ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ღ Puppy Love รักนะครับเจ้าหมาน้อยจอมดื้อ! {chanbaek} 。

    ลำดับตอนที่ #24 : Puppy Love รักนะครับ เจ้าหมาน้อยจอมดื้อ! : Chapter 20

    • อัปเดตล่าสุด 27 ม.ค. 56


    Chapter 20

    Baekhyun Part

                เคร้งงงงงงง!~

    เอาอีกแล้ว...พ่อปัดจานข้าวอีกแล้ว...

    “หึ...ก็บอกแล้วว่าเขาเกลียดแก ออกไปซะ” ผมกำมือแน่นกักเก็บความโกรธเอาไว้ในใจ ผมกลับมาที่บ้านตัวเองได้สองอาทิตย์แล้ว ผมคอยเช็ดตัว คอยจัดยา คอยทำอาหาร หากแต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำให้พ่อนั้น พ่อปฏิเสธมันทุกอย่างเลย

    พ่อออกจากโรงพยาบาลหลังจากผมกลับมาที่โซลได้สองวัน หมอบอกว่าพ่อเป็นอัมพฤกษ์เพราะร่างกายบอบช้ำจากการตกบันไดมากเกินไปประกอบกับอาการป่วยของท่านที่มีอยู่แล้วจึงทำให้ท่านทรุดหนัก นอกจากผมจะต้องแอบร้องไห้คนเดียวในห้องเพราะคิดว่าพ่อเกลียดผมมากแล้ว ผมยังต้องเก็บกดที่ถูกยัยแม่มดนั่นคอยพูดจาทิ่มแทงผม หล่อนมักจะสวมคราบนางฟ้าต่อหน้าพี่ลู่หาน แต่เมื่อไรที่พี่ลู่หานไม่อยู่หล่อนก็จะมาพูดจาจิกกัดผมแบบนี้ล่ะ

    ผมก็ทำได้แค่ต้องทน...ผมเชื่อว่าพี่ลู่หานไม่ได้เลวร้ายเหมือนแม่ของเขาเพราะผมสัมผัสได้จากหัวใจและความรู้สึกของผม

    “เห็นไหมว่าคุณแบคคังเขารังเกียจแกมากขนาดไหน เขารักฉัน เขาต้องการฉัน แค่ยากับอาหารเขายังไม่อยากได้จากแกเลย” ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายหลังจากที่ผมโดนพ่อปัดจานข้าวแล้วต้องยอมรับความจริงเดินออกมาหน้าห้อง ยัยแม่มดก็ยังคงตามมารังควานด่าผมอีก

    “หาข้าวให้พ่อกินด้วย คุณภรรยาสุดที่รัก!” ผมกระแทกเสียงใส่หล่อนด้วยอารมณ์ที่คุกกรุ่น ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงจะเข้าไปกระชากหัวแล้วต่อยหน้าหล่อนให้หน้าแหกไปแล้ว แต่ติดตรงที่พี่ลู่หานคงจะไม่ดีใจเท่าไรนัก...ผมก็เลยทำได้แค่ทน...

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    “แบคฮยอนพี่เองนะ เปิดประตูให้หน่อยสิ”

    “ครับ” ผมละสายตาออกจากกระดาษรายงานที่ผมนั่งเขียนแล้วลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้พี่ชายต่างสายเลือดของผม

    “มีอะไรหรือเปล่าฮะ”

    “พี่จะออกไปกินข้าวนอกบ้านกับแม่นายจะไปด้วยกันไหม”

    “อ่า...ไม่ดีกว่าฮะ”

    “ไม่ไปจริงๆ หรอ...แล้วนาย...เป็นยังไงบ้าง”

    “ก็เหมือนเดิมฮะ รู้สึกเวียนหัวบ้างเป็นบางครั้ง”

    “กินยาด้วยนะ นายดูไม่สบายมาเป็นอาทิตย์แล้ว เครียดอะไรรึเปล่า”

    “เปล่าครับ ผมว่าผมคงจะเครียดเรื่องงานมากเกินไป”

    “งั้นเดี๋ยวพี่บอกให้ป้าเยจินเอาของว่างมาให้นายนะ”

