ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Yaoi] Conceal Secret (YunJae,MicXiah)

    ลำดับตอนที่ #11 : ความเจ็บปวดที่งดงาม

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ย. 55


    ----------------------------------------------------------

                   --------------

                   เอาแบบนี้แล้วกัน……..

                   ทำตามที่ใจสั่งแล้วกัน…….

                   แจจุงคุ้ยหาของต่อ เค้าเจอยาฆ่าเชื้อกับสำลีและผ้าก๊อตแล้ว ช่วยได้มากโขอยู่ แจจุงหันไปมองยุนโฮที่ทำท่าจะเคลิ้มหลับ……

                   “จองยุนโฮ!! ห้ามหลับนะ!!” แจจุงเหวใส่ด้วยสีหน้ากังวลชัดเจน ยุนโฮค่อยๆลืมตา และพบว่าร่างบางกำลังถอดเสื้อเชิ้ตชื้นน้ำฝนออก มือเล็กใช้ผ้าก๊อตซับเลือดที่เปรอะเปื้อนเต็มไหล่กว้างของร่างหนาจนหมด มีแต่เลือดที่ปริ่มออกมาจากปากแผลเท่านั้น ร่างบางมือสั่น เค้าเคยเรียนวิชาปฐมพยาบาลจากโรงเรียนมา แต่ไม่คิดว่าจะได้ใช้จริงจังแบบนี้ ร่างบางเอาสำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อจนชุ่มแล้วกดไปที่แผลของร่างสูง

                   “อ๊ากกกกกก!!” ยุนโฮร้องลั่นด้วยความแสบจี๊ดขึ้นสมอง

                   “เลือดไม่หยุดไหลตะต้องเย็บ แต่จะไปโรงพยาบาลได้ไง ผมขับรถไม่เป็น!” ร่างบางร้องด้วยความผิดหวัง ยุนโฮมองร่างบางที่น้ำตาเปรอะเปื้อนใบหน้า และมือสั่นเทิ้ม

                   “ทำไม?...... ทำไมไม่ทิ้งฉันไว้” ร่างสูงมองตาแจจุงนิ่ง เค้าแทบลืมเจ็บไปชั่วขณะเมื่อรู้ว่าแจจุงยังอยู่ข้างๆเค้า

                   …………………….. …..ก็คุณช่วยฉัน…..” แจจุงเอ่ยพลางหลบสายตาของร่างสูง

                   …….. ……………. … แต่….ฉันเป็นสาเหตุ…. ที่ทำให้เธอ…. ต้องเป็นแบบนี้….อึก..” ยุนโฮเบ้หน้าเมื่อรู้สึกเสียวแผลขึ้นมาอีกครั้ง

                   …..ถ้าคุณต้องตาย ก็ต้องตายด้วยมือของฉัน…. ไม่ใช่เพราะช่วยฉัน……….” หากแจจุงคิดสักนิด ก็จะรู้ว่ามันเป็นข้ออ้างที่แจจุงบังเอิญคิดขึ้นมาได้ในเวลานี้เค้าเองนึกไม่ถึงเหมือนกันที่เลือกจะช่วยยุนโฮ ร่างสูงพยักหน้าราวกับเข้าใจทั้งหมด ร่างสูงคิดว่ามันถูกต้องแล้วที่แจจุงคิดแบบนั้น….

                   “แจจุง เธอ…..เย็บผ้าเก่งไหม?”

                   “แม่แม่เคยสอนแต่ อย่าบอกว่า….” ยุนโฮพยักหน้า

                   “เอาอุปกรณ์….เย็บผ้า กับ…..ไฟแช็กในกล่องสีส้ม” เอ่ยลำบากเหลือเกิน เลือดก็ยังไหลไม่หยุด ยุนโฮเกรงว่าตัวเองจะเสียเลือดจนช็อค เค้าจึงควรหาวิธีที่ทำให้เลือดหยุดไหลเสียก่อน

                   “เจอแล้ว….แลแล้วทำยังไงต่อ”

                   “ร้อยด้าย…. แล้วก็เอาเข็มลนไฟ…… เธอต้องเย็บให้..ฉัน” ยุนโฮพยายามดันตัวเองให้นั่งชิดกับผนังของรถ

                   “ไม่!! ผะผมทำไม่ได้….เย็บผ้า กับเนื้อคนมันไม่เหมือนกันนะ!!” ร่างบางมือสั่นเทา ตะโกนลั่นเมื่อได้ยินคำพูดที่น่าเหลือเชื่อของยุนโฮ

                   ……..อืม….ไม่ ไม่เป็นไร…..ปล่อยฉันไว้…. อึ๊” ยุนโฮหน้าซีดลงเรื่อยๆ แจจุงพยายามเอามืออุดไม่ให้เลือดไหล แต่เลือดก็ยังไหลแทรกช่องว่างจนเปื้อนมือของร่างบาง แจจุงยิ่งร้องไห้หนักเมื่อยุนโฮเริ่มมีอาการกระตุกเกร็งเล็กน้อยแล้ว แถมยังหน้าซีดเผือดและตาเหม่อลอยจนน่ากลัว

                   “ยุนโฮ…. จองยุนโฮ!” แจจุงเขย่าตัวของร่างสูงเบาๆ แต่ยุนโฮทำได้แค่เพียงกระพริบตานิดๆเพื่อเป็นการบอกว่ายังมีสติอยู่บ้าง

                   …………….. …… ….” ปากซีดขาวพยายามเอ่ยบางอย่าง แต่เสียงที่แห้งผากไม่สามารถผ่านคอออกมาได้ แจจุงรู้สึกทรมานใจยิ่งกว่าเดิม

                   “ผมจะทำๆ!!! ผมทำก็ได้!! ฮืออออออๆ จองยุนโฮ! อย่าหลับสิ!!ห้ามหลับนะ ผมไม่ให้คุณตายอ่ะ ฮือออออ!ๆ” ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไปทั้งๆที่ต้นเหตุของแผลนี้ก็คือตัวเค้าเองนั่นแหละ แจจุงปล่อยมือจากแผลของร่างสูงแล้วใส่ยาฆ่าเชื้ออีกครั้ง ก่อนจะฉีกแขนเสื้อของยุนโฮที่กองอยู่ข้างๆให้ร่างสูงคาบไว้

                   “คุณจะเจ็บมาก…. จะหยิกผมก็ได้นะ ฮึก ..แต่คุณอยากเพิ่งตายนะ!! ห้ามหลับนะ” แจจุงปาดน้ำตาก่อนจะลนเข็มที่ร้อยด้ายไว้เรียบร้อยแล้วกับไฟแช็ก ร่างบางจับให้ยุนโฮเอามือโอบเอวของตัวเองไว้ และให้ใบหน้าของร่างสูงวางไว้บนไหล่มนของร่างบาง แจจุงประคองโดยเอามือโอบไว้ข้างหนึ่งอ้อมมายึดปากแผลให้ชิดกันไว้ ส่วนอีกข้างเตรียมที่จะเย็บ ยุนโฮกำเสื้อตรงเอวของร่างบางแน่นจนเสื้อยืดถูกรั้งขึ้นสูงจนเห็นเนื้อเอวบางของแจจุง

                   “จะเริ่มแล้วนะ…..” ยุนโฮพยักหน้าหงึกๆ เหงื่อซึมออกทุกอณู ปากหนากัดผ้าไว้แน่น แจจุงลนไฟครั้งสุดท้ายก่อนจะแตะเข็มบนปากแผลแล้วกดลงไปช้าๆ

