คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : + Cruel + Number Four
Number Four
ข้อความเข้า 10 ข้อความ
‘Baekhyuna’
เซฮุนนา...วันนี้ว่างไหม
‘Baekhyuna’
ไม่อยากให้พี่เลี้ยงแทนคำขอโทษแล้วเหรอ?
‘Baekhyuna’
พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ
‘Baekhyuna’
เซฮุน...
“คิก...” เสียงทุ้มชวนหลงใหลของชายหนุ่มร่างสูงกำลังหัวเราะกับข้อความเอสเอ็มเอสจากคนรักตัวเล็กอยู่ อันที่จริงโอเซฮุนคนนี้ก็หายโกรธตั้งแต่ข้อความแรกแล้วแหละ แต่นานๆ ทีพี่แบคฮยอนจะเป็นฝ่ายมาง้อบ้างก็ขอเล่นตัวหน่อยจะเป็นไรไป?
...แต่คงต้องคิดใหม่ เพราะคาดว่าตอนนี้มันชักจะเป็นแล้วล่ะ...
ข้อความเข้า 1 ข้อความ
‘Baekhyuna’
โอเคถ้าไม่มีเหตุผลขนาดนี้ก็เลิกกันไปเลยแล้วกัน
“ชิบหาย!” เผลอสบถถ้อยคำหยาบคายออกมาเมื่อพบว่าข้อความล่าสุดจากคนที่ได้ชื่อว่าแฟนส่งมาเช่นนี้ จากคนที่คิดว่ามันเป็นเรื่องสนุกก็กลับกลายเป็นเรื่องแย่ไปเสียแล้ว โอเซฮุนลองรออีกห้านาทีเผื่อคนน่ารักจะส่งมาอ้อนอีกครั้งเพราะคิดว่านี่เป็นแค่การขู่ แต่เปล่าเลย ห้านาทีผ่านไปโทรศัพท์เครื่องหรูก็ยังเงียบ
...มึงซวยแล้วโอเซฮุน!...
คิดได้ดังนั้นก็รีบกดเบอร์โทรออกหาเจ้าของข้อความเมื่อครู่ และผลที่ได้มาก็คือเสียงตอบรับของหญิงสาวซึ่งดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าถอดสีของตัวเอง
‘เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’
“แม่งเอ้ยยยยย!” ยกมือขึ้นขยี้ผมสีควันบุหรี่สุดเท่ของตัวเองจนเสียทรงอย่างหงุดหงิดใจ คราวนี้ถือว่าพลาดเอง เขาไม่คิดว่าการแกล้งงอนนานๆ จะมีผลเสียขนาดนี้ ปกติพี่แบคฮยอนมักจะง้อจนกว่าเขาจะใจอ่อนเสมอ แต่คราวนี้แค่เขาแกล้งงอนไปหนึ่งอาทิตย์พี่แบคฮยอนกลับจะบอกเลิก
...หนึ่งอาทิตย์มันมากตรงไหน โอเซฮุนไม่เข้าใจ!...
“เซฮุนนา~ เป็นอะไรเอ่ยทำหน้าตาบึ้งเป็นคิงคองใจร้ายเชียว” น้ำสียงร่าเริงของใครบางคนดังขึ้นพร้อมท่อนแขนเรียวเล็กที่โอบกอดรอบคอของเซฮุน เซฮุนหันมายิ้มให้รุ่นพี่เล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ทะเลาะกับพี่แบคฮยอนนั่นแหละพี่ลู่หาน...พี่เขาจะไม่ง้อผมแล้ว” ว่าพลางกดโทรออกซ้ำอีกหลายๆ ครั้งโดยไม่สนใจรุ่นพี่ที่กอดตัวเองอยู่จากด้านหลัง อ้อมกอดที่เคยกอดรัดจนแน่นกลับค่อยๆ คลายออกอย่างช้าๆ ก่อนที่ใบหน้าหวานที่ใครๆ ต่างก็บอกว่าสวยเหมือนผู้หญิงจะเรียบนิ่งและแสยะยิ้มร้ายอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน
...เลิกกันไปเลยได้ก็ยิ่งดี...
