ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Yaoi] Conceal Secret (YunJae,MicXiah)

    ลำดับตอนที่ #3 : บทลงโทษที่สองกับอดีตของยูชอน

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ค. 55


    แจจุงไม่ได้ขาดเรียน แต่เพราะว่าอาทิตย์นี้เป็นวันหยุดยาวเนื่องจากวันสถาปนาโรงเรียน แต่ทว่าพอกลับมาจากแชจู แจจุงก็ซึมลงไปอย่างเห็นได้ชัด จุนซูที่ตั้งท่าจะเล่าเรื่องเค้ากับยูชอนให้ฟังก็แทบจะห้ามตัวเองไว้ไม่ทัน

                   “ก็เค้าดันไปเห็นท่านประธานจูบกับคู่หมั้นน่ะสิ” ชางมินกระซิบ ทั้งสองปล่อยให้แจจุงนั่งอยู่ตรงริมหน้าต่างห้องเรียนเงียบๆคนเดียว ซึ่งทั้งสองก็นั่งอยู่ไม่ไกลจากแจจุงนัก

                   “ให้ตายเหอะฉันก็นึกว่าคราวนี้ไปแชจูกันสองต่อสอง น่าจะมีอะไรคืยหน้าซะอีก เวรกรรมฉันเลยเล่าไม่ออกเลย”

                   “นายมันไวไฟ คิมจุนซู ไม่ทันไรก็เป็นแฟนกันซะแล้ว เทียวไปรับเทียวไปส่ง เดี๋ยวไปนู้นเดี๋ยวไปนี่ ถามจริงๆ คบกันเร็วแบบเนี่ยะ ไม่คิดว่าเค้าจะหลอกเด็กอย่างนายบ้างหรือไง”

                   “ไม่หรอกน่า คุณยูชอนเป็นคนดี เค้าน่ารัก เค้าบอกจะจริงจังกับฉัน และคบฉันคนเดียว แบร่!!” จุนซูแลบลิ้น ชางมินได้แต่เบ้หน้าใส่อย่างหมั่นไส้ เป็นเรื่องจริงที่ทั้งสองคบกันแล้ว ความสัมพันธ์เกิดขึ้นรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด เมื่อวันก่อนเอง เค้าไปเที่ยวทะเลกับยูชอน เรียนเสร็จก็ไปอยู่ด้วยกันในออฟฟิศอย่างกับปาท่องโก๋ ใครมาเห็นจุนซูตอนนี้ก็จะรู้สึกว่า ร่างเล็กเริ่มเสพติดยูชอนขึ้นเรื่อยๆจนน่ากลัว

                   “พรุ่งนี้คุณยูชอนจะไปทำกับข้าวกินกันที่บ้านฉันด้วย เค้าอยากรู้จักฉันมากขึ้น”

                   “แล้วพ่อแม่นายล่ะ”

                   “ยังอยู่ปูซานอยู่เลย”

                   “ได้ทีเลยนะ”

                   “ได้ทีน่ะสิ”

                   “แล้วพวกนายจะ………..” ชางมินหยุดพูดแล้วปรบมือดังๆสามครั้ง “………รึเปล่า”

                   “ไอ้บ้าหมามิน คิดอกุศล คุณยูชอนเค้าสุภาพบุรุษพอน่า วันนั้นไปบ้านคุณยูชอนเค้ายังไม่ทำอะไรฉันเลย ทุกวันนี้จูบสักครั้งก็ยังไม่เคย” อย่าเรียกว่าไม่เคยเลย เค้าต่างหากที่หลบเลี่ยงยูชอนตลอด เพราะร่างสูงพยายามทุกครั้งที่มีโอกาส หากแต่ร่างบางเองนั่นแหละที่อายจนไม่กล้า ทำไงได้ล่ะ เค้าน่ะ แค่เห็นสายตาของยูชอนก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว……

                  

                   วันนี้เป็นวันที่ร่างสูงอาบน้ำนานเป็นพิเศษ เค้าอยากตัวหอมจนร่างบางไม่สามารถสลัดจากตัวของเค้าได้ เค้ายิ้มกว้างในขณะที่กำลังถูสบู่บนร่างกายกำยำของตัวเอง กำลังคิดอยู่ว่าถ้าเค้ากอดร่างบางให้ฝังลงบนอกของเค้า แล้วก็เงยหน้าของจุนซูขึ้นมาจูบ จะเป็นยังไงหนอ ยูชอนนึกขันเมื่อรู้ว่าจะต้องเห็นใบหน้าแดงปลั่งไร้เดียวสาของร่างบาง เป็นเวลาสองสามวันแล้วที่เค้าคิดจะจริงจังกับจุนซูหลังจากที่คิดจะหลอกแอ้มอยู่นาน

                   จุนซูเป็นคนที่น่าถะนุถะนอม เป็นเด็กที่เด็กกว่าวัยของตัวเองเสียอีก นานแล้วที่ยูชอนไม่ได้สัมผัสความร่าเริงสดใสนั่น เค้าพึ่งรู้สึกตัวว่าเค้ายิ้มโดยที่ไม่ต้องฝืนเยอะมาในสองสามวันที่ผ่านมา เด็กน้อยน่ารักคนนี้พังกำแพงที่เค้าตั้งไว้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย

                   แต่เนื่องจากบทเรียนในอดีตสอนเค้าว่าอย่าจริงใจกับใครทั้งนั้น ร่างสูงคิดเอาเองว่าที่เค้าทำอยู่นี่เพราะว่าเค้ายังติดใจกับอะไรใหม่ที่เค้าไม่เคยเจอ แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน เค้าถึงจะเบื่อร่างบางนี่ เพราะแค่ห้าหกวันมานี่ก็ทำลายสถิติของตัวเองที่สามารถคบใครได้เกินสามสี่วัน ทั้งยังไม่ได้กอดหรือจูบคนๆนั้นอีกต่างหาก

                   แต่วันนี้ก็ไม่แน่….

