ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ปัญหาที่ก่อตัวขึ้น
แสงแดดของเช้าวันจันทร์ดูเจิดจ้า  จนปลายต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย  มองบรรยากาศข้างทางก่อนถึงตึกเรียนที่คุ้นเคยมานานเกือบ 3 ปี  ต้นไม้ถูกตัดแต่งอย่างสวยงาม  น้อง ๆ ปวช. ปี1 , ปี 2  พูดคุยกันอย่างสนุกสนานเดินอยู่รายรอบตัวปลาย ดูมีความสุขกับการได้มาเรียนเหลือเกิน  แต่ปลายกลับรู้สึกเฉย ๆ เฉย ๆ จนกลายเป็นเบื่อ ๆ และแทบจะไม่อยากมาเรียนด้วยซ้ำ
“ปลาย..!!”
ปลายหันมองที่มาของเสียง  เจ้าของเสียงวิ่งมาหาปลาย  สารภีหรือสา เพื่อนสนิทของปลายในสถาบันนี้
“ปลายเป็นอะไร  ทำไมทำหน้าเซ็ง ๆ อย่างนี้ล่ะ  ขี้เกียจมาเรียนล่ะสิ”  สามองหน้าปลายด้วยความแปลกใจที่เห็นเพื่อนดูเซ็ง ๆ เบื่อ ๆ
“ไม่ได้เป็นอะไรหรอก  แล้วขวัญมาหรือยัง ?” ปลายถามถึงเพื่อนสนิทอีกคน  สาส่ายหน้า
“ไม่รู้สิ  ฉันก็เพิ่งมานี่แหละ”
ปลายหันรีหันขวางมองคนรอบ ๆ ข้าง  เผื่อว่าฝนจะเดินปะปนมา  มองกลับไปที่หน้าประตูสถาบัน เห็นขวัญลงมาจากรถยนต์คันใหญ่สีเทา ปลายพยายามเพิ่งมองไปที่คนขับว่าคือใคร  สาก็พลอยมองตามปลายด้วย  แต่กว่าสาจะหันมอง  รถคันนั้นก็ขับออกไปพอดี  ขวัญเห็นสากับปลายยืนอยู่ก็รีบวิ่งเข้ามาหา
“สวัสดีวันจันทร์จ้ะ” ขวัญทักทายกับสาและปลาย ทั้งสามคนก็เดินมุ่งหน้าไปที่อาคารเรียน  ต่างก็พูดคุยถึงวันเวลาในช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ ว่าไปทำอะไรมาบ้าง ไปเที่ยวที่ไหนกันมา  ซึ่งคนที่เป็นฝ่ายเล่าเสียมากกว่าก็คือ สานี่แหละ
สาเป็นคนเปิดเผย พูดจาตรงไปตรงมา  มีมนุษยสัมพันธ์ดีกับเพื่อน ๆ ทุกคน  ส่วนขวัญเป็นคนเงียบ ๆ แต่เป็นคนดังประจำแผนก เพราะฝนเป็นคนสวยจนหลาย ๆ คนเมื่อเดินผ่านไปแล้วก็ยังเหลียวหลังมอง
นอกจากสากับขวัญแล้ว  ก็มียังเพื่อนผู้ชายอีกสองคน ที่แวะเวียนมาพูดคุยด้วยเสมอ จนเกิดเป็นความสนิทสนม คือ อรรณพและรชา  อรรณพเป็นคนตลกโปกฮา พูดจาโผงผาง และขยันเรียนมาก  เหมือนกับรชาที่เป็นคนสนุกสนาน ออกจะมีท่าทางเกเรเล็กน้อย มีเพื่อนฝูงมากมายหลายแผนก ไม่ขยันเรียนเท่าอรรณพ แต่เป็นคนหัวดีและมีผลการเรียนดีมาตลอด
“สารภี .. สารภี  มาช่วยอาจารย์หน่อย”  อาจารย์สบชัยยื่นหน้าออกมาจากห้องพักครู  เรียกลูกศิษย์คนโปรดไปช่วยงาน  สารีบเดินเข้าไปช่วยงานทันที  อาจารย์สบชัยหัวหน้าแผนกวิชาบริหารธุรกิจ  ทำงานเป็นพ่อพิมพ์ของชาติมากว่า 20 ปี  มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย  เป็นที่รักของนักศึกษาทั้งแผนก