“พี่แบคฮยอนปิดเครื่องใส่ผม!” ปรับสีหน้าให้ดูคล้ายคนร้อนใจก่อนจะรีบนั่งลงข้างๆ รุ่นน้องตัวเอง
“ใจเย็นๆ ก่อนนะเซฮุน ค่อยๆ คุยกันสิ”
“พี่แบคฮยอนส่งข้อความมาหาผมก่อนหน้านี้ด้วยว่าถ้าผมไม่มีเหตุผลก็เลิกกันไปเลย”
“ตายจริง! ทำไมแบคฮยอนทำอย่างนั้นล่ะ!” ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนกตกใจ สีหน้าของลู่หานดูวิตกกังวลไม่แพ้เซฮุนเช่นกัน แต่ใครจะไปรู้...ภายในอกของลู่หานกำลังเต้นร่าดีใจแค่ไหน...
“เฮ้อ...ผมต้องรีบไปง้อเขาแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นไอ้ชานยอลมันจะฉวยโอกาสแย่งพี่แบคฮยอนของผมไป” ลุกขึ้นแทบจะทันทีที่พูดจบ ทำเอาลู่หานเกือบคว้าตัวรั้งเซฮุนไว้ไม่ทัน
“ดะ เดี๋ยวก่อนเซฮุน...ค่อยไปง้อก็ได้มั้ง ไปคุยตอนกำลังโกรธแบบนี้จะไม่ยิ่งแย่ลงเหรอ”
“ไม่หรอกครับ ผมเชื่อว่าพี่แบคฮยอนรักผม และผมก็รักพี่แบคฮยอน ยังไงเราก็เคลียร์กันได้ แค่ต้องรีบเคลียร์ก่อนที่จะมีหมามาคาบไป” คำตอบของเซฮุนทำเอาลู่หานแทบสะอึก ถ้าอย่างนั้น...ลู่หานก็ไม่ต่างจากหมาใช่ไหม?
“เซฮุน...ขอให้โชคดีแล้วกัน พี่รักเซฮุนนะ”
“ขอบคุณครับ ถ้าพี่แบคฮยอนเอาใจผมแบบพี่ก็คงจะดี ผมคงจะรักเขามากอย่างถอนตัวไม่ขึ้นแน่ๆ เลยล่ะ” ยกมือขึ้นลูบแก้มนวลเนียนของคนน่ารักก่อนจะหันหลังให้และรีบวิ่งออกไปในที่สุด ทิ้งรุ่นพี่หน้าหวานไว้โดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามอง คนโดนเมินถึงกับตัวสั่น ฝ่ามือเรียวสวยกำเข้าหากันจนแน่น สายตาหวานเยิ้มเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวและเต็มเปี่ยมไปด้วยความคุกกรุ่น
“แค่นี้ก็หลงมันจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วยังไม่พออีกเหรอ...คอยดูนะ...ต่อให้ยากแค่ไหนโอเซฮุนก็ต้องเป็นของฉัน!”
ดอกไม้สีสวยถูกถือมาโดยเดือนคณะวิศวะฯหน้าหล่อโอเซฮุนที่ยืนพิงรถคันหรูคู่ใจรอคนรักอยู่ รอได้เพียงไม่นานก็ปรากฎร่างเพรียวบางของคนที่ต้องการเจอหน้ากำลังจะเดินเข้าตึกคณะตนเอง ร่างสูงรีบวิ่งเข้าไปคว้าข้อมือเรียวที่เคยกอบกุมไว้บ่อยครั้งจนคนถูกแตะเนื้อต้องตัวสะดุ้งหันหลับมามอง
กุหลาบช่อโตถูกยื่นเข้าให้แทนคำขอโทษ แบคฮยอนตกใจเล็กน้อยไม่คิดว่าคนรักจะใจปล้ำกล้าทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบนี้
“เอามาทำไม!” ถามหน้านิ่งด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างฟังดูแล้วไม่ระรื่นหูสักนิด หากแต่คนตรงหน้าก็ยังส่งยิ้มให้พร้อมยัดกุหลาบหลากสีใส่มือโดยไม่ถามความสมัครใจคนได้แม้แต่น้อย แบคฮยอนย่นคิ้วยู่หน้าก่อนจะเอาดอกไม้ในมือฟาดกลับไปยังเจ้าของ
“เอาคืนไปเลย งอนพี่อยู่ไม่ใช่เหรอ!”
