ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จุดหมายปลายฝัน

    ลำดับตอนที่ #10 : คนที่ผิดหวัง

    • อัปเดตล่าสุด 11 มิ.ย. 47






        ในระหว่างนี้ถือเป็นการปิดเทอมสำหรับปลาย เพราะอยู่ในระหว่างรอวันปฐมนิเทศ ลงทะเบียน ระยะนี้ก็ทำโน่นทำนี่ไปเรื่อยเปื่อย ดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ ซึ่งแน่นอนว่าต้องไม่พลาดรายการของดี.เจ ชนกานต์ บางวันก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ วันนี้ก็ชวนนิดไปนั่งคุยกับรุจา ให้รุจาร่าเริงขึ้น รุจาก็ดีขึ้น แต่ถ้าพูดถึงรชา รุจาจะซึมลง ทำให้ปลายกับนิดต้องรีบเปลี่ยนเรื่องคุย



        “รุจาจะเป็นอย่างนี้อีกนานไหมนะ ไม่เหลือความร่าเริงที่มีอย่างเหลือเฟืออย่างเมื่อก่อนเลย” นิดพูดถึงรุจาหลังจากที่เดินออกมาจากบ้านรุจาแล้ว ปลายเองก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเหมือนกันที่เห็นรุจาเป็นอย่างนี้



        “วันหนึ่งถ้ารชากลับมา ทุกอย่างคงดีขึ้น” ปลายตั้งความหวัง แต่จะมีใครรู้ล่ะว่ารชาจะกลับมาเมื่อไหร่



            “จะดีขึ้นหรือแย่ลงก็ไม่รู้เหมือนกัน เราก็ช่วยกันดูแลรุจาแล้วกันนะ” นิดสรุป ซึ่งก็คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ควรจะทำในตอนนี้



        นิดกับปลายเดินไปเรื่อย ๆ ไม่มีจุดหมาย จนปลายต้องถามขึ้นมา



        “จะไปไหนต่อเนี่ย เดินมาไกลแล้วนะ”



        “เออ...นั่นสิ งั้นไปบ้านตองกันไหม ร้อน ๆ อย่างนี้ต้องไปบ้านตอง” นิดเสนอ



        “ร้อนแล้วทำไมต้องไปบ้านตอง” ปลายถามงง ๆ



        “แอร์เย็น” นิดตอบหน้าทะเล้น ปลายหัวเราะคิกคัก อย่างนี้ฤดูร้อนของทุกปีต้องไปบ้านตองบ่อย ๆ แล้วล่ะ



        นิดกับปลายเข้าไปนั่งในบ้านหลังใหญ่ของตอง แอร์เย็นอย่างที่นิดบอกจริง ๆ ด้วย ตองเอาขนมมาเลี้ยงเยอะแยะ ดูท่าทางตองจะดีใจมากที่มีเพื่อนมาหา



        “อยู่บ้านคนเดียวเหงาจะตาย ออกไปข้างนอกก็ร้อน” ตองบ่น เป็นลูกสาวคนเดียว อยู่บ้านหลังใหญ่กับแม่บ้าน แบบนี้ไม่เหงาก็แปลกแล้ว



        “พ่อกับแม่ล่ะ วันอาทิตย์อย่างนี้ยังไปทำงานอีกเหรอ?” ปลายถามถึงคนในบ้านที่นอกเหนือจากแม่บ้าน



        “ก็อย่างนี้แหละ แม่ก็ทำธุรกิจยุ่ง ๆ อยู่ทุกวัน ยิ่งพ่อนะ เขากำลังจะอภิปรายไม่ไว้วางใจกันในสภา อยู่ที่พรรคทั้งวันเลย” ตองตอบแบบเซ็ง ๆ



        “นายมีความสุขหรือเปล่าที่อยู่แบบนี้” นิดถามถึงสภาพจิตใจ ภายนอกอาจจะดูสุขสบาย แต่จิตใจอาจจะไม่ใช่



        “มีความสุขสิ เราอยู่แบบนี้ได้เพราะพ่อกับแม่ บอกตรง ๆ เลยว่าคนที่เราแคร์ที่สุดในชีวิตก็คือพ่อกับแม่” ตองตอบคำถามหน้าเครียด นิดกับปลายได้ยินแล้วก็มองหน้ากัน สงสัยว่าทำไมคำตอบกับสีหน้ามันต่างกันลิลับ



        “ดูวีดีโอกันดีกว่านะ” ตองเดินไปเปิดวีดีโอให้ดู มาบ้านตองในวันนี้ นิดกับปลายได้มานั่งตากแอร์เย็น ๆ กินขนมอร่อย ๆ ดูวีดีโอสนุก ๆ แล้วยังได้เห็นชีวิตของเพื่อนสนิทคนนี้ในมุมมองที่นิดกับปลายอดจะเห็นใจไม่ได้ ชีวิตของลูกสาวคนเดียวในบ้านหลังใหญ่ มันเหงาและโดดเดี่ยวอย่างนี้นี่เอง

