คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : แผลฉกรรจ์ (NC-15??)
------------
ยูชอนกำลังร้อนรนเล็กน้อย แต่ไม่ยอมรับว่าตัวเองกำลังเป็นห่วงร่างบางที่ขึ้นรถเมล์ออกไปในยามวิกาลแบบนี้ ร่างสูงขับรถตามรถเมล์เพื่ออย่างน้อยให้สบายใจว่าจุนซูกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย
แต่…..ทำไมต้องเป็นห่วงเด็กนั่นกันนะ! ก็แค่หมากตัวหนึ่งในเกมส์ของเราแท้ๆ
ยูชอนส่ายหัว….ว่าแล้วก็เกือบจะเลี้ยวรถกลับคอนโดของตัวเอง แต่ทว่ายูชอนสังเกตเห็นว่ารถเมล์สายนี้ไม่ได้เลี้ยวไปทางที่จะกลับไปถึงบ้านของจุนซู ร่างสูงเอะใจ ก่อนจะเกรี้ยวกราดเล็กน้อย เค้าใช้มือทุบไปที่พวงมาลัยแรงๆ
“บ้าเอ้ย!!! เจ้าเด็กนี่…ดึกป่านนี้แล้ว……ทำไมไม่กลับบ้านนะ” ยูชอนตัดสินใจเลี้ยวตามรถเมล์คันนั้นต่อ จนกระทั่งหยุดอยู่ตรงป้ายที่จอดรถของเมียงดง
อะไรของเค้านะ…นัดกับใครไว้หรือไง…..
ยูชอนจอดรถไว้ในที่ๆสามารถมองเห็นร่างบางได้ชัดเจน สายตายังคงจับจ้องไปที่ร่างเล็กบางที่กำลังนั่งร้องไห้ ไม่นานก็ยกมือถือขึ้นมาพูดแล้วก็ร้องไห้อีก ยูชอนหงุดหงิด เค้าทึกทักเอาเองว่ารำคาญร่างบางที่เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าความจริงแล้วตัวเองหงุดหงิดเพราะอยากจะเข้าไปกอดแต่ก็ทำไม่ได้ต่างหาก สักพักจุนซูก็หยุดร้องไห้ และเหม่อลอยเหมือนคิดอะไรอยู่ ยูชอนรู้สึกคิดผิดหรือคิดถูกนะที่ตามร่างบางมาแบบนี้ ในเมื่อภาพที่เค้าเห็นกลับทำให้ตัวเองยิ่งรู้สึกทรมานมากขึ้น ยูชอนเพิ่งรู้สึกสับสนมากที่สุดในรอบปี เกดมาไม่เคยมีความคิดที่ตีกันให้วุ่นในหัวขนาดนี้มาก่อน อันที่จริงเค้าต้องรู้สึกสะใจและมีความสุขมากกว่านี้ แต่นี่ไม่เลย ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ยูชอนคิดเองเพื่อบดบังความรู้สึกเป็นห่วงร่างบาง
อะไรน่ะ……..
ยูชอนสังเกตเห็นจุนซูเดินตามใครบางคนไปต้อยๆ ก่อนจะเริ่มมีการยื้อยุดฉุดกระชากเกิดขึ้น ยูชอนกำมือแน่นก่อนจะรีบวิ่งไปแทบจะทันที
ผลั่ก!!!!!
ร่างหนาใหญ่ลงไปนอนกับพื้น ยูชอนกระหน่ำชกจนร่างใหญ่หนาสู้ไม่ไหว วิ่งหนีไปทันที จุนซูไม่ได้สนใจชายที่หนีไปเมื่อกี้ หากแต่กำลังมองใบหน้าของคนที่เพิ่งเข้ามาช่วยเค้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
“ยู……….”
“ไม่ยักรู้ว่านายออกมาทำงานหาเงินด้วยหรอ”
“…………”
“พอเคยแค่ครั้งเดียวก็เก่งแล้วสิ?..... เป็นไง เสียดายหรือเปล่า…..เค้าให้นายเท่าไหร่หรอ ให้ฉันเรียกมันกลับมาไหม?”
เพี๊ยะ! ยูชอนหน้าหันไปด้วยแรงตบ จุนซูเม้มริมฝีปากที่สั่นเทา ดวงตาเอ่อล้นด้วยน้ำตา
“……………” ยูชอนหัวเราะหึหึในลำคอ พลางเอามือลูบแก้มเบาๆ จุนซูไม่รู้จะพูดอะไรในตอนนี้ ทั้งๆที่มีคำถามมากมาย และคำพูดมากมายอยากจะพูดกับยูชอน แต่คำดูถูกถากถางเมื่อกี้นี้กลับทำให้จุนซูอยากจะตบหน้ายูชอนสักสองสามครั้ง ร่างบางยากที่จะเชื่อได้ว่ายูชอนคนนี้เป็นคนๆเดียวกับยูชอนที่เค้าเคยรู้จักและรักมากเสียเหลือเกิน
“….กลับบ้านซะ” ยูชอนดึงแขนร่างบางให้เดินตาม จุนซูเยื้อยุดตัวเองให้หลุดจากแขนที่รัดข้อมือเค้าแน่นราวกับคีบเหล็ก แต่ก็พบว่าทำได้ยากมาก อันที่จริงร่างยางไม่ได้นึกรังเกียจยูชอนแต่อย่างใด แต่ถ้อยคำหยาบโลนเมื่อกี้ต่างหากที่จุนซูนึกรังเกียจจนทนไม่ไหว
“ไม่…ปล่อย….ผมจะกลับเอง” สะบัดจนหลุดจนได้ แต่ไม่วายยูชอนก็คว้าแขนของจุนซูที่เกือบจะหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็วแล้ว จุนซูเอามืออีกข้างแกะมือของยูชอนออก ทั้งหยิกทั้งตี แต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งมาถึงรถของยูชอนจนได้ จุนซูโดนโยนเข้าไปในรถทันทีที่ถึง ร่างสูงกระชากรถให้พุ่งไปรวดเร็วด้วยความเกรี้ยวกราด
“ยูชอนหยุดนะ!!!! ผมกลัว หยุดรถนะ!! ได้โปรด อ๊า!!!” รถถูกจอดจึ้กเดียวจนจุนซูหัวโขกเข้ากับกระจกรถ ยูชอนหันมาดึงไหล่จุนซูให้หันหน้ามองเค้า
“นายมันทำตัวน่ารังเกียจแค่เค้าชวนก็เดินตามต้อยๆ…..แค่โดนทิ้งก็ทำตัวเป็นโสเภณีสกปรก…..คิดจะหาเงินด้วยวิธีนี้งั้นหรอ….. นายนี่มันคงจะกับใครก็ได้สินะ ทำไมไม่บอกฉันล่ะ?คิมจุนซู.... นายก็รู้ว่าฉันก็มีเงิน….ครั้งแรกของนายทำไมไม่บอกฉันล่ะ!! ว่าอยากได้เงินแค่ไหน!!”
