ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Attcak on Titan [This research has loved you] All x eren

    ลำดับตอนที่ #1 : Research time 1 -look at Me-

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ค. 57


              ..... ตี้ด ตี้ด ตี้ด ตี้ด .....

    เสียงเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์จักรกลต่างๆดังกังวนภายในห้องหน่วยทดลองเป็นระยะตามปกติในตู้แก้วทรงกลมยาวบรรจุน้ำสีฟ้าใสที่รายล้อมร่างบางเปลือยเปล่าผมสีน้ำตาลลู่ชี้ไปตามน้ำผิวสีขาวซีดเพราะถูกบรรจุอยู่ในตู้น้ำขนาดใหญ่เป็นเวลานาน บุคคลชุดสีขาวยาวต่างเดินกันขวักไขว่บ้างก็นั่งอยู่ที่โต๊ะรัวคีย์บอร์ดหน้าคอมพิวเตอร์ ในห้องทดลองขนาดใหญ่ที่ถูกจัดไว้ตามโสนเป็นลำดับ ร่างบางที่หลับตาแน่นิ่งข้อมือละข้อเท้าทั้งสองข้างถูกพันธนาการด้วยโซ่เหล็กขนาดใหญ่ ใบหน้ามนถูกเครื่องช่วยหายใจปิดไปกว่าครึ่ง ริมฝีปากบางสีระเรื่อเปิดอ้าเพราะท่อพลาสติกที่สอดเข้าไปในโพรงปาก ตามร่างกายมีสายระโยงระยางที่ติดตามร่างกายสีขาวซีด ด้านนอกตู้แก้วจะเป็นกระจกกันกระแทกขนาดใหญ่กันครอบตู้แก้วไว้อีกชั้นกันระหว่างภายนอกและภายในอย่างชัดเจนถูกตั้งไว้กลางห้องทดลองอย่างเด่นชัด รอบตู้แก้วจะมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏระดับตัวเลข ความดันทั้งหมดในร่างกายของร่างบางที่หลับสนิทอยู่ในตู้แก้ว ร่างชายหญิงหลายคนใส่ชุดกาวยาวนั่งรัวคีย์บอร์ดป้อนข้อมูลตามปกติ ผู้คนที่ต่างเดินก้มหน้าจดรายละเอียดของตนเอง บ้างก็จ้องหน้าคอมพิวเตอร์ บางก็เดินสารวนหาอุปกรณ์ในห้องขนาดใหญ่ ร่างสูงของชายหนุ่มผมทองปาดปิดตาข้างขวาใบหน้าคมแสดงสีหน้าเรียบเฉยตลอดเวลาเดินตรงมายังตู้แก้วเงียบๆ

    “วันนี้เป็นไงบ้าง” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยถามชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่หน้าคอม ผู้ถูกถามสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันมามองชายวัยกลางคนรีบลุกจากเก้าอีกก้มหัวให้กับชายหนุ่มร่างสูง

    “ตอนนี้ยังปกติทุกอย่างครับ แต่ประแสประสาทตอนนี้ค่าคำนวณออกมามากกว่าทุกวันที่ผ่านมาครับ” ชายวัยกลางคนอธิบายรายละเอียดทุกอย่างเหมือนเช่นทุกวัน ร่างสูงเพียงพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปมองร่างบางในตู้แก้ว ร่างสูงผมสีน้ำตาลไว้ยาวรวบขึ้นใบหน้าคมสวมแว่นสีแดงทำให้ดูน่ามองเดินตรงมาหาร่างสูงอีกคนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเช่นเคย

    “แอนนี่ วันนี้เป็นไงบ้างละ” ร่างสูงผมสีน้ำตาลเดินมาหยุดข้างร่างสูง ก่อนจะจับจ้องไปที่ตู้แก้วเช่นเดียวกับร่างสูงข้างกาย

    “ระบบประสาทมีการคำนวณออกมามากกว่าทุกวัน” เสียงที่เรียบเฉยออกจากริมฝีปากคมแต่เรื่องที่เขาพูดอยู่มันไม่ใช่เรื่องปกติมันกำลังแสดงว่า