“ถ้าผมงอนผมจะมาหาพี่ที่คณะพร้อมกุหลาบราคาแพงนี่ได้ยังไง พี่ต่างหากที่งอนผม พี่บอกเลิกผม แล้วพี่ก็ปิดเครื่องหนี”
“ก็นายทำตัวไม่มีเหตุผลก่อน พี่จะงอนกลับก็ไม่ใช่เรื่องแปลก!”
“ยอมรับแล้วใช่ไหมว่าแค่งอนผมเฉยๆ น่ะคนดี...” ยกมือขึ้นบีบแก้มยุ้ยๆ ของคนตรงหน้าเบาๆ จนคนถูกแกล้งแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ เสียงกรี๊ดกร๊าดเบาๆ จากสาวๆ ในคณะดังขึ้นฉุดแบคฮยอนขึ้นจากภวังค์
“นี่!” ยกมือขึ้นปัดแขนแฟนตัวดีออกแรงๆ แล้วจ้องมองตาถมึงทึงแทนการเขินอาย
...เกือบเคลิ้มไปกับความเจ้าเล่ห์ของเด็กแสบนี่จนได้!...
“กลับไปเลยนะ ไม่ต้องมายุ่งกันอีกคนไม่มีเหตุผล!”
“เฮ้...อย่ามากล่าวหากันสิ ผมไม่มีเหตุผลตรงไหนกัน”
“ก็นายงอนพี่ นายไม่ตอบข้อความพี่เป็นอาทิตย์ ไม่รับฟังเหตุผล นี่ไงล่ะการกระทำของคนไม่มีเหตุผล!”
“พี่ต่างหากไม่มีเหตุผล” ตอบกลับไปด้วยท่าทางสบายๆ ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับกัดริมฝีปากตัวเองข่มความโมโหควบคู่ไปกับความน้อยเนื้อต่ำใจ ทั้งๆ ที่เขาพยายามอธิบายเหตุผลวันนั้นแล้วแท้ๆ แต่อีกคนกลับไม่ตอบ ไม่สนใจ ไม่โทรหา ไม่ตอบกลับ หนำซ้ำยังมาหาว่าเขาไม่มีเหตุผลอีก มันน่าน้อยใจไหมล่ะ!
“ผมยังไม่ได้พูดด้วยซ้ำว่าผมงอนพี่และพี่ก็ไม่มีหลักฐาน เพราะฉะนั้นข้อกล่าวหาแรก...ผมผ่าน”
“...”
“ผมไม่ตอบข้อความพี่ เพราะเงินในมือถือผมหมด เพราะฉะนั้นข้อกล่าวหาที่สอง...ผมผ่าน”
“...”
“ผมไม่รับฟังเหตุผล? ข้อนี้ยิ่งผิด เพราะผมอ่านข้อความพี่ทุกข้อความ ผมรับรู้แล้ว แต่อย่างที่บอกก็คือเงินมันหมดจะให้ผมตอบยังไง?...ข้อกล่าวหาที่สาม...ผ ม ก็ ผ่ า น”
“โอเซฮุน!”