    “ขอบคุณครับ” ผมกล่าวลาพี่ลู่หานด้วยน้ำเสียงสุภาพแล้วปิดประตูกลับเข้ามานั่งเขียนรายงานต่อ จริงๆ ผมป่วยมาได้อาทิตย์กว่าแล้ว ผมมักจะมีอาการวิงเวียนอยู่บ่อยครั้ง บางทีถ้ามากหน่อยผมก็จะอาเจียนออกมา พี่ลู่หานเคยบังคับให้ผมไปหาหมอ แต่ผมก็ปฏิเสธท่าเดียว ผมไม่ค่อยถูกกับโรงพยาบาลเท่าไรนัก ผมเกลียดกลิ่นยา ผมไม่ชอบ ผมก็เลยต้องทนกับอาการป่วยแบบนี้ต่อไป

    ตั้งแต่กลับมาพี่ลู่หานไม่เคยได้กินอาหารกับผมเลยสักครั้ง แม่ของเขามักจะพาออกไปหาอะไรกินนอกบ้านเสมอ เธอมักจะกรอกหูผมบ่อยๆ ว่าเธอไม่ต้องการให้ลูกชายมาคลุกคลีกับคนอย่างผม

     

    ...คนที่ไม่มีใครรัก...

     

     

    Luhan Part

    ผมเป็นกังวล กังวลมาก กังวลมากที่สุด แบคฮยอนป่วยมาเป็นอาทิตย์แล้ว ผมไม่รู้ว่าเขาป่วยเป็นเพราะอะไร เพราะเรื่องพ่อหรือเปล่าทำให้เขาเครียดจนเกิดผลกระทบ พ่อมักจะปัดจานข้าวที่แบคฮยอนพยายามป้อนอยู่เสมอ หลายครั้งที่ผมแอบได้ยินเขาร้องไห้ในห้อง ผมอยากเข้าไปปลอบในฐานะพี่ แต่ผมก็ไม่กล้า ทั้งบ้านมีแม่ของผมคนเดียวที่ป้อนข้าวป้อนยาพ่อได้

    ผมไม่ได้อยากจะคิดอะไรอกุศลหรอกนะ แต่ผมแค่คิดว่ามันแปลกๆ...แม่ไม่เคยให้ผมทานอาหารในบ้านเลย แม่สั่งตู้เย็นเข้ามาไว้ในห้องผม แล้วกำชับนักกำชับหนาว่าห้ามยุ่งกับอาหารของคนในบ้าน หลายครั้งที่ผมพยายามคาดคั้นหาคำตอบ แต่ทุกครั้งคำตอบก็คือความเงียบ

    ผมไม่สบายใจที่นับวันอาการพ่อยิ่งทรุดหนักลงเรื่อยๆ แถมแบคฮยอนก็ยังจะมาป่วยอีก วันก่อนคยองซูแอบโทรมารายงานผมว่าแบคฮยอนเป็นลมที่โรงเรียนแต่เจ้าตัวเล็กก็สั่งคยองซูไว้ว่าห้ามบอกผมเด็ดขาด ตัวแบคฮยอนเองก็ดูเหมือนจะป่วยกายป่วยใจจนลืมโทรหาชานยอล

    อ่า...ผมคงลืมบอกไปว่าตั้งแต่กลับจากไทยแบคฮยอนก็กลับบ้านแล้วก็ไม่ได้ติดต่อชานยอลอีกเลย เซฮุนก็คอยโทรมาบอกผมตลอดว่าชานยอลดูจะเหวี่ยงมากขึ้น ผมกับเซฮุนสันนิษฐานว่าคงเป็นอาการของคนเหงาใจ ถึงเขาสองคนจะไม่ได้คบกันแต่ผม เซฮุน คยองซู และจงอิน ทุกคนดูออกมาสองคนนี้ต้องมีซัมติงกันแน่ๆ เพียงแต่ทั้งคู่นั้นยังไม่รู้ใจตัวเอง

    แล้วผมจะทำยังไงกับน้องชายที่ป่วยมากขึ้นทุกวันดีเนี่ย?

