คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : คำสารภาพที่ไม่ได้ตั้งใจ
“เอ่อ คุณอีมินโฮคะ คุณจองมารอตั้งแต่เมื่อกี้แล้วน่ะค่ะ” เลขาส่วนตัวของมินโฮกล่าวอย่างเกรงๆ เพราะตอนนี้อีมินโฮดูเหมือนกำลังยุ่งกับการเซ็นเอกสารยุกยิกมากมายบนโต๊ะ ร่างสูงนิ่วหน้าและเอะใจเล็กน้อยเมื่อได้รู้ว่าจองยุนโฮมาหาเค้า ก่อนที่จะยิ้มเมื่อคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดน่าจะถูก…
“เชิญเค้าไปนั่งที่ห้องรับแขก บอกว่ารอผมเดี๋ยว จะไปหา”
“ค่ะ”
-------------------
-------
“ไม่เจอกัน… เอ่อ…สักพักนักครับ คุณจอง ล่าสุดเราเจอกันที่เชจู?”
“ครับ… มีเรื่องที่อยากจะคุยกับคุณนิดหน่อย” ยุนโฮนั่งลงเมื่อมินโฮผายมือไปที่โซฟาตัวเดิมที่ยุนโฮนั่งอยู่เมื่อกี้ ร่างสูงโปร่งนั่งลงพร้อมกันแทบจะทันที
“ผมเดาว่าคุณคงจะไม่ได้มาคุยเรื่องธุรกิจ… เพราะธุรกิจของเราดูจะต่างกันไม่ใช่น้อย”
“แล้วคุณคิดว่าผมมาเรื่องอะไร?” ยุนโฮถามอย่างวางท่าที
“ฮ่าๆๆ… อืมมมม… เรื่องอะไรน้า…. เรื่องนกของคุณหรือเปล่า” อีมินโฮแหย่ เค้ารอดูท่าทีของร่างสูง ไม่มีรอยยิ้มใดๆบนใบหน้าของยุนโฮ เพียงแต่ตาเรียวหรี่ลงเล็กน้อย แว๊บนึงมินโฮนึกว่าได้เห็นรอยยิ้มของยุนโฮ แต่ทว่าเค้าคงคิดไปเอง ยุนโฮโน้มตัวลงเอาศอกท้าวขาของเค้าก่อนที่จะประสานมือเรียวยาวยันคางไว้
“คุณรู้อะไรไหม..นกน่ะ… มันไม่ชอบอยู่ในกรงก็จริง.. แต่มันไม่รู้หรอกว่าในกรงน่ะ ปลอดภัยกว่าข้างนอกแค่ไหน…” มินโฮกระตุกเค้าหัวเราะในลำคอแล้วยิ้มตาม ไม่ใช่ยิ้มยียวน แต่เป็นเพราะมินโฮรู้สึกดีใจที่ตัวเองคิดถูกเป๊ะทุกอย่าง…
คนๆนี้รักนกของเค้ามาก…
ติดที่ว่าเลี้ยงนกไม่ค่อยเป็น…..
“แล้ว.. เอ่อ… ขอโทษฮะ… แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ?”
“ผมแค่อยากจะบอกคุณว่า ผมเป็นคนเลี้ยงนกที่.. ไม่ค่อยจะชอบให้มันไปเกาะตามโขดหิน หรือต้นไม้ใหญ่เท่าไหร่”
มินโฮหรี่ตาลงทั้งๆที่ยังมีรอยยิ้มติดที่มุมปาก “……….คุณต้องการจะบอกอะไรผม? ก็บอกมาได้เลยครับ”
“งั้นผมก็คงไม่อ้อมค้อม……..ถ้าหากคุณเป็นสาเหตุที่ทำให้คนของผมเป็นแบบนี้ กรุณาอย่ามายุ่งกับเค้า…ผมเลี้ยงดูเค้ามาอย่างดี… หากคุณคิดจะหลอกเค้า… ผมคิดว่า..มันไม่จะปลอดภัยสำหรับคุณเท่าไหร่นัก”
“………………..” มินโฮขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มกว้าง
ผู้ชายคนนี้ต้องเข้าใจอะไรผิดบางอย่างแน่ เค้ากับคิมแจจุงเพิ่งเจอกันแค่ครั้งเดียว จริงอยู่ที่เค้าคิดจะยุ่งกับแจจุง แต่ก็ไม่คิดว่ายุนโฮจะอ่านเค้าออกขนาดนี้ เค้ายิ่งเป็นคนที่ชอบอะไรที่ได้มายากๆอยู่แล้วสิ แต่งานนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากมากจริงๆ เพราะเค้าขนลุกวาบเมื่อเห็นสายตาที่คล้ายกระสุนที่พร้อมจะยิงเค้าได้ทุกเมื่อตรงหน้า
ผู้ชายคนนี้รักคิมแจจุง….
รักมากซะด้วย…รักแบบที่เค้าไม่เคยเห็นมาก่อน… ซึ่งยุนโฮคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ….
น่าสนุกเหมือนกันแหะ…
“ผมคิดว่าผมต้องไปแล้ว…” ยุนโฮยันตัวขึ้น มินโฮลุกขึ้นด้วยเช่นกัน
“ลาก่อนนะครับ… ขอบคุณที่สละเวลามาคุยกับผม ทั้งๆที่ไม่ได้นัดไว้” ร่างสูงพูดอย่างสุภาพ ก่อนที่จะหันหลังกลับ มินโฮโค้งลงเล็กน้อยเนื่องจากอายุน้อยกว่า
“อ้อ… อีกอย่างหนึ่ง…”
มินโฮเอียงคอเล็กน้อย “ครับ?”
“ไม่ว่าจะเป็นความผิดของนก หรือต้นไม้… สุดท้ายแล้ว ต้นไม้ต้นนั้นก็จะจบลงด้วยการถูกถอนรากถอนโคนทิ้ง….น่าเสียดายนะครับ?...” พูดจบก็เดินก้าวขาฉับๆออกไปทันที คำพูดเมื่อกี้ทำให้มินโฮขนลุกได้ไม่น้อย ยุนโฮเอาจริง.. และดูเหมือนจะเคยทำมาแล้วด้วย แต่มินโฮกลับหัวเราะร่า
น่าจะเป็นเกมส์จับนกที่สนุกเกมส์หนึ่ง…..
