คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เมื่อพ่อและแม่มาเยือน
พวกเราลงมากินอาหารที่แม่บ้านจัดเตรียมไว้ให้อย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากเสียเวลาไปแม้แต่นาทีเดียว เอาล่ะกล้องดิจิตอลที่อุตส่าห์เตรียมมาก็คงจะได้ใช้ก็คราวนี้แหลนะ
“อุ๊ย!วินเอากล้องมาด้วยเหรอ ชั้นก็ลืมสนิทเลยเดี๋ยวอัดมาให้ด้วยนะ”
“ชั้นด้วยๆ”คนอื่นก็จะเอากันใหญ่ชั้นแค่พยักหน้าแล้วยิ้ง เริ่มจากในบ้านพวกเราถ่ายรูปคู่กันทีล่ะคนกับชั้นแล้วก็ให้พวกแก๊งสาวๆทั้ง5ถ้าด้วยกันก่อนจะถ่ายรวมทั้งหมดชั้นถ่ายกับเดวิลและเอ็นโดยมีชั้นอยู่ตรงกลางคนอื่นๆบอกว่าเหมือนศึกชิงนางแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรแค่ขำๆ ชั้นบังคับให้เอ็นถ่ายคู่กับเดวิลให้ได้จนในที่สุดเค้าก็ยอม
“โอ๊ยหล่อทั้งคู่เลย คนนี้ก็หล่อแบบน่ารักคิขุ คนนี้ก็หล่อคมเข้มไม่รู้จะเลือกใครดีแล้วเนี่ย>////<”โบว์กับตองพูดกันอย่างกระดี้กระด้า ทำให้ทั้งสองหนุ่มต้องยิ้มแหยๆให้พวกเธอ
“เอาล่ะให้อีกสองรู้นะในบ้านเดี๋ยวออกไปถ่ายที่อื่นแล้วเมมโมรี่หมด”ชั้นพูดแล้วจึงมองไปที่เพื่อนๆที่ยืนเรียงกันอยู่
“เดวิล!”เดก้าวออกมายืนข้างหน้าแล้วทำท่าเหมือนกล้าๆกลัวๆนี่มาถ่ายรู้นะไม่ใช่จะให้ไปออกรบชั้นหัวเราะหน่อยๆก่อนจะเหลือบไปเห็นโอปอมองมาที่ชั้นอย่างวอนขอแล้วมองไปที่เดวิลอย่างยั่ยยวนนายนั่นเลยหันมาหาชั้นแล้วส่ายหน้าหน่อยๆ ยังไงถึงจะไม่พูดอะไรชั้นก็ไม่ให้เค้าถ่ายคู่กับโอปออยู่ดีเพราะว่าคนที่ชั้นเลือกให้เดวิลไม่ใช่โอปอนี่นา
“หมิง!”
“เฮ้ย!”หมิงสะดุ้งแล้วมองไปที่เดวิลอย่างรังเกียจตามประสาคนที่เคยทะเลาะกัน
“เอาเหอะน่าเราไม่ได้มาเที่ยวกันทุกวันซะหน่อยเดี๋ยวพอกลับไปก็ต้องทำเรื่องให้เดวิลไปเรียนที่ร.ร.เราอีกแล้วอย่างนี้เธอจะปฏิเสธเหรอ”พวกเราช่วยกันกล่อมหมิงยกเว้นโอปอที่ทำหน้าไม่พอใจอยู่ข้างหลังทุกคน เดวิลหันมาหาชั้นในช่วงที่ยังชุลมุนแล้วยกนิ้วโป้งให้
“ก็ได้ๆรูปเดียวนะ”ทุกคนทำท่าดีใจหมิงเดินหน้าบูดไปข้างๆเดวิล เค้าถือโอกาสนั้นโอบเอวเธอไว้ทำให้หมิงสะดุ้งสุดตัว
“เอาน่ารูปเดียวเองยิ้มซี่”หมิงยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ตอนแรกเอะเหมือนว่าโดนบังคับให้ยิ้ม แต่พอชั้นทำหน้าเซ็งๆเธอก็กลับมายิ้มอย่างร่าเริง ท่าทางของหมิงและเดวิลอย่างนั้น เหมือนว่าพวกเค้ารักกันและมีความสุขมากที่ได้อยู่ด้วยกัน เห็นอย่างนี้แล้วชั้นยังจะบังคับให้เดวิลแต่งงานกับชั้นได้อีกเหรอ???
“อีกรูปนึง...”
“วินต้องถ่ายกับเอ็น”หมิงยื่นคำขาดออกมาบ้างทำให้ชั้นอึ้งแล้วเธอก็ยิ้มมาให้ชั้นอย่างผู้ชนะ
“แสบนักนะ”เอ็นพูดขึ้นมาบ้างก่อนจะมายืนที่ๆชั้นยืนอยู่
“หมับ”แล้วเค้าก็โอบเอวชั้นบ้างโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว
“ว้ายๆๆ”ทุกคนส่งเสียงล้อๆออกมายกเว้นเดวิลกับโอปอที่ยังไม่หายอาการเคือง ชั้นยิ้มออกมาอย่างมีความสุขแล้วชูสองนิ้วที่ใกล้ๆแก้มตัวเองเอียงตัวไปด้านข้างนิดหน่อยเพื่อให้เห็นหน้าของเอ็นชัดๆ
“แชะ!”พอถ่ายเสร็จพวกเราก็มาดูรูปกันซักพักก่อนจะออกจากบ้านกัน คราวนี้พวกเราเดินออกจากป่านั่นกันอย่างสะดวกขึ้น เพราะว่ามีเดวิลที่ยืนถือมีดนำหน้าคอยตัดกิ่งไม่ที่เป็นหนามแหลมออกไป ปิดท้ายด้วยชั้นที่คอยระวังข้างหลัง
“เอาล่ะนี่แหละที่เที่ยวของพวกเรา”หมิงพาเราเดินมาในมุมที่ดูก็รู้เลยว่าเค้ามาถ่ายกันตรงนี้ มันช่างดูบ้านๆแต่มีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ
“งั้นเรามาเดินเป็นคู่ๆกันเถอะ”โอปอจู่ๆก็พูดขึ้นแล้วเดินไปเกาะแขนของเดวิลอย่างรวดเร็วชั้นไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงระหว่างสามคนนี้ก็เลยทำท่าไม่รู้ไม่ชี้แล้วหันไปหาเอ็น...
“งั้นเอ็นมาคู่กับชั้นนะ”แป่วววว จู่ๆหมิงก็เดินมากระชากแขนของเอ็นออกไปจากมือชั้น แต่ชั้นรู้ว่าทำไปเพราะว่าจะแกล้งเดวิลเท่านั้น ก็เลยพยักเพยิดให้เอ็นไปกันหมิงส่วนชั้นก็ต้องรับหน้าที่เดินกับฟางที่จู่ๆก็มาติดชั้นแจเช่นเดียวกัน พวกเราเดินมาเรื่อยๆซื้อของพวกกรอบรูปแล้วก็อีกหลายๆอย่างที่เกี่ยวกับหอยสีสวยไปฝากคนที่บ้าน แต่เดวิลดมของพวกนั้นดูแล้วบอกว่าเหม็นกลิ่นทะเล ก็ใครเค้าให้ดมกันเล่าไปบ้า ---___---;;;; ไม่นานพวกเราก็มาหยุดอยู่ที่คาเฟ่และห้องคาราโอเกะแห่งหนึ่ง ข้างในนั้นค่อนข้างมืดแต่เต็มไปด้วยสีสันแห่งกลางคืน พวกที่ยืนเฝ้าหน้าประตูเห็นหมิงแล้วก็ก้มหัวให้ก่อนจะเปิดประตูให้พวกเราเข้าไปอย่างง่ายด้าย พวกนั้นจ้องหน้าชั้นนิดนึงก่อนจะตาโตแล้วก็ก้มหัวให้ชั้นโดยเฉพาะ ชั้นงงๆนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
“คุณลุง^O^”พอเจอลุงของตัวเองหมิงก็กระโดดไปหาแล้วกอดกับหอมแก้มชายที่ดูท่าทางใจดีและมีอำนาจไปในตัวอย่างเอาใจ
“อ่าว วันนี้ก็พาเพื่อนๆมาอีกแล้วเหรอ แต่ว่าเยอะขึ้นนี่นา งั้นเอาห้องใหญ่เลยมั้ยจะได้ต้อนรับกันได้สมกับที่เป็นลุงหน่อย”คำพูดนั้นเหมือนจะดูอวดๆแต่ลุงคนนั้นกลับหัวเราะแล้วลูบที่พุงใหญ่ๆของตัวเองแทน ทำให้พวกเราหัวเราะตามกันไปด้วย ระหว่างที่พวกเรากำลังนั่งอยู่ที่เค้าเตอร์รอให้พนักงานทำความสะอาดเสร็จกำลังเลือกอาหารกันอยู่นั้น คุณลุงก็ขอตัวไปต้อนรับแขกคนอื่นๆที่ทยอยกันเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย คาเฟ่แห่งนี้เป็นเหมือนศูยน์รวมวัยรุ่นเลยทีเดียว พวกนี้เข้ามาแล้วก็เลือกนั่งโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆเวทีแต่ว่าโต๊ะไหนๆก็เหมือนกัน
“น่ารักจัง”จู่ๆผู้หญิงคนนึงก็เดินเข้ามาหาเดวิลที่นั่งหัวโด่อยู่คนเดียวที่เก้าอี้ตรงเค้าเตอร์ส่วนพวกเราก็ยืนกันอยู่ เธอเดินมาอย่างไม่อายสายตาใครมีมองหน้าอกอันล้นทะลักอย่างหน้าด้านๆ ตรงมาที่เดวิลที่มองเธออย่างเฉยชา เบียดหน้าอกของเธอเข้ากันใบหูข้างขวาของเดวิลอย่างตั้งใจ แต่เค้าก็ยังเฉย
“คืนนี้ คุณว่างรึเปล่า”ในขณะที่เธอกำลังจะล้วงมือเข้าไปในซอกกางเกงของเดวิล ชั้นก็เกิดสงสารหมิงที่ยืนตัวสั่นขึ้นมา
“โทษนะเค้ามากับพวกเราเองแหละ คงจะไม่ว่างไปต่อกับเธอหรอก เพราะว่าเธอก็เห็นนี่พวกเราเป็นผู้หญิงกันเยอะจะตาย ถึงว่างเค้าก็คงไม่มีเวลาไปเทคแคร์เธอหรอมั้งเนอะ^-^”ชั้นยิ้มเย็นให้ก่อนจะดึงมือเดวิลออกมา ผู้หญิงคนนั้นมองหน้าชั้นอย่างไม่พอใจก่อนจะหันไปสนใจเอ็นที่กำลังมองบรรยากาศรอบๆข้างอยู่ แววตาของเธอแพรวพราวอย่างเห็นได้ชัดทำให้ชั้นเกิดอาการหน้ามืดขึ้นมา ก็วันนี้ไอ้เดเกิดอาการถูกชะตาอะไรกับเค้าขึ้นมาไม่รู้แบ่งเสื้อผ้าที่มันบอกว่าสุดจะเท่ให้เค้าใส่ เสื้อสีดำที่มีสีขาวยื่นออกมาที่ปลายแขนเหมือนใส่เสื้อสองตัว ลายหัวกะโหลกที่ผู้หญิงคนไหนเห็นก็ต้องว่าเท่อยู่ตรงกลาง แล้วเขียนว่าไดล์(ตาย)อย่างเท่ไว้ข่างหลัง ส่วนกางเกงก็เหมือนที่คิดไว้กางเกงยีนที่มีสายโว่ห้อยอยู่ที่กระเป๋ากางเกง ผมที่ถูกยีให้ดูเซอร์ๆยิ่งเพิ่มความเท่ให้เค้าได้มาโขอยุ่ แล้วยัยนี่ก็ยิ่งสวยๆอยู่ แล้วดูชั้นสิ กางเกงยีนขาดๆตรงปลายกับเสื้อสีน้ำตาเข้มเป็นรูโบ๋อยู่ตรงหัวไหล่แค่นี้เนี่ยนะ จะไปสู่อะไรได้กับเจ้าหล่อนกันล่ะ._.
