คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : แหกกฏ
จองยุนโฮ CEO หนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงที่เพิ่งถูกเลือกให้รับตำแหน่งนี้เมื่อสี่ปีที่แล้ว เค้าดูแลทั้งห้างสรรพสินค้า J.E.M ที่เค้าเป็นเจ้าของ และไหนจะโรงแรมที่เค้าหุ้นร่วมกับ ปาร์คยูชอน เพื่อนสนิทเพลย์บอยของเค้า
ออกจะคิดผิดนิดหน่อยที่ร่วมหุ้นกับปาร์คยูชอน เพื่อนผู้ไม่ค่อยสนใจจะดูแลธุรกิจโรงแรมห้าดาวนี้เท่าไหร่นัก เพราะหนุ่มเจ้าสำราญให้ข้ออ้างว่า เวลาของหนุ่มโสดสั้นยิ่งกว่าเหรียญสิบวอนเสียอีก เค้าได้แต่เอาเอกสารหนาพอที่มือเรียวยาวของเค้าจะหยิบได้โบกหัวสมองกลวงๆของยูชอนป้าบนึง ประธานปาร์คได้แต่หัวเราะ ก่อนที่จะยิ้มแล้วหมุนตัวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย!!” รู้สึกตัวอีกที ก็สายไปแล้ว ยุนโฮเพิ่งนึกได้ว่ามีเอกสารที่ต้องจัดการให้เสร็จ เอกสารกองนั้นคือเอกสารที่เพิ่งโบกหัวยูชอนไปเมื่อกี้ แต่ชายหนุ่มคงจะไม่หัวเสียขนาดนี้ ถ้าเอกสารพวกนี่เป็นเอกสารที่เค้าต้องจัดการ
แต่เป็นเพราะเอกสารพวกนี้เป็นของเจ้าของรอยยิ้มกวนๆเมื่อกี้ต่างหาก!!!
กว่าจะเสร็จเรียบร้อยนี่ก็ปาไปเกือบเที่ยงคืนทีเดียว
“ก๊อกๆๆ” เสียงเคาะประตูเบาๆปลุกให้เค้าตื่นจากความคิดเลื่อนลอยของเค้า ร่างสูงโปร่งรู้ทันทีว่าเป็นใคร นั่นเป็นเพราะเค้ากำชับกับแม่บ้านลีไว้ว่าหากคนๆนั้นกลับมา ให้ขึ้นมาพบเค้าที่ห้องทำงานทันที
“เข้ามา ” เอ่ยเสียงดังพอที่คนข้างนอกจะได้ยิน ยุนโฮหมุนเก้าอี้ก่อนจะลุกขึ้นมองวิวยามค่ำคืนหลังโต๊ะทำงานของเค้า สายตาจ้องมองไปยังตึกมากมายเบื้องล่างที่มีแสงไฟจากในตึกทั้งหลายจนทำให้วิวยามค่ำคืนชวนมองราวกับมีหิ่งห้อยมารวมตัวสังสรรค์กันมากมาย แต่ทว่าเค้าไม่สามารถรู้ว่าความสวยงามนั้นเป็นอย่างไร หรือชวนมองเพียงใด กระทั่งไม่สามารถรู้ว่าบิลบอร์ดแผ่นใหญ่ข้างๆเขียนไว้ว่าอย่างไร ทั้งๆที่หากสนใจสักนิด จะรู้ว่าเป็นโฆษณาแชมพูยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่ง แต่นั่นเป็นเพราะสมาธิจดจ่อกับใครบางคนที่กำลังเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานกว้างใหญ่ของเค้า
ร่างผอมบางเปิดประตูเบาราวกับว่ากลัวใครจะรู้การมาของเค้า ตอนปิดประตูก็เช่นกัน ร่างเล็กอิงประตูบานใหญ่จนแทบจะกลืนเข้าไปกับประตูนั้น ขาสองข้างถูกสั่งโดยสัญชาตญาณไม่ให้เดินเข้าไปใกล้ร่างโปร่งสูงที่กำลังหันหลังให้เค้าอยู่ ใบหน้าสวยหวานราวกับหญิงสาวก็ไม่ปาน ได้แต่ก้มลงต่ำเหมือนเตรียมรับกับบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น
“กี่โมงแล้ว ” ร่างบางเงยหน้าขึ้น เค้าเอียงคออย่างแปลกใจที่ได้ยินคำถามแรกที่ยุนโฮเอ่ยขึ้น ตากลมสวยเหลือบมองนาฬิกาแขวนเรือนใหญ่ที่วางบนโต๊ะทำงานของร่างสูง
“เที่ยงคืน เอ้ย เอ่อ ห้าทุ่มห้าสิบห้านาทีครับ” คิดว่าการพูดเวลาที่เถรตรงที่สุดน่าจะทำให้เค้าดูกลับบ้านมาเร็วขึ้นอีกไม่มากก็น้อย ทว่าคิมแจจุงไม่คิดว่าคนฉลาดอย่างยุนโฮจะรู้สึกดีขึ้น เหมือนเวลาที่ตั้งราคาเสื้อผ้าจาก 500 เป็น 499 ให้ดูเหมือนถูกลง ซึ่งเค้าก็คิดถูก .
