ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จุดหมายปลายฝัน

    ลำดับตอนที่ #12 : ลาก่อนเพื่อนรัก

    • อัปเดตล่าสุด 15 มิ.ย. 47


    วันนี้เป็นวันลงทะเบียน ปลายไปดูรายชื่อที่บอร์ดแล้ว ปลายอยู่แผนกการตลาดห้อง 4 ปลายไปลงทะเบียนและได้เจอหน้าเพื่อนใหม่แล้ว เพื่อนที่เรียนอยู่ชั้น ปวช.ด้วยกัน แต่อยู่สาขาการตลาดก็มีอยู่หลายคน แต่ที่ปลายสนิทที่สุดก็คือ โสภิดา หรือ ดาว ซึ่งตลอด 2 ปีในชั้น ปวส. ดาวเป็นหนึ่งในเพื่อนของปลาย



        เมื่อลงทะเบียนแล้ว ปลายไปรอนิดที่หน้าตึกอำนวยการ ไปถึงนิดก็นั่งรออยู่แล้ว



        “ทำไมเร็วจัง” ปลายถามเป็นประโยคแรกเมื่อเจอกัน นิดลุกขึ้นยืนและออกเดินไปพร้อม ๆ กับปลาย



        “เราลงทะเบียนคนแรกของห้องเลย ก็เลยเสร็จก่อนเพื่อน เออ...เราเจอรุจาด้วย”



        “รุจาเป็นยังไงบ้าง ร่าเริงขึ้นหรือยัง?” ปลายรีบถามด้วยความเป็นห่วง



        “ก็ร่าเริงดี คงเพราะได้เจอเพื่อน ๆ ด้วยมั้ง เห็นแล้วก็หายห่วงไปได้บ้าง แต่ที่ทำให้เราดีใจมากเลยก็คือ รุจาย้ายออกมาอยู่หอพักกับเพื่อนแล้ว”



        “จริงเหรอ ดีเหมือนกัน จะได้อยู่ห่าง ๆ ลุงกับป้าไว้บ้าง เราเห็นแล้วยังอึดอัดแทนเลย” ปลายพลอยดีใจไปด้วย



        “จริงด้วย แต่เราก็เตือน ๆ ว่าให้ดูแลตัวเองดี ๆ เพราะไม่มีใครมาคอยควบคุมแล้ว” นิดเห็นด้วย “แล้วนี่จะไปไหน กลับบ้านเลยเหรอ ไปบ้านเจนกันไหม?” นิดถามแล้วก็เสนอขึ้นมาเอง พูดถึงเจน ทำให้ปลายนึกถึงตองขึ้นมาทันที



        “ไปหาเจนแล้วชวนไปหาตองด้วยกันเลยนะ ตั้งแต่ตองกลับบ้านไปเมื่อวานรู้สึกเป็นห่วงยังไงไม่รู้”



        “ตองกลับบ้านแล้วเหรอ สบายใจขึ้นแล้วสิ”



        “ไม่ใช่หรอก ธุรกิจของแม่เขาปิดตัวลงแล้วน่ะ ตองก็เลยจะกลับไปดูแลแม่ แทนที่จะกลับไปด้วยความสบายใจ เลยต้องกลับไปเจอกับปัญหาอีก” ปลายอธิบายด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงตอง นิดเองก็เป็นห่วงไม่แพ้กัน



        “แม่ทั้งคนเลยนะปลาย มันเป็นปัญหาของครอบครัวด้วย ว่าแต่แน่ใจนะว่าไปคราวนี้ตองจะไม่ไล่พวกเราอีก” นิดถามอย่างไม่แน่ใจ ปลายหัวเราะ



        “ไม่หรอกน่า...”



        จากนั้น นิดกับปลายก็ตรงไปหาเจนบ้าน และทั้งสามคนก็ตรงไปที่บ้านตอง



        ระหว่างที่ทั้ง 3 คนเดินทางไปหาตอง ต่างก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนานและตั้งความหวังไว้ร่วมกันว่าถ้าได้คุยกับตองคงจะทำให้ตองสบายใจขึ้นได้ ความบาดหมางที่เกิดขึ้นนั้นจะลืมมันไปเสียและจะช่วยกันแก้ปัญหาและอยากให้ตองรู้ไว้ว่ายังมีเพื่อนที่คอยให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ เสมอ



        ปลาย นิดและเจน ยืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ของตอง บ้านยังเงียบเหงาเหมือนเดิม แต่ประตูรั้วเปิดอ้าไว้ ทำให้ทั้งสามคนลังเลว่าจะเข้าไปเลยหรือว่าจะกดออกก่อนดี