                   “อึ้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ไม่มียาสลบหรือแม้แต่ยาชา แจจุงกลั้นใจแทงเข็มเข้าไปในเนื้อนุ่มของยุนโฮ มือเล็กค่อยๆดึงขึ้นเมื่อเย็บแผลแต่ละครั้ง เสียงทรมานของยุนโฮยิ่งทำให้แจจุงอยากทำให้เสร็จไวๆ ร่างสูงเผลอเอาฝ่ามือกดเอวของแจจุงแน่นจนเป็นรอยแดง แต่ร่างบางไม่ได้สนใจ สิ่งที่เค้าสนใจมากที่สุดคือการเย็บเข็มสุดท้ายและดูเหมือนกับว่าทุกอย่างจะดีขึ้นมาก เลือดเริ่มหยุดไหล มีเพียงที่ซึมออกเล็กน้อย ร่างบางตัวโยนเมื่อยุนโฮทิ้งน้ำหนักลงมาทันทีที่เสร็จ

                   “อ๊า!! ยุนโฮ!?” แจจุงใช้มือยันพื้นไว้ ก่อนจะดันตัวร่างสูงออกมาอย่างยากลำบาก ใบหน้าซีดเซียวและอ่อนล้าหลับตาสนิท แจจุงกัดริมฝีปาก มือสั่นยกขึ้นตบหน้ายุนโฮเบาๆ

                   “จองยุนโฮ…. ยุนโฮ….. คุณ!!....” ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ แจจุงจึงเอานิ้วมืออังที่จมูกโด่งเป็นสันนั่น ก่อนจะถอนหายใจ ร่างสูงคงสลบไปแล้ว แจจุงจัดแจงให้ยุนโฮนอนลง ก่อนจะเอาหมอนหนุนที่อยู่ติดรถของยุนโฮมารองหัวของร่างสูงเอาไว้

                   ---------------------------------------

                   ---------------

     

                   ------------------

     

                   ---------

     

                   “คุณปาร์คยูชอน!! ปล่อย!! จะพาผมไปไหน!....นี่คุณ!!!!” จุนซูแผดเสียงสูงของตัวเองจนแหบแห้งมาเกือบห้านาทีแล้ว แต่ยูชอนก็ไม่ได้สนใจ เมื่อมาถึงรถหรูของตัวเองจึงใช้แรงเหวี่ยงให้ตัวของจุนซูชนเข้ากับประตูรถเต็มๆ ร่างบางกุมไหล่ที่โดนกระแทกอย่างจังพลางเบ้หน้าเล็กน้อย

                   “ป่าเถื่อน!! ไร้มารยาท!! คนเลว!! โรคจิต!!!” คนที่เดินไปมาแถวโรงจอดรถเริ่มชะเง้อมองที่มาของเสียง ยูชอนเหลืออด

                   ปึ้ก!! ยูชอนใช้มือตบไปที่กระจกรถจนมือของเค้าเฉียดใบหูของจุนซูเพียงนิดเดียว จุนซูสะดุ้งอีกครั้ง เมื่อมืออีกข้างของยูชอนวางขนาบไว้ราวกับเป็นปราการที่ทำให้เค้าไม่สามารถออกไปจากตรงนี้ได้

                   “ลองพูดให้ดังอีกสิ พ่อจะจูบให้ปากแตกอีกรอบ” เสียงเบาราวกับกระซิบแต่ร่างบางได้ยินชัดเจน จุนซูงับปากทันที เมื่อยูชอนยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่รดแก้มของเค้า

                   “งั้นพาผมมาที่นี่ทำไม…. เราไม่มีอะไรต้องคุยกันปล่อยผมได้แล้ว” จุนซูใจแข็งพูดตามที่ซ้อมไว้ในใจระหว่างที่เดินมา ยูชอนครางหึในลำคอ

                   “ลาออกจากที่นี่ซะ แล้วไปทำงานกับฉันรับรองว่าฉันให้ค่าแรงมากกว่าชอยซีวอนแน่” ยูชอนยิ้มแล้วคว้ามือข้างขวาของจุนซูที่เหวี่ยงมาเกือบจะโดนแก้มของเค้า ร่างบางพยายามสะบัดมือแต่ไม่หลุดจึงเงื้อมือข้างซ้ายตบแทน แต่ก็ไม่เป็นผล ร่างสูงกำข้อมือทั้งสองข้างไว้แล้วผลักให้ติดกับกระจกรถอีกครั้ง

                   “อึ้!!

                   “จุ๊ๆๆๆ เดี๋ยวนี้พยศไม่ใช่เล่น เธอไม่ว่าง่ายเหมือนแต่ก่อนแล้วหรือไง? หมอนั่นจับม้าดีดกะโหลกมาแต่งองค์ทรงเครื่องแถมยังเสี้ยมสอนให้ดื้อแบบนี้ด้วยหรอเนี่ย?... แบบนี้น่ะสิ เวลาไปสมัครร้านไหนๆ เค้าถึงไม่รับเข้าทำงาน”

                   “นี่!! คุณใช่ไหม!!? ที่ทำให้ร้านไหนก็ไม่รับผมเข้าทำงานน่ะ!!” ร่างบางเหวใส่เมื่อได้ยินสิ่งที่ยูชอนหลุดปากออกมา

                   “โอ๊ะโอ ความแตกซะได้ แต่เด็กน้อยผมฟ้าก็โชคดี ได้มาร้องเพลงยั่วผู้ชายในผับนี่นะ!!

                   !!!..........คุณนี่มันหยาบคายที่สุด!.... ……………….อ่อ แล้วถ้าผมจะยั่วแล้วจะทำไม? …..คราวนี้แค่ร้องเพลงเท่านั้นแหละ คราวหลังผมจะเต้นไปด้วยถอดเสื้อโชว์ไปเลย!! ให้ใครๆเอาแบงค์มาเสียบกางเกงให้เหมือนโฮส์ตคลับน่ะ!! สงสัยจะได้เงินดีชะมัดเลยขอบคุณนะ ที่ชี้นำแนวทางให้……อื๊ออออออออออ!!!! คนบ้า!!” เมื่อคนตัวเล็กเอาแต่พูดจายั่วโมโหจนร่างสูงทนไม่ไหว หอมเข้าที่แก้มนุ่มๆฟอดใหญ่จนพอใจ ไม่รู้ทำไม แต่ยิ่งได้เห็นปฏิกิริยาที่จุนซูอารมณ์เสียใส่เค้า ก็ยิ่งรู้สึกดี…..ยิ่งจุนซูทำอะไรไม่ได้เลยเพราะถูกล็อคมือเอาไว้ก็ยิ่งสนุก เพราะคนตัวเล็กได้แต่ขู่ฟ่อๆเท่านั้น

                   “ฉันให้เวลาคิดสามวัน…. อย่านานนะแล้วเธอจะเสียใจ คิมจุนซู

                   ตื้ดดดดดดดดดดดด ตื้ดดดดดดดดดดดดดดดด เสียงโทรศัพท์แทรกเข้ามาระหว่างบทสนทนา ยูชอนเปลี่ยนมาดึงจุนซูไว้แล้วเอามือเพียงข้างเดียวโอบไหล่จากด้านหลังแน่น ร่างบางตัวเล็กและแรงไม่เยอะพอจะดันอ้อมแขนนี้ให้หลุดไปได้ ได้แต่ทุบตีจนเกือบหมดแรง ในขณะที่ยูชอนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพูด ร่างสูงเอามือปิดปากจุนซูไว้เมื่อร่างบางอ้าปากจะตะโกนของความช่วยเหลือ

                   “มีอะไรครับพ่อบ้านซอ……

                   คุณยุนโฮไม่ให้บอกใคร แต่ๆแต่ว่าคุณยุนโฮหายไปทั้งวันแล้ว ผมคิดว่ามันแปลกๆ”

                   “หายไปได้ไง มันก็อยู่โรงพยาบาลนะสิ ฉันเพิ่งไปเยี่ยมมันเมื่อวาน….

