชายที่เลี้ยงราวกับคุณหนูไม่เคยทำอะไรจะทำงานได้หรือเปล่าหนอถึงจุนฮีไม่เห็นด้วย แต่เรื่องทั้งหมดเป็นความจริง

                   บ้านที่ใช้หนี้หมดแล้วกำลังถูกขายทิ้ง ซึ่งอย่างไรเสียจุนซูต้องย้ายไปอยู่หอพักข้างมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาอะไร และเรื่องที่ธุรกิจของสามีฝรั่งของเธอกำลังซบเซานั้นก็เป็นเรื่องจริง เธอกับครอบครัวทางนู้นกำลังลำบากอยู่ไม่ใช่น้อย แต่ก็สามารถอยู่กินในฐานะคนที่มีฐานะได้อยู่ดี แต่จุนซูก็ไม่อยากได้เงินที่มาจากความลำบากและความเดือดร้อนจากคนอื่นอีก

                   จุนซูไม่อยากเป็นสาเหตุให้จุนฮีทำตัวเหมือนคนที่หลอกเอาเงินจากคนอื่น เพื่อครอบครัวของตนเองอีก….

                   ที่ผ่านมามันมากพอแล้ว

                   พี่สาวที่น่าสงสารของเค้าน่าสงสารมามากพอแล้ว……

                   “ถ้าเธอพูดแบบนี้ ก็ตามใจแต่เดือดร้อนเมื่อไหร่ ต้องบอกพี่ทันทีนะ พวกเรามีเงินอยู่มาก ถึงแม้ตอนนี้จะมีปัญหานิดหน่อยก็เถอะ” จุนฮีเอ่ย และเมื่อผู้เป็นน้องเห็นใบหน้าของพี่สาวดูมีความกังวล จุนซูจึงยิ้บางๆพลางเอามือกุมมือเล็กของพี่สาวไว้แน่น

                   “ผมอยากทำอะไรด้วยตัวของผมเองบ้าง…. พี่ครับ….. ผมโตแล้วนะ เมื่อก่อนพี่ปกป้องผม…..ดูแลผม และเสียสละแทนผมทุกอย่าง จากนี้ไป..ผมจะปกป้องพี่เองครับ” จุนฮียิ้ม แต่ยิ้มทั้งน้ำตาที่เอ่อล้น จุนซูตัวเล็กๆที่คอยหลบอยู่หลังของเธอตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว……

                   มีแต่ผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่งที่คอยจะปกป้องพี่สาวของเค้าคนนี้…..

                   จุนซูตอนนี้ทำให้จุนฮีสบายใจอย่างน่าประหลาด ทั้งๆที่เค้าไม่เคยไว้ใจให้จุนซูดูแลตัวเองเลย….

                   เสียงลากกระเป๋าดังครืดเป็นเหมือนเสียงแทนคำบอกลาของพี่สาว ท่ามกลางผู้คนมากมายในสนามบินอินชอนทำให้ลำบากที่จะพูดจากันเล็กน้อย ทั้งคู่กอดกันก่อนจากลา จุนฮียิ้มพลางโบกมือช้าๆเป็นการลา ก่อนจะเอ่ยอะไรบางอย่าง

                   …………

                   ……………….?” จุนซูเอามือป้องหูเมื่อรู้สึกว่าได้ยินสิ่งที่พี่สาวตะโกนมาไม่ชัดเจน

                   “พี่รักจุนซูนะ!!” ร่างบางยิ้ม ก่อนจะโบกมือตอบ จุนซูหันหลังกลับเมื่อจุนฮีเดินลับจนหายไปท่ามกลางผู้คน จุนซูหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆห้าหกใบในกระเป๋าออกมาดู ทั้งหมดคือโบชัวร์สมัครงานจากร้านรวงต่างๆที่ร่างบางหามาทั้งหมด จุนซูถอนหายใจแล้วยิ้มบางๆ

                   เริ่มจากที่นี่เลยแล้วกัน!!

