ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ค้นหาตัวเอง
รอยแผลบนหน้ารชาหายดีแล้ว  ยังเหลือแต่แขนข้างซ้ายที่ยังพันผ้าพันแผลอยู่  รชาก็งดเที่ยวกลางคืนไปด้วย เพราะชัยกับบุตรก็ต้องพักรักษาตัว  ช่วงนี้รชาจึงกลับมาตั้งใจเรียนเป็นพิเศษ
ปลายนั่งเงียบอยู่ตรงหน้าอาจารย์สบชัย  อาจารย์ยื่นผลสอบกลางภาควิชาบัญชีที่ไม่เคยบอกให้นักศึกษารู้เลยตั้งแต่สอบเสร็จ ให้ปลายเปิดดูคะแนนของตัวเอง
“คะแนนของเธอครั้งนี้ ไม่ค่อยดีเลยนะ หรือคิดว่าเทอมสุดท้ายแล้ว ก็เลยไม่ตั้งใจ” อาจารย์สบชัยมองปลายอย่างเป็นห่วง เพราะคะแนนมันน้อยมาก น้อยจนปลายเองก็ไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่ชอบเรียนบัญชีเหรอ ?”  อาจารย์ถามปลาย  อาจารย์ช่างถามได้ตรงกับความคิดของปลายเหลือเกิน
“ค่ะ ไม่ชอบ” 
“เออ แปลกดี ที่บ้านเขาทำงานบัญชีกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ เธอกลับไม่ชอบ” อาจารย์สบชัยเก็บข้อสอบไว้ในลิ้นชัก
“อีกไม่กี่สัปดาห์เธอก็จะเรียนจบแล้ว ตั้งใจอีกสักนิดนะ ชอบไม่ชอบยังไง ก็ค่อยไปเปลี่ยนแผนก ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องไปฝืนเรียนหรอก แต่สอบปลายภาคก็ต้องทำคะแนนสอบวิชาบัญชีให้ดี ๆ ถ้าเกิดตกขึ้นมา อาจารย์ไม่ช่วยนะ”  อาจารย์พูดจบก็ยิ้มให้ปลายอย่างเห็นใจ  ปลายก็ยิ้มกลับไปให้อาจารย์  หนูจะพยายามค่ะ  ความพยายามครั้งสุดท้ายสำหรับวิชาบัญชี
ปลายเดินออกมาจากห้องพักครู  สากับรชาที่นั่งอยู่หน้าห้องก็รีบเดินเข้าไปหา
“เป็นไงมั่งวะปลาย อาจารย์เรียกไปทำไม ?”  รชาเริ่มถามทันที  ปลายมองหน้าสากับรชาแบบงง ๆ
“เฮ้ย ! มาทำไม  รู้ได้ไงว่าอาจารย์เรียกเรา  เราว่าตอนที่อาจารย์เรียกเรา เรายืนอยู่คนเดียว ไม่มีใครเห็นเลยนะ”  ปลายออกเดินขึ้นห้องเรียน รชากับสาก็เดินอยู่ข้าง ๆ
“ก็ไอ้สา CNN ประจำกลุ่มนี่แหละบอก” รชาชี้ไปที่สา สามองค้อนรชา  มาหาว่าเธอเป็น CNN ประจำกลุ่ม  เพราะความรอบรู้ข่าวสารของเพื่อน ๆ
“ไม่มีอะไรหรอก คะแนนสอบมิดเทอมวิชาบัญชีไม่ค่อยดีน่ะ” ปลายบอกเพื่อนทั้ง 2 คน สาได้ยินแล้วก็ตาโต
“โอ้โห !  ได้ดูคะแนนของตัวเองด้วยเหรอ  คนอื่นไม่เคยได้รู้คะแนนของตัวเองเลยนะเนี่ย โชคดีจัง” สาตื่นเต้นกับการรู้คะแนนสอบซะเหลือเกิน
“โชคดีบ้าอะไรล่ะ คะแนนสอบไม่ดีเนี่ยนะ ถ้าสอบปลายภาคทำไม่ได้มีหวังได้เรียนวิชานี้ซ้ำแน่” ปลายพูดจบ รชาก็รีบเสนอตัวขึ้นมา
“ไม่เป็นไร  ปลายไม่เข้าใจตรงไหน เราช่วยเอง”