“คุณยูชอน!!!!!!” จุนซูตะโกนด้วยความเหลืออด ถ้อยคำหยาบคายที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนจากปากของร่างสูงที่คอยพร่ำบอกแต่คำว่ารักให้กับเค้า ร่างบางไม่อยากจะเชื่อเลย ว่ายูชอนจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้
“อ๊ะ!!!” จุนซูกำเซฟตี้เบลท์แน่น เมื่อยูชอนออกรถอย่างรวดเร็วพอๆกับเมื่อกี้นี้ ทางที่คุ้นเคยทำให้จุนซูเอะใจ
“จะพาผมไปไหน อ๊ะ!!!” รถเลี้ยวกะทันหันทำให้จุนซูไม่คิดจะถามอะไรต่อเพราะเริ่มคลื่นเหียน
“……………….” ยูชอนไม่พูดอะไร มีแต่ใบหน้าที่แสดงให้จุนซูเห็นว่าร่างสูงโกรธมากขนาดไหน ยูชอนเองแทบไม่มีสติอันใดในการพูดคุยให้สุภาพกับจุนซูได้ เค้าอดทนมาตั้งแต่เห็นจุนซูในผับและโดนไอ้บ้านั่นลวนลามแล้ว ทั้งยังมานั่งล่อเสือสิงห์ตรงลานน้ำพุที่ที่นักเที่ยวรู้ดีว่าเป็นที่ที่เด็กขายบริการชอบมานั่งหาลูกค้ากัน
แต่ถ้ายูชอนมีสติกว่านี้สักนิดจะเข้าใจว่า จุนซูไม่รู้…ไม่รู้ว่าจริงๆว่าที่ตรงนั้นเป็นที่แบบนี้
ยูชอนรู้สึกอารมณ์เสีย… และโกรธตัวเองมากทั้งๆที่ไม่คิดที่จะสนใจใยดีร่างบางแล้ว แต่ ณ อารมณ์ตอนนี้เหตุผลมีน้อยกว่าอารมณ์นัก
รถถูกจอดตรงหน้าคอนโดหรูย่านคังนัม จุนซูจำได้ดีว่าเป็นคอนโดที่เค้าเคยมาบ่อยๆ เป็นที่แห่งความทรงจำสำหรับเค้ากับยูชอน ร่างสูงโปร่งเปิดประตูรถก่อนจะดึงเซฟตี้เบลท์ตรงเอวของร่างบางออก จุนซูเกาะเบาะไว้แน่น
“ปล่อยนะ!! คนบ้า ผมไม่ลง ผมไม่ลงที่นี่!!! ปล่อย!!” ยูชอนเกี่ยวเอวของจุนซูด้วยแขนข้างเดียวก่อนจะยกร่างบางลงรถทั้งอย่างนั้นแรงเหวี่ยงทำให้จุนซูเซ ยูชอนพาจุนซูขึ้นมาบนห้องของเค้าก่อนจะล็อคประตูแน่น ร่างบางวิ่งไปพยายามปลดล็อคประตูออกแต่ก็พบว่าทำไม่ได้ ยูชอนเปลี่ยนรหัสแล้ว
“อ๊ะ!!!” ยูชอนดึงจนร่างบางชนเข้าที่หน้าอกแกร่ง
“ฉันจะซื้อนาย …บอกมาว่าอยากได้เท่าไหร่” ยูชอนพูดหน้าตาย ความโกรธปรี๊ดขึ้นสมองของจุนซูทันที
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ได้ขายตัว!!!คนเลว!!ทำไมไม่ฟังกันบ้างนะ!!” จุนซูใช้มือทุบอกยูชอนแต่ก็ไม่ได้ทำให้ร่างสูงกระทบกระเทือนเลยแม้แต่น้อย ยูชอนหยิบประเป๋าตังค์ก่อนจะคลี่จนธนบัตรฟ่อนใหญ่โผล่ออกมา ร่างสูงใช้มือเรียวยาวหยิบทั้งหมดนั้นแล้วปาให้ร่างบางจนจุนซูนิ่วหน้าด้วยความเจ็บเมื่อธนบัตรเกือบยี่สิบใบฟาดเข้าที่หน้าของเค้าอย่างจัง
“พอไหม..” ไม่ทันขาดคำร่างสูงพลั่กจุนซูให้ชนเข้ากับประตูแข็งหนา ตามด้วยจูบที่ทาบทับมาอย่างรวดเร็วโดยที่จุนซูไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างบางตาเบิกค้างด้วยความตกใจกลัว รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองคิดไว้ก่อนหน้านี้ถูกต้องทั้งหมด
“อื้ออออออ!!!!!! อื๊อออออ!!” จุนซูร้องระงมในลำคอ ร่างบางทำอะไรไม่ได้เลยยกเว้นใช้มือเล็กทั้งสองทั้งทุบทั้งดันให้ร่างสูงปล่อย ซึ่งก็ไม่ประสบความสำเร็จเอาเสียเลย เนื่องจากยูชอนใช้มือทั้งสองข้างล็อคใบหน้าของร่างบางให้อยู่กับที่ ริมฝีปากหนาอิ่มไล้เลียอย่างหื่นกระหาย ไม่มีสติอันใดหลงเหลืออยู่ในหัวของยูชอน รู้แต่เพียงต้องการร่างบางนี้มากเหลือเกินจนเค้านึกสงสัยว่า สามวันที่ผ่านมาเค้าทำใจกอดร่างบางแค่ครั้งเดียวแล้วทิ้งมาได้อย่างไรนะ ในเมื่อถึงขนาดใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อกอดร่างบางนั้นก็ยังไม่เพียงพอสำหรับเค้า
ลิ้นหนาล่วงล้ำเข้าไปตักตวงความหวานในริมฝีปากบางจนหมด จุนซูหายใจไม่ออก….. และไม่มีแรงพอจะต่อสู้กับอ้อมกอดใหญ่โตที่กอดรัดเค้า สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือไม่แสดงความอ่อนแอให้เห็น แต่ทว่าน้ำตาก็ยังไหลออกมาจากหางตาของจุนซูอยู่ดี
“ฮึ๊!......แฮ่กกๆ….ปล่อย….ผมนะ อื๊อ!!” ยูชอนถอนริมฝีปากดังจ๊วบเพื่อหายใจเพียงชั่วครู่ ทำให้ได้เห็นใบหน้าของจุนซูที่กำลังหอบและแดงระเรื่อ น้ำใสไหลลงมาที่มุมปากของร่างบางยิ่งเป็นการยั่วยวนให้ร่างสูงทำตามใจตัวเองมากขึ้น ยูชอนดันคางของจุนซูให้เชิดขึ้นก่อนจะประกบเข้าที่ริมฝีปากบวมเจ่อเพราะการจูบหนักหน่วงของเค้าอีกครั้ง ขาอ่อนไปหมด ทำเอาจุนซูแทบทรงตัวไม่ได้ ยูชอนใช้ขายันให้จุนซูที่ยืนไม่ไหวนั่งบนเข่า ก่อนจะช้อนตัวร่างบางแล้วโยนลงบนเตียงนุ่ม
ยูชอนดึงแขนของจุนซูให้ขนาบข้าง แต่ทว่าจุนซูดิ้นจนหลุด ร่างบางพลิกตัวให้นอนคล่ำก่อนจะพยายามหยิบโทรศัพท์มือถือของยูชอนที่วางไว้บนหัวเตียง แต่ยูชอนไวกว่า เค้าคว้ามือของจุนซูแล้วสะบัดให้มือถือตกลงบนพื้นหินอ่อนหรูจนดังแกร๊ก ก่อนที่จะพยายามดึงดึงเสื้อเชิ้ตของร่างบางให้โชว์หัวไหล่มนสวยและขาวเนียน ริมฝีปากอิ่มและโหยหาไล้จูบและดูดดุนจนเป็นรอยจ้ำ
“ไม่!! ยูชอน!!....อื๊อ!!!” ยูชอนรั้งไหล่บางให้ถอยร่น
“ไม่อะไร……. ชอบไม่ใช่หรอ?” ยูชอนกระซิบข้างหูก่อนจะซุกจมูกฝังรอยจูบไว้ตรงลำคอเล็ก
“ไม่!!!! ม่ายยยยยยย!!! ฮืออออออออออ ยูชอน ปล่อยน้า!! อย่าทำผมเลย ม่ายยย!!!” จุนซูร้องเมื่อรู้ว่าไม่สามารถต้านทานแรงของร่างสูงได้และยอมร่ำร้องด้วยความพ่ายแพ้ แต่ยูชอนกลับตอบรับด้วยการขบกัดเข้าที่ลำคอเล็กจนเป็นรอยจ้ำที่แดงคล้ำ สาบเสื้อถูกดึงให้เห็นอกขาวเนียนเย้ายวนใจให้ล้อมลอง จุนซูร้องไห้หนักเข้าไปอีกเมื่อมือหนาพยายามจะล้วงเข้าไปในเสื้อเชิ้ตสีขาวบางก่อนจะถูกดึงออกแล้วถูกใช้แทนเชือกมัดข้อมือของร่างบางแน่น
“อื๊อออ!!” เสียงทั้งหมดถูกกลืนลงลำคอเมื่อยูชอนหยุดเสียงเจื้อยแจ้วนั้นด้วยจูบหวานแต่ก็ขมในเวลาเดียวกัน ริมฝีปากของยูชอนขบกัดริมฝีปากร่างของจุนซูจนเลือดออก ยูชอนแลบลิ้นเลียราวกับเป็นน้ำเชื่อมแสนอร่อย
จุนซูหมดแรงต่อสู้…….. แต่ได้ออกแรงดิ้นเท่าที่จะทำได้…….
จนทุกอย่างดูจะมืดดับลงไปพร้อมกับเสียงสุดท้ายที่ร่ำร้อง……….
