คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Love Like Snowflakes
-------
รถสีดำท่ามกลางสายฝนโปรยปรายเลี้ยวมาจอดตรงหน้าร่างบางจนน้ำที่เจิ่งนองอยู่ตรงพื้นสาดกระเซ็นโดนร่างบางเล็กน้อย จุนซูยกแขนขึ้นป้องอย่างเอื่อยๆ ก่อนที่จะต้องเซถลาเพราะแขนเล็กถูกกระตุกอย่างแรง ใบหน้าที่อ่อนล้าของยูชอนบ่งบอกว่าร่างสูงคงจะตามหาตัวเค้าอย่างหนักเมื่อสี่ห้าชั่วโมงที่แล้ว…
“เป็นบ้าอะไรขึ้นมา!!!! อยู่ๆก็หายไป!!....เธอ….จะหาเรื่องฉันใช่ไหม?!!!”
“………….” แปลกที่คราวนี้ไม่ร่างบางไม่คิดที่จะตอบโต้หรือขัดขืน ไม่ร้องไห้หรือโวยวาย ไม่แสดงสีหน้าใดๆ ไม่แม้แต่จะมองหน้าเค้าเลยด้วยซ้ำ ยิ่งทำให้ร่างสูงโมโหขึ้นไปอีก แต่เพราะว่าฝนยังตก ยูชอนจึงดึงร่างบางให้ขึ้นมานั่งบนรถ เค้าเหวี่ยงประตูรถแรงเป็นการบันดาลโทสะ
“………..คิมจุนซู……..นายจะเป็นแบบนี้ใช่ไหม?.......คิดว่ามันจะได้ผลหรอ?....”
“!!!” ร่างบางเกาะรถแน่น เพราะตอนนี้รถสตาร์ตเมื่อไหร่ไม่รู้ แถมยังถอยอย่างรวดเร็วและพุ่งไปยังทางที่มีเพียงแสงจากข้างทางส่องเท่านั้น ยูชอนโกรธ โกรธ แล้วก็โกรธ… ตั้งแต่ที่รู้สึกว่าร่างบางหายไปนานผิดปรกติ เค้าประกาศหาร่างบางในโรงพยาบาลเพราะคิดว่าหลงทาง เสร็จแล้วก็ขับรถไปตามหาที่บ้าน ที่คอนโด ที่บ้านเก่า หอพักเก่า ที่มหาวิทยาลัย หรือแม้กระทั่งที่บ้านของซีวอน และ Metal จนกระทั่งร่างบางรับโทรศัพท์และบอกว่าอยู่ที่นี่…
มันน่าโมโหไหมล่ะ!!!!
คนๆนึงทำให้เค้าเป็นบ้าได้ถึงขนาดนี้เชียวหรอ อันที่จริงยูชอนไม่ได้อยากใส่ใจกับมันเท่าไหร่นัก รู้แต่ว่าวันนี้เค้ากินอะไรไม่ได้เลย ทำอะไรไม่ถูกเลย ตอนที่รู้ว่าร่างบางหายไป… เค้าเองคิดไปต่างๆนาๆว่าร่างบางเกิดอุบัติเหตุหรือเปล่า…หรือถูกใครลักพาตัวไปหรอ?....ความคิดอัปมงคลต่างๆหลั่งไหลเข้ามาจนเค้าแทบคลั่ง และไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจู่ๆคนตัวเล็กของเค้าถึงเป็นแบบนี้….
รถถูกจอดลงที่คอนโดดังเดิม ร่างสูงดูจะเปียกปอนเล็กน้อยเมื่อเทียบกับจุนซูตอนนี้.. ร่างเล็กชุ่มโชกไปด้วยน้ำฝน เสื้อฮู้ดดูจะอุ้มน้ำเป็นอย่างดี จนร่างบางรู้สึกหนาว แต่ก็ไม่ได้แสดงออาการใดๆออกมานอกจากกำมือแน่นเพื่อไม่ให้ยูชอนรู้ว่าตอนนี้ตัวเค้าสั่นขนาดไหน
“ถอดเสื้อซะ” เนื่องจากการเดินทางกลับมา และความเหนื่อยล้าในการตามหาร่างบาง ยูชอนยอมเย็นลงบ้าง เค้าดึงเสื้อฮู้ดออกจากตัวของร่างบางอย่างง่ายดาย ไม่มีแม้แต่จะเดินถอยหนีหรือเอามือปัดป่าย จนยูชอนแปลกใจ…..ปรกติจะต้องถอยออกแล้วบอกว่าจะทำเอง แต่ตอนนี้ร่างบางนิ่งเฉยมาก มากเกินไป….. ยูชอนดึงเสื้อยืดออกอีกตัวจนเห็นเรือนร่างเล็กขาวนวลปรากฏต่อสายตา และร่างบางก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆเช่นเคย
“……………….” คราวนี้เป็นกางเกง ยูชอนรั้งขอบกางเกงและจัดการปลดตะขอจนกางเกงหลวมที่เกาะเอวร่างบางได้เล็กน้อยอยู่แล้วลงไปกองอยู่บนพื้น จนเหลือแต่บ็อกเซอร์ที่เปียกลู่ต้นขาจนเห็นเนื้อด้านใน ร่างบางก็ยังมีท่าทีนิ่งเฉยและหลบตาเค้าเหมือนเคย ยูชอนยิ่งมีน้ำโหมากกว่าเดิม เค้าดึงร่างบางให้นอนลงบนเตียงก่อนจะขึ้นคร่อมร่างที่เปลือยเปล่าเอาไว้ ยูชอนมองใบหน้าหวานที่มองเค้าอย่างเลื่อนลอยและไม่มีทีท่าว่าจะร้องไห้เหมือนเคย
“…………..ฉัน……จะปล้ำเธอนะ……..”
“……………..” ก็ยังไม่เอ่ยอะไรออกมาอีกนั่นแหละ ร่างสูงก้มลงซุกไซร้ซอกคอของร่างบางเป็นการทดสอบและพบว่าร่างเล็กยังนิ่งสงัด ไม่มีอาการชัดชืนใดๆเลย
“อ๊ะ!!!” ยูชอนดึงร่างบางให้ลุกขึ้นนั่ง
“………เป็นอะไร?.....เธอเป็นอะไรกันแน่!!!! ฉันไม่เข้าใจเลย!!!....อยากให้ปล้ำนักใช่ไหม?.......ห๊า!!…..” ร่างสูงก้มลงซุกไซร้ซอกคอขาวอีกครั้งก่อนจะดูดดุนบริเวณไหปลาร้านั้นจนเป็นรอยไปทั่ว ร่างบางได้แต่สกัดกลั้นความรู้สึกเอาไว้และกำมือแน่นไม่ให้ส่งเสียงและร้องไห้ออกมา
ทำได้แค่หลับตาและกัดฟันทนเท่านั้น….
