ลำดับตอนที่ #15
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ข่าวคราวที่ขาดหายไป
การสอบกลางภาคผ่านไป และมีการประกาศคะแนนในเวลาต่อมา ถือว่าปลายประสบความสำเร็จในการสอบครั้งนี้ เพราะเธอได้คะแนนสูงสุดของห้องถึง 2 วิชา จาก 6 วิชาที่ลงเรียนไป ทำให้ปลายภูมิใจในตัวเองอยู่ไม่น้อย และนอกจากความภูมิใจที่เธอได้รับแล้วก็ยังได้รับความแปลกใจด้วยเมื่อรู้ว่านิดกับภาณุเป็นแฟนกันแล้ว
“ก็มัวแต่ไปอ่านหนังสือหัวขึ้นควัน เลยไม่รู้เรื่องอะไรกับคนอื่นเขา” ดาวต่อว่าปลายที่เป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปีตกข่าวอยู่คนเดียว ก่อนสอบ 1 อาทิตย์ ปลายจะเก็บตัวยิ่งกว่านักกีฬาเก็บตัวไปแข่งโอลิมปิกเสียอีก ทำให้ปลายไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“ยัยนิดนะยัยนิด เรื่องสำคัญอย่างนี้ไม่มาบอกกันบ้าง” ปลายบ่นอุบอิบถึงนิด
“ไปเคลียร์กันเองนะจ้ะ แม่คนตกข่าว” ดาวล้อปลาย
“เห็นพี่ณุไหม?” ปลายถามถึงภาณุ ไล่เบี้ยกับนิดตอนนี้ไม่ได้ก็ขอซักพี่รหัสก่อนแล้วกัน ดาวหันซ้ายหันขวาแล้วก็นึกอะไรได้
    “อ๋อ เมื่อกี้เห็นขึ้นไปบนตึก”
    เมื่อรู้ว่าอยู่ไหนแล้วปลายก็ขอตัวขึ้นไปหาภาณุ เจอตัวที่บริเวณชั้นสองพอดี
    “ว่าไงพี่ คนปากแข็ง ไหนเคยบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับนิดไง” ปลายเจอหน้าก็ใส่เต็มที่ ภาณุยิ้มเขิน ๆ
    “ปลายดีใจด้วยนะพี่ แหม...เหมาะกันจัง พี่รหัสมาเป็นแฟนกับเพื่อนสนิทน้องรหัส” ปลายพูดยิ้ม ๆ “ขอสัมภาษณ์หน่อยนะพี่ ทำไมถึงชอบเพื่อนปลายเหรอ?”
    “ไม่รู้สิ ไม่มีเหตุผล” ภาณุตอบสั้น ๆ ปลายได้แต่ยิ้มในคำตอบนี้
    “ทำไมถึงชอบพี่ณุเหรอ ไม่รู้สิ ไม่มีเหตุผล” นิดตอบคำถามของปลายเมื่อเจอหน้ากันที่หน้าตึกการตลาด แล้วตอบมาแบบเดียวกับภาณุเลยด้วย สมแล้วที่เป็นแฟนกัน
    “อะไร มีแฟนทั้งทีจะไม่มีเหตุผลเลยเหรอ?” ปลายโวย
    “พี่เขาก็ดี อย่างที่เรารู้ ๆ กันนั่นแหละ” นิดอธิบายสั้น ๆ
    “แล้วไปกราบขอบคุณพี่ณุหรือยังล่ะที่มาชอบนาย” ปลายแกล้งแหย่ นิดหัวเราะเสียงใส ปลายสังเกตเห็นว่านิดหน้าตาสดใส ดูมีความสุข ทำให้ปลายเข้าใจแล้วว่า คนที่มีแฟนแล้วดูสวยน่ารักขึ้นเป็นแบบนี้นี่เอง
    ทั้งคู่คุยกันได้พักใหญ่ จนเมื่อถึงเวลาเรียน ภาณุซึ่งมาร่วมวงคุยด้วยก็อาสาจะขี่มอเตอร์ไซด์ไปส่งที่แผนกสถาปัตยกรรม ปลายยืนมองทั้งคู่ที่ขี่รถลับตาไปแล้วก็นึกถึงผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่แผนกช่างสำรวจ
...ป่านนี้จะรู้หรือยังหนอ ว่าที่รักของตัวเองกลายเป็นที่รักของคนอื่นไปเสียแล้ว...