                   ---------------------------------

                   ----------------------

                  

    “คิมจุนฮีขายบ้านให้กับธนาคารที่เป็นหนี้เรียบร้อยแล้วครับ อีกสองสามวันคุณจุนซูจะย้ายเข้าหอพักใกล้ๆมหาวิทยาลัย ดูเหมือนจะหางานพิเศษทำด้วยครับ”

                   “งานพิเศษ?... สามีของพี่รวยขนาดนั้นยังจะหางานพิเศษอีก?” ยูชอนถอดแว่นออกแล้วเอนเข้ากับเก้าอี้ใหญ่ที่นุ่มสบายในห้องทำงานโดยที่ยังมีนักสืบคนเดิมยืนรายงานเรื่องราวของคิมจุนซูอยู่ข้างๆ

                   “ดูเหมือนเค้าต้องการจะทำงานหาเงินเองน่ะครับ ไม่อยากรบกวนพี่”

                   ………..เด็กคนนั้นไปสมัครทำงานที่ไหนบ้าง?”

                   “ที่ ร้าน DE Pont ร้าน Rudolf กับ Polar kitchen ครับ” นักสืบหนุ่มก้มหน้าลง ยูชอนหยิบปากกาเซ็นบนเอกสารยิกๆ เมื่อเลขานำแฟ้มเอกสารมากองไว้แล้วเดินออกไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา

                   “ร้านที่อยู่ในเครือของเรา ให้บอกปัดไปซะ ส่วน Rudolf ให้ไปปล่อยข่าวบอกว่าเด็กคนนั้นเพิ่งออกจาสถานพินิจ” ยูชอนเอ่ยราวกับเป็นเรื่องปรกติธรรมดา นักสืบหนุ่มเหงื่อตกเล็กน้อยแต่ก็ก้มหน้ารับก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ ยูชอนผิวปากอย่างอารมณ์ดี ผมที่ถูกเซตมาเพราะเมื่อเช้าไปถ่ายโฆษณาของบริษัทของตัวเองยิ่งทำให้ใบหน้าหล่อเหลาดูเด่นขึ้นไปอีก ร่างสูงกอดอกก่อนจะหยิบมือถือขึ้นดู

                   “ปาร์คยูชอน ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้เธออภัยให้ฉัน……แต่คิมจุนซูสำคัญยิ่งกว่าอากาศที่ฉันหายใจ…. อย่าทำร้ายเค้าเลย ได้โปรดอยู่ให้ห่างจากเค้าซะ ฉันขอร้อง..

                   ข้อความที่คิมจุนฮีส่งมาให้เมื่อเช้านี้ทำให้ยูชอนเอะใจ เค้าจึงตามจุนซูออกไปที่สนามบิน จุนฮีกลับออสเตรเลียแล้ว และทิ้งให้น้องชายอยู่คนเดียว

                   ตอนแรกก็กะจะจบเรื่องนี้สักหน่อย แต่พอเห็นท่าทีที่น่าสมเพสของจุนฮี ยูชอนก็ยิ่งนึกสนุก ยิ่งจุนฮีอยากให้เค้าไปไกลจากจุนซูแค่ไหน เค้าก็ยิ่งอยากจะใกล้ชิดร่างบางมากยิ่งขึ้น ยูชอนพยายามเลี่ยงความคิดส่วนตัวที่ว่า ความจริงอยากจะอยู่ใกล้ๆร่างบางนั่นเองมากกว่า ไม่หรอกเค้าเคยลุ่มหลงมัวเมากับความหอมหวานนั่นก็จริง แต่เค้าก็ไม่คิดจะจำปลักอยู่กับผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องชายของคนที่เค้าเกลียดมากขนาดนี้ไปได้

                   -------------------------------

                   ------------------

     

                   ------

     

                   “คนเต็มแล้วหรอฮะ ครับ ครับ ผมเข้าใจครับ ขอบคุณครับ” จุนซูวางมือถือลง นี่เป็นสายที่ห้าที่ถูกปฏิเสธ ไม่ว่าจะเพราะว่าคนเต็มแล้ว ไม่รับคนที่อายุต่ำกว่ายี่สิบ หรือไม่ก็บอกว่าบุคลิกของเค้าไม่เหมาะกับตำแหน่งงานที่ว่าง