“แล้วนายล่ะจ๊ะ น่ารักดีเหมือนกันนี่นา คืนนี้ว่างรึเปล่า”ไม่ทันจะได้คิดอะไรกันต่อ เธอรีบย่างกรายเข้าไปหา แต่ก่อนจะได้ถึงหมิงก็เดินมาบังหน้า
“ก็เหมือนที่วินพูดเมื่อกี้อย่างมายุ่งกับพวกเราเลยดีกว่า ถ้าเธอยังไม่อยากจะเจอของดีล่ะก็นะ”แล้วหมิงก็ชูนิ้วกลางให้เธอ
“กรี๊ดดดดดดดด”พอเห็นว่าไม่ได้เหยื่อเธอก็กรีดร้องอย่างเสียอารมณ์ก่อนจะเดินเร็วๆออกไปจากคาเฟ่ทันที
“หึๆ”ชั้นหัวเราะอย่างเหยียดๆแล้วเดินตามพนักงานที่บอกว่าห้องพร้อมแล้วไป
“เฮ้ย วิน กรูขอบคุณเมิงจริงๆนะ ไม่งั้นกรูไม่รอดแน่เลย”เดวิลเดินตามมามองชั้นอย่างออดอ้อนคงรู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดไปสินะ
“อ๋อ ที่ว่าไม่รอดเนี่ยหมายถึงยัยนั่นหรือว่าความจ้องการของตัวเองกันแน่ยะ”ชั้นแดกทำใหเดวิลเกิดอาการจ๋อยแล้วเดินลิ่วๆไปข้างหน้าไปพูดกับโอปอแทน เฮ้ย อย่างนี้ก็เข้าทางเธอน่ะสิสงสารหมิงโว้ย!
“เอาล่ะๆถ้าอย่างนั้นใครจะเป็นคนไปร้องประเดิมคนแรกกันล่ะ”หมิงที่จับไมล์ได้คนแรกกระโดดขึ้นไปบนเวทีแล้วเลือกเพลง
“เป็นเกียรติของพวกแกนะที่ได้ฟังชั้นร้องเพลง”หมิงพูดเชิดๆทำให้ชั้นยิ้มออกมานิดหน่อยต่างกับไอ้เพื่อนรักข้างๆที่ตอนนี้กระสับกระส่ายอยากจะฟังอย่างมากซะแล้ว ไม่นานดนตรีก็บรรเลงขึ้นมาเธอกระโดดอย่างสนุกสนานกับทำนองเพลงที่ชวนให้พวกเราลุกข้นเต้นกันบ้าง ไฟดิสโก้เปิดพรึบขึ้นมาด้วยฝีมือของโบว์
ทนมันต่อไปอีกนิดเพื่อนเอ๋ย พยายามต่อไปอีกนิดเพื่อนเอ๋ย วันข้างหน้ามันยังรออยู่ไม่ไกลเพื่อนเลย วัยข้างหน้าที่ดีกว่านี้ คงไม่ไปถึงหลักล้านนนนน หากเราไม่เริ่มจากหนึ่ง ล้มลุกทุกข์เศร้ากินมันเหมือนข้าวเอาเป็นแรงใจ (แล้วก็ลุยกันต่อ) เดินกันต่อไปอีกนิดเพื่อนเอ๋ย ใครจะมองอย่างไรช่างมันเพื่อนเอ๋ย คงไม่ไปถึงหลักล้านนนนน หากเราไม่เริ่มจากหนึ่ง ยิ้มซินักสู้ เอามันทั้งคู่ สุขโสกยังไง(แล้วก็ลุยกันต่อ)
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ประตูห้องเปิดและคนอื่นๆเข้ามาในห้องคาราโอเกะใหญ่ๆนี่เพื่อมาเต้นกับพวกเรา แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไร เพื่อนเยอะๆสิถึงจะสนุก เมื่อเพลงจบก็เหมือนว่าเก้าอี้ได้โดนดันไปอยู่ที่ริมสุดของห้องซะแล้ว คนที่เต้นเหนื่อยๆก็ไปนั่งพักคนที่ยังไหวก็ถือแก้วน้ำจิบไปพลางเสร็จแล้วก็วางอยู่ที่โต๊ะนั่นแหละ ไม่รู้แก้วใครเป็นแก้วใคร แต่ที่รู้ๆแก้วของพวกเราวางไว้ที่ต่างหากเพราะว่าไม่อยากจะไปสุงสิงสนิทสนมกับใครในตอนนี้ เมื่อจบเพลงก็มีเสียงปรบมือให้กับนักร้องสมัครเล่นของพวกเรา
“ต่อไปใครจะร้องอะ เอาเพลงช้างมั่งนะชั้นอยากฟังเพลงเศร้าๆบ้าง”ใครไม่รู้ที่จู่ๆก็พูดขึ้นมา
“งั้นวินออกมาร้องบ้างนะ^O^”หมิงที่ดูเหมือนจะเมาเพลงซะแล้วพูดขึ้น คนที่อยู่ข้างหลังดันชั้นให้ขึ้นไปบนเวทีที่แค่ยกพื้นให้สูงขึ้นเท่านั้น ชั้นหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะกดเพลง ทุกคนที่อยู่ในห้องใหญ่ๆนี่นั่งลงกับพื้นแล้วคุยกันเสียงเบา
“น่ารักว่ะ”เสียงผู้ชายสองคนที่ซุบซิบกันอยู่ใกล้ๆเวทีเข้าหูชั้นแล้วส่งสายตามาที่ชั้นอย่างหมายมาด ดนตรีขึ้นแล้วชั้นไม่อยากคิดอะไรอีก
รอเธอ รอจะพบเธอมาตั้งหลายวัน รอเธอ เพื่อนจะพูดกันเรื่องที่ค้างคา ขอบคุณอีกครั้งที่วันนี้เสียเวลามา ก็เค้าเรื่องเลยนะ บอกลากันซะทีจะได้ไหม ยื้อก็เหมือนเราจะยิ่งเหนื่อย รักไม่ช่วยอะไรเลย ชั้นไม่ยอมเปลี่ยน เธอไม่ยอมเปลี่ยน ยังคงทำตัวเหมือนเคยๆ ปรับควมเข้าใจกันไปมันก็ซ้ำเก่า ทั้งๆที่รักกันแต่เรา เข้ากันไม่ได้เลย เมื่อเราต่างไม่เคยจะยอมลดก็ควรจะลา ใจจริงก็ยังเสียใจและก็เสียดาย เธอเองคนจะเสียใจคงไม่แพ้กัน แต่ว่าอย่างน้อยก็เคยใช้ชีวิตร่วมกัน จะเก็บในใจฉันว่าเราเคยรักกันมากแค่ไหน ยื้อก็เหมือนเราจะยิ่งเหนื่อย รักไม่ช่วยอะไรเลย ชั้นไม่ยอมเปลี่ยนเธอไม่ยอมเปลี่ยน ยังคงทำตัวเหมือนเคยๆ ปรับความเข้าใจกันไปมันก็ซ้ำเก่า ทั้งๆที่รักกันแต่เราเข้ากันไม่ได้เลย เมื่อเราต่างไม่เคยจะยอมลดก็ควรจะลา ชีวิตเราเราคืนให้กันวันที่แสนสุขวันที่แสนเศร้า กันเรามันคงเป็นแค่วันวาน อะไรที่แล้วมาขอให้ผ่านไปไม่ติดค้างกัน นับตั้งแต่นี้เราเป็นแค่เส้นขนานที่คงไม่มีวันกลับมาเจอ ยื้อก็เหมือนเราจะยิ่งเหนื่อยรักไม่ช่วยอะไรเลย ชั้นไม่ยอมเปลี่ยนเธอไม่ยอมเปลี่ยนยังคงทำตัวเหมือนเคยๆ ปรับความเข้าใจกันไปมันก็ซ้ำเก่าทั้งๆที่รักกันแต่เรา เข้ากันไม่ได้เลย เมื่อเราต่างไม่เคยจะยอมลดก็ควรจะลา~
เสียงเพลงจบลงพร้อมกับเสียงปรบมือที่ดังกระหึ่มเธอยิ้มหน่อยๆก่อนจะเดินมานั่งที่ข้างๆผมช่างโชคดีเสียเหลือเกินที่ได้มาพบเธอตั้งแต่วันนั้น ผมรู้สึกว่ามันโคดจะคุ้มที่ต้องโดนซ้อมเพื่อที่จะได้มาพบกับเธอในวันนี้ ได้รู้ว่าเธอไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ใครๆเค้าบอก เธอเป็นแค่ผู้หญิงคนนึงที่ไม่เคยทำพิษภัยให้กับใคร(ยกเว้นไอ้หมอนั่น)หากไม่มาทำเธอก่อน ผมสังเกตเห็นเมื่อกี้มีผู้ชายหน้าตาพอใช้ได้สองคนมองเธออย่างหมายมาดทำให้ผมหดหู่น่าดูแต่นี่เธอเลือกที่จะเดินเข้ามาหาผมมันช่างน่ายินดีเสียนี่กะไร
“นี่ชั้นร้องเพลงเป็นไงมั่ง”เธอกระซิบถาม ไม่อยากจะบอกเธอเลยว่าเธอร้องเพลงเพราะมากจริงๆ
“ก็ดี”แต่ก็ต้องตอบไปแบบนั้นเพราะว่าไม่อยากให้เธอออกไปอีก ไม่อย่างนั้นพวกนั้นก็ต้องได้จ้องเธอเท่าๆกับผมน่ะสิ ไม่เอาด้วยหรอก(เพิ่งรู้ว่าแกขี้หึงขนาดนี้นะเนี่ย-นางมารฯ) วินทำหน้างอกับคำพูดขอผมแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ต่อไปเป็นใครก็ไม่รู้กระโดดขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีมันเป็นเพลงสนุกพวกเราก็เลยลุกขึ้นมาเต้นกัน ตอนนี้ห้องของพวกเราเหมือนเปิดคอนเสิร์ตย่อมๆกัน พวกเราสนุกสนานเหมือนได้มาปลดปล่อยอารมณ์ที่เก็บกดไว้นานแสนนาน
ในโลกแห่งความจริงทุกสิ่งช่างวุ่นวาย ชั่วดีวกวนให้ต้องพบเจอ แต่โลกแห่งความจริงยังมีคนที่เข้าใจ หยัดยืนก้าวไปด้วยกันเสมอ ได้รู้ว่าเรา ไม่อยู่เพียงลำพัง ให้จดจำเอาไว้พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร มันจะโหดร้ายซักเท่าไรก็ทดมัน ที่สุดของชีวิตหากแม้ไม่เป็นอย่างฟัน แต่ถึงยังไงสุดท้ายอะไรก็ไม่สำคัญ วันนี้มีเราเท่านั้นพอ
พวกเราช่วยกันร้องเพลงเราอย่างสนุกสนานรู้สึกว่ารักโลกและผู้คนขึ้นมาเยอะ วินที่ยืนอยู่ข้างๆผมกำลังกระโดดไปมาแล้วร้องเพลงอย่างสนุกสนานผมไม่เคยเห็นเธอเปิดเผยขนาดนี้มาก่อนหรือเป็นเพราะว่าเธอมีความสุขที่ได้มาที่นี่กันนะ???
