ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : คำขอของรชา
    อีกไม่กี่วันก็จะเป็นการสอบคัดเลือกเข้าเรียนต่อในระดับ ปวส.แล้ว ปลายงดฟังวิทยุรายการของดี.เจ คนโปรดไปเลยเพื่ออ่านหนังสืออย่างจริงจัง ส่วนเจนกับตุ๊กตาก็เตรียมยื่นสมัครเข้าคณะที่ตัวเองต้องการเรียน ส่วนนิดที่ยังไม่ต้องสอบเข้าก็หางานพิเศษทำในช่วงปิดเทอม
    ปลายจะได้เจอแม่กับปิ่นเฉพาะเวลาอาหารเย็นเท่านั้น เพราะปลายจะอยู่ในห้องนอนอ่านหนังสือ แม่กับปิ่นก็ไปทำงานกว่าจะกลับบ้านก็มืดค่ำ แม้กระทั่งวันอาทิตย์ก็ยังเอางานกลับมาทำที่บ้าน ต่างคนต่างยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเองจนไม่มีสนใจเรื่องของกันและกัน จนเมื่อวันนี้ รับประทานอาหารเย็นเสร็จ แม่ก็เอ่ยปากถามขึ้นมา
    “อ่านหนังสือไปถึงไหนแล้วล่ะ” แม่ถามน้ำเสียงเยือกเย็นตามแบบฉบับเดิมที่ปลายคุ้นเคยมาตั้งแต่เกิด
    “ใกล้จบแล้วค่ะ” ปลายไม่กล้าสบตาแม่ เพราะกลัวว่าแม่จะถามว่าสมัครสอบแผนกอะไร ในความคิดของแม่ต้องเป็นบัญชีแน่ ๆ
    “สมัครสอบแผนกอะไรล่ะ?”
    ปลายสะดุ้งเมื่อได้ยินคำถามที่ไม่อยากได้ยินและไม่อยากตอบเลย
    “การ...ตลาด” ปลายตอบช้า ๆ แล้วเหลือบขึ้นมองหน้าแม่
    “การตลาด?” ปิ่นพูดเสียงสูง เพราะในความคิดของปิ่นก็คิดว่าน้องสาวจะต้องเรียนต่อบัญชีเหมือนเธอ
    “ก็ดีนี่ เหมาะกับลูกแล้ว” แม่ตอบด้วยอาการนิ่งเฉย แต่ในตอนนี้ปลายกลับดีใจที่สุด แม่ที่ดูเหมือนไม่เข้าใจและไม่สนใจในตัวเธอ ที่จริงแล้วก็ยอมรับและเข้าใจ ปล่อยให้เธอคิดและตัดสินใจด้วยตัวเอง
    “ไชโย!!!” ปลายเฮออกด้วยความดีใจ แล้ววิ่งขึ้นไปบนห้องนอนอ่านหนังสือต่อ แม่อมยิ้มในท่าทางของปลาย ส่วนปิ่นก็นั่งงงและคิดว่าน้องสาวคงอ่านหนังสือมากจนบ็องส์ไปแล้ว
    การสอบเข้าระดับ ปวส.ในวันนี้ผ่านพ้นไป ปลายซึ่งสอบคนละตึกกับรชาและสา สอบเสร็จก่อน ก็ไปรอทั้งคู่ที่หน้าห้องสอบ จนหมดเวลาสอบ รชากับสาก็เดินออกจากห้องสอบด้วยท่าทางเหนื่อยล้า และมึนกับข้อสอบวิชาบัญชีที่เป็นวิชาสุดท้าย
    “โอ๊ย...มึนจัง มีแต่ตัวเลขเต็มหัวเลย” สาบ่นออกมา
    “เฮ้ย!! ไอ้สา หน้ากลายเป็นงบดุล งบกำไรขาดทุนแล้ว” รชาแซวหน้าหงิก ๆ ของสา สาค้อน