“เวลากลับบ้านของนายคือกี่โมง”
“ห้าโมงตรงครับ เลทได้ถึงหนึ่งทุ่ม ” พูดก่อนที่จะกดคอตัวเองให้ต่ำลงอีกอย่างรู้สึกผิด
“เหตุผลที่กลับช้ากว่าหนึ่งทุ่ม
.” ยุนโฮหรี่ตาที่เรียวเล็กอยู่แล้วให้เล็กลงอีก น้ำเสียงเรียบเฉย แต่ทว่าแฝงด้วยความไม่พอใจทำให้แจจุงเหงื่อแตกพลั่ก
“ .เอ่อ . ผม ผมทำรายงานที่บ้านจุนซู คือ การบ้านของเราเยอะมาก ไหนจะรายงานคู่ รายงานเดี่ยว ผมทำคนเดียวไม่ได้ ความจริงผมจะโทรบอกคุณลีแล้ว ตะ แต่ แบทมือถือผมหมดครับ ผมขอโท ” เกือบจะพูดจบเท่าที่อยากพูด แต่ร่างสูงโปร่งหมุนตัวมาอย่างรวดเร็ว เร็วพอจะทำให้แจจุงชะงักค้าง ดวงตาคมดูดุดันราวกับด่าทอคนตรงหน้า ยุนโฮอดทนพูดและฟังเหตุผลของแจจุงได้ไม่นานนัก ร่างสูงโปร่งอ้อมโต๊ะทำงาน เค้าก้าวขาฉับๆอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไกลทีเดียวกว่าจะเดินถึงตัวร่างผอมบางได้ มือหนาใหญ่บีบแขนผอมบางแรงพอสมควร แจจุงนิ่วหน้า ไหล่ห่อลู่เข้าหาตัวมืออีกข้างได้แต่แกะมือหนาที่เกาะแน่นราวกับคีมเหล็ก
“ตั้งแต่พรุ่งนี้!..... ฉันจะไปรับ!... ถ้าจะทำรายงาน ให้คนขับรถไปรับคิมจุนซูมาทำที่บ้าน แล้วถ้าหากมีครั้งต่อไป อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ คิมแจจุง ” ประโยคแรกเสียงดังจนเค้าสะดุ้ง หากแต่ประโยคหลังๆกลับแผ่วเบาจนน่ากลัว ร่างบางตัวโยนเพราะมือที่บีบรัดปล่อยเชิงผลักให้ตัวของเค้าชนกับประตูด้านหลัง
“ออกไปซะ อย่ายืนอยู่นานให้ฉันอารมณ์เสีย ..” ไม่รอนานอย่างที่ร่างสูงพูดแน่ คิมแจจุงพาร่างของตัวเองวิ่งออกจากห้องทำงานใหญ่โตนั่น ก่อนที่จะเปิดประตูห้องของตัวเองที่อยู่ข้างๆห้องของร่างสูงแล้วรีบแจ้นเข้าไปทันที(ดูเหมือนว่าความน่ากลัวเมื่อกี้ยังไม่ได้หายไปเลย หากแต่อยู่ข้างๆนี้เอง)
ความจริงเค้าเตรียมใจไว้ก่อนแล้วว่าจะต้องโดนดุด่าจากร่างสูงแน่ ความจริงยุนโฮไม่ได้เป็นอะไรกับเค้าเลย ไม่มีเชื้อสายทางสายเลือดเลยสักนิด แต่เค้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างสูงจึงได้มาเป็นผู้ปกครองของเค้า เลี้ยงดูเค้าราวกับญาติคนหนึ่ง เพราะตั้งแต่จำความได้ . เค้าตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองอยู่ในโรงพยาบาลหรูแห่งหนึ่ง ร่างกายเจ็บปวดราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆได้ ผ้าพันแผลบนใบหน้า และสายอะไรไม่รู้ ระโยงรยางค์เต็มไปหมดบนตัวของเค้า
และเค้าก็พบว่าคนที่เค้าเห็นคนแรกคือ จองยุนโฮ
จำได้ดีราวกับภาพติดตา ร่างสูงที่ดูจะสูงน้อยกว่าตอนนี้นิดหน่อย นั่งข้างๆเตียงพยาบาล ใบหน้าดูเป็นกังวลเล็กน้อย แต่ทว่ายิ้มให้เค้าอย่างจริงใจ เมื่อเค้าฟื้นขึ้นมา เป็นยิ้มแรกที่แจจุงได้เห็น และเป็นยิ้มเดียวที่เห็นมาตั้งแต่ได้อยู่กับเค้ามาห้าปี ตอนนั้นเค้าอายุเพียง สิบสองปีเท่านั้น จองยุนโฮอายุยี่สิบสี่ปี เราห่างกันถึงสิบสองปี ตอนนี้เค้าอายุสิบแปดแล้ว ในสายตาของจองยุนโฮยังเห็นเค้าเป็นแค่เด็กอยู่
แน่นอนว่าทำไมคิมแจจุงจำได้ดี เพราะนั่นเป็นความทรงจำแรกที่เค้ารู้สึกตัว เพราะเค้าจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าตัวเองคือใคร พ่อแม่อยู่ไหน ชื่อแซ่อะไร หรือบ้านของเค้าอยู่ที่ไหน เคยเรียนที่ไหน ตอนแรกเค้าก็สับสนและรู้สึกแปลกๆ บางครั้งก็ร้องไห้ออกมาราวกับสูญเสียอะไรบางอย่างที่สำคัญมาก แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
นานทีเดียวกว่าจะปรับตัวให้เข้ากับคฤหาสน์ใหญ่โตราวกับวังที่บ้านของยุนโฮ พ่อของยุนโฮเสียแล้ว แต่แม่ยังอยู่ คุณนายจองยูรันเอ็นดูเค้าราวกับลูกคนหนึ่ง แม่บ้านและคนรับใช้ในบ้านล้วนแต่รักและเอ็นดูเค้าทุกคน
ก็มีแต่จองยุนโฮ ที่เย็นชากับเค้า หน้าบึ้งตึงและเรียบเฉย หน้าบึ้งตึงและเรียบเฉย หน้าบึ้งตึงและเรียบเฉย วนอยู่สองอย่าง ราวกับไม่ใช่คนเดียวกับที่เค้าเจอครั้งแรก หลายครั้งเค้าอยากจะถามยุนโฮเหมือนกัน แต่ดวงตาที่หรี่ลงมามองเค้าทำให้เค้านึกเปลี่ยนใจทีหลังเสมอ
แจจุงถอนหายใจแล้วก็ดึงแขนเสื้อขึ้น มองรอยมือสีแดงบนแขนขาวนวลของตัวเอง
แรงเยอะชะมัด
. คนบ้า
ตาคนหน้าบูด
ใครเอารังแตนผสมข้าวให้กินทุกวันหรือยังไง!....
