ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Yaoi] Conceal Secret (YunJae,MicXiah)

    ลำดับตอนที่ #8 : ความจริง....

    • อัปเดตล่าสุด 22 ส.ค. 55


           



                  ค่อนข้างเย็นแล้ว บ้านของจุนซูไร้ซึ่งผู้คนและแสงไฟจากภายในบ้าน ยูชอนจอดรถแล้วเดินอ้อมมาอุ้มร่างบางลงช้าๆ มือเรียวหนาช้อนหัวร่างบางไม่ให้โดนหลังคารถอย่างอ่อนโยน ยูชอนหรี่ตาเมื่อกำลังหันหน้าเข้าบ้านของจุนซู แสงไฟจากรถอีกคันสอดส่องมาที่เค้า ก่อนจะดับลง ใครบางคนเดินลงจากรถด้วยความเร่งรีบ

                   “จุนซู!!! นายเป็นอะไรน่ะ!!!!................ยูชอน!?…..” คิมจุนฮีตาเบิกกว้างเมื่อได้รู้ว่าใครกำลังอุ้มน้องชายของตัวเองอยู่ สับสนแต่มีสติ ร่างเล็กบางวิ่งเข้าไปในบ้านก่อนที่จะเปิดไฟและเปิดประตูรอ

                   “เข้ามาข้างในก่อน…..” ยูชอนยืนนิ่ง แปลกที่เค้ารู้สึกเฉยๆกับการเจอหน้ากันครั้งนี้กับจุนฮี แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร รู้แต่ว่าโชคเข้าข้างเค้าให้จุนฮีได้เห็นเค้ากับจุนซูพร้อมกัน คิดได้แล้วก็ยิ้มมุมปากนิดๆแล้วเดินเข้าไปในบ้าน

                   จุนฮีปูฟูกรอไว้แล้ว ยูชอนวางจุนซูลงช้าๆ ก่อนจะเอาผ้าห่มทาบทับร่างที่หลับสนิทและหายใจอย่างสม่ำเสมอ ความเงียบปรกคลุมให้ทั้งสองอึดอัด ยูชอนได้แต่มองใบหน้าของจุนซูที่กำลังพริ้มหลับ และสังเกตว่าเริ่มมีสีชมพูอ่อนๆขึ้นบ้างแล้ว เห็นอย่างนั้นยูชอนจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก จุนฮีเองก็ยังคงมองหน้าของยูชอน

                   “คุณ…..สบายดีหรอ….

                   “ก็คงดี…. จุนฮีหน้าเจื่อน

                   ……..

                   “หึ….ก็สบายดี……” ยูชอนยิ้ม หญิงสาวยิ้มบางๆตอบเมื่อได้รู้ว่ายูชอนเหมือนจะแกล้งเธอเล่นเหมือนเมื่อก่อน

                   “คุณรู้จักจุนซูได้ยังไง…..เค้าเป็นเพื่อนคุณหรอ”

                   “คงอย่างนั้น……ไว้ถ้าเค้าตื่น ก็ลองถามดูสิ”

                   “อ่อ…….แล้ว…..เด็กคนนี้เป็นอะไร…..ทำไมถึงอยู่ในสภาพนี้ได้?...” จุนฮีเอามือลูบใบหน้าของจุนซูก่อนจะลูบหัวเบาๆ ผมยาวจนถึงกลางหลังตกลงมาตามร่างที่เอนโอน ยูชอนเหมือนได้ดูวีดีโอม้วนเก่าที่เคยชอบดู แต่เลิกดูไปนานแล้ว เค้าละสายตากลับมามองจุนซูที่ขยับตัวเล็กน้อยเมื่อถูกรบกวน

                   “ตื่นมา….ก็ถามดูเองแล้วกัน….. ผมไปล่ะ มีธุระ” ยูชอนลุกขึ้นเมื่อรู้ว่าจุนซูมีคนดูแลแล้ว อีกอย่างเค้าก็ยังไม่อยากพูดอะไรกับจุนฮีไปมากกว่านี้ ถึงเวลาจะผ่านไปนาน  และเค้าไม่ได้รู้สึกกับจุนฮีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่เป็นรอยแผลเป็นลึกในจิตใจมันไม่เคยจางหายไป

    ความเจ็บปวดที่ผ่านมาแล้วก็เหมือนกับแผลที่แห้งจนตกสะเก็ด

                   แต่ยูชอนไม่เคยลืมว่าได้มันมายังไง……

                   “ยูชอน……” เสียงคุ้นเคยดังตามหลังเค้า หลังจากที่ร่างสูงพยายามจะใส่รองเท้า

                   ………………

                   “เราจะได้เจอกันอีกไหม?”

                   ยูชอนลอบยิ้ม เค้าไม่ได้หันกลับไป

                   “ไม่นานหรอก…….เราคงได้เจอกัน……..” ยูชอนหันหลับมามองใบหน้าของหญิงสาวอีกครั้ง

                   “คุณคงอยากเจอผม” ร่างสูงทิ้งถ้อยคำว่าเป็นปริศนา ก่อนจะหมุนตัวแล้วขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว ยูชอนนึกแปลกประหลาดในใจนักที่ไม่ได้มีอาการจะลงแดงตายเหมือนเมื่อก่อน ยาที่เคยกินก็ไม่ได้กินมาเกือบสองเดือนแล้ว เค้าก็ยังไม่เป็นอะไร แถมยังพูดคุยกับจุนฮีได้อย่างปรกติ ถึงแม้จะยังรู้สึกกระดากใจอยู่บ้างก็ตาม (ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงจะทำลายบ้านพังไปนานแล้ว) หญิงสาวในชุดที่ไม่คุ้นเคยและใบหน้าที่โทรมลงเห็นได้ชัด บ่งบอกถึงความเหน็ดเหนื่อยบางอย่างที่ยูชอนเดาไว้ว่าคงเป็นการเลี้ยงลูกของเธอ แต่ความสวยหวานยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อก่อนเค้าจะนึกว่าจุนซูยิ้มน่ารักเหมือนจุนฮี ตอนนี้เค้าของปฏิเสธ จุนฮียิ้มอ่อนโยนและแฝงด้วยความเศร้า แต่จุนซูยิ้มอ่อนหวานและร่าเริงไร้เดียงสา

                   จุนฮีปิดประตูบ้าน หญิงสาวเตรียมข้าวต้นพร้อมกับผ้าขนหนูชุบน้ำวางไว้ข้างๆตัวของร่างบาง มือเล็กๆเรียวสวยแกะกระดุมทีละเม็ด จุนฮีแทบหยุดหายใจ เธอรีบแกะกระดุมทั้งหมดแล้วดึงให้เสื้อเชิ้ตที่มีรอยขาดเล็กๆบางแห่งแบออก เผยให้เห็นร่องรอยเป็นจ้ำๆและรอยจูบ หญิงสาวเอามือปิดปากไม่ให้อุทานจนจุนซูตื่น

                   นี่มัน…..