“เอาล่ะทุกคนช่วยชั้นร้องหน่อยนะ”ผู้หญิงที่กำลังร้องเพลงนั้นอยู่พูดขึ้นมาพวกเรากระโดดตอบไปเป็นเหมือนเชิงว่าแน่นอนอยู่แล้ว
เจ็บปวดมายังไงไม่เคยจะท้อใจ จะเป็นรึตายหัวใจยังอยู่ จะถูกใครรังแกก็ไม่เคยท้อแท้ จะเดินเรื่อยไปเพราะใจต่างรู้ ก็เพราะว่าเราไม่อยู่เพียงละพัง ให้จดจำเอาไว้พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร มันจะโหดร้ายซักเท่าไรก็ทนมัน ที่สุดของชีวิตหากแม้ไม่เป็นอย่างฝัน แต่ถึงยังไงสุดท้ายอะไรคงไม่สำคัญ วันนี้มีเราเท่านั้นพอ!!! แม้ว่าวันข้างหน้าคงต้องจากกันไป จำไว้เลยเรานั้นยังคงอยู่ในหัวใจ... ให้จดจำเอาไว้พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร มันจะโหดร้ายซักเท่าไรก็ทนมัน ที่สุดของชีวิตหากแม้ไม่เป็นอย่างฝัน แต่ถึงยังไงสุดท้ายอะไรคงไม่สำคัญ วันนี้มีเราเท่านั้นพอ
เสียงกรี๊ดกร๊าดของพวกผู้หญิงดังขึ้น พวกเราคงมีความสุขกันมากจริงๆ วินก็เต้นจนเหงื่อแตก พลักๆแต่ก็ยังร้องเพลงกับเค้าไปได้อย่างสนุกสนานนั่นก็ทำให้ผมมีความสุขไปด้วย
“เอาล่ะค่ะต่อไปชั้นจะขอคลายเครียดและย้นวัยซักหน่อยหวังว่าพวกเราคงจะชอบกันนะ”โบว์พูดขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆก่อนจะที่เสียงเพลงจะเริ่มขึ้น แค่ดนตรีพวกเราก็หัวเราะออกมาแล้วก็นั่นมันเป็นเพลง...
คอนนะโคะโตะอิอินะ เดะคิตะระอิอินะ
น่าแปลกที่พอต้องร้องเสียงโดเราเอม่อนพวกเรากลับจำได้หมด เพลงที่โบว์เปิดเลยกลายเป็นขวัญใจผู้คนไปซะแล้ว เสียงหัวเราะของพวกเราดังก้องห้องโถงที่ทำมาเพื่อเก็บเสียงอย่างดี
“ต่อไปจะเป็นใครดีล่ะ”มีแต่คนยกมือขึ้นให้โบว์ได้มีกำลังใจเธอชี้โบ้ชี้เบ้ไปทั่วจนในที่สุดก็ได้คนร้องออกมาเป็นสองคนที่บอกว่าวินน่ารักเมื่อกี้นี่เอง ---____---****ทำไมโบว์ถึงไม่มีตาอย่างนี้นะ
“เพลงนี้พวกเราสองคนช่วยกันเลือกให้กับสาวน้อยคนที่ร้องเพลงรักไม่ช่วยอะไรเมื่อกี้นะครับ”น่านนนนโจ่งแจ้งน่าเกลียดมากกกกก ทุเร-ดที่สุด
“555+มีคนน่ามืดมาชอบชั้นซะแล้วล่ะเอ็น”เธอหัวเราะอย่างไม่คิดอะไรก่อนจะโบกมือให้สองคนนั่นที่กำลังยิ้มน่าเกลียดมาให้เธอ นี่วินไม่เข้าใจเลยเหรอว่ามันไม่ใช่เล่นๆนะการที่ต้องมามีคู่แข่งเป็นคนที่มีลูกเล่นแพรวพราวแบบนี้เนี่ย แค่นายเดวิลคนเดียวก็แทบจะกระอักเลือดตายอยู่แล้วนะ!
ก็คนมันอยากเจอก็เลยมาเฝ้ารอตามคำขอของหัวใจ มีมาแต่ตัวกับหัวใจและดอกไม้ เก็บมาให้เธอ แต่คนมันบ้านไกลกว่าจะได้เจอ กว่าดอกไม้จะถึงมือเธอก็เลยดูเฉาๆลงไป ช่างดอกไม้มัน ชั้นรักเธอ ต่อให้ตะวันลบเลือนดาวและเดือนลับลา คำที่ว่าชั้นรักเธอไม่มีวันลดลง ต่อให้ดอกไม้ร่วงโรยหล่นไป แต่ว่าหัวใจไม่มีร้างลา~ ที่มือมีดอกไม้ที่ใจมีรักจริงยิ่งกว่าใครให้เธอ ไม่เคยจะให้ใครเก็บมันเอาไว้เลยทั้งดอกไม้ทั้งหัวใจ แต่คนมันบ้านไกลกว่าจะได้พบเจอ กว่าดอกไม้จะถึงมือเธอก็เลยดูเฉาๆลงไป ช่างดอกไม้มันชั้นรักเธอ ต่อให้ตะวันลบเลือนดาวและเดือนลับลา คำที่ว่าชั้นรักเธอจะไม่มีวันลดลง ต่อให้ดอกไม้ร่วงโรยหล่นไป แต่ว่าหัวใจไม่มีร้างลา ต่อให้ตะวันลบเลือนดาวและเดือนลับลา คำที่ว่าชั้นรักเธอจะไม่มีวันลดลง ต่อให้ดอกไม้ร่วงโรยหล่นไป แต่ว่าหัวใจไม่มีร้างลา~
เสียงปรบมือกับเสียงเป่าปากดังกระหึ่มยกเว้นจากผมที่พูดอะไรไม่ออก วินที่เธอเหมือนจะมีความสุขจนเมายิ้มออกมาหน่อยๆ พวกนั้นคงหวังจะจีบเธอแล้วฟันทิ้งสินะ ไม่ให้หรอกน่าวินน่ะจำไม่ยกให้ใครทั้งนั้นนั่นแหละ!
“นี่ที่ร้องมาน่ะทำอย่างที่ร้องออกมาได้รึเปล่าล่ะ!”ไม่รู้ว่าเกิดนึกคึกอะไรขึ้นมาเธอถึงได้พูดแบบนั้น เธอเมางั้นเหรอไม่น่าก็เมื่อกี้มันก็แค่คอกเมลเบาๆเอาผมกินแล้วยังไม่รู้สึกอะไรเลยเธอน่าจะเป็นคนคอแข็งไม่ใช้เหรอ--__---;;;;;
“นี่วินพวกนั้นน่ะอยากจะอยาก...”ยังไม่ทัจะได้พูดจบเธอก็ถอยหลังออกมานิดหน่อยเพื่อตั้งหลักเพราะว่าพวกนั้นเดินตาหวานเข้ามาหาเธอทำให้สีหน้าเริ่มเปลี่ยนไปจากมีความสุขและสนุกสนานกับทุกคนเปลี่ยนเป็นเย็นชาขาที่ก้าวถอยหลังเมื่อกี้หยุดกึก มือที่ยกขึ้นโบกไปมาอย่างร่างเริงก็ลดลง ตอนนี้ตัวของเธอตรงแหน่วไม่ถึงกับตรงหรอกแต่เหมือนกับคนที่เบื่อโลกสายตาเย็นชาของเธอช่างดูมีอำนาจและน่ากลัวเสียจริงๆ ไม่ชอบเลยในขณะที่ผมจะทำอะไรมันก็ดูอ่อนแอไปซะหมดกับเธอที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูน่ากลัวและน่าเกรงขาม มันน่าอายนะที่ต้องมีคนที่ชอบเป็นผู้หญิงที่มีอำนาจมากกว่าตัวเองเนี่ย-O-
“เอ็นกลับกันเถอะชั้น...ง่วงแล้ว”พวกเรา(ที่มาด้วยกัน)พยักหน้าแล้วเดินเลี่ยงๆออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเกิดเรื่อง ที่วินทำมันเหมือนกับเป็นสัญญาณเตือนว่าถ้าเข้ามาใกล้ชั้นอีกหนึ่งมิลฯชั้นจะฆ่าแก
“อ่าวๆๆ อย่างนี้ไม่ได้นะสุดสวย ก็เมื่อกี้ยังคุยกับเราดีๆเลยนี่นาพวกเราอยากรู้จักเธอจริงๆนะ อย่าทำเย็นชาน่ากลัวอย่างนั้นซี่ ใครๆก็อยากจะทำความรู้จักกันพวกเราทั้งนั้นนั่นแหละ รู้รึเปล่าวว่าพ่อของชั้นเป็นตำรวจใหญ่ในพัทยาเชียวนะ ถ้าเธออยากจะทำอะไรก็ไม่ผิดเพราะว่าเธอคบกับชั้นไง^O^”ระหว่างที่พวกเรากำลังเดินออกจากห้องคาราโอเกะมาอย่างอดทนนั้นพวกนั้นก็ยังตามจอแจกับเธออยู่ เดวิลดูเหมือนจะไม่สนใจเพราะเค้ากำลังเมาแหละแล้วพล่ามอะไรไม่รู้อย่างเมามันส์
“คะ....คะ...คุณวินจะกลับแล้วเหรอครับ”ผู้ชายตัวใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าประตูมองมาที่วินอย่างชื่นชมและนับถือ ผมสงใสตั้งแต่ตอนเข้ามาแล้วว่าทำไมพวกนี้จะต้องมองวินเหมือนญาติผู้ใหญ่ที่เคารพรักอย่างนั้นด้วย มันดูสยิวๆยังไงไม่รู้ เพราะไม่ว่าจะดูมุมมองไหนก็เห็นว่าพวกนี้แก่กว่าอยู่แล้ว หลายปีซะด้วย
“น่าๆๆๆๆ แค่เธอยอมรับพวกเราคืนนี้ไปต่อกันที่ไหนก็ได้ที่เธออยากไปทำตามพวกเราซักคืนนึงแค่นั้นก็พอสิทธิพิเศษรอเธออยู่มากมาย อย่าไปสนใจไอ้คนข้างๆเธอเลยน่า มันดูน่าเบื่อออก มากับพวกเราดีกว่าเด็ดกว่าเยอะ”ผมกำมือแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธเอาไว้วินก็เช่นเดียวกัน แต่เธอก็ยังเอื้อมมือมาจับมือผมแล้วบีบเบาๆเพื่อให้กำลังใจเหมือนจะพูดว่าเดี๋ยวเธอจับการเอง แต่ก่อนที่ใครจะได้พูดอะไรนั้น...