                   จุนซูถอนหายใจ ตาละห้อย ทำให้ใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มมานานอยู่แล้วยิ่งหดหู่ลง ร่างบางเดินกลับบ้านทั้งๆที่ไกลจากตัวเมืองอยู่มากโข อากาศเย็นจัดเริ่มครอบคลุมอาณาบริเวณนั้น และดูเหมือนจะเย็นขึ้นเรื่อยๆ รถเปอร์เช่สีดำสนิทจอดขวางหน้าเค้าอย่างตั้งใจ จุนซูเอามือที่กอดอกด้วยความหนาวคลายออกก่อนจะยืดตัวมองคนในรถด้วยความสงสัย

                   ควันเบาบางออกจากริมฝีปากสวย ก่อนจะยิ้มให้กับผู้ที่ยืนเก้ๆกังๆอย่างคิมจุนซู

                   ร่างบางยิ้มกว้างน่าจะเป็นยิ้มแรกนับตั้งแต่ที่เค้าร้องไห้อย่างหนักในคืนวันนั้น…….

                   “วันนี้พี่ไม่ได้ไปที่บาร์เลย ได้ยินว่านายตามหา ขอโทษทีนะ” ซีวอนเอ่ย หลังจากที่วางชาร้อนๆบนโต๊ะกระจกสีดำ บ้านของซีวอนไม่กว้างมาก แต่ก็หรูหราพอควร ร่างสูงเคยเล่าให้จุนซูฟังว่า เค้าไม่ชอบชีวิตในคฤหาสน์ และความสุขสบายมากเท่าไหร่ การอยู่ที่บ้านหลังเล็กๆพอตัวสำหรับชายโสดคนเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับเค้า จุนซูเอามือถูกกันก่อนจะยกชาร้อนมาเป่า ความหนาวเย็นทำให้ใบหน้าน่ารักแดงระเรื่อ ซีวอนขยี้หัวจุนซูด้วยความเอ็นดู จุนซูยิ้มแป้น

                   “ผม เอ่อ ไม่เป็นไร พี่ครับ พี่พอจะหางานให้ผมทำได้บ้างไหม” จุนซูถามโดยไม่ได้คิดมาก่อน อาจจะเป็นเพราะว่าวันทั้งวันนี้เค้าคิดแต่เรื่องกางานทำอย่างเดียวเท่านั้น มันคาใจเค้าเสียจนอยากจะทำให้มันเรียบร้อยสักที เค้าอยากจะหางานได้ก่อนที่จะเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัย และต้องย้ายไปที่หอพัก

                   “นายคงจะเจอเรื่องลำบากมากมายสินะพี่ขอโทษนะจุนซู…. พี่เพิ่งเคลียร์ธุระปะปังจนเสร็จ มารู้เรื่องอีกที ก็ตอนที่จุนฮีจะกลับไปแล้ว

                   “??..พี่เจอพี่จุนฮี”

                   “จุนฮีมาหาพี่เมื่อวาน พี่บอกว่าติดธุระยังคุยไม่ได้ แต่เค้ากลับก้มลงจับขาของพี่…. แล้วก็ร้องไห้ พี่ถึงยอม ฟังเรื่องราวทั้งหมด…..

                   ……………พี่จุนฮีบอกอะไรพี่บ้างครับ”

                   “บอกว่าให้ช่วยดูแลเธอ…. อย่าให้คลาดสายตา….อย่าโกรธจุนฮีเลยนะ พี่คาดคั้นเค้าเรื่องปาร์คยูชอนกับเธอเอง” จุนซูวางแก้วชาลงเมื่อเค้าดื่มจนพร่องไปบ้าง ร่างบางฝืนยิ้มบางๆให้ซีวอน เมื่อร่างสูงดูเหมือนจะกระอักกระอ่วนใจที่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้

                   “ครับผมเข้าใจ ผมไม่มีทางโกรธพี่จุนฮีหรอก พี่เค้าเหนื่อยมามาก เจ็บปวดมามากยิ่งกว่าผม…. ความเจ็บปวดของผม เทียบไม่ได้แม้แต่เศษเล็บของพี่เค้าเลย….