ยูชอนคิดว่าเสียงนั้นราวกับเสียงดนตรีจากเงือกสาวในยามค่ำคืน…..
แต่สำหรับจุนซู มันเป็นเสียงที่ทรมานเหลือเกิน…….
ได้แต่รอว่าเมื่อไหร่ราตรีที่ยาวนานนี้จะสิ้นสุดลง
คิมแจจุงอารมณ์ดี…
วันนี้เป็นวันเกิดของยุนโฮ เป็นวันที่เค้ารอคอยยิ่งกว่าวันเกิดของตัวเองเสียอีก แจจุงยิ้มไปพลางแกะถุงดูห่อของขวัญของตัวเองไปพลาง
คุณยุนโฮจะชอบไหมนะ … นาฬิกาเรือนสวย เรือนนี้ที่เค้าเก็บเงินค่าขนมทั้งหมดซื้อให้ คุณยุนโฮเป็นคนดีที่ไม่รังเกียจของแพงแจจุงรู้ดี แต่ก็กังวลใจเล็กน้อย ถึงอย่างนั้น แจจุงก็ยังยิ้มหวานจนคนแถวนั้นต้องแอบมองจนคอแทบเคล็ด น่ารักเสียจนตัวเองไม่รู้ตัว
“คุณยุนโฮอยากได้อะไรครับ”
“ไม่อยากได้…. อยากอยู่กับเธอแบบนี้นานๆก็พอแล้ว” ยุนโฮเอื้อมมือมาเกลี่ยผมสีน้ำตาลเข้ม ก่อนจะคล้องมันไว้ที่หูของร่างบาง
“ไม่เอา….อยากได้สักอย่างสิครับ นะ….” แจจุงปากยื่น มือยังเปียผมเป็นปอยเล็กๆของยุนโฮที่นอนตักของร่างบางอยู่
“จริงๆนะ….ผมไม่ต้องการอะไร นอกจากเธอ”
ยิ่งคิดก็ยิ่งอารมณ์ดี แจจุงหัวเราะคิดคักอยู่คนเดียว วันนี้จุนซูไม่มาเรียน ทำให้แจจุงต้องกลับบ้านคนเดียว โดยที่บอกคนขับรถว่าวันนี้จะไปซื้อของ ดังนั้นวันนี้เค้าจะกลับเอง ถึงจะต้องเดินไกลหน่อย เพราะเอาเงินไปซื้อนาฬิกาหมดแล้วแจจุงจึงไม่มีเงินจ่ายแม้กระทั่งค่ารถเมล์กลับบ้าน แต่ก็ไม่เป็นไร ในเมื่อเค้ามีนาฬิกาเรือนนี้อยู่เป็นเพื่อน ทางเดินในยามมืดมิดแบบนี้ แต่แจจุงบกลับเห็นดาวมากมายบนท้องฟ้าราวกลับจะมาแสดงความยินดีกับเค้า
แจจุงเพลินเพลินไปกับการจ้องมองห่อของขวัญในถุงกระดาษซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนจะดึงผ้าพันคอให้คลายความอึดอัดลงบ้าง เผยให้เห็นริมฝีปากสีชมพูที่ตอนนี้แดงปลั่งด้วยความหนาวเย็นที่ปกคลุมในเวลาเกือบทุ่มตรง แจจุงเป่าลมรดมือที่เย็นซีดของตัวเองให้อุ่นขึ้น จนไอออกจากปาก
“อื๊อ!!!! อื๊อออออออ!!! อึ๊…………………..”
“เร็วๆสิ!!! ตามมา” เสียงใครบางคนเอ่ยหลังจากที่ใช้ผ้าขาวบางประกบเข้าที่ใบหน้าของแจจุงอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กบางสลบคาอ้อมกอดของชายร่างใหญ่ชุดดำถุงกระดาษหล่นตุ๊บบนพื้นถนนเย็นเฉียบ นาฬิกาเรือนสวยโผล่ออกมาจากกล่องสีแดงสด
กร๊อบ!.... เสียงของแข็งถูกบี้จนหัก รถคันใหญ่ในยามราตรีคงจะเสียใจไม่น้อยถ้าหากได้รู้ว่า… มันได้เหยียบสิ่งที่สำคัญมากสำหรับใครคนนึง
หยดน้ำเย็นเฉียบทำให้คิมแจจุงต้องลืมตาตื่น แต่เมื่อแสงจากหลอดไฟที่ห้อยลงมาจากเพดานแยงตาของร่างบาง ทำให้แจจุงต้องหรี่ตา ใครบางคนยื่นหน้าเข้ามา แต่ทว่าแจจุงเห็นไม่ชัด ภาพย้อนแสงทำให้ไม่รู้ได้ว่านั่นคือใคร ร่างบางดิ้น ทำให้รู้ว่าตัวเองกำลังถูกมัดมือไพล่ไว้ที่หลัง
“สวัสดีครับ คุณแจจุง” ใครบางคนเดินมาอีกฝั่งที่เป็นคนละด้านกับแสงไฟ เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาท่าทางใจดีและมีนัยน์ตาสีฟ้าสวย บ่งบอกสัญชาติชัดเจน แต่ทว่าพูดภาษาเกาหลีในสำเนียงและไวยากรณ์ที่ถูกต้องทั้งหมด แจจุงขมวดคิ้ว
“คุณ…..เป็นใคร” ลำคอแห้งผาก เสียงของแจจุงที่แหบเล็กน้อยอยู่แล้วจึงแหบเข้าไปอีก
“หลบไป….”
ปั้ก!! ใครอีกคนที่น่าจะเป็นผู้หญิง แต่แจจุงไม่ทันได้มองเห็น เพราะแรงเหวี่ยงทำให้แจจุงต้องหงายหลังลงไป ชุดนักเรียนชื้นเหงื่อเลิกขึ้น หยดเลือดสีแดงฉานหยดลงบนพื้นคอนกรีตเปื้อนฝุ่น แรงของผู้หญิงคงจะไม่แรงขนาดนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าตัวเอารองเท้าส้นสูงฟาดเข้าที่ใบหน้าสวยของแจจุงเต็มๆ แจจุงแลบลิ้นเลียริมฝีปากก่อนจะโดนทึ้งผมให้หันมามองใครบางคนอย่างชัดเจน
“พี่เฮริม……..อึ้ก!!!อ๊ะ!!!! อ็อก!!” เฮริมใช้รองเท้าข้างเดิมฟาดเข้าอีกด้านหนึ่งของใบหน้าซีดเผือด ก่อนจะทุบตีร่างบาง ทั้งใช้กระเป๋าฟาดและใช้เท้าถีบเข้าอย่างจัง
“เฮริม!! พอ!! เดี๋ยวเค้าจะตายนะ” หมอฮงล็อคแขนของเฮริมไว้ ทว่าเท้ายังทำงานเป็นอย่างดี แจจุงตัวโยน
“ช่างมัน!!! มันแย่งคู่หมั้นของฉัน เอาคู่หมั้นฉันไปกกที่โรงแรม!!” แน่นอนว่าจางเฮริมสืบเรื่องนี้เป็นอย่างดี ทำให้เธอยิ่งโกรธเกรี้ยวมากขนาดนี้ ร่างบางที่บอบช้ำนอนหงายและหอบฮั่ก กลิ่นคล้ายเหล็กสนิมคละคลุ้งในปากทั้งยังเลือดกำเดาที่ไหลเป็นทาง น้ำตาไหลจากดวงตาหวานอย่างน่าสงสาร
“……………”นาทีนี้แจจุงจุกจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่คู้ตัวให้ลดความเจ็บลงไปบ้าง
“ตอบมาคิมแจจุง!!! แกคิดยังไงกับจองยุนโฮ ตอบดีๆนะ… ถ้าถูกใจฉัน ฉันอาจจะปล่อยแกไปง่ายๆ” หญิงสาวเค้นเสียงให้ลอดฟันออกมาจนน่ากลัว คิมแจจุงโดนจิกผมให้ลุกขึ้นอีกครั้งน้ำตาไหลเป็นทางจากดวงตาข้างซ้ายที่เริ่มแดงช้ำและปูดโปน
“ผม……….รัก…..คุณยุน อั่ก!!!!!” คราวนี้เจ็บกว่าเดิม แจจุงหลับตาปี๋เมื่อถูกเอาหัวโขกเข้ากับโต๊ะไม้ข้างๆนั่น หมอฮงรีบสั่งให้ลูกน้องสองสามคนไปล็อคตัวเฮริมเอาไว้
“อึก…….อื๊อ………. แฮ่กๆ….อึ๊” เลือดซึมออกจากขมับ หมอฮงหยิบผ้าสีขาวสะอาดซับไว้ให้ก่อนจะเช็ดเลือดที่จะเข้าตาให้กับแจจุง คนเป็นหมอรู้ดีว่าแผลขนาดนี้เจ็บปวดและต้องเย็บไม่รู้กี่เข็ม ขาของร่างบางกระตุก แทบจะไม่มีแรงแม้กระทั่งดิ้นหนี ถึงถ้าตอนนี้เค้าจะไม่ถูกมัดคิมแจจุงก็รับรองได้ว่าเค้าไม่มีทางดิ้นหนีแน่นอน
“จางเฮริม คุณทำเกินไปนะ ถ้าโดนจุดที่อันตรายกว่านี้ คุณอาจจะไม่ทันได้ทำตามแผนหรอกนะ อยู่นิ่งๆแล้วทำตามที่วางแผนไว้ ไม่ใช่นอกแผนแบบนี้!!” หมอฮงกราดใส่เฮริม เฮริมทำเสื้อจึ๊กจั๊กในลำคอ แต่ก็ทำให้หญิงสาวใจเย็นขึ้น แจจุงตาเหม่อลอย ตอนนี้เริ่มค่อนข้างเข้าใจแล้วว่าตัวเองทำไมถึงถูกพามาที่นี่
จางเฮริมเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจมากจริงๆ ต่างจากรูปลักษณ์ภาพนอกโดยสิ้นเชิง….
