คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : Puppy Love รักนะครับ เจ้าหมาน้อยจอมดื้อ! : Chapter 20
Chapter 20
Baekhyun Part
เคร้งงงงงงง!~
เอาอีกแล้ว...พ่อปัดจานข้าวอีกแล้ว...
“หึ...ก็บอกแล้วว่าเขาเกลียดแก ออกไปซะ” ผมกำมือแน่นกักเก็บความโกรธเอาไว้ในใจ ผมกลับมาที่บ้านตัวเองได้สองอาทิตย์แล้ว ผมคอยเช็ดตัว คอยจัดยา คอยทำอาหาร หากแต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำให้พ่อนั้น พ่อปฏิเสธมันทุกอย่างเลย
พ่อออกจากโรงพยาบาลหลังจากผมกลับมาที่โซลได้สองวัน หมอบอกว่าพ่อเป็นอัมพฤกษ์เพราะร่างกายบอบช้ำจากการตกบันไดมากเกินไปประกอบกับอาการป่วยของท่านที่มีอยู่แล้วจึงทำให้ท่านทรุดหนัก นอกจากผมจะต้องแอบร้องไห้คนเดียวในห้องเพราะคิดว่าพ่อเกลียดผมมากแล้ว ผมยังต้องเก็บกดที่ถูกยัยแม่มดนั่นคอยพูดจาทิ่มแทงผม หล่อนมักจะสวมคราบนางฟ้าต่อหน้าพี่ลู่หาน แต่เมื่อไรที่พี่ลู่หานไม่อยู่หล่อนก็จะมาพูดจาจิกกัดผมแบบนี้ล่ะ
ผมก็ทำได้แค่ต้องทน...ผมเชื่อว่าพี่ลู่หานไม่ได้เลวร้ายเหมือนแม่ของเขาเพราะผมสัมผัสได้จากหัวใจและความรู้สึกของผม
“เห็นไหมว่าคุณแบคคังเขารังเกียจแกมากขนาดไหน เขารักฉัน เขาต้องการฉัน แค่ยากับอาหารเขายังไม่อยากได้จากแกเลย” ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายหลังจากที่ผมโดนพ่อปัดจานข้าวแล้วต้องยอมรับความจริงเดินออกมาหน้าห้อง ยัยแม่มดก็ยังคงตามมารังควานด่าผมอีก
“หาข้าวให้พ่อกินด้วย คุณภรรยาสุดที่รัก!” ผมกระแทกเสียงใส่หล่อนด้วยอารมณ์ที่คุกกรุ่น ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงจะเข้าไปกระชากหัวแล้วต่อยหน้าหล่อนให้หน้าแหกไปแล้ว แต่ติดตรงที่พี่ลู่หานคงจะไม่ดีใจเท่าไรนัก...ผมก็เลยทำได้แค่ทน...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก…
“แบคฮยอนพี่เองนะ เปิดประตูให้หน่อยสิ”
“ครับ” ผมละสายตาออกจากกระดาษรายงานที่ผมนั่งเขียนแล้วลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้พี่ชายต่างสายเลือดของผม
“มีอะไรหรือเปล่าฮะ”
“พี่จะออกไปกินข้าวนอกบ้านกับแม่นายจะไปด้วยกันไหม”
“อ่า...ไม่ดีกว่าฮะ”
“ไม่ไปจริงๆ หรอ...แล้วนาย...เป็นยังไงบ้าง”
“ก็เหมือนเดิมฮะ รู้สึกเวียนหัวบ้างเป็นบางครั้ง”
“กินยาด้วยนะ นายดูไม่สบายมาเป็นอาทิตย์แล้ว เครียดอะไรรึเปล่า”
“เปล่าครับ ผมว่าผมคงจะเครียดเรื่องงานมากเกินไป”
“งั้นเดี๋ยวพี่บอกให้ป้าเยจินเอาของว่างมาให้นายนะ”
“ขอบคุณครับ” ผมกล่าวลาพี่ลู่หานด้วยน้ำเสียงสุภาพแล้วปิดประตูกลับเข้ามานั่งเขียนรายงานต่อ จริงๆ ผมป่วยมาได้อาทิตย์กว่าแล้ว ผมมักจะมีอาการวิงเวียนอยู่บ่อยครั้ง บางทีถ้ามากหน่อยผมก็จะอาเจียนออกมา พี่ลู่หานเคยบังคับให้ผมไปหาหมอ แต่ผมก็ปฏิเสธท่าเดียว ผมไม่ค่อยถูกกับโรงพยาบาลเท่าไรนัก ผมเกลียดกลิ่นยา ผมไม่ชอบ ผมก็เลยต้องทนกับอาการป่วยแบบนี้ต่อไป
ตั้งแต่กลับมาพี่ลู่หานไม่เคยได้กินอาหารกับผมเลยสักครั้ง แม่ของเขามักจะพาออกไปหาอะไรกินนอกบ้านเสมอ เธอมักจะกรอกหูผมบ่อยๆ ว่าเธอไม่ต้องการให้ลูกชายมาคลุกคลีกับคนอย่างผม
...คนที่ไม่มีใครรัก...