                   “ส่วนเรื่องหางานเอ่อ เอางี้ไหม ที่บาร์ขาดนักร้อง เธอร้องเพลงเพราะนี่โอเคไหม พี่ไม่อยากให้เธอทำงานหนักเท่าไหร่” ซีวอนเอ่ยขึ้น ทำให้จุนซูยิ้มได้อีกครั้ง

                   “จริงหรอครับ!!..... พี่ซีวอน จริงหรอ! ผมทำได้หรอครับ?” ซีวอนอดยิ้มกว้างไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าร่าเริงสดใสของน้องชายที่รักของเค้ากลับคืนมา ซีวอนไม่ตอบ เค้าขยี้หัวจุนซูแทนก่อนจะลูบหัวมนเบาๆสองสามครั้ง

                   “แต่จะดีหรอ เธออาจจะได้เจอกับยูชอนอีกนะ ที่นั่นมันที่ประจำของหมอนั่น….” จุนซูหน้าเจื่อนเล็กน้อย แต่สักพักเค้าก็กลับมามุ่งมั่นเหมือนเดิม

                   “ผมไม่เป็นไรครับ ผมจะพยายาม….พยายามไม่มองไปที่เค้า จากนี้ไป เราต่างคนต่างอยู่ครับ อีกอย่าง ตอนนี้ผมเลือกงานไม่ได้ด้วย….ผมสมัครมาหลายทีแล้ว ไม่มีใครรับผมเลยครับ”

                   “แน่ใจนะ” ซีวอนช้อนตาขึ้นมองร่างบางที่ก้มหน้าเล็กน้อย

                   “ครับ!.... ผมจะตั้งใจทำงาน จะไม่ซนด้วย จะไม่ทำให้พี่ซีวอนเป็นห่วงครับ” จุนซูเอามือตะเบ๊ะ ซีวอนหัวเราะให้กับท่าทีน่ารักหน้าหยิกของจุนซู ก่อนทั้งคู่จะพูดคุยกันอีกสักพัก ซีวอนเดินมาส่งร่างบางที่บ้านซึ่งอยู่ใกล้กันมาก ถัดกันประมาณสองสามหลังได้ จุนซูยิ้มลา

                   “ขอบคุณครับพี่ซีวอน วันพรุ่งนี้เจอกันครับ!” ซีวอนยิ้มพลางพยักหน้า อารมณ์ดีไม่น้อยที่ได้เห็นรอยยิ้มน่ารักๆที่เค้าไม่ได้เห็นมานานแล้ว ดูแล้วก็ชุ่มชื่นหัวใจบอกไม่ถูก

                   “พรุ่งนี้เจอกัน อย่าลืมไปทำตามที่บอกล่ะพี่จะมารับตอนเย็นนะ” ซีวอนขยิบตา

                   “ครับ!!... ผมรักพี่ซีวอนที่สุดเลย!!” จุนซูกระโดดกอดจนร่างสูงเอน

                   “ฮ่าๆๆๆๆ” ซีวอนหัวเราะร่า ก่อนจะโอบร่างบางตอบ ร่างเล็กคลายอ้อมกอดก่อนจะโบกมือไหวๆแล้วเข้าบ้านไปอย่างอารมณ์ดี ซีวอนยังหยุดหัวเราะไม่ได้ เค้าเดินกลับบ้านทั้งๆที่ยังยิ้มอยู่

                   แบบนี้น่ะสิ ใครๆเค้าถึงได้รัก ได้เป็นห่วง….

                   ก็น้องชายสุดที่รักของเค้าทำตัวน่ารักแบบนี้ ใครจะไม่รักได้ยังไงกัน….

                   แต่ยังไงซะวันนี้เค้ารีบนอนดีกว่า

                   พรุ่งนี้จะได้มาไวๆ อย่างน้อยเค้าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง

                          เอาให้ยูชอนเสียดายไปเลย……

    -----------------------------

    -------------

    -----

     

     

    ไม่น่าจะเป็นไปได้…..


                   แจจุงอึ้งเมื่อได้เห็นห้องของยุนโฮบอกว่าเป็นห้องของเค้า ตรงโต๊ะเขียนหนังสือมีรูปของเค้าเองกับจุนซูและชางมินเต็มไปหมด แถมยังมีซาวเบาท์ ซีดีเพลง เกมส์ แล้วก็คีย์บอร์ด แจจุงเล่นไม่เป็น แต่แจจุงที่อายุ 18 คงเล่นเป็น (ดูจะยอมรับบ้างแล้วว่าเสียความทรงจำ) มือเล็กลูบเตียงเมื่อเค้านั่งลงจนเตียงยุบ คอระหงส์เอียงไปก็เอียงมา เดี๋ยวก็หยิบนู้นมาพลิกดู เดี๋ยวก็หยิบนี่มาเปิดเล่น ราวกับไม่ใช่ห้องของตัวเอง