“คิมแจจุง นายอยากรู้ใช่ไหมล่ะ ว่านายเป็นใคร? ครอบครัวนายคือใคร? เกิดอะไรขึ้นก่อนจะเจอจองยุนโฮ” แจจุงนอนนิ่งถึงตาจะเหล่อลอยแต่ก็ได้ยินเสียงของเฮริมชัดเจนทุกคำ แก้มชื้นเหงื่อแนบกับพื้นคอนกรีต แจจุงสูดหายใจเร็วและแรงจึงทำให้มีแต่ฝุ่นเข้าไปในปอด เรื่องราวที่เฮริมไถ่ถามในนาทีนี้แจจุงไม่ได้อยากรู้เท่าไหร่นัก
“ไม่…..ผม…..ฮั่กๆ…ผมไม่อยากรู้………อะไรทั้งนั้น”
“หึ แต่ฉันจะบอกไว้ให้เป็นบุญ ว่าจองยุนโฮนั่นแหละ ที่เป็นคนฆ่าพ่อแม่ของนาย!!!!!”
แจจุงกระตุก ร่างบางไม่มีแรงแม้จะตอบโต้ว่า ไม่จริง….ไม่มีทางเป็นไปได้….
“สิ่งที่นายลืมทั้งหมด คือคืนวันนั้นนายนั่งรถมากับพ่อกับแม่ของนายตอนนายอายุสิบสอง รถของจองยุนโฮพุ่งมาจะชนรถของนาย ทำให้พ่อของนายหักหลบแล้วชนเข้ากับรถบรรทุก พ่อนายตายคาที่…… แต่แม่ของนายมาตายที่โรงพยาบาล จองยุนโฮรู้สึกผิดถึงได้เลี้ยงนายมาไงล่ะ นี่คือความลับที่ยุนโฮไม่เคยคิดจะบอกนาย หึๆ ฮ่าๆๆๆ เป็นไงล่ะ คิมแจจุง ยังจะรักและศรัทธาในตัวจองยุนโฮอยู่ไหม!!” แจจุงได้ยินชัดเจน ร่างบางพยายามรวบรวมแรงทั้งหมดเอ่ยขึ้นทั้งๆที่ยังปวดหัวตุ้บ
“ผม…….ไม่……เชื่อ…..ไม่” น้ำตาไหลริน ไม่อาจจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินได้ คิมแจจุงยังไว้ใจและเชื่อใจในตัวจองยุนโฮไม่ว่าจะมีใครพูดอะไรก็ตาม
เฮริมพยักหน้าสงสัญญาณให้ชายร่างใหญ่ดึงตัวคิมแจจุงให้คุกเข่าและเงยหน้าขึ้น คอยพยุงตัวให้แจจุงทรงตัวได้ จางเฮริมหยิบหนังสือพิมพ์เก่าๆแล้วยื่นให้แจจุงดู เป็นภาพรถบรรทุกที่ชนเสยรถเก๋งคันหนึ่งข้อความระบุชัดเจนว่าเป็นชื่อของจองยุนโฮลูกชายตระกูลจองผู้ร่ำรวย และมีชื่อผู้รอดชีวิตหนึ่งรายคือชื่อของเค้าเอง คิมแจจุง ร่างบางปวดหัวจี๊ด
“อ๊า!!!!!! อึ้ก…..โอ๊ยยยยยยยยยย!! แฮ่กๆๆ อึ๊” ภาพควันคละคลุ้งและไฟที่ลามเศษเหล็กผุดขึ้นมาในหัว จู่ๆแจจุงก็ได้กลิ่นเหม็นยางรถกับกลิ่นน้ำมันเบนซินฉุนกึ้ก ทั้งๆที่ไม่มีทั้งควันไฟและน้ำมันในที่แห่งนี้ จางเฮริมยิ้มเยาะ รู้สึกยินดีอย่างยิ่งเมื่อสิ่งที่สืบมาบัดนี้ได้รับการยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง แจจุงน้ำตาไหล และไม่อาจเข้าใจภาพที่ผุดขึ้นมาในหัวของตัวเองได้
“รู้แบบนี้แล้วยังจะรักอยู่ไหม?....หื้ออออ….จองยุนโฮน่ะ ยังจะรักอยู่ไหม!!” เฮริมตะโกน ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวจนน่าเกลียดในยามนี้ ทำให้แจจุงยิ่งหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น ร่างบางกัดริมฝีปาก
“มัน…..เป็น…….อุบัติเหตุ……ผม….คุณยุนโฮ…ผมจะฟังจากปาก…ของคุณยุนโฮเอง…..คุณไม่ต้องมายุ่ง!! อึ๊!!” เฮริมดึงผมของแจจุงจนเงยขึ้นในระดับที่มองเห็นใบหน้าของจางเฮริมชัดเจน
“ปากดีนักนะ….คิมแจจุง….ฉันว่าแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้….หมอ ทำตามที่เราวางแผนไว้”
หมอฮงหยิบบางอย่างที่คล้ายสร้อยยาวมีลูกตุ้มถ่วงอยู่ แจจุงเริ่มดิ้นรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยที่กำลังคืบคลานขึ้นมา ถึงแม้ไม่รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองก็ตาม
“จับแน่นๆ แล้วทำตามที่บอกไว้” หมอฮงเอ่ย แจจุงขยับตัวเมื่อมือหนาของช่างร่างใหญ่สองคนกำไหล่ของเค้าแน่น
“เริ่มได้…”
“จะทำอะไร ปล่อยนะ!!! อ๊า!!!” อะไรบางอย่างแข็งและหนาตีเข้าที่ท้ายทอย คิมแจจุงหัวเหวี่ยง เลือดไหลอาบท้ายทอยจนเปื้อนเสื้อเชิ้ตนักเรียนสีขาว หยดน้ำใสไหลร่วงจาดวงตาพร้อมกับเลือดที่ไหลจากแนวคอ หมอฮงดึงผมตรงท้ายทอยที่เปื้อนเลือดขึ้นแจจุงให้เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง มืออีกข้างยกลูกตุ้มขึ้นพร้อมกับรูปหนึ่งใบ
“มองลูกตุ้มนะครับ….ดีมาก…..หนึ่ง…..สอง…..สาม เป๊าะ!!” หมอฮงดีดนิ้วทุกอย่างชะงักและเงียบงัน แจจุงเหมือนหายเจ็บตรงท้ายทอยในชั่วครู่ สายตามองรูปที่มีใครคนหนึ่งซึ่งเค้ารู้จักดี จองยุนโฮ….