Luhan Part
ผมเป็นกังวล กังวลมาก กังวลมากที่สุด แบคฮยอนป่วยมาเป็นอาทิตย์แล้ว ผมไม่รู้ว่าเขาป่วยเป็นเพราะอะไร เพราะเรื่องพ่อหรือเปล่าทำให้เขาเครียดจนเกิดผลกระทบ พ่อมักจะปัดจานข้าวที่แบคฮยอนพยายามป้อนอยู่เสมอ หลายครั้งที่ผมแอบได้ยินเขาร้องไห้ในห้อง ผมอยากเข้าไปปลอบในฐานะพี่ แต่ผมก็ไม่กล้า ทั้งบ้านมีแม่ของผมคนเดียวที่ป้อนข้าวป้อนยาพ่อได้
ผมไม่ได้อยากจะคิดอะไรอกุศลหรอกนะ แต่ผมแค่คิดว่ามันแปลกๆ...แม่ไม่เคยให้ผมทานอาหารในบ้านเลย แม่สั่งตู้เย็นเข้ามาไว้ในห้องผม แล้วกำชับนักกำชับหนาว่าห้ามยุ่งกับอาหารของคนในบ้าน หลายครั้งที่ผมพยายามคาดคั้นหาคำตอบ แต่ทุกครั้งคำตอบก็คือความเงียบ
ผมไม่สบายใจที่นับวันอาการพ่อยิ่งทรุดหนักลงเรื่อยๆ แถมแบคฮยอนก็ยังจะมาป่วยอีก วันก่อนคยองซูแอบโทรมารายงานผมว่าแบคฮยอนเป็นลมที่โรงเรียนแต่เจ้าตัวเล็กก็สั่งคยองซูไว้ว่าห้ามบอกผมเด็ดขาด ตัวแบคฮยอนเองก็ดูเหมือนจะป่วยกายป่วยใจจนลืมโทรหาชานยอล
อ่า...ผมคงลืมบอกไปว่าตั้งแต่กลับจากไทยแบคฮยอนก็กลับบ้านแล้วก็ไม่ได้ติดต่อชานยอลอีกเลย เซฮุนก็คอยโทรมาบอกผมตลอดว่าชานยอลดูจะเหวี่ยงมากขึ้น ผมกับเซฮุนสันนิษฐานว่าคงเป็นอาการของคนเหงาใจ ถึงเขาสองคนจะไม่ได้คบกันแต่ผม เซฮุน คยองซู และจงอิน ทุกคนดูออกมาสองคนนี้ต้องมีซัมติงกันแน่ๆ เพียงแต่ทั้งคู่นั้นยังไม่รู้ใจตัวเอง
แล้วผมจะทำยังไงกับน้องชายที่ป่วยมากขึ้นทุกวันดีเนี่ย?