ปลายกับขวัญเดินเข้าห้องเรียนกันสองคน  ก่อนเข้าห้องเรียน  ขวัญชี้ไปที่เก้าอี้หินขัดใต้ต้นราชพฤกษ์
“นั่นรชานี่  ทำไมไปนั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียว”  ขวัญพูดจบก็เดินเข้าห้องเรียนไป  ปลายเดินตรงเข้าไปหารชา ไปทักทายสักหน่อย
“รชา ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ ?” ปลายเดินเข้าไปใกล้ ๆ รชา  รชาหันหน้ามา  พอรู้ว่าเป็นปลายก็รีบหันกลับ  ปลายรู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นรชา ใบหน้าของรชามีพลาสเตอร์แปะที่หางคิ้ว  ใบหน้าส่วนอื่น ๆ มีรอยฟกช้ำจากการถูกชกต่อย  สงสัยไปมีเรื่องกับคู่กรณีมาอีกแล้ว
“รชา  หน้านายไปโดนอะไรมาเหรอ ?” ปลายถามรชาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล  แม้จะรู้ว่าคำสันนิษฐานที่มูาของรอยแผลบนหน้าจะถูกต้อง  แต่ก็ยังอยากจะรู้จากปากเจ้าตัวมากกว่า
“ยุ่งน่า !!!”  รชาหันมาตอบแล้วขยับตัวหนี  ปลายแอบถอนหายใจเบา ๆ
“เอ้า !!  เราไม่ยุ่งก็ได้  เข้าห้องเรียนเหอะ ได้เวลาเรียนแล้ว” ปลายตัดบท แล้วเขย่าแขนเสื้อกระตุ้นให้รชาลุกขึ้น
“ไปให้ไกล ๆ เลยไป  ไม่ต้องมายุ่ง”  รชาหันมาตวาดแล้วสะบัดแขน  ปลายเริ่มโมโห
“เออ.! ไม่ยุ่งก็ได้  คาบแรกของอาจารย์อุบลด้วย  อย่ามาหาว่าเราไม่เตือนก็แล้วกัน”  ปลายพูดอย่างมีอารมณ์แล้วเดินกลับเข้าห้องเรียนไป  อาจารย์อุบลเป็นอาจารย์ที่เข้มงวดที่สุดของแผนก  ถ้ารชาขาดเรียนโดยไม่มีเหตุผลอาจารย์อุบลคงไม่พอใจแน่  ปลายเตือนไปแล้ว  ถ้าไม่เชื่อก็ไม่รู้จะทำยังไง  รชาคงกำลังกลุ้มใจอะไรบางอย่างอยู่ เช้า ๆ อย่างนี้ คงไม่อยากรับความปรารถนาดีของใครล่ะมั้ง
รชาเดินเข้าห้องเรียนหลังจากที่เริ่มเรียนไป 15 นาที  อาจารย์อุบลมองรชาด้วยสายตาตำหนิที่เข้าเรียนสาย  แต่ก็ไม่ได้ดุด่าว่ากล่าวอะไร  เพราะเข้าเรียนสายก็ยังดีกว่าไม่เข้าเรียนเลย
พักเที่ยงแล้ว  แต่ปลาย สา ฝน อรรณพ  ยังไม่ไปกินข้าวเที่ยง ต่างก็นั่งรุมล้อมรชา เพื่อถามสาเหตุที่ถูกชกต่อย  เพราะคราวนี้ดูจะโดนหนักกว่าครั้งก่อน ๆ ปลายก็เพิ่งสังเกตเห็นที่แขนซ้ายของรชาว่าพันผ้าพันแผลไว้ด้วย
“คราวนี้มันมามากว่าพวกเรา 2 เท่า” รชาอารมณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อเช้า และเริ่มเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
“พวกเราออกมาจากเธค  เห็นพวกมันกำลังตีรถมอเตอร์ไซด์ของชัย คันอื่น ๆ ก็โดนด้วย”
“พวกมันจำได้เหรอ ว่าเป็นรถของพวกรชา” ขวัญถามขึ้นมา รชาพยักหน้า