    “หยุดพูดไปเลยรชา เฮ้อ...อิจฉาปลายจังไม่ต้องปวดหัวกับวิชาบัญชี อรรณพอีกคน ไปเรียนคณะบริหารฯ มหาวิทยาลัยเอกชน สบายไปแล้ว แล้วขวัญล่ะ ใครรู้ข่าวขวัญบ้าง” สาหันไปถามรชากับปลาย
    “ขวัญเขากลับระยองไปแล้ว จะทำงานเลยไม่เรียนต่อ เขาฝากขอโทษทุกคนด้วยที่ไม่ได้มาลาด้วยตัวเอง” ปลายบอกทุกคนแทนขวัญ เท่าที่จะบอกได้ โชคดีที่รชากับสาไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร
    ทั้งสามคนนัดเจอกันอีกครั้งในวันประกาศผลสอบ ซึ่งจะประกาศในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก่อนจะกลับบ้าน ปลายแวะไปหาเจนที่ร้านก่อน ไปถึงก็เห็นเจนเช็ดโต๊ะอยู่อย่างขมักเขม้น เจนยิ้มกว้างเมื่อเห็นปลายมาหา จึงวางมือปล่อยให้จอน ผู้เป็นพี่ชายช่วยแม่ขายก๋วยเตี๋ยวไปก่อน แล้วชวนปลายขึ้นไปคุยบนห้อง
    “เราคงไม่ได้มารบกวนเวลาช่วยงานนายนะ” ปลายถามเพื่อความแน่ใจ เพราะเห็นยังมีลูกค้าอยู่มากพอสมควร
    “ไม่หรอก กำลังอยากพักอยู่พอดี เออ...วันนี้ไปสอบมาใช่ไหม เป็นไงมั่ง ทำข้อสอบได้ไหม?” เจนถามถึงเรื่องของปลายบ้าง
    “ก็พอทำได้ นายล่ะเป็นไง จะสมัครสอบแล้วใช่ไหม?” ปลายถามกลับบ้าง
    “ใช่ ก็เลือก ๆ ไว้แล้วล่ะ แต่เราเลือกมหาวิทยาลัยในต่างจังหวัดหมดเลยนะ ถ้าเราเอนท์ติดเราคงต้องจากกันแล้วนะปลาย ฮือ ๆๆ เศร้าจัง” เจนแกล้งทำท่าปาดน้ำตา ร้องไห้สะอึกสะอื้น
    “ให้ติดก่อนค่อยเศร้าก็ยังไม่สายนะเจน” ปลายล้อ เจนถึงกับค้อนกลับที่ไม่รับมุขเธอเสียเลย
    “ทำงานทั้งวันอย่างนี้ นายเอาเวลาไหนไปอ่านหนังสือน่ะ” ปลายเห็นเจนเหงื่อโทรมกายแสดงว่าทำงานทั้งวันก็อดสงสัยไม่ได้
    “ตอนค่ำไง ตอนค่ำก็ว่างนี่”
    “แล้วอ่านทันเหรอ เนื้อหาตั้งเยอะ แสดงว่านายเตรียมตัวมานานแล้วสิ”
“ก็ต้องเตรียมตัวไว้บ้าง เราก็อ่านเรื่อย ๆ ตอนค่ำ ๆ น่ะ วันละชั่วโมงมั่ง สองชั่วโมงมั่ง แล้วแต่ความขยันของตัวเอง หลัง ๆ ใกล้สอบก็เต็มที่เลย 3-4 ชั่วโมง ดึกที่สุดแค่ตี 2 ดึกกว่านั้นไม่ได้แล้ว เดี๋ยวตอนเช้าตื่นไม่ไหว แต่ตอนนี้ไม่ต้องอ่านหนังสือแล้ว สบาย ฮ่า ๆๆ” เจนอธิบายแล้วหัวเราะ ปลายรู้สึกเห็นใจเจนขึ้นมา เพราะเจนต้องตื่นแต่เช้าช่วยป้าลานซื้อของทุกวันและช่วยขายก๋วยเตี๋ยวทั้งวัน เวลาอ่านหนังสือก็น้อยลง