    “แสดงว่าร่างกายกำลังเริ่มทำงานแล้วสินะ” เสียงที่พูดออกมาด้วยความตื่นเต้นอย่างปิดไม่อยู่ใบหน้าคมฉีกยิ้มอย่างดีใจ ใช่เมื่อระบบประสาทเริ่มคำนวณค่าที่แตกต่างก็แปลว่าร่างกายก็จะต้องรับค่านั้นไปด้วย ร่างที่หลับสนิทแน่นิ่งเหมือนศพที่ถูกสตาฟใว้ในตู้แก้วอยู่มา 2ปีกำลังจะตื่นขึ้นมาพวกเขาที่คอยดูแลทุกอย่างแม้แต่ลมหายใจของร่างที่อยู่ในตู้แก้วกำลังจะประสบความสำเร็จแต่ก็อาจจะไม่เสมอไป เพราะที่ร่างที่หลับใหลอยู่ในตู้แก้วก็ไม่ต่างอะไรจากศพถ้าเขาดึงสายออกซิเจนออก 

    “แล้วนายว่าเขาจะตื่นไหม” ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้ตู้แก้วมากขึ้นจับจ้องใบหน้ามนที่หลับสนิท ริมฝีปากคมหยักยิ้มบางอย่างเอ็นดู  แอนนี่เดินเข้ามาใกล้ตู้แก้วเช่นเดียวกับร่างสูงใบหน้าคมมักจะยิ้มให้กับร่างบางที่หลับใหลในตู้แก้วทุกครั้งที่เขามอง

    “นี่คุณฮันซี่” แอนนี่เรียกร่างสูงข้างกาย ใบหน้าคมหันมองเพื่อนร่วมงานอายุน้อยกว่าพลางเลิกคิ้วเป็นเป็นเชิงถาม

    “คุณคิดว่าเขาสวยเหมือนรูปปั้นไหม” ริมฝีปากคมหยักยิ้มบางคำถามที่ออกจากร่างสูงทำให้ใบหน้าคมขมวดคิ้วก่อนจะหลุดหัวเราะอย่างดังออกมาอย่างไม่สนใจใคร ก็ใครจะมาว่าอะไรพวกเขาได้ละก็ต่างฝ่ายก็เป็นหัวหน้ากันทั้งนั้น

    “ฉันคิดว่ามีแต่ฉันนะเนี่ยที่คิดแบบนี่”ร่างสูงกั้นขำจนใบหน้าคมบิดเบี้ยว แต่อีกคนกลับใบหน้าบึ้งตึงกับกริยาของอีกฝ่ายซะงั้น

    “ถ้าวันนั้นเราไม่ไปเจอเขาจะเป็นยังไงกันนะ” ใบหน้าคมหันมองร่างสูงอีกคน

    ...

    ..........

    .....................

    ....................................

            2 ปีที่แล้ว

    ปัง ตูม โครม!

    เสียงระเบิดดังสนั่นทั่งทั้งบริเวณหน้าตึกอาคารวิจัยขนาดใหญ่ ประตูเหล็กขนาดใหญ่ถูกแรงระเบิดอัดจนเป็นรูโหวขนาดใหญ่ เสียงไซเรนรถพยาบาลที่เรียงตัวขับด้วยความเร็วสูงขับตามติดกันมาเป็นทางยาว  เปลวเพลิงลุกโชติบนชั้นอาคารจนเกิดเป็นแรงระเบิดตัวอาคารจนพังยับเยินแต่ด้วยตัวโครงสร้างที่ออกแบบมาอย่างดีทำให้ตัวตึกยังทรงอยู่สภาพเดิม  เหตุเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลวิจัยชื่อดังที่เกิดแรงระเบิดจากตัวห้องวิจัยสารเคมีอันตรายเนื่องจากมีข่าวที่รู้กันดีอยู่แล้วในวงการนี้ว่างานวิจัยของที่นี้มีแต่เรื่องผิดปกติผู้ทดลองจะเป็นตัวมนุษย์ด้วยกัน การทดลองแต่ละอย่างที่โรงพยาบาลนี้ทำมันช่างวิปริต  แต่ด้วยชื่อเสียงและมีผู้มีอำนาจคอยสนับสนุนทุกฝ่ายเลยต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นตลอดมา   