Chanyeol Part
หงุดหงิด! ผมหงุดหงิด! แบคฮยอนไม่ติดต่อผมมาบ้างเลย อะไรกันวันสุดท้ายก่อนจะแยกกันผมก็พูดแล้วนะว่าถ้ามีอะไรก็โทรหาเพื่อนอย่างผมได้ ครั้นจะถามคยองซูว่าแบคฮยอนเป็นยังไงบ้างที่มหาลัยก็ไม่อยากจะถาม เดี๋ยวเจอคยองซูล้อเลียนอีก ยิ่งพักนี้ดูจะชอบไปไหนมาไหนกับจงอินผมยิ่งไว้ใจไม่ได้เชียว แต่ก็นะ...นี่อะไรจะสามอาทิตย์แล้วผมไม่เคยได้รับโทรศัพท์จากแบคฮยอนซักสาย แต่อย่าถามว่าทำไมผมไม่โทรหาเขาล่ะ คำตอบคือ...
เออผมกลัวเสียฟอร์ม!
กลัวว่าเขาอาจจะวางแผนแกล้งผมอยู่ก็ได้ ประมาณว่าใครโทรก่อนคนนั้นแพ้ ถ้าผมโทรหาเขาก่อนอาจจะได้คำพูดประมาณว่า ‘คิดถึงฉันใช่ไหมล่ะ’ ผมไม่อยากโดนไอ้ตัวเล็กนั่นล้อ แล้วผมก็ไม่ได้คิดถึงเขาด้วย! ผมก็แค่...น้อยใจ
แค่น้อยใจแหล่ะ ไม่ได้คิดถึง...ไม่ได้คิดถึงจริงๆ นะ (._.)
นั่น! พูดปั๊ปก็โทรมาแล้วสินะ! ผมเหลือบมองโทรศัพท์ที่อยู่บนหัวเตียงแล้วยิ้มร่า แต่ใครจะรับล่ะ! ไหนๆ ก็ยอมโทรมาแล้วถ้ารีบรับเดี๋ยวเขาก็รู้หมดว่าผมรอโทรศัพท์เขาอยู่ จะปล่อยให้ดังสักพักค่อยรับ หรือว่ารอให้ดับแล้วโทรกลับดีนะ?
ผมมัวแต่เถียงอยู่ในใจจนเสียงโทรศัพท์ดับไป แต่เพียงครู่หนึ่งก็ดังขึ้นอีก แหม...คงจะคิดถึงมากล่ะสิท่า~ ผมปล่อยให้โทรศัพท์ดังแล้วก็ดับแบบนี้ประมาณสี่ครั้งอย่างไม่รู้ตัว ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงแล้วหยิบขึ้นมาดู
อ้าว...ไม่ใช่แบคฮยอน...ผมขมวดคิ้วกับชื่อที่ปรากฏ ‘ลู่หาน’ เขาโทรมามีอะไรหรือเปล่า? ในขณะที่ผมกำลังจะกดโทรกลับนั้นผมก็ได้รับข้อความจากใครบางคน ผมกดเปิดอ่านแล้วรู้สึกใจคอไม่ดีเลย...
‘แบคฮยอนป่วยมาเป็นอาทิตย์แล้ว ป้าเยจินโทรมาบอกว่าแบคฮยอนท้องเสียตัวซีดนอนในห้องไม่ยอมไปหาหมอ ฉันออกมานอกบ้านกับเซฮุนกลับไม่ทัน นายไปดูแบคฮยอนให้ที...ขอร้อง – ลู่หาน’
ผมบึ่งรถออกมาทันทีหลังจากได้รับข้อความ ผมลดทิฐิแล้วโทรหาแบคฮยอน ผมโทรไปห้าสายเขาก็ยังไม่รับผมจึงโทรขอเบอร์บ้านแบคฮยอนจากคยองซู สิ่งที่ผมรับรู้มาใหม่จากแม่บ้านของแบคฮยอนทำให้ผมใจคอไม่ดีมากขึ้นไปอีก
‘คุณหนูอาเจียนหลายรอบ เธอเป็นแบบนี้มาสองสามวันแล้วค่ะแต่ไม่บอกใครในบ้านเลย...แต่วันนี้คุณหนูอาการแย่มาก เธอถ่ายจนตัวซีดไม่มีเรี่ยวแรง แถมคุณผู้หญิงก็ไม่ยอมให้ดิฉันเรียกคุณหมอมาตรวจคุณหนูอีก ดิฉันไม่รู้จะทำยังไงรบกวนคุณช่วยทำอะไรสักอย่างได้ไหมคะ...’