ความจริงเค้าไม่ได้คิดจะจริงจังมากเท่าไหร่ ถึงแม้เค้าจะสนใจในตัวร่างบางอยู่ไม่ใช่น้อย…
แต่ทว่ายุนโฮเองนั่นแหละ ที่ทำให้เค้ารู้สึกอยากเอาชนะมากขึ้น….
--------------------------------------------------
วันนี้เป็นวันหยุด จึงไม่ได้โอกาสได้เห็นร่างบางในชุดนักเรียนรอเค้าเพื่อที่จะไปโรงเรียน แต่วันนี้ก็ไม่ได้เห็นร่างบางออกมาจากห้องเลย อันที่จริงเค้าไม่เห็นแจจุงตั้งแต่กลับมาเมื่อวานแล้ว ยุนโฮเพิ่งมีโอกาสได้นั่งทบทวนในสิ่งที่เค้าทำลงไปอีกครั้ง หลังจากที่เค้าออกไปตามหาร่างบางที่วิ่งออกจากออฟฟิศเตลิดไปไหนไม่รู้ จู่ๆก็มีโทรศัพท์จากบ้านปาร์คยูชอนขึ้นมา ยุนโฮจึงต้องไปหายูชอนก่อน ดีที่หลังจากกลับจากบ้านของยูชอน แม่บ้านก็บอกว่าแจจุงกลับมานานแล้ว เค้าจึงหายเป็นห่วงและไปหาอีมินโฮแทน
ภาพตอนที่เค้าจูบแจจุงยังฝังแน่น ความหวานของริมฝีบางอิ่มนั่นยังติดอยู่ที่ปลายลิ้นของเค้า ยุนโฮเพิ่งเคยสติแตกและทำตามใจตัวเองเป็นครั้งแรก… ตามใจตัวเองงั้นหรอ …บ้าน่า เค้าไม่ได้คิดอะไรกับแจจุงสักหน่อย เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้และไม่มีทางเป็นไปได้
“ยุนโฮ…” ก๊อกๆๆๆๆ “ยุนโฮ…” ก๊อกๆๆ
“เข้ามาเลยฮะแม่” ยุนโฮละทุกอย่างทิ้งไว้ที่เดิม ก่อนที่จะลุกขึ้น คุณนายจองเดินเข้ามาพร้อมเอกสารบางอย่างพะรุงพะรัง
“อะไรครับแม่?” พูดพลางชี้ไปที่เอกสารนั่น คุณนายจองยิ้ม ก่อนที่นั่งลงข้างๆ
“ฤกษ์งานหมั้นจ่ะ…ของเธอไง”
“แม่!!!”
“ไม่ต้องเลยๆ เธอนั่นแหละที่หายไปทั้งๆที่แม่พยายามติดต่อมา แต่เธอก็ไม่เคยรับสายแม่เลย”
“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแม่จะทำอะไรก็ได้ตามใจแม่นะครับ!” ยุนโฮลุกขึ้นทันที เค้าหัวเสียขึ้นมาทั้งอย่างนั้น คุณนายจองนิ่งผิดปรกติ อาจเป็นเพราะรู้อยู่แล้วว่าปฎิกิริยาของลูกชายตัวเองจะเป็นอย่างไร
“งานหมั้นมีในอีกห้าวัน เอาน่าลูก..หมั้นไปก่อน ไม่ใช่ว่าจะแต่งซักหน่อย ความจริงควรจะหมั้นเช้าแต่งบ่ายเลยด้วยซ้ำนา…”
“แม่!”
“หยุดนะ!ยุนโฮ… ไม่งั้นแม่จะบอกเรื่องเมื่อหกปีก่อน ให้คิมแจจุงรู้” คุณนายจองเอาจริง เธอลุกขึ้นแล้วชี้ไปที่ยุนโฮ เป็นเรื่องที่ได้ผลทีเดียว ยุนโฮนิ่งไปชั่วครู่ เค้าเงียบไปอย่างเก็นได้ชัด
“แม่ทำแบบนี้ได้ไงครับ….คุณแม่ทำได้ไงครับ” ยุนโฮเรื่มหายใจถี่ เค้าโกรธขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“แม่ทำได้! ทำได้แน่ ถ้าเธอยังไม่เป็นฝั่งเป็นฝา แม่จะตายตาหลับได้ยังไง อายุก็ปูนนี้แล้ว…แค่เรื่องบริษัท แม่ยังยอมได้เลย ยุนโฮ.. แล้วทีเรื่องแค่นี้ ทำไมทำเพื่อแม่บ้างไม่ได้… แม่เอาจริงนะยุนโฮ… หรืออยากจะให้คิมแจจุงรู้เรื่องทุกอย่างก่อน เธอถึงจะยอมหมั้น!?”
“…………………..” ยุนโฮถอนหายใจเฮือกใหญ่ ใบหน้าแสดงความเครียดอย่างเห็นได้ชัด เค้าใช้มือลูบหน้าแรงๆที่ทำจนติดนิสัยเวลาที่มีเรื่องทุกข์ใจ ก่อนที่จะหันกลับมามองใบหน้ามารดาของตนอีกครั้ง
“แค่หมั้นใช่ไหมครับ….”