    “โฮ่ พังยับเลยนี่” ร่างสูงผมสีน้ำตาลก้าวลงจากรถคันหรู ก่อนจะเดินออกมายืนด้านหน้าตัวอาคาร เขาคนนี้คือ ฮันซี่   โซเอะ

    “น่ารำคาญทำไมไม่ทำกันเอง” ร่างสูงผมสีทองเดินตามร่างสูงอีกคน พวกเขาถูกเรียกตัวให้มาตรวจสำรวจด้านในตึกวิจัยขนาดใหญ่นี้ แต่คนที่ตอบตกลงในทันทีนั้นก็คือคนที่ยืนฉีกยิ้มดูซากตึกตรงหน้าอย่างนึกสนุกอยู่นี่สิ เขาคนนี้คือ แอนนี่  เลออนฮาร์ท

    “ตัวสารที่เป็นต้นเหตุนี้ดูท่าจะแรงใช้ได้เลยนะครับถึงทำให้ตึกระเบิดยับแบบนี้ได้” ร่างสูงผมทองใบหน้าคมประดับรอยยิ้มตลอดเวลาเอ่ยทั้งๆที่ยังยิ้ม เขาคนนี้คือ อาร์มิน อัลเลตโต้

    “หึ สมแล้วที่พวกมันทำ” ร่างสูงผมสีรัตติกาลตัดสั้นประบ่ายืนมองตึกวิจัยด้วยสายตาน่าสมเพส เขาคนนี้คือ มิคาสะ แอ็กเกอร์แมน

    “ทำไมถึงให้คนหล่ออย่างฉันมาสำรวจซากตึกนี้ด้วยนะ” ร่างสูงผมสีน้ำตาลเข้มแกมอ่อนยกมือเสยเส้นผมตัวเองโดยไม่สนใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าแม้แต่น้อย เขาคนนี้คือ แจน กิลชูไต

    “เห็นว่ามีห้องวิจัยใหญ่ที่ไม่ถูกแรงระเบิดนะ” เสียงเรียบๆออกจากริมฝีปากคมของร่างสูงผมสีทอง นัยน์ตาสีฟ้าท้องนภาจับจ้องไปยังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่กำลังฉีดอัดน้ำเข้าไปในกองเพลิง เขาคนนี้คือ เอลวิน สมิธ

    “หึ เรื่องแค่นี้ทำกันเองก็ไม่ได้” ร่างแกร่งผมสีรัตติกาล นัยน์ตาดุดันจ้องมองเจ้าหน้าที่พยาบาลที่กำลังขนย้ายคนเจ็บแล้วก็ร่างไร้วิญญาณออกจากตัวอาคาร ด้วยใบหน้าเฉยชา เขาคนนี้คือ รีไวล์

    “พวกคุณรีไวล์มาแล้ว” เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นเรียกให้ทุกสายตาหันไปจับจ้อง 7 หนุ่มวิจัยชื่อดังที่ตามหาตัวได้ยาก ชายร่างสูงผิวเดินตรงเข้ามา เขาคนนั้นคือ  เบลทรูท  ฮูเบอร์ เป็นคนของโรงพยาบาลวิจัยที่เดียวกับพวกเขาที่มาดูเหตุการณ์ให้ก่อน

    “ทางเราระเบิดประตูเหล็กที่เป็นทางเดียวที่จะเข้าไปด้านในได้แล้ว ตอนนี้เพลิงถูกหยุดไว้แล้วเราเข้าไปเลยไหมครับ” ร่างสูงทั้งเจ็ดพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามเข้าไปในตัวอาคารฝ่ายที่ระเบิดเป็นฝ่ายด้านขวาของตัวอาคารส่วนฝ่ายด้านซ้ายของตัวอาคารยังอยู่ในสภาพดีเพราะเจ้าหน้าที่ดับเพลิงหยุดเพลิงฝ่ายขวาไว้ได้ทัน