    “คุณยุนโฮหนีออกจากโรงพยาบาลครับ!! เมื่อวานคุณยุนโฮมาเอารถออกไปตอนตีสี่

    “บ้าเอ๊ยยย!!! แล้วคุณก็ให้เค้าไปเนี่ยนะ!!” จุนซูหยุดดิ้นแล้วยืนฟังอย่างตั้งใจ เมื่อคิดว่าเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับยุนโฮและแจจุง

    “คุณยุนโฮขอผมไว้ ผมขอโทษครับ……..ผมขอโทษจริงๆ! ผมผม

    “ดีแล้วที่เอามาบอก ฉันจัดการเอง เรื่องนี้ห้ามบอกใครโดยเฉพาะตำรวจ ทำตามที่หมอนั่นบอก แล้วฉันจะโทรหาถ้าเจอ…..แค่นี้นะ” ยูชอนวางสายก่อนจะปล่อยตัวจุนซู

    “กลับบ้านไปซะ” ยูชอนพูดทิ้งท้ายก่อนจะวิ่งขึ้นรถ แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อร่างบางเปิดประตูที่นั่งด้านข้างคนขับแล้วกระโดดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

    “เด็กบ้าเอ๊ย!! ไม่ใช่เรื่องของเด็ก กลับบ้านไป!” ยูชอนพยายามปลดเบล์ทที่จุนซูล็อคไว้เสร็จสรรพ แต่ก็ไม่เป็นผล จุนซูกุมมันไว้อย่างแน่น

    “คุณยุนโฮบอกเรื่องแจจุงกับผมทั้งหมด!!! คุณยุนโฮหายไปต้องเกี่ยวกับเรื่องที่แจจุงหายไปแน่ๆ….. ผมจะไปตามหาแจจุงด้วย!” จุนซูยืนหยัดคำเดิม ทำเอายูชอนกุมขมับให้กับความดื้อของร่างบาง ก่อนจะยอมออกรถไปทั้งๆที่ไม่เต็มใจจะให้ร่างบางไปด้วยเท่าไหร่นัก

    ฝนค่อนข้างตกหนักขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ข้างในรถหนาวเย็นแม้จะน้อยกว่าข้างนอกอยู่ก็ตามที จุนซูเริ่มกระสับกระส่าย

    คุณยุนโฮหายไป ในขณะที่แจจุงติดต่อไม่ได้จุนซูมั่นใจเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าแจจุงจะต้องหนีออกไปอีกครั้ง ยิ่งถ้ายุนโฮผู้ที่มีสติ เยือกเย็นและสุขุม ไม่มีทางหุนหันพลันแล่นได้ขนาดนี้แน่นอน ถ้าไม่ใช่เพราะแจจุงของเค้าหายไป

    “นี่คุณปาร์คยูชอน คุณรู้หรอว่าพวกเค้าจะไปที่ไหน?” จุนซูถามด้วยความร้อนใจทันทีเมื่อคิดขึ้นได้ ยูชอนหันมามองร่างบางอีกครั้งแล้วถอนหายใจ

    “คุณปาร์คยูชอน? เฮอะ! นายห่างเหินกับฉันตั้งแต่เมื่อไหร่เมื่อหลายวันก่อนยังนอนเตียงเดียวกันอยู่เลย” ประโยคหลังยูชอนตั้งใจพูดให้เสียงเบาราวกับพึมพำกับตัวเอง จุนซูหันควับ

    “พูดอีกทีซิ!!!!

    “เปล๊า ไม่มีอะไร…. ฉันตอบให้ก็ได้ เพื่อนของเธอขโมยปืนเพื่อนฉัน.. พอยิงเพื่อนฉันเสร็จก็หนีหายต๋อมไปเลย เป็นไง?.. เพื่อนรักของเธอน่ะ…. โหดไม่ใช่เล่นเลยนะ ถ้าหมอนั่นเป็นอะไรฉันเอาเด็กคนนั้นตายแน่!” ยูชอนพูดเร็วๆด้วยอารมณ์จนจุนซูเริ่มมีน้ำโหขึ้นบ้าง เค้าฟาดมือไปตรงหัวไหล่ของยูชอนแรงๆหนึ่งที

    “โอ๊ย!! เด็กบ้า.. ทำอะไรของเธอ ฉันขับรถอยู่นะ!

    “ถ้าคุณทำอะไรเพื่อนผม คุณก็ต้องตายเหมือนกัน ตาแก่บ๊องตื้น!!” จุนซูกอดอก เค้าหันออกไปทางหน้าต่างโดนที่หันมามองยูชอนที่ลูบไหล่ของตัวเองป้อยๆ เนื่องจากทำอะไรไม่ได้เพราะกำลังขับรถอยู่

    “ตะ ตาแก่บ๊องตื้นเจ้าเด็กบ้านี่..” เค้าได้แต่บ่นใส่จุนซู ก่อนจะถอนหายใจช้าๆให้ใจเย็นลง

    “ยุนโฮบอกฉันว่า แจจุงหนีกลับบ้านตรงชานเมือง XX ใกล้ๆกับทะเล X หมอนั่นต้องไปที่นั่นแน่……จากโซลไปก็ใช้เวลาไม่เท่าไหร่ แต่ตอนนี้เราขับรถอ้อมเพราะถนนใหญ่พัง อาจใช้เวลาทั้งวัน”

    “โอ๊ยยย ให้ตายสิ แจจุงจะเป็นยังไงบ้างนะ?...” จุนซูเริ่มหน้ามุ่ย ไม่ได้ห่วงตัวเองที่จะต้องเดินทางไปกับยูชอนทั้งวันทั้งคืนแบบนี้…. แปลกหน่อยที่ยูชอนรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ทั้งๆที่ในใจก็ยังเป็นห่วงเพื่อนของตัวเองจับใจ

    รถยังเคลื่อนตัวต่อไปเรื่อยๆถึงแท้จะช้าลงก็ตาม พายุที่เข้าโซลในช่วงนี้บ่อยและแรงพอสมควร ทำให้การจราจรไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง รถทุกคนถูกด่านของตำรวจกักไว้ไม่ให้ผ่านไปได้เนื่องจากมีอุบัติเหตุและมีดินถล่ม ยูชอนหยุดรถเมื่อสังเหตุเห็นความวุ่นวายตรงหน้า

    “หยุดรถทำไม?” ร่างบางงัวเงียเมื่อได้ตื่นจากการหลับงีบใหญ่ ยูชอนยื่นหน้าไปทางด้านหน้าเป็นการบอกให้จุนซูชะเง้อมอง ป้ายใบใหญ่เขียนห้ามรถทุกคันผ่าน ทั้งยังมีตำรวจและกรวยจราจรวางดักไว้เต็มไปหมด รถพยาบาลจอดอยู่ข้างหน้าไม่ไกลนักทำให้จุนซูเริ่มเข้าใจสถานการณ์