    “ป่านนี้ตองคงตัดชุดนักศึกษาเตรียมไว้แล้วมั้งเนอะ ตอนสอบตองคงเครียดน่าดูเลย” ปลายนึกไปถึงตอง เพื่อนอีกคน
    “ก็เขาหวังไว้มากนี่นา พ่อแม่เขาก็ตั้งความหวังไว้ที่ตองมาก น่าเห็นใจ” เจนพูดพลางก็จัดข้าวของในห้องไปด้วย ปลายสังเกตเห็นว่าเจนจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แล้วก็ดูจะเข้าใจคนรอบข้างมากขึ้นด้วย
    คุยกันได้สักพัก ปลายก็ขอตัวกลับบ้าน โดยเจนเดินออกมาส่งที่ป้ายรถเมล์ ก่อนปลายจะขึ้นรถ เจนก็อวยพรส่งท้าย
    “ขอให้สอบติดเด้อ”
    “เช่นกันเด้อ” ปลายอวยพรกลับไปบ้าง แล้วขึ้นรถเมล์กลับบ้าน รอลุ้นผลสอบ
    ก่อนวันประกาศผลสอบหนึ่งวัน นิดก็โทรศัพท์มาหาปลาย
    “ที่ค้นหามานานนี่คือ การตลาดเหรอ?” นิดถามงง ๆ เพราะรู้สึกว่าความต้องการของปลายจะอยู่ใกล้ตัวเหลือเกิน
    “ก็ไม่เชิง เป็นแผนกที่เหมาะกับเรามากกว่า เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเราอยากเป็นอะไร เราก็ต้องเลือกที่เหมาะกับเรา แล้วเราก็ไม่ลำบากใจที่จะเรียน” ปลายอธิบาย
    “ดีแล้วล่ะ เฮ้ย...น้องเราจะใช้สาย วางก่อนนะ อ้อ...ขอให้สอบติด...เด้อ”
    “ฮะฮะ ขอบใจ” ปลายหัวเราะ พูดแบบเดียวกับเจนเปี๊ยบ สงสัยนัดกันไว้แน่เลย
    ตั้งแต่วันสอบจนถึงวันนี้ ปลาย สา รชา ต่างก็ไปพักผ่อนคลายเครียด ไม่ได้ส่งข่าวคราวถึงกัน เพราะยังไงก็ต้องมาเจอกันวันประกาศผลสอบอยู่แล้ว
วันนี้ปลายตื่นแต่เช้า เพราะวันนี้เป็นวันประกาศผลสอบ นัดกับสาและรชาว่าจะไปดูผลสอบกันแต่เช้า โดยนัดกันไว้ที่หน้าสถาบัน แล้วจะเข้าไปดูผลสอบพร้อมกัน
ปลายกับสามาถึงที่นัดหมายในเวลาไล่เลี่ยกัน รอรชาอยู่นาน แต่รชาก็ยังไม่มา ทั้งสองคนจึงตัดสินใจเข้าไปดูผลสอบกันก่อน แล้วจะโทรไปหารชาอีกที เมื่อได้รู้ผลก็ไม่ผิดหวัง สอบเข้าได้ทั้งสามคน ปลายโทรศัพท์ไปหารชาทันทีที่รู้ผล
“รุจาเหรอ? นี่พี่ปลายนะ ขอสายรชาหน่อย” ปลายพูดทันทีที่ได้ยินเสียงรุจารับโทรศัพท์ แต่ปลายกลับได้ยินเสียงรุจาสะอื้นเบา ๆ ปลายนึกหวั่น ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับใครในบ้าน
“พี่ปลาย...พี่ชาอยู่โรงพัก” รุจาตอบเสียงสั่น ปลายรีบถามต่อทันที
“ไปทำอะไรถึงได้ไปอยู่โรงพัก”