                   เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย!!!.....

                  

    ผ่านไปสี่วันแล้วที่แจจุงหลับไป….ก่อนหน้านี้มีการโทรศัพท์เข้ามาอย่างต่อเนื่องจากโรงพยาบาลว่าร่างบางมีการตอบสนองบ้างแล้ว วันนี้ก็เหมือนเคย ยุนโฮเข้าบริษัทและสะสางงานภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงและรุดมายังโรงพยาบาลทันที สิ่งที่เค้าทำอยู่เสมอเมื่อมาถึงคือซื้อดอกคาเมเลียสีขาวที่แจจุงชอบมาปักไว้ในแจกัน แล้วก็นั่งกุมมือร่างบางอยู่ข้างๆถึงเวลาเช็ดตัวก็จัดการเองเสร็จสรรพไม่ต้องพึ่งพยาบาล ทั้งยังนอนเฝ้าเองโดยไม่ต้องจ้างพยาบาลให้เปลืองตังค์

    ไม่ได้จะขี้เหนียวอะไรหรอก….

    แต่เค้าไม่ไว้ใจใคร ตราบใดที่ยังไม่สามารถจับตัวคนที่ทำร้ายแจจุงจนอาการปางตายแบบนี้

    ร่างบางที่ตัวเล็กกว่าเดิมนอนหลับสนิท ผ้าที่พันหน้าผากและท้ายทอยอยู่มีเลือดซึมเล็กน้อย รอยช้ำแดงตรงแก้มยังเด่นชัด ยุนโฮหรี่ตา เค้าคิดเหมือนกับที่ตำรวจบอก หนึ่งในคนร้ายเป็นผู้หญิง เพราะใช้รองเท้าส้นสูงฟาดตรงใบหน้า

    ใครกันนะ…..

    “อือ….” เสียงครางอือในลำคอทำให้ยุนโฮตื่นจากภวังค์ แจจุงขยับหัวเบาๆ คิ้วขมวดจนเป็นปม ยุนโฮกระชับที่กุมมือขงร่างบางแน่นขึ้น

    “แจจุง?.....แจจุง..” ยุนโฮยิ้มอย่างไม่ทันรู้ตัวเมื่อแจจุงค่อยๆลืมตาตื่นอย่างช้าๆ

    ราวกับภาพที่ย้อนกลับไปเมื่อหกปีก่อน…..

    ยุนโฮกดกริ่ง ตาโตสวยได้รูปตื่นเต็มตา เพดานหมุนติ้ว ผ่านไปสองสามนาทีจึงชัดเจนขึ้น

    “แจจุง…..” ใบหน้าหล่อเหลายิ้มบางๆ หวังจะได้เห็นรอยยิ้มจากร่างบางกลับมา แต่ไม่เลย…. แจจุงมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนเมื่อได้เห็นใบหน้าของยุนโฮ แจจุงหายใจถี่ขึ้น มือที่ถูกกุมอยู่สะบัดจนหลุด ร่างเล็กถดให้ไกลจากยุนโฮ ดวงตาแข็งกร้าวและมองยุนโฮตาแข็งยิ่งทำให้ร่างสูงสงสัย

    “เป็นอะไรไป” ยุนโฮจับไหล่ร่างบางแผ่วเบา และถูกปัดออกอย่างไม่ใยดีอีกครั้ง

    “อะ……อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!” แจจุงกรีดร้องจนยุนโฮสะดุ้ง ร่างบางนั่งกอดเข่าและคู้ตัวอย่างน่าสงสาร มือสองข้างประกบหูราวกับไม่ต้องการได้ยินเสียงใดๆจากยุนโฮ ร่างสูงอึ้ง พยายามจับร่างบางให้สงบลง แต่แจจุงก็ปัดป่ายมือหนาอย่างหวาดกลัวและรังเกียจ

    “แจจุง!!! เป็นอะไร!!!บอกฉันสิ”

    “ไม่!!! อย่ามาจับนะ!!! ออกไป!!! ออกไป!!ฆาตกร!!แจจุงผลักมือของร่างสูงออกเป็นเวลาเดียวกับที่หมอและพยาบาลสองสามคนวิ่งโร่เข้ามาอย่างรวดเร็ว ยุนโฮโดนพยาบาลดันออก

    “คุณออกไปก่อนนะคะ”

    ………..แต่”

    “ออกไปก่อนเถอะค่ะ คนไข้อาละวาดใหญ่แล้ว” ยุนโฮยอมเดินออกแต่โดยดี แต่ยังคงเกาะประตูไว้แน่น กระจกตรงประตูบานนั้นทำให้ยุนโฮเห็นเหตุการณ์ที่อยู่ในห้องชัดเจน แจจุงผู้น่าสงสารถูกพยาบาลกดให้นอนลงบนเตียง ก่อนจะสงบลงหลังจากที่หมอทำการฉีดยาให้กับแจจุง ร่างเล็กม่อยหลับไปแทบจะทันที ไม่นานนักทั้งหมอและพยาบาลก็กรูกันออกมา ยุนโฮดึงแขนของหมอไว้

    “เด็กคนนั้นเค้าเป็นอะไรครับ ทำไม..