                   แน่ล่ะ สำหรับคิมแจจุงตอนนี้ ทุกอย่างใหม่หมด เหมือนมาอาศัยอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ในโลก

                   “จะให้ไปเรียนตอนนี้ได้ยังไง….คงต้องให้ดรอปไว้ก่อน”

                   “ผมก็คิดว่าอย่างนั้นครับ ว่าแต่ เค้าลืมแม้กระทั่งเรื่องเรียนเลยหรอครับ”

                   “เค้าร้องจะไปโรงเรียนอย่างเดียว ตอนที่ฉันบอกเค้าว่าให้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัย สภาพจิตใจกับร่างกายของเค้ายังไม่พร้อม ฉันเลยจะให้เค้าพักสักสองสามเดือนจนกว่าความทรงจำจะค่อยๆกลับมาน่ะ” ยุนโฮเอ่ยสาเหตุทั้งหมดโดยที่ไม่รู้ว่าใครบางคนกำลังแอบฟังเงียบๆ แจจุงแง้มประตูเล็กน้อยให้พอมองเห็นด้านหลังของยุนโฮที่กำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนที่เค้าคิดว่าน่าจะรู้จัก

                   ครับ คุณยุนโฮ ผมจะจัดการให้ครับ”

                   “ฝากหน่อยนะ จุนซู ฉันต้องรบกวนเธออีกแล้ว

                   “ไม่เป็นไรครับคุณยุนโฮ ผมยินดีครับ”

                   “ยังไงคราวหลังมาเที่ยวหาแจจุงบ่อยๆนะ เด็กคนนั้นดูจะไม่เข้ากับใครง่ายๆนอกจากเธอกับชางมิน”

                   “ได้ครับ ยังไงถ้าผมจัดการเรื่องดรอปให้แล้ว ผมจะโทรมาบอกอีกทีนะครับ”

                   “อืม ขอบคุณมากนะ” ยุนโฮวางโทรศัพท์ก่อนจะยัดมันไว้ในกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม ร่างบางปิดประตูเบาๆ ก่อนจะถอยให้ตัวเองไปนั่งบนเตียงช้าๆ แจจุงกำลังคิด คิดแล้วก็คิด หลายครั้งที่เค้าเห็นแผ่นหลังนั่นแล้วอยากจะวิ่งไปผลักให้ตกลงจากชั้นสอง(ซึ่งสูงพอควร) หลายครั้งอยากจะเอาอะไรก็ได้ที่คมพอจะแทงทะลุกายของร่างสูงโย่งนั่นให้ตายไปเสีย ร่างบางไม่อยากอยู่ที่นี่ เค้าคิดถึงบ้าน บ้านของเค้าที่อยู่ตรงชานเมืองติดกับทะเล ครอบครัวของเค้าเป็นครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง เรามีกันแค่สามคนพ่อแม่ลูก ถึงจะไม่มีใครแต่ก็มีความสุข โรงเรียนที่เค้าเรียนอยู่ไม่ไกลนัก เค้าคิดถึงที่นั่น คิดถึงกลิ่นเกลือจากทะเล คิดถึงเพื่อนๆที่โรงเรียน

                   …………” น้ำอุ่นใสหยดลงบนหน้าตัก แจจุงอยากกลับบ้านเหลือเกินในตอนนี้ ที่นี่มีแต่ใครก็ไม่รู้ที่เค้าไม่รู้จัก เค้าทั้งกลัวและเคียดแค้น ทั้งเจ็บใจทั้งเสียใจ

                   หรือ….หรือเค้าต้องละทิ้งความเคียดแค้นนี้ซะ…..

                   แล้วหนีไป กลับไปที่บ้าน…..

                   จองยุนโฮบอกเค้าว่าบ้านถูกรื้อหมดแล้ว

                   ไม่!... เค้าไม่เชื่อ…. แล้วก็จะไม่ทิ้งความพยายามที่จะแก้แค้น……

                   แจจุงเอามือขย้ำกางเกงยีนส์ตัวเก่งแน่น ริมฝีปากขบกัดกันจนห่อเลือด

                   คิมแจจุงกำลังตัดสินใจทำในสิ่งที่ใครๆก็ไม่คาดคิด…….

