ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The five lucky people

    ลำดับตอนที่ #4 : โลกิ : แผนร้ายแกล้งน้อง

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 58


    ชู่ว...

                เงียบไว้นะทุกคน  นี่ผมโลกินะ ผมกำลังวางแผนการชั่วร้ายอยู่ล่ะ หึ หึ ความใฝ่ฝันของผมคือผู้ครอบครองเหรียญตราผู้ร้ายเชียวนะ คุณคงไม่คิดจะทำมันพังใช่ไหม ไม่ต้องคิดมากหรอก เพราะถ้าคุณทำมันพัง ผมนี่ล่ะ จะเป็นคนแรกที่ฆ่าคุณ เพราะฉะนั้นเงียบไว้ซะ!!!

                เอาล่ะ ตอนที่แล้วคาเมลคงจะอธิบายอะไรไปบางส่วนแล้ว ผมคงจะไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เพราะผมจะโยนไปให้พวกที่เล่าคนหลังๆเล่า หึ หึ ผมไม่ได้เลวนะครับ แต่ผมชั่วต่างหาก ใครเถียง ผมจะเอามีดไปกะซวกมัน ฮ่าๆๆ

                เอาล่ะ ผมได้ทำสิ่งที่ไม่ค่อยชั่วร้ายไป อืม มันออกจะเสียศักดิ์ศรีผู้ถือเหรียญตราผู้ร้ายอยู่ แต่มันก็สะใจดี

                เริ่มจาก อันดับแรก ผมได้เอาลูกหมาตัวน้อยที่ยูเอลเอามาเลี้ยงไปขังไว้ให้มันออกมาไม่ได้ แม้ว่าสุดท้ายเมลบีจะช่วยออกมาให้เจ้าเด็กปัญญาอ่อนนั่น แต่ก่อนหน้านั้นยูเอลก็น้ำตาไหลพรากเชียวล่ะ

                อันดับสอง ผมได้ขังยูเอลไว้ในห้องกับบรรดาตุ๊ตาหมีของเขา เชื่อไหม เด็กนั่นโวยวายลั่นบ้านเชียว หึ หึ สะใจชะมัด

                จากนั้นผมก็แกล้งผีเขา เทข้าวเขาทิ้ง ผลักของใส่ เอาหมามุ่ยยัดใส่ตุ๊กตาคาสเตอร์สุดรักของเขา และสุดท้าย ผมก็อาตุ๊กตาพอลลักษ์ของเขาไปซ่อน ฮ่าๆ มันเป็นอะไรที่สะใจจริงๆเลยโว้ย!

              สาเหตุที่ผมชอบแกล้งยูเอลน่ะเหรอ?

                เพราะเด็กนั่นแกล้งแล้วสะใจไงล่ะ! เด็กนั่นแกล้งง่ายชะมัด จะว่าผมรังแกเด็กก็ได้นะ เพราะมันเป็นเรื่องจริง วะฮ่าฮ่า

                เอาล่ะ ผมคิดว่าเราควรเข้าสู่โหมดเครียดกันได้แล้ว...

                ตอนนี้ผมอยู่หลังบานประตูหน้าตู้เก็บของในห้องรวม ไฟในห้องปิดสนิท สายไฟระโยงรยางค์เต็มพื้นห้อง ผมถือไฟฉายไว้หนึ่งดวงแต่ยังไม่เปิด ตามผนังของห้องนี้เต็มไปด้วยด้ายขาวโยงใยคล้ายใยแมงมุม ตุ๊กตาบาร์บี้ที่โดนผมเอาสีทาขอบตาจนน่ากลัวห้อยด้วยเชือกอยู่กลางห้อง สภาพตอนนี้ของห้องคงดูเหมือนบ้านผีสิงซักที่ และนั่นล่ะที่ผมต้องการ หึ หึ หึ

                “พี่คาเมลครับ เราจะไปหาพอลลักษ์ที่ไหนครับ?”เสียงเด็กเจ้าปัญหาถามขึ้นเมื่อบรรยากาศอยู่ในความเงียบสนิท ผมเริ่มขยับยิ้มเมื่อรู้ว่าเป้าหมายเข้ามาใกล้

                “ลองหาที่ห้องของตัวเองดูก่อนไหมยู เผื่อว่าจะเจอ บางทียูอาจจะลืมมันไว้ที่ไหนซักแห่ง”

                “ไม่ต้องหรอกครับ ผมไปหามาแล้ว คิเมะก็ถามแล้ว เขาบอกว่าพอลลักษ์ไม่อยู่ในห้องเลย”เสียงนั้นดังขึ้นที่หน้าประตู ผมเดาได้แทบจะทันที เจ้าเด็กยูเอลปัญญาอ่อนนั่นกับคาเมลนั่นเอง

                ผมแอบมองพวกเขาไปทางรูของประตู คาเมลที่กำลังเดินไปตามทางเดินอยู่ในชุดนอนสีขาว และแน่นอน แม้เพิ่งจะตื่นนอน หนุ่มหน้านิ่งผู้สุขุมเยือกเย็นเสมอก็ยังมีผมเป็นระเบียบเรียบร้อยต่างจากเด็กชายคนที่เขาจูงมือมา เจ้าตัวเล็กนั่นมีหน้าหวานราวกับผู้หญิง ชุดนอนสีส้มอ่อนลายหมีพูห์ยับยู่ยี่ ผมสีเหลืองอ่อนยาวระต้นคอยุ่งเหยิงแบบแปลกๆ แต่ตาคู่นั้นมีแววแห่งความไร้เดียงสาอยู่(?) เห็นแล้วมัน...น่าแกล้งชะมัด!