“ฆ่า...คน...ตาย ” รุจาตอบช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ปลายรีบถามว่าอยู่โรงพักไหน รุจาตอบกลับมาแล้ว แต่ปลายยังไม่ทันได้คุยกับรุจาต่อ ได้ยินเสียงโวยวายของป้าของรุจา แล้วก็วางหูไป
ปลายไม่อยากสนใจว่าป้าของรุจาจะพูดอะไร เธอรีบออกมาจากตู้โทรศัพท์และบอกสา
“รชาอยู่โรงพัก รุจาบอกว่ารชาฆ่าคนตาย”
“เฮ้ย!!! จริงอ่ะ ทำยังไงดีล่ะ?” สาหน้าตื่น “เออ...โทรหาณพ แล้วให้ไปเจอกันที่โรงพักดีไหม?” สาเสนอ ปลายเห็นด้วย จึงรีบโทรหาอรรณพทันที
ระหว่างที่เดินทางไปหารชาที่สถานีตำรวจ สีหน้าของทั้งคู่ที่ยิ้มแย้มเมื่อรู้ผลสอบกลับเปลี่ยนเป็นสีหน้ากังวล ครุ่นคิดอยู่แต่เรื่องของรชา ถึงรชาจะเป็นเด็กเกเรมีเรื่องมีรางกับศัตรูคู่ปรับบ่อย แต่รชาต้องไม่คิดถึงขนาดฆ่าคนตายแน่ อะไร คือ สาเหตุที่ทำให้รชาต้องทำ
ปลายกับสาขึ้นไปบนสถานีตำรวจ ติดต่อกับตำรวจขอเยี่ยมรชาแล้วก็เดินตรงไปยังห้องขัง เห็นรชา ชัยและบุตรนั่งพิงผนัง หันหน้าออกทางกรงเหล็ก สีหน้าซึมเศร้า ดูเหนื่อยล้าเหลือเกิน บุตรเห็นปลายกับสาก่อนก็สะกิดให้รชาหันดู ปลายกับสาลงไปนั่งคุกเข้าหน้าห้องขัง รชาก็เขยิบเข้าไปหาทั้งคู่ คุยกันผ่านกรงเหล็ก
“รู้เรื่องได้ยังไง?” รชาสงสัยเพราะไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเพื่อนคนไหนเลย
“รู้จากรุจา เกิดอะไรขึ้นรชา? เห็นรุจาบอกว่านายฆ่าคนตาย” ปลายรีบซัก รชายังไม่ทันจะเล่า เสียงของอรรณพก็ดังขึ้นก่อน
“ไอ้ชา!!! เกิดอะไรขึ้นวะ? มึงมาอยู่ในนี้ได้ยังไง?” อรรณพเดินเข้ามานั่งคุกเข่าข้าง ๆ ปลาย รชาเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดโดยไม่ปิดบัง นอกจากบุตรกับชัยแล้ว เพื่อนกลุ่มนี้คือเพื่อนที่รชาไว้ใจที่สุดเช่นกัน
“เมื่อวันก่อน เรา ชัย บุตร ไปเที่ยวเธคกันสามคน กะว่าจะเที่ยวส่งท้ายก่อนเรียน ปวส. พอออกมาจากเธค มอเตอร์ไซด์ของเราสามคนกลายเป็นเศษเหล็กทั้งสามคัน พวกไอ้ชิตมันมาตีรถของพวกเรา มันเองก็มากันแค่สามคน แล้วยังเดินไปไม่ไกลด้วย ตอนนี้พวกเราโกรธกันมากวิ่งไปหาพวกมัน จับไอ้ชิตได้คนเดียวที่เหลือหนีไปได้ แล้วพวกเราก็รุมซ้อมมัน...” รชาเล่าถึงตอนนี้ คงไม่ต้องเล่าเหตุการณ์ต่อไป เพราะทั้งปลาย สา และอรรณพ รู้ดีว่าเป็นอย่างไรต่อไป