                   -----------------------

                   -----------

                   ---

                   แจจุงเงียบอย่างเห็นได้ชัดจนยุนโฮเอะใจ ทำให้ต้องเงยหน้าจากเอกสารมากมายบนโต๊ะมาลอบมองสีหน้าเศร้าสร้อยของร่างบางบ่อยๆ

                   ผลการเรียนตกหรือไงนะ….. แต่ก็ไม่น่าใช่ เพราะแจจุงมีผลการเรียนดีเยี่ยมมาตลอด

                   หรือว่าทะเลาะกับจุนซู ก็ไม่น่าใช่อีกนั่นแหละ เพราะถ้าทะเลาะกันจริง แจจุงคงร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้ว

                   ถ้าไม่ใช่เรื่องเรียน หรือเรื่องเพื่อน

                   วัยรุ่นสมัยนี้ก็คงไม่พ้นเรื่องรัก…..

                   หรือจะมีแฟนแล้วทะเลาะกัน….

                   “ปัง!! คิดแล้วก็ฟาดเอกสารปึกใหญ่ลงบนโต๊ะอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งแรงพอที่จะทำให้ร่างบางที่นั่งตรงโซฟาหลุดจากภวังค์ของตนเองมามองร่างสูงที่ตอนนี้ใบหน้าดูไม่ดีกว่าเค้าเสียอีก ยุนโฮลุกขึ้นยืนแล้วดึงแขนร่างบางให้ลุกขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาตอนนี้มองใบหน้าสวยของแจจุงที่กำลังงุนงงกับเหตุการณ์ข้างหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้น

                   “นายเป็นอะไร…. ทำไมทำหน้าแบบนี้ ตั้งแต่เช้าแล้ว…. เป็นอะไรบอกมา” ถามคาดคั้นมากกว่าจะถามด้วยความห่วงใย แจจุงไม่กล้ามองหน้ายุนโฮมากไปกว่านี้ เค้ากลัวว่าจะร้องไห้ออกมา

                   “ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ”

                   “โกหก!!!!ก็เห็นอยู่ว่าทำหน้าเหมือนจะตายตั้งแต่เช้าแล้ว…. บอกมา….นายมีใครที่คบอยู่ใช่ไหม” ยุนโฮไม่เคยเป็นแบบนี้ เค้าดึงแขนของร่างบางแน่นทั้งสองข้างอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ใบหน้าเกรี้ยวกราดบอกให้รู้ว่ากำลังโกรธสุดๆ โดยที่ไม่รู้ตัวเองเลย

                   “คุณยุนโฮ!! พูดอะไรครับ ผมไม่ได้คบกับใคร….

                   “แล้วนายเป็นอะไรทำหน้าเหมือนคนจะตายซะให้ได้ ตั้งแต่กลับมาจากเชจู เสียดายที่ไม่ได้สานสัมพันธ์กับลูกเจ้าของบริษัทเรือนั่นหรือไง!!!

                   “คุณยุนโฮ!! ผมเจ็บ!! โอ๊ยปล่อยผมนะ!! มือหนาของร่างสูงไม่ใช่แค่บีบ แต่กดและจิกลงใบในเนื้อนุ่มของแจจุง จนร่างบางน้ำตาเล็ด

                   “ยังเด็กยังเล็ก ริจะมีความรักจำไว้นะคิมแจจุง!!! ฉันไม่อณุญาตให้นายคบกับใครทั้งนั้น!!! และห้ามชอบใครทั้งนั้น เข้าใจไหม!!!” ดูจะเป็นบทสนทนาที่ยาวที่สุดเท่าที่พวกเค้าเคยพูดด้วยกันมา แต่ทว่าก็รุนแรงที่สุดเช่นกัน แจจุงขมวดคิ้ว น้ำตาแห่งความไม่เข้าใจและความเจ็บปวดไหลลงอาบแก้ม คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน แขนทั้งสองข้างพยายามแกะมือที่กำเค้าไว้ราวกับคีมเหล็กของยุนโฮออก เป็นครั้งแรกจริงๆที่แจจุงเห็นยุนโฮขาดสติแบบนี้ ก็เค้าก็ทนไม่ได้กับคำพูดบ้าอำนาจและบีบบังคับเค้าแบบนี้

                   “แล้วทำไมล่ะครับ……. แล้วที่คุณยุนโฮยังมีได้เลย!ความรักน่ะ!! ยังไปจูบกับคนอื่นได้เลย!! ทำไมผมจะมีคนที่รักบ้างไม่ได้ ชอบใครบ้างไม่ได้!!!! คุณมันเห็นแก่ตัว!! บ้าอำนาจ!!...... อื๊อ!!!!

                   แจจุงแทบหยุดหายใจ เสียงทั้งหมดถูกดูดกลืนเข้าคอทันที ยุนโฮโอบเข้าด้วยแขนข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็ดึงรั้งคอให้ร่างบางให้รับจูบรุนแรงของเค้า ตอนนี้ความผิดชอบชั่วดีไม่ได้อยู่ในหัวของร่างสูง มีแต่กิเลสตัณหาและความโลภ ริมฝีปากอิ่มสวยแดงหลั่งนี่กล้าดีอย่างไรที่พูดจาแบบนี้ ลิ้นของร่างสูงแลบเลียริมฝีปากบางให้เปิดออกรับจูบที่ลึกซึ้งและจาบจ้วงของเค้าเป็นการลงโทษ แจจุงทำอะไรไม่ถูก เค้าคิดอะไรไม่ออกนอกจากเอนเอียงไปกับจูบของร่างสูง

    “อื๊ออออออื้อออออ” แจจุงเริ่มหายใจไม่ออก เค้าทุบเข้าที่อกกว้างของยุนโฮและพยายามดันออกจากอ้อมกอดรุนแรงของร่างสูง ยุนโฮเมื่อตักตวงความหวานจากร่างบางเรียบร้อยแล้วก็เพิ่งได้สติ เค้าลืมตาอย่างรวดเร็วพอๆกับที่ผลั่กร่างบางออก