“จำได้สิ  บางทีเห็นคล้าย ๆ ก็ตีแล้ว  ชัยมันโกรธ เพื่อนคนอื่นที่โดนด้วยก็โกรธ  พวกเราก็ลุยเลย ตีกับพวกมัน”
“แล้วผลเป็นยังไง ?”  อรรณพถามขึ้นมาบ้าง  สีหน้าลุ้นไปกับรชาด้วย
“ก็เละน่ะสิ พวกมันมากกว่าพวกเราตั้งเยอะ  มีอาวุธพร้อมเลย เราโดนแค่นี้ก็นับว่าบุญแล้ว  ไอ้ชัยสิโดนหนัก  หัวแตก แขนหัก  ไอ้บุตรก็หัวแตก โดนฟาดกลางหลัง เพื่อนคนอื่นก็โดนกันเป็นแถว  ถ้าเมื่อคืนพวกเราหนีไม่ทัน เราคงตายไปแล้ว”  รชาสรุปชะตาชีวิตอีกแง่มุมหนึ่งของตนเอง เพียงแต่ส่วนนั้นมันไม่ได้เกิดขึ้น
“ก็แค่ไม่ชอบหน้ากันเท่านั้นเอง ทำไมต้องตีกันเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตอย่างนี้ด้วย” สาถามแบบไม่เข้าใจต้นเหตุของเรื่อง  รชาลูบหางคิ้วที่ติดพลาสเตอร์อยู่ ก่อนจะตอบด้วยเสียงนิ่ม ๆ
“เราคงหล่อเกินไป”
“ฮู้ว์..!!”  เพื่อน ทั้ง 4 คนโห่ออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย  เจ็บตัวอย่างนี้ยังมีอารมณ์มาพูดเล่นอีก
“เราไม่มีเรื่องกับพวกมันมาหลายเดือนแล้ว ครั้งสุดท้ายที่มีเรื่องพวกเรารุมพวกมัน  พวกมันคงแค้น  คราวนี้เลยยกพวกมาหาเรื่องตีมอเตอร์ไซด์พวกเราก่อน”
“แล้วจะตีกันอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ?”
เมื่อได้ยินคำถามของปลาย  รชาเงียบไม่มีคำตอบ  ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้  ปลายก็รู้ว่าไม่มีใครห้ามรชาได้  แม้แต่อรรณพเองก็ได้แค่เตือน  เมื่อถึงสภาวะการณ์เช่นนั้น  เพื่อนลุย เราก็ต้องลุยเช่นกัน ถ้าจะให้รชาเลิกคบกับเพื่อนกลุ่มนี้ ก็ไม่มีทางเป็นไปได้  โดยเฉพาะชัยกับบุตร เป็นเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เป็นเพื่อนที่รู้ใจที่สุดแต่กลับไม่ชักชวนกันไปในทางที่ดี สังคมของผู้ชายมันซับซ้อน  แม้แต่ปลายเองก็ไม่เคยเข้าใจสักที
หลังเลิกเรียน  รชารีบเดินไปที่โรงรถหลังอาคารเรียน ถอยรถมอเตอร์ไซด์ออกมาแล้วรีบขี่ออกไปทันที  ปลายยืนมองอยู่บนอาคารเรียน  รชาคงรีบไปเยี่ยมชัยกับบุตรที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล  ปลายยืนคิดเรื่องของรชาอยู่เงียบ ๆ
รถมอเตอร์ไซด์คันนั้นเป็นรถที่รชารักมาก เพราะพ่อกับแม่ซื้อให้รชาขี่มาเรียน  เป็นสิ่งสุดท้ายที่พ่อกับแม่ให้ก่อนที่จะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทั้งคู่  รชากับรุจา น้องสาวแท้ ๆ ก็ต้องย้ายไปอยู่กับลุงและป้า ที่ไม่ค่อยจะให้ความสนใจดูแลหลานมากนัก  ดูแลแค่เรื่องค่าใช้จ่ายเท่านั้น  รุจาเรียนอยู่ปวช.1 แผนกสถาปัตยกรรม นิดจะพูดกับปลายที่ถามถึงรุจา ว่าเป็นเด็กสนุกสนาน ร่าเริง  หัวเราะเสียงดังเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว  เพื่อน ๆ และพี่ ๆ ที่แผนกไม่มีใครไม่รู้จักรุจา  แต่ปลายคิดว่า ที่รุจามีท่าทางอย่างนั้น เป็นการปกปิดปมด้อยของตัวเองมากกว่า  เหมือนกับรชาที่ดูเป็นคนสนุกสนาน แต่บางครั้งก็ดูเหมือนเป็นคนเก็บกด