        “กดออดละกันนะ รักษามารยาทหน่อย” เจนหันมาบอก แล้วกดออดไป 2-3 ครั้ง ครู่เดียวป้านิ่มก็เดินออกมาด้วยสีหน้าแปลก ๆ



        “สวัสดีค่ะป้า ตองอยู่ไหมคะ?” ปลายเป็นคนถามขึ้นมา ป้านิ่มได้ยินชื่อตองก็ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ปลายรู้สึกไม่ดี กลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตอง



        “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะป้า?” นิดถามด้วยความรู้สึกเดียวกับปลาย เจนก็คงรู้สึกอย่างเดียวกัน ป้านิ่มตอบด้วยเสียงสั่นเครือ



        “คุณหนูกินยานอนหลับไปหมดขวดเลย ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลยังไม่รู้เลยว่าเป็นยังไงบ้าง”



        “หมดขวด...” เจนพูดออกมาเบา ๆ อย่างตกตะลึง ยาหมดขวดมันไม่ใช่น้อย ๆ เลย



        “หลังจากที่ตองกลับถึงบ้านแล้วเกิดอะไรขึ้นเหรอคะป้า?” ปลายรีบถามให้รู้เรื่อง



        “พอคุณหนูกลับมาคุณผู้หญิงก็ดุด่าคุณหนู ตอนหัวค่ำ คุณผู้ชายกลับมาก็ทะเลาะกับคุณผู้หญิงอีก คุณหนูออกมาห้ามก็เลยโดนไล่ให้กลับเข้าไปในห้อง ป้าได้ยินเสียงคุณหนูร้องไห้ด้วย” ป้านิ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมด ปลายรีบถามต่อว่าอยู่โรงพยาบาลอะไร เมื่อรู้ว่าอยู่โรงพยาบาลที่ตองเคยผ่าตัดไส้ติ่ง ทั้งสามคนก็รีบตามไปที่โรงพยาบาลทันที ต่างก็รู้ดีแล้วว่า ตองกำลังจบปัญหาทั้งหมดด้วยการฆ่าตัวตาย ในตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาขอให้ตองปลอดภัย



        “ตองจะเป็นอะไรหรือเปล่า?” นิดถามด้วยสีหน้ากังวล น้ำตาคลอเบ้า แต่ก็พยามยามกลั้นความรู้สึกไว้ ปลายต้องคอยปลอบ



        “ไม่เป็นไรหรอก ตองต้องปลอดภัย” ปลายพูดน้ำเสียงมั่นใจ แต่จริง ๆ แล้วก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ความรู้สึกตอนนี้ก็หวั่น ๆ อย่างบอกไม่ถูก



        “เราสัญญากันไว้แล้ว่าอีก 10 ปี เราก็จะเป็นเพื่อนกันตลอดไป ตองสัญญาแล้วต้องไม่ผิดคำสัญญา” เจนพูดกับตัวเองเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ด้วยความหวังว่าตองจะต้องปลอดภัย



    แต่คำสัญญาในวันนั้นมันก็เป็นแค่ลมปากที่ผ่านพ้นไป ตองไม่ได้ใช้มันเพื่อคิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบกว่านี้เลย...







    กว่าจะไปถึงโรงพยาบาล ทั้งสามก็เห็นแค่ร่างที่ไร้วิญญาณของเพื่อนรักถูกเข็นออกมาจากห้องไอซียู ทุกอย่างสายเกินไป ตองกินยานอนหลับไปหมดขวดตั้งแต่กลางดึกของเมื่อคืน กว่าพ่อแม่ของเธอจะพามาส่งโรงพยาบาล ตองก็หลับไปชั่วนิรันดร์



    ปลาย นิดและเจน เดินเข้าไปหาตอง เห็นพ่อและแม่ของตองร้องไห้ปานใจจะขาดที่ลูกสาวคนเดียวจาไป ทั้งสามคนกอดกันแล้วร้องไห้ เมื่อเห็นใบหน้าที่สงบนิ่งเหมือนนอนหลับของเพื่อนรัก ด้วยความเสียใจที่ไม่สามารถช่วยอะไรเพื่อนได้เลย



    ‘ขอเธอหลับฝันสู่นิรันดร

    ขออย่ามีสิ่งใดให้อาวรณ์ร้อนใจ

    ขอเธอจงสู่ฟากฟ้าแดนไกล

    และขอเธออยู่ในใจฉันตลอดกาล’