                   ใบหน้าตื่นตกใจของทั้งสองปรากฏขึ้นให้เห็น

                   แจจุงวิ่งออกจากออฟฟิศกว้างขวางนั่นอย่างรวดเร็ว จนยุนโฮเกือบจะวิ่งตามไป

                   “แจจุง!!! เดี๋ยว..” แต่ทว่าก็หยุดตัวเองไว้ที่ประตู เค้าดันมือทั้งสองขึ้นลูบใบหน้าสับสนของเค้าแรงๆ

                   “โว้ยยยยย!!!” ร่างสูงเตะเข้าที่ประตูห้อง น่าจะเจ็บมากๆ ถ้าตอนนี้ยุนโฮไม่ได้กำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดเมื่อกี้จนลืมความเจ็บที่ปลายเท้าจนหมดสิ้น เค้าทำอะไรลงไป เค้าทำแบบนี้ได้ยังไงนี่มันแย่มากที่สุดเค้าเป็นคนที่ชาดสติแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จูบเมื่อกี้ทำให้เค้าร้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก สัมผัสหวานหอมยังติดอยู่ที่ริมฝีปาก เหมือนได้กินขนมหวานมากมายในคราวเดียว

                   “แจจุงไม่รับโทรศัพท์เลย” จุนซูบ่นตั้งแต่อยู่ซูเปอร์มาเก็ตจนมาถึงบ้าน คนตัวเล็กนั่งกดมือถือยิกๆ ส่งข้อความไปถามไถ่ข่าวคราวของเพื่อนรัก เค้ากังวลพอดูที่วันนี้ไม่ได้เห็นแจจุงยิ้มเลยสักแอะเดียว ยูชอนวางมือบนหัวของร่างบางในขณะที่มืออีกข้างหิ้วของพะรุงพะรัง

                   “เอาน่าเค้าคงไม่ว่างน่ะ อย่ากังวลไปเลย.. แจจุงไม่เป็นอะไรหรอกนะ” พูดไปก็ลูบตัวมนไป เค้าวางข้าวของไว้บนโต๊ะอาหารในห้องครัว จุนซูพยักหน้า คำพูดของยูชอนมีอิทธิพลกับเค้ามากกว่าใครๆ แม้ใบหน้าจะคลายกังวลไปเพียงเล็กน้อย แต่ก็ดีกว่าทำหน้ายุ่งๆเหมือนเมื่อกี้ จุนซูถอนหายใจก่อนที่จะจัดแจงข้าวของ เตรียมทำแกงกิมจิที่ยูชอนชอบทันที คราวนี้สลับกันบ้าง เพราะเป็นอาหารเกาหลีที่จุนซูคุ้นเคยและยูชอนไม่คุ้นเคย ร่างบางจึงเปลี่ยนมาเป็นเชฟ และร่างสูงก็กลายมาเป็นลูกมือซะนี่ บรรยากาศตลบอบอวลด้วยความหวานตามประสา ถ้าไม่ยูชอนเข้าไปโอบเอวจุนซู ก็เป็นจุนซุเองนั่นแหละที่ชอบแกล้งเอาแตงกว่ายัดปากยูชอนบ้าง แกล้งยื่นกิมจิให้โดนแก้มบ้างจนยูชอนต้องจับมือของจุนซูแล้วค่อยงับกิมจิชิ้นใหญ่นั่นเอง จุนซูหัวเราะคิกคัก เมื่อเศษกิมจิยังติดที่แก้มของร่างสูง เค้าใช้ผ้ากันเปื้อนของตัวเองเช็ดให้อย่างลำบากบำบน เพราะต้องเขย่งให้ชายผ้าสามารถเช็ดถึงแก้มร่างสูงได้

                   ตอนแรกก็หัวเราะคิกคักกันทั้งคู่อยู่หรอก แต่ตอนนี้ใบหน้าของทั้งสองอยู่ในระดับเดียวกัน โดยที่จุนซุไม่รู้ตัวเพราะกำลังง่วนกับการเช็ดเอาเศษกิมจิออก

                   “อิ๊อ!!” แค่ร่างสูงก้มลงนิดเดียวริมฝีปากเจ้าเล่ห์ก็จุ๊บเข้าที่ปากอิ่มหนาของร่างบางเข้าให้ เร็วพอที่จะวิ่งหนีร่างบางที่คว้าทัพพีเตรียมฆ่าไก่ลงหม้อในเดี๋ยวนั้น ได้ทั้งสองวิ่งไล่จับกันตรงโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ราวกับเป็นเด็ก เอ่อจุนซูน่ะไม่แปลกหรอก แต่ปาร์คยูชอนเนี่ยสิ ไม่น่าจะรู้ตัวเลยสินะ

                   “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!! คุณปาร์ค!! วันนี้ผมเอาคุณตายแน่เลย! เฮ้ย!

                   “ฮ่ะๆๆ คุณต่างหากที่โดนดีเป็นไงล่ะ คิดหรอว่าจะสู้แรงผมได้” ยูชอนใช้จังหวะที่จุนซุเผลอ โอบเข้าที่ด้านหลังและกำข้อมือเล็กที่กำลังถือทัพพีอรหันต์ให้ลดลงต่ำก่อนที่จะโอบให้แน่นเข้าไปอีกจนตอนนี้ใบหน้าของร่างสูงชิดเข้ากับซอกคอขาวของจุนซู ลมหายใจแผ่วเบาสัมผัสเข้าที่คอเล็กนั่น จนจุนซูขนลุก แม้ยูชอนไม่เห็นหน้าของร่างบางชัดนัก แต่ก็พอจะรู้ว่าคนตัวเล็กของเค้าทำสีหน้ายังไง

                   “ปะ..ปล่อยนะ คุณยูชอน แกงกิมจิจะเดือดแล้วนะ”

                   “ไม่! หอมแก้มผมก่อน”

                   “นี่!!!!