“อนาคตของเรา  เราจะเป็นนายแบงก์”  รชามักจะพูดแบบนี้เสมอ และปลายก็จะคอยพูดดักคอรชาเช่นกัน
“นายแบงก์อะไรวะ  ซิ่งรถเฉยเลย”
“เออ..แล้วคอยดูละกัน”  รชาพูดอย่างมุ่งมั่น  ปลายก็แกล้งพูดไปอย่างนั้นเอง  จริง ๆ แล้ว    ปลายชื่นชมคนที่มีความฝันทุกคน
“ปลาย กลับบ้านกันเถอะ” ขวัญมาสะกิดปลาย ปลายสะดุ้ง หยุดความคิดไว้แค่นั้น ขวัญยื่นกระเป๋าให้
“ขอบใจจ้ะ สาคงรีบกลับไปหาหมอฟันแล้วล่ะสิ” ปลายถามถึงสา
“อือ  เห็นว่าหมอฟันนัดทำฟันวันนี้ ณพก็รีบกลับไปไหนไม่รู้”  ขวัญพูดไปถึงอรรณพด้วย  ปลายพยักหน้ารับรู้  แล้วทั้งคู่ก็เดินลงจากตึกเรียนพร้อมกัน
“เมื่อเช้าใครมาส่งเหรอ ?”  ปลายถามถึงเรื่องเมื่อเช้า  ขวัญอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะหันมาตอบปลาย
“เห็นด้วยเหรอ..  เพื่อนน่ะ  พอดีเขามีรถเลยอาสามาส่ง” ขวัญตอบสั้น ๆ แล้วก็ชวนปลายคุยเรื่องอื่น  ทั้งคู่เดินไปถึงหน้าประตูสถาบัน  ก็เจอนักศึกษาหญิงสวมชุดช็อปแผนกช่างคนหนึ่งขี่มอเตอร์ไซด์มาจอดตรงหน้าปลายและขวัญ
“ขวัญ..กลับด้วยกันไหม” นักศึกษาหญิงคนนั้นถอดหมวกกันน็อคออกแล้วพูดกับขวัญ เธอเป็นเพื่อนที่อยู่หอพักเดียวกับขวัญ ปลายเห็นหน้าบ่อย ๆ ขวัญไม่ตอบหันมองปลาย  ปลายผลักขวัญเบา ๆ ให้เดินไปหาเพื่อน
“ไปเหอะ  เรากลับเองได้”
“งั้น .. เรากลับก่อนนะ”
ขวัญซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์เพื่อนและรถค่อย ๆ เคลื่อนออกไปจนลับตา
ขวัญเป็นเด็กต่างจังหวัด  มีพี่สาวกับน้าอยู่ที่ระยอง  ฐานะค่อนข้างยากจน พ่อแม่เสียตั้งแต่ฝนอายุได้ 3 ขวบ ขวัญอยู่หอพักมาตลอดตั้งแต่เข้าเรียนที่นี่ โดยมีพี่สาวเจียดเงินเดือนส่งเป็นค่าใช้จ่ายมาให้และขวัญก็ทำงานพิเศษช่วงเย็นด้วย ขวัญเป็นคนพูดน้อย  มีเพื่อนที่หอพักที่สนิทมาก ๆ เพียงไม่กี่คน  นอกจากนั้น ขวัญก็ไม่เคยเล่าถึงเพื่อนคนอื่นให้ฟัง
‘เพื่อนน่ะ พอดีเขามีรถเลยอาสามาส่ง’
เพื่อนเหรอ?  เป็นไปได้เหรอที่ขวัญจะมีเพื่อนที่ร่ำรวยขนาดมีรถเก๋งคันใหญ่มาส่ง  และที่สำคัญ  ปลายเห็นคนขับรถเป็นชายวัยกลางคน  คนนั้นน่ะเหรอที่เป็นเพื่อนขวัญ...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น