คุณนายจองยิ้ม… ถ้าเธอเอาเรื่องนี้มาขู่ตั้งแต่แรก… เรื่องก็คงไม่ยากขนาดนี้หรอก…
-------------------------------------------------------------
คิมแจจุงขาสั่นเล็กน้อย… เค้าค่อยๆถอยออกจากประตูบานใหญ่ตรงหน้าให้ห่างออกมามากขึ้น แจจุงเดินออกมาเค้าแทบจะวิ่งได้แล้ว แต่ติดที่ว่าขายังสั่นและไม่มีแรง แจจุงได้ยินเรื่องทั้งหมดเมื่อกี้ เรื่องอะไรไม่รู้ที่เค้าไม่เข้าใจ ทั้งเรื่องความจริงเมื่อหกปีก่อนและเรื่องงานหมั้นของจองยุนโฮ ใบหน้าสีขาวอมชมพูเมื่อกี้เปลี่ยนเป็นสีขาวซีดจนเห็นได้ชัด แจจุงปวดหัวจี๊ด เค้ากุมหัวของตัวเอง… ร่างบางไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แจจุงควบคุมให้ตัวเองเดินกลับไปที่ห้องของเค้า ใบหน้าเปื้อนเหงื่อเริ่มดีขึ้นเมื่อได้นั่งพัก เปลี่ยนจากความสับสนเป็นโศกเศร้าแทน แจจุงเอาหน้าซุกกับหมอนแล้วร้องไห้อีกครั้ง เรื่องพวกนี้มากมายเกินคนตัวเล็กอย่างเค้าจะรับไหว อาทิตย์หน้าคงเป็นวันที่แย่ที่สุด เค้าไม่อยากอยู่บ้านนี้อีกต่อไปแล้ว…..
จุนซูกำลังมีความสุข………
เค้าเพิ่งหลับเต็มอิ่มและกำลังอยู่ในอ้อมกอดของคนที่เค้ารัก…. จุนซูดันตัวเองขึ้นจากอกกว้าง ยูชอนยังหลับไม่รู้เรื่องราว ขนตายาวเป็นแพ ริมฝีปากซุกซนกับจมูกคมสัน ช่างเป็นองค์กระกอบที่สวยงามเหลือเกิน และก็น่าแกล้งด้วยสิ ร่างบางดึงผมของตัวเองมาหนึ่งเส้นแล้วปั่นจนเป็นเกลียว ก่อนที่จะแหย่มันเข้ารูจมูกของร่างสูง
“ฮิๆๆๆ” จุนซูหัวเราะคิกคักเมื่อยูชอนทำหน้านิ่ว พลางเอามือที่พันผ้าก๊อตไว้ปัดออกด้วยความรำคาญ จุนซูยิ่งหัวเราะตัวงอเข้าไปอีก ทำให้ไม่รู้ตัวเลยว่ายูชอนกำลังหรี่ตาข้างนึงดูอยู่ ร่างสูงใช้จังหวะที่จุนซูเผลอผลิกตัวมาคร่อมอยู่บนตัวของคนซุกซนแทน
“อ๊า!!” อารามตกใจ เสียงร้องอย่างกะปลาโลมาก็เลยดังขึ้นมา
“คนขี้แกล้งเนี่ย… จะลงโทษยังไงดีน้า…” ยูชอนลากเสียงยาว
“ใครแกล้งอะไร ไม่มีสักหน่อย ยูชอนนั่นแหละคิดไปเอง” ยื่นปากใส่ โดยที่ไม่รู้เลยว่าไอ้อาการแบบเนี่ยะแหละ มันน่ากดน่าลงโทษแค่ไหน
“หรอออออออ…ถ้างั้น ผมไม่เกรงใจละ”
“ฮ่าๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ อย่า โอ๊ยยย คุณปาร์คยูชอน! หยุดนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ผมยอมแล้วๆๆ” จี้เข้าที่เอวบางจนดิ้นพล่าน จุนซูทั้งจิก ทั้งดันร่างสูงออก แต่ทว่าแรงอันน้อยนิดไม่สามารถชนะแรงมหาศาลของร่างสูงได้ ยูชอนหยุดชะงักโดยไม่ได้ตั้งใจ ในเมื่อรอยยิ้มหวานน่ารักปรากฏตรงหน้าเค้าขนาดนี้ ยูชอนเลยได้แต่มอง จนจุนซูเริ่มรู้ตัว
“ยูชอน…?” จุนซูเริ่มอาย เค้าเอียงหน้าไปอีกข้าง ยูชอนดันคางให้ร่างบางหันกลับมามองตัวเองอีกครั้ง
“รู้ตัวไหม…ว่าตัวเองน่ารักขนาดไหน” จุนซูหน้าเข้าไปอีก ตอนนี้ร่างบางไม่ได้มองหน้ายูชอนแล้ว จำเป็นต้องมองไปที่หน้าอกกว้างของร่างสูงแทน และก็พบว่าการมองหน้าอกแกร่งนี้ก็ทำให้เค้าเขินอายไม่แพ้กัน
“มองผมสิ…” พูดเสร็จก็ใช้มือเกลี่ยเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนช้าๆ จุนซูมองตามอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อสายตาประสานกัน ยูชอนจึงโน้มตัวลงริมฝีปากนุ่มโอบรับริมฝีปากของร่างบางไว้ทั้งหมด จุนซูหลับตาเคลิ้มกับจูบอ่อนโยนและหอมหวน ยูชอนตักตวงความหวานของริมฝีปากอิ่มอย่างช้าๆและเริ่มเร็วจึ้นเรื่อยๆ อันที่จริงเค้าแค้อยากจูบเบาๆให้ร่างบางพอจะหลงเค้ามากขึ้นเท่านั้นเอง แต่เป็นยูชอนเองนั่นแหละที่แพ้กิเลสของตนเอง ยิ่งจูบก็ยิ่งไม่พอ ยิ่งสัมผัสก็ยิ่งอยากจะโอบกอดให้ลึกเข้าไปอีก ลิ้นหนาเข้าจู่โจมทันทีจนจุนซูไม่ได้ตั้งตัว