แต่ทว่ากลับมีรอยยิ้มระบายบนใบหน้าสวยหวาน ยิ่งทำให้ดูน่ามองเข้าไปอีก เพราะบัดนี้คิมแจจุงยิ้มแก้มตุ่ยจนแก้มแทบจะแตกออกมา
“มันก็คุ้มดี เพราะเค้าจะไปรับเราทุกวัน .” พูดแล้วก็ยิ้มอีก พลางหยิบรูปที่ถูกซ่อนไว้ใต้หมอนของตัวเองออกมา เป็นรูปที่ร่างสูงถูกแอบถ่ายขณะที่กำลังทำงานอย่างขะมักขะเม้น ถ้าใครรู้เข้าอาจจะคิดว่าแจจุงเป็นมาโซคิสม์ ก็จองยุนโฮเหวเค้าซะขนาดนี้ เค้ายังนั่งยิ้มอยู่ได้
ก็คงคิดแบบนั้นได้ ถ้าใครๆไม่รู้ ว่าคิมแจจุงหลงรักจองยุนโฮ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นรอยยิ้มนั่น แม้จะยังไม่ได้เห็นรอยยิ้มนั้นอีกจนถึงตอนนี้ก็ตาม ..
ปาร์คยูชอนดื่มไปหลายแก้วแล้ว แต่ก็ไม่ยักกะเมา เค้ารู้ลิมิตของตัวเองดี วันนี้เค้าไม่ต้องการเมา เพราะเค้าไม่ได้รู้สึกเศร้าเสียใจ หรือฉลองอะไร เค้าแค่อยากมานั่งดริ้งค์สบายๆเฉยๆ
บางครั้งชายหนุ่มก็นึกยิ้มขึ้นมาคนเดียว เพราะกำลังคิดว่า พ่อเสือยิ้มยากนั่นกำลังหัวเสียกับตัวเองอย่างไร ยูชอนไม่คิดมากหรอก เพราะเห็นว่ายุนโฮเป็นคนบึ้งตึงแบบนั้นก็จริง แต่ความจริงยุนโฮเป็นคนใจดีและมีความอะลุ้มอล่วยมากพอดู เค้ากับยุนโฮทะเลาะกันนับครั้งได้ ครั้งสุดท้ายที่พวกเค้าทะเลาะกันไร้สาระมาก แค่ยูชอนหลอกว่า เค้าเป็นมะเร็งในวันเอพริลฟูลเดย์ เพราะเรื่องนั้นเกือบทำให้ลูกผู้ชายอย่างจองยุนโฮเกือบเสียน้ำตาทีเดียว
เห็นไหมล่ะว่า จองยุนโฮคนนี้น่ะ อ่อนโยนขนาดไหน
แต่ไม่ค่อยมีใครจะเข้าใจยุนโฮนักและไม่รู้จักส่วนที่น่ารักของยุนโฮแบบที่เค้ารู้ เพราะยุนโฮเป็นคนที่เก็บความรู้สึกเก่ง แสดงออกทางใบหน้าไม่เก่ง เงียบขรึม เอาการเอางาน ไม่ค่อยสนใจใคร ไม่ว่าจะมีนางแบบหรือดาราสาวสวยมากมายมาเสนอตัวให้เค้าเพราะความหล่อจัดของเค้า ทำให้ยูชอนจำเป็น(?) ต้องรับสาวๆพวกนี้มาควงเอง ซึ่งก็ไม่มีใครปฏิเสธหนุ่มฮอตอย่างเค้าอยู่แล้ว
คนมันหล่อก็แบบเนี๊ยะ!