                   “งั้นก็อยู่อย่างเนี่ยะแหละ ราตรีสวัสดิครับ” พูดเสร็จก็ก้มหน้าซบลงบนไหล่ของร่างบาง แกล้งหลับเป็นไก่แกล้งตายซะงั้น ร่างเล็กพยายามแล้วแต่สลัดออกจากอ้อมกอดนี้ไม่ได้จริงๆ เค้าทำท่าฮึดฮัดเล็กน้อยก่อนที่จะ

                   “ก็ได้ๆๆๆ เงยหน้ามาสิ”

                   ……” ไม่ใช่แค่รีบเงยหน้าขึ้นมาอย่างเดียวนะ แต่อมลมจนแก้มป่องพร้อมให้ร่างบางจุ๊บทันทีเลย

                   “ให้ตายสิคุณนี่มัน………………จุ๊บ!........พอใจยัง!!” ยูชอนเบ้หน้า เมื่อกี้มันแค่ปลายจมูกชัดๆ ปากนุ่มๆเชิดๆของร่างบางรึ โดนจนแทบจะจำสัมผัสไม่ได้

                   “ไม่เมื่อกี้เค้าเรียกว่าทำสั่วๆนะคุณคิม”

                   “แต่ผมว่ามันโอเคแล้วนะ เพราะฉะนั้นปล่อยยยยยย”

                   “ไม่”

                   “คุณปาร์ค”

                   “ไม่”

                   “หนึ่งสอง….

                   !!!!!!!.....โอ๊ยยยยยยๆ โอ๊ยๆๆๆๆ ค๊าบบบบบบบๆ คุณคิม ผมปล่อยแล้วๆๆๆ” โดนหยิกเข้าที่แขนเต็มๆ จุนซูปัดเสื้อเล็กน้อยอย่างผู้มีชัยก่อนที่จะยักคิ้วให้ร่างสูงที่กำลังทำหน้าเหยเกลูบแขนตัวเองป้อยๆ

                   “ตัวก็เล็กนิดเดียว แรงเยอะชะมัด

                   เป็นอาหารมื้อที่อร่อยที่สุดตั้งแต่ที่เจอกันมา เป็นเพราะตอนนี้ทั้งสองมีความรู้สึกดีๆให้กันเพิ่มมากขึ้นทวีคูณ ยูชอนตกใจนิดหน่อยที่ตัวเองมีความคิดที่จะเลิกหลอกแอ้มจุนซูเล่นๆ จุนซูบอกให้ยูชอนเข้าไปรอในห้องนอนของเค้า ร่างสูงเดินขึ้นบันไดที่แคบเล็กน้อยสำหรับเค้า ดูจากบ้านแล้วทำให้ยูชอนรู้ว่าจุนซูไม่ได้มีฐานะดีนัก ห้องของจุนซูไม่เล็กมากแต่ก็ไม่อึดอัด ผนังถูกปะไปด้วยรูปของเค้ากับเพื่อนของจุนซูเยอะแยะไปหมด

                   โลกกลมไปหน่อยที่คิมแจจุงเป็นเพื่อนสนิทของจุนซู อันที่จริงเรื่องนี้เค้ารู้มาสักพักแล้ว แต่ก็ไม่ได้บอกยุนโฮว่ากำลังคบกับเพื่อนของแจจุง เพราะช่วงนี้ถึงจะเข้าไปที่ออฟฟิศของโรงแรม แต่เค้าก็เจอยุนโฮนับครั้งได้  โดยที่เค้าสงสัยนิดหน่อยว่าทำไมช่วงนี้ถึงมีเด็กหน้าหวานคิมแจจุงตามติดอยู่ต้อยๆ

                   “มีอัลบั้มรูปอยู่บนชั้นหนังสือ คุณหยิบดูไปก่อนได้นะ ผมกำลังปอกผลไม้อยู่ รอแป๊บนึง” เสียงเจื้อยแจ้วตะโกนขึ้นมาบนชั้นสองที่ยูชอนยืนอยู่

                   “ครับผม” ไม่ช้านักยูชอนจึงหยิบอัลบั้มรูปของจุนซูมาดู จุนซูตอนเด็กๆ อ้วนจ้ำม้ำน่ารักเชียว ร่างสูงยิ้มจนแก้มปริ นึกสนุกว่าจะล้อรูปพวกนี้กับจุนซูยังไงดีให้ให้คนตัวเล็กงอนจนแก้มป่อง ยูชอนพลิกดูไปเรื่อยๆแต่ก่อนที่เค้าจะเก็บมันเข้าชั้นเหมือนเดิม กลับมารูปกว่าสิบใบร่วงตกลงมาจากอัลบั้มเล่มนั้น

                   เมื่อก้มลงเก็บ ทำให้ยูชอนเห็นคนในรูปได้ชัดเจนขึ้น ในใจตอนนี้ของเค้าเต้นรัวและสับสน คิ้วกนาย่นเข้าหากัน เค้าหยิบรูปขึ้นดูทีละใบอย่างช้าๆ

                   “เสร็จแล้ว!ๆๆ” จุนซูยกจานที่เต็มไปด้วยเนื้อผลไม้สีเหลืองนวลน่าทานขึ้นระดับอก ร่างบางเอียงคอนิดๆเมื่อเห็นยูชอนกำลังหันหลังให้เค้าพลางดูอะไรบางอย่างอย่างตั้งใจ

                   “คุณมีพี่สาวหรอ”

                   “อ่อครับ นั่นพี่จุนฮี คิมจุนฮี”