    “ตรงนี้ละครับ ที่ดูจากแผนผังแล้วน่าจะเป็นห้องวิจัยหลักของที่นี้” ชายคนเดิมพูดก่อนจะหยุดยืนอยู่ทางเข้าของห้องวิจัยที่ประตูเหลือถูกพังยับไปแล้ว  แม้ก้าวเข้าไปก็พอว่าที่พวกเขายืนอยู่เป็นชั้นลอยมีเหล็กกั้น ด้านล่างที่มองลงไปเป็นที่โล่งมีอุปกรณ์แล้วคอมพิวเตอร์ที่ยังค้างหน้าข้อมูล เอกสารที่ปลิวกระจัดกระจายและอุปกรณ์ที่ล้มระเกะระกะแสดงให้เห็นถึงความวุ่นวายอย่างมา

    “ใช้ได้เลยนี้พวกนี่” ฮันซี่มองดุอุปกรณ์ทันสมัยที่ถูกใช้งานค้างไว้อยู่อย่างใสใจ ใบหน้าคมฉีกยิ้มสนใจกันเหตุการณ์ตรงหน้า

    “นั้นสิ มีแต่ของนำเข้าทั้งนั้น” แอนนี่พูดเสริมไม่ใช่ว่าโรงพยาบาลวิจัยของพวกเขาจะไม่มีแต่ดูจากตัวห้องที่ถูกออกแบบไว้มีอุปกรณ์หลายอย่างแต่ก่อนที่เขาจะได้สังเกตอะไรไปมากกว่านี้เสียงที่แทรกขึ้นมาทำให้ทุกคนในห้องต้องหันไปมอง

          แก้ง แก้ง แก้ง

    เสียงโลหะที่กระทบกันดังก้องในห้องวิจัยเรียกให้ทุกสายตาหันหาต้นเหตุ แต่ก็ไม่พบ แต่เมื่อฟังดีๆแล้วทุกคนจึงเงยหน้าขึ้นไป ภาพที่เห็นทำให้ทุกคนนัยน์ตาเบิกกว้าง ร่างบางผิวสีซีด ผมสีน้ำตาล นัยน์ตากลมโตสีมรกตที่ไม่แสดงความรู้สึกนึกคิดใดๆไม่สะท้อนสิ่งรอบตัวแม้แต่น้อย ในชุดเสื้อเชิ้ตยาวคร่อมเข่า  ข้อมือและข้อเท้าที่ถูกตรึงไว้ด้วยโซ่เหล็กที่ถูกลวดสลิงสีใสโยงลงมาจากชั้นบนสุดของชั้นวิจัยให้ลงมาอยู่ในระดับสูงกว่าชั้นลอยที่พวกเขายืนอยู่  

    “นั้นคนใช่ไหม” มิคาสะเพ่งสายตามองไปยังร่างบางที่ถูกตรึงไว้กลางอากาศ เหมือนตุ๊กตาหุ้นเชิดไม่มีผิด ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าอยากเข้าไปช่วยแล้วโอบกอดกัน

    “คน น่าจะมีชีวิตอยู่นะครับ” อาร์มินพูดด้วยน้ำเสียงตื่นๆกับภาพตรงหน้าที่ทำเหมือนกับไม่ใช้คน  ทำไมเราต้องรู้สึกเป็นห่วงด้วยทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักแม้แต่น้อย

     “เห้ย รีบไปช่วยเอาลงมาสิ” แจนพูดเสียงดัง ใบหน้าคมจ้องไปยังใบหน้ามน ทำไมถึงรู้สึกอยากปกป้อง ไม่อยากให้เจ็บปวด

    “มันกำลังจะทำอะไรกับไอเด็กนั้น” รีไวล์พูดเสียงเรียบใบหน้าคมยังคงเรียบเฉย แต่ถ้าคนที่อยู่ด้วยกันมานานอย่างพวกเขารู้ได้เลยว่าชายหนุ่มกำลังหงุดหงิด ทำไมกัน ทำไมต้องหงุดหงิดด้วย