“หัวเราะอะไรคนเดียวว่ะ ไอ้ปาร์คมิกกี้” ลีฮยอกแจวางมือบนไหล่ของเพื่อน มืออีกข้างถือแก้วเบียร์สด ก่อนจะนั่งลงข้างๆ
“คิดเรื่องตลกขึ้นมาได้น่ะ ว่าแต่นายมาอยู่แถวนี้ได้ยังไงเนี่ย”
“ฉันได้ยินมาว่า ช่วงนี้มีหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักมานั่งดริ้งค์กับเพื่อนบ่อยๆ ก็เลยอยากมาลองมองหาดู ตอนนี้ยังไม่เจอเลยว่ะ เจอแต่ผู้ชายลั้ลลาแถวเนี่ยะแหละ การงานไม่รู้จักทำ” เหน็บคนอื่นก่อนที่ตัวเองจะยกเบียร์ขึ้นซด ยูชอนหัวเราะร่า แล้วก็ยิ้มอยู่นั่นแหละ บางครั้งเมื่อสายตามองเห็นใครยกแก้วเชิงดื่มด้วย เค้าก็ยกแก้วรับก่อนจะดื่มตาม
“พวกแกนี่ก็แปลกนะ เป็นเพื่อนกันได้ยังไง อีกคนก็หน้าบึ้งตึง อย่างกะว่าลืมวิธียิ้ม แต่อีกคนกลับหน้ายิ้มร่า หัวเราะทั้งวันอย่างกะคนบ้า เหมือนลืมไปแล้วว่าโลกนี้ยังมีอะไรให้เครียดเยอะแยะ”
“เครียดทำไมว่ะ เงินก็มี sex ก็ไม่ขาด แค่นี้ไม่พอสำหรับชีวิตคนๆนึงหรอว่ะ” พูดแล้วก็ยิ้มอีก แต่ทว่าสายตาเหม่อลอย
“โห . ไอ้ไก่แจ้ ชีวิตแกมีอยู่แค่นี้หรอว่ะ หาคุณค่าได้ที่ไหนว่ะเนี่ยยยย” ฮยอกแจพูดเชิงหยอก แต่ก็อยากให้ยูชอนตอบจริงจังเหมือนกัน เพราะเพื่อนของเค้าดูจะมีชีวิตที่ไร้สาระไปวันๆมานานเกินไปจริงๆ
“คุณค่าหรอ . หมดไปนานแล้ว” พูดไปก็ยิ้มไป สายตายังเหม่อลอย พลางยกแก้วที่บรรจุวิสกี้สีเหลืองอำพันจรดปากอิ่มหนาพอดีของยูชอน ใบหน้าเปื้อนยิ้มมาตลอด บัดนี้ยิ้มเหมือนฝืนทน ฮยอกแจขยับตัวราวกับต้องการจะเอ่ยอะไรบางอย่าง ทว่าการคิดก่อนพูดของฮยอกแจยังใช้งานได้ดีเสมอเมื่อต้องหยุดตัวเองไม่ให้พูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป
อยากรู้แต่ไม่อยากถาม .
แค่อยากถามว่า ยังไม่ลืมเค้าใช่ไหม .
นึกขอบคุณตัวเองอีกที ที่กลืนคำพวกนั้นลงไปได้ เพราะตอนนี้ยูชอนได้แต่นิ่งเงียบ และยิ้มแบบที่เค้าเห็นแล้วอยากจะร้องไห้มากกว่า
ชักอยากเมาแล้วล่ะ
ปาร์คยูชอนเผลอคิดขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เช้านี้คือวันแรกที่ยุนโฮมาส่งแจจุง น่าจะเป็นอะไรที่ทำให้คิมแจจุงรู้สึกดีที่สุดถ้าไม่ติดแต่ว่า ตอนที่ยุนโฮลงจากรถร่างบางก็ต้องพบกับเสียงซุบซิบจากพวกผู้หญิงทั้งหลายในโรงเรียน หลายคนชี้ร่างสูงโปร่งให้เพื่อนดูพลางกรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่ หลายคนยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปไว้ราวกับร่างสูงเป็นดารา คิดว่ายุนโฮคงจะลำบากใจและรำคาญไม่น้อยที่ต้องกลายเป็นเป้าสายตาแบบนี้ที่หน้าโรงเรียนของเค้า แจจุงได้แต่รีบบอกลาและเดินฉับๆไปหาเพื่อนๆที่ยืนรอตรงต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ลึกจากประตูโรงเรียนเล็กน้อย
“เฮ้!! ยองวุคแจจุง! ฉันมีเกมส์ใหม่ล่าสุดมาให้นายดู! รับรองไม่ผิดหวังแน่!” ชางมินพูดพลางยกแขนขึ้นโอบรอบคอแล้วกดหัวแจจุงลงให้ชิดอกของเค้า มืออีกข้างที่ว่างอยู่ยังไม่วายขยี้ผมแจจุงจนเสียทรง
“นายต้องไม่เชื่อแน่!! ฉันชนะชางมินครั้งหนึ่งด้วยล่ะ!” จุนซูพูดอย่างตื่นเต้น เพราะชางมินไม่ค่อยจะแพ้ใคร ไม่ว่าจะเรื่องเรียนหรือเรื่องเกมส์ เป็นครั้งแรกจริงๆที่จุนซูชนะชางมิน ซึ่งนั่นออกจะเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจที่สุดในรอบปีของเค้าเลยทีเดียว
“เจ๋ง!!! คราวนี้ต้องเป็นตาฉันมั่ง นายไม่รอดหรอก!” แจจุงหัวเราะร่า พลางเตะเข้าที่ขาของชางมินจนร่างสูงแทบจะล้ม
เป็นการทักทายและล้อเล่นธรรมดาตามประสาเพื่อนวัยรุ่น ..ที่ยุนโฮดูไม่ค่อยจะพอใจนัก
ใช่แล้ว ยุนโฮยังคงยืนมองเจ้าของร่างผอมบางอยู่ที่รถ รอจนกว่าแจจุงจะขึ้นชั้นเรียน แว่นกันแดดมียี่ห้อปิดบังใบหน้าฉุนเฉียวได้ดี มุมปากไม่มีรอยยิ้มใดๆ พาลแต่จะดูเหมือนกัดฟันซะด้วยซ้ำ เค้าคิดเอาเองว่าบางทีอารมณ์แบบนี้คงเกิดขึ้นได้กับผู้ปกครองทั่วไป
ที่ห่วงคนในปกครองของตน .