“แถมให้อีกอย่างก็คือ ที่ผมไม่มาหาพี่ที่คณะเพราะผมติดโปรเจคใหญ่อยู่เลยไม่มีเวลา...เพราะฉะนั้น...ใครกันน้าที่ไม่มีเหตุผล~” ว่าจบก็ยิ้มล้อเลียนอีกคนจนหน้าเหวอ สีแดงอ่อนๆ ปรากฎเป็นริ้วๆ บนพวงแก้มใส แบคฮยอนทั้งเขินทั้งอายทั้งโกรธจนไม่รู้จะทำยังไงดีได้แต่ยืนฮึดฮัดมองหน้าคนขี้แกล้งอย่างเอาเรื่อง
โอเซฮุนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้ผลสำเร็จของคำแก้ตัวที่แต่งขึ้นมาหมาดๆ ก่อนจะวางดอกไม้ช่อโตไว้บนตู้โชว์ขนาดเล็กที่บังเอิญมาอยู่ใกล้มือเขาพอดี ยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อคิดว่าตัวเองรู้เป้าหมายต่อไปของคนน่ารักเข้าซะแล้ว ฉับพลันก็ต้องรีบยกแขนตัวเองขึ้นสูงๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรวบกอดเอวบางเอาไว้
ร่างบางที่เมื่อครู่กำลังจะกัดแขนแฟนจอมกวนระบายความหมั่นไส้ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าตกหลุมพลางเซฮุนเข้าอีกหลุมเสียแล้ว แบคฮยอนช้อนตามองอย่างเคืองๆ แล้วออกแรงดิ้นขลุกขลักหวังหลุดจากอ้อมกอดของหมาป่าเจ้าเล่ห์ตนนี้
“เปล่าพี่นะเซฮุน!”
“ไม่ปล่อยครับคนดี”
“นี่! อยากตายเหรอบอกว่าให้ปล่อยคนอื่นมองหมดแล้ว!” ทุบอกกว้างไปหนึ่งครั้งแรงๆ แต่คนถูกทำร้ายกลับยังยืนยิ้ม แบคฮยอนได้แต่นึกโทษความอ่อนแอที่ตนเองมีมากกว่าผู้ชายทั่วไปเหลือเกิน!
ฟอดดดดด~ ชิงหอมแก้มข้างซ้ายคนน่ารักอย่างอารมณ์ดี จนดวงตาเรียวรีเบิกกว้างอย่างตกใจจนแทบช็อค คนตัวสูงเห็นแบบนั้นแล้วคิดว่าน่ารักก็พูดน้ำเสียงทะเล้นหยอกล้อเข้าไปอีก
“พูดจาไม่เพราะเลยครับคนดี พี่ต้องพูดว่า ‘ผมจะหายงอนพี่เซฮุนแล้วครับ รักนะจุ้บๆ’ แล้วก็หอมแก้มผมหนึ่งทีก่อนผมถึงจะปล่อย”
“โอเซฮุน!”
“คร้าบบบบบ~”
“คนมองทั้งคณะแล้วนะปล่อยเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ครับ พี่ต้องพูดก่อนไม่งั้นผมจะปล้ำพี่ตรงนี้แหละ”
“อะ อะไรนะ!”
ฟอดดดดด~ หอมแก้มขวาคนตัวเล็กอีกข้างอย่างอารมณ์ดี จนหนุ่มๆ ในคณะที่มองดูเหตุการณ์อยู่ต้องผิวปากส่งเสียงแซวระรอกใหญ่พร้อมกับยกนิ้วโป้งให้เป็นนัยๆ ว่า
...เออ! เอ็งเจ๋ง!...
หลังจากที่ดื้อดึงพยายามจะหาทางออกจากอ้อมกอดคนขี้แกล้งอยู่นานก็พบว่าตัวเองมีแต่ฝ่ายเสียกับเสีย เพราะนอกจากจะไม่สามารถหลุดพ้นไปได้แล้ว ยังถูกขโมยหอมแก้มซ้ายสลับแก้มขวาเป็นระยะๆ จนรู้สึกได้ว่าแก้มตัวเองนิ่มจนจะเหลวเสียรูปร่างหมด
“ถ้าไม่พูดอีกคราวนี้จะเปลี่ยนจากแก้มเป็นอย่างอื่นแล้วนะครับ”
“!!!”