ผมขับรถมาถึงบ้านแบคฮยอนภายในครึ่งชั่วโมง ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูอายุราวห้าสิบหรือหกสิบปียืนรอผมอยู่หน้าบ้าน
“คุณชานยอลใช่ไหมคะ ห้องคุณหนูอยู่ชั้นบนฝั่งขวาห้องริมสุดเลยค่ะ” ประโยคแรกที่เธอพูดกับผมทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงที่เอมีให้แบคฮยอน
“คุณคะ คุณต้องพาคุณหนูไปหาหมอให้ได้นะคะ ดิฉันสงสัยว่าอาหารที่บ้านนี้จะมีอะไรไม่ดี เพราะฉันเห็นคุณผู้หญิงชอบทำอะไรลับๆ ล้อๆ ในห้องครัวบ่อยๆ ฉันไม่ได้จะใส่ร้ายใคร แต่ความรู้สึกฉันมันบอกแบบนั้น” ผมพยักหน้าให้เธอแล้วรีบตรงดิ่งไปยังห้องของแบคฮยอนทันที
ผมเปิดประตูห้องเข้าไปแล้วมองหาคนตัวเล็ก สิ่งแรกที่ผมเห็นภายในห้องสีขาวสะอาดตาคือเตียงนอนขนาดใหญ่ที่อยู่ถัดเข้าไปในห้องอีกห้องหนึ่ง ผมเดิยเข้าไปแล้วก็พบกับร่างบางที่นอนตัวสั่นหันหลังให้ผมอยู่ ผมสาวเท้าเขาไปช้าๆ ทันทีที่เห็นใบหน้าของแบคฮยอนชัดๆ ก็ทำเอาหัวใจของผมกระตุบวูบ
ผิวขาวที่ดูซีดเผือก เหงื่อเกาะพราวเต็มตัวและใบหน้า ริมฝีปากอวบอิ่มที่เคยแดงสดบัดนี้กลายเป็นสีจางๆ ราวกับว่าไม่มีชีวิตชีวา แบคฮยอนปรือตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก ร่างเล็กดูจะตกใจไม่น้อยที่เห็นผมอยู่ในห้องของเขา
“ชะ ชานยอล...” น้ำเสียงแหบพร่าที่ถูกส่งออกมาจากริมฝีปากเล็กนี้ทำให้ผมรู้สึกแย่ น้ำเสียงสดใสของแบคฮยอนหายไปแล้ว
“ฉันมาพานายไม่หาหมอ นายดื้อเกินไปแล้วนะรู้ไหม”
“ฉันไม่อยากไป...”
“ตัวนายซีดเหมือนคนตายขนาดนี้ยังจะดื้ออีก ถ้านายเป็นอะไรไปแล้วฉันจะมีใครให้แกล้ง หรืออยากเห็นฉันตายตามไปดีล่ะ? ห้ามดื้อแล้วไปหาหมอกับฉัน” ผมถือวิสาสะช้อนตัวแบคฮยอนชึ้นมาจากเตียง แบคฮยอนมีทีท่าจะขัดขืนเล็กน้อย เพียงแต่เรี่ยวแรงของเขานั้นมีน้อยเกินไปทำให้เขาเลือกที่ยกแชนคล้องคอผมแทน
ให้ตายเถอะ...แบคฮยอนเหงื่ออกมากถึงขนาดซึมออกมาจนเสื้อผ้าที่เขาใส่อยู่แฉะไปหมด ผมอุ้มแบคฮยอนลงมาข้างล่างก็พบกับแม่ของลู่หานที่ดูเหมือนจะร้อนรนกับอะไรสักอย่าง
“จะไปไหน!”
“ผมจะหาแบคฮยอนไปหาหมอครับคุณน้า”
“ไม่ต้องมายุ่งเธอเป็นคนนอกอย่ามาสะเออะ!” ผมตกใจกับคำพูดของน้าลู่จินที่ดูจะหยาบคายเกินไป น้าลู่จินไม่เคยพูดจาหยาบคายแบบนี้กับใครนี่?