“เฮ้ย...ณพ!!!” สาเรียกอรรณพเสียงดังลั่น เมื่อเห็นอรรณพเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะหินขัดที่สาและปลายนั่งคุยกันอยู่ อรรณพรีบวิ่งเข้ามาหาทั้งคู่
“ต๊ายตาย ไอ้เด็กมหาวิทยาลัย เป็นไงมั่งยะ?” เมื่ออรรณพนั่งลง สาก็เริ่มแซวทันที อรรณพตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“สบายดี แล้วสากับปลายเป็นไงบ้าง?” อรรณพถามกลับ
“ต่างคนต่างก็เรียนหนัก นาน ๆ ถึงจะได้มานั่งคุยกันอย่างนี้สักทีเนอะสา” ปลายหันไปเออออกับสา
“ใช่...ถึงฉันกับปลายจะไม่ได้มหาวิทยาลัยเหมือนเธอ ฉันก็กิจกรรมเยอะแล้วก็เรียนหนักเหมือนกันนะยะ จะบอกให้” สาทำเสียงประชดประชันอรรณพที่ชอบแก้ตัวเวลาที่ส่นบ่นว่าไม่ค่อยมาหาว่า กิจกรรมเยอะ เรียนหนัก อรรณพถึงกับตอบเสียงอ่อย ๆ
“ก็เรียนหนักจริง ๆ นี่นา”
“สมน้ำหน้า อยากไปเรียนมหาวิทยาลัยเอง บอกให้มาสอบเข้า ปวส.ด้วยกันก็ไม่เชื่อ” สาไม่เห็นใจ ยังทับถมซ้ำ อรรณพใช้นิ้วจิ้มที่หน้าผากสาแล้วผลักไปเบา ๆ ด้วยความหมั่นไส้ที่คอยแซวคอยว่าไม่หยุด ก่อนที่จะอธิบายเหตุผลให้ฟังว่า
“ก็เคยบอกแล้วไงว่าพ่อแม่อยากให้เรียนมหาวิทยาลัยก็ตามใจท่านหน่อย อย่างนี้เขาเรียกว่าลูกกตัญญูว้อย”
“จ้า...ชวนป๋วยปี่แป่กอ ตราลูกกตัญญู” สาพูดประชดซ้ำเข้าไป ปลายก็ไม่ห้าม ปล่อยให้ประชดเสียให้พอ หลังจากนั้นก็พูดคุยกันเรื่องอื่น ๆ จนกระทั่งพูดคุยถึงเพื่อนสนิทอีกสองคนที่ไม่ได้มานั่งอยู่ ณ ที่นี้
“ขวัญกับรชาจะเป็นยังไงบ้างนะ คิดถึงจัง” สาเปรยขึ้นมา ทำให้ปลายกับอรรณพพลอยคิดถึงไปด้วย
“ขวัญกลับไประยองน่าจะโทรศัพท์ติดต่อมาบ้างนะ หายเงียบไปเลย ส่วนไอ้ชาก็ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง อยู่ในสถานพินิจจะลำบากแค่ไหนก็ไม่รู้” อรรณพพูดบ้าง
“ไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ในนั้นกี่ปีสินะ ไปถามรุจากันไหมล่ะ ตอนนี้รุจาคงยอมบอกแล้วล่ะว่ารชาเป็นไงบ้าง” สาเสนอวิธีไขข้อข้องใจ อรรณพส่ายหัว
“ไม่ล่ะ อย่าไปถามเลย ไปเซ้าซี้ให้น้องเขาลำบากใจเปล่า ๆ เอาน่า...ถือว่าเป็นการรักษาสัญญาที่ให้ได้กับไอ้ชาแล้วกันนะ สักวันหนึ่งคงได้พบกัน” อรรณพตั้งความหวัง สากับปลายก็ได้แต่หวังไว้อย่างที่อรรณพหวังเหมือนกัน
“ฉันขอตัวก่อนแล้วกันนะ ต้องกลับไปเรียนต่อ แล้วแวะมาคุยอีกนะณพ ไปล่ะ” สาพูดจบก็เดินกลับห้องเรียนไป ปลายเลิกเรียนแล้วจึงกลับบ้านพร้อมกับอรรณพ