     

                   ---------------------------

                   --------------

     

                   ตึก….ตึก…..ตึก……. แจจุงพยายามให้เสียงฝีเท้าเบาที่สุดแล้ว แต่ก็ทำได้แค่นี้เอง ร่างบางเดินเข้าไปในห้องทำงานของยุนโฮในสภาพที่มีกระเป๋าใบใหญ่หนึ่งใบสะพายไว้ข้างหลัง แจจุงดึงหมวกให้ปิดหน้ามากขึ้น ท่าทางลับๆล่อๆในตอนนี้ยิ่งกว่าโจรขโมยขึ้นบ้านเสียอีก แจจุงคิด แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ สองมือยังทำหน้าที่คุ้ยหาบางอย่างในลิ้นชักเป็นอย่างดี แจจุงภาวนาให้มีบางอย่างที่น่าจะเป็นประโยชน์กับเค้า ถ้าไม่ใช่กุญแจไขเซฟก็เป็นกุญแจห้องของยุนโฮ

                   แกร๊ก! เสียงคล้ายโลหะกระทบกันเบาๆทำให้แจจุงเอะใจ เค้าคว้านเข้าไปในลิ้นชักโต๊ะให้ทั่วขึ้นอีก

                   กุญแจ?...กุญแจอะไรไม่รู้….

                   แจจุงหยิบกุญแจมาเสียบนู้นเสียบนี้ ทั้งลิ้นชักอื่นที่ล็อกไว้ ทั้งตู้เซฟ แต่ก็ไม่เป็นผล

                   บ้าน่า กุญแจที่เก็บสะเปะสะปะแบบนี้ไม่มีทางที่จะใช้ล็อกของสำคัญได้หรอกน่า แจจุงถอนหายใจ เกือบจะถอดใจแล้วเชียว แต่สายตาก็ดันเหลือบไปเห็นกล่องขนาดใหญ่ปานกลางที่ถูกแอบไว้บนชั้นวางของ ถ้าไม่สังเกตก็จะไม่มีใครเห็น แต่ดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันของแจจุง ร่างบางหยิบกล่องหนักๆใบนั้นวางลง แล้วเสียบกุญแจ

                   เปิดได้!!? ไม่น่าเชื่อ แต่แจจุงก็ต้องเชื่อ น่าจะเป็นของสำคัญบางอย่างที่เค้าสามารถใช้ในการปฏิบัติภารกิจสำคัญในวันนี้ได้….

                   …………ปืน!?..........

                   แจจุงคิดว่านี่อาจจะเป็นสิ่งที่สวรรค์อยากจะให้ทุกอย่างมันถูกต้องมากกว่านี้ พระเจ้าเข้าข้างเค้า พระเจ้าเห็นใจเค้า อยากให้เค้าแก้แค้นแทนพ่อกับแม่ที่เสียไปแจจุงหยิบปืนสั้นเล็กพอดีมือ แต่หนักใช่ย่อยไว้ มือเล็กสั่นเล็กน้อย เหงื่อแตกพลั่กทั้งๆที่คืนนี้หนาวเย็นพอดู ร่างบางปิดกล่องนั้นไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องอย่างช้าๆ ร่างบางเข้าไปในห้องของตัวเองก่อนจะปีนระเบียงไปยังอีกห้องหนึ่ง

                   สูงกว่าพื้นประมาณสี่ห้าเมตร แต่เนื่องจากระเบียงชิดกันมาก (แต่ก็ยังน่ากลัวสำหรับเด็กอายุสิบสองอยู่ดี) แจจุงหลับตาปี เค้ากอดเสาไว้แน่น ก่อนจะพาตัวเองให้ข้ามระเบียงหวาดเสียวไปได้อย่างปลอดภัย ประตูกระจกเปิดแง้มเอาไว้ เพราะยุนโฮชอบอากาศข้างนอกมากว่าการเปิดแอร์ เป็นโชคดีให้แจจุงไม่ต้องลำบากหากุญแจมาไขหรือยิงให้ประตูพังไปซะ มือเริ่มสั่นหนักขึ้นเมื่อเค้าค่อยๆเดินเข้าไปในห้องกว้างของยุนโฮ