                   “คงจะช็อคจากเหตุการณ์จากวันนั้นน่ะครับ ใจเย็นๆนะครับ ไว้เค้าตื่นขึ้นมา ผมจะตรวจให้ละเอียดอีกทีนึง ขอตัวนะครับ”

                   ยุนโฮยังยืนนิ่ง ประเด็นสำคัญคือคำสุดท้ายที่แจจุงเอ่ย

                   ฆาตรกร….

                   ยุนโฮรู้สึกเหมือนท้องโหวงและมีอาการเหงื่อแต่พลั่ก เค้ากลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก แม้จะไม่รู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิ่งที่แจจุงพูด แต่ยุนโฮกลับรู้สึกอะไรบางอย่าง ราวกับจะต้องสูญเสียแจจุงไป

                   ตลอดกาล…..

                   ----------------------------------

                   ------------------

                   คืนที่เงียบสงัดภายในโรงพยาบาลแต่กลับปลุกใครบางคนที่หลับยาวนานตั้งแต่หัววันให้ตื่นขึ้นมาในยามวิกาล ร่างที่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ขยับตัวเล็กน้อยเมื่อลืมตาตื่น เหงื่อชื้นเปียกไรผมราวกับเมื่อกี้มีฝันร้ายบางอย่าง ทว่าจำไม่ได้และไม่ชัดเจนพอ ขณะที่เหยียดกายให้ลุกขึ้นสายตาก็พลันไปพบกับร่างที่นอนบนโซฟาใหญ่ของห้องที่อยู่ข้างๆเค้า ร่างที่ยาวเหยียดนิ่งสงบ มีแต่เสียงลมหายใจแผ่วเบาและหน้าอกที่ยกขึ้นลงสม่ำเสมอบ่งบอกว่าร่างนั้นนอนหลับสนิท มือเล็กกำผ้าห่มแน่น ก่อนจะค่อยๆหย่อนเท้าลงจากเตียงอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าใครบางคนที่หลับอยู่นั้นจะได้ยิน มีดปอกผลไม้ที่วางข้างแก้วชาถูกคว้าเอาไว้ สายน้ำเกลือถูกดึงจนหลุด เลือดซึมที่แขนเล็กบางเล็กน้อย แต่ทว่าร่างที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นไม่ได้สนใจอะไร

                   ใกล้เข้าไปทีละนิด….ทีละนิด…..

                   จนบัดนี้ร่างบางได้ยืนอยู่เบื้องหน้าของชายคนนี้แล้ว….

                   มือทั้งสองกำมีดสั้นไว้แน่นแม้จะสั่นเทา สองมือค่อยยกขึ้นสูงจนเพียงหัวของร่างบาง ใบหน้าขาวสวยมีความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมและสายตาไม่ขลาดกลัว

                   พ่อครับ….แม่ครับ….. แล้วผม…. ผมจะตามพ่อกับแม่ไปนะครับ….ได้โปรดโปรดรออีกนิด

                   แจจุงง้างมือจนสุดก่อนจะเล็งไปยังหน้าอกของร่างสูง

                   ตึก!!

                !!!!!ตาเบิกโพล่ง.. สัญชาตญาณทำให้มือแกร่งยกขึ้นจับแขนของร่างบางไว้มั่น ดวงตาดั่งเหยี่ยวของยุนโฮตอนนี้ยังคงตกตะลึงมากกว่าตกใจกลัว

                   “ปล่อย!!!!” แรงก็ไม่ได้มีมาก แต่แจจุงก็ยังพยายามดันมือที่ถูกยึดไว้ให้ต่ำลงไปอีก ยุนโฮบีบมือเล็กจนแจจุงนิ่วหน้า มีดตกลงบนพื้นดังเคร้ง ร่างบางถูกผลักให้นอนลงบนโซฟาแทน ร่างสูงดันแขนที่ดื้อรั้นให้ยกขึ้นเหนือหัว และนั่งคร่อมบนตัวของร่างบางจนแจจุงแทบขยับตัวไม่ได้

                   ใบหน้าสวยหวานตอนนี้บิดเบี้ยวและแสดงถึงความเคียดแค้นชิงชัง ริมฝีปากกัดกันแน่นจนสั่นเทา น้ำตาไหลรินออกจากหางตา ยุนโฮยึดมือแจจุงจนร่างบางนิ่วหน้า

                   “ปล่อยน้า!!คนเลว!!! ฆาตรกร!! เอาพ่อแม่ผมคืนมา!!!!

                   !!!!” ยุนโฮตกใจเมื่อได้เห็นใบหน้าคนร้ายอย่างชัดเจน ทั้งยังประโยคที่ร่างบางพูดเมื่อกี้นี้

                   รู้……

                   แจจุงรู้ได้ยังไง…..

                   ดวงตาที่เบิกค้างด้วยความตกตกลึงค่อยๆหลับตาลงเบาๆ

                   นั่นสินะ….. ไม่ว่าแจจุงจะรู้ได้ยังไง…..

                   ความจริงเค้าทำใจมานานตลอดทั้งหกปีอยู่แล้ว……

                   ว่าสักวันหนึ่ง…..

                   แจจุงจะรู้เรื่องนี้เข้าสักวัน…..

                   วันที่เค้าจะต้องชดใช้ในสิ่งที่เค้าได้ทำกับร่างบางไว้ราวกับเป็นแผลใหญ่ลึก….