    “รีบๆไปเอาเด็กคนนั้นลงมา” เอลวินพูดเสียงดังทำเอาเจ้าหน้าที่ ที่ตามมาถึงกับสะดุ้ง  ทำไมเขาต้องลนลานแบบนี้ด้วย

    “ไอพวกชั่ว” แอนนี่กัดฟันจนขึ้นสันกราม น้อยนักที่เขาจะอารมณ์เดือดดาลแบบนี้ ทำไมเขาต้องอารมณ์เสียเพราะเรื่องนี้

    “ชิ ไปพวกชั้นต่ำมันทำอะไรกัน” ฮันซี่ตะโกนออกมาด้วยอารมณ์เดือดลาดไม่แพ้กัน ใบหน้าคมที่เคยยิ้มแย้มกลับบึงตึงอย่างน่ากลัว น้อยนักที่ชายหนุ่มจะแสดงอาการแบบนี้ออกมา ทำไมกัน ทำไมเขาถึงต้องเป็นแบบนี้

    “ครับๆ  ผมจะรีบช่วยติดต่อให้เดี่ยวนี้ครับ”  เบลทรูท รีบยกเครื่องสื่อสารขึ้นก่อนจะเรียกขอความช่วยเหลือ  พวกเขาอยากจะเขาไปช่วยเด็กคนนั้นถ้าไม่ติดอยู่ที่ว่ามันเป็นกลไกที่พวกเขาไม่รู้จักจะไปทำมัวก็ไม่ได้ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะต้องเป็นเรื่องแน่ๆ

    “แย่แล้วครับ” เบลทรูทพูดเสียงตื่นเรียกให้ทุกสายตาหันไปมอง “ผนังห้องวิจัยทางด้านทศตะวันตกกำลังจะถูกระเบิดเปิดทางในอีก 5 นาทีนี้ครับ” จบประโยคทุกสายตาหันไปหาผนังทางทิศตะวันตกก่อนจะเบิกตากว้างด้วยจุดที่ระเบิดจะไม่ถูกที่พวกเขายืนอยู่แต่แรงระเบิดจะไปโดนเข้ากับร่างบางที่ถูกตรึงอยู่ด้านบน

    “เห้! นายนะ” แจนตะโกนเรียกร่างบางที่ถูกตรึงอยู่ด้านบน ใบหน้ามนหันมามองทางพวกเขาช้าๆ   นัยน์ตาสีมรกตมีน้ำสีใสเอ่อล้นออกจากดวงตาสวยเป็นทาง  ทำให้คนที่ยืนมองอยู่ถึงกับใจกระตุกวูบทำไมพวกเขาถึงเป็นแบบนี้   แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไร

       ตูม!

    เสียงแรงอัดระเบิดจากด้านนอกดังสนั่น แรงลมและเศษดินเศษโลหะถูกพัดผ่านพวกเขาจนต้องยกแขนขึ้นบัง ควันสีขาวลอยปิดทุกส่วนในห้องจนมองไม่เห็นก่อนจะจางลงเห็นผนังที่เป็นรูโหวขนาดใหญ่ แต่พวกเขาไม่สนใจอะไรทังนั้นเมื่อหันไปยังทางร่างบางพบว่าสายสลิงยังคงตรึงร่างบางไว้อยู่แต่ดูจากแรงระเบิดที่ปะทะเขามาน่าจะอยู่รับน้ำหนักได้ไม่นาน รีไวล์กระโดดจากชั้นลอยลงไปยังชั้นล่างอย่างเดือดดาล ตามไปด้วยฮันซี่ก่อนจะตามไปด้วยทุกคน