“พวกเมิงออกจากร้านนี้ไปได้แล้ว คุณวินไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาหรืออย่างว่าให้พวกเมิงพาไปไหนต่อได้ตามใจชอบหรอกนะ กรูไม่อยากใช้คำไม่สุภาพกับแขก แต่ว่าขอเตือนว่าคุณวินน่ะอยู่สูงกว่าพวกเมิงเยอะ”ผู้ชายหนึ่งในสองคนนั้นพูดขึ้นแล้วเดินสามขุมเข้ามาหาชายสองคนนั้นอย่างไม่กลัวเกรง
“นะ....นะ...นะ...นี่เมิงกลากับกรูงั้นเหรอ เมิงคงไม่รู้สินะว่ากรูเป็นลูกใครอยากจะเจอมั้ยล่า พรุ่งนี้เมิงได้ตายสมใจอยากแน่”พวกนั้นพูดกันอย่างหวาดๆ วินมองชายร่างยักษ์สองคนนั้นอย่างงงๆก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นเฉยชาอีกครั้ง
“ไม่ว่าพวกนายจะเป็นใครแล้วรู้จักชั้นได้ยังไง ผลพวงแห่งความดีที่พวกนายทำจะออกมาให้เห็นในเร็วๆนี้แหละ”ชายสองคนนั้นมองมาที่วินอย่างขอคุณ ชื่นชมและเคารพนับถือ ไม่รู้ว่าลับหลังพวกเราชายสองคนนั้นจะโดนอะไร แต่ที่แน่ๆตอนนี้ผมรู้สึกขอบคุณพวกเค้าจริงๆที่ช่วยกันมารออกไปจากพวกเรา^O^
“เอิ๊กๆ เน่ๆๆ พวกราวววววววว”
“ชั้นคนไทยย่ะไม่ใช่ลาว”หมิงที่กำลังช่วยพยุงร่างซีกซ้ายของเดวิลกำลังต่อล้อต่อเถียงกับเดวิลที่กำลังพูดอะไรไม่รู้เรื่อง เค้าทำหน้างอแล้วอ้าปากจะพูด
“เธอ...อึ๊ก...ดูถูกคนลาววววว ง้านเหรอออออออ ช้านม่ายยอมน้า>O<”ตอนนี้หน้าของหมอนั่นแดงเถือกเพราะความเมาตาหวานเยิ้มเพราะว่าริษเหล้าทำให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆทั้งสองคนหน้าแดงตามไปด้วย เดวิลพล่ามต่อไปเรื่อยๆจนทุกคนเงียบ เพราะถึงตอนที่จะต้องข้ามป่ากันแล้ว
“ถ้ากลับไปชั้นจะบอกให้แม่ขุดหลุมตรงพื้นไว้ให้พวกเรามุดไปบ้านกัน”หมิงพูดอย่างหัวเสีย คราวนี้เธอก็เลยต้องรับหน้าที่พยุงเดวิลแล้วพาเค้าเดินผ่านหนามแหลมๆที่ลดน้อยลงไป แต่ระหว่างทางผมก็ยังสังเกตเห็นว่าแรงเบียดและการเดินไม่ตรงของเดวิลทำให้หมิงที่ต้องคอยบังเค้าไว้เกิดบาดแผลหลายแห่งเหมือนกัน หากแต่เธอกลับไม่ปริปากบ่นซักนิด เหงื่อที่เริ่มซึมออกมาจากหน้าฝากโค้งมนของหมิงทำให้ผมรู้ว่าเธอเริ่มจะเหนื่อยหน่ายกับร่างสูงที่ช่วยตัวเองไม่ได้เหมือนเด็กอย่างเดวิลซะแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเลือกที่จะพาเค้าลัดเลี้ยงเคี้ยวคดจนกลับถึงบ้านหลังใหญ่ของพวกเราไม่อยากจะเชื่อว่าพวกเรามาที่นี่ได้3วันกันแล้ว แต่ว่าถ้าจะพูดไปมันต้องพูดว่าแค่3วันเท่านั้น เพราะว่าเราไปกัน8วัน เวลาที่มาที่นี่มันช่างยาวนานและเต็มไปด้วยความสุขเสียจริงๆ พวกคุณนักอ่านคงสงสัยกันว่าแล้วโอปอที่เกาะเดวิลแจหายไปไหนซะล่ะ ผมจะตอบเดี๋ยวนี้แหละว่า เพราะว่าโอปอคิดจะมอมเหล้าเดวิลหรืออะไรก็มิทราบได้เธอก็เลนต้องกินไปด้วยเพราะเดวิลคยั้นคยอในที่สุดผลพวงที่ได้คือเมาแหลกกันทั้งสองคน ฟางกำลังรับหน้าที่ดูแลเพื่อนรักสุดสวาทของเธออยู่ ไม่นานพอพวกเรากลับมาถึงที่พักอาศัยของพวกเราตอนนี้ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่
“เอ็นเหรอลูก เป็นยังไงบ้างอยู่ที่นั่นสนุกมั้ย”ผมไม่รู้จะตอบคำถามของแม่ยังไงดีเพราะว่ามันทั้งสนุกทั้งเหนื่อยแล้วก็อ่อนล้าทั้งร่างกายแระแรงใจ
“ครับ”ผมตอบได้แค่นั้นแม่ก็ชิงพูดขึ้นมาซะก่อน
“แม่มีอะไรอยากจะพูดกับหมิงหน่อยจ๊ะ คือแม่อยากจะไปที่นั่นด้วย แม่มีความรู้สึกตงิดๆว่ามันมีอะไรที่น่าสนใจและมีการผจญภัยอยู่ด้วย^O^”แม่พูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง เห็นอย่างนี้แม่ผม30ปลายๆแล้วนะ อีกแค่2ปีก็จะ40แล้วทึ่งใช่มั้ยล่ะ ว่าแม่เลี้ยงผมมาได้ยังไง แม่กับพ่อต้องมีผมตอนที่ยังวัยรุ่นอยู่แน่ๆเลย(นี่แกคิดว่าแม่เป็นคนแบบไหนกันห๊ะ-แม่)
“เดี๋ยวผมจะถามหมิงให้นะครับ ตอนนี้เธอกำลังยุ่งคงไม่มีเวลาว่างมาคุยกับแม่หรอก แล้วพ่อจะมาด้วยรึเปล่าครับ”ผมถามกลับไป
“โอ๊ยแน่นอนขืนให้อยู่บ้านก็แอบหนีไปบ้านเล็กบ้านน้อยน่ะสิ”แม่บ่นกระปอดประแปด
“เฮ้ย อย่าพูดซี้ซั้วน่า ชั้นไม่เคยทำอย่างนั้นเลยนะ อย่าเป่าหูลูกสิ”เสียงพ่อตะโกนเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินกัน
“นี่หาว่าชั้นเป่าหูลูกงั้นเหรอ ชั้นก็แค่อยากจะพูดให้ลูกรู้ไว้ว่าโตไปอย่างได้ไปมีกิ๊ก เพราะมันทำให้ลูกสะใภ้เสียใจ นายหาว่าชั้นเป่าหูลูกงั้นเหรอออออออ!!!!!”ต่อด้วยเสียงป้าบๆๆๆๆแสดงว่าไม่ได้สำเร็จโทษพ่อไปแล้ว
“โอ๊ยๆๆๆ พอแล้วๆชั้นยอมแล้วน่าไม่เป่าก็ไม่เป่า”พ่อบ่นงอนๆก่อนจะเงียบเสียงไป
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันนะจ๊ะสงใสพ่อแกจะงอนซะแล้วล่ะ บ๊ายบาย”ตี๊ด แล้วโทรศัพท์ก็ถูกตัดไปอย่างไร้เยื้อใยTOT ผมยังไม่ให้คำตอบเลยนะว่าจะให้พ่อกับแม่มารึเปล่าอะ
“มีอะไรรึเปล่า”เสียงเย็นๆของวินที่คุ้นเสียจนผมชินชากับมันเสียแล้วดังขึ้นที่ข้างหลัง
“แม่กับพ่อบอกว่าจะมาที่นี่พรุ่งนี้ ชั้นยังไม่ให้คำตอบเลยด้วยซ้ำ”ผมพูดเสียงอ่อยๆ
“ห๊า พี่น้ำจะมางั้นเหรอ ก็ดีสิโลกคงสดใสขึ้นเยอะเลย^O^”โบว์พูดด้วยเสียงตื่นเต้น เพราะว่าแม่เป็นดาราดังตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ชื่อของแม่ก็ยังกระฉ่อนทั้งเรื่งปราบหญิงที่จะมาจีบพ่อ ทั้งเรื่องหน้าที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่เปลี่ยนแปลงยังสวยเหมือนเดิมของแม่(ดีมากไอ้ลูกรัก-แม่) และเรื่องพ่อที่สุดจะหล่อใครๆก็หลงขนาดพวกหมิงยังบอกว่าพ่อหล่อเหมือนชายหนุ่มประมาณ26-27เลย ซึ่งนั่นทำให้พ่อหน้าบานเป็นกระด้ง ทำไมผมถึงได้แต่หน้าตามาแต่แบบของแม่นะ พ่ออกจะหล่อคมส่วนผมก็ได้แต่หน้าสวยอยู่คนเดียวTOT แม่นะแม่(อารายอาราย-แม่)
“เลิกเรียกแม่ชั้นว่าพี่ซะทีเถอะโบว์มันดูน่าเกลียดยังไงไม่รู้”
“ก็พี่น้ำบอกให้เรียกนี่นาแล้วมันก็สมกันดีออก คนอะไร30แล้วยังสวยกว่าพวกเราอีกเนอะ”โบว์พูดอย่างเพ้อฝัน วินส่ายหน้าอย่างเอื้อมระอาบนขำก่อนจะเดินขึ้นห้องนอนไป เฮ้อ พรุ่งนี้เรื่องคงยุ่งมากขึ้นกว่าเก่าแน่ๆเพราะว่าพ่อกับแม่มักมีเรื่องมาให้ผมประหลาดใจเสมอๆและครั้งนี้ก็คงจะเช่นเดียวกัน ผมอยากรู้นักว่าท่านเกิดอยากจะมาที่นี่ทำไมกัน ในเมื่อบ้านหลังอื่นๆของพวกเราก็มีออกถมไปแถมยังสวยๆทั้งนั้นเลยด้วย พวกเราเข้านอนกันในเวลาต่อมาด้วยความง่วงงัน เมื่อพวกโบวืได้เล่นไพ่กันตานึงแล้วอะนะ ผมล่ะอยากรู้จริงๆว่าชีวิตการอยู่ที่บ้านของโบว์เป็นแบบไหน อยู่ที่นี่เธฮแทบจะพบไพ่ไปเป็นเครื่องรางตลอดการเดินทาง ทำไมจะควักออกมาเล่นให้ได้ ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้เก่งอะไร ออกจะแพ้บ่อยกว่าเพื่อนเสียด้วยซ้ำ แต่รอยยิ้มมีความสุขของเธอเวลาเล่นไพ่ทำให้ไม่มีใครกล้าขัดอะไร
“กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง”เสียงกริ่งหน้าบ้านที่กรีดร้องออกมาตั้งแต่เช้าทำเอาชั้นมุดหัวเข้าไปในผ้าห่มแทบไม่ทัน ยังไม่นับรวมที่ต้องซุกหน้าเข้ากับหมอนอีกนะ นี่ใครกันที่ไม่มีมารยาทแบบนี้ ไม่คิดเกรงใจกันบ้างหรือไงนะ! ชั้นคิดอย่างโมโหก่อนจะปีนลงจากเตียงนอนหนานุ่มแล้วเปิดประตูเดินออกไปที่บันไดชั้นสองเพื่อลงไปเปิดประตูที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ภาพที่ชั้นเห็นคือหญิง-ชายสองคนอายุราวๆ30ปีต้นๆ หน้าสวยใสและหน้าหล่อเหลากำลังกดกริ่งอย่างยิ้มแย้มโดยที่ไม่สนเลยว่าคนอื่นเค้าจะคิดยังไงกับการกดกริ่งไม่เกรงใจใครแบบนี้(มีแอบด่าด้วยนะเนี่ย-นางมารฯ)
“ค่าๆมาแล้วค่า”ชั้นตอบไปอย่างเซ็งๆก่อนจะทำผมให้เรียบร้อยแต่เมื่อบานประตูเปิดออกเท่านั้นแหละชั้นก็ต้องตาค้างและด่าตัวเองอยู่ในใจ ทำไมเราถึงจำไม่ได้ล่ะว่าวันนี้พ่อกับแม่ของเอ็นจะมาที่นี่ แถมยังว่าเค้าในใจซะยกใหญ่ตายแล้วววววววว
“สวัสดีค่ะ เดี๋ยวจะไปปลุกเอ็นให้นะคะ”ชั้นยกมือขึ้นไหว้ทั้งสองคนเมื่อนึกได้ว่าทั้งสองคนนี้มาหาเอ็นกัน
“โอ๊ยไม่ต้องหรอกจ้าสงใสจะยังตื่นไม่เต็มตาพวกเราก็อย่างนี้แหละ ถ้าไม่ได้นาฬิกาปลุกสามเรือนล่ะก็คงเอาไม่อยู่แหละเนอะ”ผู้เป็นแม่พูดด้วยสีหน้ายิ้มย้าที่คนเห็นพลันจะมีความสุขไปด้วย ส่วนผู้เป็นพ่อนั้นยิ้มๆแล้วเดินตามชั้นเข้ามา เหมือนเป็นเจ้าของบ้านเลยแฮะ แต่ก็ช่วยไม่ได้ก็ในเมื่อหมิงไม่ยอมลงมาเปิดอีกอย่างแม่บ้านที่นี่ก็มาแบบเช้ามาเย็นกลับแถมยังมาตอนสายๆอีกต่างหาก(รู้ดีจริงๆ-นางมารฯ)
“เอาเป็นว่าเธอ...”
“วินค่ะ”ชั้นตอบสั้นๆ
“อือวินไปบอกมาแล้วกันว่าห้องของเอ็นอยู่ที่ไหนเราจะได้ไปหามันกัน”เรียกอย่างสนิทสนมกลมเกลียวกันมาก ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าพวกนี้เป็นพ่อแม่ลูกกันชั้นคงนึกว่าทั้งสองคนเป็นพี่ของเอ็นซะอีกนะ
“ห้องบานประตูสีส้มค่ะ บานสีแดงต่อมานั้นของวิน แล้วก็ต่อด้วยสีดำของเดวิล”ชั้นพูดแล้วเดินขึ้นบันไดนำไประหว่างทางพวกพ่อแม่ของเอ็นก็ชมว่าบ้านหลังนี้ยังสวยไม่เปลี่ยน แสดงว่าต้องเคยมากันแล้วแน่ๆ----___---++++
“งั้นเหรอ งั้นคืนนี้ชั้นนอนกับวินนะ ส่วนนายไปนอนกับเอ็นจะได้คุยกับลูกสะใภ้สะบ้าง”ก็อยากจะแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอยู่หรอกนะ แต่ว่าทำไม่ได้อะ หน้ามันแดงไปแล้ว โชคดีที่พวกนี้เดินอยู่ข้างหลังชั้นไม่งั้นคงได้หน้าแดงเป็นตำลึงสุกมากกว่านี้แน่ๆ
“ถ้าอย่างนั้นวินขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วอาบน้ำก่อนนะ...คะ”ชั้นไม่ติดเลยไอ้ที่พูดต่อท้ายด้วยคะขาเนี่ย
“สบายๆชิวๆจะ ไม่ต้องเกร็ง คิดซะว่าพวกเราเป็นพี่ก็แล้วกันนะ”พ่อของเอ็นพูดขึ้นมาอย่างไม่หยี่ระ
“อ๋อลืมแนะนำตัวไปเลย ชั้นรอย เรียกว่าพี่รอยนะ ส่วนนี่ก็น้ำเรียกเหมือนกันพี่น้ำนะ^-^”เค้ายิ้มหล่อมาให้ชั้นแล้วเดินเข้าห้องเอ็นไปส่วนคุณแม่ เอ๊ย พี่น้ำก็เดินตามชั้นเข้าห้องมา ดีที่เมื่อวานพวกโบว์เข้ามาในห้องและเห็นสภาพห้องที่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะลอกมาจากสลัมจึงช่วยจัดการซะเอี่ยม
“ว้าว ห้องสะอาดจัง เป็นห้องชั้นไม่ได้หรอกรกยิ่งกว่านี้อีกเป็นร้องเท่าพันเท่า”พี่น้ำบ่น
“ฮะๆๆ ไม่ใช่หรอก เมื่อวานพวกโบว์เข้ามาเล่นที่ห้องก็เลยช่วยจัดห้องให้ ไม่อย่างนั้นมันก็รกกว่านี้เยอะ”ชั้นพูดอย่างสบายๆ พวกนี้ทำให้ชั้นผ่อนคลายได้มากที่เดียว
“เออ จริงด้วย เตียงเป้นเตียงเดี่ยวนี่นา พี่น้ำนอนบนเตียงแล้วกัน ถึงยังไงวินก็ยังเด็กกว่าให้พี่นอนข้างล่างคงไม่ได้ เดี๋ยววินนอนพื้นเอง”พี่น้ำพยักหน้าอย่างรับรู้และช่วยชั้นจัดที่นอนข้างล่างก่อนออกไปจากห้องเพื่อไปเตรียมปลุกลูกชายขี้เทราของตัวเอง
กรี๊ดดดดดดดดดดดด นี่มันกี่ปีแล้วนะที่ชั้นไม่ได้มาบรรยายอย่างนี้ ยังจำชั้นได้รึเปล่า ตอนนี้ชั้นกำลังจะมาปลุกลูกชายและสามีตัวแสบที่แอบเข้ามาในห้องลูกโดยอ้างว่าจะปลุกแต่กลับมาเบียดลูกแล้วหลับซะเอง
“ป้าบ!”ชั้นฟาดมือลงไปกับหลังกว้างๆของสามีเต็มๆก่อนจะเค้าจะตกจากเตียงและลูกชายชั้นค่อยๆตื่นขึ้นมา
“โอ๊ย นี่มาทำชั้นทำไมห๊ะ อยากตายเหรอ”ชั้นมองหน้าแบบทำไมไม่กลัวหรอก จนนายนั่นต้องจ๋อยไปเลย^O^
“แม่มาแล้วเหรอเจอวิน...หมายถึงทุกคนรึยัง”เอ็นหน้าแดงออกมาเมื่อรู้ตัวว่าพูดถึงลูกสะใภ้เป็นคนแรก
“ก็เจอแล้วแม่นอนห้องเดียวกับลูกสะใภ้นะ”
“เฮ้ย ไม่ได้นะ”เอ็นร้องออกมาอย่างตกใจ
“ทำไมอิฉฉาเรอะ”รอยแซว ไอ้บ้านี่ก็ชอบแซวลูกอยู่เป็นประจำวันล่ะสามเวลาหลังอาหารจริงเชียว(เวอร์-นางมารฯ)
“เอ่อ..คือ”เอ็นถึงกับพูดไม่ออก
“555+งั้นเดี๋ยวตอนกลางคือพ่อจะไปอุ้มแม่ที่นอนอหลับอยู่มาห้องนี้ส่วนแกก็สวมรอยไปนอนห้องนั้นแทนแม่ดีมั้ย”แผนชั่วชิบแป้งเลยชั้นล็อคคอลูกชายสุดที่รักก่อนจะเอ่ยอย่างเยือกเย็นกับผู้เป็นพ่อหรือสามีสุดที่รัก
“อย่าเลย ไม่อย่างนั้นงดเที่ยวหนึ่งเดือนนะ แยกห้องนอนด้วย”พาประโยคหลังรอยถึงกับอึ้งไปในทันที ปากของเค้าเริ่มสั่นๆ ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ไม่ได้ผลหรอก มันเคยใช้ได้กับชั้นเมื่อหลายปีก่อน เดี๋ยวนี้น่ะเหรอ อย่ามาบีบน้ำตาซะให้อยาก
“โถ่ ชั้นก็แค่พูดเล่นเท่านั้นแหละ ว่าแต่เธอกล้าทำจริงๆงั้นเหรอแยกห้องนอนกับชั้นน่ะ”ชั้นเชิดหน้าเมื่อได้ยินคำนั้น
“เอ ที่บ้านสตรอมยังเหลือที่ว่างสำหรับเพื่อนคนนี้มั้ยน้า แล้วคุณลิออ ที่มาจีบชั้นเมื่อตอนไปงานเปิดหนังล่ะ เค้าจะยังเหลือห้องนอนซักห้องไว้ให้ชั้นรึเปล่า อันนี้ก็ต้องโทรไปถามดูล่ะ”พอชั้นทำท่าจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมารอยก็รีบปัดมันทิ้งทันทีดีที่ว่าหล่นไปบนเตียงไม่งั้นเอ็นได้กำพร้าพ่อแน่ๆ ----____----+++++
“ฮือๆๆๆๆๆๆ ชั้นรู้ว่าเธอไม่ทำจริงหรอกใช่มั้ยที่รัก อย่าทำแบบนั้นเลยน้า ชั้นรู้ว่าชั้นมันเห็นแก่ตัวแต่ก็ทนไม่ได้จริงๆที่จะให้เธอไปอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่ชั้นน่ะ”เอ็นทำท่าพะอืดพะอมแทนที่จะสงสารพ่อของตัวเอง แต่นั่นคือสิ่งที่ชั้นสอนเค้ามาตั้งแต่เล็กๆ อย่าอ่อนไหวอะไรง่ายๆโดยเฉพาะกับพ่อของตัวเองคนนี้