ร่างสูงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่ไร้อารมณ์ใดๆ ทว่ากำลังหลับตาและทำเป็นไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
“………เธอนี่…..มันน่าเบื่อจริงๆ…..” ยูชอนผละตัวเองออกจากร่างที่นิ่งราวกับตุ๊กตา ก่อนจะหยิบเสื้อโค้ทแล้วออกไปจากห้องนั่นอย่างรวดเร็ว
ปัง!! เสียงประตูดังขึ้นจนร่างบาสะดุ้ง จุนซูยกแขนขึ้นโอบตัวเองก่อนจะตะแคงและนอนกอดตัวเอง โดยที่ยังร้องไห้เงียบๆ ความทรมานที่แสนสาหัสแบบนี้เค้ายังหายใจอยู่ได้ยังไงนะ…. จุนซูเพิ่งรู้ว่าเจ็บเจียนตายมันเป็นแบบนี้นี่เอง..เป็นความเจ็บปวดที่ทำให้ตัวเองแทบจะลืมความหนาวเย็นในตอนนี้เพราะความเย็นชาจากใครบางคน หรือเปล่าเพราะเค้าเองทำเป็นเข้มแข็งกันแน่นะ แต่จุนซูก็ได้ตัดสินใจแล้ว….
ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเค้า………
เป็นการตัดสินใจครั้งสุดท้ายและจะไม่มีคำว่ายอมแพ้อีก……..
เพราะเค้าแพ้มาเยอะแล้ว…..เค้าแพ้ไปแล้ว…….แพ้ยูชอน……..แพ้แม้กระทั่งใจของตัวเอง……
ถ้ามีคำสุดท้ายที่อยากจะบอกร่างสูงตอนนี้…….เค้าแค่อยากจะบอกว่า……….
ผมรักคุณนะ…….ผมรักคุณ…..แล้วก็…….ผมรักคุณ……
ลาก่อน…….
------------------------------------
--------------------------------------------------
----------
---------
ยูชอนไม่นึกว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาก่อนเลย… เค้ายังไม่สามารถคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงและไม่ใช้ความฝันได้ในตอนนี้….. เมื่อคืนเค้ากลับบ้านเพื่อสงบอารมณ์ของตัวเองและวันนี้จะกลับมาคุยกับร่างบางให้รู้เรื่องก็แค่นั้น แต่สิ่งที่เค้ากำลังเห็นในตอนนี้คือห้องที่ว่างเปล่า
ของหลายอย่างดูเหมือนจะหายไป…..
แก้วน้ำ…แปรงสีฟัน….เสื้อผ้า….เครื่องสำอาง ครีมทาผิว…..หนังสือเรียนที่เคยวางอยู่บนโต๊ะนั่น…แม้กระทั่งกระเป๋าเดินทางใบโตของร่างบาง…..
คอนโดของเค้าตอนนี้ดูเหมือนกว้างขึ้นและสะอาดเรียบร้อยจนเค้ารู้สึกกลัว……
กลัวว่าสิ่งที่คิดกำลังเป็นจริง….ยิ่งเมื่อได้เห็นโน้ตเล็กๆที่ถูกทับด้วยกล่องที่บรรจุบางอย่างไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือที่เค้าให้ร่างบางเอาไว้อ่านหนังสือซึ่งบัดนี้เป็นเพียงโต๊ะว่างๆทั้งๆที่มันเคยเต็มไปด้วยหนังสือและข้าวของของร่างบาง
มันว่างจนน่าใจหาย….
ยูชอนหยิบกระดาษแผ่นนั้นและคลี่มันออกมา….. เค้าแทบไม่อยากอ่านเนื้อความในจดหมายนั่นเลย….แต่เค้าก็อยากรู้เหลือเกิน และคิดว่าร่างบางอาจจะแค่เขียนว่า “ล้อเล่น” ไว้ก็ได้…
คุณปาร์คยูชอน
ผมคิดเรื่องนี้อยู่นาน… นานจนบางครั้งผมก็ลืมไปว่า ผมกำลังทำอะไรอยู่.. ผมอยากบอกคุณแค่ว่า ผมขอโทษ ผมขอบคุณ และผมขอโทษ สลับกันแบบนี้…
หวังว่าจากนี้ไปคุณจะรักษาสุขภาพ และมีความสุขมากๆ
คิมจุนซู
ยูชอนฉีกกระกาษแผ่นนั้นเป็นชิ้นๆก่อนจะขว้างใส่ผนังด้วยอารมณ์ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสนามบินทันที ยูชอนเดาได้ไม่ยากว่าร่างบางจะไปไหน….คิมจุนซูไม่มีที่ไปมากนัก ยิ่งไม่มีเงินแบบนั้นด้วยแล้ว ถ้าไม่ไปเกาะขาซีวอนก็ต้องมาเกาะติดกับเค้า หรือถ้าสุดท้ายแล้วต้องจนมุมจริงๆ…..
ก็ต้องไปหาคิมจุนฮี….
ออสเตรเลีย…..
--------------------------
---------
---
สบามบินวันนี้คนเยอะเป็นพิเศษ ผู้คนจำนวนมากต่างลากกระเป๋าเดินทางไปมาและดูวุ่นวายกว่าที่เคย ร่างสูงวิ่งรอบสนามบิน ในสมองคิดต่างๆนาๆถ้าเจอร่างบางแล้วเค้าจะเอ็ดตะโรด้วยคำไหนดี…หรือว่าจะอุ้มร่างบางกลับแบบไหนดีนะ แต่ความมั่นใจที่จะได้เจอร่างบางกลับน้อยลงเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง เค้าปาดเหงื่อที่ไหลลงอาบข้างแก้ม ก่อนจะเงยหน้ามองจอมอนิเตอร์ที่บอกไฟต์และเวลาที่เครื่องออกของแต่ละประเทศ
และพบว่าไฟต์ที่ไปออสเตรเลียวันนี้ ออกไปเมื่อเกือบชั่งโมงที่แล้ว….และเป็นไฟต์สุดท้าย….
ในหัวมีแต่ความว่างเปล่า…….และขาวโพลน……
ยูชอนรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวท่ามกลางคนที่จอแจและรายรอบตัวเค้า….
เกือบลืมความเหนื่อยล้าจนหมดสิ้น…..
กลายเป็นความใจหายและนิ่งงัน…….
คำถามมากมายอยู่ในหัวแต่ตอนนี้เหลือเพียงคำถามเดียว…………
ทำไม?................................
ทำไมน้ำตาถึงไหล?.............