ปลายกลับถึงบ้านก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง ทีแรกคิดว่าเป็นจดหมายจากเจน แต่เมื่อเห็นลายมือที่จ่าหน้าบนซองจดหมาย ปลายก็ตื่นเต้นดีใจยกใหญ่ เพราะเป็นลายมือของ ขวัญ ที่ปลายคุ้นเคยดี
ขวัญเขียนจดหมายมาบอกปลายว่า ตอนนี้ได้งานทำแล้วเป็นพนักงานธุรการ จะทำงานเก็บเงินสักพักและจะหาลู่ทางเรียนต่อ ขวัญบอกว่าตัวเองสบายดี และหวังว่าเพื่อน ๆ คงสบายดีเช่นกัน
ปลายพลิกหาที่อยู่ของขวัญ แต่ก็ไม่มีที่อยู่ ขวัญคงยังไม่อยากให้ใครติดต่อไป แต่แค่ปลายได้รู้ว่าขวัญสบายดีและมีความสุขกับทางที่เลือกเดิน แค่นี้ก็พอใจแล้ว
“ก๊อก ๆๆๆ...ปลาย...ปลาย ” ปิ่นเคาะประตูห้องปลายและเรียกปลายอยู่นาน แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา ปิ่นหมุนลูกบิดดู เห็นว่าห้องไม่ได้ล็อคก็เลยเปิดเข้าไป
“อ้าว...โธ่เอ้ย” ปิ่นอุทานออกมาเพื่อเปิดประตูเข้าไปเห็นปลายฟุบหลับคาหนังสือ ปิ่นเรียกปลายอีกครั้งและสะกิดเบา ๆ ปลายงัวเงีย ๆ ตื่นขึ้นมา
“หลับลึกเลยนะเนี่ย เรียกตั้งนานก็ไม่ได้ยิน ทีหลังถ้าง่วงก็นอนพักก่อนก็ได้ หลับคาหนังสือเชียว ไป...ไปล้างหน้าล้างตาจะได้ลงไปกินข้าว” ปิ่นพูดจบก็เดินออกจากห้องไป ปลายล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วก็เดินลงไปชั้นล่าง
“พี่...แม่ล่ะ?” ปลายลงมาเห็นปิ่นอยู่คนเดียวเลยถามขึ้น
“แม่ไปงานเลี้ยง กลับดึก”
“ออดดดดดด...” เสียงออดดังขึ้นจากหน้าบ้าน ปลายวิ่งออกไปดู เห็นนิดยืนอยู่หน้าบ้าน สะพายเป้และหอบกระดานเขียนแบบมาด้วย
“หวัดดีปลาย คืนนี้ขอมานอนบ้านนายสักคืนนะ” นิดเจอหน้าปลายก็บอกจุดประสงค์ของการมาหาทันที “หวัดดีค่ะพี่ปิ่น นิดขอมานอนค้างกับปลายสักคืนนะคะ” นิดเห็นปิ่นก็รีบทักทายและขออนุญาตทันที ปิ่นยิ้มรับ แสดงว่าไม่มีปัญหา
หลังจากที่เสร็จสิ้นอาหารมื้อเย็นในวันนั้น ปลายก็พานิดขึ้นไปบนห้อง โดยไม่ต้องหาที่นอนให้นิด เพราะยังไงนิดก็นอนเตียงเดียวกับปลายอยู่แล้ว ทั้งคู่ต่างก็สะสางงานของตัวเอง ปลายอ่านหนังสือทบทวนบทเรียน ส่วนนิดก็เขียนแบบที่ค้างไว้ต่อ
“นิด...ญาติ ๆ นายมาค้างที่บ้านทั้งที ไม่อยู่ต้อนรับเขาหน่อยเหรอ? หนีมานอนค้างบ้านเราพ่อแม่ว่าเอาหรือไง?” ปลายเริ่มชวนนิดคุย
“ไม่ได้หนีสักหน่อย เขาเรียกว่า ปลีกตัวออกมาต่างหาก ญาติเราเขามาพาลูกหลานมาเต็มเลย เด็กเล็ก ๆ ทั้งนั้น ถ้าเรายังเขียนแบบอยู่ที่บ้านสงสัยพรุ่งนี้คงไม่มีงานส่งอาจารย์”