                   ก๊อกๆๆๆๆ

                !!” ยุนโฮมองใบหน้าร่างบางสลับกับประตู ก่อนที่จะอุ้มที่ร่างบางนอนลงบนเตียงอย่างรวดเร็ว เค้าดึงผ้าห่มมาห่มร่างบางไว้เงียบๆ แล้วแกล้งนั่งข้างๆร่างบางแล้วกุมมือของแจจุงไว้ แจจุงสับสน แต่ก็ยอมทำตามน้ำไปก่อน พยาบาลพลักประตู ร่างสูงทำท่างัวเงียเหมือนเพิ่งตื่นก่อนจะเดินผายมือให้พยาบาลลากรถเข็นมาเปลี่ยนน้ำเกลือตามเวลา พยาบาลสาวยิ้มเธอเดินเข้ามาใกล้มีดที่ตกอยู่บนพื้นเรื่อยๆ ยุนโฮไวกว่า เค้าเตะอาวุธที่เกือบจะทำให้เค้ามีอันเป็นไปให้กระเด็นไปอยู่ใต้โซฟา

                   “ไม่มีอะไรครับ เชิญครับ เค้าเพิ่งตื่น” พยาบาลเลิกคิ้วเมื่อเห็นท่าทีแปลกๆของยุนโฮ ก่อนจะเดินไปเปลี่ยนน้ำเกลือที่ใกล้จะหมดให้ร่างบาง เธอต่อว่าแจจุงเล็กน้อยที่ดึงสายน้ำเกลือออก ร่างบางแก้ตัวง่ายๆว่ารำคาญเป็นการบอกปัด นาฬิกาบอกเวลาหกโมงเช้า ยุนโฮรอเวลาที่พยาบาลสาวทำหน้าที่จนเสร็จ ประตูถูกปิดดังแกร๊ก ความเงียบโรยตัวช้าๆระหว่างคนสองคน ยุนโฮเดินเข้าไปใกล้ๆร่างบาง

                   “คุณคงอยากตายมากใช่ไหม…. จองยุนโฮ”

                   “ถ้าตายเพราะเธอ ฉันก็ยอม แต่ไม่ใช่ตอนนี้” แจจุงครางหึในลำคอ

                   “อย่าชะล่าใจแม้แต่วินาทีเดียว จองยุนโฮ เพราะถึงผมจะอายุแค่สิบสอง…. ผมก็ฆ่าคนได้เหมือนกัน!!” ยุนโฮขมวดคิ้ว

                   “เธอบอก…. ว่าเธออายุเท่าไหร่นะ”

                   “สิบสองทำไมคิดว่าผมจะสู้คุณไม่ได้หรอ จองยุนโฮ!!…

                   !!!?

     

                   ------------------------------------------

                   ----------------------

     

                   “เป็นไปได้ว่ะ…. ความจริงฉันอยากจะตรวจให้แน่ใจอยู่แล้ว เพราะเค้าโดนฟาดที่หัวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตรงส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำ” คุณหมอยังหนุ่มแน่นซึ่งดูจะอายุมากกว่ายุนโฮเพียงเล็กน้อยเอ่ย ฮีชอลดึงหูฟังแพทย์ออกก่อนจะห้อยมันไว้ตรงผนัง ยุนโฮยังอยู่ที่ท่าที่กุมขมับ แขนข้างหนึ่งยันไว้ตรงโต๊ะทำงานของฮีชอล

                   “แล้วทำไมถึงต้องย้อนไปจำได้แค่ตอนอายุ 12 แสดงว่าเด็กคนนั้นลืมเรื่องราวที่ผ่านมาหกปีหมดเลยหรอ?”

                   “เป็นไปได้ว่า เมื่อตอนอายุสิบสอง เด็กคนนั้นโดนรถชนครั้งหนึ่งและบาดเจ็บปางตายเหมือนคราวนี้ แถมยังลืมว่าตัวเองเป็นใครด้วย ล่วงเลยมาหกปีเด็กคนนั้นมีความทรงจำและสิ่งแวดล้อมใหม่ๆเกิดขึ้นภายในหกปีนั้น ทำให้คราวนี้เมื่อสมองถูกกระทบกระเทือนอีกครั้งแทนที่จะลืมเรื่องทั้งหมดว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน กลายเป็นว่าลืมเรื่องที่ผ่านมาทั้งหกปีและเหมือนตัวเองเพิ่งตื่นจากเหตุการณ์รถชนเมื่อครั้งหกปีที่แล้ว”

                   “พี่จะบอกว่าเด็กคนนั้นคิดว่าที่ตัวเองนอนอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ เพราะโดนรถชน?.... เค้าลืมเรื่องราวทั้งหกปีที่แล้ว และคิดว่าตัวเองอายุสิบสอง?” ยุนโฮทวนคำพูด

                   “จากที่นายเล่ามามันก็ใช่นะ…. เคสนี้มันเป็นคนได้บ่อยๆ แต่ฉันสงสัยอย่างคือ….จุดที่โดนตีบนหัวเนี่ยมันเหมือนตั้งใจมากๆเลย” ฮีชอลเอาแขนข้างหนึ่งคล้ายจากการกอดอก ชี้ที่หัวแล้วเคาะสองสามครั้งเบาๆเป็นการบอกตำแหน่ง

                   “ตั้งใจ?” ร่างบางพยักหน้า ไม่ช้าจึงลุกขึ้นเดียวไปรอบๆห้อง แขนสองข้างยังคงกอดอกอย่างใช้ความคิด ก่อนที่จะหยิบฟิล์มที่เอ็กเรย์จากหัวของแจจุงขึ้นมาดูอีกครั้ง

                   “เหมือนตั้งใจมากที่จะให้โดนตำแหน่งนั้น ทั้งๆที่เวลาเราตีหัวใคร เราก็ตีกันในจุดที่เข้าถึงง่ายที่สุดจริงไหมล่ะ แต่รอยแผลของเด็กคนนี้เหมือนจงใจมากเกินไปไม่เหมือนรอยตีอื่นๆที่เคยเห็นมาซึ่งมักจะโดนเข้าที่กลางกระหม่อม”

                   ……..เด็กคนนั้นอยู่ในอันตราย ตราบใดที่เรายังจับคนร้ายไม่ได้” ยุนโฮพร่ำ เค้ายกมือมาปิดปากไว้เหมือนกับที่เคยทำเวลาที่วิตกกังวลจนติดเป็นนิสัย ฮีชอลเป็นรุ่นพี่ที่คยกันมานานและรู้จักยุนโฮดียิ้มบางๆ ก่อนจะนั่งข้างร่างสูง มือเรียวสวยว่าไว้บนบ่ากว้างของยุนโฮ