“หนึ่ง”
“...”
“สอง”
“...”
“สะ...”
“ผมจะหายงอนพี่เซฮุนแล้วครับ รักนะจุ้บๆ! ...ฮึ่ยยยยย!” กลายเป็นว่าต้องยอมแพ้อย่างราบคาบเมื่อมองดูสีหน้าของโอเซฮุนแล้วก็ไม่เห็นคำว่า ‘ล้อเล่น’ อยู่เลย ดังนั้นจึงต้องยอมพูดออกไปอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
“น่ารักมากครับเด็กน้อย...”
“ปล่อยได้...อุ้บ...อื้อ!” ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากบอกให้เลิกเล่นได้แล้ว ก็กลับกลายเป็นเปิดปากเชื้อเชิญให้คนตัวสูงสอดเล่นเข้าควานหาความหวานได้อย่างง่ายได้ แบคฮยอนพยายามออกแรงจะขัดขืนอีกครั้ง แต่ก็ถูกโอบรัดเอวจนเกือบหายใจไม่ออก ฝ่ามือหนาที่ยกขึ้นมาจับท้ายทอยร่างเล็กให้เงยหน้าขึ้นรับจูบแสนหวานที่มอบให้ ไม่นานคนตัวเล็กก็ต้องเคลิ้มไปสัมสัมผัสที่ถูกมอมเมา
เรียวลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กของอีกฝ่ายอย่างช่ำชอง ความอ่อนโยนและหอมหวานที่ถูกป้อนให้ทำให้แบคฮยอนเผลอตอบรับและออกแรงดูดดึงริมฝีปากอีกคนเบาๆ โดยลืมไปเลยว่าทั้งเขาและเซฮุนกำลังอยู่ในที่สาธารณะ
“ชานยอล ฉันฝากหนังสือไปให้นาอึนด้วยนะ บอกเธอด้วยว่าคาบต่อไปฉันไม่เข้า” เสียงเล็กๆ ของผู้หญิงสักคนที่แบคฮยอนคุ้นๆ ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมคณะดังขึ้นมาแว่วๆ หากแต่ชื่อที่สาวเจ้าเอ่ยออกมาต่างหากที่เรียกสติแบคฮยอนให้ลืมตาขึ้น
ฉับพลันที่ลืมตาก็เห็นทันทีว่าห่างจากที่เขาและเซฮุนยืนอยู่ไปไม่ไกลมีใครคนหนึ่งที่ยืนมองจ้องมาทางเขาท่ามกลางเพื่อนร่วมคณะนับสิบ
...ปาร์คชานยอล...
เพื่อนตัวสูงหัวเราะในลำคอเบาๆ ราวกับคนกำลังสมเพชตัวเอง แววตาเศร้ามองที่แฝงไปด้วยความผิดหวังและโกรธเคืองทำให้แบคฮยอนต้องรีบผลักแฟนหนุ่มรุ่นน้องให้ออกห่างจากตัวไวๆ ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรเพื่อนสนิทตนเองก็หันหลังเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว
“ชานยอล!” ตะโกนร้องออกไปสุดเสียงหวังให้เพื่อนรักหยุดลง แต่เปล่าเลย ชานยอลทำเหมือนเสียงแบคฮยอนเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่าน แบคฮยอนตั้งท่าเตรียมจะวิ่งตามไปแต่ข้อมือเล็กก็ถูกคนข้างกายฉุดรั้งไว้ก่อน
“พี่แบคฮยอน...อย่าไป”
“เซฮุน...”