    “โอ๊ยยยยย!!! ให้ตายสิแลว้จะไปยังไงดีล่ะเนี่ยยย” จุนซูบ่นด้วยความกังวล ส่วนยูชอนน่ะหรอถอดใจตั้งแต่เห็นรถพยาบาลแล้วล่ะ

    “คงต้องหาโรงแรมพักแถวนี้ก่อน พรุ่งนี้พายุสงบค่อยออกเดินทางต่อ” ยูชอนพูดราวกับเป็นเรื่องปรกติ จุนซูหน้าเสียทันที ตาหยีโตเบิกค้างเมื่อได้ยินสิ่งที่ยูชอนเพิ่งบอกเค้า

    “ไม่เอา!! พาผมกลับบ้าน พรุ่งนี้ผมจะมาเอง!” ยูชอนถอนหายใจ ก่อนจะหันหน้ามามองใบหน้าเป็นเดือดเป็นร้อนของคนตัวเล็กจอมวุ่นวาย

    “คิมจุนซู…. เราขับรถข้ามจังหวัดมาแล้ว พายุยังไม่สงบ แล้วตอนนี้ก็ตีสอง เธอจะกลับก็เชิญ เดินกลับนะ ฉันจะนอนโรงแรม”

     !!!!” จุนซูเพิ่งอยากจะต่อยยูชอนจริงๆก็วันนี้ แต่มันก็ถูก เราเดินทางมาไกลเกินกว่าจะกลับ แล้วยังดึกป่านนี้อีก แต่จุนซูกังวลที่จะอยู่กับยูชอนสองต่อสองยิ่งกว่า…. แต่มันเลือกไม่ได้จริงๆ….ทำไมต้องเป็นแบบนี้นะ!!

    ….จะเอายังไง ทำไมไม่ลงไปล่ะ เจ้าเด็กอวดดี”

    ………….” จุนซูไม่ตอบ ได้แต่ยื่นปากแล้วเบือนหน้า เป็นการยกธงขาว ยูชอนลอบยิ้มอย่างผู้มีชัย ก่อนจะเลี้ยวรถไปตามทางเพื่อหาโรงแรมดีๆสักที่เพื่อเป็นที่พักในคืนนี้

    -------------------------------

    -------------------

    ซ่า!!!..................

    ฝนตกรุนแรงกว่าวันไหนๆ ร่างบางวางมือบนประตูกระจกที่อยู่ตรงระเบียง ฝนที่สาดเข้ามาจนกระทบกระจกจนเป็นเสียงเปาะแปะทำให้จุนซูยิ่งเป็นห่วงแจจุงขึ้นมาจับใจ จุนซูถอนหายใจอีกครั้งเมื่อตอนนี้เค้าไม่สามารถทำอะไรได้ ก่อนจะกดโทรศัพท์โทรหาซีวอนเพื่อไม่ให้ซีวอนเป็นห่วง แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าป่านนี้ร่างสูงคงหลับไปแล้ว จุนซูจึงส่งข้อความว่าไม่ต้องเป็นห่วง เค้ากลับถึงบ้านแล้ว เป็นการโกหกไปเล็กน้อย

    “ฉันเสร็จแล้ว..ไปอาบน้ำสิ” จุนซูหันควับ ก่อนจะหันกลับมาอย่างรวดเร็ว เลือดสูบฉีดขึ้นบนใบหน้าขาวเนียนจนเป็นสีแดงระเรื่อ เมื่อยูชอนออกมาทั้งๆที่นุ่งผ้าขนหนูตัวเดียว

    …………………ทำอย่างกับไม่เคยเห็น” ยูชอนเอ่ยหลังจากที่มองสภาพตัวเองว่ามันน่าตกใจตรงไหน แล้วจึงอ๋อในใจ ว่าเด็กน้อยอินโนเซนท์คิมจุนซูไม่ชินกับร่างเปลือยเปล่าของเค้า(อีกหรอ?)

    “ลามก!! หยาบคาย!!” จุนซูก้มหน้างุดก่อนจะสิ่งผ่านยูชอนไปเร็วๆเพื่อให้ถึงห้องน้ำเร็วที่สุด เค้าคว้าผ้าขนหนูของโรงแรมและเสื้อที่ยูชอนมีติดตัวในรถเข้าไปในห้องน้ำทันที

    ร่างบางปิดประตูก่อนจะหยิบชุดเสื้อยืดตัวใหญ่โคร่งกับกางเกงยีนส์หลวมโพรกของยูชอนขึ้นดู….

    ให้ตายสิ…. ถ้าไม่ใช่ว่าเสื้อเราเหม็นเหงื่อจะไม่ยอมใส่เด็ดขาด!!!...........

    ร่างบางถอดเสื้อออกจนหมด ก่อนจะลงอ่างอาบน้ำและใส่ครีมอาบน้ำจนฟองเต็มอ่าง ความไม่สบายใจออกจากคลายลงบ้างในเวลานี้ จุนซูรู้สึกดีขึ้นหลังจากที่ได้สัมผัสน้ำอุ่นๆและฟองสบู่นุ่มๆหลังจากที่วันนี้เค้าเหนื่อยมานาน ทว่าความกังวลก็ยังไม่หายไปจากใจตราบเท่าที่เค้าไม่ได้เจอหน้าเพื่อนรักของเค้าด้วยความปลอดภัย

    ---------------------------

    ยูชอนรั้งเสื้อแขนยาวให้เกาะตรงข้อศอก ก่อนจะนั่งตรงโซฟาเดี่ยวตัวใหญ่ พลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่นานนักเสียงเปิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้น ร่างบางเดินออกมาในชุดเสื้อยืดของเค้าพร้อมกับกางเกงตัวมหญ่ จุนซูจึ๊กปาก เมื่อกางเกงไม่เกาะเอวเค้าเลยสักนิด ที่ยังอยู่ได้เพราะเค้าดึงมันไว้หรอก แถมเสื้อยืดคอกว้างยังจะหลุดไหล่ออกมาโชว์กล้าม(?) น้อยๆของเค้า

    เอิ่ม…. ดูเหมือนเด็กยากจนแถวเอธิโอเปียก็ไม่ปาน….