        





        เมื่อมาถึงวันประกาศผลสอบเอนทรานซ์ วันที่นักเรียน ม.6 ทั่งประเทศจะตื่นเต้นระทึกใจกับผลสอบ ท่ามกลางความสมหวังและผิดหวังของใครๆ  หลายๆ คน ในจำนวนคนที่สมหวัง เจนก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย โดยทั้งเจนและปลายตื่นแต่เช้ามาเจอกันที่บ้านของนิด



        “ดีใจด้วยนะเจน นายเก่งจังเลย” นิดแสดงความยินดีกับเจน นิดเองก็ลุ้นผลสอบไปด้วย แม้ว่าจะรู้ผลตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ก็ยังอดตื่นเต้นแทนไม่ได้    



    “เอ...เขาตรวจข้อสอบผิดพลาดหรือเปล่า ยัยเจนของเราถึงได้สอบติด” ปลายพูดกวนขึ้นมาเล่น ๆ เจนเสยผมในท่าที่คิดว่าเท่ห์ที่สุด ก่อนจะตอบเสียงนิ่ม ๆ



    “ขอโทษ...ความสามารถล้วน ๆ คนมันเก่งน่ะคนมันเก่ง” เจนพูดยกยอตัวเองชวนให้นิดกับปลายทำท่าอยากจะอาเจียนด้วยความหมั่นไส้ ผลออกมาในแง่บวกอย่างนี้ พูดยอตัวเองแค่ไหนก็คงไม่น่าเกลียด



    “อีก 4 ปีข้างหน้า จะมีแม่พิมพ์ของชาติที่ชื่อ เจน แล้วนะ ครูเจนผู้น่ารัก ฮิฮิ” เจนยอตัวเองเข้าไปอีก จนปลายอดจะดักคอไม่ได้



    “สงสารอนาคตนักเรียนไทยว่ะ ถ้าได้ครูเจนไปสอน ดับวูบเห็น ๆ” ปลายพูดจบหมอนอิงจากเจนก็ลอยเข้ามาตรงหน้าทันที โทษฐานที่พูดความจริง ดับวูบอะไรกันก็แค่ริบหรี่เท่านั้นเอง



    “ทำไมนายถึงเลือกคณะนี้ล่ะ ไม่ค่อยจะเข้ากับบุคลิกนายเลยว่ะ” นิดตั้งข้อสงสัย เพราะมันไม่เข้าเลยจริง ๆ



    “เป็นความใฝ่ฝันของเราตั้งแต่เด็ก ๆ น่ะ เราเลือกคณะที่จบออกมาแล้วเป็นครูทุกคณะเลยนะ มหาวิทยาลัยต่างจังหวัดหมดเลยด้วย เราอยากไปอยู่จังหวัดอื่นบ้าง อยู่กรุงเทพเมืองฟ้าอมรจนเบื่อแล้ว” เจนตอบแล้วอธิบายต่อ ปลายฟังแล้วก็นึกชื่นชนม มีความฝันมันดีอย่างนี้นี่เอง ความฝันใกล้จะเป็นความจริงแล้วสินะเจน



    “เออ...ตองล่ะ?” นิดนึกขึ้นได้



    “นั่นสิ เห็นบอกว่าจะโทรมาบอกเองเลยไม่กล้าเช็คผลให้เลย แต่เดี๋ยวคงโทรมามั้ง” เจนตอบ



    “แต่ป่านนี้แล้ว น่าจะรู้ผลแล้วนะ” นิดสงสัย ปลายเสนอขึ้นมา



    “ตองไม่โทรมา เราก็โทรไปสิ”



    “จริงด้วย” นิดเห็นด้วย รีบเดินนำปลายกับเจนออกจากห้องนอนลงมาโทรศัพท์ข้างล่าง



    “สงสัยดีใจจนเป็นลมไปแล้วมั้ง” เจนพูดติดตลก จนบัดนี้ก็ยังมั่นใจอยู่ว่าตองต้องเอนท์ติด



    “ฮัลโหล ป้านิ่มเหรอคะ ขอสายตองหน่อยค่ะ” นิดพูดขึ้นเมื่อโทรติด โดยมีเจนและปลายยืนฟังอยู่ข้าง ๆ



        “เหรอคะ ทำไมล่ะคะ...ค่ะ...ค่ะ” นิดวางหูโทรศัพท์ รีบบอกกับเพื่อนทั้งสองคนทันที



        “ป้านิ่มบอกว่า ตองเก็บตัวอยู่ในห้องตั้งแต่เช้า ไม่ยอมออกมาเลย” นิด เจน และปลายมองหน้ากัน เหมือนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น



        “ไปเถอะ ไปที่บ้านตอง ไปดูซิว่ามันเป็นยังไงบ้าง” เจนชวนนิดกับปลาย ทุกคนรีบมุ่งหน้าไปที่บ้านตอง





        