“……………………” ยุนโฮกำลังกุมขมับหลังจากที่นั่งเฝ้าเพื่อนของเค้าที่กำลังรินเหล้าให้ตัวเองอย่างทุลักทุเล น้ำสีเหลืองอำพันหกเลอะเทอะหลังจากที่เจ้าตัวพยายามรินมันจนหกบ้าง ลงแก้วบ้าง จนร่างสูงต้องคว้าขวดเหล้าที่เหลืออยู่เกือบหมดขวดให้เสียเอง ยูชอนหัวเราะเบาๆก่อนจะยกมือเป็นการขอบคุณ ก่อนจะยกแก้วขึ้นกระดกจนหมดในรวดเดียว ยุนโฮถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะหยิบขวดเหล้าว่างเปล่านั้นวางลงบนพื้น
“อาจุมม่า!!....เอามาอีก….” ยูชอนตะโกนเรียกแม่บ้านซอเหมือนตอนเด็กๆ ทั้งๆที่ไม่มีใครอยู่แถวนั้นนอกจากยุนโฮ ร่างสูงกดไหล่เพื่อนให้นั่งลงบนโซฟาเหมือมเดิมเมื่อยูชอนพยายามลุกไปหยิบเหล้าที่อยู่ในตู้หรูนั่นอีกขวด
“เฮ้ย!! สัญญากับฉันแล้วไง! ว่าแค่ขวดเดียว!......แค่นี้ก็มากพอแล้วนะเว้ย!!.....”
“ปล่อย!!!!” ยูชอนเหวใส่ยุนโฮ แต่ก็ต้องถูกกดร่างของตัวเองให้นั่งลงอีกครั้ง แรงเค้าน้อยกว่าเพราะอาการเมา ยูชอนจึงลงไปนั่งจนแทบจะเอนตัวนอนอย่างง่ายดาย
“ไปตามหาเค้าซะ……..” ยูชอนกลั้วหัวเราะทันที ก่อนจะยกแก้วว่างเปล่าคว่ำลงและเอานิ้วแตะหยดน้ำใสมาแตะลิ้นเลีย เค้าทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่ยุนโฮพูด นั่นหมายถึงสติของยูชอนยังมีมากพอดู
“ถ้ารักเค้าก็ไปหาเค้าเซ่!!! ไอ้บ้า!!!” ยุนโฮสติแตกเหมือนกันเมื่อได้เห็นยูชอนกลับมาเป็นหมาบ้าเหมือนแต่ก่อน…อา….แต่เค้าคิดว่ามันมากกว่าเมื่อก่อนนิดหน่อย ยูชอนลุกขึ้นแทบจะทันทีที่ยุนโฮพูดจบ เค้ายกคอเสื้อของยุนโฮขึ้น
“ฉัน-ไม่ได้-รักเค้า!!!!!” จนถึงป่านนี้ก็ยังดื้อดึง ใบหน้าบูดเบี้ยวเพราะโทสะทำให้ยูชอนยิ่งดูน่ากลัวและน่างสสารพอๆกัน ยุนโฮเองก็ดึงคอเสื้อของยูชอนขึ้นบ้างเป็นการตอบโต้
“ฉันไม่เคยว่าแกเลยสักครั้ง!! ไม่ว่าแกจะกินเหล้าเมาเป็นหมาหรือไปกัดกับใครมา….ฉันก็ไปตามเช็ดตามล้างให้ตลอด!!....เพราะว่านั่นมันเป็นเพราะคนอื่นทำร้ายแกจนเป็นแบบนี้ไง!!!...แต่คราวนี้มันไม่ใช่…..ที่แกเป็นบ้าแบบเนี่ย!!! เพราะว่าแกมันโง่!!!!!! แกมันมีทิฐิ!!!!.....ถ้าฉลาดที่จะหลอกให้เค้ามารักได้……ทำไมยังโง่หลอกตัวเองอยู่ได้….ว่าไม่ได้รักเค้า!!!!....หยุดหลอกตัวเองสักทีปาร์คยูชอน!!!” มือหนาค่อยๆคลายคอเสื้อที่ดึงรั้งไว้จนยับของยุนโฮอย่างหมดแรง เค้าเซไปนั่งบนโซฟาตัวเดิมและใบหน้าที่ดูอึ้งและยังดวงตาสวยยังเบิกค้างอยู่ปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงมาอย่างไม่อายใคร ยุนโฮไม่เคยด่าหรือว่าเค้าเลย…ไม่เคยแม้แต่จะตะคอกใส่หรือทำตัวหยาบคายใส่เค้าแบบนี้ ตัวเค้าเองอึ้งและรู้สึกว่าสิ่งที่ยุนโฮพูดเพราะยุนโฮมั่นใจว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ….หลังจากที่ได้เห็นดวงตาที่แข็งกร้าวของยุนโฮที่มองมาที่เค้าเป็นครั้งแรก แถมยังประโยคยาวๆและหนักหน่วงนั่นทำเอายูชอนสร่างไปเลย…
ยุนโฮเองก็อึ้งเหมือนกันที่โพล่งออกไปเมื่อครู่ เค้าไม่เคยทำแบบนี้กับยูชอนเลย นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่คบกันมาตั้งแต่มอต้นด้วยด้วยซ้ำ…. เค้าสะบัดหัวไล่ความคิดเรื่อยเปื่อยออกก่อนจะเดินเข้าไปหายูชอนช้าๆก่อนจะนั่งลงตรงหน้าเพื่อนของตัวเองด้วยความใจเย็น
“นายทำทุกอย่างไปเพื่ออะไร นายครอบครองเค้าไว้ทำไม…..นายเป็นคนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุด…. นายโดนหลอกมามากพอแล้วยูชอน…แต่สุดท้ายนายนั่นแหละที่หลอกตัวนายเอง….. ยูชอน…ฉันเกือบตายมาหนนึงและถ้าฉันตายไปจริงๆฉันก็ไม่ได้เสียใจเลย เพราะฉันมั่นใจว่าเคยบอกแจจุงไปแล้วว่ารักเค้า……และฉันปกป้องเค้าจนถึงที่สุด แต่นายน่ะ……นายมีโอกาสมากมายที่จะทำ……แต่ทำไมไม่ทำ?......นายจะรอให้ใครสักคนตายไปก่อนหรือไง?........”
“……………………” น้ำตายิ่งไหลลงมาจากดวงตาคู่สวย การร้องไห้ของยูชอนทำได้แค่ต่อหน้าแม่ ยุนโฮ และจุนซูเท่านั้น…เค้าจะแสดงความอ่อนแอให้กับคนที่เค้ารักมากที่สุดเท่านั้น และเค้าเองเพิ่งรู้ตัวว่าจุนซูคือหนึ่งในนั้น…… อันที่จริงเค้ารู้มาตลอดว่าเค้าอยากจะอยู่ใกล้ๆร่างบาง อยากโอบกอดและเป็นเจ้าของคนๆนี้…. และพยายามคิดไปเองว่าเค้าแค่หลงใหลไปเอง……..สิ่งเหล่านั้นไม่ได้เจือความรักอยู่ด้วยเลย
เค้าก็แค่กลัวความรัก…….