                   “นายนี่ใจดีจังนะ…. เค้าเคียดแค้นนายขนาดนั้น ยังจะเป็นห่วงเค้าอยู่ได้” ฮีชอลเอ่ยในฐานะเพื่อน แน่นอนว่าหากเป็นในฐานะหมอล่ะก็ ฮีชอลจะไม่พูดแบบนี้แน่

                   “ไม่หรอกครับพี่…. ผมทำลายครอบครับเค้า ทำลายสิ่งที่เหมือนกับลมหายใจของเค้า…. แต่เค้าเอง..เค้านั่นแหละที่กลับกลายเป็นเหมือนลมหายใจของผม เป็นเหมือนชีวิตของผม พี่ครับ ผมไม่ได้ใจดีเลยสักนิดผมเลวยิ่งกว่าปีศาจซาตาน ถึงผมจะพรากทุกสิ่งจากเค้า แต่ผมก็เห็นแก่ตัวที่จะเก็บเค้าไว้ผมเกลียดตัวเองมากๆมากๆเลยล่ะครับ” ยุนโฮเอ่ยหน้าเศร้า ฮีชอลโอบร่างหนาเอาไว้และคิดว่าคงจะคิดไปเองที่เหมือนรู้สึกว่าจะบ่าของเค้าจะเปียกชื้นนิดๆ  

                   ยุนโฮหลับตาอย่างเหนื่อยล้า ตอนนี้แจจุงมีแต่จิตใจที่เคียดแค้น สายตาที่มองเค้าอย่างอ่อนโยนและร่าเริงเปลี่ยนไปชัดเจน มันมีแต่ความชิงชังและโกรธเกลียด แต่ยุนโฮไม่นึกโกรธแจจุงแม้แต่น้อย เพราะนี่คือสิ่งที่เค้าทำผิดต่อครอบครัวของแจจุง มันเป็นบาปกรรมที่เค้าต้องรับไว้ตั้งแต่หกปีก่อนอยู่แล้ว แต่ที่บาปกรรมนั้นยังไม่ได้ชดใช้มาจนถึงเดี๋ยวนี้เพราะแจจุงจำอะไรไม่ได้เลย

                   คงถึงเวลาแล้วสินะ…..

                   คิมแจจุง….. มันไม่น่าเกิดขึ้นเลย….

                   ทั้งเรื่องอุบัติเหตุคราวนั้น……

                   แล้วก็เรื่องที่ฉันรักเธอด้วย……..

     

                   “คุณยูชอน…. นี่มันผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วนะครับ” เลขาคิมเอ่ย แต่ร่างสูงก็ยังใจเย็น ยูชอนหยิบถ้วยชาร้อนขึ้นมาจิบก่อนจะฮัมเพลงในลำคอราวกับไม่รู้ว่ามีใครอยู่ในห้องบ้าง เลขาคิมเช็ดเหงื่อที่ชื้นไรผมเปียกของตัวเองก่อนจะเอ่ยกับหญิงสาวที่ยังคุกเข่าเอาหัวชิดพื้นอยู่นานเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว

                   “คุณหนู…. วันนี้กลับไปก่อนเถอะครับ….อย่างทำแบบนี้เลย” เลขาคิมในวัยเกือบหกสิบที่ทำงานรับใช้ยูชอนมาตลอดเอ่ย แต่คิมจุนฮีก็ยังไม่ยอมไปไหนใบหน้ายังฟุบอยู่ที่พื้นราวกับรอคำพูดของใครคนหนึ่ง ร่างสูงลุกขึ้นมองวิวในยามค่ำคืน ห้องทำงานของร่างสูงถูกตกแต่งให้คล้ายกับห้องทำงานของยุนโฮ คือรอบห้องจะต้องเป็นกระจกเกือบทั้งหมด ฝั่งหนึ่งจะสามารถเห็นวิวที่เป็นถนนใหญ่ใจกลางเมืองได้ ส่วนอีกฝั่งจะเห็นการทำงานของพนักงานที่อยู่ชั้นล่างอย่างชัดเจน

                   “ไม่ค่ะจนกว่ายูชอนจะตอบฉัน”

                   ยูชอนวางแก้วชาลงเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะทำงานมาหยุดตรงร่างเล็กบางของหญิงสาว

                   “วันนี้ขอบคุณคุณลุงมากเลยครับ กลับบ้านดีๆนะครับ” ยูชอนหันไปยิ้มให้เลขาคิม ชายชราโค้งอย่างอ่อนน้อมก่อนจะเดินออกไปทั้งๆที่สายตายังมองจุนฮีด้วยความเป็นห่วง

                   “คุณบอก……ว่าอะไรนะ?” ยูชอนเอ่ยถามอีกครั้ง

                   “ฉัน….. ฉันบอกว่า….. ได้โปรด…. อย่ายุ่งกับคิมจุนซูอีก” ยูชอนครางหึในลำคอ รอยยิ้มเยาะปรากฏบนใบหน้า แต่จุนฮีไม่เห็น เธอยังก้มหน้าให้หัวชิดพื้นเหมือนเดิม มือสองข้างที่วางทับกันเหนือหัวของเธอสั่นเทา จุนฮีนั่งท่านี้นานเกินไปจนร่างกายแทบจะรับไม่ไหว

                   “โธ่ๆๆ จุนซูที่น่ารักของผม….ไปฟ้องอะไรคุณน้า จุ๊ๆๆๆ ไม่เอาน่าคิมจุนฮี มันเป็นเรื่องของเรานะ” ยูชอนนั่งยองๆ เหมือนอยากจะให้เสียงกระแทกแดกดันนั้นเข้าหูจุนฮีชัดเจนยิ่งขึ้น เค้าค่อยๆยืนขึ้นแล้วเสมองไปยังนอกหน้าต่างเหมือนเดิม จุนฮีเองก็ค่อยๆเงยหน้า ดวงตากลมโตมีน้ำใสๆคลออยู่เล็กน้อย