“อ๋อ เด็ก ๆ รบกวนสมาธิในการเขียนแบบว่างั้นเถอะ” ปลายย้อนถาม นิดพยักหน้ารับ ก่อนจะพูดต่อว่า
“ที่บ้านเขาไม่ว่าหรอก เหน่งก็อยู่บ้านคอยช่วยอยู่แล้วล่ะ” นิดพูดถึงน้องชายตัวเองแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเขียนต่อ ปลายเหลือบมองนาฬิกาแล้วก็นิดอะไรได้
“เฮ้ย...สามทุ่มสิบห้าแล้วเหรอเนี่ย” ปลายลุกพรวดพราดไปเปิดวิทยุ ฟังดี.เจ.คนโปรด
“อะไรวะปลาย ติดรายการวิทยุด้วย” นิดถามขึ้นเมื่อเห็นอาการของปลาย
“ไม่ได้ติด แต่ต้องฟังทุกคืน” ปลายปฏิเสธกลาย ๆ
“ก็เหมือนกันนั่นแหละ” นิดย้อน “ดี.เจ.อะไรอ่ะ ดี.เจ.ชนกานต์ใช่ป่ะ นายเคยเห็นหน้าดี.เจ.คนนี้ไหม?” นิดลองถามปลายดู ใครจะไปรู้ ปลายอาจจะเคยบุกไปพบดี.เจ.คนโปรดที่สถานีก็ได้
“ไม่เคยหรอก เราได้ฟังที่เขาจัดรายการทุกวันก็ดีอยู่แล้ว” ปลายตอบเสียงแจ๋ว นิดถึงกับวางกระดานเขียนแบบแล้วย้ายไปนั่งข้าง ๆ ปลาย
“ตายแล้วปลาย นี่นายเก็บหัวใจให้ว่างเปล่ามาตลอดเพื่อมาหลงรักดี.เจ.เนี่ยนะ”
“บ้า...เราเปล่าสักหน่อย กลับไปเขียนแบบต่อเลยไป” ปลายตัดบทแล้วไล่นิดให้ไปเขียนแบบต่อ แต่ปลายก็คิดอยู่ในใจว่า
‘หลงรักดี.เจ.? หรือว่าเราจะเป็นอย่างที่นิดพูดจริง ๆ’
“ก็มัวแต่ไปอ่านหนังสือหัวขึ้นควัน เลยไม่รู้เรื่องอะไรกับคนอื่นเขา” ดาวต่อว่าปลายที่เป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปีตกข่าวอยู่คนเดียว ก่อนสอบ 1 อาทิตย์ ปลายจะเก็บตัวยิ่งกว่านักกีฬาเก็บตัวไปแข่งโอลิมปิกเสียอีก ทำให้ปลายไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“ยัยนิดนะยัยนิด เรื่องสำคัญอย่างนี้ไม่มาบอกกันบ้าง” ปลายบ่นอุบอิบถึงนิด
“ไปเคลียร์กันเองนะจ้ะ แม่คนตกข่าว” ดาวล้อปลาย
“เห็นพี่ณุไหม?” ปลายถามถึงภาณุ ไล่เบี้ยกับนิดตอนนี้ไม่ได้ก็ขอซักพี่รหัสก่อนแล้วกัน ดาวหันซ้ายหันขวาแล้วก็นึกอะไรได้
    “อ๋อ เมื่อกี้เห็นขึ้นไปบนตึก”
    เมื่อรู้ว่าอยู่ไหนแล้วปลายก็ขอตัวขึ้นไปหาภาณุ เจอตัวที่บริเวณชั้นสองพอดี
    “ว่าไงพี่ คนปากแข็ง ไหนเคยบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับนิดไง” ปลายเจอหน้าก็ใส่เต็มที่ ภาณุยิ้มเขิน ๆ
    “ปลายดีใจด้วยนะพี่ แหม...เหมาะกันจัง พี่รหัสมาเป็นแฟนกับเพื่อนสนิทน้องรหัส” ปลายพูดยิ้ม ๆ “ขอสัมภาษณ์หน่อยนะพี่ ทำไมถึงชอบเพื่อนปลายเหรอ?”
