ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Yaoi] Conceal Secret (YunJae,MicXiah)

    ลำดับตอนที่ #2 : บทลงโทษแรก

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ค. 55


    ……….” ช็อคจนพูดอะไรไม่ออก คิมแจจุงหมุนตัวกลับแล้ววิ่งไปยังทางเดิน ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าทางเดินนี้จะพาเค้าไปที่ไหน เสียงฝีเท้าตามมาติดๆ เค้าพยายามคิดว่า เค้าคงคิดไปเองว่าร่างสูงเมื่อกี้คือจองยุนโฮ แต่ตอนนี้การคิดเข้าข้างตัวเองเป็นสิ่งที่ดูจะเป็นไปไม่ได้ มือถือถูกยกขึ้นเตรียมกดเบอร์โทรของจุนซุ แต่ยุนโฮเร็วกว่า เค้าขว้าแขนเล็กบางแล้วผลักให้ติดกับผนังข้างๆ โชคดีหน่อยที่ทางเดินแคบๆนั้น แทบจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆเลย

    นอกจากคิมแจจุง กับจองยุนโฮ

    ตาโตสวยเบิกกว้างเมื่อถูกผลักเข้ากับผนังเย็นเฉียบ

    “คิม-แจ-จุง …………… เป็นนายจริงๆ” ร่างสูงเค้นริมฝีปากทีละคำ แขนสองข้างของร่างสูงถูกวางบนผนัง กั้นไม่ให้ร่างบางหนี

    “ใครอณุญาต ให้นายมาที่นี่!!! นายโกหกฉันว่าไปทัศนศึกษา ไงทัศนศึกษาอะไร ได้เรียนรู้อะไรบ้าง ห๊า!!!” แจจุงสะดุ้งสุดตัว เป็นครั้งแรกที่จองยุนโฮตะโกนใส่เค้าถึงขนาดนี้ ยังไม่นับกับที่ผลักเค้าเมื่อกี้อีกด้วย ร่างสูงไม่เคยทำรุนแรงกับเค้าขนาดนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่ามา ทำให้แจจุงตัวสั่นเทิ้ม

    “เอ่อ เอ่อ….. คือ…. ผม ….. ผม” คิดอะไรไม่ออก ไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะถูกจับได้

    “หรือว่ามาเพราะผู้ชาย? อยากมีแฟนจนตัวสั่นหรือไง?.... เมื่อกี้สนุกไหมล่ะ กับไอ้หมอนั่น ไม่รู้หรือไง หรือแกล้งโง่ สายตาที่มันจ้องมองนายมองไม่รู้หรอ ว่ามันอยากทำอะไร!!!!! ร่างสูงใช้สองมือกำไหล่บางของแจจุงแน่น แจจุงก้มลงต่ำ ไม่อยากมองสายตาที่เกรี้ยวกราดของยุนโฮตอนนี้เลย

    “ฮึกอื๊อ…. ฮึก” คิมแจจุงพยายามกลั้นเสียงสะอื้น ร่างบางตัวโยน เค้าไม่หวังจะให้จุนซุมาช่วยตอนนี้ เพราะหากยุนโฮจับได้ว่ามากับจุนซู เค้ากับเพื่อนรักของเค้าอาจจะไม่ได้ไปไหนด้วยกันอีกแล้ว แม้กระทั่งที่บ้านของจุนซู

    “มองหน้าฉัน คิมแจจุง!!! ตอบมา!!! นายทำแบบนี้ ต้องการอะไร!!!! ถ้านายโดนมอมแล้วถูกลากเข้าห้องจะทำยังไง!!! ว่าพลางชี้ไปตรงทางเดินว่างเปล่า ยุนโฮรู้ดีว่าหากเดินขึ้นไป หรือลงไปข้างล่าง จะเป็นห้องสำหรับรองรับแขกที่ต้องการมาพัก

    “คิดว่าที่ผ่านมาฉันเลี้ยงดูนายอย่างดี…. ถะนุถนอมนายอย่างดี ไม่ให้แปดเปื้อน เพราะอะไร!!!! แรงเยอะขึ้นเรื่อยๆ ร่างสูงเขย่าตัวร่างบางจนตัวโยน แจจุงพยายามใช้มือเล็กๆแกะมือหนาแกร่งที่บีบไหล่เค้าแน่นราวกับคีม แจจุงเบ้หน้าด้วยความเจ็บ น้ำตาไหลเป็นทางด้วยความกลัว ใบหน้าของจองยุนโฮบัดนี้มีแต่ความขุ่นมัว

    “แล้วเพราะอะไรล่ะครับ!!!!” เค้าพูดอะไรออกไป ตอนนี้แจจุงไม่รับรู้แล้ว อารมณ์ ณ ตอนนี้ของเค้า มีแต่คำว่า อะไร ทำไม ไม่เข้าใจ ทำไมต้องทำแบบนี้ แต่ก็ได้ผลทีเดียว ยุนโฮชะงักนิ่ง เป็นครั้งแรกที่แจจุงกล้าเถียงเค้า ร่างสูงตกใจพอที่จะคลายแรงที่มือลงบ้าง

    “เลี้ยงผมไว้ฮึกอย่างกับสุนัขไว้เฝ้าบ้านทำไมล่ะ!! ทำไมผมจะไปเที่ยวที่ไหนอย่างใครๆเค้าบ้างไม่ได้!!! คุณไม่ได้เป็นอะไรกับผมสักหน่อย!!! คุณไม่ใช่เจ้าของชีวิตผมนะ!!! แล้วถ้าผมตายไปมันก็ไม่ใช่เรื่องของคุณด้วย!!!!

    เพี๊ยะ!!!!

    ใบหน้าสวยหันไปด้วยแรงเหวี่ยง สีแดงเรื่อปรากฏบนใบหน้าขาวใส ที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา ดวงตาแดงช้ำมองไปที่ร่างสูง แว๊บนึงยุนโฮเก็บอาการตกใจที่ตัวเองเผลอรุนแรงกับร่างบางไว้ได้อย่างดี ความเงียบปกคลุมคนทั้งคู่ แจจุงสะอื้นหนักขึ้น แต่เพราะเจ้าตัวพยายามกลั้นไว้ จึงดูเหมือนกับร่างบางแค่น้ำตาไหลเพราะความเจ็บที่กระจายบนแก้มซ้าย

    “ผมเกลียดคุณ…..

    “อะไรนะ”

    “ผมเกลียดคุณ คนบ้า!! คนบ้า!!!ๆๆๆ” แจจุงใช้แรงที่มีน้อยนิดใช้มือทั้งสองทุบไปที่หน้าอกของร่างโปร่ง แรงใช่ย่อย ยุนโฮเบ้หน้าด้วยความเจ็บ เค้าดึงมือของแจจุงออก ก่อนที่จะก้มตัวลงให้ไหล่ชนกับท้องของแจจุง ร่างบางรู้สึกเหมือนตัวเบาหวิวขึ้นและกำลังลอย

    “ปล่อยผมนะ!!! ปล่อยๆๆๆๆๆ ไอ้คนบ้า บ้าอำนาจ บ้าพลัง!!! ปล่อยนะ ไอ้หมีบ้า!!!” ไหนๆก็แรงใส่มาซะขนาดนี้แล้ว แจจุงก็ถือโอกาสปล่อยของซะให้หมด ประกอบกับอาการมึนค็อกเทลเล็กน้อย สติสตางค์ก็เลยไม่ค่อยอยู่กับตัวเท่าไหร่นัก ร่างเล็กบางทำได้แค่ทุบไปที่หลังกว้างของร่างสูง ยุนโฮเดินตัวปลิวราวกับไม่ได้แบกอะไรไว้ แจจุงเริ่มอายเพราะได้ยินเสียงคนซิบซุบและมองเค้า จึงทำให้เสียงเจื้อยแจ้วนั่นเบาลงบ้าง

    ร่างบางถูกยัดเข้าไปนั่งบนรถหรูคนเดิมด้วยอารมณ์บูดบึ้ง เสียงสะอึกสะอื้นบัดนี้แผ่วเบาลง ยุนโฮเข้ามานั่งในรถอย่างรีบเร่ง เค้าหันมองร่างบางที่ไม่แม้แต่จะมองหน้าเค้าสักนิด ยุนโฮถอนหายใจแล้วจึงเอื้อมมือไปดึงเซฟตี้เบลท์ของแจจุง แจจุงเบือนหน้าหนี น้ำตาไหลอีกครั้งเมื่อเห็นใบหน้าของยุนโฮอีกครั้ง

    เค้ายอมรับว่าครั้งนี้โกรธยุนโฮเหลือเกิน ยุนโฮตบหน้าเค้า….

    ยุนโฮสังเกตเห็นใบหน้าขาวใสถูกทับด้วยรอยมือสีแดงเถือกของเค้า ทั้งยังมีน้ำที่ไหลจากหางตาของร่างบาง ยิ่งทำให้ยุนโฮรู้สึกผิด เค้ายอมรับว่าตัวเองทำเกินไป แต่ถ้าหากไม่ทำแบบนี้ แจจุงก็จะไม่จำ….