“เธอจำมันได้ทั้งหมด…..เรื่องราวตอนที่เกิดอุบัติเหตุ กำลังอยู่ในหัวของเธอ” แจจุงเหม่อลอย ในสมองมีซากรถยนต์และร่างไร้วิญญาณนอนแน่นิ่งนอนโอบกอดอีกร่างหนึ่งไว้ ควันลอยขึ้นสู่อากาศ แจจุงเห็นตัวเองนอนคว่ำหน้าเลือดออกเต็มท้ายทอย ทั้งยังมีเลือดกำเดาไหลเหมือนแจจุงในตอนนี้
“เธอรู้สึกยังไง”
“ระ…รู้สึก…เจ็บไปหมดทั้งตัว…ปะ…ปวดหัว …ขยับไม่ได้เลย…..พ่อ….แม่ นอนอยู่ตรงนั้น…..ผมต้องไป….หาพ่อ แม่ผม” แจจุงน้ำตาไหลอาบแก้มอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่เหมือนทุกที เพราะกำลังถูกสะกดจิตอยู่ เป็นวิธีการรักษาคนป่วยของหมอฮงอย่างหนึ่ง ซึ่งตามจริงแล้ว ผิดจรรญาบรรของแพทย์จิตเวชอย่างชัดเจนที่นำมาใช้กับคนที่ไม่ใช่ผู้ป่วยโรคจิต
“เธอเห็นใครในรถอีกคัน?” หมอฮงถามราวกับเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์
“ในรถ….เห็น…สองคน…..ผู้หญิงหนึ่งคน…..ผู้ชายอีกหนึ่งคน”
“คนนี้ใช่ไหม”
“….เหมือน คนนี้….เหมือน แต่ผู้หญิงอีกคน…มะ…ไม่เห็น” หมอฮงหันไปยิ้มกับเฮริม ก่อนจะหันมามองคิมแจจุงอีกครั้ง
“เธอคือใคร?”
“คิ…..คิม…แจ…จุง” แจจุงตอบ ดวงตาใสบัดนี้ไร้แวว ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป
“คิมแจจุง…. คือลูกชายของคิมแจฮา และคิมยองชิล ใช่ไหม”
แจจุงพยักหน้าหงึกๆ
“เธออายุเท่าไหร่?”
“สิบสองปี…” เฮริมยิ้มราวกับได้รับชัยชนะ นั่นยิ่งทำให้แน่ใจเข้าไปอีกว่า คิมแจจุงจำเรื่องราวในวันอุบัติเหตุได้ด้วยการล้วงเข้าไปในจิตใต้สำนึกของหมอฮง
“เธอถูกรถชน….คนที่ขับรถคือจองยุนโฮ จองยุนโฮ คนนี้ ใช่ไหม” หมอฮงยื่นรูปให้แจจุงดูอีกครั้งก่อนจะแกว่งลูกตุ้มตรงหน้าแจจุงอีกรอบ ร่างบางพยักหน้า น้ำตาไหลจนซึมเข้าริมฝีปาดอิ่มหนาเปรอะเลือด
“คือคนที่ฆ่าพ่อแม่ของเธอ…….พ่อแม่เธอตายในอุบัติเหตุนี้ เรื่องราวก่อนหน้านี้เธอจะลืมไปหมด ตอนนี้เธออายุสิบสอง…..เธอโกรธแค้นจองยุนโฮมาก เพราะเค้าเป็นต้นเหตุทำให้พ่อแม่ของเธอตาย เธอแค้นเค้ามาก” แจจุงหอบหายใจถี่ ใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยว ร่างบางขมวดคิ้วจนปวดหัว
“ฮือออออออออออออ!!!ๆๆ ฮืออออออออออ!!” ร่างบางร้องไห้ขึ้นมา ดังจนหมอฮงกับจางเฮริมตกใจ
“เลว!!!!! คนเลว!!!!” ร่างบางตะโกน ก่อนจะร้องไห้ต่อสะอึกสะอื้น สายตาเคียดแค้นเพ่งมองไปที่รูปในมือของหมอฮง
“ฮ่าๆๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ เก่งมากเลยหมอฮง” เฮริมหัวเราะร่าอย่างสะใจ วันนี้ทำให้จางเฮริมอารมณ์ดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทุกอย่างสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ แจจุงยังคงร้องไห้จนแทบจะเป็นบ้า เหมือนเพิ่งรู้ว่าพ่อและเมื่อของเค้าตายทั้งๆที่ผ่านไปหกปีแล้ว
“ดูเหมือนความจำเดิมจะกลับมาแล้วนะ” เฮริมเอ่ยเป็นเชิงถาม
“ใช่….ส่วนเรื่องหกปีที่ผ่านมาก็คงจะลืมหมดแล้ว” หมอฮงตอบก่อนจะลุกขึ้นปัดฝุ่นที่เข่า
“งั้นก็เรียบร้อยแล้วสินะ”เฮริมกอดอก มองร่างบางที่ร้องไห้จนหอบฮัก
“ใช่……..แค่นี้ก็เรียบร้อย เอ้า ดึงเด็กคนนี้นั่งดีๆสิ” หมอฮงสั่ง ชายสองคนรีบพาแจจุงให้นั่งอิงกับกำแพง แจจุงเอนหัวที่มึนตื้ออิงผนังไว้ ร่างสูงนั่งลงตรงหน้าของแจจุง
“คิมแจจุงมองตรงนี้นะครับ….ดีมาก……หนึ่ง…..สอง……สาม”
เป๊าะ!!! เป็นเสียงสุดท้ายที่คิมแจจุงได้ยินก่อนที่จะเข้าสู่นิทรา น้ำตาหยดสุดท้ายไหลออกจากดวงตาที่พริ้มหลับสนิท หมอฮงอุ้มร่างบอบช้ำขึ้นรถก่อนที่จะวางคิมแจจุงทิ้งไว้ที่จุดเดิมข้างๆถุงกระดาษที่บรรจุนาฬิการ้าว
คิมแจจุงรู้สึกเหมือนได้พักผ่อนหลังจากที่เหนื่อยล้ามานาน…….
และกลัวที่จะไม่ได้ตื่นจากฝันอีก….
ยุนโฮไม่เคยกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย…..
ร่างสูงนั่งอย่างโดดเดี่ยวอยู่ตรงหน้าห้องไอซียู หลังจากที่ได้รับแจ้งว่าร่างบางถูกซ้อมและทำร้ายจนสลบบนถนนที่ลาดยาวไปทางบ้านของเค้าเอง ยุนโฮยกแก้วน้ำที่พ่อบ้านซอยื่นให้เมื่อกี้แล้วเดินจากไปทิ้งให้ยุนโฮอยู่เงียบๆ แต่การดื่มน้ำในนาทีนี้ทำได้ยากเหลือเกิน มือสั่นเทาจนน้ำกระฉอกออกมา ยุนโฮบังคับให้น้ำเย็นๆไหลผ่านคอโดยไม่สำลัก เพื่อให้ใจเค้าเย็นขึ้นกว่าเดิม เมื่อกี้นี้เค้าเพิ่งรับแจ้งจากตำรวจว่าคิมแจจุงของเค้าถูกทำร้ายอาการสาหัส ยุนโฮมาถึงที่โรงพยาบาลเร็วราวกับติดปีกบินมา ยังไม่ทันเห็นสภาพว่าร่างบางเป็นอย่างไร เพราะมาถึงก็ได้รู้ว่าร่างบางอยู่ในห้องไอซียูแล้ว
ชางมินเพิ่งมา… เค้าเกือบจะเอ่ยกับยุนโฮเป็นการทักทาย แต่ก็ตัดสินใจกลืนถ้อยคำทั้งหมดลงไป แล้วยืนนิ่งๆเมื่อเห็นสภาพของร่างสูงที่แทบไม่มีสติและเหม่อลอย เค้าจึงเลือกที่จะพยายามกดโทรศัพท์หาจุนซูแทน
ตื้ดดดดดๆๆๆๆ….