เค้าไม่เคยได้รับความรักจากใครจริงๆเลย….. แม่เค้าก็เสียไปแล้ว……..พ่อของเค้าเองก็ทิ้งเค้า……
จุนฮีก็ทิ้งเค้า…… ไม่มีใครรักเค้าจริงสักคน………
เค้าพอจะรู้ว่าจุนซูรักเค้ามาก……… แต่อดีตทำให้เค้าสร้างกำแพงที่กลายเป็นเสมือนเกราะป้องกันจิตใจที่บอบบางของเค้าด้วยการ“ไม่เชื่อในความรัก” ที่จุนซุมอบให้
จริงๆน่ะหรอ?.......เค้ายังมีสิทธิ์ที่จะได้รับความรักที่แท้จริงอยู่หรอ?.....
ไม่หรอก คิมจุนซูก็แค่เด็กที่หลงรักเค้าด้วยรูปและทรัพย์ที่เค้ามี…….และเค้าก็แต่ต้องการเรือนร่างนั่นเท่านั้น…
……..จริงหรอ…หรือเค้าแค่หลอกตัวเอง ในเวลาที่มองไปยังดวงตาที่มองเค้าอย่างมีความหมายนั้น เค้ามักจะหลบตาคู่นั้นเสมอ เพราะเค้ากลัว….
กลัวตัวเองจะหวั่นไหว…..
เพราะความจริงแล้ว…… ความจริงคือเค้าหลงรักคิมจุนซู…….
“ไม่คิดถึงเค้าหรือไง?......หื้อ……..ไม่ห่วงเค้าหรอ?......ไม่อยากเจอหน้า ไม่อยากดูแลเค้าหรือไง?” ยุนโฮกุมมือยูชอนเอาไว้และถามด้วยอารมณ์สงบและเบาบางกว่าเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว เมื่อได้เห็นท่าทีที่อ่อนลงและดูจะเข้าใจอะไรมากขึ้นของยูชอน ยูชอนดูท่าจะเย็นลงมาก น้ำตาหยุดไหลแล้วแต่ยังคงมีหยาดน้ำใสติดตรงแพขนตายาว เค้าทำท่าขยับปากจะพูดด้วยความยากลำบาก ก่อนจะกลืนน้ำลายและเอ่ย
“………..คิดถึง…….คิดถึงจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว…… ห่วงด้วย…..ป่านนี้ได้กินอะไรหรือยัง…นอนหลับสบายดีไหม?.....ปลอดภัยหรือเปล่า?......อยากจะกอดอยากจูบ แล้วก็อยากเห็นหน้าชัดๆอีก…………..”
“งั้นก็ไปหาเค้าซะ….กินเหล้าไปมันก็ไม่มีประโยชน์หรอก……ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้…..” ยุนโฮตบบ่าของเค้าเบาๆ ยูชอนพยักหน้าแล้วยิ้มบางๆเป็นการขอบคุณ…….
ถ้ารู้ว่าตวาดใส่แล้วเป็นคนขึ้นมาแบบนี้…….
เค้าก็คงทำไปนานแล้วล่ะ………
ยุนโฮเพิ่งคิดได้ว่าทำพลาดไปแล้วตั้งสิบกว่าปี………..
อา……..แต่มันก็ยังไม่สายไปนี่นะ………
--------------------------------
--------------
ตาและจมูกแดงก่ำและยังดูบวมเล็กน้อย จุนซูมาถึงสนามบินในซิดนี่ย์อย่างปลอดภัย และคนที่ยืนรอเค้าอยู่ตรงนั้นกำลังยิ้มแล้วผายมือออกรอเค้าอยู่แล้ว…พร้อมกับผู้ชายตัวโย่งที่มีผมสีบลอนซ์และดวงตาสีเขียวมรกตกำลังอุ้มเด็กผู้ชายผมสีน้ำตาลอ่อนและมีดวงตาสีเขียวเช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อ
จุนซูได้แต่ยิ้ม ยิ้มกว้างๆ แล้วก็ต้องยิ้มทั้งน้ำตา เมื่อได้เข้าไปกอดพี่สาวอย่างเต็มอก…อ้อมกอดอบอุ่นและเค้าคิดถึงมานานทำให้จุนซูกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ คิมจุนฮีเอามือลูบหัวร่างเล็กช้าๆก่อนจะตบหลังเด็กขี้แยให้หยุดร้องไห้ลงบ้าง
“JUNSU!!!” เด็กน้อยถูกปล่อยลงก่อนจะวิ่งไปกอดเอวร่างบางที่ยืนอยู่ไม่ไกล เพราะว่าเค้าตัวเล็กเท่าเอวของจุนซู จึงทำให้เด็กน้อยต้องอ้าแขนเป็นการบังคับให้จุนซูอุ้มเค้าขึ้น ใบหน้าน่ารักออดอ้อนให้ร่างบางอุ้มทำให้ร่างบางต้องยิ้มด้วยความเอ็นดู เค้าปาดน้ำตาออกจนหมด ก่อนจะอุ้มร่างเล็กให้มากอดคอเค้า
“ไง!...เจอาร์ หล่อขึ้นทุกวันเลยน้า…” เด็กน้อยไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มจนเห็นฟันหลอ ก่อนจะหอมแก้มเค้าทั้งสองข้างเหมือนเคยอย่างที่เคยทำทุกครั้งเป็นธรรมเนียมของชาวตะวันออก จุนซูเองก็หอมแก้มเด็กน้อยทั้งสองข้างอย่างหมั่นเขี้ยวเช่นกัน
“จุนซูบอกจะมา…แต่จุนซูไม่มา!!....จุนซูโกหก” เพราะภาษาเกาหลีที่จุนฮีเพิ่งสอนไม่กี่ปี เด็กน้อยเจอาร์จึงพูดติดๆขัดๆบ้างแต่ก็ไม่เลวนัก
“Why you said that!! Ze-Ah! แม่บอกแล้วไง ว่าจุนซูติดธุระถึงมาไม่ได้… แต่ตอนนี้น้าเค้ามาแล้วไงจ๊ะ” จุนฮีเหวใส่เจอาร์เล็กน้อย เด็กน้อยซบหน้าลงตรงไหล่จุนซูก่อนจะทำหน้าบู้บี้เมื่อถูกด่าว่าต่อหน้าจุนซู ร่างบางหัวเราะ
“ไม่เป็นไรหรอกพี่จุนฮี….Hi! Rob!! How about you?...”