ได้คำตอบให้กับตัวเองแล้วก็หมุนตัวขึ้นรถหรูของตัวเองมุ่งหน้าไปยังห้าง J.E.M. โดยที่ไม่สนใจสาวๆที่กำลังโห่ร้องด้วยความเสียดายที่พ่อหนุ่มรูปหล่อจากไปเสียแล้ว บางทียุนโฮไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังถูกจับตามอง เพราะสมาธิทั้งหมดของเค้าไปอยู่ที่ร่างเล็กบางที่กำลังเดินขึ้นห้องเรียนคนเดียวเท่านั้น
“เค้าคือประธานจองยุนโฮใช่ไหม! ใช่เค้าใช่ไหม” จุนซูถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เวลาว่างช่วงพักเที่ยงทำให้จุนซู ชางมิน และแจจุงได้มีโอกาสนั่งคุยกันไปทานขนมขบเคี้ยวไปพลาง ชางมินฉีกซองขนมออกแล้วเอาเข้าปาก สายตามองแจจุงราวกับต้องการคำตอบเช่นกัน
“ใช่ . นั่นเค้าล่ะ” แจจุงยิ้มบางๆ ไม่แปลกถ้าทั้งสองจะรู้จักจองยุนโฮ เพราะคิมแจจุงนั่นแหละ ที่มีอะไรก็เล่าให้ทั้งสองคนฟัง
แน่นอน เรื่องที่เค้าชอบยุนโฮด้วย
“เค้าดูไม่เหมือนคนอายุยี่สิบเก้าเลย หน้าเด็กและหล่อสุดๆ!” จุนซูพูดพร้อมเคี้ยวขนมตุ่ยๆ ชางมินพยักหน้าเห็นด้วย
“ไม่แปลกเลยที่นายชอบเค้า! นายรู้ไหม เค้าป๊อปมากในวงการนักธุรกิจและวงการไฮโซ เค้าหล่อมากขนาดนั้น แต่ไม่เคยเป็นข่าวกับใครเลย”
“ฉันไม่ได้ชอบเค้าตรงนั้นซักหน่อยน่า บอกแล้วไง ตอนที่เห็นเค้ายิ้มครั้งแรกนั่นแหละ ฉันถึง หลงรักเค้า” ประโยคหลังแผ่วเบาจนคล้ายเสียงลมพัดเบาๆ แต่ทว่าแม่บ้านจุนซุไม่ได้ชัดเต็มสองรูหู แล้วก็ยิ้มเขินเองอย่างกับตัวเองเป็นคนที่ตกหลุมรักเองยังไงยังนั้น
“อ๊ากกกก จะบ้าตาย คิมแจจุง! โรแมนติกสุดๆ ฉันอยากมีแบบนี้บ้าง!”
“แล้วตอนที่นายไปผับ Metal . โอ๊ย!!” จุนซูตบเข้าที่กลางหลังของชางมินป๊าบใหญ่ แล้วยกนิ้วชีขึ้นแตะริมฝีปากได้รูปของจุนซู
“จุนซุ!!!! นายเข้าผับด้วยหรอ!!! เราอายุ 17 นายเข้าไปได้ยังไง!!” เป็นการเอ็ดตะโรที่เบามากที่สุดของคิมแจจุง เค้าพยายามพูดให้เบาที่สุด เพราะถ้าหากครูได้ยิน หรือมีใครคาบข่าวไปบอก เพื่อนโลมาของเค้าซวยแน่ๆ
“จุ๊ๆๆๆ! เอาน่าๆ ก็ฉันอยากรู้นี่ว่าเป็นยังไง แล้วมันก็สนุกดีด้วย นายอยากลองไปไหมล่ะแจจุง!” ไม่วายยังจะชวนกันไปอีก ชางมินได้แต่เอาขนมจากในซองโยนใส่หัวจุนซูที่ไม่สนใจอะไรเลยนอกจากจะรอคำตอบจากแจจุง
“เอ่อ .. แต่คุณยุนโฮจะมารับมาส่งฉันทุกวัน ไปไม่ได้หรอก แค่ตอนไปทำรายงานที่บ้านนาย ฉันแทบตายแน่ะ เค้าไม่ด่าฉันมากหรอก แต่เวลาโดนเรียกไปพบ ฉันขนลุกทุกที เหมือนมีรังสีอำมหิต ”
อันที่จริงอย่าเรียกว่าไปทำรายงานเลย ตอนแรกที่ไปบ้านของจุนซูพวกเค้าก็ตั้งท่าทำรายงานอย่างดี เวลาผ่านไปพักยกด้วยการเล่นเกมส์แข่งกัน ถ้าไม่ใช่ว่าจุนซูแพ้ตลอด จนขอให้แจจุงเล่นกับเค้าอีก จนเวลาผ่านเลยมาถึงห้าทุ่ม เค้าก็คงทำรายงานเสร็จไปแล้ว
“โธ่!! คิมแจจุง นานทีปีหน ชีวิตคนต้องหนุกหนานบ้าง ไปเหอะ แล้วบอกคุณยุนโฮว่า ไปทัศนศึกษานอนหนึ่งคืน แล้วนายก็มาค้างบ้านฉัน” ยิ่งทำให้ชางมินโยนขนมใส่หัวจุนซูเพิ่มเรื่อยๆ แต่จุนซูก็ยังพูดเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจ
“ทัศนศึกษา . คิดได้ไงวะ เรื่องแบบเนี่ยะ นายเก่งสุดๆ จุนซู เอ้า! กินขนมบนหัวนายซะสิ” ชางมินหยิบขนมที่ติดผมสีน้ำตาลเข้มของจุนซูแล้วยัดเข้าปากที่พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด
“งั่มๆๆ ตกลงเอาไง ไปกัน ไม่ไปฉันโกรธ ไม่พูดด้วย ไม่ทำรายงาน ไม่ทำการบ้าน ไม่ .”