                   คุณไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังเลย” เสียงแผ่วลงจนจุนซูตกใจ จุนซูคิดเองว่ายูชอนคงน้อยใจที่เค้าไม่ได้เล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังมากกว่านี้ เค้าวางจานแอปเปิ้ลลงตรงโต๊ะญี่ปุ่นก่อนที่จะนั่งลงข้างๆร่างสูง

                   ไปสวนสนุกกับจุนฮี

                งานวันเกิดของจุนฮี นูนาของผมสวยที่สุด

                จุนฮีรับปริญญา เก่งจังพี่สาวของผม

                “พี่จุนฮี เป็นพี่สาวแท้ๆผม เรารักกันมากเพราะนิสัยคล้ายๆกัน ตอนนี้พี่จุนฮีไปเรียนต่อที่ต่างประเทศครับ”

                   ……….” ยูชอนแทบจะขยำรูปที่ถือไว้ ร่างสูงมาสติพอที่จะไม่ฉีกรูปพวกนั้นทิ้งในตอนนี้ น่าเหลือเชื่อที่โลกกลมเสียยิ่งกว่าลูกเทนนิส คิมจุนฮี เป็นพี่สาวของคิมจุนซูงั้นหรอ

                   “เป็นอะไรไปครับ

                   “เมื่อกี้เลขาของผมบอกว่ามีประชุมด่วนนิดหน่อยต้องขอโทษด้วย แต่ผมต้องไปแล้ว แล้วผมจะโทรหานะ”

                   “เอ๋ ครับ” ยูชอนยิ้มน้อยๆ ก่อนที่จะหยิบเสื้อสูทที่วางไว้บนเตียงของร่างบางแล้วเดินออกไปทันที จุนซูเดินตามมาส่งยูชอนที่รถ ทั้งสองโบกมือลากันอย่างเคย จุนซูแปลกใจเล็กน้อยที่จู่ๆร่างสูงก็ทำท่ารีบร้อนออกไป สีหน้าของยูชอนเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด และไม่ได้มองมาที่เค้าอย่างเคย

                   “คิดมากน่า….” จุนซูส่ายหัว

                   ---------------------------------

                   ------------------

                   --------

                   น้ำสีเหลืองอำพันถูกรินลงแก้วทรงสี่เหลี่ยม ยูชอนยกขึ้นดื่มราวกับว่ามันคือน้ำเปล่า กี่โมงแล้วไม่รู้ รู้แต่ว่าวิสกี้หายไปกว่าครึ่งขวด ใบหน้าของร่างสูงตอนนี้หมดไร้ซึ่งรอยยิ้มที่เคยปรากฏอยู่บ่อยครั้ง เค้าบุกขึ้นยืนช้าๆและพยายามเดินไปที่ชั้นหนังสือ

                   เซเล็กน้อยแต่ก็สามารถพยุงให้ตัวเองเดินไปถึงที่หมายได้ หนังสือเล่มใหญ่ถูกคลี่หาอะไรบางอย่าง ยูชอนหยิบรูปเก่าๆใบหนึ่งขึ้นวางลงบนโต๊ะทำงาน

                   เป็นรูปที่เค้ากำลังฉีกยิ้มกว้าง กับผู้หญิงสาวผมยาวสวยที่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ใต้รูปเขียนไว้ว่า

                   ฉลองคบกันหนึ่งปี ปาร์คยูชอน&คิมจุนฮี…..

                   ---------------------------------

                   ------------------

                   --------

                   “อร่อยไหม!” หญิงสาวถามหลังจากที่ยูชอนหยิบเค้กส้มเข้าปากจนแก้มตุ่ย รอยยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้าเรียวสวยชัดเจน ยูชอนทำหน้าเหยเกเมื่อเคี้ยวไปครั้งที่สาม จุนฮีขมวดคิ้ว พลางยื่นปากใส่ ไม่แค่นั้นยังหยิบเค้กส้มทั้งหมดเตรียมจะเอาไปทิ้ง

                “นี่!! ยัยบ๊อง ล้อเล่นๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ อร่อยจนบอกไม่ถูกเลยล่ะ” ดึงแขนผอมบางให้นั่งลงข้างๆก่อนที่จะโอบเอวเล็กไว้ จุนฮีอมลมจนแก้มป่องจนไม่รู้ตัวว่ากำลังทำท่าน่ารักจนยูชอนอยากแกล้งอีกสักรอบ

                “แกล้งดีนัก คราวหลังจะไม่ทำอะไรให้กิน”

                “ก็ลองดูสิ อยากให้ผมตายก็ตามใจ”

                   “ล้อเล่นน่า ถ้าเธอตาย ฉันจะอยู่ยังไง”

                “ถ้าเธอตายผมก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน”

                “ใช่ แต่ตอนนี้คุณต้องตาย เพราะหัวเราะจนขาดอากาศหายใจ นี่แน่ะๆๆๆๆๆๆ” จุนฮีผลักยูชอนให้นอนลงบนโซฟา ก่อนที่จะขึ้นควบขาของเค้าไว้ มือทั้งสองข้างบุกเข้าจี้เอวของร่างสูงจนดิ้นพล่าน

                “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ พอๆ พอแล้วววว คิมจุนฮี! หยุดนะ ฮ่าๆๆๆ”

                “ฮิๆๆๆ ว๊ายยยย!!” รู้ตัวอีกทีร่างเล็กผอมบางของจุนฮีก็ถูกกดลงบนโซฟาแล้ว ยูชอนยิ้มกะล่อน

                “ตาผมล่ะ”

                “ฮ่าๆๆๆๆๆ ยูชอนนนน หยุดนะ ตาบ้า ฮ่าๆๆๆๆๆ ฉันยอมแล้วๆๆๆ”

                …………………………………………………………………

                   เพล้ง!!!!              