     

     

    Chanyeol Part

    หงุดหงิด! ผมหงุดหงิด! แบคฮยอนไม่ติดต่อผมมาบ้างเลย อะไรกันวันสุดท้ายก่อนจะแยกกันผมก็พูดแล้วนะว่าถ้ามีอะไรก็โทรหาเพื่อนอย่างผมได้ ครั้นจะถามคยองซูว่าแบคฮยอนเป็นยังไงบ้างที่มหาลัยก็ไม่อยากจะถาม เดี๋ยวเจอคยองซูล้อเลียนอีก ยิ่งพักนี้ดูจะชอบไปไหนมาไหนกับจงอินผมยิ่งไว้ใจไม่ได้เชียว แต่ก็นะ...นี่อะไรจะสามอาทิตย์แล้วผมไม่เคยได้รับโทรศัพท์จากแบคฮยอนซักสาย แต่อย่าถามว่าทำไมผมไม่โทรหาเขาล่ะ คำตอบคือ...

     

    เออผมกลัวเสียฟอร์ม!

     

    กลัวว่าเขาอาจจะวางแผนแกล้งผมอยู่ก็ได้ ประมาณว่าใครโทรก่อนคนนั้นแพ้ ถ้าผมโทรหาเขาก่อนอาจจะได้คำพูดประมาณว่า คิดถึงฉันใช่ไหมล่ะผมไม่อยากโดนไอ้ตัวเล็กนั่นล้อ แล้วผมก็ไม่ได้คิดถึงเขาด้วย! ผมก็แค่...น้อยใจ

    แค่น้อยใจแหล่ะ ไม่ได้คิดถึง...ไม่ได้คิดถึงจริงๆ นะ (._.)

     

    นั่น! พูดปั๊ปก็โทรมาแล้วสินะ! ผมเหลือบมองโทรศัพท์ที่อยู่บนหัวเตียงแล้วยิ้มร่า แต่ใครจะรับล่ะ! ไหนๆ ก็ยอมโทรมาแล้วถ้ารีบรับเดี๋ยวเขาก็รู้หมดว่าผมรอโทรศัพท์เขาอยู่ จะปล่อยให้ดังสักพักค่อยรับ หรือว่ารอให้ดับแล้วโทรกลับดีนะ?

    ผมมัวแต่เถียงอยู่ในใจจนเสียงโทรศัพท์ดับไป แต่เพียงครู่หนึ่งก็ดังขึ้นอีก แหม...คงจะคิดถึงมากล่ะสิท่า~ ผมปล่อยให้โทรศัพท์ดังแล้วก็ดับแบบนี้ประมาณสี่ครั้งอย่างไม่รู้ตัว ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงแล้วหยิบขึ้นมาดู

    อ้าว...ไม่ใช่แบคฮยอน...ผมขมวดคิ้วกับชื่อที่ปรากฏ ลู่หาน เขาโทรมามีอะไรหรือเปล่า? ในขณะที่ผมกำลังจะกดโทรกลับนั้นผมก็ได้รับข้อความจากใครบางคน ผมกดเปิดอ่านแล้วรู้สึกใจคอไม่ดีเลย...

     

    แบคฮยอนป่วยมาเป็นอาทิตย์แล้ว ป้าเยจินโทรมาบอกว่าแบคฮยอนท้องเสียตัวซีดนอนในห้องไม่ยอมไปหาหมอ ฉันออกมานอกบ้านกับเซฮุนกลับไม่ทัน นายไปดูแบคฮยอนให้ที...ขอร้อง – ลู่หาน

     

    ผมบึ่งรถออกมาทันทีหลังจากได้รับข้อความ ผมลดทิฐิแล้วโทรหาแบคฮยอน ผมโทรไปห้าสายเขาก็ยังไม่รับผมจึงโทรขอเบอร์บ้านแบคฮยอนจากคยองซู สิ่งที่ผมรับรู้มาใหม่จากแม่บ้านของแบคฮยอนทำให้ผมใจคอไม่ดีมากขึ้นไปอีก

    คุณหนูอาเจียนหลายรอบ เธอเป็นแบบนี้มาสองสามวันแล้วค่ะแต่ไม่บอกใครในบ้านเลย...แต่วันนี้คุณหนูอาการแย่มาก เธอถ่ายจนตัวซีดไม่มีเรี่ยวแรง แถมคุณผู้หญิงก็ไม่ยอมให้ดิฉันเรียกคุณหมอมาตรวจคุณหนูอีก ดิฉันไม่รู้จะทำยังไงรบกวนคุณช่วยทำอะไรสักอย่างได้ไหมคะ...