                คาเมลหยุดกึกขณะเดิน คิ้วขมวดมุ่น ชายตามองเด็กชายตัวเล็กอย่างละเหี่ยใจ

                “คิเมะ?”คาเมลถามอย่างสงสัย ซึ่งมันตรงกับใจผมมาก ไอ้เด็กบ้ายูเอลมักมีชื่อแปลกๆมาตั้งอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตา สัตว์เลี้ยง หรือแม้กระทั่งต้นไม้

                “ตุ๊กตาตัวใหม่น่ะครับ เขาชื่อว่าคิเมะ รอบรู้แทบจะทุกอย่าง ฉลาดมากเลยล่ะครับ แต่เขาไม่รู้ว่าพอลลักษ์อยู่ที่ไหน วันนี้ผมถามเขา เขาก็ไม่ตอบ”ยูเอลบอก คาเมลตบหน้าผากตัวเองดังแปะ!

                “นี่ยูคุยกับตุ๊กตาเหรอ!!!”แม้เสียงจะดูเครียดๆแฝงความละเหี่ยใจ แต่หน้าของคาเมลก็ยังคงความสุขุม

                “ใช่ครับ ทำไมเหรอ”ยูเอลตอบด้วยความไร้เดียงสา(และตาใสๆ)

                “ช่างมันเถอะ ลองเข้าไปหาในห้องรวมดูก็ได้”คาเมลบอก ผมทำตาโตขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าแผนการตัวเองเริ่มมีรอยรั่ว เพราะถ้าคาเมลเข้ามา แผนจบแน่

                หลังจากนั่งเอ๋อไปครู่หนึ่งผมก็นึกถึงตัวช่วยออก และแสยะยิ้มชั่วร้ายออกมาแม้จะไม่มีใครเห็น ผมหยิบโทรศัพท์รุ่นปาหัวหมาแตกออกมา เหตุที่ใช้มานานขนาดนี้เพราะมันทนดี เหตุผลที่สองคือผมขี้เกียจซื้อ และเหตุผลที่สามคือผมไม่มีตังค์... จากนั้นก็เริ่มโทรศัพท์หาคูหูผู้ร่วมช่วยผมทำแผนการชั่วร้ายมานาน  นิค... ถือสายรออยู่นานทีเดียว แต่พอมันรับ...

                [โทรมาทำไมวะ] มันก็ยังคงปากเสียเหมือนเดิม...

                “มีอะไรจะให้ช่วย”ผมบอกมันด้วยเสียงเบาราวเสียงกระซิบชนิดที่คงต้องเงี่ยหูฟังกันเลยทีเดียว

                [พูดอะไรวะ ไม่ได้ยินโว้ย!!!]นี่ก็จะตะโกนทำไมนักหนา อุตส่าห์กระซิบไปแล้วนะ

              “เบาๆสิวะไอ้บ้านี่ ถ้าไม่เบาเสียงลงฉันจะไปฆ่าแก”ผมขู่กลับตามมาดผู้ร้าย แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะกลับมา ทำให้คิ้วผมเริ่มกะตุก “หัวเราะอะไรวะ! แต่เสียงเฮฮาแปลกๆ นี่แกอยู่ที่ไหนเนี่ย”

                [ผับ] สั้นๆ ง่ายๆ

                “ไอ้ขี้หลีเอ้ย!!!

                [อะไรเล่า แกก็รู้นิสัยฉันนี่หว่า บ่นอะไรมากมายอีกล่ะ ฉันน่ะ มันผู้ชายร่าเริง ให้นอนจับเจ่าอยู่ที่ร้านคงเฉาตาย]

                ไอ้บ้านี่มัน...

                “เออ ไม่ขัดขวางเวลาเสเพลของแกแล้ว แค่นี้ล่ะ!

                [เฮ้ย พูดผิดนะเว้ย เขาเรียกว่าเวลาล่าผีเสื้อต่างหากเล่า! ผีเสื้อที่นี่น่ะ สวยๆทั้งนั้นเลยนะเว้ย]

              ผมกัดฟันกรอดข่มอารมณ์อยากกระทืบชาวบ้านไว้

                “เออ!”ผมตอบ แล้วตัดสายทิ้งทันที...

                โว้ย!!! อย่างนี้ผมก็ต้องจัดการคนเดียวน่ะเซ่! เอาเถอะ ยังไงผมก็ได้เหรียญตราผู้ร้ายมาแล้ว หึ หึ มีแผนเสมออยู่แล้ว!

              ล่ะมั้งนะ...

                (อ้าว)

    มาอีกตอนแล้วนะครับ^^ ตอนนี้อาจจะสั้นไปนิด ผิดพลาดยังไงก็ติเตือนกันด้วยนะครับ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×