    “เห้ย พวกนายนะมีคนอยู่บนนั้นนะ” ฮันซี่ตะโกนเสียงดังก่อนจะชี้นิ้วไปยังร่างบางที่อยู่ด้านบนเรียกให้ทุกสายตาหันมองตาม เมื่อพบกับสิ่งที่ร่างสูงนักวิจัยหนุ่มพูดเจ้าหน้าที่ต่างไม่ต้องรอคำช่วยเหลือ ต่างฝ่ายต่างติดต่อหาหน่วยเสริม

    “นายนะยังไม่เป็นอะไรใช่ไหม” มิคาสะเงยหน้าขึ้นตะโกนฝ่าเสียงเจ้าหน้าที่ที่กำลังหาทางขึ้นไปยังชั้นด้านบนเพราะมันต่อกับฝ่ายที่ถูกเพลิงไหม้พังยับไปแล้ว ร่างบางที่ได้ยินเสียงหันลงมองบุคคลด้านล่างที่ตนไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนน้ำสีใสที่ย้อยลงจากนัยน์ตากลมโตตกลงบนใบหน้าของชายหนุ่มมือเรียวตะลงที่หยดน้ำที่ตกกระทบใบหน้าตน แต่นัยน์ตาคมต้องเบิกกว้างเมื่อ

            กึก กึก กึก

    เสียงลวดสายสลิงดังมาจากด้านบนสายสลิงที่ตรึงร่างบางไว้กำลังขาดลงที่ละเส้นๆเพราะแรงระเบิดเมื่อครู่ร่างที่เริ่มหลุดลงจากสายสลิงเหมือนตุ๊กตาขึงขาด แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วสายสลิงทั้งสี่เส้นที่ตรึงร่างบางไว้ขาดลงอย่างรวดเร็วเสียงโลหะของสายสลิงที่ตกจากด้านบนลงสู่ด้านล่างที่พวกเขายืนอยู่สร้างความวุ่นวายไม่ใช่น้อยฝุ่นควันลอยในอากาศจนทำให้ภาพตรงหน้ามองไม่ชัดแต่เมื่อพวกเขาเพ่งสายตามองจากด้านบนกลับไม่พบกับร่างบาง  ควันที่เริ่มจางตัวลงทำให้เห็นภาพตรงหน้าเริ่มชัดขึ้นร่างบางที่กำลังล้วงหล่นลงมาตามแรงน้ำหนัก ด้วยแรงที่หล่นลงจากที่สูงเวลาการตกลงนั้นเร็วขึ้นทุกที

    “ชิ” รีไวล์วิ่งไปยังจุดที่ร่างบางกำลังล่วงหล่นแต่

      ตึง!

    ลวดสายสลิงที่หล่นลงมาเส้นสุดท้ายกลับตกลงตกหน้าร่างแกร่งทำให้ต้องหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ ทุกคนรีบเร่งฝีเท้าเข้าไปรับร่างบางแต่ด้วยเวลาที่น้อยเกินไป

     ตุบ!

    ร่างบางตกลงบนพื้นกระเบื้องสีขาวสะอาดร่างกายที่ถูกกระแทกอย่างแรงศีรษะกระเทือกลงบนพื้นกระเบื้องโลหิตสีสดไหลไปตามล่องกระเบื้องย้อมให้สีขาวสะอาดเป็นสีแดงสดอย่างรวดเร็ว ร่างกายที่ขาวซีดอยู่แล้วกลับซีดลงไปอีกเพราะเลือดที่เริ่มไหลออกมาขึ้น  รีไวล์รีบวิ่งเข้ามาหาร่างบางก่อนใครก่อนจะนั่งคุกเข่าแล้วช้อนศีรษะขึ้นไม่สนว่าเลือดจะทำให้เสื้อของเขาต้องสกปรก

    “โฮ่ย นายยังรู้สึกอยู่ไหม”  เสียงนุ่มทุ้มพร้อมกับมือเรียวที่ตบเบาๆที่ใบหน้าเนียนที่เริ่มซีดขาวเหมือนแผ่นกระดาษ ร่างบางลืมตามองคนตรงหน้าอย่างยากลำบาก