    ปลายไม่รู้ว่าบทกลอนบทนี้มาอยู่ในหัวได้ยังไง ปลายรู้แต่ว่ามันคงเป็นบทกลอนสำหรับตองโดยเฉพาะ  -ลาก่อนนะเพื่อนรัก นายจะอยู่ในใจเราสามคนตลอดไป-



    พยาบาลเคลื่อนย้ายร่างของตองออกไปนานแล้ว โดยพ่อและแม่ของตองเดินตามไปด้วย แต่ปลาย นิดและเจนยังคงนั่งอยู่หน้าห้องไอซียู ต่างก็นิ่งเงียบไม่มีคำพูดใด ๆ ที่จะสามารถแทนความรู้สึกสูญเสียได้ ปลายมานึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ เห็นพ่อแม่ของตองร้องไห้ ปลายเองก็เห็นใจที่ผู้เป็นพ่อและแม่ต้องเสียต้นไม้ต้นเดียวของชีวิตไป แต่ครั้งนี้คนทั้งคู่คงรู้และเข้าใจแล้ว่า วิธีดูแลต้นต้นนี้มันผิด และผิดมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ตองก็จากไปแล้ว จะมีประโยชน์อะไรกับการคิดว่าใครผิด การตายของตองน่าจะบอกอะไรได้หลาย ๆ อย่าง อย่างการดูแลคนที่เรารักให้ใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างสวยงาม น่าจะใช้การดูแลเอาใจใส่และความเข้าใจ มากกว่าสิ่งของภายนอก



    ปลายเหลือบไปเห็นป้านิ่มกำลังเดินตรงมาหาพวกเธอ สีหน้ายังไม่มีอาการเศร้าโศกเสียใจ มีเพียงแต่ความกลัดกลุ้มและกังวลใจ แสดงว่าป้านิ่มคงรอฟังข่าวที่บ้านไม่ไหว จึงต้องรีบมาที่โรงพยาบาลด้วยตัวเอง



    “ก่อนมา ป้าขึ้นไปบนห้องนอนของคุณหนู เห็นจดหมายฉบับนี้วางอยู่บนโต๊ะ” ป้านิ่มเดินเข้ามาพูดและยื่นจดหมายให้ ปลายรับมา จดหมายนั้นจ่าหน้าซองว่า ‘ถึงเจน นิด ปลาย’



    “คุณหนูเป็นยังไงบ้างคะ?” ป้านิ่มถามด้วยความกระตือรือร้น หวังว่าจะได้ยินข่าวดี ปลายรู้สึกอึดอัดเหลือเกินที่จะตอบ



    “ตอง...เสียแล้วค่ะ” ปลายตอบเสียงแผ่ว ป้านิ่มผงะไปทันทีเมื่อได้ยิน นิดกับเจนต้องช่วยพยุงมานั่งที่เก้าอี้ ป้านิ่มร้องไห้ออกมาเงียบ ๆ ทั้งสามคนต้องกลั้นน้ำตาไว้ ไม่อยากให้บรรยากาศมันเศร้าไปกว่านี้



    “ความทุกข์ทรมานของคุณหนูจบสิ้นลงเสียที…” ป้านิ่มพูดเหมือนรำพึงคนเดียวแล้วเช็ดน้ำตา ปลายพอจะเข้าใจในคำพูดของป้านิ่ม ป้านิ่มเลี้ยงดูตองมาตั้งแต่เด็ก ๆ ความผูกพันย่อมมีมากมายมหาศาล เมื่อตองทุกข์ คนที่เป็นทุกข์ด้วยก็คือป้านิ่ม ในความเสียใจอาจจะมีความดีใจที่แฝงอยู่ด้วย ดีใจที่ความทุกข์ทรมานจบลง แต่คงจะดีกว่านี้ ถ้าความทุกข์ทั้งหมดไม่ได้จบลงด้วยความตาย



    ป้านิ่มกับทั้งสามคนแยกย้ายกันไป ป้านิ่มแยกไปหาพ่อและแม่ของตอง ในมือของป้านิ่มยังมีจดหมายอีกหนึ่งฉบับ เข้าใจว่าตองคงเขียนถึงพ่อแม่ ปลาย นิดและเจนเดินออกจากโรงพยาบาลและจะไปที่บ้านปลาย เพื่ออ่านจดหมายของตอง คิดว่าคงดีกว่าอ่านที่โรงพยาบาล