                   เป็นห้องสีขาวสะอาด กว้างขวางและสะอาดสะอ้าน แต่แจจุงไม่มีเวลามาพิจารณาสิ่งใดๆในตอนนี้ เค้าจดจ่ออยู่กับการมองร่างที่นอนหลับสนิทบนเตียงกว้าง ใบหน้าอ่อนล้าและมีการขมวดคิ้วเล็กน้อยจนติดเป็นนิสัย แจจุงยังไม่กล้า..ยังไม่กล้าพอเท่ากับวันที่ใช้มีดในวันนั้น เวลาเริ่มผ่านไปนานเรื่อยๆ แจจุงสะดุ้งทุกครั้งที่ร่างสูงเปลี่ยนท่านอน ร่างบางคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง กระเป๋าเงิน มือถือ และกุญแจรถถูกวางไว้สั่วๆ บ่งบอกว่าเจ้าของมาถึงห้องก็อาบน้ำนอนทันที ร่างบางหยิบกระเป๋าเงินแล้วหยิบธนบัตรปึกใหญ่ทั้งหมดในกระเป๋าเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง

                   รู้สึกละอายนิดหน่อยที่ต้องทำตัวเป็นโจรขโมยแบบไร้ศักดิ์ศรีแบบนี้….

                   แต่นี่มันยังน้อยไปกับที่ยุนโฮทำกับครอบครัวของเค้า……                                  

                   แจจุงเดินเข้าไปใกล้ร่างสูงที่นอนหงายรออยู่แล้ว หน้าอกแกร่งที่กระเพื่อมขึ้นลงช้าๆบ่งบอกว่าร่างนั้นหลับสนิท แจจุงกำปืนด้วยมือทั้งสองข้างไว้แน่น ก่อนจะค่อยๆเอาขึ้น แจจุงเล็งไว้ตรงระดับหัวของยุนโฮ

                   แค่นัดเดียว…. ทุกอย่างก็จบ

                   แต่ไกปืนช่างหนักเหลือเกิน มือก็สั่นเท่าจนปลายกระบอกปืนไม่อยู่นิ่ง จู่ๆใบหน้าของยุนโฮก็หันมาทางแจจุง นั่นยิ่งทำให้มือของแจจุงสั่นเข้าไปอีก ไหนจะเหงื่อที่แตกจนอาบหน้าของแจจุงอีก

                   ตึก…..ตึก……ตึก…….ตึก…..ตึก……ตึก…….

                   ใจเต้นไม่เป็นส่ำ จู่ๆน้ำตาก็ไหลลงมา แจจุงสับสนเหมือนมีใครอีกคนในหัว คอยบอกให้เค้าหยุดการกระทำที่บ้าบิ่นนี้ซะ…. จู่ๆก็รู้สึกแบบนั้น ทำไมนะรู้สึกว่าทำไม่ได้ฆ่าเค้าไม่ได้….

                   แจจุง ก็แค่ชั่วเวลาเพียงแป๊บเดียว!!แป๊บเดียวเท่านั้น ทุกอย่างจะจบแล้วก็จะได้กลับบ้าน!!

                   แจจุงหลับตาปี๋…..

                   ปัง!!!

                   “อ้า!!!!” ร่างบางลืมตาทันทีที่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ขาสั่นพั่บๆเมื่อได้เห็นใบหน้าเปื้อนเลือดเล็กน้อยของร่างสูง ยุนโฮตื่นเต็มตา และพบว่ามีใครบางคนกำลังถือปืนที่มีควันลอยขึ้นจากปากกระบอก ร่างเล็กนั่นกำลังขาสั่นและขยับตัวได้ยาก ยุนโฮมั่นใจว่านั่นเป็นแจจุงแน่นอน เพราะเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์คุ้นตานั่นยุนโฮจำได้ดี ทั้งยังสวมหมวกที่เค้าเคยซื้อให้ ดังนั้นไม่ว่าแจจุงจะพยายามปลอมตัวแค่ไหน แต่ยุนโฮก็จำได้อยู่ดี มือหนากุมเลือดที่ออกราวกับก๊อกน้ำแตกตรงหัวไหล่เอาไว้ ร่างสูงหายใจหอบ ความเจ็บแล่นปรี๊ดขึ้นสมอง เหงื่อแตกพลั่กเมื่อร่างบางยังพยายามเล็งปืนมาที่เค้า

                   “แจแฮ่กๆ………แจจุง………….  ยุนโฮเอ่ยด้วยความยากลำบาก ร่างสูงพยายามดันให้ตัวเองนั่งบนเตียง

                   แจจุงยิงพลาดไปซะนี่….แต่แต่…..