“แต่แบคฮยอนเป็นหนักมากนะครับ คุณน้าดูสิว่าเขาตัวซีดมากแค่ไหน”
“เด็กนี่มันสำออยวางมันลงแล้วไสหัวไป!” ผมจ้องหน้าคุณน้าลู่จินแล้วคิดอะไรบอกอย่างออกมา...บางทีเรื่องการป่วยของแบคฮยอนอาจจะมีสาเหตุอื่นมากกว่าคำว่า ‘ป่วย’ เพราะมันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะไม่พาคนป่วยเจียนตายไปหาหมอ นอกจาก...ต้องการให้เขาตาย
ผมไม่สนใจน้าลู่จินแล้วสาวเท้าพาแบคฮยอนไปที่รถให้เร็วที่สุดท่ามกลางแรงดึงจากคุณน้าลู่จิน ผมรู้สึกรำคาญเลยผลักเธอไปทีนึงแรงๆ จนเธอหงายหลังล้มลงไป ผมรู้สึกผิดอยู่หรอกแต่แบคฮยอนสำคัญกว่า ผมจึงปล่อยให้เธอกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งอยู่ที่เดิม
“เป็นยังไงบ้างครับหมอ?” ผมลุกขึ้นเอ่ยถามหมอที่เพิ่งเดินออกจากไอซียู ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าแบคฮยอนจะต้องเข้าห้องไอซียู แต่อาการตัวซีดของแบคฮยอนมันมากขึ้นจนหน้าตกใจทำให้พยาบาลที่เห็นถึงกลับต้องรีบเรียกบุรุษพยาบาลลากเตียงมาเข็นแบคฮยอนเข้าห้องไอซียูไป
“คุณเป็นญาติกับคนไข้ใช่ไหมครับ”
“ครับผมเป็นญาติของเขาเอง”
“ไม่ทราบว่าคนไข้มีศัตรูหรือมีเรื่องกับใครมาก่อนหรือเปล่าครับ”
“ครับ? ไม่มีนะครับ เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรอครับ”
“คือว่า...”
Luhan Part
ผมวิ่งเข้าไปในตัวบ้านอย่างรวดเร็วเมื่อแม่ของผมโทรมาตามให้กลับบ้านด่วน ผมไม่รู้ว่าเกี่ยวกับแบคฮยอนไหม ผมไม่รู้ว่าชานยอลได้รับข้อความของผมหรือเปล่า ผมไม่รู้อะไรเลยเพราะผมโทรไปหาชานยอลอีกครั้งเขาก็ไม่รับสาย ผมจึงต้องยกเลิกเดทครั้งนี้กับเซฮุนไป ผมวิ่งเข้ามาในตัวบ้านแล้วปล่อยให้เซฮุนวุ่นวายกับการจอดรถแล้วขนของหลายสิบชิ้นที่เราเพิ่งซื้อกันมา
สิ่งแรกที่ผมเห็นหลังจากก้าวเท้าเข้าไปในบ้านคือแม่ของผมที่เพิ่งลากกระเป๋าเดินทางลงมาจากบันไดด้วยความรีบร้อน
“แม่...”
“ไปเร็วลู่หานเราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว”
“อะไรนะ? เกิดอะไรขึ้นครับแม่”
“ไม่ต้องถามรีบไปกับแม่เดี๋ยวนี้” แขนของผมถูกแม่วิ่งเข้ามากระชากให้เดินตามไปด้วยกัน ผมยื้อตัวเองเอาไว้ด้วยความงุนงง
“เดี๋ยวแม่! มันเกิดอะไรขึ้นแม่บอกผมสิ”
“เอ๊ะ! ฉันบอกให้แกรีบมาไงล่ะอยากเห็นฉันติดคุกหรือไง!”
“อะ อะไรนะแม่!” ผมตกใจกับสิ่งที่แม่พูด อะไร? ทำไมแม่ผมถึงต้องติดคุก?
“ฉันบอกให้แกมากับฉันนนนนนนน!” ผมถูกกระชากให้เดินออกมานอกบ้านอย่างเร่งรีบจนชนเข้ากับเซฮุนที่ถือของด้วยมือข้างเดียวจนของหล่นกระจัดกระจายเต็มไปหมด เซฮุนที่เหมือนกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนด้วยอยู่ก็มองมาที่แม่ผมด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“คุณน้าลู่จิน...”