“Great!!...because of you!” ร็อบเดินมาแตะไหล่จุนซูเบาๆ ร็อบเป็นฝรั่งที่ยิ้มเก่งเค้ามักจะยิ้มจนมีรอยย่นบนใบหน้าบ่อยๆเป็นภาพที่ร่างบางเห็นจนชินตา ร็อบดูจะดีใจที่ได้เจอจุนซูอีกครั้ง เพราะเค้าทั้งคู่ชอบร้องเพลงด้วยกันบ่อยครั้ง ร็อบเป็นนักธุรกิจและชอบดนตรีเหมือนร่างบาง จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่ทั้งสองจะเข้ากันอย่างง่ายดายและร็อบจะรอคอยการมาของจุนซูขนาดไหน
“ปะ จุนซู…เธอคงเหนื่อย กลับบ้านไปพักผ่อนก่อนเถอะ แล้วเราค่อยคุยกันนะ..” จุนฮียิ้ม ร็อบเดินไปถือกระเป๋าเดินทางให้จุนซู ก่อนที่ทั้งสี่คนจะขึ้นรถหรูของร็อบและเดินทางไปยังบ้านหลังใหญ่ที่มีมีพื้นที่ในการเลี้ยงแกะเล็กน้อย บ้านของร็อบกว้างขว้างและใหญ่โตแต่ไม่หรูหรา เค้าเป็นคนที่ติดดินและรักธรรมชาติพอควร รอบๆบ้านจึงมีทั้งสวนดอกไม้ ไร่องุ่น และทุ่งหญ้ากว้างที่มีแกะอยู่กว่าสิบตัว
จุนซูเดินลงจากรถ ก่อนจะสูดอากาศที่สดชื่นที่สุดเท่าที่เค้าได้พบมา… อากาศดีและน่าอยู่อะไรแบบนี้…อันที่จริงเค้าควรมาที่นี่ตั้งแต่ก่อนหน้านี้อยู่แล้วสินะ…บางทีเค้ารู้สึกเสียใจจังที่ตัดสินใจช้าแบบนี้….
-----------------------
------------
------------------
“ผ่านมาตั้งห้าวันแล้ว….เล่าได้หรือยัง…ว่าทำไมจู่ๆถึงเปลี่ยนใจกลับมาที่นี่…” จุนฮีเอ่ยในขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินเล่นอยู่ในไร่องุ่น จุนฮีใช้กรรไกรตัดพวงองุ่นที่สุกงอมใส่ตะกร้าโดยที่มีจุนซูคอยช่วยอยู่ใกล้ๆ
“ผม……..เอ่อ…….ผมคิดว่าที่พี่พูดมันก็ถูก…….ผมอยากลืมเค้า ผมถึงมาที่นี่….” จุนซูพูดไปตรงๆไม่อ้อมค้อม เค้าเลือกที่จะไม่ปิดบังอะไรกับคิมจุนฮีอีกแล้ว… เพราะเค้าเองต้องการจะหยุดทุกอย่างจริงๆ….ความตั้งใจที่จะใช้ที่นี่เป็นสถานที่ละลายความทรงจำของเค้ามีอยู่เต็มเปี่ยม จุนฮีไม่พูดอะไรและไม่แสดงสีหน้าใดๆ ได้แต่คิดว่าเธอโชคดีจริงๆที่ได้เห็นว่าจุนซูคิดได้แบบนี้…มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องและเธอเองเคยทำได้มาแล้ว…
แต่ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะร็อบด้วย…เพราะถ้าไม่มีร็อบ เค้าก็คงลืมยูชอนไม่ได้จริงๆ…วันเวลาช่วยให้ลืมทุกอย่างได้หรอ?...จุนฮีไม่ค่อยรู้หรอก เพราะความจริงแล้วพื้นที่ในหัวใจของเธอเปลี่ยนไปก็เพราะคนๆนึงที่รักเธออย่างใจจริงและให้อภัยเธอทุกอย่างอย่างโรเบิร์ต เธอสามารถมีความสุขมากๆในทุกๆวัน ถึงแม้ว่าร็อบจะรวยขึ้นมากๆหรือวันนึงเกิดการขาดทุนจนเกือบล้มเหลว เธอก็มั่นใจว่าเธอจะไม่หวั่นไหวและอยู่เคียงข้างร็อบได้เสมอ
เธอมีความสุขดีและผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายนั่นมาแล้ว…….
แต่น้องชายของเธอกำลังเผชิญกับสิ่งเหล่านั้น…………….
จุนฮีสงสารจุนซูเหลือเกิน… แต่เพราะว่าเรื่องราวครั้งนี้จะทำให้จุนซูเข้มแข็งเหมือนกับเค้า…..
บางทีเธอจึงคิดว่ามันก็ดีเหมือนกัน…..
“ไม่คิดถึงเค้าหรอ?.......เธอยังรักเค้าอยู่ใช่ไหม?” ถึงอย่างไรก็ยังสงสัย และจุนฮีดูจะทำนายได้ว่าจุนซูรู้สึกอย่างไรหลังจากที่ได้เห็นอาการเหม่อลอยของจุนซู บางครั้งก็เห็นร่างบางแอบร้องไห้กลางดึกกลางดื่นไม่หลับไม่นอน…
“……………….ผมคิดถึง….คิดถึงเค้า คิดถึงมาก….แล้วก็ยังรักเค้า..ใช่…ความรู้สึกผมไม่เคยเปลี่ยนไปเลยตั้งแต่เจอเค้าครั้งแรก….ผิดหวังหรือเปล่าครับ?.....ที่ผมยังเป็นแบบนี้”
“….ไม่…คงจะเป็นเรื่องโกหก ถ้าเธอบอกว่าไม่รักเค้าแล้ว ….พี่เข้าใจ….” จุนฮีวางกรรไกร ก่อนจะวางองุ่นลงบนตะกร้าอีกพวง จุนซูพยักหน้า
“ผมน่าจะไปเจอเค้าสักหน่อยก่อนจะกลับมา….ผมอยากเจอเค้า…ผมน่าจะจูบเค้าก่อนที่จะมาสักครั้งนึง….ผมมันบ้าชะมัดเลย…ฮะๆ……..ยังจะคิดอะไรแบบนี้อยู่ได้….”
“จุนซู…เธอร้องไห้อยู่นะ…… อย่าฝืนหัวเราะเลย…”
“เอ๋?...” ร่างบางเงยหน้าขั้น น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้จุนฮีต้องเอ่ยขึ้นมาเพราะทนไม่ไหว…จุนซูปาดมันทิ้งไวๆ ก่อนจะยิ้มบางๆ
เค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังเจ็บปวดมากแค่ไหน….จุนฮีคิด
“ผมเอาไปเก็บก่อนนะครับ เดี๋ยวจะเอาตระกร้ามาอีก…” ร่างบางลุกอย่างเร็ว เค้าพยายามหันหน้าหลบจุนฮีที่กำลังมองมาที่เค้า หญิงสาวถอนหายใจแรงๆเมื่อเห็นว่าจุนซูเดินไปไกลมากแล้ว
คิมจุนซู………….
รักแรกของเธอ……เป็นรักที่ฝังลึกและเป็นรักที่บริสุทธิ์เหลือเกิน…….
ช่วยผ่านไปให้ได้ในสักวันเถอะนะ จุนซู………
ไม่ต้องทำเป็นลืมเค้าหรอก…. แค่ค่อยๆรักตัวเองให้มากขึ้นเถอะจุนซู……..
ยุนโฮกำลังสงสัย……..