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ฮ้าๆๆๆๆๆ ฮะๆๆๆๆๆ!!!...” ยูชอนระเบิดหัวเราะชุดใหญ่ จนจุนซูหน้ามุ่ยกว่าเดิม ร่างบางหยิบหมอนโยนใส่ร่างสูงที่ยังหัวเราะไม่หยุด ทั้งๆที่มือยังกำกางเกงขึ้นมาแน่น

    “ตาแก่บ้า!! หยุดหัวเราะนะ!!” ยูชอนกอดหมอนเอาไว้หลวมๆ ก่อนจะยกมือขึ้นห้าม

    “โอเคๆ….ว่าแต่ลำบากมากไหม?....ใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวดีกว่ามั้ง? เข็มขัดฉันไม่มีให้นะ อยากจะนอนทั้งอย่างนั้นก็ตามใจ” ทำเอาจุนซูคิดหนักกว่าเดิม

    ถ้าใส่กางเกงตัวนี้ก็จะหลุดง่าย แต่ถ้าใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวก็อันตรายเกินไป เค้าไม่เคยไว้ใจยูชอนเลยสักนิด จุนซูกัดริมฝีปากอย่างใช้ความคิด

    “ไม่ไว้ใจฉันหรือไง…. จะบอกให้นะ อย่าดูถูกฉันเชียวล่ะ…. ไม่ว่าจะกางเกงตัวนี้หรือบ็อกเซอร์ ฉันก็ถอดได้หมดแหละ ไม่ต้องห่วงอึ้!” หมอนอีกใบลอยมาติดหน้าเต็มๆ จุนซูเหลืออด เค้าจึงถอดกางเกงยีนส์ออกแล้วใส่บ็อกเซอร์เพียงตัวเดียวซึ่งมันสั้นจนเห็นขาอ่อนขาวเนียนน่าสัมผัส ยูชอนเบิกตาค้างมองตาไม่กระพริบ

    “เอาสิ…. คุณก็ลองดูสิ แจจุงยิงคุณยุนโฮได้ ทำไมผมจะฆ่าคุณไม่ได้…. ผมไม่ใช่จุนซูคนเดิมแล้ว….อยากตายคุณก็ลองดูแล้วกัน ตาแก่วิตถาร!!” ว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงยึดเป็นอาณาเขตส่วนตัว ยูชอนเลิ่กลั่ก เค้าชี้ไปที่เตียงก่อนจะโวยวายยกใหญ่

    “นี่!... ไอ้เด็กไร้มารยาท ฉันจ่ายเงินนะ.. เธอไปนอนข้างล่างนู้น เตียงนี่ของฉัน!

    “ตาแก่แล้งน้ำใจ! คุณเป็นผู้ใหญ่ควรเสียสละให้เด็กสิ! ผมไม่ไปผมจะนอนที่นี่!” จุนซูเถียงลั่น ก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมทั้งตัวโดยที่ไม่สนใจยูชอนที่ยืนมองตาค้าง เค้าครางหึในลำคอ

    เหลือเกินจริงๆเด็กคนนี้!! ….หึ!... แต่คิดว่าฉันจะยอมหรือไง!!

    ร่างสูงไม่ยอมแพ้ เค้าล้มตัวลงนอนเบียดกับจุนซู ร่างบางสะดุ้ง ก่อนจะเอาหมอนมาตียูชอนแรงๆ

    “คุณ!!! คนบ้า!! ลงไปนะ!.... ผมไม่ไว้ใจคุณ! คนเลว….อ๊ะ!!!” แต่ยูชอนก็ไม่สนใจ แถมยังดึงร่างบางมากอดแน่นจนใบหน้าเล็กแนบชิดกับอกกว้างของร่างสูง ขายาวเกี่ยวขาของจุนซูให้นิ่งจนร่างบางขยับตัวไม่ได้ เสียงก็อู้อี้ในลำคอจนฟังไม่เป็นภาษา มือเล็กยังทำหน้าที่ทุบหน้าอกของเค้านานจนหมดแรงดิ้น จุนซูง่วงและเพลียเกินกว่าจะต่อสู้ และยอมสงบลงเมื่อยูชอนไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านี้

    “หลับซะที พรุ่งนี้จะได้ตามหาพวกนั้นต่อ” ยูชอนครางในลำคอ ก่อนจะหลับตาเอาหน้างุดกับหมอนแล้วขยับตัวให้แนบชิดกับร่างบางมากขึ้น จุนซูนิ่งเงียบ เค้าปฏิเสธไม่ได้ว่าอ้อมกอดที่คุ้นเคยนี้เป็นสิ่งที่เค้าคิดถึงมากเหลือเกิน มันทั้งยังคงอบอุ่นและปลอดภัยเหมือนเมื่อก่อน จุนซูเหมือนกำลังหลับฝัน ราวกับว่าขึ้นไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปตอนที่เค้ากับยูชอนยังรักกันหวานชื่น ร่างบางน้ำตาซึมเล็กน้อย ก่อนจะหลับตาพริ้มและหลับไปในที่สุด เสียงหายใจเป็นจังหวะทำให้ยูชอนดึงตัวออกมามองร่างเล็กในอ้อมกอด ใบหน้าน่ารักที่หลับสนิททำเอาเค้าใจเต้นระรัว ริมฝีปากที่พร่ำด่าเค้าทั้งวันตอนนี้สงบนิ่งและน่าจูบยิ่งกว่าตอนไหนๆ ความจริงการทำแบบนี้กลับยิ่งทำให้เค้าเองยิ่งทรมานจากการที่ต้องอดทนอดกลั้น ไม่ให้ตัวเองทำอะไรเกินเลยอีก

    คืนนี้ยากที่จะหลับให้สนิทได้ และยูชอนคงต้องพยายามอย่างหนักเลยล่ะ………..

     

                   ร่างบางสะดุ้งตื่นมากลางดึก แจจุงนั่งหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เค้าเองยังไม่รู้ร่างบางลุกขึ้นเปิดไฟในรถ ผ้าที่ห่มยุนโฮไว้บางไปหรือเปล่านะ แจจุงเข้าไปมองใบหน้าของยุนโฮใกล้ๆ และพบว่ามันขาวซีดกว่าเดิม ร่างบางตกใจ มือเล็กแกะผ้าก๊อตที่พันแผลเอาไว้แล้วสำรวจ

                   รอยเย็บปิดดีไม่มีปัญหาร่างบางถอนหายใจด้วยความโล่งอก….

                   ???...

                   แจจุงเอามือแตกหน้าอกของยุนโฮอีกครั้ง ก่อนจะรีบใช้หลังมือแตะหน้าผากกับลำคอของยุนโฮ

                   ร้อนจนร่างบางคิดไม่ถึง! คงเป็นเพราะแผลนี้เลยทำให้ไข้ขึ้น…. แต่กลางดึกอย่างนี้และฝนที่ยังตกหนัก เค้าจะหายาจากที่ไหน แจจุงค้นข้าวของจากในรถของยุนโฮจนทั่ว แต่ร่างสูงไม่ได้พกยาติดรถไว้เลย ยุนโฮตัวสั่นด้วยความหนาว ร่างหนาเริ่มกระสับกระส่ายด้วยพิษไข้ มือคล่ำหาอะไรบางอย่างสะเปะสะปะ ร่างบางยื่นมือมาจับมือของยุนโฮไว้แน่น

                   “ยุนโฮ…. คุณยุนโฮ…..” แจจุงเรียก หลังจะได้ยินเสียงของยุนโฮกลับมา ร่างบางเขย่ามือของยุนโฮที่เย็นเยียบ และสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่คุ้นเคยตรงข้อมือของยุนโฮ

                   นาฬิกา....เรือนนี้?…..

                   เคยเห็นที่ไหนนะ…......

                   “อื๊อ!!!!” แจจุงปวดหัวจี๊ด ร่างบางยกมือสองข้างขึ้นกุมหัว ภาพบางอย่างโผล่ขึ้นมาในหัวอย่างที่แจจุงคาดคิด

    “ผมรักคุณยุนโฮ….ฮือออออ ผมขอโทษครับคุณยุนโฮ….ฮือออออ”

                “จะส่งเธอไปเรียนต่ออเมริกา……      

    “คุณยุนโฮ…. ผมผิดไปแล้ว …..ผมขอโทษครับคุณยุนโฮ ฮืออออๆๆ”

                   “คิมแจจุง!! เธอไม่เข้าใจ!... ไม่รู้อะไรเลย เธอรักฉันไม่ได้!! รักไม่ได้!!.........ไม่!! ฉัน ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น

                “ถ้างั้นวันนั้นคุณยุนโฮจูบผมทำไมครับ….