    “ไม่รู้สิ ไม่มีเหตุผล” ภาณุตอบสั้น ๆ ปลายได้แต่ยิ้มในคำตอบนี้
    “ทำไมถึงชอบพี่ณุเหรอ ไม่รู้สิ ไม่มีเหตุผล” นิดตอบคำถามของปลายเมื่อเจอหน้ากันที่หน้าตึกการตลาด แล้วตอบมาแบบเดียวกับภาณุเลยด้วย สมแล้วที่เป็นแฟนกัน
    “อะไร มีแฟนทั้งทีจะไม่มีเหตุผลเลยเหรอ?” ปลายโวย
    “พี่เขาก็ดี อย่างที่เรารู้ ๆ กันนั่นแหละ” นิดอธิบายสั้น ๆ
    “แล้วไปกราบขอบคุณพี่ณุหรือยังล่ะที่มาชอบนาย” ปลายแกล้งแหย่ นิดหัวเราะเสียงใส ปลายสังเกตเห็นว่านิดหน้าตาสดใส ดูมีความสุข ทำให้ปลายเข้าใจแล้วว่า คนที่มีแฟนแล้วดูสวยน่ารักขึ้นเป็นแบบนี้นี่เอง
    ทั้งคู่คุยกันได้พักใหญ่ จนเมื่อถึงเวลาเรียน ภาณุซึ่งมาร่วมวงคุยด้วยก็อาสาจะขี่มอเตอร์ไซด์ไปส่งที่แผนกสถาปัตยกรรม ปลายยืนมองทั้งคู่ที่ขี่รถลับตาไปแล้วก็นึกถึงผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่แผนกช่างสำรวจ
...ป่านนี้จะรู้หรือยังหนอ ว่าที่รักของตัวเองกลายเป็นที่รักของคนอื่นไปเสียแล้ว...
“เฮ้ย...ณพ!!!” สาเรียกอรรณพเสียงดังลั่น เมื่อเห็นอรรณพเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะหินขัดที่สาและปลายนั่งคุยกันอยู่ อรรณพรีบวิ่งเข้ามาหาทั้งคู่
“ต๊ายตาย ไอ้เด็กมหาวิทยาลัย เป็นไงมั่งยะ?” เมื่ออรรณพนั่งลง สาก็เริ่มแซวทันที อรรณพตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“สบายดี แล้วสากับปลายเป็นไงบ้าง?” อรรณพถามกลับ
“ต่างคนต่างก็เรียนหนัก นาน ๆ ถึงจะได้มานั่งคุยกันอย่างนี้สักทีเนอะสา” ปลายหันไปเออออกับสา
“ใช่...ถึงฉันกับปลายจะไม่ได้มหาวิทยาลัยเหมือนเธอ ฉันก็กิจกรรมเยอะแล้วก็เรียนหนักเหมือนกันนะยะ จะบอกให้” สาทำเสียงประชดประชันอรรณพที่ชอบแก้ตัวเวลาที่ส่นบ่นว่าไม่ค่อยมาหาว่า กิจกรรมเยอะ เรียนหนัก อรรณพถึงกับตอบเสียงอ่อย ๆ
“ก็เรียนหนักจริง ๆ นี่นา”
“สมน้ำหน้า อยากไปเรียนมหาวิทยาลัยเอง บอกให้มาสอบเข้า ปวส.ด้วยกันก็ไม่เชื่อ” สาไม่เห็นใจ ยังทับถมซ้ำ อรรณพใช้นิ้วจิ้มที่หน้าผากสาแล้วผลักไปเบา ๆ ด้วยความหมั่นไส้ที่คอยแซวคอยว่าไม่หยุด ก่อนที่จะอธิบายเหตุผลให้ฟังว่า
“ก็เคยบอกแล้วไงว่าพ่อแม่อยากให้เรียนมหาวิทยาลัยก็ตามใจท่านหน่อย อย่างนี้เขาเรียกว่าลูกกตัญญูว้อย”
“จ้า...ชวนป๋วยปี่แป่กอ ตราลูกกตัญญู” สาพูดประชดซ้ำเข้าไป ปลายก็ไม่ห้าม ปล่อยให้ประชดเสียให้พอ หลังจากนั้นก็พูดคุยกันเรื่องอื่น ๆ จนกระทั่งพูดคุยถึงเพื่อนสนิทอีกสองคนที่ไม่ได้มานั่งอยู่ ณ ที่นี้