                   แก้วหรูแตกกระจัดกระจายอยู่ในมือของยูชอน เลือดสีแดงคล้ำค่อยๆละลายรวมกับเหล้าชั้นดีที่เหลือเล็กน้อยในแก้วที่สมบูรณ์เมื่อกี้ น้ำตาไหลลงบนรูปเก่าๆใบนั้นทีละหยด ในอกของเค้าตอนนี้รู้สึกเจ็บแปลบ มือที่เปื้อนเลือดลูบใบหน้าของหญิงสาวในรูปใบนั้น

                   “เรียกออกมาหาตั้งแต่เช้าเชียว มีอะไรครับ ว่าที่คุณนายปาร์ค”

                ……..” จุนฮีก้มหน้าลงต่ำ ใบหน้าขาวซีดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ยูชอนไม่ได้สักเหตุเห็น เพราะกำลังง่วนอยู่กับการเล่นรูบิค วันนี้ยูชอนถูกเรียกมาพบกันที่ร้านกาแฟที่พวกเค้าเจอกันครั้งแรก หญิงสาวบอกว่ามีเรื่องที่อยากจะคุยด้วยโดยที่ยูชอนเลี่ยงเธอมาหลายครั้งเพราะยุ่งกับการทำวิทยานิพนธ์

                “เป็นอะไร เธอมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

                ……..ยูชอน ฮึก ยูชอน….. ฉันแต่งงานกับเธอ….ไม่ได้แล้ว”

                   ……….ห๊า ให้ตายเหอะ คิมจุนฮี เธอล้อเล่นแรงไปหน่อยนะ เปลี่ยนๆ มุขนี้ไม่เกท” ว่าแล้วก็นั่งบิดรูบิคต่อ แต่คราวนี้บิดผิดบิดถูก จากเมื่อกี้ที่แทบจะเสร็จสมบูรณ์กลายเป็นว่าทุกสีเริ่มสลับกันวุ่นวาย

                “เธอก็รู้ว่าฉันไม่ได้โกหก….

                “ถ้างั้นทำไม..

                “ฉัน…..ขอโทษ…. ฉัน…. ฉันท้องกับคนอื่น”

     

                   “อืออึก….” กลั้นเสียงไม่ให้แสดงความน่าสมเพสออกมา แต่ทว่ายูชอนกลับรู้สึกว่าน่าสมเพสเวทนามากยิ่งกว่าเดิม ความรักพรรค์นั้นทำให้เค้าอ่อนแอ ทำให้เค้าน่าสมเพส ตั้งแต่วันนั้น เค้ามีชีวิตอยู่ได้ยังไง…. ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเค้ารักมากกว่าชีวิตของตัวเอง…. ทรยศหักหลังเค้า เห็นเค้าเป็นไอ้งั่งหน้าโง่มาตลอด

                   “ฟืด …..ฟืดแฮ่กๆ….อึก” ยูชอนหายใจถี่ขึ้น เส้นเอ็นปูดโปนปรากฏบนขมับและลำคอ น้ำตาเริ่มไหลเป็นทาง เค้าพยายามสูดลมหายใจเข้าปอด แต่ทว่าตอนนี้เค้ากลับทรมานเข้าไปอีก ยูชอนยกมือที่เปื้อนโลหิตสีแดงคล้ำมากุมไว้ที่ลำคอ เค้าเริ่มรู้สึกปวดหัวและตัวเกร็ง

                   ก๊อกๆๆๆๆๆ “ยูชอน….” ก๊อกๆๆ “ยูชอน….

    พลั่ก!! คนตัวโตล้มลงบนพื้น ขาของเค้าเกี่ยวเก้าอี้จนล้ม นั่นเสียงจองยุนโฮ ยูชอนพยายามตะเกียกตะกายตัวเองให้ลุกขึ้นยืน ทว่าแรงอันน้อยนิดในตอนนี้ทำให้เค้าต้องล้มลงไปนอนหงายอีกรอบ

    “เฮ้ยยยย!! ไอ้ปาร์คยูชอน นายเป็นอะไร เปิดประตู!!ก๊อกๆๆๆๆๆ “เปิดสิโว้ย!!ก๊อกๆๆๆ ยุนโฮเห็นท่าไม่ดี เมื่อได้ยินเสียงของตกเมื่อกี้ เค้าให้ไหล่ดันประตูแรงๆสองสามครั้ง

    “เปิดสิโว้ย ปัดโธ่!!!” สุดท้ายก็อดไม่ได้ เค้าถีบประตูจนสุดแรง นั่นทำให้เค้าเจ็บที่ปลายเท้ามากๆ ตอนนี้ร่างของยูชอนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นทำให้ยุนโฮต้องวิ่งไปโอบไหล่ของยูชอนขึ้น ร่างสูงตกไม่ใช่น้อยที่มีเลือดเต็มกำมือของเพื่อนรักของเค้า ทั้งยังมีรอยเลือดบนลำคอและเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนของยูชอน แก้วที่แตกกระจายแล้วยังอาการของยูชอนในตอนนี้อีก ทว่าตอนนี้เค้าไม่สนใจเรื่องพวกนี้ยกเว้นยูชอนในอ้อมแขนเค้าที่หลับแน่นิ่งและหน้าซีดเผือด

    “ยูชอนยูชอนปาร์คยูชอน” เค้าใช้มือตบเบาๆที่แก้มของยูชอน แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นิ้วเรียวอังที่จมูกคมสันของยูชอน ไม่มีลมหายใจ ยุนโฮมือสั่น แต่ทว่ายังคุมสติอยู่ เค้าพลิกข้อมือของยูชอนมากุมหาชีพจร ก่อนที่จะหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก

    “ไอ้ยูชอน ไอ้หมายู…. แกไม่ได้กินยาใช่ไหม ฟื้นเมื่อไหร่….. แกตายแน่” ยุนโฮจัดท่าให้ยูชอนนอนราบก่อนที่จะดึงคางของยูชอนขึ้น เค้าสูดลมเข้าปากก่อนที่จะเริ่มต้นผายปอดให้ยูชอน สามสี่ครั้งทีเดียวกว่าที่ยูชอนจะสำลักออกมา