                -------------------

                   ……… …… .. อือ…….หนาว…..แม่ครับ…..……………………………………………….แจจุง..” แจจุงตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงชื่อของตัวเอง เมื่อกี้คืออะไร? ใครรักใคร? อะไรกัน? แต่แจจุงมัวคิดเรื่อยเปื่อยตอนนี้ไม่ได้  ร่างบางคิดว่าผ้าห่มที่มีเพียงผืนเดียวนี้คงไม่พอ แต่จะทำยังไงทำยังไงล่ะร่างบางหลับตาเพื่อทำใจในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าเป็นหนทางที่ดีที่สุด ความจริงเค้าคิดออกได้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ เค้าคิดว่ามันน่าจะมีสิธีที่ดีกว่านี้ก็เท่านั้นเอง….

                   แจจุงถอดเสื้อของตัวเองออกจนเหลือแต่กางเกงวอร์มขายาว ร่างบางล้มตัวลงนอน ผ้าห่มถูกรั้งขึ้นมาคลุมตัวของเค้าทั้งสอง เสร็จแล้วจัดแจงให้ร่างสูงที่ยังนอนเพ้ออยู่ตะแคงข้างแล้วกอดเค้าไว้แม้จะดูเงอะงะเพราะความเขินอายก็ตาม ยุนโฮโอบเอวบางไว้แน่นแล้วขยับตัวเข้าหาความอบอุ่น ทั้งๆที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไร แจจุงหน้าแดงก่ำบางครั้งริมฝีปากอิ่มของเค้าก็ไปโดนแผงอกกว้างของร่างสูง ค่ำคืนนี้แจจุงหวังว่ายุนโฮจะดีขึ้นแล้วกลับมาเถียงกับเค้าได้เหมือนเดิม….

                   ---------------------

                   -----------

     

                   ----------------

                   เปลือกตาค่อยๆขยับเมื่อแสงแดดเริ่มแยงตา และยากที่จะลืมตาในเวลา เพราะเค้านอนไม่พอเอาเสียเลย แจจุงเบ้หน้าเมื่อถูกรบกวนจากแสงภายนอกหน้าต่าง ร่างบางดึงผ้าห่มให้ปิดหัวจนมิด ก่อนจะยิ้มอย่างพอใจแล้วหลับต่อ  ผ่านไปสักพัก แจจุงก็ดีดตัวขึ้นมาทันที

                   ร่างบางหันมองไปรอบๆภายในรถ และไม่พบใครเค้าสำรวจตัวเองและพบว่าเสื้อถูกสวมไว้ถึงสองชั้น แถมยังไม่ใช่เสื้อของเค้าด้วย น่าจะเป็นเสื้อยืดของยุนโฮ แล้วแจ๊คเก็ตสีดำนี่ก็คงเป็นของยุนโฮเช่นกัน

                   แต่ยุนโฮหายไปไหน?....

                   แปลกแต่จริง ที่แจจุงรู้สึกกระวนกระวายใจและกำลังคิดไปในด้านลบในเวลานี้ เช้าแล้วแทบจะเรียกว่าเกือบจะเป็นเวลากลางวันเลยทีเดียว เนื่องจากแสงแดดจากภายนอกรถส่องเปรี้ยงๆจนเริ่มร้อน ในเวลาแบบนี้ยุนโฮไปไหนนะ! ตัวเองยังไม่หายดีแท้ๆ ร่างบางลุกขึ้นและเปิดประตูรถ รองเท้าถูกถอดขว้างใส่เจ้าบ้าสองคนนั่นแล้ว ร่างบางจึงหย่อนเท้าลงจากรถแล้วเดินเท้าเปล่า ทั้งๆที่พื้นทั้งร้อนและมีแต่ดินทราย แต่แจจุงไม่ได้สนใจอะไรในเวลานี้ เค้าได้แต่ขมวดคิ้วแล้วเบ้หน้าด้วยความเป็นกังวล สายตามองหาผู้คนที่น่าจะเดินทางมาแถวนี้ ไกลจากนี่ไม่เท่าไหร่นักเป็นทะเล น่าจะมีชาวประมงเดินผ่านไปมาบ้าง อาจจะพอขอความช่วยเหลือได้

                   แจจุงอยากร้องไห้ ร่างบางไม่รู้ว่าเพราะตัวเองกลัวหรือเป็นห่วงร่างสูงจนแทบจะบ้าขนาดนี้กันแน่

                   “ยุนโฮ!!!... จองยุนโฮฮฮฮ!!.... คุณยุนโฮฮฮฮ…. คุณอยู่ไหนน่ะ!!” แจจุงตะโกนเรียก เสียงที่สั่นเครือทำให้รู้ว่าคอเริ่มแห้งผาก และน้ำตากำลังจะไหลมาอีกครั้ง

                   “ฮืออออ ฮึกฮืออออออออออ ยุนโฮฮฮฮฮ คุณอยู่ไหน…. ผมกลัวววว…. คุณยุนโฮฮฮฮฮ ฮือออออๆ” แจจุงเอามือทั้งสองข้างขยี้ตาแล้วครางฮือในลำคอ ราวกับเด็กหลงทางที่หาพ่อแม่ไม่มีผิด หากใครผ่านมาในตอนนี้จะพบว่ามีเด็ก(ที่คิดว่า)อายุสิบสองกำลังร้องไห้เดินเท่าเปล่าท่ามกลางแดดที่ร้อนจัด เด็กคนนั้นเดินสะเปะสะปะไปจนถึงชายหาดจนได้….. แล้วแจจจุงก็ต้องผิดหวังอีกครั้งเมื่อไม่มีใครแม้แต่คนเดียว

    “ฮือออออออออออ!!!.... ยุนโฮฮฮฮฮฮฮฮ!!! คุณยุนโฮฮฮฮ!!

    “คิมแจจุง!?... เป็นอะไร ทำไมเดินมาตรงนี้” เสียงดังจากข้างหลังซึ่งเป็นเสียงที่คุ้นเคย ร่างสูงที่ตอนนี้กำลังทำหน้างงๆ และถามแจจุงด้วยความสงสัยก็ต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อแจจุงกระโดดกอดจนยุนโฮตัวโยน ร่างบางซุกหน้าเข้ากับหน้าอกกว้างของยุนโฮแล้วร้องไห้โฮ ยุนโฮยืนนิ่ง ใบหน้าหล่อเหลายังคงนิ่งงันด้วยความนึกไม่ถึงว่าร่างบางจะทำแบบนี้ แต่เค้าก็ยกมือขึ้นช้าๆแล้วกอดตอบ มือหนาตบที่หลังของแจจุงเบาๆก่อนจะลูบเป็นการปลอบโยน

    “คนบ้า!!..... ฮืออออออออๆ …. ผมกลัวนะ!... ทำไมทิ้งผมไว้คนเดียว…..ฮืออออออๆๆ”

    ….โอ๋ๆไม่เอา..ไม่ร้องนะ…. ฉันอยู่นี่แล้วไง…. หื้อ” ยุนโฮปลอบคนตัวเล็กให้นิ่งลง จนแจจุงเริ่มสงบ ร่างสูงจึงค่อยๆดึงร่างเล็กออกแม้เค้าอยากจะอยู่แบบนี้อีกนานๆก็ตามที แต่เมื่อยุนโฮเห็นร่างบางเดินเท้าเปล่าก็ยิ่งไม่สบายใจ