“ระหว่างผมกับมัน...พี่เลือกใคร” ทั้งน้ำเสียง สีหน้า และท่าทางของเซฮุนทำให้หัวใจแบคฮยอนรู้สึกโดนบีบรัด แบคฮยอนเลือกได้อยู่แล้ว หากแต่เหตุผลในการเลือกต่างกัน เม้มปากทวนความคิดตนเองอีกรอบอย่างถี่ถ้วนก่อนจะตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวไม่แพ้กัน
“สำหรับในฐานะเจ้าของหัวใจพี่เลือกเซฮุน” คำตอบของแบคฮยอนทำให้เซฮุนรู้สึกดีไม่น้อยจนต้องระบายยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ หากแต่ประโยคต่อไปก็ทำเอาเซฮุนแทบจะล้มทั้งยืน
“แต่สำหรับคนสำคัญพี่เลือกชานยอล”
“!!!”
“พี่มีเพื่อนแค่คนเดียวเซฮุน...พี่ไม่เหมือนเซฮุนที่มีเพื่อนสนิทหลายคน ถ้าวันไหนเราทะเลาะกันอีก เซฮุนมีคนปลอบใจหลายคน แต่สำหรับพี่...ถ้าวันนี้พี่ตัดขาดกับชานยอล...วันข้างหน้าพี่จะไม่เหลือใคร”
“...”
“พี่รักเซฮุน แต่พี่ก็ทำร้ายคนที่ดูแลพี่มาตลอดไม่ได้หรอกนะ พี่อยากให้เซฮุนเข้าใจว่าแฟนก็สำคัญ และเพื่อนเพียงคนเดียว...มันก็สำคัญเช่นกัน” จบประโยคเพียงเท่านี้เซฮุนก็คลายแรงบีบที่ข้อมือเล็กลง มองตามแผ่นหลังบอบบางที่ออกแรงวิ่งตามเพื่อนสนิทตัวเองไป
นั่นสินะ...
บางทีโอเซฮุนก็ลืมนึกไป...
ว่าคนรักของเขาบางทีก็ต้องมีสังคมบ้าง...
แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังมีเพื่อนมากหน้าหลายตา...
บางทีโอเซฮุนอาจจะเห็นแก่ตัวจนลืมนึกถึงเรื่องนี้ไป...
แต่มันก็คงจะดีกว่านี้...
ถ้าเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว...
มันคิดกับคนรักของเขาแค่เพื่อน!...
หลังจากที่ทำได้เพียงแค่มองตาคนรักตัวเองวิ่งตามคนอื่นไป โอเซฮุนก็หมดอารมณ์เรียนหนังสือ ผลสุดท้ายคือการมานั่งดื่มเหล้าแก้เซ็งในคอนโดหรูของพี่รหัสปีสี่ของตัวเอง
“ว่าไงล่ะไอ้ตัวยุ่ง จะบอกฉันได้หรือยังว่านายเป็นอะไร” แรงยวบที่โซฟาด้านข้างพร้อมกับบุคคลเจ้าของห้องหย่อนก้นลง เซฮุนเบะปากให้กับคำถามเล็กน้อยเพราะนึกกี่ทีๆ เจ้าตัวก็อารมณ์เสีย
“ก็พี่แบคฮยอนอะดิ ตามใจไอ้ชานยอลอีกแล้ว เขาบอกว่าเขาทิ้งมันไม่ได้ เพราะเขามีมันเป็นเพื่อนคนเดียว” ว่าแล้วก็กระดกน้ำมึนเมาเข้าปากไปอีกอึกใหญ่ย้อมใจให้กับการแข่งนัดนี้
...ซึ่งเขาแพ้...