    “นายอดทนหน่อยนะ” มิคาสะเดินมานั่งคุกเข่าก่อนจะจับที่มือเรียว  ริมฝีปากบางสีซีดขยับอย่างยากลำบาก นิ้วเรียวขยับขึ้นจากพื้นกระเบื้องแต่ทุกอย่างกลับหยุดลงเหมือนหุ่นยนต์แบ็ตหมดดวงตากลมโตปิดลง  มือเรียวที่ยกขึ้นถูกปล่อยลงตามแรงโน่มถ่วงลงสู่เพื่อกระเบื้องเหมือนเดิม 

    “เห้ นายอดทนหน่อย” แอนนี่เดินมาพอกลุ่มหมอที่ถูกเรียกมา ร่างของร่างบางทุกส่วนถูกล็อคไว้กับเปลก่อนจะถูกเคลื่อนย้ายออกไปอย่างรวดเร็ว

    ...

    ...............

    ..............................

    ................................................

    ตั้งแต่ตอนนั้นพวกเขาก็ไม่เคยได้เห็นดวงตาสีมรกตนั้นลืมขึ้นมาอีกเลย 2ปี ร่างบางถูกย้ายให้มาอยู่ในการดูแลของโรงพยาบาลมาเรียที่พวกเขาเป็นคนดูแลอยู่ทุกอย่าง  ข้อมูลของร่างบางถูกค้นหาจนพบว่า

    ชื่อ เอเลน   เยเกอร์

    เป็นบุตรของ นางคาร่า เยเกอร์ และ นายคริสชา  เยเกอร์

    ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลวิจัยชีน่า ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกตอนไปประจำการวิจัยที่อิตาลี่  ทำให้เอเลนตกมาอยู่กับทางโรงพยาบาลชีน่าจึงกลายเป็นตัวทดลองให้กับฝ่ายวิจัยและถอดเอาทุกความทรงจำออกจากความคิดของเด็กหนุ่มตั้งแต่เด็ก

    “นี่ นายจะตื่นขึ้นมาคุยกับพวกเราหน่อยไม่ได้หรอ” ฮันซี่พูดเสียงอ่อนรอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าคม มือเรียวทาบทับลงบนตู้แก้วที่บรรจุร่างบาง

    “เอเลน ฉันอยากคุยกับนายนะตื่นมาคุยกันหน่อยสิ อย่าใจร้ายกันนักสิ 2ปีแล้วนะที่นั้นต้องมองนายผ่านตู้แก้วนี่” แอนนี่พูดเสียงเศร้า ใบหน้าคมจ้องมองใบหน้ามนหวังจะได้เห็นดวงตากลมโตนั้นลืมขึ้นมามองเขาบ้าง

    “คุณฮันซี่ คุณแอนนี่ครับ!”  ชายวัยกลางคนคนเดิมวิ่งเข้ามาทางวกเขาอย่างเหนื่อยหอบก่อนจะยื่นเอกสารที่มีตัวเลข ค่าคำนวณ ความดันของร่างบางที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนใกล้จะเหมือนคนปกติ

    “แอนนี่” ฮันซี่หันมามองใบหน้าของร่างสูงที่เบิกตากว้างกับค่าคำนวณในเอกสาร นี้เขากำลังมีความหวังใช่ไหม

         เคร้ง เคร้ง เคร้ง บุ้ง บุ้ง บุ้ง

    เสียงโลหะที่กระทบจากด้านในตู้แก้วทำให้ในห้องทดลองเงียบลงอย่างรวดเร็ว ทุกสายตาหันมาจับจ้องที่ตู้แก้วเป็นตาเดียว  ร่างกายที่เคยแน่นิ่งเริ่มขยับข้อมือที่ขยับทำให้เกิดเสียงโลหะ เสียงน้ำในตู้ที่เริ่มกระเพื่อมเพราะร่างกายขยับ ริมฝีปากที่เคยไม่เคยขยับเริ่มขยับรับอากาศทางท่อออกซิเจนเอง หน้าอกเรียบเนียนเริ่มกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ 