“ไอ้โลมา ที่นายพูดมันบังคับชัดๆ แล้วเรื่องทำการบ้านมันเรื่องของนาย ไปเกี่ยวอะไรกับแจจุง” ชางมินแย้ง
“เออน่า ก็เย็นนี้จองจินไม่ว่างไปกับฉัน ฉันไม่มีเพื่อนไปนี่นา พ่อคนสติปัญญาปราดเปรื่อง พ่อคนทำรายงานเก่ง ทำการบ้านเร็ว พ่อไอคิวร้อยแปดสิบ .”
“โอ๊ยยยยยยย! พวกนาย หยุดๆ ไม่ต้องทะเลาะ ฉันไปด้วยก็ได้ แต่! จุนซู นายต้องรีบทำรายงานกับการบ้านทั้งหมดให้เสร็จห้ามให้ฉันมาช่วยลอกทีหลังนะ!”
“โอเค! ยากที่ไหนเล่า”
แจจุงไม่วายต้องเสี่ยงโกหกยุนโฮอีกแล้วหรือนี่ อันที่จริงเค้าก็อยากลองไปเที่ยวดูเหมือนกันถึงได้ตามใจจุนซูได้ง่ายๆ เพราะยุนโฮไม่ค่อยให้เค้าออกไปเที่ยวไหนกับเพื่อนเลย เค้าเคยขอยุนโฮไปเที่ยวต่างจังหวัดกับจุนซูและชางมิน แต่ยุนโฮก็ไม่ไป ขนาดแค่ไปดูหนัง ยังต้องขอแล้วขออีก หลายครั้งที่เค้านึกสงสัยว่า ทำไมยุนโฮถึงได้เคร่งครัดกับเค้านัก แต่เค้าก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ แค่ยุนโฮรับเค้ามาอยู่ด้วยทั้งๆที่เค้าไม่ได้เป็นอะไรด้วยเลยก็เป็นพระคุณมากพออยู่แล้ว
แต่นกน้อยในกรงน่ะ อดทนได้ไม่นานเมื่อเห็นต้นไม้ใบหญ้าข้างนอกหรอกนะ
..
“ดูตัวหรอ” ยุนโฮโยนรูปหญิงสาวสี่ห้าใบลงบนโต๊ะทำงาน มือเรียวยาวเสยผมแล้วเกาหัวแกรกๆ ใบหน้าเบื่อหน่ายและแสดงออกว่าไม่พอใจอย่างมาก เค้าพยายามใจเย็นและนั่งลงตรงโซฟาในห้องทำงานของเค้า คุณนายจองแทรกเวลานัดเข้ามาในตารางของเค้า โดยที่เค้าไม่รู้ตัวอีกแล้ว นี่เป็นครั้งที่ห้าที่ยุนโฮดูตัว สี่ครั้งที่ผ่านมาเค้าปฏิเสธคู่ดูตัวของเค้าอย่างไม่มีเยื่อใย แต่ไม่วายคุณนายจองก็ยังพยายามจัดพิธีดูตัวขึ้นมาอีกเรื่อยๆ จนเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายสุดๆ จะสี่โมงแล้ว เค้าต้องไปกี่ที่นักหนา กับผู้หญิงห้าคนนี้
กร่นในใจแล้วก็คว้าสูทที่วางบนโต๊ะมาสวม ก่อนที่จะหมุนตัวออกไป ที่แรกคือร้านกาแฟ ต่อมาคือโรงแรมของเค้าเอง อีกที่คือร้านอาหารที่ภัตตาคารตรงแม่น้ำฮัน ต่อมาคือที่เลาจ์ของอีกโรงแรมหนึ่ง
ที่สุดท้ายคือผับ Metal
.