“ความจริงผมว่าแม่ไปตากอากาศที่โน่นกับลุงสตรอมซักพักก็ดีนะครับ”เค้าแกล้งสนับสนุน
“ไอ้เอ็นส้นมั้ยลูก---___----+++”เค้ายิ้มแห้งๆไปให้พ่อของตัวเองก่อนจะนั่งเล่นอะไรที่ห้องไปเงียบๆ
“เอาล่ะเห็นแก่เอ็นหรอกนะ ไม่ไปก็ได้ แต่ว่าชั้นจะล็อคห้องนอนแล้วก็ริบเอากุญแจสำรองมาจากหนูหมิงแล้วก็จะบอกแผนบ้าๆนี่ให้ลูกสะใภ้ฟังด้วย”พอได้ยินคำนั้นลูกชายคนเดียวของชั้นถึงกับอ้าปากค้างแต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรประตูก็เปิดเข้ามา
“อ่าวมากันแล้วเหรอคะ ออกมาสิคะทุกคนกำลังรออยู่ที่ห้องทานอาหารค่ะ”พวกเราตามหนูหมิงเพื่อนสนิทของเอ็นออกจากห้องไปโดยที่พ่อและลูกเดินตามชั้นและหนูหมิงมาตาละห้อยเหมือนชีวิตนี้ช่างสิ้นหวัง
“อ้าๆๆๆ ที่นี่ยังเหมือนเดิมนะ ยังอยู่กันครบนี่นา ตอง โบว์ หมิง ฟาง แล้วก็โอปอ มีแฟนกันรึยังจ๊ะเนี่ย"
”ยังค่ะแต่มีบางคนยังอยู่ในระหว่างเกิบจะมีแล้วล่ะ”ทุกคนจ้องมองมาที่เอ็นที่กำลังนั่งก้มหน้าแดงๆให้รอดพ้นจากสายตาของพวกเรา และวินที่กำลังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“อ้าว แล้วพ่อหนุ่มรูปหล่อที่ใครกันล่ะ”ชั้นหันไปเห็นเด็กผู้ชายคนนึงที่กำลังนั่งกินข้าวหน้าตายเหมือนทั้งโลกมีแค่เค้าอยู่คนเดียว แต่คำว่ารูปหล่อที่ออกจากปากชั้นทำให้รอยมองเด็กคนนั้นด้วยสายตาไม่ชอบใจนัก
“เดวิลครับ”ชั้นอึ้งไปในทันที เดวิลงั้นเหรอเป็นชื่อของเค้าจริงๆหรือว่ามีใครตั้งให้กันแน่
“เอ่อนี่...เป็นชื่อเล่นจริงๆเหรอจ๊ะ”เดวิลพยักหน้าช่างน่าสงสารนัก แต่เด็กหนุ่มคนนี้มองชั้นด้วยสายตาแปลกๆ ชั้นเข้าใจจากสายตาของเค้าว่าเค้าไม่ชอบให้ใครมาสงสารนัก เป็นเด็กหนุ่มที่กล้าแกร่งเสียจริงๆ
พี่น้ำมองเดด้วยสายตาแปลกๆก่อนจะยิ้มอย่าชื่นชม ชั้นไม่เข้าใจว่าทำไมนายนี่ถึงมีคนมาชอบเยอะนัก นี่ก็พี่น้ำอีกคน ไปเอ็นดูมันทำไมนักหนา หน้าตากวนประสาทแบบนี้มีอะไรดีนักหรือไงนะ
“เอาล่ะกินข้าวกันดีกว่านะ พ่อไม่อยากให้พวกเราเป็นโรคกระเพาะ”พี่รอยขัดขึ้นมาเหมือนเห็นว่าพี่น้ำมองเดวิลอยู่นอนเกินไป ผู้ชายคนนี้เป็นที่ปรารถนาของผู้หญิงทุกคนนัก เพราะนับวันเค้ายิ่งรักภรรยาของเค้ามาขึ้นทุกที ทั้งรักทั้งหลงและสุดจะไขว่คว้าหาเธอผู้นี้ซึ้งก็ยังเป็นที่ปรารถนาของผู้ชายทุกคนเช่นกัน เธอเก่ง เข้าใจทุกๆคนที่อยู่รอบข้าง ถึงแม้จะเป็นดาราดังแต่ก็ไม่ได้หยิ่งยะโส เธอเข้าใจว่าอะไรถูกผิด แต่สิ่งที่ชั้นไม่เข้าใจเธอตอนนี้คือทำไมเธอถึงคิดว่านายเดวิลนี่จะเป็นคนดีกันล่ะ ---___---???
“ซ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”เสียงนั่นทำให้พวกเราห่อเหี่ยวทั้งกายและใจ เสียงฝน ฝนกำลังตกลงมาในวันที่ไม่น่าจะตกเอาซะเลย
“เฮ้อ ตกจนได้อุตส่าห์ของพรจากสิ่งสักสิทธิ์แล้วเชียวนะว่าไม่ให้ฝนตก”พี่น้ำบ่นออกมาอย่างเสียดายก่อนจะเดินเอาจานอาหารของตัวเองและสามีกับลูกติดมือไปล้างที่ห้องครัวทำให้ชั้นต้องรีบวิ่งตามไปไม่ลืมที่จะหยิบจานของคนที่นั่งข้างๆติดมือมาด้วยโดยไม่ได้สังเกตว่าเค้าคนนั้นเป็นใคร
“พี่น้ำไม่ต้องทำหรอกค่ะเดี๋ยวจะมีแม่บ้านมาทำให้น่ะค่ะ”
“โอ๊ยเรื่องแค่นี้ทำเองได้ก็อย่าไปรบกวนเค้าเลยจ้า ไม่ใช่ว่าชั้นจะแก่แล้วเสียเมื่อไหร่ ยังไหวน่ามีแรงมาที่นี่ได้ก็แสดงว่ายังไม่แก่แล้วล่ะหนูช่วยเป็นลูกมือชั้นไปเก็บจานมาให้หมดแล้วกันนะ”ชั้นเถียงอะไรไม่ออกนอกจากจะเดินไปเก็บเอาจานของทุกคนมา ชั้นเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้ชายที่ชื่อว่ารอยถึงได้หลงรักผู้หญิงคนนี้นักหนา เพราะว่าเธอทั้งเก่งดีแล้วก็เพอร์เฟ็คในหลายๆเรื่อง ชั้นอยากเป็นเธอจริงๆ
“อ่าวกลับมาเอาจานเหรอหนูหมิง”พี่รอยทักชั้นจึงพยักหน้าตอบ ชั้นสังเกตว่าทุกคนที่นั่งอยู่บนตะยกเว้นโอปอที่ทำหน้าหงิกกับวินที่เหมือนยังไม่ตื่นดีหัวเราะคิกคักกันตั้งแต่ชั้นเข้ามา อ๋อ ยกเว้นนายเดวิลที่นั่งก้มหน้าแดงๆที่ลามมาจนถึงหูนั่นด้วยนะ
“ขำอะไรกันยะ”ชั้นหันไปมองเพื่อนๆของตัวเองอย่างหัวเสีย
“ก็เธอน่ะรึเปล่าว่าการเก็บจานไปล้างให้น่ะเค้าทำกันแต่แฟนหรือสามีภรรยาเท่านั้นแหละ”ยังงงอยู่ดี ---___---????ยังนี่พูดอะไรไม่เคยขยายความเลย
“โอเคๆ บอกก็ได้ ก็เมื่อกี้เธอเก็บจานของเดวิลไปน่ะ”กำของเวร-///-ชั้นรู้สึกได้ถึงแรงสูบฉีดบนใบหน้าอย่างรวดเร็วจึงรีบกวาดๆเอาจานของทุกคนมาแล้วเดินลิ่วๆเข้าห้องครัวไปโดยมีเสียงล้อของเพื่อนๆตามมาไม่ขาดสาย
“555+ เข้าสู่วันที่จะโดนล้อเรื่องแฟนแล้วสินะ”พอมาถึงครัวพี่น้ำยังตอกย้ำชั้นอีก
“โอ๊ย ไม่ใช่หรอกค่ะ นายนั่นแค่ชอบทะเลาะกับหมิงเฉยๆ เราทะเลาะกันบ่อยมาก จนหมิงไม่เคยคิดจะญาติดีกับนายนั่นแล้ว”ชั้นพูดปัดๆ ให้ดูเหมือนว่าชั้นเกลียดนายนั่นจะได้เลิกล้อกันซะที
“ระดับนี้แล้วผ่านอะไรมาเยอะ เธอปิดบังพี่ไม่ได้หรอก รู้มั้ยว่าก่อนที่พี่กับรอยจะมาคบกันน่ะเราเคยทะเลาะกันจนพี่กระโดดถีบนายนั่นคอเคล็ดเลยนะ”เธอยืดอกพูดอย่างภาคภูมิใจ
“ทำตามอย่างที่ใจคิดเถอะน่า จากที่ดูเด็กคนนั้นไม่ได้เกลียดหรือมีความคิดอย่างที่เธอว่าเลยนะ เค้าออกจะสนใจเธอด้วยซ้ำ”ยิ่งพูดหน้าของชั้นยิ่งแดงก่ำเข้าไปใหญ่ ก็คิดอยู่แล้วล่ะว่าหลอกคนแบบนี้ไม่ได้ แต่ที่ชั้นต้องการจะหลอกนะ ไม่ใช่พี่น้ำหรอกแต่ว่าเป็นตัวชั้นเองต่างหาก
“ก็หมิงบอกแล้วไงคะว่าหมิงไม่ชอบนายนั่น ออกจะเกลียดด้วยซ้ำ ยังไงหมิงก็ขอยืนยันว่าหมิงเกลียดนายเดวิลจอมมารนั่นที่สุดในโลก!!!”ประโยคสุดท้ายชั้นตะโกนออกมาเสียงดังจนทั้งบ้านที่กำลังคุยกันเซ็งแซ่เงียบกริบ
“เพล้ง!”เสียงของอะไรซักอย่างหล่นกระทบกับพื้นชั้นและพี่น้ำหันไปมองอย่างตระหนก เดวิล! ตรงขาของเค้ามีแก้วน้ำหนึ่งแก้วที่แตกกระจายและเศษแก้วอันเล็กๆที่ปักอยู่
“อ๊ะ ขาของนายเลือดออกด้วยเดี๋ยวชั้นจะทำแผลให้นะ”แต่พอไดถึงตัวเค้ากลับปัดมือของชั้นออกอย่างไม่ใยดี