                   “ฉันถามอะไรเค้า เด็กคนนั้นก็ไม่ตอบ….. เอาแต่ร้องไห้ แล้วก็บอกว่าไม่เกี่ยวกับเธอ…. ปาร์คยูชอนฉันค้นมือถือของเด็กคนนั้นทั้งยังค้นห้องหับของเค้า มีแต่รูปคุณเต็มไปหมด…. แล้วยังมีไดอารี่ที่ฉันอ่านเพียงสองสามหน้าก็อ่านต่อไม่ได้….คิดว่าฉันไม่รู้หรอว่าคุณทำอะไรเค้า คุณหลอกให้เค้ารักแล้วก็ทิ้งเค้า……

                   ………….” ยูชอนมองใบหน้าที่เป็นเดือดเป็นร้อนของจุนฮี ใบหน้าหล่อจัดของเค้านิ่งสงบคล้ายจะเหม่อลอยเล็กน้อยแต่ก็ยังจับจ้องไปที่ใบหน้าสวยหวานที่คุ้นเคย

                   “คุณไม่ได้รักจุนซู….. คุณทำแบบนี้กับเค้าทำไม? ถ้าไม่ได้รักเค้า ได้โปรด ปล่อยเค้าไปซะเถอะเค้ายังเด็กไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถ้าคุณจะแก้แค้นฉัน ก็ทำที่ฉันคนเดียว….. เด็กคนนั้นเป็นเหมือนดวงใจของฉัน เป็นเหมือนน้ำชโลมใจที่ทำให้ฉันยังมีชีวิตอยู่ได้…………. เพราะฉะนั้น….

                   “เพราะฉะนั้น!.....เด็กคนนั้นถึงถูกเลือกไงล่ะ….” ยูชอนยังยิ้มเยาะ

                   “เด็กคนนั้นบอกหรือเปล่าว่ารู้สึกยังไงเวลาที่ถูกทิ้ง?” ร่างสูงเอ่ยเสียงนิ่ง ไม่มีอาการทีเล่นทีจริงเหมือนเมื่อครู่ สูทที่ดูเหมือนจะอบอุ่นในอากาศหนาวเย็นในตอนนี้กลับทำให้เค้ารู้สึกร้อนอย่างประหลาด วันนี้เป็นวันที่เค้ารอมานานทีเดียวที่จะได้หักหน้าของจุนฮีให้ยับเยิน หญิงสาวขมวดคิ้วราวกับจะตั้งคำถามจากประโยคเมื่อกี้นี้

                   “เด็กคนนั้นบอกหรือเปล่าว่า เค้ากินไม่ได้นอนไม่หลับ ร้องไห้หนักทุกครั้งที่อยู่คนเดียว…. ท่าทางเหม่อลอยและไร้ซึ่งความสุข ทำไม่ได้แม้กระทั่งจะฝืนยิ้ม รู้สึกโดดเดี่ยวและไร้ค่า อยากจะตายก็ตายไม่ได้….. อยู่ไปก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม….เจ็บปวดใจและร้องไห้หนักจนอยากอาเจียน”

                   น้ำตาหลั่งรินลงบนพื้นพรม จุนฮีเอามือปิดเสียงร่ำไห้ที่กำลังจะดังเล็ดลอดริมฝีปากออกมา คิ้วสวยได้รูปขมวดเข้าหากัน ยูชอนเช็ดน้ำตาของตัวเองออกเร็วๆ เค้าแกล้งทำว่าเข้มแข็งและเอื้อนเอ่ยอย่างไม่ทุกช์ร้อนอะไร จุนฮีเอามือกุมหน้าอกไว้แน่น เจ็บปวดใจเหลือเกินจนแทบอยากจะร้องไห้ให้น้ำตาไหลออกหมดทั้งตัว

                   ……………………..ฉัน…….ฉัน…….ฉันขอโทษ ฉันมันเลว……….ฮึก…….แต่……แต่ยูชอน…..ได้โปรด…..หยุดทีเด็กคนนั้น….คิมจุนซูเค้าไม่รู้เรื่อง…………เค้ารักเธอมาก……..ถ้าใครจะเจ็บ….ก็ขอให้เป็นฉันคนเดียว…….ได้โปรดเถอะ…..ฮึก…..” ยากเหลือเกินที่จะเค้นคำพูดเหล่านี้ให้ออกจากมาจากลำคอที่เจ็บจากการสะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร จุนฮีเอื้อมมือไปจับขาของยูชอน เธอก้มหน้าอย่างที่ไม่เคยก้มให้ใครมาก่อน ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองคนรักเก่าอย่างยูชอนเลย เพิ่งรู้ว่าทำผิดต่อคนๆหนึ่งถึงเพียงนี้ ผิดจนไม่น่าให้อภัย

                   ถ้ายูชอนอยากจะแก้แค้น….คิมจุนฮีก็ยอมที่จะให้ยูชอนทำร้ายตนเองอย่างไรก็ได้…..

                   จะเข่นฆ่ากันก็ยอม……

                   แต่คิมจุนซู…. ต้องไม่มาเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย…..

                   “กลับไปซะคิมจุนฮี…..

                   …………….” ร่างผอมบางยังอยู่กับที่ แต่ตอนนี้ดูท่าทางเหนื่อยอ่อนเต็มที ยูชอนดึงแขนของจุนฮีขึ้นมาก่อนจะลากจุนฮีออกจากห้องแล้วปิดประตูทันที จุนฮีเดินยืนสักพักก่อนจะเดินจากไปอย่างพ่ายแพ้ เธอพาตัวเองกลับมายังที่บ้านอย่างเหนื่อยอ่อน จุนซูที่นั่งรออยู่หน้าบ้านชะเง้อคอขึ้นมองเมื่อเห็นร่างที่เดินท่ามกลางความมืดมิดลงจากรถแท็กซี่ จุนซูรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัดจนแน่นเมื่อพี่สาวอันเป็นที่รักของเค้าที่ยืนอยู่ตรงหน้ามีใบหน้าที่เค้าไม่เคยเห็นมาก่อน ดวงตาสวยบัดนี้บวมเป่งและแดงก่ำ น้ำตาไหลโดยที่จุนฮีเองไม่รู้ตัวเพราะใบหน้าชาด้วยความหนาวเย็น ริมฝีปากบางเฉียบสั่นระริก ร่างเล็กบางนั่นสวมกอดจุนซูแน่นจนร่างบางแทบหายใจไม่ออก จุนซูได้แค่อึ้งและทำอะไรไม่ถูก

                   “พี่ครับ….พี่ไปไหนมา ทำไมเป็นแบบนี้?”