“อื๊อ?....อื้อ..” จุนซูตกใจที่จูบหวานอ่อนโยนเริ่มรุนแรงขึ้น ยูชอนไม่สนอะไรแล้ว เค้าใช้แลบเลียริมฝีบางที่ตอนนี้เริ่มบวมจากจูบอันยาวนาน ก่อนที่จะใช้มือลวงเข้าไปในเสื้อยืดสีขาวบาง มือแกร่งลูบเอวบางและโอบกอดเอาไว้ จุนซูขนลุกวาบ พยายามใช้มือดันอกของร่างสูงที่แนบชิดกับอกเล็กบางของเค้า จุนซูพยายามแล้ว แต่พบว่าตัวเองมีแรงไม่พอเอาเสียเลย จูบของร่างสูงเหมือนยาชาจนทำให้จุนซูแทบไม่มีแรงหลงเหลืออยู่ แต่หลังจากยูชอนผละริมฝีปากออกมาหายใจ จุนซูจึงไม่รอข้าที่จะดันอกแกร่งนั่นขึ้นมาจนได้ แต่นั่นก็เกือบช้าพอที่ปากของร่างสูงจะประกบเข้ากับริมฝีปากบางอีกครั้ง
“คุณ…แฮ่กๆ…ยูชอน …อึก ผม เอ่อ….” ไม่ทันคิดว่าจะเป็นแบบนี้ เลยไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี ได้แต่เอ่อ อ่า จนยูชอนเพิ่งรู้สึกตัวแล้วเริ่มมีสติ เค้าเกือบทำในสิ่งที่เป็นจุดไคล์แมกซ์ของเกมส์นี้ซะแล้ว ร่างสูงยิ้มก่อนจะทำหน้าตาเหล่อหลา
“ขอโทษที… ก็… คุณน่ารักจนผมอดใจไม่ไหวนี่นา”
“คนบ้า..” จุนซูแก้มแดงกว่าเดิม ร่างบางดันตัวเองออกจากเตียงนอนของยูชอน เกือบลืมไปแล้วว่าวันนี้เค้ามาทำกับข้าวให้ยูชอนกิน แต่ว่าทั้งคู่ยังไม่หิวก็เลยนั่งดูหนังกันก่อนที่จะพล่อยหลับกันไปทั้งคู่
“หิวหรือยัง? เดี๋ยวผมทำอะไรให้ทานนะ” ว่าแล้วก็วิ่งไปหยิบเสื้อกันเปื้อนที่ยูชอนซื้อให้จุนซูใส่ทำกับข้าวให้เค้าโดยเฉพาะ เสื้อสีฟ้าครามมีโลมาสองสามตัวติดตรงกระเป๋าน่ารักเชียว แต่ก็ไม่เท่าอยู่บนตัวของร่างบาง ยูชอนนอนตะแคงดูร่างบางวิ่งเอานู้นเอานี่มาสับๆๆๆ โยนลงหม้อ แล้วก็ไปที่ตู้เย็นอยู่อย่างนี้สักพัก แล้วก็หัวเราะนิดๆเมื่อได้มองร่างบางอยู่อย่างนี้เรื่อยๆ
เมื่อกี้เค้าเกือบจะทำแผนพังไปแล้วซะอีก….
แผนที่ว่าง่ายนิดเดียว ก็แค่ทำให้ร่างบางรัก…รักจนขาดเค้าไม่ได้ เหมือนกับที่จุนฮีเคยทำกับเค้า เอาแบบชนิดที่เรียกว่า ขาดเค้าแล้วอยู่ไม่ได้ อยากตายอย่างเดียวเลยนั่นแหละเค้าถึงจะพอใจ
เค้าคิดว่าจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเค้ารู้สึกว่าถึงจุดๆหนึ่งแล้ว เค้าก็จะกอดร่างบาง…
แล้วก็ทิ้งซะ….
แต่เมื่อกี้เค้าทำอะไร….
รอยยิ้มเมื่อกี้ ราวกับเค้าได้เห็นภาพซ้อนของจุนฮีขึ้นบนใบหน้าของจุนซู เค้าเพิ่งรู้ว่าสองคนนี้มีรอยยิ้มที่เหมือนกัน ทั้งๆที่หน้าไม่เหมือนกันเอาซะเลย แต่จูบของเค้าทั้งสองก็ช่างต่างกันนัก ตอนที่เค้าจูบกับจุนฮี มันหวาน…หวานหอมติดลิ้น อ่อนโยนและค่อยเป็นค่อยไป แต่จุนซูกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง ยิ่งเค้าได้จูบมากเท่าไหร่ ยิ่งขาดไม่ได้ หยุดไม่ได้… ชิมแล้วก็อยากกินเข้าไปอีก กินแล้วก็อยากกลืนลงไปเลย ยูชอนนึกหัวเสียนิดหน่อยที่ตัวเองควบคุมยากอย่างนี้เป็นครั้งแรก เค้าส่ายหัวก่อนที่จะยิ้มให้จุนซูทันทีที่ร่างบางส่งยิ้มหวานให้กับเค้า
เป็นมารยาเล่มไหนที่พี่สาวของนายสอนหรือเปล่านะ คิมจุนซู….