    “ฮ่า…. ฮ่า….. แค่ก!ๆ” ยุนโฮนั่งชันขาขึ้นหนึ่งข้างก่อนจะหายใจหอบตามเพื่อนตัวแสบที่หาเรื่องมาให้เค้าไม่หยุดหย่อน ก่อนที่จะเอื้อมมือหยิบถุงกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานข้างๆ

    “เอ้า” ยูชอนหยิบมาครอบปากทันทีราวกับว่าเคยทำเช่นนี้อยู่บ่อยๆ ยุนโฮเริ่มหายเหนื่อย เค้าถอดแว่นออกแล้วเสยผมชื้นเหงื่อขึ้น

    “ไอ้หมายู ไอ้บ้า กินเหล้าเมาอย่างกะหมา เป็นไง สร่างหรือยังล่ะ!” เจ้าตัวไม่ตอบอะไรนอกจากสูดเอาคาร์บอนไดออกไซด์เข้าปอดอย่างเต็มที่ แล้วเอนตัวลงนอน

    “แกมาได้ไงว่ะ”

    “แม่บ้านซอโทรหาฉัน บอกว่านายสั่งให้ไปเอาเหล้ามา แล้วก็ได้ยินเสียงแก้วแตก กลัวนายจะเป็นอะไร เฮอะเกือบสั่งโลงให้แล้วไหมล่ะ” ยุนโฮเหลือบเห็นรูปบนโต๊ะของยูชอน ขณะที่กำลังเดินไปหากล่องพยาบาลบนชั้นวางของ แต่เค้าไม่ได้พูดอะไร

    “เออ ถ้าฉันเป็นไรจริงๆนะ ขอโลงลายคิตตี้สีชมพูนะเว้ย”

    “ไอ้บ้า ยังไม่หายเมาอีกหรอ!!! ยุนโฮเกือบลืมตัวแทบจะเอากล่องพยาบาลทั้งกล่องขว้างใส่หัวหมาซะแล้ว

    ---------------------------------

                   ------------------

                   --------

                   “เล่าได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น” ยุนโฮพูดขณะที่กำลังพันแผลให้กับยูชอน พวกเค้าย้ายมาที่ห้องนอนของร่างสูง ยูชอนเงียบไปสักพักก่อนที่จะเริ่มต้นพูด

                   “ฉันรู้แล้วเพิ่งไปบ้านของจุนฮีมา”

                   !!!!...” ยุนโฮเงยหน้าขึ้นมองยูชอนอย่างหน้าตาตื่น แน่นอน ยุนโฮรู้จักแฟนเก่าของยูชอนเป็นอย่างดี คิดจุนฮีเป็นสาเหตุของความบ้าทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และมีแต่เค้าเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้

                   “ทำไมนายตามหาเค้าหรอ”

                   “เปล่ารู้โดยบังเอิญ”

                   “คิดถึงเค้าหรือไง”

                   “ไม่….. ฉัน

                   “นายยังกินยาอยู่หรือเปล่า” ยูชอนเงียบ เค้าเพิ่งรู้ตัวว่าไม่ได้ทานยามาตั้งแต่หลายวันที่แล้ว ซึ่งก็ไม่รู้เพราะอะไร อาจเป็นเพราะคิมจุนซูที่ทำให้เค้ารู้สึกดีขึ้น

                   “ฉันรู้จักคนๆหนึ่ง เค้าเป็นน้องชายของจุนฮี….. ตอนแรกฉันกะจะหลอกใช้ความไร้เดียงสาของเค้าเล่น กะจะฟันแล้วทิ้งซะจะได้รู้ว่าคนอย่างฉัน ไม่มีทางหลงกลความไร้เดียงสานั่นเป็นครั้งที่สอง แต่ในเวลาไม่กี่วัน ฉันกลับชอบเค้ามากขึ้นเรื่อยๆ”

                   ……….” ยุนโฮตั้งใจฟังเงียบๆ เค้าเพิ่งรู้วันนี้ว่าจุนฮีมีน้องชาย ถึงจะไม่เห็นด้วยกับความคิดที่จะหลอกฟันคนอื่นเล่น แต่เค้าก็ยังไม่พูดอะไร

                   “ฉันไปบ้านของเค้า ถึงได้รู้ว่าจุนฮีเป็นพี่สาวของเค้า”

                   “แล้วนายคิดจะทำยังไงกับเด็กคนนั้น”

                   …………………นายคิดว่าฉันจะทำอะไรล่ะ” ยูชอนยิ้มอย่างที่ยุนโฮไม่คิดว่ามีรอยยิ้มนั่นจะมีความขี้เล่นแอบแฝงแม้แต่น้อย

                   “อย่าทำอะไรบ้าๆน่ายูชอน”

                   “ฮ่าๆๆๆๆๆ….” ยุนโฮไม่ขำด้วย เค้าพันแผลให้เพื่อนเสร็จ ก็รีบเก็บยาใส่กล่องทันที

                   “เสร็จแล้ว คราวหลังอย่าลืมกินยา แล้วก็พกถุงด้วย”

                   “ฉันพกตลอดแหละ กันไว้ เดี๋ยวใครจะท้องขึ้นมา” พูดอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะคิดว่ายุนโฮหมายถึงอย่างนั้นจริงๆไม่ได้มีเสียงเจือความขี้เล่นเลยสักนิด

                   “ไอ้หมายู ฉันหมายถึงถุงกระดาษ ถุงก๊อบแก๊บ อะไรก็ได้ที่มันพอจะรักษาอาการออกซิเจนสูงเกินไปในปอดนายน่ะ!!! ไม่ใช่ว่าต้องให้ฉันผายปอดอีกเหม็นเหล้า!” ยุนโฮเหวใส่