    ผมขับรถมาถึงบ้านแบคฮยอนภายในครึ่งชั่วโมง ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูอายุราวห้าสิบหรือหกสิบปียืนรอผมอยู่หน้าบ้าน

    “คุณชานยอลใช่ไหมคะ ห้องคุณหนูอยู่ชั้นบนฝั่งขวาห้องริมสุดเลยค่ะ” ประโยคแรกที่เธอพูดกับผมทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงที่เอมีให้แบคฮยอน

    “คุณคะ คุณต้องพาคุณหนูไปหาหมอให้ได้นะคะ ดิฉันสงสัยว่าอาหารที่บ้านนี้จะมีอะไรไม่ดี เพราะฉันเห็นคุณผู้หญิงชอบทำอะไรลับๆ ล้อๆ ในห้องครัวบ่อยๆ ฉันไม่ได้จะใส่ร้ายใคร แต่ความรู้สึกฉันมันบอกแบบนั้น” ผมพยักหน้าให้เธอแล้วรีบตรงดิ่งไปยังห้องของแบคฮยอนทันที

    ผมเปิดประตูห้องเข้าไปแล้วมองหาคนตัวเล็ก สิ่งแรกที่ผมเห็นภายในห้องสีขาวสะอาดตาคือเตียงนอนขนาดใหญ่ที่อยู่ถัดเข้าไปในห้องอีกห้องหนึ่ง ผมเดิยเข้าไปแล้วก็พบกับร่างบางที่นอนตัวสั่นหันหลังให้ผมอยู่ ผมสาวเท้าเขาไปช้าๆ ทันทีที่เห็นใบหน้าของแบคฮยอนชัดๆ ก็ทำเอาหัวใจของผมกระตุบวูบ

    ผิวขาวที่ดูซีดเผือก เหงื่อเกาะพราวเต็มตัวและใบหน้า ริมฝีปากอวบอิ่มที่เคยแดงสดบัดนี้กลายเป็นสีจางๆ ราวกับว่าไม่มีชีวิตชีวา แบคฮยอนปรือตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก ร่างเล็กดูจะตกใจไม่น้อยที่เห็นผมอยู่ในห้องของเขา

    “ชะ ชานยอล...” น้ำเสียงแหบพร่าที่ถูกส่งออกมาจากริมฝีปากเล็กนี้ทำให้ผมรู้สึกแย่ น้ำเสียงสดใสของแบคฮยอนหายไปแล้ว

    “ฉันมาพานายไม่หาหมอ นายดื้อเกินไปแล้วนะรู้ไหม”

    “ฉันไม่อยากไป...”

    “ตัวนายซีดเหมือนคนตายขนาดนี้ยังจะดื้ออีก ถ้านายเป็นอะไรไปแล้วฉันจะมีใครให้แกล้ง หรืออยากเห็นฉันตายตามไปดีล่ะ? ห้ามดื้อแล้วไปหาหมอกับฉัน” ผมถือวิสาสะช้อนตัวแบคฮยอนชึ้นมาจากเตียง แบคฮยอนมีทีท่าจะขัดขืนเล็กน้อย เพียงแต่เรี่ยวแรงของเขานั้นมีน้อยเกินไปทำให้เขาเลือกที่ยกแชนคล้องคอผมแทน

    ให้ตายเถอะ...แบคฮยอนเหงื่ออกมากถึงขนาดซึมออกมาจนเสื้อผ้าที่เขาใส่อยู่แฉะไปหมด ผมอุ้มแบคฮยอนลงมาข้างล่างก็พบกับแม่ของลู่หานที่ดูเหมือนจะร้อนรนกับอะไรสักอย่าง

    “จะไปไหน!

    “ผมจะหาแบคฮยอนไปหาหมอครับคุณน้า”

    “ไม่ต้องมายุ่งเธอเป็นคนนอกอย่ามาสะเออะ!” ผมตกใจกับคำพูดของน้าลู่จินที่ดูจะหยาบคายเกินไป น้าลู่จินไม่เคยพูดจาหยาบคายแบบนี้กับใครนี่?