“ฉันก็จะช่วยด้วยนะ เรามาติวกันทุกวันหลังเลิกเรียนหรือก่อนสอบก็ได้”  สาก็อาสาจะช่วยอีกคน  ปลายซาบซึ้งในน้ำใจของเพื่อนทั้งสองคน
“ขอบใจนะ”
นับว่าเป็นโชคดีของปลายที่ได้เพื่อนดีเสมอ  ไม่ว่าจะเรียนอยู่ที่ไหน  ยิ่งตอนนี้ใกล้จะเรียนจบเต็มที ต่างก็เก็บเกี่ยวความรู้สึกดี ๆ ของเพื่อนเก็บไว้เป็นความทรงจำ  หลังจากจบ ปวช. ก็ต้องเรียนต่อ ปวส.  ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไป  แต่ส่วนมากจะสอบเข้าเรียนต่อที่สถาบันเดิม  ปลายเองก็มือแปดด้านไม่รู้ว่าจะเรียนอะไรดี  มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเปลี่ยนสาขาให้ฉีกแนวจากที่เรียนอยู่แบบหน้ามือเป็นหลังมือ  การเรียนสายอาชีพนั้น  ตั้งแต่ ปวช. ก็จะเรียนพื้นฐานสาขาอาชีพนั้นไปเรื่อย ๆ จาก ปวช. ไป ปวส. จนจบปริญญาตรี  แต่สายสามัญจะไปเลือกสาขาตอนที่จะเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย  การเรียนของนักเรียนสายอาชีพกับสายสามัญจะแตกต่างกัน  ถึงจะจบออกมาในระดับเดียวกัน คือ ปวช. หรือ ม.6  แต่ความรู้ก็มีไม่เหมือนกัน
“นี่เราอยากเป็นอะไรกันแน่ ?”  ปลายถามตัวเองอยู่ในใจ  หนทางของเด็กสายอาชีพที่ไม่ได้รักในสายที่เรียน มันช่างน้อยเหลือเกิน  ปลายหยิบกระดาษขึ้นมา เขียนแผนกที่เด็กบริหารธุรกิจ เอกบัญชี อย่างเธอจะเรียนได้ลงไป
“การบัญชี การตลาด การท่องเที่ยว การโรงแรม เลขานุการ คอมพิวเตอร์ธุรกิจ....”
ปลายมองสิ่งที่เขียนลงไปด้วยความเบื่อหน่าย แต่ละอย่างไม่น่าพิศวาสเลยสักนิด มีอย่างอื่นอีกไหมนะที่น่าเรียน
“สถาปัตยกรรม ศิลปกรรม วิศวกรรมศาสตร์ รัฐศาสตร์”
ปลายเขียนลงไปอีก 4 อย่าง ถึงจะน่าเรียนแค่ไหน แต่เธอไม่มีพื้นฐานของวิชาพวกนี้ แม้จะเข้าเรียนได้แต่ก็เสี่ยงต่อการถูกรีไทร์ คงต้องใช้ความพยายามอย่างสูงมาในการเรียน
“แต่ถ้าพยายาม เราก็ต้องทำได้” ปลายขบกรามแน่น ขยำกระดาษแผ่นนั้นทิ้งลงถังขยะใกล้ ๆ คิดอยู่ในใจ
“ก่อนที่เราจะคิดว่าจะเรียนอะไร เราต้องหาความต้องการของตัวเองให้เจอก่อนว่าเราอยากเป็นอะไร ทำงานอะไร นี่ชีวิตของเธอนะปลาย คิดสิคิด! ค้นหาสิ! ต้องหาให้เจอ” สายตามุ่งมั่นของปลายมองออกไปข้างหนา ต่อไปนี้เธอจะใช้เวลาค้นหาตัวเอง
ถ้ายังไม่รู้จักตัวเองเสียที การสอบเรียนต่อที่จะถึงนี้ พี่ปิ่นกับแม่ก็ต้องยื่นใบสมัครสอบมาให้แล้วบอกให้สมัครสอบแผนกวิชาการบัญชีแน่ ๆ เหมือนกับที่เคยทำเมื่อครั้งที่สอบเข้า ปวช. แต่คราวนี้ปลายจะไม่ให้ใครมานำทางให้เธออีกครั้ง เธอจะนำทางให้ชีวิตตัวเอง