    “อ่ะนี่…. ฉันแค่ไปเอาน้ำจากน้ำตกเล็กๆในป่ามา คิดว่าเธอตื่นขึ้นมาคงคอแห้ง อ่ะ ถือเอาไว้” แจจุงรับมันไว้แต่โดยดี ใบหน้าสวยหวานตอนนี้เปื้อนน้ำตาแถมจมูกโด่งรั้นยังแดงเรื่อเพราะร้องไห้เมื่อกี้ดูน่ารักแล้วก็น่าสงสารพอๆกัน ยุนโฮ ก้มลงก่อนจะช้อนร่างของร่างบางขึ้นจนแจจุงตกใจ คว้าคอของยุนโฮมาโอบแทบไม่ทัน ทรายที่ติดเท้าของแจจุงกระเด็นขึ้นมาตามแรงเหวี่ยง

    “???” แจจุงยังงงอยู่ แล้วก็เขินอายในเวลาเดียวกัน เมื่อยุนโฮถอดรองเท้าของตัวเองแล้วเดินเท้าเปล่าเข้าไปในทะเล ก่อนจะปล่อยแจจุงให้นั่งลงบนเข่าข้างหนึ่งของยุนโฮที่ชันไว้รออยู่แล้ว มืออีกข้างโอบเอวบางให้ทรงตัวและอยู่กับที่ แจจุงตกใจจนสะดุ้งยกเท้าขึ้นมาแทบจะทันที แต่ก็ถูกมือหนาของยุนโฮกดลงไปในน้ำทะเลเหมือนเดิม มือหนาทำหน้าที่เป็นอย่างดี มันค่อยๆเกลี่ยดินทรายที่ติดเท้าของร่างบางออกด้วยความอ่อนโยน ยุนโฮทำแบบนี้กับเท้าของแจจุงทั้งสองข้าง โดยค่อยๆถูจนดินทรายออกจากเล็บเท้าและข้อเท้าด้วยจนหมด

    “เดินเท้าเปล่ามาได้ยังไงหื้อ?... เท้าคู่นี้ ฉันไม่เคยให้เปื้อนดินเลยนะ” ยุนโฮเอ่ยก่อนจะอุ้มร่างบางขึ้นอีกครั้ง คราวนี้แจจุงเอามือโอบคอของร่างสูงอย่างรู้ทัน

    ……………..” ยุนโฮมองหน้าของแจจุงนิ่งราวกับมีคำถามบางอย่างในใจของเค้า แต่ร่างบางก็ต้องเบือนหน้าหนีด้วยความอายอีกครั้ง เพราะใบหน้าของเค้ากับยุนโฮตอนนี้แทบจะชิดติดกันเลยก็ว่าได้ บางครั้งแจจุงยังสัมผัสได้ถึงลมที่ออกจากจมูกโด่งนั้นมาคลอเคลียกับปลายคางของเค้าเบาๆ ยุนโฮตัดสินใจไม่ถาม ก่อนจะเดินไปวางร่างบางให้เยียบบนรองเท้าของเค้า

    แค่อยากจะถามว่า…..ทำไมร่างบางถึงหายดื้อขึ้นมากระทันหัน….

    แต่ก็ไม่ถามดีกว่า…. เพราะถึงแจจุงจะมีแผนฆ่าเค้าอีกรอบ มันก็สมควรเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว

    เค้าก็คงไม่เสียใจเท่าไหร่นัก แต่ถ้าจะให้แจจุงกลายเป็นฆาตรกรเพราะเค้า เค้าก็ไม่มีทางยอมเด็ดขาด…..

    บางทีเค้าอาจจะต้องทำอะไรบางอย่างให้มันจบลง แต่มันคืออะไรล่ะ?... ยุนโฮไม่รู้……

    แต่ในตอนนี้มันสำคัญหรอ?.... อะไรจะสำคัญไปกว่าการที่ได้ปกป้องคนๆนี้ซึ่งเค้ารักมากยิ่งกว่าอากาศที่หายใจไม่ว่าคนๆนี้จะอยากฆ่าเค้าแค่ไหนก็ตาม ก็ช่างมันเถอะ….

                   ยุนโฮนั่งลงตรงหน้าร่างบางที่ยืนเหยียบรองเท้าเอาไว้ ก่อนจะยกขาข้างนึงของร่างบางขึ้น ร่างสูงเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงมาซับเท้าของแจจุงให้แห้งแล้วดันรองเท้าของตัวเองให้ร่างบางใส่ แม้จะหลวมไปหน่อย แต่ก็พอเดินได้ไม่ให้เท้าเปื้อน

                   “แล้วคุณ….

                   “ไม่เป็นไรหรอก….” ยุนโฮเดินเท้าเปล่านำหน้าไปโดยไม่ได้สนใจคำร้องเรียกของแจจุง ร่างบางยกขวดน้ำขึ้นแล้วกดปากขวดไว้ที่ริมฝีผากนิ่งก่อนจะเดินตามหลังร่างสูงต้อยๆ แจจุงตอนนี้ดูสงบและน่ารักผิดปรกติ อาจเป็นเพราะเรื่องราวเมื่อคืนด้วยล่ะมั้ง แจจุงไม่รู้ รู้แต่ว่าเค้าเริ่มรู้สึกว่าคนๆนี้เป็นคนดี ถึงมันจะขัดแย้งในใจ แต่เค้าก็ปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้

    ……เท้าฉันน่ะ…. เปื้อนได้….. แต่เท้าของเธอ…. ฉันจะไม่ให้เปื้อนเด็ดขาด” ยุนโฮหันมาเอ่ยกับแจจุง รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้น แจจุงใจเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนและไม่เข้าใจด้วยว่ามันคืออะไร….

    ---------------------------

                   ------------

                   “นั่นไง!! คุณยุนโฮ แจจุง!!!” เสียงเจื้อยแจ้วอันเป็นเอกลักษณ์ของจุนซูดังขึ้น ยูชอนเลิกสนใจรถของยุนโฮก่อนจะหันมามองเพื่อนของตัวเองก็กำลังเดินเท้าเปล่าแล้วโบกมือไหวๆให้กับเค้า ร่างสูงถอนหายใจเมื่อเพื่อนของเค้าสบายดี..

     จุนซูวิ่งไปกอดแจจุงแน่น แต่แจจุงยังไม่คุ้นชินกับจุนซูนัก แต่ก็รู้สึกอุ่นใจบอกไม่ถูก แจจุงกอดตอบแล้วยิ้มบางๆให้ อยากจะถามนิดหน่อยว่าทำไมผมถึงกลางเป็นสีฟ้าไปได้แต่แจจุงก็ไม่ได้ถามออกไป ส่วนยุนโฮกับยูชอนก็แท็คมืออย่างที่เคยทำเสมอ ก่อนที่ยูชอนเอามือชกไปที่ไหล่ของยุนโฮไม่แรงนัก

    “โอ๊ย!! ไอ้!....... ร่างสูงกุมไหล่ของตัวเองเบาๆ

    “ยังไม่ตายนี่หว่า……..” ยูชอนยิ้ม เมื่อได้เห็นยุนโฮเบ้หน้าด้วยความเจ็บ

    “แน่ล่ะ ถ้าฉันตาย ใครจะคอยสะสางงานให้นายว่ะ ไอ้หมายู….