คนอื่นอาจจะติดกับ แต่ไม่ใช่ฉัน……
กล่องสีฟ้าสวยถูกวางไว้บนเตียงตรงหน้าของยูชอน จุนซูถอดเสื้อกันเปื้อนก่อนจะนั่งลงหันหลังให้กับยูชอนที่นอนชันแขนโดยเอามือข้างที่ไม่เจ็บเป็นที่รองรับหัวของเค้า เตียงยุบลงไปเพียงนิดเดียวเพื่อรับน้ำหนักเล็กน้อยของร่างบาง ร่างสูงขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าร่างบางจะทำอะไรต่อจากนี้
“……….” จุนซูไม่พูดอะไรนอกจากยิ้มแล้วยูชอนแล้วประคองมือของยูชอนที่พันผ้าก๊อตหลุดลุ่ยนั่น ร่างบางบรรจงแกะออกเพราะกลัวร่างสูงจะเจ็บมือทีละนิดๆ จนผ้าก๊อตถูกถอดออกจนหมด ยูชอนไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่กลับรู้สึกเหมือนตัวเองถูกดึงลงสู่ความสับสน ความอ่อนโยนของจุนซูทำเอาเค้าอ่อนปวกเปียก เค้าเริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทำตามแผนได้สำเร็จมากน้อยแค่ไหน ตราบใดที่ร่างบางยังใช้เล่ห์กลที่ทำให้เค้ายิ่งตกหลุมรักเช่นนี้
“ไม่ถามหรอ…ว่าผมไปโดนอะไรมา” จุนซูไม่เพียงแต่ยิ้ม มือเล็กๆนั่นหยิบยาฆ่าเชื้อแล้วแตะลงที่แผลเบาๆ แสบนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ยูชอนต้องร้องโอดครวญ
“คุณอาจจะไม่อยากเล่าก็ได้นี่ครับ แต่ถ้าคุณอยากเล่า ผมก็จะฟัง”
“…………….” ยูชอนเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะพยายามทำตัวให้ปรกติเหมือนเดิม เค้าสบถยิ้มออกโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นคนดีจนไม่น่าเชื่อเลยนะคิมจุนซู แว๊บหนึ่งเค้าอยากหอมแก้มให้เป็นรางวัล แต่ตอนนี้กลับทำอะไรไม่ถูก เพราะยิ่งเค้าพูดอะไรกับร่างบางมากเท่าไหร่ เค้ายิ่งรู้สึกว่าเป็นเค้าเองนั่นแหละ ที่ตกอยู่ในเกมส์ที่ไม่ได้มีใครตั้งใจให้เกิดขึ้น
ยูชอนยังคงมองร่างบางที่ตั้งใจล้างแผลให้เค้าเป็นอย่างดี มือเล็กนุ่มนิ่มทำอะไรก็ดูน่ารักไปหมด เด็กคนนี้มีความสามารถในการทำให้ใครต่อใครหลงรักอย่างโงหัวไม่ขึ้น ยูชอนสะบัดหัว… เค้าไม่ควรเป็นหนึ่งในนั้น
“เสร็จแล้วครับ ดีขึ้นไหม ก่อนหน้านี้คุณพันแผลแน่นไป จะอักเสบได้นะครับ” พูดสั่งสอนคนตัวโตก่อนจะค่อยๆเก็บของใส่กล่องยา ถูกอย่างที่พูด มือของเค้าสบายกว่าเดิมและเจ็บน้อยกว่าเดิมเยอะ น่าแปลกที่ร่างบางเป็นคนที่ละเอียดอ่อนและช่างสังเกตุมากกว่าที่เค้าคิดไว้
“จุนซู… พี่สาวของคุณไม่กลับมาเยี่ยมบ้างหรอ” นึกถามโดยไม่ทันคิด ยูชอนเอ่ยขึ้น โดยที่จุนซูไม่ทันตั้งตัว
“อ่ะ…อ่อ… ครับ เค้ายุ่งๆ เอ่อ เรื่องลูกของเค้าน่ะครับ” จุนซูสะดุ้ง ยูชอนเริ่มจับอาการแปลกๆนี้ได้เป็นครั้งที่สองหลังจากเรื่องที่เค้าบังเอิญเจอรูปของจุนฮีในอัลบั้มแล้ว ยูชอนนึกสงสัยว่า คนเป็นพี่น้องกันครอบครัวเดียวกันแท้ๆ ทำไมมีรูปน้อยมาก กระทั่งบนฝาผนังก็ไม่มีรูปที่มีจุนฮีปรากฏอยู่ในรูปเลยแม้แต่น้อย นอกจากจะเป็นรูปของจุนซูเอง หรือรูปของพ่อแม่ของจุนซู
น่าสงสัย ….
คิมจุนซูมีอะไรปิดบังเค้าหรือไงเกี่ยวกับเรื่องของจุนฮี
ยูชอนเดินเข้าห้องน้ำเงียบๆก่อนจะยกมือถือขึ้นกดเลขหมายที่คุ้นเคยอย่างรวดเร็ว
“มีงานให้พวกนายทำหน่อย….”
งานหมั้นถูกจัดขึ้นมาอย่างรวดเร็วบนพื้นที่กว้างของคฤหาสห์ตระกูลจอง ถึงจะรวดเร็วแต่ก็หรูหราตามแบบที่คุณนายจองต้องการ แขกเหรื่อในงานล้วนแต่เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงในวงการธุรกิจทั้งนั้น นอกจากนี้ยังมีดารานางแบบที่เคยเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับบริษัทในเครือของตระกูลจองอีกมากมาย ยุนโฮหัวเสียมากขึ้น นอกจากงานใหญ่จนราวกับจะประกาศให้คนที่โลกรู้แล้ว ยังเป็นการบังคับให้การแต่งงานมีเปอร์เซ็นท์ที่จะเกิดขึ้นจริงเกือบร้อยเปอร์เซ็นท์ งานนี้คุณนายจองเล่นงานเค้าเข้าให้แล้ว ยุนโฮจัดแจงสูทตรงโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนจะหยิบนาฬิกาหรูสักเรือนโดยไม่ใส่ใจเลือกนัก เค้าเดินดุ่มๆไปที่ห้องของแจจุงโดยไม่ทันได้รู้ตัวว่าจะไปหาเจ้าตัวทำไม
ก๊อกๆๆ “คิมแจจุง” ก๊อกๆๆ
“ครับ” ประตูแง้มออก แจจุงอยู่ในชุดนอนขาวสะอาด ทั้งๆที่นี่เป็นเวลาหกโมงเย็น ใบหน้าขาวอยู่แล้วซีดเซียวกว่าเดิม ดวงตาบูดบวมเล็กน้อย แล้วยังอาการเดินเซไปมาอีก ยุนโฮขมวดคิ้ว
“ทำไมยังไม่แต่งตัว?” ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่ง แต่สายตายังปรายตามองร่างบางที่เอามือยันประตูไว้
“ครับ? อ่อ จะไป…..เปลี่ยนเสื้อเดี๋ยวนี้ครับ” แจจุงตั้งใจหลบตาต่ำ เค้าไม่อยากมองหน้ายุนโฮเลย ตั้งแต่ที่รู้เรื่องงานหมั้นที่จะเกิดขึ้นเร็วปานสายฟ้าฟาด
“งั้นผมขอตัว….อ๊ะ” ยุนโฮไม่พูดอะไร เค้ายกร่างบางขึ้นอุ้มตัวปลิวอย่างรวดเร็วราวกับกะเกณฑ์น้ำหนักมาอย่างดี แจจุงยังงุนงงด้วยพิษไข้ที่เพิ่งรุมเร้าเค้าเมื่อเช้าวันนี้ ร่างเล็กถูกวางลงบนเตียงนุ่มอย่างอ่อนโยน ยุนโฮใช้มือเรียวยาวทั้งสองข้างจับลูบใบหน้าที่เริ่มแดงเรื่อเบาๆ
“คุณยุน….”