                   “คุณยุนโฮ!!! คุณยุนโฮ!!” เสียงเคาะประตูดังรัว แจจุงสะดุ้ง หันไปมองประตูที มองร่างสูงที….ขาของยังชาและยากที่จะก้าวหนีไปไหนได้ในตอนนี้

                   “หนีไปซะ……” เสียงแผ่วเบาจนแจจุงได้ยินไม่ชัดเจน ยุนโฮนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

                   “หนีไปเส่!!!! ออกไป!!” ยุนโฮตะโกน พร้อมๆกับเสียงประตูที่กำลังถูกพังเข้ามา แจจุงได้สติ ก่อนจะพาตัวเองวิ่งไปตรงระเบียง ความสูงไม่สูงมาก แต่แจจุงจะมาคิดกลัวในตอนนี้ก็คล้ายว่าจะสายเกินไป ร่างบางหลับตาปี๋และกระโดดลงไปพร้อมกับกระเป๋าที่มีเสื้อผ้าอัดแน่น นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้แจจุงบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

                   “ อึก!” ร่างบางพยายามลุกให้ขาที่ไร้เรี่ยวแรงขึ้นยืน ยากเหลือเกินเพราะข้อเท้าของแจจุงเจ็บจี๊ดขึ้น ขาของเค้าแพลงเล็กน้อย แต่แจจุงไม่มีเวลาพอจะสนใจความบากเจ็บของตัวเองในตอนนี้ ร่างบางลากขาของตัวเองพาให้ร่างที่บอบบางออกไปจากรั้วบ้านได้สำเร็จ

                   ร่างบางสังเกตุเห็นรถที่บรรทุกสินค้าจอดไว้ ซึ่งไกลจากบ้านของยุนโฮพอสมควร ร่างอ่อนล้าพาให้ตัวเองล้มลงนอนในรถนั้นทันที ไม่นานนักรถก็สั่นด้วยแรงสตาร์ต

                   แจจุงกลัวสุดขีดในตอนนี้…..

                   ร่างบางสั่นไปทั้งตัว ภาพที่ร่างสูงเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดยังติดตา แจจุงปาดน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้ม ความจริงเค้าต้องรู้สึกสะใจหรือภาคภูมิใจกับตัวเองที่ทำได้ อย่างน้อยเค้าทำให้ยุนโฮบาดเจ็บ

                   แล้วยังไง….

                   ทำไมถึงรู้สึกเจ็บปวดแบบนี้….

                   ทำไมตอนที่เห็นใบหน้าที่เบ้ด้วยความเจ็บปวดนั่น เค้าถึงได้เจ็บปวดใจแบบนี้……

                   เค้าเป็นอะไรไป…..

                   แจจุงเอามือปิดใบหน้าที่เปียกชื้น ได้แต่ร้องไห้ครวญครางด้วยความเจ็บปวดทั้งๆที่ไม่รู้สาเหตุ……

                   คนๆนั้นจองยุนโฮคนนั้นทำไมถึงปกป้องเค้าทั้งๆที่เค้าทำกับร่างสูงขนาดนั้น…..

                   แจจุงหาคำตอบไม่ได้เลย….

                   ทั้งเรื่องที่เค้ารู้สึกเจ็บปวดจนเจียนจะขาดใจ และเรื่องที่ยุนโฮปกป้องเค้าจนนาทีสุดท้าย….








    คิมแจจุ๊งงงงงงง ไมทำงี้อ่ะลูกกกกก T^T

    ไรเตอร์เขียนเองก็บีบหัวใจตัวเองค่ะ สงสารยุนโฮ,, T[]T!!

    ส่วนจุนซูก็โดนกลั่นแกล้งเหลื๊อออออเกินนนนนน

    ตาปาร์คแกหยุดแกล้งน้องสักทีเซ่!!!


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×