    “แต่แบคฮยอนเป็นหนักมากนะครับ คุณน้าดูสิว่าเขาตัวซีดมากแค่ไหน”

    “เด็กนี่มันสำออยวางมันลงแล้วไสหัวไป!” ผมจ้องหน้าคุณน้าลู่จินแล้วคิดอะไรบอกอย่างออกมา...บางทีเรื่องการป่วยของแบคฮยอนอาจจะมีสาเหตุอื่นมากกว่าคำว่า ป่วยเพราะมันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะไม่พาคนป่วยเจียนตายไปหาหมอ นอกจาก...ต้องการให้เขาตาย

    ผมไม่สนใจน้าลู่จินแล้วสาวเท้าพาแบคฮยอนไปที่รถให้เร็วที่สุดท่ามกลางแรงดึงจากคุณน้าลู่จิน ผมรู้สึกรำคาญเลยผลักเธอไปทีนึงแรงๆ จนเธอหงายหลังล้มลงไป ผมรู้สึกผิดอยู่หรอกแต่แบคฮยอนสำคัญกว่า ผมจึงปล่อยให้เธอกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งอยู่ที่เดิม

     

    “เป็นยังไงบ้างครับหมอ?” ผมลุกขึ้นเอ่ยถามหมอที่เพิ่งเดินออกจากไอซียู ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าแบคฮยอนจะต้องเข้าห้องไอซียู แต่อาการตัวซีดของแบคฮยอนมันมากขึ้นจนหน้าตกใจทำให้พยาบาลที่เห็นถึงกลับต้องรีบเรียกบุรุษพยาบาลลากเตียงมาเข็นแบคฮยอนเข้าห้องไอซียูไป

    “คุณเป็นญาติกับคนไข้ใช่ไหมครับ”

    “ครับผมเป็นญาติของเขาเอง”

    “ไม่ทราบว่าคนไข้มีศัตรูหรือมีเรื่องกับใครมาก่อนหรือเปล่าครับ”

    “ครับ? ไม่มีนะครับ เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรอครับ”

    “คือว่า...”

     

     

    Luhan Part

    ผมวิ่งเข้าไปในตัวบ้านอย่างรวดเร็วเมื่อแม่ของผมโทรมาตามให้กลับบ้านด่วน ผมไม่รู้ว่าเกี่ยวกับแบคฮยอนไหม ผมไม่รู้ว่าชานยอลได้รับข้อความของผมหรือเปล่า ผมไม่รู้อะไรเลยเพราะผมโทรไปหาชานยอลอีกครั้งเขาก็ไม่รับสาย ผมจึงต้องยกเลิกเดทครั้งนี้กับเซฮุนไป ผมวิ่งเข้ามาในตัวบ้านแล้วปล่อยให้เซฮุนวุ่นวายกับการจอดรถแล้วขนของหลายสิบชิ้นที่เราเพิ่งซื้อกันมา

    สิ่งแรกที่ผมเห็นหลังจากก้าวเท้าเข้าไปในบ้านคือแม่ของผมที่เพิ่งลากกระเป๋าเดินทางลงมาจากบันไดด้วยความรีบร้อน

    “แม่...”

    “ไปเร็วลู่หานเราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว”

    “อะไรนะ? เกิดอะไรขึ้นครับแม่”

    “ไม่ต้องถามรีบไปกับแม่เดี๋ยวนี้” แขนของผมถูกแม่วิ่งเข้ามากระชากให้เดินตามไปด้วยกัน ผมยื้อตัวเองเอาไว้ด้วยความงุนงง

    “เดี๋ยวแม่! มันเกิดอะไรขึ้นแม่บอกผมสิ”

    “เอ๊ะ! ฉันบอกให้แกรีบมาไงล่ะอยากเห็นฉันติดคุกหรือไง!

    “อะ อะไรนะแม่!” ผมตกใจกับสิ่งที่แม่พูด อะไร? ทำไมแม่ผมถึงต้องติดคุก?

    “ฉันบอกให้แกมากับฉันนนนนนนน!” ผมถูกกระชากให้เดินออกมานอกบ้านอย่างเร่งรีบจนชนเข้ากับเซฮุนที่ถือของด้วยมือข้างเดียวจนของหล่นกระจัดกระจายเต็มไปหมด เซฮุนที่เหมือนกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนด้วยอยู่ก็มองมาที่แม่ผมด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

    “คุณน้าลู่จิน...”