“เงียบน่า… แรงจะพูดยังไม่มีเลย” ยุนโฮจับอีกสักพักแล้วแสดงสีหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เค้ารุดตัวออกไปจากห้องของแจจุงอย่างรวดเร็ว ไม่นานเท่าไหร่นักก็เข้ามาพร้อมกับกะละมังกับผ้าขนหนูผืนพอดีมือ กับเครื่องทำไอน้ำเล็กๆตัวนึง ร่างสูงจัดการเปิดเครื่องทำไอน้ำ ก่อนจะนั่งลงข้างๆร่างบาง
“คุณยุนโฮ…..” พูดยังไม่ทันขาดคำ ทันทีที่แจจุงเอ่ยปากขึ้น ยุนโฮหันมามองใบหน้าขาวซีดด้วยสีหน้าตำหนิ
“หยุดทำตัวเป็นตัวปัญหาซะที..คิมแจจุง เมื่อไหร่นะนายจะเลิกเป็นภาระให้กับคนอื่นสักที แค่ดูแลตัวเอง….. ยังทำไม่ได้เลย…จากนี้ไปถ้าต้องอยู่คนเดียวนายจะทำยังไง! ถ้าต้องดูแลคนอื่นนอกจากตัวเองจะทำยังไง!” ยุนโฮเดือดขึ้นมาทันทีที่เค้าพยายามสกัดกลั้นคำพูดเหล่านี้ตั้งแต่หน้าประตู ร่างบางปวดหัวมากขึ้นกว่าเดิม คิมแจจุงเพิ่งตระหนักได้ตอนนี้เองว่าอาการที่คนป่วยอ่อนแอกว่าคนปรกติเป็นอย่างไร น้ำตามากมายถึงได้ไหลลงมาอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้อัดอั้นไว้เหมือนเมื่อก่อน ยุนโฮถอนหายใจ เค้าหยิบผ้าชุบน้ำแล้วบิดน้ำออกแรงๆ ก่อนจะยื่นมือไปเพื่อจะดึงแขนของร่างบางมาเช็ดไล่ความร้อนออกจากร่างกาย แจจุงสะบัดแขนออก
“คุณยุนโฮไปเถอะครับ!!! อย่ามาดูแลภาระอย่างผมเลย!... ฮืออออออออ… ผมมันตัวปัญหา สร้างแต่เรื่อง!! แล้วคุณยุนโฮทำไมไม่ทิ้งผมไปตั้งแต่วันนั้นเลยล่ะครับ? เก็บผมไว้ทำไม? ฮืออออออๆ” ยุนโฮไม่ได้ตอบโต้อะไร แต่เก็บความรู้สึกตกใจไว้ในใจลึกๆที่ร่างบางสวนกลับมาแบบนี้ ยุนโฮช่างไม่มีศิลปะในการพูดให้รู้ว่าเป็นห่วงเอาเสียเลย นอกจากจะใช้คำพูดที่แข็งกระด้างจนต้องมาทะเลาะกับร่างบางแบบนี้เสมอๆ ซึ่งช่วงนี้ ยุนโฮก็นึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีแต่เรื่องที่ทำให้เค้าต้องปวดหัวกับคนตัวเล็กคนนี้ตลอดเวลา
ร่างสูงสะบัดความคิดเรื่อยเปื่อยออก ก่อนจะดึงแขนของแจจุงให้ขยับเข้ามาใกล้อีกครั้ง คราวนี้ถึงแจจุงจะสะบัดเค้าก็จับไม่ปล่อยเหมือนกัน ยุนโฮใช้แขนอีกข้างดึงให้ร่างบางที่ยังร้องไห้อยู่เลิกดิ้นเสียที ผ้าชุบน้ำเย็นแตะเข้าที่ผิวอุ่นๆทำเอาแจจุงสะดุ้ง เย็นจนต้องเอามือดันออก ยุนโฮไม่ยอมแพ้ ยังคงใช้มือแกร่งกำแขนของร่างบางแน่น
“……ปล่อย… ฮึก…ไม่เอา…เย็น…” แรงก็มีเพียงแค่นี้… แจจุงหงุดหงิดที่ไม่เคยต้านร่างสูงได้สักที มือเล็กยังคงพยายามปัดป่ายผ้าเย็นชื้นออก หลังจากที่เช็ดใบหน้าลำคอและแขนเล็กของร่างบางแล้ว ยุนโฮจึงพยายามปลดกระดุมเสื้อของแจจุงออก ร่างบางแทบจะหยุดร้องไห้ทันที อารามตกใจจึงมือที่ดันผ้าขนหนูออกจำเป็นต้องมาปัดมือใหญ่หนาของยุนโฮออกจากตัวของเค้า
“คุณ…จะทำอะไร… ไม่เอา….ฮึก หยุดนะ”
“อยู่นิ่งๆ ถ้าไม่เช็ดตัวเอาความร้อนออกแล้วจะหายได้ยังไง…”
แจจุงหน้าแดง ไม่แน่ใจว่าเพราะพิษไข้หรือเปล่า “ผมจะทำเอง..”