    ร่างสูงเอนตัวกลับมาที่นั่งของตัวเอง เค้าขับรถอย่างใจเย็นกลับบ้าน ไม่นานนักรถคันหรูก็มาจอดที่หน้าบ้านของเค้า แจจุงรีบปลดเซฟตี้เบลท์พลางพยายามดันประตูออก ร่างบางที่ใบหน้าบู้บี้ ตาแดงก่ำ และแก้มแดงเถือกหันมามองค้อนร่างสูงที่กำลังนั่งมองท่าทีของเค้าอย่างใจเย็น

    “ผมจะลง

    “ฉันขอโทษ” แจจุงหันหน้าขวับ ถามตัวเองว่าที่ได้ยินเมื่อกี้เค้าไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม ยุนโฮดูจะใจเย็นขึ้นหลังจากที่ได้คิดในระหว่างขับรถ มีความรู้สึกบางอย่างกำลังรบกวนใจเค้า แต่ทว่าเค้ายังไม่อยากเอามันมาคิดในตอนนี้

    ยุนโฮเอื้อมมือมาจับแก้มของแจจุงแผ่วเบา ทำให้ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วกลับแดงขึ้นไปอีก ร่างบางยิ่งสับสนหนักขึ้น สายตาที่ยุนโฮมองเค้าแจจุงเชื่อว่าถ้าเป็นใครก็ต้องใจอ่อน ยุนโฮมองแจจุงด้วยสายตาที่ห่วงใย แว่บนึงเค้าเหลือบมองไปที่ริมฝีปากแดงอิ่ม เมื่อรู้สึกว่านานเกินไป ร่างสูงชักมือของตัวเองกลับ เค้าปลดล็อคประตู แล้วก้าวขาเร็วๆไปเปิดประตูให้แจจุง คราวนี้ดึงแขนร่างบางอย่างแผ่วเบาเหมือนเดิม แจจุงเดินตามอย่างงุนงง เค้าถูกพาไปนั่งบนโซฟาในห้องของยุนโฮ ร่างสูงหยิบยากระปุกเล็ก เค้าบรรจงแต้มเนื้อยาไปบนแก้มเนียนแรงระเรื่อของแจจุง

    หน้าใกล้กันเกินไปแล้ว…. แจจุงแทบจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ไปเลย ตอนนี้เค้าแทบจะหายใจไม่ออก พยายามไม่คิดไปเองว่าใบหน้าตอนนี้ของยุนโฮมองเค้าด้วยความห่วงใยเหลือเกิน

    เสร็จลงในเวลาไม่นานนัก ยุนโฮก็พาแจจุงกลับห้องไปโดยที่ไม่พูดอะไรอีกเลย ร่างสูงพาตัวเองกลับมาที่ห้องของตัวเองตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะที่สุดที่จะถามว่าตัวเองเป็นอะไร?......

    สิ่งที่ทำลงไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้ไม่ใช่ตัวเค้าเลย….

    แล้วเมื่อกี้ ความคิดที่เค้าอยากจะจูบแจจุง มันมาจากไหนกัน?....

    งี่เง่าจริง จองยุนโฮ มันเป็นไปไม่ได้….

    ร่างสูงนอนลงบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า เฝ้าถามตัวเองต่อเรื่อยๆ ทำไมเค้าถึงโกรธเกรี้ยวนักเมื่อเห็นแจจุงอยู่ที่นั่น….ใช่ ก็ต้องโกรธน่ะสิ ก็ที่นั่นอันตรายยิ่งกว่าที่ไหน สถานที่อโคจรอย่างนั้นไม่เหมาะกับคิมแจจุงที่เค้าเฝ้าถนอมมา ราวกับไข่ในหิน สิ่งที่ดีที่สุดเค้าไม่เคยรีรอที่จะหามาให้แจจุง ถ้าหมอนั่นถูกมอม หรือถูกใครหลอกขึ้นมา เค้าจะทำยังไง? เด็กคนั้นยิ่งหัวอ่อนอยู่ด้วย แล้วยิ่งอยู่กับพวกผู้ชายที่คิดอะไรต่ำๆอย่างนั้น เค้าคิดไม่ออกเลยว่าเค้าจะเป็นบ้าแค่ไหน ถ้าเกิดเรื่องบัดซบพรรค์นั้นขึ้นสิ่งที่ทำวันนี้ดีแล้ว เพียงแค่เค้ารุนแรงไปหน่อยด้วยความฉุนเฉียวชั่ววูบ

    แต่จิตใจที่อยากจะจูบร่างบางนั้นทำให้เค้ายิ่งปวดหัวมากขึ้น ไม่สิ เค้าไม่ใช่แค่อยากจูบ เค้าอยากครอบครองทุกอย่างของร่างบาง อยากสัมผัสผิวงาช้างเนียนสวยนั่น อยากกลืนกินร่างเล็กบางนั่นทั้งหมด ไม่อยากให้ใครเห็น ไม่อยากให้ใครแตะ ราวกับอัญมณีที่ควรจะเก็บไว้ในตู้เซฟ

     

    ความคิดเหล่านี้อันตรายเกินไป….

    เป็นเหตุผลที่เค้าต้องห่างจากร่างบางอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยให้ห่างสายตา…..

    อัญมณีที่สวยงามมักถูกซ่อนไว้ในที่ที่ดีที่สุด….

    เสียเวลากับการเบียดเสียดผู้คนเผื่อที่จะเข้าไปในฟลอร์เล็กน้อย แต่จุนซูก็ไม่ละความพยายามที่จะมองหาเพื่อนรักของเค้าในฝูงชนนั่น หายังไงก็ไม่เจอ คิ้วเล็กๆเริ่มขมมวดเป็นปม สีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด มือถือเป็นสิ่งแรกที่เค้าคิดออก เค้าโทรหาแจจุงอย่างเร่งรีบ ทว่ามีแต่เสียงสัญญาณให้ฝากข้อความเท่านั้น คิมจุนซูก้าวขาเร็วๆไปที่บาร์ที่ซีวอนประจำอยู่ทันที

    “พี่เห็นแจจุงไหม?” น้ำเสียงเจือความกังวล แต่เจ้าตัวเล็กเสียงโลมาก็ยังคิดไปในทางที่ดีว่าแจจุงอาจจะซุกซนเดินเที่ยวทั่วผับนี้ก็ได้ และอย่างน้อยซีวอนก็น่าจะเห็น เพราะเค้าฝากให้ซีวอนมองแจจุงอย่าให้คลาดสายตา ระหว่างที่เค้าไปเข้าห้องน้ำ

    “พี่เห็นคุณยุนโฮแบกเจ้าตัวเล็กนั่นกลับบ้านไปแล้วล่ะ หึหึ” ยกยิ้มแบบเคอะเขินแทนแจจุง ซีวอนรู้จักยุนโฮดี เพราะเค้าเคยร่วมหุ้นกับยุนโฮอยู่บ้าง เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนคนหนึ่ง แต่ไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ เพราะนานๆทียุนโฮจะมานั่งดื่มที่นี่ ส่วนมากเค้าก็สนิทกับปาร์คยูชอนมากกว่า เพราะยูชอนมาที่นี่บ่อยยิ่งกว่าอยู่ที่บริษัทเสียอีก

    “ห๊า!!! ตายๆๆๆ ตายแน่ๆ ฉัน เวรกรรมอะไรเนี่ยยยย!!! โอ๊ยยยย ผมทำแจจุงเดือดร้อนอีกแล้ว โฮฮฮฮฮ” จุนซูโอดครวญ แต่ก็สบายใจขึ้นมาก เค้านั่งบนเก้าอี้ เล็กตรงบาร์ที่ซีวอนประจำอยู่แล้วซบหน้าลงบนโต๊ะไม้หรูเป็นเงาสวยนั่น คิดในทางที่ดี ก็ยังดีกว่าแจจุงโดนฉุดไปเสียอีก

    “ตอนที่โดนดึงไปครั้งแรก พี่เกือบจะวิ่งไปต่อยหน้าหมอนั่นให้แล้วล่ะ แต่พอเห็นหน้ายุนโฮ พี่ก็เลยไม่ได้เข้าไปยุ่งด้วย ดูเค้าจะโกรธมากทีเดียว นานๆทีพี่จะได้เห็นยุนโฮทำหน้าแบบนั้นเหมือนกันนอกจากทำหน้านิ่งๆขรึมๆน่ะนะ” ซีวอนเสริม พลางหยิบค็อกเทลสีสวยวางไว้บนโต๊ะอีกแก้ว

    “นี่ ลุกขึ้นมาดื่มก่อนสิ Wish Vingee ปลอบใจได้ดีนะ อย่าหยิบแก้วผิดล่ะ แจจุงออกจะโชคดีที่มีคนที่รักเค้าขนาดนี้นะ” ซีวอนยิ้มจนแก้มแตกปริ ลักยิ้มอบอุ่นปรากฏบนใบหน้าคมสัน ร่างโปร่งก้าวขาฉับๆเดินไปที่หลังบาร์ ทิ้งให้จุนซูเงยหน้าขึ้นมาแบบงงๆ

    “รักขนาดนี้…. น่ะหรอ…. ?” ทวนคำพูดซีวอนอีกครั้ง แจจุงได้ยินคงจะเขินจนตัวบิดเป็นรูปหัวใจได้ล่ะมั้ง คิดแล้วก็ขำเพื่อนตัวเอง แต่จู่ๆความคิดที่ตัวเองทำให้เพื่อนเดือดร้อนก็พุดขึ้นแทรก ทำให้จุนซูต้องยื่นปากและคอตกอีกรอบ