จุนซูไม่รับสายเลย นี่อาจจะเป็นสายที่ห้าสิบกว่าแล้วมั้ง ถ้าเค้าไม่ได้คิดโอเวอร์จนเกินเหตุ ชางมินถอนหายใจก่อนจะเก็บมือถือไว้ในกระเป๋าแล้วมองไปยังประตูห้องไอซียูอย่างร้อนรน เกือบสี่ชั่วโมงแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววว่าประตูบานนั้นจะเปิดออกมาแล้วมีใครสักคนบอกข่าวดีกับเค้า
ผ่านไปอีกสองชั่วโมง ชางมินกัดนิ้ว เค้าอิงกำแพงแล้วถอนหายใจ ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังดังขึ้นเรื่อยๆมาตามทางเดิน
“ใครเป็นญาติของคุณคิมแจจุงครับ” ยุนโฮรุดขึ้นยืนมีสติกว่าที่ชางมินคิดไว้ นายตำรวจสองสามคนเดินมาตรงหน้าเมื่อเห็นปฏิกิริยาที่แสดงว่าเห็นว่าเป็นคนใกล้ชิดของร่างบางที่อาหารสาหัสอยู่ในห้องไอซียู นายตำรวจตะเบ๊ะเป็นเชิงทักทายก่อนจะยื่นถุงกระดาษที่ฉีกขาดเล็กน้อยให้กับยุนโฮ
“เป็นของของผู้เสียหายครับ ตกอยู่ตรงที่จุดเกิดเหตุ….ส่วนเรื่องสอบปากคำในวันนี้เมื่อครู่ ขอบคุณมากนะครับที่ให้ความร่วมมือ หากเราได้เบาะแส จะติดต่อมาทันทีนะครับ” ยุนโฮโค้งเล็กน้อยก่อนจะรับถุงกระดาษนั้นมา ชางมินมองนิ่ง
“สวัสดีครับคุณยุนโฮ” ยุนโฮสะดุ้งเหมือนเพิ่งรู้ว่ามีใครบางคนอยู่ข้างๆไม่ใกล้ไม่ไกลนัก
“ผมเพื่อนของแจจุงครับ ชิมชามมิน…..” ชางมินเอ่ยแนะนำตัว
“อ่อ….นั่งก่อนสิ เธอเพิ่งมา คงจะตกใจสินะ” ร่างสูงเอ่ยจนชางมินเลิกคิ้ว
“ผมมาตั้งแต่เที่ยงคืนแล้วล่ะครับ ตอนนี้ตีสองแล้ว” ยุนโฮหลับตา เค้ามีอารมณ์จดจ่อกับความเป็นไปของร่างบางจนไม่ได้เห็นอะไรเลยหรอเนี่ย
“โทษที…ฉัน….คงเหนื่อยไปหน่อย ไม่ทันเห็นเธอ มานั่งด้วยกันสิ” ยุนโฮจับไหล่ของชางมินที่สูงพอๆกัน ชางมินยิ้มก่อนจะเดินตามมานั่งข้างๆ ยุนโฮรู้จักเค้าดีในฐานะเพื่อนสนิทคนหนึ่งของแจจุง แจจุงพูดไว้ไม่ผิดว่าถึงภายนอกยุนโฮจะดูเย็นชา แต่ความจริงแล้วเป็นคนที่ใจดีมากๆและอ่อนโยนมากๆคนหนึ่ง แต่ยังไม่ทันจะได้นั่ง คนชุดเขียวคนหนึ่งก็เดินออกมาจากห้องไอซียูอย่างรวดเร็ว
“ผู้ป่วยเสียเลือดมาก ใครเป็นญาติของผู้ป่วยครับ”
“ผม…. ถึงแม้ไม่ใช่ญาติกันจริงๆ แต่ผมเลือดกรุ๊ปเดียวกับคิมแจจุงครับ” ยุนโฮเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน
“งั้นเชิญครับ” ยุนโฮวางถุงกระดาษนั่นไว้บนเก้าอี้ไม้ยาว ก่อนจะเดินตามทั้งสองเดินตามชายคนนั้นเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ชางมินนั่งรออยู่ข้างนอก ข้างในห้องไอซียูวุ่นวายกว่าที่คิด แต่ท่ามกลางพยาบาลและหมอที่พลุกพล่านจองยุนโฮเห็นร่างๆหนึ่งที่นอนสงบ สายระโยงรยางค์เต็มตัวไปหมด ใบหน้าที่เคยสวยหวานที่ยิ้มให้เค้าทุกครั้งที่เจอบัดนี้ขาวซีดและดูไร้เรี่ยวแรง
“แจจุง….คิมแจจุง…..” ยุนโฮพยายามเดินเข้าไปใกล้มือยาวเอื้อมแตะแก้มขาวซีดนั่น แต่ก็โดนใครบางคนผลักออกไปให้นอนบนเตียง สายตาจังจับจ้องไปที่ร่างบาง
“เข้าไปไม่ได้ครับคุณ เชิญทางนี้ครับ” ยุนโฮยอมนอนลงบนเตียงแต่โดยดี ผ้าม่านถูกดึงจนร่างของร่างบางค่อยๆลับหายไป เค้ายกมือขึ้นกุมปากของตัวเองก่อนจะวางหลังมือไว้บนหน้าผาก ยุนโฮข่มใจมากเหลือเกินที่จะไม่แสดงความอ่อนแอออกมา เค้าจะร่ำไห้ไปทำไมในเมื่อแจจุงไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย เดี๋ยวก็ลุกขึ้นมาเจื้อยแจ้วเหมือนเดิม ร้องให้เค้าเอามาชเมลโล่ของชอบมาให้อีก
นั่นสินะ…. เป็นเหตุผลที่วันนี้เค้ายังไม่ยังไม่เสียน้ำตาสักแอะ
ชางมินเดินไปมาได้ประมาณสิบกว่ารอบแล้วในวันนี้ สักพักใหญ่ๆได้ยุนโฮก็เดินมานั่งที่เดิมตรงหน้าของเค้า ใบหน้าหล่อเหลาดูเหนื่อยอ่อนและซีดเซียวลงเล็กน้อย
“เรียบร้อยแล้วหรอครับ”
“อือ……คงจะพอนะ…..ถ้าเด็กนั่นตื่นขึ้นมา เธอคิดว่าฉันจะตีเค้าสักกี่ทีดี? ที่ไม่เชื่อฟัง… ไม่ยอมกลับบ้านตามเวลาน่ะ” ยุนโฮพูดเชิงหยอก แต่ใบหน้ายังคงนิ่ง บางทีอาจแค่อยากให้ตัวเองสบายใจขึ้น ชางมินก็ด้วย
“แจจุงคงบ่นเรื่องคุณให้ผมฟังอีกจนปวดหูเลยล่ะครับ” ชางมินยิ้ม
ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง หมอเดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม ยุนโฮถอนหายใจ แว๊บหนึ่งชางมินเหมือนเห็นยุนโฮยิ้ม
“เข้าไปเยี่ยม…ได้ไหมครับ” หมอพยักหน้าก่อนจะผายมือให้ยุนโฮกับชางมินเข้าไป
ห้องที่ชื้นขึ้นด้วยไอน้ำจากเครื่องทำไอน้ำของโรงพยาบาล ทำให้ใบหน้าของแจจุงเริ่มมีสีสันขึ้น เครื่องช่วยหายใจปิดบังใบหน้าที่มีร่องรอยชอกช้ำจากการถูกทำร้ายแต่ก็ได้แค่บางส่วน ยุนโฮยังเห็นร่องรอยจากการกระทำอันโหดร้ายจนสัตว์ป่าบางตนที่เค้ายังไม่ทราบว่าเป็นใคร ยุนโฮหยิบมือบางขึ้นมาแล้วกุมไว้แน่นร่างสูงคลี่มือของแจจุงให้วางไว้บนใบหน้าที่ใหญ่กว่ามือเล็กของร่างบางเล็กน้อยก่อนจะที่จุมพิตที่ฝ่ามือของแจจุง ชางมินยืนมองห่างๆ มือกำแน่น…ไม่ว่าใครที่ทำให้คิมแจจุงตกอยู่ในสภาพนี้ เค้าสาบานว่าจะไม่ให้มันได้มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายแน่นอน ใจที่ร้อนรุ่มแต่กลับถูกภาพตรงหน้าทำให้ชางมินคลายความโกธาในจิตใจลงให้เบาบางลงได้ ยุนโฮเป็นผู้ชายที่อบอุ่นเหลือเกิน ชางมินรู้สึกไว้ใจและดีใจที่แจจุงรักคนๆนี้แล้วเค้าก็รักคิมแจจุงด้วยเหมือนกัน
แสดงแดดแยงตาจนจุนซูต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ร่างเล็กบางเหมือนถูกกดจนจมติดกับเตียง จุนซูขยับตัวไม่ได้แม้สักนิด แค่กระดิกนิ้วเท้าความเจ็บก็ร้าวมาจนถึงต้นคอ จุนซูเสียใจที่เรื่องราวเมื่อคืนไม่ใช่แค่ความฝัน เมื่อคิดได้แล้วว่ากำลังอยู่ในความจริง น้ำตาก็ไหลริน จุนซูนอนนิ่งๆโดนไม่กลั้นน้ำตาให้ไหล เวลาผ่านไปสักพัก จุนซูใช้แรงกายที่เหลือทั้งหมดยันให้ตัวเองลุกขึ้นนั่ง ร่างเล็กที่บอบช้ำและถูกพรมไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบบนลำคอ ทั้งยังมีรอยมือเป็นจ้ำๆบนแขนของตัวเอง แต่ก็ตั้งใจแน่แน่วที่จะพยายามหยิบเสื้อที่กองหล่นอยู่ตรงข้างเตียง ร่างเล็กใช้มือปาดน้ำตาก่อนที่จะพยายามให้สติเป็นที่ตั้ง หลังจากสวมเสื้อเสร็จ จุนซูจึงพยายามหยิบชั้นในและกางเกงวอร์มที่เคยเอามาไว้ในลิ้นชักของตู้เสื้อผ้าของยูชอนมาสวมใส่ด้วยความยากลำบาก ขาสั่นไปหมด แต่ก็พยายามเดินให้ปรกติที่สุด ธนบัตรเกลื่อนห้อง จุนซูแกล้งมองไม่เห็น ก่อนที่จะพยายามพยุงตัวเองไปให้ถึงประตู
ไม่ว่าจะกดรหัสไหนที่ยูชอนเคยตั้งไว้ จุนซูก็ไม่สามารถเดาให้ประตูเปิดได้เลย
“1204……..”