    “อะ อะไร!

    “คุณน้าเป็นคนทำใช่ไหม?”

    “กะ แก! แกพูดอะไรฉันไม่รู้เรื่อง ฉันไม่รู้!

    “โอ๊ยยยยย!” แม่ผมผลักเซฮุนอย่างแรกจนเขาเซล้มลงไป โทรศัพท์ที่ถืออยู่ก็กระเด็นหลุดมืออย่างไม่ทันตั้งตัว ฉับพลันแม่ผมก็วิ่งออกนอกบ้านไปด้วยความรวดเร็วเช่นกัน

    “แม่ครับ!” ผมร้องเรียกแม่เสียงดังลั่นแล้ววิ่งตามไป เพียงแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาไปไหนก็ถูกเซฮุนกระชากแขนเอาไว้ก่อน

    “อะไรเซฮุนให้ฉันวิ่งตามแม่ก่อนได้ไหม”

    “ไม่ต้องตามหรอก”

    “ทำไม?”

    “แม่นายต้องหนี”

    “หนี? หนีอะไร”

    ชานยอลโทรมาบอกว่าแบคฮยอนได้รับสารพิษบางอย่างเข้าไป หมอที่รักษาคุณอาแบคคังบอกว่าเขาก็พบสารตัวนี้ในเลือดของท่านแต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นสารอะไร จนมาเจอแบคฮยอนที่ได้รับสารเข้าไปในปริมาณที่มากกว่าจึงทำให้ตรวจสอบได้ง่ายและสรุปผลได้...แล้วทุกคนก็คิดว่าแม่นายอาจจะเป็นคนทำ...

    !

     

    ผมสับสนไปหมดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น หมอบอกว่าตอนที่พ่อตกบันไดตอนนั้นทางโรงพยาบาลตรวจสอบได้ถึงความผิดปกติในเลือดของพ่อ ซึ่งหมอก็บอกว่าเขาได้บอกแม่ของผมแล้ว แต่แม่ของผมยืนยันว่าจะไม่ให้แจ้งตำรวจและจะจัดการด้วยตัวเอง ผมพยายามไม่คิดร้ายต่อแม่ตัวเองแต่ทุกเหตุการณ์มันลงตัวกันไปหมด

    แม่รู้ว่าพ่อโดนวางยาแต่กลับไม่บอกใครเลย

    แม่เป็นคนเดียวที่ป้อนข้าวพ่อได้ ในขณะที่พ่อปัดข้าวของคนอื่นๆ

    แม่กันผมไม่ให้ทานอาหารในบ้าน

    แม่ห้ามไม่ให้ป้าเยจินเรียกหมอมารักษาแบคฮยอน

    แม่ขัดขวางตอนที่ชานยอลจะพาแบคฮยอนไปหาหมอ

    แม่พยายามพาผมหนี

    แม่พูดว่าจะติดคุก

    แม่หนีออกจากบ้าน

    และแม่...มีซองยาอันตรายอยู่ใต้เตียง...

    ผมไม่อยากจะเชื่อตอนที่ตำรวจมาค้นบ้านแล้วเจอซองยานี้ ตอนแรกผมคิดว่าอาจจะมีใครเอามาใส่ร้ายแม่ก็ได้ แต่เมื่อผมลองประมวลผลตามความคิดเมื่อครู่แล้ว...ทุกอย่างมันก็ชัดเจน...

     

    ...แม่ผมเป็นคนวางยาพวกเขาจริงๆ...

     

    พระเจ้าได้โปรดบอกผมทีว่านี่คือเรื่องหลอกลวง

     

    ได้โปรด...โกหกผมเถอะนะครับ...
     

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    อีก 2 แชปก็จะจบแล้วนะคะ...

    ขยันเม้นต์กันหน่อยนะ จะได้อัพให้เร็วๆ
    ถ้าไม่ถึง 50 เม้นต์ก็ไม่อัพนะ ^^

    ใครอ่านแล้วติดใจหรือตะขิดตะควงใจ (
    ?) อยากคุยหรืออยากด่าไรท์เตอร์

    ตามไปติชมได้ที่ >> หมาน้อยมาลามิวท์ <<


    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×