        ทั้งสามคนไปถึงบ้านตองในเวลาไม่นานนัก บ้านยังเงียบเหมือนทุก ๆ ครั้งที่เคยมา แต่วันนี้รู้สึกจะวังเวงผิดปกติ เมื่อเข้าไปในบ้านแล้วก็รีบขึ้นไปบนห้องนอนของตองทันที



        “ตอง...ตอง...นี่พวกเราเองนะ เปิดประตูหน่อยสิ” เจนเรียกด้วยเสียงค่อนข้างดัง และแล้วตองก็เปิดประตูออกมา หน้าตาซีดเซียว ตาแดงช้ำเหมือนคนร้องไห้มาอย่างหนัก



        “เป็นอะไรหรือเปล่า? พวกเราเป็นห่วงนะ” ปลายถามขึ้นมา แต่ดูเหมือนตองจะไม่ได้สนใจคำถามนี้



        “สอบติดล่ะสิ หน้าบานอย่างนี้” ตองถามเจนที่ยืนอยู่ตรงหน้า



        “อือ…” เจนตอบสั้น ๆ ยังไม่ทันที่เจนจะพูดอะไรต่อ ตองก็สวนกลับด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด



        “นายมันดวงดีนี่ เรียนไม่เอาไหนแล้วยังเอนท์ติด คงสะใจล่ะสิที่เราเอนท์ไม่ติด เราต้องพยายามแทบตายแต่กลับเอนท์ไม่ติด แล้วนายล่ะ นายทำอะไรบ้าง”



        “เฮ้ย...ตอง นายพูดอย่างนี้ไม่ถูกนะ” นิดชักจะไม่พอใจคำพูดและท่าทางของเพื่อนคนนี้เสียแล้ว เพราะนิดรู้ดีว่าเจนก็พยายามมากไม่น้อยไปกว่าตอง



        “ไปเลยไป๊!!! ไปให้พ้น เราไม่อยากเห็นหน้าพวกนาย ปัง!!!” ตองตวาดเสียงดังแล้วยังปิดประตูอย่างแรงใส่หน้าทั้งสามคน ทั้งสามคนถึงกับตะลึงในคำพูดและท่าทางของตอง



    ลางสังหรณ์ของปลายเป็นจริง หนึ่งในสองคนระหว่างเจนกับตอง จะต้องมีหนึ่งคนที่เอนท์ไม่ติด และคนนั้นก็คือ ตอง



    “เราทำผิดหรือเปล่าปลาย เราไม่ควรมาหาตองเลย มันยิ่งทำให้ตองเสียใจเข้าไปอีก” เจนถามขึ้นมาระหว่างที่กำลังเดินทางกลับบ้าน



    “ไม่ผิดหรอกเจน เราทุกคนเป็นห่วงตองนี่นา” ปลายปลอบใจ เพราะคำพูดของตองทำให้เจนรู้สึกผิด



    “ตองก็พูดน่าเกลียดเกินไป” นิดพูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจในคำพูดนั้นเอามาก ๆ “ทำเหมือนตัวเองเก่งที่สุดในโลกอย่างนั้นแหละ มองคนอื่นไม่เอาไหนไปหมด ทำเหมือนตัวเองเหนื่อยยากลำบากอยู่คนเดียว แล้วคิดว่าคนอื่นเขาไม่ลำบากหรอกเหรอ พูดมาได้...”



    “ใจเย็น ๆ นิด ตองคงเสียใจน่ะ ก็เขาหวังเอาไว้มากนี่นา อย่าไปว่าเขาเลย” ปลายต้องช่วยระงับอารมณ์ให้นิดที่ดูจะโมโหขึ้นทุกที และปลายต้องคอยปลอบให้เจนและนิดเข้าสู่อารมณ์ปกติไปตลอดทาง







    “…สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังเสียใจกับผลเอนทรานซ์นะครับ ผมเองก็เคยผ่านมาเอนทรานซ์มาและก็สอบไม่ติดเหมือนกัน แน่นอนว่าต้องเสียใจ ซึ่งผมเองก็เสียใจ แต่เมื่อหันกลับไปมองแล้ว ถึงได้รู้ว่ามันเป็นเรื่องเล็กนิดเดียว อย่าเสียใจไปเลยนะครับ ชีวิตมีอะไรให้พบเจอให้ต่อสู้มากกว่านั้น ขอให้น้อง ๆ สู้ต่อไปนะครับ ขอเปิดเพลงนี้เป็นกำลังใจให้ครับ...” เสียงเพลงดังขึ้นหลังจากที่ ดี.เจ ชนกานต์พูดจบ ปลายฟังแล้วก็นึกไปถึงตอง ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง จะร้องไห้อยู่หรือเปล่า คำพูดของดี.เจ ชนกานต์เมื่อครู่นี้อยากให้ตองได้ฟังเหลือเกิน



    ปลายได้แต่นั่งภาวนาให้ภาวะจิตใจของตองที่กำลังย่ำแย่ดีขึ้น เธอจะรู้ไหมนะว่าเพื่อน ๆ เป็นห่วงเธอมากแค่ไหน...

        







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×