จุนซูสะดุ้งเมื่อรู้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียวตามลำพังอย่างที่คิด ร่างสูงยืนอิงตรงประตูห้องน้ำที่อยู่ไกลจากเค้าประมาณสามสี่เมตร ร่างบางไม่ได้กดหมายเลขที่ยูชอนบอก
“ไม่ลองกดดูล่ะ” ยูชอนเอ่ยเสียงเรียบราวกับล่วงรู้ว่าจุนซูจะต้องหาทางออกจากที่นี่แน่นอน ร่างบางไม่หันไปมอง ทั้งยังไม่กดรหัสตามที่ยูชอนบอก
“ผมไม่ทำอะไร…ที่มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ” จุนซูเค้นคำพูด รู้สึกเหมือนถูกตอกหน้าเมื่อยูชอนใช้เลขที่คุ้นเคยหลอกล่อให้เค้าหลงเชื่อ
“ทำไมล่ะ…เป็นเลขวันเกิดเธอแท้ๆ…ไม่ชอบหรือไง?” น้ำตาคลอเอ่อบนดวงตาหวานแต่เศร้าสร้อย จุนซูหันไปมอง
“คุณจะทำร้ายจิตใจผม….ไปถึงไหน….. คุณไม่มีทางใช้เลขนั่นหรอก…. วันเกิดผมมันไม่สำคัญขนาดนั้นหรอก….ใช่ไหมล่ะ….” แน่นอนว่าเป็นเพราะเหตุนี้จุนซูถึงไม่อาจกดรหัสนี้ได้ เพราะถ้าหากกดไปแล้วประตูไม่เปิดขึ้นมา นั่นก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า เค้าไม่มีความสำคัญหลงเหลือกับปาร์คยูชอนอยู่เลย ยูชอนเป็นคนแบบนี้จริงๆหรอ ทำร้ายจิตใจคนๆนึงซึ่งรักเค้ามากขนาดนี้ได้เลยงั้นหรอ จุนซูลืมไปว่าร่างสูงที่ดูใจดีและน่ารักคนนั้นตายไปแล้ว เหลือแต่คนใจร้ายหลอกลวงที่หลอกใช้ความใสซื่อของเค้า และทิ้งเค้าราวกับเค้าเป็นเพียงสุนัขข้างถนน
อยากจะเล่นก็เรียกมาขอมือลูบหัว คิดจะทิ้งจะขับไสไล่ส่ง…..
จุนซูคิดว่าวันนี้เป็นวันที่เค้าน่าสมเพสที่สุด…..
“รู้ตัวก็ดี…” ยูชอนเกือบจะพูดอะไรบางอย่างต่อ แต่เค้าก็ต้องเอะใจเมื่อ จุนซูพยุงตัวเองให้เดินไปและนั่งลงตรงกองธนบัตรเหล่านั้น ก่อนจะก้มเก็บทีละใบอย่างตั้งใจจนยูชอนครางหึในลำคอ
พอจะรู้ว่าบ้านจนมาก….
แต่ก็ไม่คิดว่าจะทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองได้ง่ายดายขนาดนี้…..
คิมจุนซู…… คิมจุนฮี…..
เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องสินะ……
“พอหรือเปล่า?....อยากได้อีกก็บอกนะ…..ฉัน…!!!!?” จุนซูปาธนบัตรทั้งหมดใส่ยูชอนเหมือนกับที่โดนกระทำไปเมื่อคืนที่แล้ว คำถากถางทั้งหมดถูกกลืนลงไปในลำคอ ยูชอนพบว่าตัวเองกำลังใจหล่นวูบเมื่อเห็นร่างบางร้องไห้อีกครั้ง ทั้งๆที่เมื่อวันก่อนเค้ายังไม่รู้สึกอะไรแท้ๆ แต่คราวนี้กลับต่างกัน สายตาของจุนซูแสดงถึงความผิดหวังชัดเจน ริมฝีปากแห้งแตกกัดปากไม่ให้ส่งเสียงร้อง ดวงตาของจุนซูทำให้เค้าเจ็บปวดยิ่งกว่าคำด่าทอเสียอีก มันทั้งเศร้า….เสียใจ….และหมดหวัง ยูชอนหลอกตัวเองว่าเค้าทำให้จุนซูเจ็บปวดใจได้สำเร็จ ทั้งๆที่ในใจอยากจะทำร้ายตัวเองนักโทษฐานที่ทำให้คิมจุนซูร้องไห้
และเจ็บปวดทั้งกายใจขนาดนี้…..
“………………” จุนซูพยายามจะเอื้อนเอ่ยอะไรบางอย่างออกมาแต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่มองยูชอนด้วยความเศร้าเสียใจและผิดหวัง รู้ดีว่าถึงร้องไห้ให้ตายคนๆนี้ก็คงไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่จะทำไงได้ จุนซูทำได้แค่นี้เอง……
ทำได้แค่ร้องให้น้ำตามันไหลออกจนหมด…
แค่เพียงหวังว่าวันหนึ่งจะเข้มแข็ง…..
และไม่โง่ให้ใครหลอกอีก…..
จุนซูยืนนานเกินไป เข่าทรุดลงไปกองกับพื้น ร่างเล็กใช้มือยันไว้ก่อนจะพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นเดิน แต่ก็ทำไม่ได้ ลุกขึ้นแล้วก็ล้มลงไปอีกจนเสียงเนื้อกระทบกับพื้นดังปึ้กปั้ก น้ำตาหยดลงบนพื้นห้องที่ถูกขัดจนมันวับ ยูชอนเริ่มทนไม่ไหว เค้ารู้สึกแย่กับการที่ได้เห็นจุนซูร้องไห้มากมายแบบนี้ทั้งยังอวดเก่งกัดปากไม่ยอมส่งเสียงให้เค้าได้เสียดสีให้เจ็บปวดใจอีก ยูชอนไม่รู้ตัวว่าเป็นอะไร รู้แต่ว่าหงุดหงิดที่ได้เห็นจุนซูเป็นแบบนี้
ตอนนี้เค้าแค่จบทุกอย่างโดยการพาร่างบางกลับไปส่งที่บ้านซะ…..
จากนั้นก็ไม่ต้องไปเจออีก จะได้ไม่ต้องรู้สึกสับสนแบบนี้…….
“ลุกขึ้น คิมจุนซู…..” ยูชอนเอ่ยเสียงเรียบ ร่างบางสังเกตเห็นเท้าของยูชอนเข้ามาใกล้ สัญชาตญาณจึงบอกให้ค่อยๆถอยหลังออกไกล นั่นทำให้ยูชอนยิ่งโมโหเมื่อถูกปฏิเสธความช่วยเหลือ ร่างสูงดึงไหล่ร่างเล็กให้ลุกขึ้น เนื่องจากจุนซูตัวเบาอยู่แล้วทำให้ยูชอนขืนร่างบางขึ้นยืนได้ไม่ยาก สายตาก้มต่ำไม่ยอมสบตายูชอนแต่น้ำตายังคงไหลริน
“หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้นะ…..”