    “รีบถ่ายน้ำออกเร็ว!” ฮันซี่ตะโกนสั่งนักวิจัยที่กำลังตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ฮันซี่หันกลับมามองร่างบางในตู้แก้วอีกครั้งรอยยิ้มที่แสนยินดีปรากฏบนใบหน้าคม

    “เอเลน นายตื่นแล้วสินะ” แอนนี่วาดมือตามโครงหน้าสวยผ่านตู้แก้ว “แล้วเรามาคุยกันนะ เอเลนของผม”

    “เห้ พวกนายนะไปแจ้งพวกรีไวล์ที” ฮันซี่ตะโกนสั่งนักวิจัยที่กำลังวิ่งวุ่นประสานงานกันอย่างรวดเร็ว  เจ้าพวกนั้นรู้เรื่องนี้คงดีใจกันตึกวิจัยแตกแน่  ทุกวันที่พวกเขาจะเข้ามาหาร่างบางในห้องวิจัยนี้แล้วจะพูดกับร่างบางทุกวันพวกเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนก็มีแต่นายนั้นละเอเลนที่ทำให้พวกเราเปลี่ยนไป

    “เอเลน นายตื่นขึ้นมาสิ ฉันรอนายจนจะขาดใจแล้วนะ เอเลน” ฮันซี่หันมาพูดกับร่างบางอีกครั้ง

    “เห้ พวกนายนะรีบๆกันหน่อยสิเอเลนหายใจแล้วนะ เดียวจะเอาน้ำเข้าปอดละยุ่งเลย” แอนนี่ตะโกนสั่งงานอย่างรีบร้อนพลางจ้องใบหน้ามนที่ตอนนี้เริ่มขมวดคิ้วสำลักน้ำแล้ว 

    “แอนนี่เอเลนตื่นแล้วจริงๆสินะ” ฮันซี่พูดด้วยความดีใจ นัยน์ตาคมจับจ้องไปยังโครงหน้าหวาน

    “อืม ตื่นสักทีนะ เอเลนลืมตามามองฉันหน่อยสิ” แอนนี่พูดเสียงอ่อนโยนที่มีไว้ให้กับร่างบางเท่านั้น  ร่างกายที่เริ่มขยับโครงหน้าสวยเริ่มขยับ นัยน์ตาสีมรตกที่เคยปิดสนิทมาตลอด 2ปีกำลังเลื่อนเปิดขึ้นมองโลกภายนอกอย่างช้าๆ

      TBC.

    .......................................................................................................................................................................................

    ไรต์เวิ่นมาแต่งเรื่องใหม่อีกละแต่ที่แน่ๆเรื่องเก่าไรต์ไม่ทิ้งหรอกตอนนี้ก็ลงเรื่องไว้น้า //โดนรีดเดอร์ตบตีจมดิน  คือเรื่องมันมีอยู่ว่า วันนี้ไรต์กะจะพักอัพแต่แล้วไรต์ไปเปิด MV การ์ตูนอยู่เรื่องมันก็พุดขึ้นมาซะงั้นแต่ไรต์ไม่ได้ลอกเลียนแบบนะไม่ได้ตรงกับ MV ที่ไรต์ดูเล้ยไรต์ยังสงสัยตัวเองว่าคิดมาได้ไงแถมตอนนี้ยังยาวฝุดๆเบย อ่านกันได้นะ เนื้อเรื่องเป็นไงบ้างน่าสนใจป้าวอ้า รีดเดอร์มีอะไรแจ้งไรต์ได้นะคะ// โค้ง วันนี้ไม่มีอะไรจะแก้ตัวกับเรื่องใหม่ที่อยู่ก็พุดมาอยู่ในมโน//โค้งอีกครั้ง ไรต์แต่งแต่ All Eren เบื่อป่าวอะคือที่แต่งแบบนี้เพราะไม่อยากให้ใครต้องเจ็บช้ำระกำใจเหมือนถูกครูยึดหนังสือการ์ตูนอ้านะ ยังไงก็ขอฝากด้วยนะคะ

    อากาศร้อนๆให้เฮียมาพัดให้หน่อยไหม


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×