    “หึๆๆ ฮ่ะๆๆ” ยูชอนหัวเราะเบาๆ เค้าอยู่ห่างจากร่างบางไม่ไกลและไม่ใกล้เท่าไหร่นัก บังเอิญว่าเดินมาแถวนี้แล้วเจอคนน่ารักกำลังทำหน้ายุ่งๆ สักพักก็หัวเราะ เดี๋ยวก็หน้าบูดอีก แล้วก็จะทำหน้าร้องไห้อีก ทำเอาเค้าแทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่ มือที่ถือแก้วเหล้าสีอำพันยกขึ้นจรดริมฝีปาก ร่างเล็กนั่นไม่ได้รู้ตัวเลยว่า อากัปกิริยาที่ตัวเองทำอยู่ในสายตาใครบางคนตลอด ตอนแรกก็ว่าจะเดินผ่านไป ไม่สนใจกับเด็กใจแตกที่แอบมาเที่ยวผับเที่ยวบาร์ดึกดื่น แต่ว่าเห็นสีหน้าเมื่อกี้แล้ว ทำให้เค้าอดใจไม่ไหวที่จะยืนดู และกระทั่งตอนนี้ที่เค้าเดินเข้าไปหาจุนซูที่กำลังมองแก้วค็อกเทลอย่างสับสน

    “คุณจำไม่ได้หรอว่าแก้วไหนของคุณ” ยูชอนพูดพร้อมยิ้มนิดๆ ร่างโปร่งบัดนี้ยืนอยู่ข้างๆจุนซู จุนซูหันมองตามเสียงนุ่มต่ำที่มีสเน่ห์นั่น

    แก้มแดงนิดๆ เมื่อได้เห็นยิ้มที่ทำเอาเค้าแทบจะละลายอยู่ตรงนั้น ก่อนจะตอบออกไปโดยที่ยังเก็บอาการได้ดี

    “พี่ซีวอนทำค็อกเทลให้ผม แต่มันถูกวางคู่กับอีกแก้วนึง ผมจำไม่ได้ว่าแก้วไหน แล้วก็เอ่อชื่ออะไรไม่รู้ เมื่อกี้ผมมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”

    “คุณก็แค่เลือกสีที่คุณชอบสิ คุณชอบสีไหน แดง หรือ สีฟ้า” แก้วค็อกเทลสีแดงสดและสีน้ำเงินเกือบเข้มถูกวางไว้คู่กัน จุนซูมองตามที่ยูชอนบอก พลางใช้ความคิด

    จะแก้วไหนก็กินๆไปเหอะ….

    “ผมชอบสีฟ้า!............อ้า!!! อร่อย” จุนซูพูดเสร็จก็หยิบค็อกเทลสีฟ้าครามมาดื่นพรวดเดียวจนหมด ยูชอนหันหน้าไปอีกด้านหนึ่ง ไม่อยากให้จุนซูเห็นว่าเค้าหัวเราะอยู่

    น่ารัก….

    จุนซูใสซื่อและน่ารัก เด็กคนนี้ทำให้เค้ายิ้มตลอดตั้งแต่ไม่กี่สิบนาทีที่ผ่านมา น่าสนใจ…. บางทีถ้าเค้าจีบจุนซู ก็คงไม่น่าเบื่ออะไร เรื่องเบื่อแล้วจะทิ้งน่ะมันคิดเมื่อไหร่ก็ได้

    “ผมปาร์คยูชอน คุณล่ะ”

    “คิมจุนซูครับ” ยิ้มตาหยีทำให้ยูชอนชะงักไปชั่วครู่ น่ารักอีกแล้วแต่ก็ไม่หลงกลง่ายๆหรอก ยูชอนคิด

    “คุณเรียนที่มหาลัยไหนหรอ ดูคุณหน้าเด็กจัง หรือคุณเรียนมัธยม” ลองเชิงดูสักนิดว่าคนตัวเล็กจะตอบยังไง ยูชอนดูปราดเดียวก็รู้ว่าจุนซุคงเป็นเด็กมัธยมแน่ๆ แล้วก็ได้ผล จุนซูเลิ่กลักตามที่เค้าคาด เดี๋ยวก็ยกมือขึ้นกัดนิ้วตัวเองแล้วก็ขมวดคิ้ว เดี๋ยวก็ทำท่าคิดอะไรออกได้ ขณะนั้นยูชอนก็ได้แต่หัวเราะให้เบาที่สุด

    คิดไม่ออกล่ะสิว่าจะโกหกยังไง

    เด็กคนนี้นี่สนุกจริงๆ

     “ผมเรียนการโรงแรมที่ …..มะ …..มหาลัยโซลครับ!” จัดหรูมาซะด้วย ซวยแล้วสิจุนซูมหาลัยดังขนาดนี้ เกิดคุณยูชอนเป็นศิษย์เก่าขึ้นมาจะทำยังไงล่ะเนี่ยยยยย

    “ว้าว งั้นคุณก็เป็นรุ่นน้องผมสิ! ผมจบคณะนี้ ที่มหาวิทยาลัยนี้พอดีเลย” แกล้งโกหกตอบบ้าง อันที่จริงเค้าจบการโรงแรมที่สวิสฯ แต่การโกหกเล็กน้อยเพื่อจะดูปฏิกิริยาตลกๆของร่างเล็กนี่มันก็คุ้มไม่ใช่หรอ

    “ห๊า!!!!! เอ่อ อ่า ครับ โอ้ เยี่ยมเลย…. แหะๆ” ยิ้มอยู่ แต่หน้าเริ่มซีด อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนั้นเล่า จุนซูผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง  เค้าอยากทุบหัวตัวเองตรงนั้นแล้วก็รีบวิ่งออกไปพร้อมกับบอกว่าขอโทษครับผมโกหก ความจริงผมอายุสิบแปด แต่เค้าทำไม่ได้ ถ้ามีคนในนี้รู้ว่าเค้าอายุสิบแปด ซีวอนอาจจะเดือดร้อนก็ได้ ซึ่งเค้าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นเลย เค้าตึงต้องโกหกไปอย่างนั้น

                   “คุณรู้ไหมว่า ดวงตาของคุณสวยมากเลย” ยูชอนยกยิ้มนิดๆ แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้จุนซูถึงกับหน้าแดงซ่าน เค้าพยายามที่จะเสมองไปทางอื่นเมื่อรู้ว่าร่างโปร่งกำลังมองเค้าราวกับจะกลืนกินเค้าได้ ใจเต้นเป็นส่ำอย่างไม่มีเหตุผลและไม่เคยเป็นมาก่อน มือเล็กกำแก้วค็อกเทลแน่น ตอนนี้เค้าคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้เพราะตัวเองเริ่มเมา หรือเพราะคำพูดเคลือบน้ำตาลของยูชอนกันแน่

                   “เอ่อ อะเอ่อ ครับ ขอบคุณ เอ่อ ผมต้องกลับแล้วลาก่อนนะครับ” จุนซูเหลือบเห็นนาฬิกาบอกเวลาตีหนึ่ง ซึ่งควรกลับได้แล้ว แต่เหตุผลนี้ไม่สำคัญเท่า เค้าทำตัวไม่ถูกในเวลาแบบนี้มากกว่า ยูชอนเงยหน้าขึ้น

                   หึ คิมจุนซู…. ช่างน่าสนใจ น่าแกล้ง และก็น่าทำให้ติดกับ…. 

                   แต่เค้าไม่ใจอ่อนพอที่จะรักใครใดๆบนโลกนี้อีกอย่างแน่นอน

                   ความเจ็บปวดในอดีตสอนให้เค้าแข็งแรงขึ้น แต่ทว่ายูชอนไม่รู้…..

                   ว่าความจริงแล้วสิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้นมาเป็นเกราะกำบังที่มีหนามแหลมไว้ทำร้ายคนอื่น ความจริงมันกลับแทงเข้าไปในใจของเค้าเอง

                   และยูชอนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากหรอก เพราะเค้าทำบ่อยจนชินซะแล้ว แล้วก็อาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

                   “บ้านคุณอยู่ไหนล่ะ ผมจะไปส่ง” ออกตัวก่อน เพื่ออย่างน้อยจะได้ติดต่อกันได้ จุนซูอ้ำอึ้ง ก่อนที่จะตอบ

                   “มะ ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้ ผมให้พี่ซีวอนไปส่ง” น่าเสียดายนิดหน่อย เพราะถ้าได้ไปส่งร่างบางก็จะรู้ว่าบ้านของจุนซูอยู่ที่ไหน เป็นการง่ายที่จะมาเทียวรับเทียวส่งบ่อยๆ

                   “แล้วถ้าอย่างนั้น ผมจะติดต่อคุณได้ยังไงล่ะ”

                   ………เอ่อ” จุนซุทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะวางมือไว้ยังไง ได้แต่กำกระเป๋าของตัวเองแน่น ยูชอนยิ้มมุมปาก เค้าหยิบนามบัตรของตัวเองแล้วยัดใส่กระเป๋าใบนั้นของจุนซู ก่อนที่จะจับมือเล็กของจุนซูขึ้นจูบเบาๆที่หลังมือนั่นอย่างรวดเร็ว

                   “ถ้าถึงบ้านแล้ว ก็โทรมาบอกด้วยนะครับ…………..จุนซู” ตอนนี้จุนซูนิ่งไปขอนไม้ไปเรียบร้อย ได้แต่มองร่างสูงค่อยๆเดินจากไป เค้าเห็นยูชอนตัวเล็กลงเรื่อยๆ จนลับสายตาไป แก้มที่แดงปลั่งยิ่งแดงเข้าไปอีก รอยยิ้มค่อยๆปรากฏบนใบหน้าน่ารัก จุนซุอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่ายูชอนสนใจในตัวเค้ามากทีเดียว คิดได้ไม่นานนักก็ได้ยินฝีเท้าของใครบางคนค่อยๆเดินเข้ามาหาเค้า

                   “จุนซูรอพี่นานไหม” ซีวอนก้าวขายาวๆเร็วๆ ไม่ช้านักจึงมายืนอยู่ข้างๆร่างบาง

                   “ฮะไม่ครับ….ไม่”

                   “นายเป็นอะไร หน้าแดงอย่างกับโดนทาสีมา”

                   “ปะ เปล่านี่….