                   “โธ่ๆๆ ที่รัก….ทำอย่างกับครั้งนี้ครั้งแรก ปากของฉันเป็นของนายมานานแล้วนะ อีกสักสองสามครั้งจะเป็นอะไรไป” ไม่แปลกที่ทั้งสองคนจะพูดแบบนี้ได้ เพราะเป็นเรื่องจริง ยูชอนหัวเราะเมื่อเห็นท่าทีขยะแขยงของยุนโฮ

                   “ไอ้บ้า พูดอะไร!! ขนลุก

    ยูชอนหัวเราะ เป็นเรื่องจริงที่เค้ามีอาการออกซิเจนสูงเกินไปเมื่อเกิดอาการเครียด เพราะตั้งแต่วันนั้น วันที่เค้าโดนทิ้ง ยูชอนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เมาหัวราน้ำแทบจะไม่กลับบ้านและไม่เป็นอันทำงาน ยุนโฮรู้ดี ตั้งแต่ก่อนที่ยูชอนจะคบกับจุนฮีหรือแม้กระทั่งคบกันแล้ว

    ยูชอนเป็นคนที่หัวเราะเก่งและร่าเริงเสมอ เป็นคนที่รักเดียวใจเดียวและมั่นคงกับความรัก ถือว่าเป็นผู้ชายแบบเซนท์วาเลนไทน์เลยก็ได้ เค้าบูชาความรักเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งมันมากเกินไป มากพอที่จะทำให้ยูชอนเริ่มมีอาการฝันหลอนและอาการทางประสาท สองสามปีหลังจากที่เลิกกับจุนฮี ยูชอนเข้าโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะเรื่องอาการทางประสาทหรือเรื่องชกต่อยในผับบ่อยๆ ยุนโฮห้ามเค้าไปผับและดื่มเหล้าไม่ได้ จึงขอให้ยูชอนไปได้แค่ที่ Metal ที่เดียวเท่านั้น เพราะซีวอนจะได้ดูแลยูชอนไปด้วยในขณะที่เค้าไม่อยู่ดูแลยูชอน และบ่อยครั้งที่เค้าเกิดอาการเครียดจนสูดเอาออกซิเจนเข้าปอดมากจนเกินไป และทุกครั้งที่เกิดอาการก็ยุนโฮอีกนั่นแหละที่ช่วยเค้าไว้ทุกที

                   “ไอ้บ้า พูดอะไร!! ขนลุก ฉันกลับก่อนล่ะ มีเรื่องที่ต้องทำ”

                   “ไปทำอะไรวะ”

                   “ไปคุยเรื่องธุรกิจนิดหน่อย”

                   “นายลงทุนอะไรหรือไง”

                   “ก็ว่าจะทำธุรกิจเรือ…. เอาให้ใหญ่กว่าธุรกิจเรือของอีจองวอนน่ะ”

                   !!!!!?????” ไอ้บ้านี่ทุกวันนี้งานยังไม่พออีกหรือไงวะ ยูชอนเกาหัวแกรกๆ เออมันคงเริ่มติดเชื้อบ้ามาจากเค้าเองเนี่ยแหละ

    ------------------------------------------------------------------------------------------------


    T[]T!!! เอามาลงช้าเพราะไรเตอร์ติดสอบติดเขียนแลป นู้นนี่นั่น แต่ไม่วาย

    ทุกๆวันก็ต้องมานั่งเขียนฟิคต่อเรื่อยๆ แถมยังต้องหาข้อมูลประกอบการจิ้น

    ขอไรเตอร์เองด้วย ฮ่าๆๆ

                   ตาไก่น่าสงสารจัง T^T บางคนอาจจะคิดว่า เอ.. แค่อักหกถึงขนาดนี้เลยหรอ มีจริงๆค่ะ คนที่โดนทิ้งแล้วจะตายซะให้ได้ (แต่ไรเตอร์ก็ไม่อยากให้ยูชอนโง่ถึงขึ้นฆ่าตัวตาย เอาออกแนวจะขาดใจตายดีกว่า) แล้วคือเรื่องนี้ไรเตอร์ได้คาแรกเตอร์จากตัวยูชอนเองนั่นแหละค่ะ เพราะว่า ยูชอน(ตัวจริงๆ) เป็นคนที่หัวเราะเก่งมีอะไรตลกไม่ได้ พี่แกหัวเราะตัวงอ หัวเราะแบบคอนตินิวอัส ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เลยจะเห็นว่าเรื่องนี้พี่แกยิ้มแล้วก็หัวเราะบ่อยมาก แต่ไรเตอร์คิดว่า ยูชอนน่ะเป็นคนแบบนี้ก็จริงแต่ในใจเหมือนมีอะไรบางอย่างแฝงอยู่นิดๆ ก็เลยเอาตรงนี้มาแต่งค่ะ

    ส่วนจุนซูก็เอาคาแรกเตอร์ของเจ๊แกมาเลย สนุกสนานร่าเริงซุกซน หัวเราะเก่งมีเอกลักษณ์

    ส่วนแจจุงนี่ขอพลิกคาแรกเตอร์ให้หงิมๆหน่อย เพราะต้องยอมยุนโฮตลอด (โดนกดอายุจนเด็กกว่ายุนโฮมากกกก จุนซูด้วย) แล้วยุนโฮนี่คือคิดคาแรกเตอร์เองหมดเลย โหดบ้าง แต่ก็มีความใจดีแล้วก็อ่อนโยนอยู่เยอะ ต้องรอติดตามนะจ๊ะ


    ยังไงช่วงนี้ไม่ค่อยได้เอามาลงนะจ๊ะ เพราะติดสอบ เดือนหน้าคงจะได้ลงอีกตอนเพิ่มจ้า

    ปล.อาจมี NC แต่ขอเม้นเยอะๆหน่อยน้า เพราะ NC เป็นอะไรที่ต้องใช้พลังงานในการแต่งมาก (ฮ่าๆๆๆ) ขอกำลังใจจากรีดเดอร์ทุกคนด้วยน้า ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×