    “ฮ่าๆๆๆๆๆ จริงสิ…. ฉันถึงได้โร่ตามนายมาถึงนี่ไงล่ะ….. ว่าแต่….ดูเหมือนรถนายจะโดนขโมยน้ำมันนะ?” ยูชอนยกนิ้วโป้งชี้ไปด้านหลัง ฝาน้ำมันเปิดออกอ้าซ่า 

                   “ใช่…. คงเมื่อคืนนี้ ตอนที่ฉันกับแจจุงหลับอยู่” แจจุงหน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล เมื่อคิดถึงว่า เมื่อคืนยุนโฮตื่นขึ้นมาเห็นเค้ากำลังถอดเสื้อแล้วกอดร่างสูงอยู่….จุนซูเอียงคอ งงกับปฏิกิริยาของแจจุงที่เปลี่ยนไปกระทันหัน

                   “แต่แกนี่ไวจริงนะ….. แถมมากับ…..

                   “อ้อ….. ลูกแมวน่ะ….ไม่ตั้งใจจะพามาหรอก มันกระโดดขึ้นรถมาเองแถมเมื่อเช้ายังข่วนซะรอยข่วนยังอยู่เลยดูสิ!!” ยูชอนดึงแขนเสื้อโชว์ให้ยุนโฮเห็นรอยข่วนยาวเป็นทาง แถมยังมองจุนซูตาขวาง ส่วนจุนซูก็ได้แต่กอดอกเชิดหน้าทำเป็นไม่สนใจ

                   “ป๊ะแจจุง ขึ้นรถกันเถอะ!.... นายคงหิว ฉันซื้อขนมปังกับนมมาให้ มีของคุณยุนโฮด้วยนะครับ”

                   “ขอบใจ” ยุนโฮยิ้มบางๆตอบ ….(ดูเหมือนเค้าจะลืมตัวนิดหน่อยที่ช่วงนี้ยิ้มได้มากขึ้นแล้ว) ทำเอาจุนซูหน้าแดงเล็กน้อย…. เริ่มเข้าใจนิดๆว่าทำไมแจจุงถึงรักคุณยุนโฮจนถอนตัวไม่ขึ้นแบบนี้ ก็รอยยิ้มแบบนี้มันบาดตาบาดใจบาดไส้บาดพุงให้คนมองต้องใจสั่นไปหมดน่ะสิ!! ยูชอนมองจุนซูที่ยืนบิดนิดหน่อยนั่นด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะอารมณ์เสีย กระโดดขึ้นรถตรงที่นั่งคนขับแล้วปิดประตูดังปัง!

    จุนซูขมิบปากใส่เบาๆ ถ้าสังเกตจะรู้ว่าลูกแมวตัวนั้นกำลังสบถว่า “ไร้มารยาท”

                   ------------------

                   --------

                   ยูชอนกำลังคิดว่าวิวตรงนี้เป็นมุมมองที่ดีที่สุด…..

                   จุนซูบิดตัวไปมา ก่อนจะเตะผ้าห่มให้หล่นลงพื้น ร้อนจนรู้สึกว่าแอร์โรงแรมมันเสียงหรือไงนะ ร่างบางนอนดิ้นหาพื้นที่เย็นๆบนเตียงนอนไปเรื่อยๆ จนเสื้อยืดตัวโคร่งร่นขึ้นไปกองตรงลิ้นปี่ เผยให้เห็นเอวบางที่มีหน้าท้องราบเรียบ ขาวเนียน แถมกางเกงบ็อกเซอร์ที่สั้นอยู่แล้วก็ร่นขึ้นไปอีกเล็กน้อยจนเห็นขาอ่อนขาวแน่น….

    ยูชอนกลืนน้ำลายอึกๆ พยายามไม่มองภาพที่ชวนให้กดสักสามสี่รอบนี่ เค้าเอามือปิดตาแต่ก็ถ่างนิ้วออกมาดูอีกเมื่อจุนซูพลิกตัวคว่ำลงแล้วยกข้างข้างนึงขึ้นเกี่ยวหมอนจนบ็อกเซอร์ตึงแน่น เผยให้เห็นก้นขาวๆโผล่พ้นชายกางเกงเล็กน้อย ยูชอนเผลอชะเง้อคอแล้วช้อนตามองเข้าไปให้ลึกอีกทั้งๆที่เอามือปิดตาอยู่ (ก็ถ่างนิ้วเอาไว้นี่นะ)

    “อยากกิน…..ไอติม…..ง่ำๆๆ” จุนซูละเมอแถมยังเอาลิ้นเลียแล้วก็เอาริมฝีปากกัดหมอน แล้วนอนต่อไปเฉยๆ

    ไม่ได้รู้อะไรเลยว่ากำลังยั่วให้ใครบางคนแทบจะทนไม่ไหว อยากจะเข้าไปโอบเอวแล้วไซร้คอให้หายอยากลงบ้าง!!  ยูชอนคิดว่านี่เป็นการทำบุญปล่อยสัตว์ครั้งใหญ่สุด เค้าหยิบผ้าห่มมาปิดส่วนโค้งเว้านั้นให้มิดชิดขึ้น ใบหน้าของยูชอนโน้มใกล้ร่างบางที่นอนหลับไม่รู้เรื่อง ร่างสูงชะงักงัน

    เอาน่า.. ขอนิดๆหน่อยๆ…. ไม่ตื่นหรอกน่า….

    ยูชอนโน้มหน้าเข้าชิดจนจมูกเกือบจะชนแก้มร่างบาง แต่……

    “อ๊า!!!!!!!!!!!!!

    -----------------------------------------

    -----------------

                   เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ เช้านี้ยูชอนถึงจะขับรถด้วยอารมณ์บูดนิดหน่อย แต่เมื่อได้เห็นยุนโฮปลอดภัย เค้าก็อารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง

                   “แผลเป็นไงบ้าง ฉันว่านายน่าจะไปให้โรงพยาบาลดูอีกที” ยูชอนเอ่ย พลางมองไปที่กระจกหลัง จุนซูกับแจจุงนอนเกยไหล่กันอยู่อย่างสงบ

                   “หึหึหึ” ยุนโฮขำหึๆในลำคอ มือดึงคอเสื้อเชิ้ตดูบาดแผลที่ถูกปิดด้วยผ้าก๊อตเรียบร้อย ก่อนจะยิ้มกรุ้มกริ่มแบบที่ยูชอนไม่ได้เห็นมานานมาก

                   “หัวเราะอะไรว่ะ?... ไอ้บ้า” ยูชอนพูดกลั้วเสียงหัวเราะ

                   “เป็นคนป่วยนานๆก็ดีเหมือนกัน….. ถึงจะเจ็บแต่ก็มีความสุข” ยุนโฮมองกระจกหลัง ยูชอนได้แต่ขมวดคิ้ว

                   “ฮ่าๆๆๆ สงสัยไข้จะขึ้น ไอ้บ้า!... แกเป็นมาโซคิสม์หรือไง?.....แปลกชะมัด” ยุนโฮหันไปไปหัวเราะเบาๆด้วย แล้วก็ไม่ได้บอกสาเหตุที่เค้ามีความสุขทั้งๆที่ยังเจ็บแบบนี้….

                   คงมีแต่จองยุนโฮคนเดียวที่รู้ว่าเพราะอะไร?......

                  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×