ปลายลุกขึ้นยืน มองไปรอบ ๆ ตัว บรรยากาศเงียบสงบ แต่อย่าให้เป็นเวลาพักเที่ยงหรือเลิกเรียนเชียว จะเสียงดังและพลุกพล่านที่สุด ปลายโดดเรียนวิชาการปฏิบัติงานสำนักงานที่น่าเบื่อหน่ายในคาบสุดท้ายของวันนี้ มานั่งคิดอะไร ๆ  อยู่คนเดียวที่เก้าอี้หินขัดใต้ต้นราชพฤกษ์ คิด ๆ แล้วก็ประหลาดดี เคยไปตามคนนั้นคนนี้ให้เข้าเรียน แต่ตัวเองกลับมาโดดเรียนเองซะนี่ ไม่รู้ตัวเองเป็นอะไรไปเหมือนกัน รู้สึกเบื่อเรียนเอามาก ๆ แต่ก็นับว่าคุ้ม เสียเวลาเรียนไป ได้ความแน่วแน่วมุ่งมั่นกลับมา
ปลายถือกระเป๋าเตรียมตัวจะกลับบ้าน กลับบ้านเสียตอนนี้เลยดีกว่า ขี้เกียจเจอหน้าขวัญ สา รชา อรรณพ ตอนเลิกเรียนในวันนี้คงไม่ได้เดินมาหาชวนกลับบ้านเฉย ๆ แน่ ต้องพกคำถามที่ว่า โดดเรียนทำไม ทำไมไม่เข้าเรียน มาฝากแหง ๆ ไว้ค่อยตอบพรุ่งนี้แล้วกัน
“ปลาย!!” ปลายสะดุ้งเล็กน้อยเมือ่ได้ยินใครบางคนตะโกนเรียก เสียงอย่างนี้ไม่ใช่ใครหรอก
“นิด...” ปลายหันไปเรียก นิดวิ่งเข้ามาหา ในมือถือเครื่องมือเขียนแบบและหนังสือเรียนพะรุงพะรัง
“โดดเรียนใช่ไหมเนี่ย? ตอนนี้เรียนวิชา’งานสำนักงานไม่ใช่เหรอ” นิดดูตารางเรียนของปลายที่เคยแลกกัน เผื่อเวลาอยากจะมาหาจะได้รู้ว่าเรียนอะไรอยู่ เลิกเรียนกี่โมง รวมทั้งของตองและเจนด้วย ทั้ง 4 คนนี้จะแลกตารางเรียนกันตลอดทั้ง 6 เทอม
“มันเบื่อน่ะ” ปลายตอบสั้น ๆ นิดเก็บตารางเรียนลงในกระเป๋าเสื้อ
“เบื่ออะไร? เบื่อเรียนหรือเบื่ออาจารย์ชิซูกะ”
ปลายหัวเราะออกมา อาจารย์ชิซูกะคือนามแผงที่ปลายชอบเรียนอาจารย์ที่สอนวิชานี้ เพราะปลายคิดว่าอาจารย์หน้าตาน่ารักเหมือนชิซูกะ ตัวการ์ตูนในเรื่องโดราเอม่อน ปลายคงพูดถึงอาจารย์คนนี้บ่อย นิดเลยจำนามแฝงอันเก๋ไก๋นี้ได้แล้ว
“ดีนะที่วันนี้เราเลิกเรียนเร็ว แล้วก็นึกอยากจะมารอนายก่อนเลิกเรียนถึงได้เจอกัน อุตส่าข้ามน้ำข้ามทะเล จากตึกนู้นนนนน...... มาถึงตึกนี้ เหนื่อว่ะ” นิดบ่นเล็กน้อย ปาดเหงื่อบนใบหน้า ที่นิดกับปลายไม่ค่อยได้เจอกัน ถึงจะเรียนที่เดียวกันก็เพราะสาเหตุนี้ เพราะสถานที่เรียนที่กว้างมาก ตึกเรียนก็ไกลกันมาก เดินกันเหงื่อตกเลย เวลาเรียนก็ไม่ตรงกัน เลิกเรียนไม่พร้อมกัน ตารางเรียนของนิด บางวันก็เรียน 10 โมงเช้า พัก 2 ชั่วโมง ไปเรียนต่อบ่าย 2 ถึง 5 โมงเย็นก็มี เพราะนี่เป็นสถาบันการศึกษาขนาดใหญ่ ใช้ชีวิตคล้ายกับมหาวิทยาลัยแล้ว
“มาทำไม?” ปลายถามห้วน ๆ ตามสไตล์ของเธอ แต่ใจจริงก็ดีใจที่นิดมาหา