                   “ฉันเห็นนายคุยกับใคร?”

                   “อ้อ ครับ เราเพิ่งรู้จักกัน” ยิ่งหน้าแดงขึ้นไปอีก แล้วก็อดยิ้มไม่ได้อีกแล้ว ซีวอนรู้ทันทีจากประสบการณ์ที่มากกว่า แต่เค้าเลือกที่จะเงียบก่อน ทั้งคู่ขึ้นรถหรูของซีวอนก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังบ้านของร่างเล็กทันที

                   “นายชอบเค้าหรอกหมายถึง คนที่นายคุยด้วยน่ะ” ซีวอนพูดทำลายความเงียบ ขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัวอยู่ จุนซูกัดปากอย่างใช้ความคิด ไม่กล้าพูดใจง่ายว่าชอบ ทั้งๆที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก แต่ว่าเค้ารู้สึกชอบจริงๆ ตอนนี้ในหัวของร่างบางยังลบภาพของยูชอนออกไปจากหัวของเค้าไม่ได้เลย

                   “อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย แต่พี่รู้จักคนเยอะอย่างเช่นเพื่อนพี่ ปาร์คยูชอน เราไปดื่มกันบ่อยค่อนข้างจะสนิทกัน...นายก็น่าจะรู้ว่า หมอนั่นเป็นเพลย์บอยขนานแท้ แถมยังเอ่อ…. ฉันเป็นห่วงนาย ถึงได้อยากเตือน พี่หมายถึง คนที่มาคุยกับนายอาจจะเป็นคนประเภทนั้น….” จุนซูสะดุ้งเมื่อได้ยินชื่อของยูชอน ซีวอนพูดอย่างกับรู้ว่าเมื่อกี้เค้ากำลังคุยกับใคร ซึ่งเค้าคิดอย่างที่ซีวอนคิดเหมือนกัน ปาร์คยูชอนเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านเพลย์บอยตัวพ่อของวงการ

                   “ครับ….” ใบหน้าน่ารักเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด พยายามยิ้มให้ซีวอนสบายใจ และให้ตัวเองสบายใจด้วย

                   “จุนซู…. นายไม่เคยรักใคร หรือชอบใคร  เพราะฉะนั้นรักครั้งแรก มันทำใจยากที่จะหยุดคิดถึงมัน พี่รู้ แต่พี่ไม่เคยห้ามไม่ให้นายศึกษามันไว้ จะลองคุยกับเค้าก็ได้ แต่พี่จะดูอยู่ห่างๆ             

                   “ครับ” รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย จุนซูยิ้มให้ซีวอนที่ยิ้มกลับมาด้วยรอยยิ้มที่คุ้นเคย ซีวอนเป็นพี่ชายที่ใจดี ปกป้องเค้าได้และรักเค้าจริงๆ ถึงแม้เป็นจะเริ่มต้นจากการที่เป็นเพื่อนบ้านกัน เนื่องจากบ้านเค้าและซีวอนอยู่ติดกันและยังเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเดียวกันอีกด้วย พวกเค้าเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เค้ารักซีวอนราวกับเป็นคนในครอบครับคนหนึ่ง ซีวอนก็เช่นกัน ไม่ว่าร่างบางจะมีเรื่องทุกข์ใจขนาดไหนหรือโดนแกล้งยังไง ไม่เคยมีสักครั้งที่ซีวอนจะไม่เคยช่วยเหลือจุนซูเลย

                   จุนซูพล่อยหลับไปบนรถ ซีวอนจึงสามารถแสดงสีหน้าที่เป็นกังวลได้อย่างชัดเจน ใบหน้าหล่อเหลาตอนนี้ครุ่นคิดอย่างหนัก เค้าไม่ได้บอกจุนซูว่าคนที่เค้าเห็นคือยูชอนที่ยื่นนามบัตรให้ร่างบาง บ่อยครั้งที่เค้าเห็นยูชอนยื่นนามบัตรให้ใครต่อใครมากหน้าหลายตา คืนละไม่รู้กี่ใบ และเค้าก็ไม่เคยเห็นยูชอนอยู่กับใครนานเกินสามวัน และหลายครั้งที่เห็นเพื่อนเพลย์บอยตัวดีของเค้าโดนตบเข้าอย่างจัง ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม จนกลายเป็นเรื่องเคยชิน

                   และที่เมื่อกี้เค้าทำเป็นไม่เห็นว่าเป็นปาร์คยูชอน เพราะจะรอดูปฏิกิริยาของจุนซู และเป็นเช่นนั้นจริงๆ จุนซูเลือกที่จะไม่บอกซีวอน เพราะรู้ดีว่าซีวอนและยูชอนเป็นเพื่อนกัน ถ้าจุนซุบอกเค้า แน่นอนว่าเค้าจะไม่ยอมให้ยูชอนยุ่งกับจุนซูแน่นอน แต่ทำไมซีวอนเลือกที่จะเงียบ ไม่บอกจุนซูล่ะว่าเค้ารู้แล้วว่าที่ร่างเล็กคุยอยู่คือเพื่อนรักตัวแสบของเค้า

                   เป็นเพราะเค้าคิดไม่ถึงและเอ่ยไม่ออกน่ะสิ

                   ก็ไม่คิดว่าคราวนี้จะมาจีบน้องชายของเค้าเข้า

                   ไม่น่าไว้ใจเลยสักนิดเดียว

                   แต่เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของร่างเล็กแล้ว ก็อดที่จะปล่อยไปไม่ได้ เค้าได้แต่เฝ้าดูอยู่ห่างๆคงจะดีกว่ากระมัง

                   แต่ก็ต้องไม่ห่างเกินไป….

     

                   ตอนนี้ดูเหมือนลูกกวางจะเข้าไปอยู่ในถ้ำเสือแล้วทั้งๆที่เสือยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ

    …..

    ------------------------------------------------


    ตาของร่างบางตอนนี้น่าจะหายแดงช้ำจากการร้องไห้แล้ว เงื่อนไขในการลงโทษจากการหนีเที่ยวเพิ่มขึ้น คือเลิกเรียนแล้ว แจจุงจะต้องอยู่ใกล้เค้าตลอดเวลา ไม่ว่ายุนโฮจะทำงานในออฟฟิศ หรือคุยงานที่ไหนก็ตาม แจจุงจะต้องตามไปทุกหนแห่ง การบ้านรึ ก็ต้องเอาไปนั่งทำด้วย หรือแม้แต่จะเล่นเกมส์ ก็ต้องเอาโน๊ตบุ๊คไปด้วย อิสระน้อยลงทุกที แต่กลับได้เจอและได้อยู่กับยุนโฮเกือบตลอดทั้งวัน

                   แจจุงแทบหาข้อเสียจากการหนีเที่ยวครั้งนี้ไม่ไหว เพราะเมื่อก่อนรึ แจจุงอยากตามไปไหนก็ห้ามเสียเหลือเกิน ราวกับรังเกียจ ไม่อยากจะอยู่ใกล้เค้าอย่างนั้นแหละ แต่ตอนนี้นอกจากเวลาเรียน ถ้ายุนโฮอยู่ที่ไหน แจจุงก็ต้องอยู่ที่นั่น เหมือนตอนนี้ที่เค้าเพิ่งกลับมาจากโรงเรียน พ่อบ้านคิมผู้เป็นคนรายงานว่าวันนี้คุณยุนโฮอยู่ที่ไหนบ้าง ก็โทรเข้ามาทันที

                   “คุณชายบอกให้ไปรอที่ห้องครับ”

                   “ปรกติต้องไปออฟฟิศที่ J.E.M ไม่ใช่หรอ ทำไมวันนี้ถึงกลับไปที่บ้านล่ะ”

                   “วันนี้คุณชายต้องไปสัมมนาที่เกาะเชจู คุณแจจุงต้องไปด้วยครับ” เพราะเป็นวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์พอดี เลยไม่มีปัญหา แจจุงยิ้มแทบจะแก้มปริ นานทีรึจะได้ไปเที่ยวครั้งนึง และครั้งนี้ก็ได้ไปกับยุนโฮสองด้วย

                   ทำไมแจจุงจะไม่ดีใจล่ะ !