“ขวัญกับรชาจะเป็นยังไงบ้างนะ คิดถึงจัง” สาเปรยขึ้นมา ทำให้ปลายกับอรรณพพลอยคิดถึงไปด้วย
“ขวัญกลับไประยองน่าจะโทรศัพท์ติดต่อมาบ้างนะ หายเงียบไปเลย ส่วนไอ้ชาก็ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง อยู่ในสถานพินิจจะลำบากแค่ไหนก็ไม่รู้” อรรณพพูดบ้าง
“ไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ในนั้นกี่ปีสินะ ไปถามรุจากันไหมล่ะ ตอนนี้รุจาคงยอมบอกแล้วล่ะว่ารชาเป็นไงบ้าง” สาเสนอวิธีไขข้อข้องใจ อรรณพส่ายหัว
“ไม่ล่ะ อย่าไปถามเลย ไปเซ้าซี้ให้น้องเขาลำบากใจเปล่า ๆ เอาน่า...ถือว่าเป็นการรักษาสัญญาที่ให้ได้กับไอ้ชาแล้วกันนะ สักวันหนึ่งคงได้พบกัน” อรรณพตั้งความหวัง สากับปลายก็ได้แต่หวังไว้อย่างที่อรรณพหวังเหมือนกัน
“ฉันขอตัวก่อนแล้วกันนะ ต้องกลับไปเรียนต่อ แล้วแวะมาคุยอีกนะณพ ไปล่ะ” สาพูดจบก็เดินกลับห้องเรียนไป ปลายเลิกเรียนแล้วจึงกลับบ้านพร้อมกับอรรณพ
ปลายกลับถึงบ้านก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง ทีแรกคิดว่าเป็นจดหมายจากเจน แต่เมื่อเห็นลายมือที่จ่าหน้าบนซองจดหมาย ปลายก็ตื่นเต้นดีใจยกใหญ่ เพราะเป็นลายมือของ ขวัญ ที่ปลายคุ้นเคยดี
ขวัญเขียนจดหมายมาบอกปลายว่า ตอนนี้ได้งานทำแล้วเป็นพนักงานธุรการ จะทำงานเก็บเงินสักพักและจะหาลู่ทางเรียนต่อ ขวัญบอกว่าตัวเองสบายดี และหวังว่าเพื่อน ๆ คงสบายดีเช่นกัน
ปลายพลิกหาที่อยู่ของขวัญ แต่ก็ไม่มีที่อยู่ ขวัญคงยังไม่อยากให้ใครติดต่อไป แต่แค่ปลายได้รู้ว่าขวัญสบายดีและมีความสุขกับทางที่เลือกเดิน แค่นี้ก็พอใจแล้ว
“ก๊อก ๆๆๆ...ปลาย...ปลาย ” ปิ่นเคาะประตูห้องปลายและเรียกปลายอยู่นาน แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา ปิ่นหมุนลูกบิดดู เห็นว่าห้องไม่ได้ล็อคก็เลยเปิดเข้าไป
“อ้าว...โธ่เอ้ย” ปิ่นอุทานออกมาเพื่อเปิดประตูเข้าไปเห็นปลายฟุบหลับคาหนังสือ ปิ่นเรียกปลายอีกครั้งและสะกิดเบา ๆ ปลายงัวเงีย ๆ ตื่นขึ้นมา
“หลับลึกเลยนะเนี่ย เรียกตั้งนานก็ไม่ได้ยิน ทีหลังถ้าง่วงก็นอนพักก่อนก็ได้ หลับคาหนังสือเชียว ไป...ไปล้างหน้าล้างตาจะได้ลงไปกินข้าว” ปิ่นพูดจบก็เดินออกจากห้องไป ปลายล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วก็เดินลงไปชั้นล่าง