“ผับนี้ดังมาก แล้วก็มีแต่พวกไฮโซที่ชอบมานั่งดริ้งค์ ” จุนซูกล่าวในขณะที่กำลังขับรถคันเก่งของพี่ชาย โดยที่มีแจจุงนั่งอยู่ข้างๆ จุนซูพูดเสร็จ ไม่ทันไรก็ถึงที่หมาย เนื่องจากมีการตรวจบัตรประชมชน และทั้งสองก็ยังมีอายุไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเข้าผับได้ตามกฏหมายแต่พวกเค้าก็เข้าผับได้ด้วยความช่วยเหลือจากรุ่นพี่ของจุนซูที่ทำงานอยู่ที่ผับนี้
“ครั้งสุดท้ายแล้วนะ ให้ผ่านมาบ่อยๆมากกว่านี้ไม่ได้หรอก พี่จะโดนเอ็ดเอา ถ้าใครรู้เข้า .” ชเวซีวอน บาร์เทนเดอร์หนุ่มพูดกับจุนซู พร้อมยื่นค็อกเทลเบาๆหนึ่งแก้ว จุนซูไว้ใจให้ซีวอนผสมค็อกเทลคนเดียว แล้ววันนี้เพื่อนของเค้าก็มาด้วย ยิ่งแจจุงด้วยแล้ว ยิ่งเสี่ยงต่อการโดนมอมเป็นที่สุด ทำไมน่ะหรอ? ทั้งเค้าและแจจุงน่ะเป็นดาวเด่นของโรงเรียน ที่ไม่ว่าเพศไหนก็อยากจะได้ใกล้ชิดทั้งนั้น
ตัวจุนซุเองมั่นใจหรอกว่าดูแลตัวเองได้ แต่แจจุงนี่สิ ไร้เดียงสาเกินไป ส่วนหนึ่งที่เค้าอยากให้แจจุงมา เพราะอยาให้มารู้จักอีกโลกอีกด้านหนึ่งเท่านั้นเอง
สิ่งที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีที่สุดยิ่งล่อตาล่อใจ . ก็เหมือนกับอัญมนีที่ถูกเก็บไว้ในตู้เซฟนั่นแหละ
หึ ถ้าไม่เก็บไว้ในตู้เซฟก็มีใครรู้หรอกน่าว่าเป็นอัญมนี
“เอาน่าพี่ซีวอน ถ้าหมดวันนี้ไป ก็คงอีกนานกว่าจะได้มา ปีหน้าก็จะเอ็นท์แล้ว ขอลั้ลลาบ้างสิ ฮิๆ” พูดเสร็จก็ยิ้มตาหยี่น่ารัก ซีวอนลูบหัวรุ่นน้องด้วยความหมั่นไส้ ร่างโปร่งยิ้มให้แจจุงก่อนที่จะหยิบค็อกเทลสีฟ้าสวยให้กับแจจุง
“Blue night เหมาะกับคนสวยๆแบบคุณครับ คิมแจจุง” ไม่วายยิ้มหยอดให้อีกที แจจุงรับมาอย่างอายๆ ซีวอนมีเสน่ห์เหลือล้น จุนซูบอกว่า ซีวอนเป็นคนร่ำรวยคนหนึ่งนั่นแหละ ผับนี้ก็เป็นของเค้าทว่าเค้าไม่ยอมให้พ่อของเค้าบอกใครว่าเป็นลูกชายของเจ้าของอหังสาริมทรัพย์มากมาย ทั้งคอนโดมีเนียมที่คังนัม ธุรกิจส่งออกคอมพิวเตอร์ และรวมถึงผับหรูที่นี่ด้วย เพราะเค้าอยากทำงานอดิเรกเล่นๆผับแห่งนี้ การได้มาเป็นบาเทนเดอร์เป็นการฆ่าเวลาของเค้า ที่สำคัญยังได้เหล่หนุ่มๆสาวๆที่นี่อีกด้วย
แจจุงหยิบค็อกเทลสีสวย ยกขึ้นจรดริมฝีปากแดงปลั่ง รสชาติอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ เกิดมารึ แอลกอฮอล์สักนิดก็ไม่เคย คิดว่าจะขมๆซะอีก ริมฝีปากอวบอิ่มยิ้มอย่างพอใจ
“มันแค่ค็อกเทลน่ะแจจุง เหมือนน้ำผลไม้มากกว่าใช่ม้า แต่ถ้ากินเยอะจะเมาได้นะเพราะมีแอลกอฮอล์เหมือนกัน แต่วันนี้ฉันต้องรับผิดชอบนาย ให้นายเมาไม่ได้หรอก หึหึ” พูดแล้วก็ยกค็อกเทลแก้วใหม่ขึ้นดื่นรวดเดียวหมด
“ฮ่า! อร่อยจังพี่ซีวอน อันนี้คิดขึ้นมาใหม่หรอ”
“ถูกต้องพี่เพิ่งคิดเมื่อกี้ มันเหมาะกับนายดี รสชาติออกเปรี้ยวนิดๆ Purple virgin กินแล้วเหมือนบินได้ มันผ่อนคลาย คล้ายๆยาเสพติด กินอันนี้แล้วเมาเร็ว พี่ให้นายแก้วเดียว ให้ลองชิม .แต่คุณแจจุงไม่ได้ เพราะเพิ่งดื่ม เร็วไปนะครับ ทานอย่าอื่นไปก่อน ผมว่า Gold Rabbit เหมาะกับคุณมาก” ว่าแล้วก็หยิบนั่นใส่นี่ เขย่าๆ ควงไปมา ก็ได้อีกแก้วหนึ่งแล้ว ซีวอนสุภาพและน่ารัก ทำให้ร่างบางรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
แจจุงรู้สึกสนุกที่ได้ดูวิธีการผสม และได้ทานอะไรแปลกใหม่อย่างที่เค้าไม่เคยทำมาก่อน รู้สึกขอบคุณที่จุนซูพาเค้ามาเปิดโลกบ้าง ไม่ใช่หมกตัวอยู่แต่ในห้องใหญ่ๆที่วังของจองยุนโฮ
“แจจุง!! ไปเต้นกันบ้างเหอะ เพลงกำลังสนุกเลย!!” แน่นอนว่าเป็นเสียงเจื้อยแจ้วจากจุนซู