“อะ อะไร!”
“คุณน้าเป็นคนทำใช่ไหม?”
“กะ แก! แกพูดอะไรฉันไม่รู้เรื่อง ฉันไม่รู้!”
“โอ๊ยยยยย!” แม่ผมผลักเซฮุนอย่างแรกจนเขาเซล้มลงไป โทรศัพท์ที่ถืออยู่ก็กระเด็นหลุดมืออย่างไม่ทันตั้งตัว ฉับพลันแม่ผมก็วิ่งออกนอกบ้านไปด้วยความรวดเร็วเช่นกัน
“แม่ครับ!” ผมร้องเรียกแม่เสียงดังลั่นแล้ววิ่งตามไป เพียงแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาไปไหนก็ถูกเซฮุนกระชากแขนเอาไว้ก่อน
“อะไรเซฮุนให้ฉันวิ่งตามแม่ก่อนได้ไหม”
“ไม่ต้องตามหรอก”
“ทำไม?”
“แม่นายต้องหนี”
“หนี? หนีอะไร”
“ชานยอลโทรมาบอกว่าแบคฮยอนได้รับสารพิษบางอย่างเข้าไป หมอที่รักษาคุณอาแบคคังบอกว่าเขาก็พบสารตัวนี้ในเลือดของท่านแต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นสารอะไร จนมาเจอแบคฮยอนที่ได้รับสารเข้าไปในปริมาณที่มากกว่าจึงทำให้ตรวจสอบได้ง่ายและสรุปผลได้...แล้วทุกคนก็คิดว่าแม่นายอาจจะเป็นคนทำ...”
“!”
ผมสับสนไปหมดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น หมอบอกว่าตอนที่พ่อตกบันไดตอนนั้นทางโรงพยาบาลตรวจสอบได้ถึงความผิดปกติในเลือดของพ่อ ซึ่งหมอก็บอกว่าเขาได้บอกแม่ของผมแล้ว แต่แม่ของผมยืนยันว่าจะไม่ให้แจ้งตำรวจและจะจัดการด้วยตัวเอง ผมพยายามไม่คิดร้ายต่อแม่ตัวเองแต่ทุกเหตุการณ์มันลงตัวกันไปหมด
แม่รู้ว่าพ่อโดนวางยาแต่กลับไม่บอกใครเลย
แม่เป็นคนเดียวที่ป้อนข้าวพ่อได้ ในขณะที่พ่อปัดข้าวของคนอื่นๆ
แม่กันผมไม่ให้ทานอาหารในบ้าน
แม่ห้ามไม่ให้ป้าเยจินเรียกหมอมารักษาแบคฮยอน
แม่ขัดขวางตอนที่ชานยอลจะพาแบคฮยอนไปหาหมอ
แม่พยายามพาผมหนี
แม่พูดว่าจะติดคุก
แม่หนีออกจากบ้าน
และแม่...มีซองยาอันตรายอยู่ใต้เตียง...
ผมไม่อยากจะเชื่อตอนที่ตำรวจมาค้นบ้านแล้วเจอซองยานี้ ตอนแรกผมคิดว่าอาจจะมีใครเอามาใส่ร้ายแม่ก็ได้ แต่เมื่อผมลองประมวลผลตามความคิดเมื่อครู่แล้ว...ทุกอย่างมันก็ชัดเจน...
...แม่ผมเป็นคนวางยาพวกเขาจริงๆ...
พระเจ้าได้โปรดบอกผมทีว่านี่คือเรื่องหลอกลวง
ได้โปรด...โกหกผมเถอะนะครับ...
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อีก 2 แชปก็จะจบแล้วนะคะ...
ขยันเม้นต์กันหน่อยนะ จะได้อัพให้เร็วๆ
ถ้าไม่ถึง 50 เม้นต์ก็ไม่อัพนะ ^^
ใครอ่านแล้วติดใจหรือตะขิดตะควงใจ (?) อยากคุยหรืออยากด่าไรท์เตอร์
ตามไปติชมได้ที่ >> ` หมาน้อยมาลามิวท์ <<
ความคิดเห็น