                   สนามบินตอนนี้คลาคล่ำด้วยผู้คน ทั้งชาวต่างชาติและคนเกาหลีปะปนกัน ยุนโฮหัวเสียนิดหน่อยที่จำเป็นต้องออกกฎลงโทษเพิ่มขึ้นอีกแบบนี้ แจจุงอยู่ใกล้เค้ามากเกินไป แต่ทว่าก็ดีกว่าอยู่ไกลจนดูแลไม่ได้ ร่างบางตอนนี้เดินตามเค้าต้อยๆขึ้นเครื่อง ดีหน่อยที่ได้ Business class ทำให้นั่งสบายขึ้น แจจุงตื่นเต้นกับการขึ้นเครื่องบินครั้งแรก ตั้งแต่มาที่สนามบินอินชอน ยุนโฮยังไม่เห็นสีหน้าอื่นของแจจุงนอกจากจะยิ้มตื่นเต้นตลอดเวลา

                   ซึ่งนั่นก็เกือบทำให้ยุนโฮเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

                   “หยุดทำท่าตื่นเต้นได้แล้ว ไม่อายคนอื่นหรือไง”

                   “ก็ผมขึ้นเครื่องบินครั้งแรก ไม่เหมือนคุณยุนโฮนี่…. ไม่เคยพาผมไปเที่ยวด้วยซ้ำ” ยื่นปากใส่ก่อนที่จะยื่นคอมองที่นอกหน้าต่างต่อ รอยยิ้มสดใสระบายบนใบหน้าสวย ต่างจากยุนโฮตอนนี้ที่ได้แต่ดันแว่นขึ้นเป็นนิสัย ถอนหายใจเบาๆหลังจากที่โดนเหน็บเข้าให้ เราเคร่งครัดมากไปหรือไงนะ

                   แจจุงพล่อยหลับไป จนคอพับไปจนหัวโขกกับกระจก ครางอื้ออือเบาๆจนหน้ามุ่ย จนยุนโฮต้องวางหัวของแจจุงมาซบกับที่บ่าของเค้า สีหน้าของร่างบางดูผ่อนคลายขึ้น ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มนิดๆ ก่อนที่จะดันหน้าให้ซุกเข้ากับไหล่ของร่างสูงเบาๆอย่างไม่รู้ตัว ยุนโฮเกลี่ยผมสีน้ำตาลเข้มของร่างบางที่ระบนใบหน้าให้ทัดกับหูของร่างบางอย่างแผ่วเบา หากใครอยากเห็นสีหน้าที่ต่างจากเดิมของร่างสูงก็ควรถือโอกาสตอนนี้ดูซะ เพราะยุนโฮกำลังทำหน้าอ่อนโยนอย่างที่ไม่รู้ตัวมาก่อน ซึ่งร่างสูงไม่รู้ตัวจริงๆว่าตัวเองทำสีหน้ายังไงอยู่ รู้แต่ว่าถ้ามีใครมาเห็นเค้าตอนนี้จะรู้สึกว่าเค้ามีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

                   ---------------

                   ------------------------

                   -------------

                   ---

                   หลังจากที่แจจุงรอยุนโฮสัมมนาในห้องประชุมของโรงแรมหรูใจกลางเกาะเชจูเป็นเวลาครึ่งค่อนวัน ยุนโฮก็เดินออกมากับเลขาและหุ้นส่วนมากมายที่รายรอบเค้า ยุนโฮพูดภาษาญี่ปุ่นรัวกับคนที่ร่างบางคิดว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่แดนปลาดิบ แจจุงที่ถูกทิ้งไว้ให้รอที่ล็อบบี้ลุกขึ้นพยายามสบตากับร่างสูง แต่ทว่ายุนโฮกลับมองผ่านเค้าไปและพูดคุยกับลูกค้าต่อ แจจุงนั่งลงพร้อมถอนหายใจ ก่อนที่จะโดนดึงมือให้เดินตามไป

                   นี่หลังของยุนโฮแน่นอน แจจุงจำได้ดี รอยยิ้มถูกแต่งแต้มบนใบหน้าสวยทันที ยุนโฮถอดแว่นออกแล้วเสียบมันไว้กับกระเป๋าสูทอาร์มานี่สีกรมท่า

                   “ขึ้นรถสิ”

                   “เราจะไปไหนกับครับ คุณยุนโฮ” แจจุงแทบจะถามทันทีที่ขึ้นรถ ยุนโฮปิดประตูรถก่อนที่จะใช้มือกดที่ขมับเป็นการคลายดวงตาที่ปวดร้าวมาทั้งวันจากการเพ่งหน้าจอมอนิเตอร์ 

                   “ไปห้างสาขาของเรา วันนี้มีปาร์ตี้กลังประชุมใหญ่ ฉันจะแนะนำนายให้ทุกคนรู้จักในฐานะลูกพี่ลูกน้องของฉัน”

                   “ปาร์ตี้ หรอครับ” แจจุงทวนคำตอบ พยายามไม่คิดมากกับคำว่าลูกพี่ลูกน้อง

                   ไม่นานนักก็ถึงที่หมาย ยุนโฮก้าวขายาวๆเร็วเสียจนแจจุงตามไม่ทัน ยุนโฮหันหลังมองร่างบางที่กำลังวิ่งตามจนหอบ นึกรู้สึกผิดเล็กน้อย เพราะเดินกับพวกพนักงานจนชิน ยุนโฮจับมือของแจจุงขึ้นอย่างแผ่วเบา

                   “ทีนี้โอเคหรือยัง”

                   แค่นี้ก็พอจะทำให้แจจุงใจเต้นจนแทบจะหลุดออกมาจากอก ยุนโฮเดินช้าลง แต่ทว่ามือเรียวสวยกระชับมือเล็กของแจจุงมากขึ้น แจจุงพยายามแล้ว แต่ก็อดจะยิ้มบางๆไว้ไม่ได้ นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้จับมือกันไว้แบบนี้ แจจุงไม่ได้คิดอะไรนอกจากจะพยายามจดจำสัมผัสนี้เผื่อจะได้เอาไปนอนหลับฝันให้คืนนี้เป็นคือที่เค้าในดีที่สุด แต่เวลาช่างสั้นนัก ยุนโฮปล่อยมือของร่างบางก็ที่จะหยิบสูทตัวเล็กมาทาบกับตัวของแจจุง ตัวนี้รู้สึกไม่เหมาะ ก็แขวนเก็บไว้ ตัวนั้นรู้สึกว่าน่าจะดี ก็ไล่คนตัวเล็กเข้าไปในห้องลองเสื้อ

                   ลองอยู่ห้าหกตัวทีเดียว จนได้สูทสีดำสวยหรูตัดกับผิวขาวนวลของแจจุง นอกจากชุดแล้ว นาฬิกาโรเล็กซ์สุดหรูก็ถูกนำมาทาบเปลี่ยนหลายครั้ง ทุกสิ่งที่ร่างสูงทำแจจุงไม่ได้ใส่ใจว่ายุนโฮจะเลือกอะไรให้เค้าเลยสักนิด สิ่งที่แจจุงทำอย่างเดียวคือมองใบหน้าหล่อคมของยุนโฮ

                   อยากหยุดเวลาไว้ที่ตรงนี้จริงๆ

                   ความรู้สึกดีผ่านไปเร็วเหมือนลมเย็นๆที่ผ่านตัวเรา

                   เราหยุดให้ลมอยู่กับเราตลอดไม่ได้ แต่ตักตวงเอาความเย็นที่มีทั้งหมด ณ วินาทีนั้นได้

                   แจจุงคิดว่าเค้าทำได้ดีเลยทีเดียวล่ะ….

     

                   นานเท่าไหร่แล้วที่จุนซูจ้องมองกระดาษเล็กๆเท่ากำมือใบหนึ่งตรงหน้า

                   ถ้าเค้าจ้องมันนานอีกหน่อย….ร่างเล็กคิดว่าแทบจะกินมันแทนข้าวได้เลยล่ะ

                   จุนซูขมวดคิ้ว แล้วก็ยิ้ม แล้วขมวดคิ้ว สลับไปมาอยู่สองอย่าง เมื่อวานเค้าไม่ได้โทรบอกยูชอนว่าถึงบ้านแล้ว เพราะเค้าเพลียพอที่จะลืมทุกสิ่งอย่างและล้มตัวลงนอนทันทีที่ถึงบ้าน ร่างเล็กกดโทรออกหลายครั้งแล้วก็กดวางสายทุกครั้งไปจนชางมินเริ่มลำคาญ

                   “คิดถึงเค้าก็โทรไปเลยเซ่ ไอ้บ้าหน้าบวม”

                   “ก็ มันไม่กล้านี่ไม่เอาๆ แต่ก็อยากโทรไป นะ แต่…. อ๊า ไม่ดีหรอก ทำไงดีล่ะ” จุนซูหน้ามุ่ย เค้าซบลงนอนบนโต๊ะ ชางมินยกลาเต้ขึ้นดื่มแล้วส่ายหัว

                   “งั้นฉันจัดการเอง” วางแก้วแล้วก็หยิบมือถือของจุนซูกดโทรออกเรียบร้อย

                   “เฮ้ยยยยยย!! ไอ้บ้า ไอ้ชางมิน!!...

                   “เค้ารับแล้วแหน่ะ ฮิๆ” หัวเราะเบาๆแบบผู้ชนะ ก่อนที่จะหยิบโดนัทขึ้นมากัดต่อ ร้านโดนัทวันนี้คนไม่เยอะมาก คนตะกละอย่างชางมินจึงไม่ต้องต่อแถวรอนานที่จะซื้อมากินเป็นตั้งๆ จุนซูทำตัวไม่ถูก ก่อนที่จะรับมือถือมาจากชางมิน

                   “ครับผมจุนซูครับ”

                   “เมื่อคืนหลับสบายดีนะครับ คุณจุนซู”

                   “ครับผมไม่ได้โทรบอกคุณ ขอโทษทีนะครับ”

                   “เปลี่ยนคำขอโทษเป็นอย่างอื่นได้ไหมล่ะครับ”

                   “อ่อ …. เป็นอะไรล่ะครับ”

                   “ไปเดทกัน”

                   !!!!!!!!!!