เค้ากำลังสงสัยเพราะไม่รู้ว่าร่างบางมานอนข้างๆตั้งแต่เมื่อไหร่ ร่างสูงใช้แขนข้างนึงยันเอาไว้ ก่อนจะใช้มืออีกข้างเกลี่ยผมที่ตกลู่แก้มร่างบางให้ทัดไว้บนหูเล็กๆที่มีตุ้มหูสีดำสวยขับให้ผิวขาวยิ่งขึ้น ใบหน้าสวยหวานยังหลับตาพริ้ม และตะแคงร่างหันมาที่เค้า ริมฝีปากอิ่มหนาโน้มลงจูบหน้าผากมนเบาๆ ก่อนจะเอามือลูบผมที่ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนให้สัมผัสนั่นช้าๆ……
ดวงตากลมโตค่อยๆเปิด แจจุงดูเหมือนจะตื่นหลังจากที่หลับฝันดีมากได้สักสามสี่ชั่วโมง แล้วก็ต้องก้มหน้างุดเมื่อได้เห็นว่าใครบางคนกำลังจ้องอยู่ไม่ไกล ยุนโฮตื่นแล้ว และเค้าไม่รู้เรื่องเลย… ร่างบางคลำหานาฬิกาข้อมือที่เก็บไว้ในกระเป๋าและพบว่ามันไม่ได้อยู่ในนั้น ยุนโฮยิ้มก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นให้แจจุงดู เป็นนาฬิกาที่แจจุงให้เค้าเอง…ถึงหน้าจอจะแตกร้าวเล็กน้อย แต่มันก็ยังเดินอยู่….และยุนโฮแทบจะไม่ถอดเก็บไว้เลยนอกจากอาบน้ำ
“หลับต่อเถอะ….ฉันทำเธอตื่นหรอ?”
“……………” ไม่พูดอะไรนอกจากจ้องมองนาฬิกา เสร็จแล้วก็เอามือทั้งสองข้างของตัวเองยกมือหนาขึ้น ก่อนที่จะเอาใบหน้าของตัวเองแนบบนหลังมือเรียวยาวนั่น แก้มยุ้ยคลอเคลียราวกับต้องการความอบอุ่น ยุนโฮแทบทนมองไม่ได้เพราะภาพตรงหน้าดูจะน่ารักเกินไปจนเค้าอยากจะดึงมากอดแรงๆสักที….
“ยุนโฮ จุนซูจะเป็นยังไงบ้าง?....” เพราะพูดด้วยสีหน้าที่ดูเป็นกังวล ทำให้ยุนโฮต้องคิดหนักก่อนจะตอบ
“……อ่า… ถ้าหมอนั่นไม่โง่เกินไป เค้าคงตามจุนซูกลับมานะ…ไม่ต้องห่วงหรอก”
“คุณยูชอนใจร้าย….ยุนโฮอย่าทำแบบนั้นกับแจจุงนะ…” ว่าแล้วก็ขยับให้ตัวเองใกล้เข้ากับตัวของยุนโฮเข้าไปอีก
=[]=!!! แจจุง…. เมื่อกี้แจจุงแทนตัวเองว่าอะไรนะ? ไม่ใช่ “ผม” แต่เป็น “แจจุง?”….ยุนโฮดูจะอึ้งแล้วก็เขินเล็กน้อย เค้าเอามือกุมขมับ ก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
ทำตัวอย่างกับแมวขี้อ้อนซะแบบนี้….จะรอจนถึงอายุ 20 ไหวไหมเนี่ย!!
“เธอ……เรียกตัวเองว่าแจจุงกับฉันตั้งแต่เมื่อไหร่?” ยุนโฮถามแบบตะกุกตะกัก เพราะดูจะอายตัวเองอยู่เหมือนกันที่แจจุงทำปฏิกิริยาแบบนี้กับเค้า…มันอาจจะไม่ใช่ครั้งแรก แต่ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นและความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผย ดูร่างบางจะออกตัวแรงเป็นพิเศษ ทำเอาเค้าทำตัวไม่ถูก ไปไม่เป็นเลยทีเดียว….
“ไม่ได้หรอครับ….แจจุงเป็นอะไรกับยุนโฮถึงเรียกแบบนั้นไม่ได้?” อา…ดูคนตัวเล็กจะงอนนิดๆแล้วล่ะ แจจุงเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะทำแก้มป่องใส่ร่างสูง
ก็แน่ล่ะ…ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมา ยุนโฮก็เอาแต่ทำงาน งาน งาน แล้วก็งานๆๆๆ แถมยังใช้เค้าทำเอกสารบ้าบอคอแตกอะไรไม่รู้ ด้วยเหตุผลที่ว่าเค้าต้องมาดูแลกิจการ J.E.M. หลังจากจบมหาวิทยาลัย แต่มันจำเป็นหรอที่ต้องมาทำงานแบบนี้ทั้งๆที่เค้าเองเพิ่งเรียนแค่ปีหนึ่ง! แถมพอหาเรื่องคุยก็ถูกเปลี่ยนเรื่องตลอด!....
โดยเฉพาะเวลาที่ถามว่า เราเป็นอะไรกัน?
“คิมแจจุง…เธอยังเด็ก…..ไว้อายุยี่สิบ เราค่อยมาคุยเรื่องนี้อีกทีนะ…” คนตัวเล็กกระเด้งขึ้นนั่งทันทีเมื่อไห้คำตอบที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก ทำเอายุนโฮหน้าเหวอไปเลยทีเดียว
“ผมโตแล้ว!!!....อายุสิบเก้าแล้วด้วย!!....ทำไมต้องรอให้ถึงยี่สิบล่ะครับ!....มันก็อีกแค่ปีเดียวเอง!” ยุนโฮเกาหัวยิกๆเมื่อแจจุงยังทำหน้าบูดหน้าเบี้ยวแถมยังกอดอกหันหน้าไปอีกทาง
ก็ไอ้อาการแบบเนี่ยะแหละที่เด็กเค้าทำกันเวลาที่ไม่ได้ของเล่นที่อยากได้น่ะ!!!
ยุนโฮคิดว่าถึงแม้ว่าแจจุงจะกลับไปเป็นเด็กอายุสิบสองหรืออายุสิบเก้าเหมือนตอนนี้มันก็ดูจะไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นักหรอก…..มันก็น่ารักดี…แต่…อ่า….มันทำให้เค้าลำบากใจสุดๆไปเลยเนี่ยสิ…..
“ผมเป็นอะไรกับยุนโฮกันแน่!!.....ผมไม่อยากเป็นเด็กเก็บมาเลี้ยง หรือเป็นคนอาศัย… เป็นลูก…. เป็นหลาน เหลน โหลนอะไรทั้งนั้นอ่ะ!!....ผมอยากเป็นแฟน!!!!”
นั่น!!!!!......=[]=!!!