“ล้างจานไปเถอะ ขอโทษที่ทำแก้วเธอแตกเดี๋ยวชั้นจะซื้อใช้ให้”ไม่ใช่คำว่าจะซื้อใหม่ให้หรอกที่ทำให้ชั้นเจ็บปวด แต่คำที่เค้าพูดว่าล้างจานไปเถอะนั่นน่ะ มันแฝงด้วยประโยคไล่ชั้นแล้วก็คำพูดอย่างไม่ใยดีนั่นอีก ทำไมมันถึงได้รู้สึกโหวงๆนะ แล้วก็ปวดมวนในช่องท้องไปหมด ชั้นมาภาพด้านหลังของเดวิลที่เดินออกไปอย่างช้าๆ เค้าต้องคอยจับสิ่งกีดขวางเพื่อช่วยพยุงตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไม่ทันไรชั้นก็เห็นร่างบางของโอปอเข้ามาช่วยพยุงเค้าเอาไว้ แต่ไม่รู้ว่าเค้าพูดอะไรเธอถึงได้ตีสีหน้าไม่พอใจแล้วก็ตอบกลับไปด้วยเสียงที่ไม่ดังนักทำให้ชั้นไม่ได้ยิน นานโขอยู่ที่ชั้นยืนดูพวกเค้าอยู่ตรงนั้นน้ำตาของโอปอเริ่มมาคลอที่เบ้าเตรียมจะไหล ชั้นไม่รู้ว่าเค้าพูดเรื่องอะไรกัน นั่นแผ่นหลังนั้นสัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่ปรากฏ น้ำตาของโอปอไหลออกมาแล้ว ชั้นก็เหมือนกันไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆมันถึงไหลออกมา ชั้นรีบปาดมันทิ้งแล้วเดินลิ่วๆไปล้างจานต่อจนเสร็จ เที่ยงนั้นบรรยากาศไม่เหมือนเก่าเพราะว่าพวกเราไม่เหมือนเดิม วินมัวแต่ลอบมองเดวิลด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรชั้น เดวิลเงียบไปตั้งแต่ที่พูดกับโอปอเค้าไม่มองหน้าเธออีกเลย แน่นอนรวมทั้งชั้นก็ด้วย ส่วนโอปอก็มองชั้นแปลกๆตั้งแต่ออกมานั่นด้วยกัน เอ็นที่เห็นว่าวินมันแต่มองเดวิลจึงทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจแต่ชั้นรู้ว่าเค้าแค่งอนไม่ได้โกรธคงอยากให้วินมาสนใจตัวเองบ้าง ก็บอกแล้วว่าเอ็นก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กๆที่เอาแต่ใจอยากให้ทุกคนสนใจคนนึง เค้าเป็นเหมือนน้องชายที่รัก แต่ไม่ใช่คนที่ชั้นรัก ชั้นเคยสัญญากับตัวเองว่าซักวันจะต้องเจอคนๆนั้นให้ได้คนที่หัวใจชั้นเรียกร้อง แต่ว่าตอนนี้ชั้นเจอรึยัง ยัง ชั้นยังไม่เจอ นี่ชั้นหลอกตัวเองอยู่รึเปล่านะ??? ตอนนี้คนที่คุยกันอย่างสนุกสนานโดยไม่สนใจผู้อื่นมีอยู่แค่5คน คือ พี่น้ำ พี่รอย โบว์ ตอง ฟาง พวอนี้คุยกันไปกินกันไปจุกจิกไปเรื่อย จากนั้นก็ชวนกันออกไปเล่นน้ำทะเลแต่ก่อนไปพี่น้ำก็หันมามองพวกเราที่นั่งอยู่
“โกรธอะไรกัน งอนอะไรกันรีบๆคืนดีกันเข้านะมิตรภาพเป็นสิ่งที่ควรจะรักษาเอาไว้ยิ่งกว่าความรักที่เสียไป เพราะมันสามารถฟื้นคืนได้แม้จะล่มไปกี่ครั้ง ขอเพียงแค่หันหน้าเข้าหา แล้วพูดว่า...ชั้นขอโทษ”ชั้นแทบจะพูดคำๆนั้นออกมาทันทีหลังจากที่พี่น้ำพูดจบแต่ก็ไม่กล้า มันมาจุกอยู่ที่ตรงนี้ที่ตรงคอนี่ เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างบอกว่าชั้นทำถูกแล้วที่บอกว่าเกลียดเค้า...
“ชั้นขอโทษ”แต่ก่อนที่ใครๆจะได้พูดอะไรเสียงห้าวๆแหบๆนั่นก็ดังขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่เมื่อตอนที่เค้าคุยกับชั้นครั้งที่แล้ว โอปอเงยหน้าขึ้นมารอยยิ้มปรากฏบนหน้า แต่! เดวิลไม่ได้พูดกับเธอ เค้าพูดกับชั้น
“ชั้นขอโทษนะ ไม่รู้ว่าเพราะเรื่องอะไรทำให้เกลียดชั้น แต่ว่าต้องขอโทษไว้ตรงนี้ด้วย ชั้นไม่อยากให้เธอ...เกลียด”
“เพี๊ยะ!”ต่อด้วยเสียงตบหน้าเดวิลฉาดใหญ่ โอปอลุกขึ้นยืนน้ำตาหยดแหมะๆลงบนขาของเดวิลเธอมองเค้าอย่าเจ็บปวดที่สุดเท่าที่ชั้นเคยเห็นมา ที่ผ่านมาเธอเป็นคนเดียวในกลุ่มที่มีแฟนเยอะและบ่อยมาทุกคนที่ผ่านเธอล้วนแล้วแต่เป็นหนุ่มฮอตหรือระดับดารา เพราะเธอมีหน้าตาที่ดูโดดเด่น แต่ก็ทุกครั้งไปที่เธอจะเป็นฝ่านของเลิกกับหนุ่มโชคร้ายคนนั้นก่อนอย่างเย็นชา แต่คราวนี้ ตั้งแต่ยังไม่ได้คบกันเธอก็เจ็บปวดเพราะเดวิลมาหลายครั้งเท่าที่ชั้นสังเกตหรือว่า หัวใจขงเธอจะหยุดอยู่ที่เดวิลซะแล้ว ทำไมถึงรู้สึกเจ็บแปลบๆอย่างนี้นะ มันแน่นหน้าอกยังไงบอกไม่ถูกรู้สึกเหมือนมีคู่แข่ง ชั้นไม่ได้ชอบเดวิลซะหน่อย แต่ถ้าต้องแข่งกับเธอ ชั้นก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มแล้วล่ะ
“ทั้งๆที่ ฮึก ทั้งๆที่ชั้นรักเธอมากขนาดนี้ ทั้งๆที่ไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อน แต่คนที่เธอเลิกคือหมิงที่เพิ่งบอกว่าเกลียดฌธองั้นเหรอ! บอกชั้นมาสิเดวิล ตอบชั้นมาว่านายชอบเธอใช่มั้ย ตอบชั้นมาจะได้ตัดใจ ฮึก ตอบชั้นมานะ ฮือๆๆๆๆ”น้ำตาของเพื่อนรักไหลพลากๆเหมือนไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ชั้นทนไม่ไหวจึงเข้าไปกอดเธอแน่น
“ไม่เป็นไรนะ ชั้นอยู่ตรงนี้อย่าร้องไห้นะ ไม่เป็นไรแล้ว ชั้นอยู่ตรงนี้ ชั้นเป็นเพื่อนรักของเธอใช่มั้ย ร้องออกมาสิ ถ้ามันทำให้แผลของเธอหาย ร้องออกมามากๆ แต่ให้แค่ครั้งเดียวนะ นอกนั้นก็กลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิม กลับมาเป็นโอปอที่มั่นใจคนเดิม แล้วชั้น...จะหลีกทางให้นะ”ชั้นปลอบโอปอด้วยเสียงอ่อนโยน แรงสะอื้นของเธอค่อยๆลดลงจะเงียบ
“ขอบคุณนะหมิง ชั้นเคยคิดว่าเกลียดแก แต่ไม่ใช่ชั้นเกลีดยแกไม่ลงจริงๆ แกเป็นเพื่อนที่ชั้นรักที่สุดจริงๆ”แล้วเอก็ร้องออกมาอีก
“ไม่เอานะ ก็บอกแล้วไงว่าให้ครั้งเดียว ถ้ามีใครที่สองชั้นจะตีแกจริงๆนะ”ชั้นยกมือขึ้นทำขู่ โอปอหัวเราะแล้วเอามือปาดน้ำตาลวกๆ
“ไม่ร้องแล้ว ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ออกไปว่ายน้ำกันนะ”ชั้นยิ้มแล้วพยักหน้า ไม่สิต้องเรียกว่าฝืนยิ้มอย่างมากต่างหาก ชั้นทำให้โอปอยิ้มได้ แล้วตัวเองล่ะ ยิ้มออกเหมือนเค้าบ้างรึเปล่า ไม่เลย ถ้าให้ยิ้มจากใจจริงตอนนี้ ชั้นขอเปลี่ยนเป็นร้องให้จะง่ายกว่า แต่ไม่หรอกหลังจากที่พ่อตายไปชั้นก็ร้องไห้ไม่ได้อีกแล้ว ยกเว้นจะมีซึมๆมาเมื่อกี้เป็นรอบแรกของหลายปีเลยนะนั่น จากนั้นพวกเราก็จำใจจะต้องออกไปว่ายน้ำกับโอปอทั้งๆที่แดดยังเปรี้ยงๆ เราไม่เห็นพี่น้ำหรือพี่รอยอยู่ที่ทะเล แต่พวกเราสังเกตเห็นพวกเรากำลังนั่งก่อกองทรายกันอยู่ เอ็นจับหน้าฝากตัวเองอย่างปวดหัวกับความเด็กของพ่อกับแม่(เรียกสั้นๆว่าปัญญาอ่อนอะนะ-นางมารฯ)แต่ซักพักพี่รอยและพี่น้ำก็เรียกให้ทั้งเอ็นและวินเดินไปทางนั้น มันเหมือนครอบครัวเลยแฮะไม่อยากจะบอกให้ทำร้ายจิตใจเอ็นหรอกนะ แต่ดูอย่างนี้แล้วดูเหมือนวินเป็นพี่สาวของเอ็นส่วนเอ็นก็เป็นน้องชายคนเล็กที่แสนจะขี้โรคยังไงยังงั้นเลยล่ะ
“หมิงแล้วเดล่ะ”ฟางถามชั้นทั้งๆที่ไม่ได้อยากจะตอบ
“อยู่ข้างบนน่ะ เค้าบอกไม่อยากเป็นภาระให้พวกเรา เพราะว่าขาเจ็บ”ชั้นพูดกึ่งแดกดันคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วยกัน ชอบพูดว่าชั้นอยู่ได้ทั้งๆที่รู้ว่าชั้นเถียงไม่ทันยังจะว่าให้เจ็บใจเพราะอย่างนี้ชั้นถึงได้เกลียด...