“อวดเก่ง…แรงจะต่อสู้ยังไม่มีเลย…”
“……….” แจจุงมองค้อน ตอนนี้หยุดร้องไห้แล้ว แม้จะยังสะอื้นในลำคออยู่ มือสองข้างยังทำงานอย่างดี แทบจะตั้งการ์ดพร้อมต่อยกับยุนโฮอยู่แล้ว
“หึ… เอาแรงมาทะเลาะกับฉันทีหลังดีกว่าไหม คิมแจจุง ถ้าไม่อยากทำตัวเป็นเด็กมีปัญหา ก็อยู่นิ่งๆ” คราวนี้แจจุงลดมือลงก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทาง ยุนโฮส่ายหัวอีกรอบกับความดื้อด้านของคนตัวเล็กของเค้า แว๊บนึงยุนโฮแอบคิดว่าคนตัวเล็กน่ารักจนเค้าอยากจะ…. ยุนโฮสะบัดหัวอีกทีก่อนจะค่อยๆดันให้ตัวเองเข้าใกล้กับแจจุงมากขึ้น จนแจจุงเริ่มรู้สึกตัว เพราะเตียงยุบลงไปมากขึ้นอีก ร่างสูงแกะกระดุมออกทีละเม็ดเผยให้เห็นหน้าอกเล็กอวดผิวขาวเนียน แจจุงไม่กล้ามองอะไรในนาทีนี้ ได้แต่เบือนหน้าไม่ให้สบเข้ากับดวงตาของร่างสูง ยุนโฮค่อยๆเช็ดตัวให้ร่างบางอย่างแผ่วเบา มือที่กำแขนของร่างบางอยู่บัดนี้คลายลงจนแทบจะปล่อยเลยก็ว่าได้ เสื้อสูทสำหรับงานหมั้นยับเล็ดน้อยแต่ทว่ายุนโฮไม่ได้ใส่ใจอะไร
ก๊อกๆๆๆๆๆๆ “คุณยุนโฮครับ ข้าวต้มกับยาได้แล้วครับ”
“เข้ามา” พอดีกับที่ยุนโฮจรดกระดุมเม็ดสุดท้ายให้ร่างบาง ข้าวต้มจานใหญ่หอมกรุ่นก็มาถึงอย่างรวดเร็ว ยุนโฮรีบนำทั้งหมดเข้ามาก่อนจะพยายามปิดประตู แต่พ่อบ้านซอกลับดันประตูไว้
“คุณยุนโฮเมื่อไหร่จะไปที่งานครับ เค้าหาตัวคุณกันให้วุ่น”
“บอกว่าอีกสิบนาทีจะลงไป”
“เร็วหน่อยนะครับ อีกครึ่งชั่วโมงต้องขึ้นเวทีแล้ว” ยุนโฮพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะยกทั้งหมดมาวางไว้บนโต๊ะ
“คุณยุนโฮไปเถอะครับ ผมไม่เป็นไร ผมจะดูแลตัวเอง” แจจุงพูดเอ่ยขึ้นมา ยุนโฮคลายสีหน้ากังวลบ่งบอกว่าสบายใจขึ้นที่คนตัวเล็กยอมเข้าใจอะไรง่ายๆบ้างเหมือนแต่ก่อน
“อีกหนึ่งชั่วโมงฉันจะขึ้นมาดู ทุกอย่างต้องหมด ยาด้วย เข้าใจไหม”
“ครับ”
“ทานแล้วก็หลับไปซะ ใส่ถุงเท้าด้วย”
“ครับ”
“………………..งั้นฉันไปละ” เมื่อคิดว่าสั่งครบแล้วจึงสาวเท้าเดินลงมาชั้นล่างทันที ปล่อยให้แจจุงนั่งถอนหายใจ ช่วงนี้ไม่มีวันไหนเลยที่จะไม่มีปากเสียงกับยุนโฮ ทั้งวันนี้ยังเป็นวันดีของยุนโฮแท้ๆ เค้ายังไม่สามารถไปแสดงความยินดีได้ด้วยสภาพที่เต็มพร้อมเลย แต่ทว่าแจจุงดีใจนิดหน่อยที่ตัวเองต้องมาป่วยแบบนี้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องมาเห็นภาพบาดใจให้เจ็บปวดแล้วก็เอาเก็บมานอนร้องไห้เหมือนที่ผ่านมา
-----------------------
-------------
----
“ไอ้หนูนั่นมันคิดลองดีกับฉัน!” จางเฮริมทราบข่าวจากพ่อบ้านซอทั้งหมด เป็นเหตุทำให้คู่หมั้นอย่างเธอต้องมียืนรอรับแขกคนเดียวอยู่เสียนาน
“อย่าอารมณ์เสียไปเลยครับคุณหนู วันนี้เป็นวันดีของคุณหนูนะครับ” ชายชุดสูทสีขาวที่ยืนเคียงข้างเฮริมเอ่ยขึ้น เป็นผู้ชายที่ดูสุภาพ ภูมิฐาน และดูฉลาด นอกจากนั้นยังหล่อเหลาเอาการ เฮริมจึ๊กปาก
“หมอฮง! คุณก็รู้ว่าฉันเคยเล่าให้ฟังว่าฉันเคยเจอเด็กคนนั้นครั้งนึง… หึ ดูก็รู้ว่ามันคิดยังไงกับยุนโฮของฉัน มันต้องแกล้งป่วย… เพื่อทำให้ฉันขายหน้า!!” เฮริมนั่งลงบนโซฟาพลางถอดตุ้มหูออกทีละข้าง งานเลี้ยงทั้งหมดจบลงด้วยดี หมอฮงแทฮวาเดินอ้อมมาด้านหลังของโซฟาก่อนจะโน้มเข้าโอบรอบคอของหญิงสาว
“คุณอยากจะกำจัดเด็กนั่นล่ะสิ” คนที่ถูกเรียกว่าหมอฮงกระซิบข้างหูของเฮริมก่อนจะเข้าจูบที่ซอกคอขาวระหง
“ฉันเกลียดมัน มันไม่ได้เป็นอะไรกับคนบ้านนั้นเลยแท้ๆ หึ!... ดีนะที่ฉันสืบเรื่องของตระกูลจองมา เด็กคนนั้นก็แค่เด็กที่ยุนโฮเก็บมาเลี้ยง… ฉันล่ะอยากให้มันกลับมาจำได้สักที!!! มันก็ได้เตลิดออกจากบ้านของจองยุนโฮ” หมอฮงเลิกคิ้วก่อนจะใช้แขนยันพนักพิงของโซฟา
“คุณลืมไปแล้วหรือไงว่าผมเป็นหมอจิตเวช?”