ขาเรียวก้าวฉับๆเข้ามาในผับหรูอย่างรวดเร็ว สองสามชั่วโมงมานี่ทำให้เค้าปวดหัวพอดู ผู้หญิงพวกนี้น่ารำคาญไม่หยอกเลยทีเดียว ดีเหมือนกันที่รายสุดท้ายนัดที่นี่ เค้าขอแอลกอฮอล์มาดับความเซ็งของเค้าให้ลดลงบ้างอีกอย่างหนึ่ง เพราะที่นี่เป็นผับที่ยูชอนชอบมานั่งเหล่หนุ่มๆสาวๆ บางทีหมอนั่นอาจจะเป็นข้างอ้างที่ดีในการปลีกตัวออกมาก็ได้ ยุนโฮนั่งในห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้เฉพาะของวีไอพี เป็นห้องกระจกชั้นสองที่มองลงมาแล้วจะเห็นฟลอร์ที่เต็มไปด้วยผู้คนเป็นอย่างดี ยุนโฮสั่งวิสกี้มานั่งดื่มให้พอคลายความเบื่อหน่ายลง ไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออก หญิงสาวสวยผมยาวค่อยๆก้าวเข้ามาอย่างเหนียมอาย ชุดกระโปรงสั้นสีแดงขับให้ผิวขาวยิ่งสวยมากขึ้น
ยุนโฮถอนหายใจ ผู้หญิงเดี๋ยวนี้หน้าเหมือนกันหมด ใบหน้าของพวกหล่อนเขียนไว้ว่า ผ่านการศัลยกรรมมาทั้งนั้น หมอเกาหลีคิดอะไรไม่ออกแล้วหรือไง เคยเผลอทำให้หน้าเหมือนกันบ้างหรือเปล่า? น่าจะคิดหน้าแบบอื่นไว้เยอะๆ
แบบนี้มันโหลเกินไปนะ วิจารณ์ในใจเสร็จก็แนะนำตัวเป็นพิธี ก่อนจะเข้าเรื่องเดิมน่าเบื่อ คล้ายๆสามสี่คนที่ผ่านมา
แจจุงกับจุนซุกำลังสนุกกับการเต้นบนฟลอร์ จังหวะเพลงสนุกสนานจนพวกเค้าไม่อยากกลับไปที่บาร์เท่าไหร่นัก เวลาผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ จุนซูจึงพูดดังๆข้างหูของแจจุง
“ฉัน ปวด ฉี่ ไป ห้อง น้ำ ไหม!!!” เสียงดังสุดคอแล้ว แต่เหมือนแจจุงยังไม่ค่อยได้ยิน ใบหน้าสวยขมวดคิ้ว จนจุนซูทำท่ายิงกระต่ายให้ดูนั่นแหละ แจจุงก็หัวเราะ และทำมือไล่ให้จุนซูไป เพราะเค้าขี้เกียจเดิน บนฟลอร์คับแคบไปด้วยคน ไปไหนลำบาก เค้าเลือกจะรออยู่ที่นี่ดีกว่า
หญิงสาวขอตัวไปเข้าห้องน้ำ จองยุนโฮถือโอกาสเดินลงมาที่ฟลอร์ เผื่อจะเจอยูชอน อย่างน้อยเค้าอยากจะระบายให้เพื่อนฟังว่าวันนี้เค้าต้องเจอกับอะไรบ้างละน่าเบื่อแค่ไหน ยุนโฮเดินไปมารอบฟลอร์ ยูชอนชอบนั่งดริ้งค์มากกว่าเต้นก็จริง แต่เค้ากราดสายตาแล้วบนโต๊ะหรูมากมายนั่นไม่มีเจ้าคนหน้าด้านคนนั้นอยู่เลย ร่างสูงหันมามองหายูชอนบนฟลอร์อีกครั้ง ทว่าสิ่งที่เค้าเห็นคือร่างที่คุ้นเคยสวมเสื้อแขนยาวเข้ารูปที่เค้าเคยเห็น ไม่สิ ต้องเรียกว่าเค้าแทบจะจำเสื้อผ้าทุกตัวของคิมแจจุงได้ เพราะเค้าเป็นคนซื้อให้เองทั้งหมด
คิมแจจุง
ไม่หรอกมั้ง คิมแจจุงไปทัศนศึกษา ทว่ารอยยิ้มกลีบกุหลาบที่เค้าไม่เคยลืม ที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เค้ามั่นใจขึ้น เค้าพยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่าคนๆนั้นน่าจะศัลยกรรมจนหน้าเหมือนแจจุงกระมัง ทว่าเมื่อมีชายหนุ่มร่างสูงโปร่งจากที่ไหนไม่รู้เข้ามาหยอกล้อและเต้นข้างๆร่างบางนั่น ความคิดเข้าข้างตัวเองเมื่อกี้ก็พลันสลายหายไปกับเสียงเพลง เพลงเร็วถูกเปลี่ยนเป็นเพลงช้าเปลี่ยนอารมณ์ หลายคนกลับไปที่โต๊ะ ทำให้เค้าได้เห็นร่างบางชัดขึ้น
คิมแจจุงหันหลัง เค้าต้องไปหาคิมจุนซูเพื่อบอกว่า วันนี้เค้าสนุกมาก และอยากกลับแล้ว ทว่าสิ่งที่เค้าเห็น คือร่างสูงโปร่งที่กำลังทำหน้าเรียบเฉย ใบหน้าที่คุ้นเคย ใบหน้าที่เค้าชอบ
------------------------------------
-------------
ทว่าตอนนี้ คิมแจจุงกลับคิดว่า ใบหน้าเรียบเฉยนั่น น่ากลัวที่สุดเท่าที่เค้าเคยเจอ
------------------------------------------------------------------------------
แหะๆ เป็นไงบ้างคะ ตอนแรก >< ถูกใจหรือไม่ ช่วยเม้นบอกหน่อยน้า
ความคิดเห็น