                   “จุนซูไปอยู่กับพี่นะ…………ไปอยู่กับพี่ที่ออสเตรเลียนะ” เสียงอู้อี้แต่จุนซูพอจับใจความได้ จุนซูดันร่างของพี่สาวให้ห่างพอที่จะสามารถเห็นใบหน้าได้ชัดเจน

                   ……………………………………………………………..ไม่” ใบหน้าของจุนซูบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นอย่างชัดเจน ถึงแม้ไม่ว่าจุนฮีจะพยายามพาจุนซูไปอยู่ด้วยสักกี่ครั้ง แต่คำตอบก็ยังเหมือนเดิม

                   “จุนซู!!!

                   “วันนี้พี่ไปทำอะไร!?.... ไปไหนมา? ทำไมเป็นแบบนี้? ร้องไห้ทำไม? พี่ต้องตอบผมก่อน!!” จุนซูสวนกลับ จุนฮีปล่อยมือจากร่างของน้องชายก่อนจะเดินหนีขึ้นบ้านทำเป็นไม่ได้ยินอะไร จุนซูดึงมือของจุนฮีไว้

                   “ใครทำอะไรพี่….. บอกผมสิ…..พี่เป็นอะไร!?” จุนซูพยายามพูดด้วยความใจเย็น จุนฮีรวบรวมแรงสุดท้ายที่จะเอ่ยให้จุนซูเปลี่ยนใจให้ได้

                   “เลิกยุ่งกับปาร์คยูชอนซะ ทิ้งรูปพวกนั้นให้หมด ลืมเค้าไปซะ…..นะ จุนซู….แล้วเธอก็ไปกับพี่ ร็อบดีกับพี่มากแล้วเธอก็รู้ว่าเค้าก็ดีกับเธอ…..พี่อยู่ด้วยกันแล้วทิ้งเรื่องทุกอย่างไว้ที่นี่”

                   “ความจริงถ้าว่านี้พี่ไม่ได้กลับมาด้วยสภาพนี้ ผมก็คงถามว่าพี่ห้องของผมทำไม……” จุนซูปล่อยมือของจุนฮี พลางมองเข้าไปในดวงตาที่ไร้ความสงบอย่างสิ้นเชิงในเวลานี้

                   “ถ้าพี่ไม่ทำ…..พี่จะรู้หรอว่าเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อวันนั้นเธอเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว….” จุนซูเงียบ ปล่อยให้น้ำใสๆไหลอาบแก้ม ในที่สุดจุนฮีก็รู้เรื่องเข้าจนได้ เค้าไม่นึกโกรธที่จุนฮีทำแบบนี้ ร่างบางเข้าใจดีว่าพี่สาวของตัวเองเป็นห่วงมากขนาดไหน

                   “มานี่…. พี่จะบอกทุกอย่างให้เธอรู้ดูสิว่าเธอจะยังดื้ออยู่อีกไหม”

                   --------------------------------

               

    -----------------------

                   --------

                   “ยูชอนกับพี่เคยรักกันมาก่อนเราสองคนต่างเป็นรักแรกของกันและกัน พี่คบกับเค้ามาหลายปีทีเดียว ยูชอนเป็นคนจิตใจดีและน่ารัก เค้ารักพี่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ จนวันหนึ่ง….. พี่ทรยศเค้า…. ตอนนั้นเธอยังอยู่มอต้นอยู่เลยบ้านหลังนี้กำลังจะถูกธนาคารยึด พ่อแม่ถูกฟ้องเป็นบุคคลล้มละลาย….. พี่ทรมานใจมากที่เห็นท่านล้มป่วยเพราะเรื่องนี้ เราเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่บอกเธอ เพราะกลัวว่าเธอจะไม่เป็นอันเรียน

    ตอนที่คบกับยูชอน พี่คบกับเค้าเพราะเค้ารวยมาก….พี่คิดจะหลอกเอาเงินจากเค้าไปจ่ายหนี้ แต่หลังจากที่ได้คบกับเค้าจริงๆ…..เค้าเป็นคนดีมาก….. ดีจนพี่……… พี่ละอายใจ….. พี่เริ่มรักเค้าและหลอกเค้าไม่ได้…… วันหนึ่งพี่เจอร็อบที่ร้านอาหารที่ทำงานอยู่ ร็อบจีบพี่นานมากในระหว่างที่คบกับยูชอน เค้ารวยมาก เค้าบอกว่าสามารถให้พี่ได้ทุกอย่าง แต่พี่ไม่ได้รักเค้า พี่หลอกเอาเงินเค้ามาจ่ายหนี้….

    ยุนฮีพยายามเก็บกักความรู้สึกเอาไว้ ไม่ได้เผลอร้องไห้ออกมาอีก ยากนักที่จะเอ่ยถ้อยคำไร้ยางอาย แต่จุนซูไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาได้แต่รอฟังคำสารภาพที่เค้าไม่เคยรู้มาก่อน มือเล็กกำกางเกงแน่น

    “แต่พี่ก็ไม่สามารถบอกเลิกยูชอนได้ในขณะที่คบกับร็อบไปด้วย ร็อบเอาใจพี่ทุกอย่าง ให้เงินมาใช้หนี้จนเกือบหมดทั้งยังจ่ายค่าเล่าเรียนให้ วันหนึ่งพี่ท้องเจอาร์ขึ้นมา คราวนี้พี่ไม่สามารถเห็นแก่ตัวเพื่อให้ตัวเองได้มีความสุขอยู่กับยูชอนต่อไปได้ พี่บอกความจริงกับเค้า พี่บอกเลิกเค้าและบอกว่าท้องกับอีกคนนึง”