“คิมแจจุง!....เธอไปเอานิสัยดื้อๆแบบนี้มาจากไหนนะ?” น้ำเสียงไม่เชิงดุว่า แต่ยังเจือด้วยความประณีประนอม แต่กลับทำให้ร่างบางกัดริมฝีปากล่าง ใบหน้าแดงจัด…. ก่อนจะกระทืบเท้าออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ยุนโฮได้แต่งง…งง…แล้วก็งงเป็นไก่ตาแตก…เอ่อ….แม่คุณง้อไม่ใช่ง่ายๆด้วยสิ…..แล้วเค้าก็ไม่ได้เหมือนยูชอนที่ลื่นเป็นปลาไหลพูดหวานเสนาะหูหลอกคนให้หายงอนได้ราวกับมีเวทมนต์อย่างนั้นน่ะ….
เค้าก็แค่อยากให้เวลาผ่านไปอีกสักหน่อย…
อยากจะร่างบางดูเป็นผู้ใหญ่กว่านี้และเข้าใจอะไรได้มากกว่านี้…….
ไม่ใช่ว่าเค้าจะไม่อยากอยู่ในฐานะที่เป็นคนรักกับแจจุงหรอกนะ……
เค้าทั้งอยากกอดอยากจูบ อยากกดร่างเล็กๆนั่นและทำให้เป็นของเค้าซะเลย……..
แต่เพราะว่ามันเร็วเกินไป…เค้าอยากถนอมร่างบางเอาไว้…… อยากจะรอเวลาที่ผลไม้ลูกนี้สุกงอมอีกสักหน่อย..
แต่ดูเหมือนคนตัวเล็กของเค้าจะไม่เข้าใจเอาซะเลย…..
ยุนโฮได้แต่ถอนใจและนอนลงไปเหมือนเดิม…ก่อนจะย้อนกลับมาคิดอีกที…..
แล้วแจจุงมานอนอยู่ตรงนี้ได้ยังไงหว่า….
-------------------------------------
---------------------
--------------
เพราะเสียงดังจอแจในงานเลี้ยงแขก VIP ของห้าง J.E.M ทำให้แจจุงต้องหน้ามุ่ยเป็นพิเศษ เมื่อถูกบังคับให้ใส่ชุดสูทตัวหรูเล็กพอดีกับตัวและมายืนในงานเป็นตุ๊กตาตั้งโชว์ ก็เจ้าของงานเอาแต่คุยกับลูกค้าจนลืมว่าเค้าอยู่ในงานนี้ด้วยแล้วล่ะมั้ง!! วันๆก็ทำแต่งาน ยุนโฮเห็นเค้าเป็นของเล่นแง้เหงาหรือไงนะ!...ชิ….แจจุงยกแก้วแชมเปญขึ้นกระดกจนหมด ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะเล็กๆข้างๆกาย แต่ฉับพลันที่กำลังหันหลังกลับไปบนห้องของโรงแรม แจจุงก็ต้องชนเข้ากับใครบางคนที่ยืนเป็นตอไม้อยู่ด้านหลังไม่ขยับเขยื่อน
“อ๊ะ!! ขอโทษครับ!!”
“เจอกันอีกแล้วสิ คิมแจจุง…” ชายหนุ่มท่าทางสะอาดสะอ้านในชุดสูทสีขาวและยังมีใบหน้าหล่อเหลา ตาโตที่มองเค้าหวานราวกับน้ำเชื่อมแถมยังสูงโปร่ง ถึงร่างบางจะจำไม่ได้ในทันที แต่ก็ต้องอ๋อในใจเพราะครั้งแรกที่เจอเค้าก็เพราะงานเลี้ยงแบบๆนี้นั่นแหละ
อีมินโฮ!!
“จำผมได้แล้วล่ะสิ…ให้ตาย ล่าสุดที่ผมเจอคุณก็งานเลี้ยงครั้งก่อนนู้น…เพราะไรเตอร์ลืมผมน่ะสิ”
“มีอะไรหรือเปล่า ผมรีบ…” แจจุงตัดบท ก่อนจะพยายามเดินหนี แต่ก็ต้องถูกมือหนารั้งข้อมือบางไว้เสียก่อน
“เต้นรำกับผมสักเพลงก่อนสิ….” มินโฮเอ่ย เค้ายิ้มบางๆโปรยเสน่ห์ แจจุงลอบถอนหายใจ และสายตาก็เหลือบไปเห็นยุนโฮที่อยู่ไม่ไกลนัก กำลังคุยกับลูกค้าทั้งชายและหญิงสามสี่คนอย่างออกรสโดยไม่ได้สนใจเค้าเลย แจจุงได้แต่กัดริมฝีปากล่างก่อนจะเอามือวางบางมือของมินโฮที่ผายรอไว้อยู่แล้ว
“ก็ดีเหมือนกัน………….”
------------------------
---------
เพลงช้าๆในจังหวะวอล์ททำให้คนที่มาเป็นคู่หลายๆคนอดที่จะซบอกอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะบทเพลงที่โรแมนติกแสนหวานและกล่อมให้พวกเค้าเหล่านั้นต้องเคลิ้มไป แต่ทำไมแจจุงก็ยังไม่หายอารมณ์เสียสักทีนะ…และทั้งๆที่ยังเกาะมินโฮอยู่แต่สายตาก็ยังจ้องมองไปที่ยุนโฮไม่วางตา ร่างสูงของเค้าก็ยังไม่เห็นว่าเค้ากำลังมองอยู่อยู่ดี แจจุงยิ่งหน้าบูดบึ้ง
“ดูเหมือนว่าคุณจะถูกทิ้งนะ คิมแจจุง?” มินโฮกระซิบเบาๆที่ข้างหู พลางเอามือกระขับเอวบางไปตามจังหวะ ร่างบางจึ๊กปาก ก่อนจะสะบัดเอวให้มินโฮเอามือปลาหมึกคลายลงบ้าง
“เกินไปแล้วนะ! อีมินโฮ!...แล้ว…ฉันก็ไม่ได้ถูกทิ้งด้วย เค้ากำลังคุยงานอยู่!” มินโฮยิ้ม เค้าลอบขำเบาๆ แต่ทว่าแจจุงเห็นชัดเจน ยิ่งทำให้ดวงหน้าหวานต้องบู้บี้เข้าไปอีก
“หึหึ…แต่หน้าของคุณน่ะ มีแต่คำว่า ‘ผมถูกทิ้ง’ ติดไว้เต็มเลยน่ะสิ…เอาน่า…ผมรู้ว่าคงหมดสิทธิที่จะจีบคุณแล้ว…แต่รู้อะไรไหม?....ถ้าคุณอยากจะให้เค้าสนใจมากกว่านี้หรืออยากจับเค้าให้อยู่หมัดล่ะก็……….” มินโฮถือวิสาสะก้มลงกระซิบข้างหูเล็กอีกครั้ง
“คุณก็ต้องยั่ว…” ร่างบางหันหน้ามามองอีมินโฮอีกครั้ง ใบหน้าหวานเอียงคออย่างสงสัยและใคร่รู้
“ยั่ว?.........ยังไง?...”