“นี่หมิงชั้นจะบอกอะไรให้เอาบุญอย่างนะ ว่าเดวิลน่ะเค้าไม่ได้เกลียดแล้วก็ไม่ชอบหน้าแกตั้งแต่ต้นแล้วล่ะ”ฟางพูดทิ้งท้ายไว้อย่างเซ้งๆก่อนจะเดินจากไป(ลงน้ำต่อ)ชั้นยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นกัดเล็บที่อุตส่าห์ไว้มาเป็นเดือนๆขาดสะบั้นในทีเดียว ชั้นไม่เคยคิดมาแบบนี้เพราะมันจะทำให้ปวดหัวแล้วก็น่ามืดไม่คิดจะดีกว่าแต่มันก็อดคิดไม่ได้อยู่ดี(อ่าว-นางมารฯ) ช่างเถอะเดี๋ยวค่อยคุยแล้วกัน เที่ยงถึงบ่ายแก่ๆพวกเรานั่งอยู่กลางชาดหาดโดยปราศจากเดวิลที่เคยสร้างสีสันให้กองของพวกเราไม่นอยเลยทีเดียว
“เอ่อพวกเรา คือพี่มีอะไรจะบอก”จู่ๆพี่รอยก็ตะโกนขึ้นมาพวกเราหันไปมองทั้งสองคนที่ยืนกอดเอวกันอยู่
“คือพวกเรามาพักที่นี่เพราะว่ามีล่ะครเรื่องนึงต้องถ่ายด้วยกันน่ะแล้วเค้ามาถ่ายที่พัทยาก็เลยกะจะมาพักกับลูกๆแต่ว่าตอนนี้เค้าเร่งให้ไปถ่ายแล้ว จะไปด้วยกันรึเปล่า”พวกเราพยักหน้าอย่างแข็งขัน
“อ่าวเดวิลไม่อยู่นี่นาไม่ชวนเค้าหน่อยสิเดี๋ยวเค้างอนนะอย่างน้อยไปบอกไว้ก็ดีจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”พี่น้ำบอกชั้นทำหน้าเซ็งๆก่อนจะพยักเพยิดไปทางโอปอ
“แกไปสิ”แต่เธอกลับส่ายหน้า
“ตอนนี้ยังไม่ คราวนี้ชั้นถึงจะรุกเค้าเธอไปก่อนแล้วกัน”ชั้นทำหน้าเหนื่อยหน่ายมองไปที่คนอื่นๆกลับทำเป็นคุยกันไม่รู้เรื่อง ในที่สุดก็ต้องเดินขึ้นไปที่ห้องบานประตูสีดำ
“ก๊อกๆๆ”
“เข้ามา”เสียงเย็นชาดังมาจากข้างหลังประตูบานนั้น ชั้นยื่นปากออกมาอย่างไม่พอใจ อาศัยบ้านคนอื่นเค้าอยู่ยังจะมีหน้ามาทำเสียงแบบนี้อีกเหรอ เสียมรายาทชะมัด
“อ้าวคุณเจ้าของบ้าน ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวชั้นจะจ่ายค่ะแก้วน้ำให้แน่นนอน”ชั้นพูดโดยไม่มองหน้าชั้นเลย ทีแต่ก่อนล่ะมองแทบสึก
“นี่ไอ้เจ้าบ้า ชั้นจะมาชวนนายไปดูพี่น้ำแล้วก็พี่รอยถ่ายล่ะครกันไปนะ ทุกคนอยากให้นายไป”
“ยกเว้นเธอ”เค้าสวนขึ้นมาทันทีด้วยเสียงเจ็บปวดและแหบแห้ง ชั้นก้มหน้าอย่างสำนึกผิด
“ไม่หรอก ชั้นก็...อยากให้นายไป...เป็นเพื่อนชั้นเหมือนกัน”เค้าหัวเราะหึๆออกมาเหมือนเยาะเย้ยตัวเองแล้วลุกจากเตียง
“เธอไปเถอะชั้น...ไม่อยากไป”ชั้นเหมือนจะเห็นคำว่าโกหกที่ตาของเค้าจึงคว้ามือเค้าขึ้นมา
“ถ้านายไม่ไปชั้นก็จะอยู่คน ได้ไงล่ะ พี่รอยคู่กับพี่น้ำ เอ็นคู่กับวิน ยัยโบว์เดินกับยัยตอง ยัยฟางก็เกาะโอปอติดหนึบ อย่างนี้ชั้นจะเดินกับใครล่ะ ต้องโดดเดี่ยงงั้นรึ หรือว่าจะให้หาคนแถวนั้นไปเป็นเพื่อน ไม่เอาหรอก ไปด้วยกันหน่อยนะ ชั้นอยากให้นายไปจริงๆ นะเดวิล”เป็นครั้งแรกที่ชั้นขอร้องเค้านอกจากขอร้องให้เค้าไปจากชีวิตชั้นเร็วๆในใจ
“ก็...ก็ได้”ชั้นพูดเสียงอ่อยก่อนจะเดินไปม่เสยผมที่หน้ากระจกแล้วหยิบอะไรบางอย่างเข้ากระเป๋ากางเกง
“รูปแฟนงั้นเหรอ”แต่พอทักขึ้นมาเค้ากลับมองหน้าชั้นด้วยสายตาดุดัน
“ไม่ใช่กงการอะไรของเธอ”เสียงเย็นๆนั่นทำเอาชั้นแทบอยากกระโดนถีบหน้าเข้าให้จังๆ คนอุตส่าห์ให้มาร่วมชายคายังจะมีหน้ามาพูดกับชั้นแบบนี้อีกเหรอเนี่ย ช่างอกตัญญูจริงๆ
“โอเค๊ นายไม่บอกชั้นก็ไม่อยากรู้ ไม่มีธุระอะไรกับชั้นอยู่แล้วถ้านายจะมีแฟน”เค้ามองชั้นด้วยสายตาเว้าวอนจนทำให้ใจหวิวอีกครั้งก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น ผู้ชายที่เข้าถึงยากชะมัด(ใช่ๆ-นางมารฯ)
ยื้อก็เหมือนเราจะยิ่งเหนื่อยรักไม่ช่วยอะไรเลย ชั้นไม่ยอมเปลี่ยนเธอไม่ยอมเปลี่ยน ยังคงทำตัวเหมือนเคยๆ ปรับความเข้าใจกันไปมันก็ซ้ำเก่า ทั้งๆที่รักกันแต่เราเข้ากันไม่ได้เลย เมื่อเราต่างไม่เคยจะยอมลด ก็ควรจะลา~
ระหว่างที่เดินลงบันไดมาชั้นก็ฮัมเพลงไปด้วยแต่พอร้องจบไอ้คนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าก็หันมามองชั้นแปลกๆซะงั้น เค้าเลิกคิ้วแล้วมองชั้นอย่างมีคำถาม
“อะไรยะ”ชั้นถามเสียงห้วน
“ร้องเพลงเป็นด้วยเหรอเราน่ะ”โอ้โห้ดูมัน พูดเหมือนพ่อชั้นเปี๊ยบเลย
“ทำไมชั้นจะร้องไม่ได้ยะ ทีนายยังร้องทั้งวี่ทั้งวันไม่เห็นมีใครว่าอะไรเลย”แล้วก็ยื่นปากอย่างไม่พอใจ ความจริงชั้นก็งอนๆนะเพราะทีคนอื่นร้งเค้ายังตบมือแล้วบอกว่าเพราะแต่ชั้นนี่สิเค้ากลับนึกว่าร้องเพลงไม่เป็นด้วยซ้ำอะ--3
“เปล่า ก็ไม่ได้ว่าอะไร เห็นทีคนอื่นเค้าร้องกันเธอก็บอกว่ารำคาญ นึกว่าไม่ชอบร้องเพลง”
“นั่นเพราะว่านายเป็นคนร้องหรอกย่ะ”ชั้นตะโกนขึ้นมาบ้าง เค้ายิ้มเหมือนเยาะทุกสิ่งแล้วเดินไปทางพวกที่รออยู่
“ว่าแล้วถ้าให้หมิงไปชวนเธอต้องมา”โอปอพูดแล้วยิ้มอ่อนโยน เธอดึงมือของเดวิลขึ้นมาเค้าไม่ได้ขัดขืนแต่ว่ามองเธอแปลกๆ ส่วนชั้นก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องหันหน้าหนีไปทางอื่น
“เอาล่มากันพร้อมแล้วก็ไปกันเถอะนะ^-^”พี่น้ำพูดอย่างกระตือรือร้น พวกเราพยักหน้ากันอย่างเซื่องๆ |
ความคิดเห็น