“แล้วไงยะ” เฮริมยังคงอารมณ์เสีย
“ก็………” ร่างสูงโปร่งของคุณหมอเดินอ้อมมานั่งข้างๆเฮริมก่อนจะยิ้มราวกับมีแผนบางอย่าง
“……………………” หมอฮงกระซิบข้างหู ประโยคบางอย่างนั้นทำให้เฮริมยิ้มกว้างที่สุดในรอบวัน
“ฉันล่ะไม่ผิดหวังในตัวคุณเลย” หญิงสาวพูดเสร็จจึงรับจูบร้อนแรงของหมอฮงที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว
คิมแจจุง… แล้วนายจะได้เห็นดีกับฉันแน่…. ถือว่าฉันสงเคราะห์ให้นายได้ความจำกลับคืนมาแล้วกันนะ…
ห้องที่มืดสนิทถูกฉายด้วยแสงจากหลอดไฟด้านนอก ใครบางคนกำลังเปิดประตูห้องของแจจุงออกก่อนจะค่อยๆดึงเนคไทให้คลายออก ร่างสูงค่อยๆนั่งลงบนเตียงที่ร่างบางกำลังพริ้มหลับอย่างไม่รู้เรื่องราว ใบหน้าขาวสวยเริ่มมีสีแดงฝาดบ้างแล้ว นั่นทำให้ยุนโฮถอดหายใจด้วยความรู้สึกโล่งอกมากขึ้น มือเรียวยาวเกลี่ยเส้นผมที่บดบังใบหน้าสวยให้เค้าได้เห็นดวงหน้าหวานได้ชัดมากขึ้น
ตัวอุ่นแล้ว คงดีขึ้นมาแล้วสินะ… ยุนโฮคิด หลังจากที่เค้าใช้หลังมือแตะเบาๆบนหน้าผากของร่างบาง
“อือออออ….” คนป่วยขมวดคิ้วเมื่อถูกรบกวนจากการนอนหลับ ก่อนจะพลิกตัวไปอีกด้านหนึ่ง ยุนโฮลูบหัวของร่างบางเบาๆสามสี่ครั้ง
อะไรน่ะ….
มีอะไรบางอย่างโผล่มาจากหมอนของแจจุง ยุนโฮเหล่มองร่างบางที่นอนหลับสนิทอีกครั้งก่อนจะหยิบบางอย่างที่คล้ายรูปถ่ายออกมา
นี่รูปเค้าเอง?....
มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงนะ…… ยุนโฮนั่งคิดดูสักพัก ก่อนจะเอะใจอะไรบางอย่าง เค้าลุกขึ้นลวงมือเข้าไปใต้หมอนอีกครั้ง ก็เจออีกสามสี่รูป ข้างหลังมีอะไรบางอย่างเขียนไว้…
คุณยุนโฮ,, มาดูผมแข่งบาสด้วยละ > <
คุณยุนโฮเมื่อไหร่จะยิ้มบ้างน้า… ยิ้มหน่อยสิครับ ผมชอบคุณยุนโฮยิ้มมากๆเลยนะ
ใจเต้นเร็วมากขึ้น ยุนโฮพลิกรูปสุดท้ายที่ดูเก่าและยู่ยี่ที่สุด และมีตัวหนังสือเขียนไว้เยอะที่สุด
คุณยุนโฮครับ… ผมควรจะทำยังไง…. ทุกวันนี้ผมไม่สามารถจะหยุดคิดถึงคุณยุนโฮได้เลยแม้สักวัน.. ผมทรมานมากขึ้นเมื่อรู้ว่าถึงแม้จะต้องตัดใจ ผมก็ทำไม่ได้เลยครับ… ผมมีความสุขทุกครั้งที่เห็นคุณ… ขณะเดียวกันผมก็เจ็บในหัวใจมากๆเลยครับ… คุณยุนโฮครับ ผมเป็นแค่คนอื่นสำหรับคุณ แต่คุณคือคนที่สำคัญมากที่สุดสำหรับผม… ผมอิจฉาคนที่ได้อยู่ใกล้ๆคุณ อิจฉาแม้กระทั่งอากาศที่อยู่รอบๆตัวคุณ ผมจะทำยังไงดีครับ….
เมื่อวันนี้ผมได้รู้ตัวว่าผมรักคุณมากเหลือเกิน…..
------------------------------------------------------------------------------------------------------
โฮกกกกกกก อัพตอนนี้น้อยไปไหม แต่ไรเตอร์กำลังเร่งปั่นอยู่ค่ะ เนื่องจากเพิ่งสอบเสร็จ
ยอมรับว่าท้อนิดหน่อยเมื่อเห็นเม้นกับผู้เข้าชมน้อยเหลื๊อเกิน แต่ไม่เป็นไรค่ะ T^T
ตอนนี้เนื้อหาเริ่มเข้าสู่จุดที่จะมีการหักดิบเกิดขึ้น คาดว่าคนอ่านคงเดาๆออกได้บ้างแล้วนะคะ
ทั้งฝั่งยุนแจ กับ จุนชอน ที่ต่างก็มีปมร่วมกันทั้งคู่ โอ้วววว ช่วงสอบไรเตอร์ก็นั่งคิดแก้ปมไปพลาง
ตัวละครก็เลยเพิ่มมากขึ้นคะ แล้วตั้งแต่ตอนหลังนี้ไปจะเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ
ช่วยติดตามและสนับสนุนมากๆด้วยนะคะ >< ส่วนคนที่ติดตามมาก่อนหน้านี้ ขอบคุณมากจริงๆค่ะ
สำหรับเรื่องแรกไรเตอร์ไม่ได้หวังอะไรมากมาย แต่ก็อยากได้เม้นเป็นยาชูกำลังเยอะๆหน่อยนะคะ
รักคนอ่านทุกคนค่ะ (ทั้งขาจรและคนที่อ่านและเม้นค่ะ)
Amild,,( เรียกว่า เอมายด์นะคะ)
ความคิดเห็น