     

                  

    ยูชอนกดวางโทรศัพท์และเมมเบอร์ของร่างบางเอาไว้ เค้าครุ่นคิดเล็กน้อยว่าคนอย่างจุนซูจะต้องใช้เวลาจีบเท่าไหร่ ทั้งๆที่การจะมีสัมพันธ์กับใครสักคน ยูชอนไม่เคยต้องลงทุนลงแรงอะไรเลย และความสัมพันธ์ก็ไม่ได้ยาวนานเกินหนึ่งวันด้วยซ้ำ นานที่สุดน่ะหรอ ก็คงจะสามสี่วันได้กระมัง แต่จุนซูเป็นเด็กที่ไม่ประสา หรือถ้าคิดในแง่ลบหน่อยก็คงเป็นเพราะว่าจุนซูเสแสร้งแกล้งอินโนเซนส์เสียจนเค้ายังเกือบหลงเชื่อสนิท แต่จากการที่ได้พบผู้คนมามากมาย ทำให้เค้าเกือบจะมั่นใจอย่างหลังเสียมากกว่า

     

    ----------------

    --------

    ----

    รู้ตัวอีกทีก็อยู่ที่โรงหนังแล้ว จุนซูยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าโรงหนังของห้างหรู เค้าไม่ทันคิดเลยว่าจะต้องมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้น เหมือนกับฝันก็จริงที่คนอย่างคุณยูชอนผู้โด่งดังขอเค้าเดท ทั้งๆเพิ่งรู้จักกันได้สองวัน

    นายมันใจง่ายจริงๆคิมจุนซู!!! ว่าแล้วเขกหัวตัวเองหลายๆรอบ

                   “ฮ่าๆๆๆๆๆ” ยูชอนที่ยืนมองอยู่สักพักถึงกับหัวเราะเสียงดังจนร่างบางได้ยิน

                   “คุณมักจะหัวเราะ หรือเศร้า แล้วก็ทำร้ายตัวเองสลับกันอยู่บ่อยๆหรอ” ยูชอนพูดไปหัวเราะไป จุนซูได้แต่หัวเราะแห้งๆ

                   หนังจบแล้ว วันนี้เป็นวันที่จุนซูมีความสุขมากที่สุดในรอบปี ยูชอนน่ารักและเทคแคร์เค้าดีมากจนบางครั้งก็รู้สึกเกรงใจ หนังน่ะ ดูไม่รู้เรื่องหรอก เพราะมือหนาใหญ่จับมือของเค้าไว้ตลอดเวลา หนังเป็นแนวโรแมนติกคอมเมดี้  มีฉากจูบทีไร จุนซูก็ได้แต่ก้มหน้างุดหน้าแดงซ่าน ยูชอนได้แต่หัวเราะกว้างจนคนอื่นมอง จนจุนซูต้องเอาป๊อปคอร์นยัดปากยูชอนไปหลายที

                   หนังจบแล้ว ทั้งคู่เดินออกมาจากโรงหนัง โปรแกรมต่อไปที่ยูชอนวางไว้คือซื้ออาหารไปทำที่คอนโดของยูชอน จุนซุได้ยินดังนั้นก็ตกใจจนร่างสูงสังเกตได้

                   “ว่าไงกลัวว่าผมจะทำอะไรคุณหรอ”

                   “เปล่าฮะ! แต่จะดีกว่าถ้าไปทำที่บ้านผมนะ วันนี้ผมอยู่บ้านคนเดียว” จุนซูพูดเลี่ยง ยูชอนนึกเขา เด็กคนนี้ฉลาดซะจริง ก็ดีเหมือนกัน เพราะเค้าจะได้รู้จักคนตัวเล็กให้มากกว่านี้ เผื่อจะทำให้อะไรๆมันง่ายๆขึ้นก็ได้

                   ---------------

                   ------------------------

                   -------------

                   ---

                   “ตอนที่ผมอยู่เมืองนอกผมทำอาหารทานเองบ่อยๆ” ยูชอนพูดขึ้นในขณะที่เค้ากำลังหั่นเห็ดอยู่ จุนซูได้แต่มองยูชอน เพราะเค้าทำเป็นแต่อาหารเกาหลี ยูชอนบอกว่าอยากทำคาโบนาร่าให้ทาน เพราะเป็นอาหารมื้อแรกที่ทำทานเองที่สวิสเซอร์แลนด์ (ยูชอนบอกจุนซูว่าต่อโทการโรงแรมที่สวิสฯ)

                   “ผมอยากลองทำบ้างงงง” อ้อนเหมือนเด็กๆ (เป็นเด็กจริงๆนี่นา) ยูชอนยิ้มมองด้วยความเอ็นดู เผลอลืมไปแป๊ปนึงว่ากำลังหลอกจีบเด็กอยู่       

                   “ได้สิ แต่ผมให้คุณปอกเปลือกมันฝรั่งเอานะ ทำเป็นหรือเปล่า”

                   ……” ส่ายหน้าเล็กๆจนผมสีน้ำตาลหนานุ่มกระจาย ยูชอนยิ้ม เค้าหยิบมีดให้จุนซุถือแล้วโอบร่างเล็กจากด้านหลัง เค้าจับร่างเล็กให้ปอกเปลือกตามมือหนาของเค้าเอง ราวกับแม่ที่สอนลูกเขียนตัวหนังสือครั้งแรก ตัวของยูชอนใหญ่พอที่จะโอบร่างเล็กบางของจุนซูมิด

                   “เป็นไง ไม่ยากใช่ไหมผมทำจนปอกได้ไม่ขาดเลยนะ เชื่อไหม” ยูชอนเอี้ยวตัวมองร่างบางที่อยู่ข้างหน้าเค้า ตกใจนิดหน่อยที่เห็นว่าจุนซูหน้าแดงจนเหมือนจับไข้

                   “จุนซูๆ คิมจุนซู!!

                   “โอ๊ย!!” เผลอกดมือแรงไปหน่อย มีดเล็กๆแต่แหลมคมจึงกดเข้ากับเนื้อบางของร่างบางเข้า เลือดซึมออกแต่ไม่มากเท่าไหร่นัก  ยูชอนรีบฉวยมือของจุนซุขึ้นมาแล้วกดริมฝีปากอิ่มเข้ากับปลายนิ้วโป้งของร่างบาง จุนซูห่อตัวเค้าพยายามดึงนิ้วออกแต่ทว่าคนร่างสูงกลับกำมือของเค้าไว้แน่น เมื่อยูชอนเงยหน้าขึ้น จึงสบตาเข้ากับร่างบางพอดี เค้าไม่รู้ตัวหรอกว่าทำอะไรลงไป และเค้าเสียใจจริงๆที่จุนซูเลือดออก จุนซูหลุบตาลงต่ำ เค้าไม่กล้ามองยูชอนในเวลานี้ สายตาที่ยูชอนมองเค้าในตอนนี้มันทำให้เค้าใจเต้นรัวอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าของยูชอนค่อยๆเลื่อนเข้ามาใกล้ๆ จุนซูรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เค้าเอี้ยวตัวหลบอย่างรวดเร็ว

                   “อ๊ะ!! สตูว์จะเดือดแล้วล่ะฮะ คุณยูชอน ว้าวววว สีน่าทานเชียว” ยูชอนนิ่งไปสิบวินาที โอกาสแบบนี้ไม่มีใครสามารถหนีเค้าได้แน่นอน จุนซูเป็นคนแรกที่ขัดขืนจากจูบของเค้า ว้า น่าเสียดายจริง เพราะริมฝีปากชมพูระเรื่อเมื่อกี้อยู่ใกล้เค้าแค่เอื้อม ยูชอนจินตนาการไม่ออกเลยทีเดียวว่าถ้าได้ลิ้มลองผลไม้สุกปลั่งเมื่อครู่จะมีความสุขเพียงใดหนอ

                   อาจจะเป็นผลไม้ในป่าต้องห้ามก็ได้ ถึงได้เด็ดยากเด็ดเย็นแบบนี้น่ะนะ

                   แต่ไม่เป็นไรหรอกน่า

                   เค้าไม่ใช่อดัมกับอีฟที่นา….

                   ถึงจะลิ้มลองสักครั้งไม่ได้……

     

                   งานเลี้ยงออกจะน่าเบื่อทีเดียว คิมแจจุงหลบมุมมายืนถือแก้วน้ำอัดลมอยู่ตรงระเบียงของโรงแรมห้าดาวใจกลางเกาะเชจู วันนี้แจจุงไม่รู้เหมือนกันว่าดาวสวยแตกต่างจากคืนอื่นหรือเปล่า เค้าเงยหน้ามองฟ้าก็จริง แต่ทว่าไม่ได้นั่งมองดาวอย่างตั้งใจเหมือนคืนอื่นๆ แต่เรื่องที่ร่างบางกำลังคิดกลับเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้มากกว่า

                   แม้แต่ค็อกเทลสักแก้วก็ไม่ได้….