    น้ำตาหยดลงบนหลังมือของร่างบาง ตอนนี้เค้ารู้สึกสงสารยูชอนจับใจ และเริ่มเข้าใจความรู้สึกของยูชอนบ้างแล้ว แต่เค้าจะทำอะไรได้ คิมจุนฮีคนนี้ คือคนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อพ่อแม่และเค้าเองนั่นแหละทำให้จุนซูไม่แม้แต่จะคิดรังเกียจจุนฮีสักนิดเดียว

    “พี่ตัดใจจากยูชอน หนีไปใช้ชีวิตกับร็อบที่ออสเตรเลีย ร็อบรักพี่จริงๆ เค้าดูแลพี่และไม่ทิ้งพี่กับเจอาร์เลย ตอนนี้พี่รักเค้ามาก และมีความสุขมาก แต่ก็รู้สึกผิดบาปที่เคยหลอกใช้ความรักของยูชอนมาก่อน พี่เห็นแก่ตัวเกินไป พี่เลวจนไม่น่าให้อภัย……

    …………………..

    “ทำไมพี่ถึงเล่าเรื่องทั้งหมดนี้ให้เธอฟังจุนซู….. เธอคงจะเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมพี่ต้องให้เธอไปอยู่ด้วย….บ้านหลังนี้กำลังถูกใช้หนี้หมดในไม่ช้าและพี่จะขายทิ้ง เธอต้องไปอยู่กับพี่ ที่สำคัญ……พี่ไม่อยากให้เธอเป็นเหยื่อของเรื่องนี้ ยูชอนทำร้ายเธอเพราะพี่…. พี่ทนไม่ได้….ที่พี่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอเจ็บ…..ได้โปรด จุนซู….ฮืออออออออ….. ถ้าเธอสงสารพี่สักนิด…… ฮึก…..เราไปอยู่ด้วยกันนะ…. ทิ้งทุกอย่าง…… ลืมเค้าซะ….อย่าให้เค้าทำร้ายอีกเลย…..” จุนฮีกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว เธอก้มหน้าลงกับฝ่ามือ จุนซูพูดอะไรไม่ออกเมื่อรู้เรื่องราวทั้งหมด ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลจนเปรอะเปื้อนไปทั้งหน้า

                   คิมจุนฮีเป็นผู้หญิงที่เสียสละและน่าสงสารที่สุดเท่าที่จุนซูเคยพบมา พี่สาวของเค้าคนนี้ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวเป็นสุขแม้ตัวเองจะถูกมองไม่ดียังไงก็ตามเค้านึกสงสัยว่าผู้หญิงตัวเล็กๆแค่นี้รับเรื่องราวที่มากมายขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ จุนฮีบอกว่าเธอเห็นแก่ตัว จุนซูคิดว่าจุนฮีต่างหากที่เป็นคนที่เห็นแก่คนอื่นมากที่สุดโดยเฉพาะพ่อแม่ของเค้าและตัวเค้าเอง

                   “ผมไม่ไปครับพี่จุนฮี” จุนซูพูดราวกับยื่นคำขาด ใบหน้านิ่งเฉยราวกับว่าต้องการสื่อว่าเป็นเรื่องที่ไตร่ตรองมาแล้วอย่างถี่ถ้วน

                   “เธอทำไม….พี่พูดขนาดนี้แล้ว เธอยังไม่เข้าใจอีกหรอจุนซู?” จุนฮีเอ่ยด้วยความผิดหวัง

                   “เพราะผมรักยูชอน….ผมรักเค้า…. ไม่ว่าเค้าจะทำร้ายผมยังไง ความจริงที่ว่าผมรักเค้าก็ไม่เปลี่ยนแปลง….ถึงเค้าจะรักผมหรือไม่ ก็สุดแล้วแต่เค้าเถอะครับ…..ผมก็คนๆหนึ่ง….จะโดนทำร้ายให้ตายยังไงก็ยังมีชีวิตอยู่…. พี่บอกผมว่าพี่หลอกเค้าไม่ได้เพราะรักเค้า ครับพี่จุนฮี ผมเองก็หลอกตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่ารักเค้ามากแค่ไหน”

                   “จุนซู……..” จุนฮีกุมมือจุนซูไว้ ใบหน้าเปื้อนน้ำตาของน้องชายตอนนี้ทำไมถึงสดใสนักนะ อาจเป็นเพราะว่าจุนซูกำลังยิ้ม….ยิ้มอย่างที่จุนฮีไม่เคยเห็นมาก่อน จุนซูโตแล้ว เป็นผู้ใหญ่มากกว่าเธอตอนที่อายุเท่านี้เสียอีก ความรักที่จุนซูบอกนั้นคล้ายกับความจริงที่ไม่ใช่ความฝันเหมือนกับเธอตอนเด็กๆ จุนฮีสวมกอดจุนซู ร่างเล็กทั้งสองกอดกันอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน จุนซูอบอุ่นและรู้สึกเหมือนมีพลังมากขึ้นอีกครั้ง

                   ต่อจากนี้คิมจุนซูจะไม่ทำให้คิมจุนฮีเป็นห่วงอีก….

                   จะเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและทนต่อความเจ็บปวดให้มากขึ้น….

                   ใครบอกว่าจุนฮีเห็นแก่ตัว…. คิมจุนซูต่างหากที่เห็นแก่ตัว

                   ถ้าเค้ามัวแต่มาทำตัวเป็นเด็กๆให้จุนฮีเป็นห่วงและต้องคอยปกป้องอยู่อย่างนี้……

                   คนที่ต้องเสียใจมากที่สุดก็คือตัวจุนฮีเอง….

                   เค้าจะไม่ยอมให้เป็นแบบนี้อีก….. คิมจุนซูจะดูแลตัวเองและไม่ต้องเป็นภาระกับใครอีก…..

                   เด็กชายคิมจุนซูที่ต้องคอยหลับหลังพี่สาวเวลาที่เจอหมาตัวใหญ่ไล่กัดในวันก่อนนั้นไม่มีอีกแล้ว…..

                   มีแต่คิมจุนซูที่จะเข้มแข็งและต่อสู้กับเรื่องราวมากมายนั้นด้วยตัวของเค้าเอง…..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×