“อู้หู....อึ้งเลยว่ะ ถามอย่างนี้ มาหามั่งไม่ได้รึงาย?” นิดย้อนกลับด้วยน้ำเสียงกวน ๆ ตามแบบฉบับของเธอเหมือนกัน
“แหม...เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ถามห้วน ๆ ไป คิดว่าจะไม่พอใจเอาไม้ฉากตีหัวเราะเหมือนอย่างที่ตีพวกช่างก่อสร้างซะแล้ว” ปลายหยอกล้อเรื่องที่แผนกสถาปัตยกรรมยกพวกไปตีช่างก่อสร้างเมื่ออาทิตย์ที่ก่อน ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง เดือดร้อนอาจารย์ต้องเข้าไปห้าม เรื่องถึงได้สงบลงได้
“นั่นมันเรื่องของพวกพี่ ปวส. รุ่นน้องอย่างเราไม่เกี่ยวซะหน่อย” นิดรีบโยนไปให้พวกพี่ ปวส.เจ้าของเรื่อง เพราะเรื่องทำให้แผนกของนิดเสียชื่อเสียงไปมากพอสมควร
“ก็เห็นว่ารักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง คิดว่าจะมีเอี่ยวด้วย” ปลายมองหน้านิดเหมือนจะจับผิดผิด นิดทำท่าสะบัดสะบึ้งเหมือนกระเทย
“บ้าาาาาาาาา เรื่องของผู้ชายเขา เดี๊ยนไม่เกี่ยวย่ะ”
นิดกับปลายหัวเราะออกมาพร้อมกัน คู่นี้ไม่ว่ายังไงก็ยังสนิทสนมกันอยู่เสมอ
นิดกับปลายเดินตรงไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ที่เที่ยวของเด็กวัยรุ่นยุคใหม่ ไม่รู้จะไปไหนก็เข้าไปในห้างสรรพสินค้า นิดกับปลายก็ไม่รู้จะไปไหนจริง ๆ ในเวลานี้ ขอเข้าไปเดินเล่นแก้เซ็งก็แล้วกัน
เข้าไปอยู่ข้างในได้ชั่วโมงกว่า ปลายได้หนังสืออ่านเล่นมาเล่มหนึ่ง ส่วนนิดได้ดินสอสีกับกระดาษเขียนแบบ ออกมาจากห้างสรรพสินค้าก็เวลาเย็นมากแล้ว ทั้งคู่หยุดยืนรอสัญญาณไฟแดงเพื่อจะข้ามถนน จนกระทั่งสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีแดง รถที่กำลังขับอยู่ก็หยุดให้คนข้ามถนน ปลายหันมองรถสีเทาคันใหญ่ที่อยู่ใกล้จตัว มองเลยไปถึงคนในรถ....
ปลายถึงกับก้าวขาไม่ออก จนนิดต้องดึงแขนปลายเร่งให้เดินเร็ว ๆ ข้ามไปถึงอีกฝั่งแล้วปลายก็ยังหันมองคนในรถอยู่
...ก็นั่นมัน “ขวัญ” เพื่อนปลายนี่นา!!!
รถยนต์คันใหญ่สีเทา คนขับเป็นชายวัยกลางคน คนเดียวกับที่ปลายเคยห็นมาส่งขวัญที่หน้าสถาบัน ถึงขวัญจะก้มหน้า แต่ปลายก็จำเพื่อนคนนี้ได้ดี ชายคนนั้นมือข้างหนึ่งก็จับพวงมาลัย มืออีกข้างก็โอบฝนไว้อย่างหวงแหน จนสัญญาณไฟเขียว รถคันนั้นก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ใช่...ไม่ใช่เพื่อนอย่างที่ขวัญบอกแน่ ๆ คนที่อายุมากขนาดนั้นน่ะเหรอ แล้วท่าทางที่โอบขวัญอย่างนั้นน่ะเหรอ ปลายขนลุกขึ้นมาทันที คำว่า “เมียน้อย” มันผุดขึ้นในความคิดของปลาย
ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น