                   “นายยังเด็กอยู่ ดื่มน้ำอัดลมนั่นแหละ…. อย่าริจะดื่มแอลกอฮอล์เชียวนะ!” แจจุงเอ่ยเลียนแบบเสียงทุ้มต่ำและดูวางอำนาจของยุนโฮ พลางยื่นปากเมื่อคิดถึงคำว่ายุนโฮมักจะย้ำเค้าเสมอว่าเค้าเป็นเด็ก

                   “เด็กๆๆๆๆๆๆ อะไรก็ยังเด็กอยู่นั่นแหละ! ฉันจะอายุ 19 แล้วนะ อีกสอบปีก็บรรลุนิติภาวะแล้ว ชิ! ตาคนบ้างานหอบฟาง หน้ามุ่ย ยิ้มไม่เป็น โธ่เอ้ยยย แค่ค็อกเทลแก้วเดียวไม่ทำให้ตายหรอก ตาบ้า! พอใจแล้วก็ยกโค้กขึ้นดื่มจนเกือบหมด คงจะหมดภายในรวดเดียวถ้าไม่มีใครพูดแทรกขึ้นมา

                   “พูดถึงใครหรอ”

                   น้ำโค้กแทบจะพุ่งออกจากปาก เมื่อเห็นร่างโปร่งในชุดสูทดูดียืนถือแก้วแชมเปญทรงสูงอยู่ตรงหน้า อีมินโฮเดินเข้ามายืนข้างๆร่างบางที่กำลังเช็ดน้ำที่ยังเปื้อนตรงริมฝีปากเล็กน้อย

                   “นี่นายแอบฟังฉันพูดหรอ”

                   “แอบฟังหรอ? ผมนั่งตรงระเบียงนี่นานแล้ว มาก่อนคุณอีก” ร่างสูงเอ่ย เสียงพูดเจือความอารมณ์ดีตามแบบฉบับของเค้า

                   “บ้าหรอที่นี่ไม่มีที่นั่งนะ นายจะไปนั่งตรงไหน”

                   “ก็นั่งตรงระเบียงน่ะสิ อ้อ อีกอย่าง ผมอายุ 18 แล้ว พอๆกับคุณนั่นแหละ เอ.. ใช่ไหม ก็เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณอายุ จะ 19 แล้วนี่นา”

                   “นี่!!! ได้ยินหมดเลยใช่ไหม! ตั้งแต่

                   “ก็ตั้งแต่นายยังเด็กอยู่ ดื่มน้ำอัดลมนั่นแหละ……….. แต่หลังจากนั้นก็ยาวมากเลย ผมแทบจะจำไม่ได้หรอก ว่าแต่ไอ้บ้ายิ้มยากนี่ใครหรอ”

                   “นายยยย!!!...นายนี่มัน

                   “หยุดเรียกผมว่านายดีกว่า ผมชื่ออีมินโฮ สวัสดีครับ คุณคิมแจจุง”

                   “นายรู้จักฉันได้ยัง

                   “คิมแจจุง!!!” เสียงที่คุ้นเคยแทรกบทสนทนาดุเดือด(หรือดุเดือดในแบบที่แจจุงคิดไปเองคนเดียวมากกว่า) ยุนโฮแหวกผ้าม่านสีฟ้าที่ปิดวิวยามค่ำคืนของระเบียงไว้เกือบครึ่งนึงเพื่อให้เห็นร่างบางชัดเจนขึ้น

                   “ใครน่ะ

                   “ผม อีมินโฮครับ คุณใช่ตาบ้ายิ้มยา……” แจจุงมือไวกว่าคำพูดหยาบคายจะหลุดออกมา เพราเค้าตัวเล็กกว่ามากทำให้ต้องยืนมือขึ้นสูงหน่อยเพื่อที่จะอุดปากกวนบาทาของร่างโปร่งที่เค้าเพิ่งรู้จักเมื่อกี้ อีมินโฮปัดมือออกเบาๆ

                   “เพิ่งรู้จักเมื่อกี้นะครับ คุณยุนโฮมีอะไรหรอครับ” ยุนโฮเสมองไปที่มินโฮแว๊บนึง ก่อนที่จะคว้ามือร่างบางแล้วก้าวออกไปจากระเบียงเร็วๆ

    “อ๊ะ!” แจจุงเซเพราะแรงดึงจากร่างสูง อีมินโฮยิ้มจนแทบจะหัวเราะออกมา

                   สองคนนี้ทำตัวแปลกๆจริงๆ….

                   เค้ารู้หรอกน่าว่าร่างสูงใบหน้าดูอมทุกข์เมื่อกี้ คือจองยุนโฮ เจ้าของ J.E.M และธุรกิจต่างๆมากมาย

                   และรู้ด้วยว่าสายตาที่ยุนโฮมองเค้าเมื่อกี้…. แม้จะระยะเวลาสั้นๆ แต่เค้าก็รู้ว่าหมายถึงอะไร

                   เป็นสายตาที่ผู้ชายด้วยกันจะรู้ดี

                   ว่า “ของๆข้าใครอย่าแตะ”…..แต่ดูเหมือนเจ้าของสายตาคู่นั้นจะรู้ตัวเลยสินะ….

                   อีกคนก็รักอีกคน ส่วนอีกคนก็รักอีกคน…..

                   แต่ไม่มีใครรู้อะไรเลยสักคน…..

                   “ว้าคุณยุนโฮครับ อย่างนี้คนน่ารักๆแบบแจจุงก็ต้องอกหักแย่…. แต่………..ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเหอะ เพราะถ้าคุณไม่คิดจะรักคิมแจจุงล่ะก็………………

                   ผมก็ไม่เกรงใจล่ะนะ”

                   -----------------------------------------

                   ----------------

     

                   ----------------------------

     

                   ----------

                   มือถูกบีบแรงเสียจนแจจุงต้องนิ่วหน้า แจจุงกำลังคิดว่าเค้าจะอ้างอย่างไรดีที่หนีงานเลี้ยงไปหลบตรงระเบียง ซึ่งยุนโฮไม่ได้สนใจเรื่องนั้นมาก เค้ารู้ดีว่างานเลี้ยงน่าเบื่อจริงๆ คุณหญิงคุณนายก็เอาแต่อวดสร้อยเพชรราคาเหยียบล้าน ส่วนพวกนักธุรกิจแก่ๆก็เอาแต่คุยเรื่องหุ้น ร่างสูงสังเกตุร่างบางตลอดและรู้ว่าคนตัวเล็กของเค้าไปยืนทำหน้ามุ่ยที่ระเบียงอยู่นาน เกือบจะเดินไปบอกแล้วว่าให้รออยู่ที่นั่น ถ้าไม่ติดว่าคุณนายจองอยากเจอทั้งแจจุงและยุนโฮ และก็ต้องตกใจนิดหน่อยที่เห็นแจจุงอยู่กับคนที่เค้าเคยเห็นหน้าในวงการธรุกิจก็จริง แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว เค้าจำได้ว่าเป็นอีมินโฮลูกชายของอีจองวอนเจ้าของธุรกิจเรือขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ที่เค้าถามแจจุงว่า “ใคร” อาจจะไม่ได้อยากรู้ว่าอีมินโฮเป็นใคร แต่น่าจะอยากรู้ว่า “เกี่ยวข้องอะไรกัน” มากกว่า

                   ยุนโฮรู้สึกหัวเสียอย่างบอกไม่ถูก พยายามคิดว่าน่าจะเป็นเพราะว่าเค้าห่วงร่างบางเสียมากกว่า แต่ตอนที่รีบดึงข้อมือของแจจุงออกไปนั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยากรีบพาแจจุงไปหาคุณนายจอง หรือเป็นเพราะอยากขัดบทสนทนาของทั้งสองคนนั้นมากกว่า

                   ถ้าใครได้อยู่กับยุนโฮตอนนี้คงจะอดพึมพำไม่ได้ว่าคนๆนี้ช่างไม่รู้ตัวเสียเลย

                   คุณนายจองยิ้มกว้างเมื่อเห็นทั้งสองเดินมาพร้อมกัน ข้างๆหญิงชราใจดีคนนี้เป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยและดูอ่อนต่อโลก เธอหลบอยู่ด้านหลังของคุณนายจองอย่างเหนียมอาย หญิงชราสวมกอดแจจุงอย่างอบอุ่น ร่างบางกอดตอบทำให้มองเห็นหญิงสาวชัดมากขึ้น แว๊บหนึ่งแจจุงคิดว่าเค้าเห็นหญิงสาวหน้าตาหน้ารักคนนี้ มองเค้าอย่างจงเกลียดจงชัง แต่ทว่าตอนนี้กลับยิ้มให้เค้าราวกับเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                   “เป็นไงลูกกกก ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน เซอร์ไพร์ไหม? ป้าเพิ่งกลับมาจากเมืองจีนเมื่อวานนี้เองพาสาวสวยมาด้วยยยย ว่าไง ยุนโฮ ลูกจำน้องได้ไหม”

                   “ครับ?” มองหน้าแม่ของตัวเองแบบงงๆ เมื่อกี้ที่จากกันมา คุณนายจองยังยืนอยู่คนเดียวอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับพาผู้หญิงที่เค้าคิดว่าไม่น่าจะรู้จักมา และทำท่าสนิทสนมเสียจนเค้ายังสงสัย ตอนนี้หญิงสาวที่มีดวงตากลมโตแก้มแดงปลั่ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธออาย หรือแก้มที่ถูกปัดด้วยบรัชออนจนแดงเถือกกันแน่ แจจุงเริ่มรู้สึกว่ากิริยาของเจ้าหล่อนดูจะแปลกๆมากขึ้น