“…………” คิมจุนซูยังคงกัดปากจนเลือดซึมจากแผลเดิม ไม่มีการขัดขืนใดๆ แต่มือหนาที่บีบไหล่ของเค้าแน่นขึ้นอีกทำให้จุนซูนิ่วหน้า เพราะนั่นเป็นการกดซ้ำรอยช้ำเดิมจากเหตุการณ์เมื่อคืนให้ยิ่งเจ็บขึ้นไปอีก
“ฉันบอกให้หยุดร้องไง!!!!!” ยูชอนตะคอก เค้าโกรธจนเส้นเอ็นปูดโปนเมื่อยังเห็นร่างบางทำร้ายตัวเองอยู่แบบนี้ ร่างสูงเขย่าตัวของจุนซูจนตัวโยน เค้าไม่ยอมรับว่ากำลังรู้สึกสงสารร่างบางจับใจ จุนซูยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก เสียงเล็กแหลมเริ่มครางอือๆในลำคอเมื่อรู้สึกว่าเริ่มสกัดกลั้นเสียงร่ำไห้ได้ยากมากขึ้น
“………ฮึ้ย!!” ยูชอนสบถ เค้าปล่อยตัวจุนซูเมื่อรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นยิ่งทำให้เรื่องราวแย่ไปกันใหญ่ ยูชอนหันหลังให้ร่างบางพลางหลับตาให้ตัวเองใจเย็นขึ้น ก่อนจะถอนหายใจ ร่างสูงยกนาฬิกาขึ้นก่อนที่จะเอ่ย
“ฉันจะไปส่งที่บ้าน ไปอาบน้ำซะ” ร่างสูงเดินทิ้งให่ร่างบางยืนเหม่อ เค้าเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ ก่อนจะเอะใจเมื่อร่างบางไม่ได้ตามเข้ามา
จุนซูมึนหัว เค้าหมดแรงกับการที่ต้องอดกลั้นเสียงร้องจนปวดทั้งหัวและลำคอ ประกอบกับการที่ได้พักผ่อนเพียงสามถึงสี่ชั่วโมง นั่นก็เพียงพอให้เค้ารู้สึกเหมือนดอกไม้ที่กำลังจะตายเพราะโดนเด็ดทิ้งไปเรื่อยๆจนจะหมดต้น ทั้งยังร่างกายที่บอบช้ำ ทำให้จุนซูทรงตัวไม่อยู่ จุนซูจำไม่ได้แม้แต่เสียงสุดท้ายที่ได้ยิน
ตุ้บ!
“คิมจุนซู….” ยูชอนเดินออกมาจากห้องน้ำ ใจเย็นขึ้นมาก…อะไรๆคงจะจบเร็วขึ้น
“จุนซู!!!” ร่างสูงตาเบิกค้างเมื่อเห็นร่างบางนอนนิ่งกับพื้น ใจหล่นลงไปตรงตาตุ่ม เผลอเรียกชื่อร่างบางเหมือนกับตอนที่คบกันหวานชื่น เค้ารีบวิ่งเข้ามาโอบร่างบางไว้ในอ้อมกอด ก่อนที่จะตบหน้าเบาๆสองสามที
“คิมจุนซู…..จุนซู…. ตื่นสิ” ใบหน้าชื้นเหงื่อเล็กน้อย แต่หายใจปรกติ ยูชอนถอนหายใจเฮือกใหญ่
คงจะเหนื่อยและเพลียมากจนเป็นลมไป ยูชอนค่อยๆอุ้มร่างบางขึ้น ก่อนที่จะวางไว้บนเตียงนุ่มเหมือนเดิม ร่างสูงจัดแจงให้ร่างบางนอนในท่าที่สบายที่สุด มือหนาใช้ผ้าขนหนูสะอาดเช็ดไปตามตัวของร่างบางให้อย่างอ่อนโยน และก็พบว่าร่องรอยที่เค้าฝากไว้บนตัวของร่างบางช่างโหดร้ายและทารุณเหลือเกิน ที่แขนของจุนซูมีแต่รอยเป็นจ้ำๆสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีม่วงคล้ำจนเขียว แถมลำคอยังมีแต่รอยจูบที่รุนแรงและป่าเถื่อน แต่ยูชอนก็ยังหลอกตัวเอง
สมควรแล้ว สำหรับเด็กที่แสร้งไร้เดียงสาอย่างจุนซู…..
“………..” ราวกับได้ยินเสียงเอ่ยเพราะละเมอ ปากซีดของร่างบางขยับ ยูชอนก้มลงพยายามฟัง มือเล็กปัดป่ายมาจบลงที่มือของยูชอนที่กำลังเช็ดแก้มของร่างบาง
“………ยู……ชอน……” เบามาก แต่ยูชอนได้ยิน มือถูกร่างเล็กยึดไว้จนต้องชะงักงัน
“รัก……………”
“………”
“…………รัก…………..ผม…..บ้างไหม” น้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาไหลออกจากหางตาทั้งๆที่ยังหลับอยู่ ยูชอนดึงมือออกก่อนจะขว้างผ้าขนหนูจนตกลงบนพื้นด้วยอารมณ์ เค้าเก็บทุกอย่างที่เป็นข้าวของของร่างบางแล้วอุ้มจุนซูที่หลับไม่รู้เรื่องราวให้อิงใบหน้าตรงช่วงไหล่
ไม่ได้การ….เค้าต้องพาร่างบางออกจากที่นี่….
ให้ไกลจากตัวเค้าที่สุด…..
ก่อนที่เค้ากำลังจะกลายเป็นบ้าเพราะคนๆนี้…….
ก่อนที่เค้าเองนั่นแหละที่จะติดกับดัก……
ที่เรียกว่าความรัก……..
--------------------------------------------------------------------------------------------
อ๊ากกกกกก ได้แค่นี้จริงๆๆๆ >///<
ไรเตอร์กลัวโดนแบนด้วยค่ะ อันที่จริง คึคึคึ
คู่ยูซูน่าสงสารเหลือเกิน T^T ส่วนยุนแจก็..... T[]T ต้องติดตามค่ะรับรอง
เจ็บปวดไม่แพ้กัน ไรเตอร์แต่งเองยังสงสารจับใจ,,
ขอบคุณทุกๆการติดตามเม้นบ้างไม่เม้นบ้าง ไม่เป็นไรค่ะ
ได้รู้ว่ามีคนเข้ามาอ่านเรื่อยๆก็ดีใจมากแล้วค่ะ แต่พอยิ่งอ่านเม้นไอเดีย
ก็ยิ่งหลั่งไหลนะคะ ฮิๆ ><
ตอนนี้ไรเตอร์ประสบปัญหาเรื่องความตันค่ะ พล็อตเรื่องและบทสรุปมี
ในหัวเรียบร้อยแต่รายละเอียกปลีกย่อยยังคิดมากอยู่เลยค่ะว่าจะไปทาง
ไหนดี คือ การแต่งนิยายมันก็เหมือนมีประตูหลายๆบานน่ะค่ะ ไปทาง
ไหนก็ได้ แต่ทางไหนที่ดีที่สุดล่ะ? ไรเตอร์อยากให้รีดเดอร์ได้รับความ
สนุกอย่างเต็มที่ค่ะก็เลยต้องกลั่นกรองอีกทีหนึ่ง ,,
ยังไงเม้นให้กำลังหน่อยนะคะ อิอิ หรือจะเดาเรื่องราวบอกมาก็ได้ค่ะ
ไรเตอร์อยากรู้ว่ารีดเดอร์คิดไปในทางไหนบ้าง
ตรงกันกับไรเตอร์รึป่าวเอ่ย?
อ้อ อีกอย่างหนึ่ง ไรเตอร์เพิ่งดูเอ็มวี Uncommited ของจุงจังค่ะ
ไรเตอร์ว่าจุนจังสวยกว่านางเอกอีกนะคะ ฮ่าๆ เธอกลายร่างเป็นนางพญา
ตั้งแต่เพลง แท็กก้า แล้วค่ะ โอ้ คุณพระ เธอชัดเจนในความเป็นเคะเหลื๊อออออเกิน,,
เลยอยากให้จุนจังกลายร่างเป็นนางพญาในเรื่องนี้บ้าง ฮ่าๆ
ตามิดมันจะได้รู้ซะบ้างว่าทำแบบนี้กะจุงจังไม่ได้นะ!!!! หึๆ
ความคิดเห็น