    เมื่อถึงบ้านปลายแล้ว ก็รีบขึ้นไปบนห้องนอนของปลาย และเปิดจดหมายออกอ่าน ในจดหมายเขียนด้วยลายมือที่ตัวอักษรไม่สม่ำเสมอกันมากนัก แสดงถึงภาวะจิตใจของตองที่กำลังสับสน ปลายอ่านจดหมายให้นิดและเจนฟังช้า ๆ





    ถึง เจน นิด ปลาย เพื่อนรัก



    กว่าพวกนายจะได้อ่านจดหมายฉบับนี้ เราคงอยู่คนละโลกกันแล้ว พวกนายจะคิดว่าเราโง่ก็ได้ที่ทำอย่างนี้ พวกเราคงไม่รู้หรอกว่าเราทุกข์ทรมานใจแค่ไหน และเราก็ไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อนเพราะเรา เรามีอะไรอยากจะบอกพวกนายนะ



    เจน...เราขอโทษที่ว่านายไม่เอาไหน สอบเอนท์ได้เพราะดวง จริง ๆ แล้วเราอยากนายว่าเราดีใจด้วย นายเก่งที่สุดเลย



    นิด...เราขอโทษที่ไม่เคยเห็นด้วยกับการเปลี่ยนไปเรียนสถาปัตย์ มาถึงตอนนี้ เราคิดว่านายเป็นคนที่โชคดีมากที่ค้นพบสิ่งที่ตัวเองต้องการ นายต้องเป็นสถาปนิกที่เก่งที่สุดให้ได้นะ



    ปลาย...เราขอโทษที่อดทนให้เหมือนต้นตะบองเพชรอย่างที่นายบอกไม่ได้ แต่วันใดที่นายเจอกับปัญหา ต้องอดทนให้เหมือนต้นตะบองเพชรนะ



    สิ่งที่เราอยากบอกไม่ได้มีแค่เพียง แต่คงบอกได้แคนี้ เพราะมันมีมากมายจนเราไม่สามารถเขียนได้ เราคงต้องไปแล้วล่ะ โลกใบใหม่กำลังรอเราอยู่ เราขอบใจพวกนายนะที่เป็นเพื่อนที่ดีของตัวปัญหาอย่างเราเสมอมา เราไม่รูว่าชาติหน้ามีจริงหรือเปล่า แต่ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป

    รักพวกนายที่สุด

                                                                                                          ตอง




        ปลายอ่านจดหมายจบแล้วก็ร้องไห้ออกมา นิดกับเจนก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจเช่นกัน ปลายนั้นยังดีที่ได้คุยกับตองและได้อยู่ด้วยกันจนตองกลับบ้านและจากไปชั่วนิรันดร์ ส่วนเจนกับนิดต้องจากกับตองไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกัน และไม่มีโอกาสได้ช่วยให้กำลังใจตองเลย



        “ทำไมเราจะไม่รู้ล่ะว่านายทุกข์ทรมานใจแค่ไหน ทำไมไม่ปรึกษาพวกเราก่อน แล้วอย่างนี้จะมีเพื่อนไปทำไม” นิดสะอึกสะอื้นพูดกับจดหมายของตอง ถ้าจดหมายฉบับนี้เปลี่ยนเป็นตองมานั่งฟังอยู่จะดีแค่ไหนนะ ปลายได้แต่นิ่งเงียบเช็ดน้ำตาที่ยังไหลออกมา เจนแข็งใจหยุดร้องไห้และหันไปปลอบนิด



        “ไม่เป็นไรน่านิด ไม่เป็นไร ตองยังอยู่กับเราเสมอนะ” เจนเอื้อมมือไปโอบไหล่นิด



        “จริงด้วย...ตองยังอยู่กับเรา” ปลายพูดออกมาเหมือนนึกอะไรได้ แล้วรีบไปที่โต๊ะข้างเตียงนอน หยิบตะบองเพชรของตองไปให้เจนและนิดดู



        “นี่ไง...ต้นตะบองเพชรของตองที่ตองลืมไว้ที่เรา เห็นไหมว่ามันยังอยู่ ยังไม่ตาย” ปลายยื่นตะบองเพชรให้เจนและนิด ตะบองเพชรของตองยังอยู่ในสภาพแข็งแรง



        “ตองยังอยู่กับพวกเราเสมอนะ” ปลายพูดย้ำ เจนและนิดมองต้นตะบองเพชรด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น



    แม้จะทดแทนกับชีวิตของตองไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ยังมีสิ่งนี้ที่เป็นตัวแทนของตอง เป็นสิ่งที่จะทำให้ระลึกถึงตองได้ตลอดไป



        



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×