                   “จางเฮริมไง ลูกของเพื่อนแม่ ที่เธอสองคนเคยเล่นกันตอนเด็กๆ จำไม่ได้หรอฮิๆ เนี่ยเธออายุ 25 แล้วนะ อีกไม่นานก็ออกเรือนได้แล้ว ลูกน่าจะทำความรู้จักกับว่าที่คู่หมั้นของลูกหน่อยนะ ยุนโฮ”

                   แจจุงนิ่งราวกับถูกกระแสไฟฟ้าอ่อนๆช็อตเข้าที่สมอง สายตามองไปที่หญิงสาวที่ยิ้มหวานให้กับจองยุนโฮ สักพักจึงมองไปที่ใบหน้าคุ้นเคยของร่างสูง ยุนโฮก็ตกใจไม่น้อยไปกว่าแจจุงเช่นกัน

                   “คุณแม่ครับ ผมเข้าใจว่าคุณแม่อยากให้ผมแต่งงาน แต่นี่เราเพิ่ง…. ความจริงยุนโฮอยากจะดึงตัวคุณนายจองไปจากตรงนี้และคุยให้รู้เรื่องเสียเลยว่าเค้าไม่ต้องการแต่งงานในตอนนี้ แต่ว่าเค้ามีมารยาทกับแขกของคุณแม่ดีพอที่จะทำเช่นนั้น

                   “ก็ทำความรู้จักไปก่อนก็ได้นี่จ๊ะ ไม่ต้องรีบร้อนหรอก แต่คุณหนูจางน่ะ เค้าอยากเจอลูกนานแล้วนะ ยังไงก็คุยกันไปก่อนแล้วกัน ส่วนแจจุงมากับป้ามา เดี๋ยวป้าจะพาไปรู้จักเพื่อนๆของป้านะ”

                   “เห? ครับ?” เมื่อกี้คุณนายจองพูดว่าอะไรนะ แจจุงไม่ค่อยได้ยิน หรืออาจจะได้ยิน? แจจุงไม่แน่ใจ

                   “เราปล่อยให้สองคนนั้นเค้าคุยกันเถอะนะ จะได้ไม่เป็น กอขอคอไง” คุณนายจองกระซิบ ยิ่งทำให้หัวของแจจุงตื้อเข้าไปอีก การสนทนาแนะนำตัวของเค้าให้กับเพื่อนๆของคุณนายจองรู้จักเป็นไปอย่างน่าเบื่อ ซึ่งแจจุงก็ถามคำตอบคำ และฝืนยิ้มทั้งๆที่เค้าไม่มีอารมณ์ที่จะหน้าชื่นตาบานกับใครได้ในเวลานี้ ร่างบางอยากกลับไปที่บ้านในตอนนี้และซบหน้าลงกับหมอน ร่างบางรู้ดีว่าคุณนายจองมักจะหาคู่ดูตัวให้กับยุนโฮมากมาย ซึ่งตอนแรกๆแจจุงกังวลเป็นอย่างมาก ถึงขั้นนอนไม่หลับทุกครั้งที่ยุนโฮไปดูตัว แต่เพราะว่าทุกครั้งที่ดูตัวกลับมา แจจุงจะแอบเห็นร่างสูงรายงานให้คุณนายจองฟังเสมอว่าคนที่ไปดูตัวด้วยนั้น ทุกคนล้วนแต่ไม่ตรงตามใจของร่างสูงทั้งสิ้น แจจุงจึงวางใจและชินกับการที่ยุนโฮไปดูตัวทุกๆครั้ง

                   แต่ทว่าคราวนี้ไม่เหมือนกัน คุณนายจองไม่เคยพาใครมาให้รู้จักต่อหน้าต่อตาทั้งต่อหน้าคุณนายจองและเค้าเลย อีกทั้งยังบอกว่าเป็นว่าที่คู่หมั้น แจจุงไม่สบายใจเลย เค้าพยายามไม่มองไปที่สองคนที่กำลังคุยกันอีกฝั่งของห้อง

                  

                   “ขอโทษครับ แต่เราเคยรู้จักกัน

                   “พี่จำฉันไม่ได้หรอคะ ฉันเฮริม เด็กที่พี่ไม่เคยสนใจ ทั้งๆที่พยายามจะเล่นด้วย แต่พี่ก็บอกว่า เธอน่ารำคาญอย่ามายุ่งกับฉัน ฮิๆๆ แต่ฉันไม่โกรธหรอกค่ะ เพราะฉันชอบพี่มาก” หญิงสาวบิดตัวด้วยความเขินอาย แต่ยุนโฮกลับนิ่วหน้าเพราะผู้หญิงที่ถูกเค้าพูดแบบนั้นมีหลายคนจนเค้าจำไม่ได้ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าผู้หญิงพวกนั้นน่ารำคาญจนไม่น่าจดจำเสียมากกว่า

                   “ขอโทษนะครับ แต่ผมจำไม่ได้ ส่วนเรื่องที่คุณแม่ผมพูดอย่าไปถือสาเลยนะครับ คุณแม่เค้าคงแค่พูดเล่นๆ”

                   “แต่ฉันถือสานะคะฉันอยากแต่งงานกับคุณ” ท่าทีต่างจากหญิงสาวใสซื่ออินโนเซนส์เมื่อกี้ลิบลับ ตอนนี้มีแต่หญิงสาวที่พูดจาตรงไปตรงมาชัดเจน ยุนโฮถอนหายใจ เค้ายกมือขึ้นกุมหัวแล้วลูบหน้าลงมาถึงปลายคาง ร่างสูงกำลังคิดคำที่สุภาพพอที่จะปฏิเสธจางเฮริม

                   “ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ เราก็แค่ ไปเดท ทานข้าวด้วยกัน สักเดือนนึง เสร็จแล้วก็ค่อยหมั้น แล้วก็แต่งงาน? ลงตัวเลยนะคะ”

                   “นี่คุณ” ยุนโฮหยุดพูดกะทันหัน เค้าหยิบมือถือที่กำลังสั่นอย่างบ้าคลั่งจากกระเป๋ากางเกงของเค้า

                   “ยุนโฮลูกกกกก ส่งน้องกลับด้วยนะ ส่วนแจจุงแม่จะไปส่งเอง แม่บอกเฮริมแล้วล่ะ แม่ยังคุยธุระอีกนิดหน่อย แต่ตอนนี้ดึกมากแล้ว ไปส่งน้องหน่อยนะลูก นะจ๊ะๆ แค่นี้ล่ะ รักลูกนะ”

                   พูดเองเออเองพร้อม ตามสไตล์ของคุณนายจอง ต้องพูดเร็วๆรวดเดียวจบ ถ้ารู้ว่าจะโต้แย้งอะไรลูกชายของตัวเองไม่ได้ ยุนโฮส่ายหน้า แต่ก็แค่ไปส่ง

                   “คุณแม่ให้ผมไปส่งคุณ โรงแรมของคุณอยู่ไหน”

                   ----------------------------------

                   -------------------

                   ----

                   แจจุงถูกบอกให้มารอที่รถของคุณนายจองนานแล้ว เค้าถอดเสื้อสูทที่น่าอึดอัดนั่นออก ใบหน้าสวยหวานไม่มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าเหมือนเคย เค้าครุ่นคิดเกี่ยวกับหญิงสาวคนเมื่อกี้ จางเฮริม…. เธอไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาเหมือนผู้หญิงคนอื่นที่เข้ามาในชีวิตของร่างสูง ภาพที่ทั้งสองคุยกันยังวนเวียนในหัว เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้แจจุงกลัว…. กลัวว่าจะเสียยุนโฮให้หล่อนไปจริงๆ จู่ๆน้ำตาก็รื้นขึ้น เค้าเงยหน้าขึ้นพยายามสกัดกั้นความรู้สึกแย่ๆในวันนี้ ไม่ให้ทะลักออกมาฆ่าเค้าเสียก่อน ทันใดนั้นเองที่เค้าเห็นร่างสูงออกมาพร้อมกับเฮริม รถของแจจุงอยู่ไกลจากตรงที่เค้านั่งไม่กี่เมตรเท่าไหร่นัก แต่เค้านั่งอยู่ตรงที่ๆมืดพอที่จะซ่อนร่างบางๆของตัวเองจนมิดได้

                   ยุนโฮหยุดพูดกับเฮริมตรงรถของเค้า สักพักหนึ่ง บางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นก็ทำให้แจจุงต้องน้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้ง

                   ร่างเล็กบางของหญิงสาวโอบคอร่างสูงให้ก้มลงรับจูบของเธอ

                   ถ้าหากแจจุงมองให้นาน และไม่หันหลังให้กับทั้งคู่เสียก่อน ร่างบางจะเห็นว่า ร่างสูงของยุนโฮพลั่กร่างเล็กบางของหญิงสาวอย่างแรงจนตัวของเธอเซ

                   น้ำตาที่กักเก็บไว้จึงมากพอที่จะล้นออกมาจากตาคู่สวย

                   คนอย่างเค้าจะทำยังไงได้ ร่างบางได้แต่ยืนอยู่นิ่งๆปล่อยให้น้ำตาไหลตามที่ใจอยาก

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×