“แล้วลุงกับป้าล่ะ บอกเขาหรือยัง?” สาถามต่อ ถึงลุงกับป้าจะไม่เอ็นดูรชาสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหลานมีปัญหาก็น่าจะมาช่วย
“เขารู้แล้ว แต่ช่างเขาเถอะ เราไม่คิดจะขอความช่วยเหลือจากใครอยู่แล้ว”
“มึงจะทำอะไร ทำไมมึงไม่คิดซะบ้างเลยวะ อนาคตมึงดับวูบเลยนะโว้ย” อรรณพต่อว่าด้วยความโมโหในตัวเพื่อนคนนี้ รชาตอบสั้น ๆ ว่า
“ถ้ามึงเป็นกู มึงจะรู้ว่าทำไม”
อรรณพทำท่าฮึดฮัดไม่เข้าใจในการกระทำของรชา แต่ปลายกลับเข้าใจ สิ่งที่ทำให้รชาเป็นเดือดเป็นแค้นขึ้นมา คือ รถมอเตอร์ไซด์ที่พ่อกับแม่ซื้อให้ สิ่งสุดท้ายที่เป็นตัวแทนของพ่อแม่ เป็นของมีค่าที่สุดของเขา ทั้งความแค้นที่มีต่อศัตรูมาตั้งแต่หนหลัง ความโกรธที่มาทำลายของที่รักที่สุดในชีวิต เมื่อความรู้สึกเหล่านี้มารวมกัน เหมือนลูกโป่งที่อัดแก๊สเข้าไปมากจนระเบิด เรื่องราวรุนแรงเช่นนี้จึงเกิดขึ้น
“ไม่ต้องห่วงนะรชา ฉันจะให้พ่อหาทางช่วยนาย” สาพูดด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่น รชาส่ายหน้าช้า ๆ
“ขอบใจนะ แต่ไม่ต้องหรอก เราทำผิด เราก็จะขอรับผิดเอง”
“รชา พวกเราอยากช่วยนายนะ” สาย้ำ แต่รชาก็ยังยืนยันคำพูดเดิม
“เราขออะไรอย่างหนึ่ง” รชาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมองเพื่อนทั้งสามคน
“ไม่ต้องมาเยี่ยมเราอีก ไม่ต้องมาสนใจเรื่องของเรา พวกนายจงใช้ชีวิตของพวกนายต่อไป เราก็จะชดใช้ความผิดของเรา” รชาพูดช้า ๆ ปลายรีบแย้งขึ้น
“รชา...แต่ว่าพวกเรา...”
“เรารู้ว่าพวกนายเป็นห่วงเรา แต่พวกนายก็คิดสิว่าในโลกนี้ไม่มีใครไม่เคยทำความผิด เพียงแต่ความผิดของเรา เราจะไม่แก้ตัว เรายอมรับผิด...ที่เราขอพวกนายไป คงทำให้เราได้นะ ถ้าเราไม่ตัดใจจากกันวันนี้ พรุ่งนี้...มะรืนนี้...เราก็จะจากกันไม่ได้สักที” รชาเอื้อมมือจับมือของเพื่อนทั้งสามคนมาไว้บนมืออีกข้างของตัวเอง แล้วมองไปที่อรรณพ ปลาย สา ช้า ๆ
“ไอ้ณพ...ไปเรียนมหา’ลัยแล้ว เอาเกียรตินิยมมาฝากกูด้วยนะ”
“ปลาย...ขอให้โชคดีกับแผนกที่เลือกเรียนนะ”
“สา...โชคดีนะ เรียนเผื่อเราด้วย”
ทั้งอรรณพ ปลาย สา ยิ้มให้รชาด้วยน้ำตาคลอเบ้า วันนี้จะอยู่ในความทรงจำของทั้งสามคนตลอดไป แม้ว่าจะไม่ใช่ความทรงจำที่ดีนักก็ตาม
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น