“พี่...แม่ล่ะ?” ปลายลงมาเห็นปิ่นอยู่คนเดียวเลยถามขึ้น
“แม่ไปงานเลี้ยง กลับดึก”
“ออดดดดดด...” เสียงออดดังขึ้นจากหน้าบ้าน ปลายวิ่งออกไปดู เห็นนิดยืนอยู่หน้าบ้าน สะพายเป้และหอบกระดานเขียนแบบมาด้วย
“หวัดดีปลาย คืนนี้ขอมานอนบ้านนายสักคืนนะ” นิดเจอหน้าปลายก็บอกจุดประสงค์ของการมาหาทันที “หวัดดีค่ะพี่ปิ่น นิดขอมานอนค้างกับปลายสักคืนนะคะ” นิดเห็นปิ่นก็รีบทักทายและขออนุญาตทันที ปิ่นยิ้มรับ แสดงว่าไม่มีปัญหา
หลังจากที่เสร็จสิ้นอาหารมื้อเย็นในวันนั้น ปลายก็พานิดขึ้นไปบนห้อง โดยไม่ต้องหาที่นอนให้นิด เพราะยังไงนิดก็นอนเตียงเดียวกับปลายอยู่แล้ว ทั้งคู่ต่างก็สะสางงานของตัวเอง ปลายอ่านหนังสือทบทวนบทเรียน ส่วนนิดก็เขียนแบบที่ค้างไว้ต่อ
“นิด...ญาติ ๆ นายมาค้างที่บ้านทั้งที ไม่อยู่ต้อนรับเขาหน่อยเหรอ? หนีมานอนค้างบ้านเราพ่อแม่ว่าเอาหรือไง?” ปลายเริ่มชวนนิดคุย
“ไม่ได้หนีสักหน่อย เขาเรียกว่า ปลีกตัวออกมาต่างหาก ญาติเราเขามาพาลูกหลานมาเต็มเลย เด็กเล็ก ๆ ทั้งนั้น ถ้าเรายังเขียนแบบอยู่ที่บ้านสงสัยพรุ่งนี้คงไม่มีงานส่งอาจารย์”
“อ๋อ เด็ก ๆ รบกวนสมาธิในการเขียนแบบว่างั้นเถอะ” ปลายย้อนถาม นิดพยักหน้ารับ ก่อนจะพูดต่อว่า
“ที่บ้านเขาไม่ว่าหรอก เหน่งก็อยู่บ้านคอยช่วยอยู่แล้วล่ะ” นิดพูดถึงน้องชายตัวเองแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเขียนต่อ ปลายเหลือบมองนาฬิกาแล้วก็นิดอะไรได้
“เฮ้ย...สามทุ่มสิบห้าแล้วเหรอเนี่ย” ปลายลุกพรวดพราดไปเปิดวิทยุ ฟังดี.เจ.คนโปรด
“อะไรวะปลาย ติดรายการวิทยุด้วย” นิดถามขึ้นเมื่อเห็นอาการของปลาย
“ไม่ได้ติด แต่ต้องฟังทุกคืน” ปลายปฏิเสธกลาย ๆ
“ก็เหมือนกันนั่นแหละ” นิดย้อน “ดี.เจ.อะไรอ่ะ ดี.เจ.ชนกานต์ใช่ป่ะ นายเคยเห็นหน้าดี.เจ.คนนี้ไหม?” นิดลองถามปลายดู ใครจะไปรู้ ปลายอาจจะเคยบุกไปพบดี.เจ.คนโปรดที่สถานีก็ได้
“ไม่เคยหรอก เราได้ฟังที่เขาจัดรายการทุกวันก็ดีอยู่แล้ว” ปลายตอบเสียงแจ๋ว นิดถึงกับวางกระดานเขียนแบบแล้วย้ายไปนั่งข้าง ๆ ปลาย
“ตายแล้วปลาย นี่นายเก็บหัวใจให้ว่างเปล่ามาตลอดเพื่อมาหลงรักดี.เจ.เนี่ยนะ”
“บ้า...เราเปล่าสักหน่อย กลับไปเขียนแบบต่อเลยไป” ปลายตัดบทแล้วไล่นิดให้ไปเขียนแบบต่อ แต่ปลายก็คิดอยู่ในใจว่า
‘หลงรักดี.เจ.? หรือว่าเราจะเป็นอย่างที่นิดพูดจริง ๆ’
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น