“มันมีอยู่หลายอย่าง ยั่ว…ให้หึง ยั่วให้หลง แล้วก็……..ยั่วให้ติดกับ”
------------------------------
---------------
ยุนโฮไม่มีสมาธิเลย….
ใครก็ได้คุยกับร่างสูงตอนนี้ก็จะรู้ว่า ถึงยุนโฮจะพูดคุยกับลูกค้าเป็นมืออาชีพ แต่หลายครั้งที่ยุนโฮเหมือนกำลังเหม่อมองอะไรบางอย่างจนพูดถูกบ้างผิดบ้าง หรือบางครั้งก็นึกไม่ออกว่าจะพูดอะไร เพราะเค้าเพิ่งจะเห็นร่างบางเดินออกไปเต้นรำกับใครบางคนที่เค้าก็รู้จักดี โดยเฉพาะข่าวลือที่แว่วมาว่า
อีมินโฮ........เพลย์บอยตัวพ่ออันดับสองรองจากยูชอน (ถ้ายูชอนได้ยินคงจะดีใจที่เพื่อนของเค้าจัดอันดับให้เค้าได้ที่หนึ่งแบบนี้)…………….
มือกำแก้วแชมเปญอยู่แต่สั่นเล็กน้อยเพราะแรงกด…แต่ใบหน้ายังยิ้มแย้มและทำเป็นฟังเรื่องตลกที่ลูกค้ากำลังเล่าให้ฟัง…..แต่สายตากำลังไปยังสองคนที่กำลังเต้นรำช้าๆ
เดี๋ยวก่อนนะ……..มือของหมอนั่น………
มันอยู่ตรงไหนน่ะ!!! เอาออกไปนะเฟ้ย!!! ยุนโฮกระดกแก้วจนหมดใบหน้าหล่อเหลาเริ่มนิ่งและจับจ้องไปยังทั้งสองคนที่กำลังเต้นรำไม่รู้เรื่องอยู่ ก่อนจะหยิบแก้วแชมเปญจากบริกรอีกแก้ว เริ่มเย็นลงบ้าง เมื่อเห็นร่างบางสะบัดเอวแล้วทำท่าทางโกรธใส่อีมินโฮ เค้าถอนหายใจอย่างโล่งอก และคิดว่าแจจุงคงดูแลตัวเองได้….
พรวด!!! แชมเปญสีเหลืองจนเกือบใสกระฉอก ยุนโฮใช้แขนเสื้อเช็ดเบาๆ
“คุณยุนโฮ เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ?” หญิงสาวในชุดราตรีเอ่ย เมื่อถูกตัดบทจากการเล่าเรื่องขำขันแสนน่าเบื่อ ยุนโฮทำเป็นส่ายหน้าและเอ่ยกล่าวว่าไม่มีอะไร ทั้งๆที่…..
ทั้งๆที่ตอนนี้ร่างบางของเค้ากำลังเอามือลูบหน้าอกของอีมินโฮแล้วเอาแขนทั้งสองข้างคล้องคอไว้ จนหน้าแทบจะชิดติดกัน ส่วนช่วงตัวน่ะหรอ?...ไม่ต้องถามให้ลำบาก ….ว่าแทบจะแน่นจนแกะไม่ออกแล้วล่ะมั้ง!! แถมใบหน้าหวานนั่นก็กำลังหัวเราะคิกคักและบางครั้งก็ยิ้มหวานใส่อีกฝ่าย
เมื่อกี้ก็แค่มีไฟลุกในใจเฉยๆ………
แต่เมื่อร่างบางยิ่งทำแบบนี้ ก็เหมือนกับรดน้ำมันใส่ให้ไฟโหมเข้าไปอีก…..
คิมแจจุง!!!!! คิดจะทำอะไรของเธอ!!!!!
--------------------------
------------
“นี่!!....มันได้ผลหรือเปล่าเนี่ย!!....ไม่เห็นยุนโฮจะทำอะไรสักอย่างเลย!!” แจจุงพยายามกระซิบให้เบาที่สุด..อีมินโฮเหลือบสายตาไปมองร่างสูงที่อยู่ไม่ไกลนัก ยุนโฮกำลังใช้สายตาอำมหิตชนิดที่เรียกว่าไฟลุกในตาได้เลยทีเดียว แต่เพราะว่าแจจุงกำลังหันหลังให้ยุนโฮ ร่างบางจึงไม่เห็นอะไรเลย อีมินโฮหัวเราะกลั้วในลำคอ
“นี่..รู้ไหม?...มันยิ่งกว่าได้ผลซะอีก……. คุณนั่นแหละเตรียมรับศึกหนักได้เลย เพราะเค้าพุ่งตรงมาตรงนี้แล้ว…”
“!!!?????” แจจุงเบิกตาค้าง แล้วก็ต้องเซตามแรงดึงของร่างสูงที่โผล่มาจากไหนไม่รู้จากด้านหลัง มือหนาบีบแขนเล็กจนร่างบางนิ่วหน้า
“คิมแจจุง………………..เราต้องคุยกัน……”
อุ๊ เอ๊ะ อะไร? ยังไงต่อ? เป็นครั้งแรกที่ไรเตอร์ตามไม่ทันค่ะ เพราะใกล้สอบ พล็อตแพลนไว้หมดแล้ว
ขาดแต่เวลาค่ะ ไม่มีเวลาเลย ช่วงนี้สอบแบบทรหดมากเลยค่ะ T^T แต่ก็พอมีเวลามาเวิ่นบ้างค่ะ อุอิ
ยังไงช่วยเป็นกำลังใจตาปาร์คด้วยนะคะ ฮ่าๆ มัวแต่หยิ่งอยู่นั่น ไม่บอกเค้าสักที เดี๋ยวก็เสียเค้าไปจริงๆ
หรอกตาปาร์ค!! ส่วนยุนแจ คิคิคิ ตอนหน้ามีอะไรให้สาวกยุนแจได้ แอร๊ยยยย อันแน่ๆค่ะ
ตอนนี้ไรเตอร์มีแพลนจะทำห้องของช็อตฟิคค่ะ ไว้แต่งยามเวิ่น แล้วก็มีแพลนเรื่องใหม่ด้วย
ส่วน conceal secret ใกล้จะจบแล้ว T[]T ถ้าไม่ติดสอบคงจบไปนานแล้วล่ะค่ะ!!
ยังไงเป็นกำลังใจให้ด้วยนะค๊าาาา TT ไรเตอร์ชอบหากำลังใจจากเม้นค่ะ มีแรงพิมพ์ขึ้นเยอะ
ขอบคุณทุกๆเม้นแล้วก็ทุกๆวิวที่เข้ามานะคะ ^^ โดยเฉพาะคนที่เม้นบ่อยๆนี่ไรเตอร์จำได้เลย ขอบคุณ
มากๆนะคะ
ความคิดเห็น