“ถ้าเขาไม่ดีก็เลิกไปดิ นายจะรั้งไว้ให้เจ็บใจเล่นไปทำไมวะ”
“โถ่พี่! ก็ผมรักเขานี่ เลิกไม่ได้หรอก”
“ถ้าเลิกไม่ได้ก็อย่าบ่น แต่ถ้าทนไม่ไหวก็ต้องเลิกฉันพูดได้แค่นี้แหละ”
“เฮ้อ...” ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะวางแก้วในมือลงแล้วเปลี่ยนไปหยิบขวดสีสวยกระดกดื่มขึ้นแทน
“พี่คริสแม่ง...ไม่เห็นช่วยให้คำแนะนำอะไรผมได้เลยว่ะ” บ่นออกไปพลางจ้องหน้าคนข้างกายนิ่งๆ นัยตาสีสวยคลอไปด้วยน้ำตา แอบผิดหวังกับคำปลอบใจจากพี่ชายตัวสูงเล็กน้อยที่นอกจากจะไม่ทำให้เขาสบายใจแล้วยังดันยุยงให้เขาเลิกกับแฟนอีก
คริสเห็นดังนั้นก็อดอมยิ้มให้กับท่าทางน่ารักนี้ไม่ได้ ถึงแม้น้องสายรหัสของเขาจะมีแฟน และอยู่ในสถานะเป็นคนที่ต้องปกป้องอีกฝ่าย แต่เมื่อไรที่เซฮุนอยู่กับเขา ความเป็นเด็กและนิสัยอ่อนไหวง่ายของเซฮุนก็มักจะเปิดเผยออกมาอยู่เสมอ
...ก็อย่างนี้แหละ คนรู้จักมาตั้งแต่โอเซฮุนยังเรียกชื่อคริสไม่ชัด...
“ไอ้ตัวยุ่งอย่างอแง”
“ก็พี่ไม่เห็นช่วยไรผมได้เลยอะ!” ขึ้นเสียงดังพร้อมด้วยทำหน้ามุ่ยใส่เหมือนเด็กหกขวบโมโหเวลาไม่ได้ของเล่น โอเซฮุนมักจะมีด้านดื้อที่ปกปิดเอาไว้อยู่เสมอ ซึ่งไม่มีใครได้เห็นนอกจากคริสเพียงคนเดียว...หรืออาจไม่ใช่ เพราะบางทีแบคฮยอนอาจจะเคยเห็นแล้วเช่นกัน
“พี่อาจจะให้คำปรึกษาที่ดีไม่ได้ แต่พี่ให้กำลังใจกับนายได้นะ”
“ยังไง?...” เอียงคอถามอย่างสงสัย มองคนข้างกายที่เขยิบเข้ามาใกล้ตัวอีกเล็กน้อย มือหนาของคนที่ตัวใหญ่กว่าจับศรีษะทุยให้เอียงมาซบไหล่ตนเอง แล้วพาดแขนโอบไหล่เซฮุนเอาไว้
“จำตอนเด็กๆ ได้ไหม? เวลานายอกหักจากบรรดาพี่สาวม.ปลายทีไรก็มักจะมานั่งซบไหล่พี่แบบนี้แหละ ย้อนรำลึกบ้างจะเป็นไร นายไม่ได้ซบไหล่พี่มาเป็นปีแล้วนะ” ว่าแล้วก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ส่งความอบอุ่นที่จริงใจให้กับอีกฝ่าย โอเซฮุนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ
“จะพูดไปแล้วมันก็จริง...แต่ทำแบบนี้แม่งเหมือนผมเป็นเมียพี่เลยว่ะ” พูดติดตลกเล็กน้อย เพราะในใจเขาก็ไม่ได้คิดอะไรกับพี่ชายคนนี้อยู่แล้ว ใบหน้าคมที่ดูเศร้าหมองปิดเปลือกตาลง พรูลมหายใจก่อนจะปล่อยความรู้สึกให้ล่องลอย แล้วเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด
คริสอุ้มเซฮุนที่หลับบนไหล่ของเขาให้มานอนบนเตียงคิงไซต์ราคาแพง ก้มลงปัดปอยผมที่ลงมาปรกหน้าปรกตาของน้องชายสุดหวง จ้องมองใบหน้าหล่อคมที่ซ่อนความหวานเอาไว้ อดไม่ได้ที่จะแอบก้มลงไปจุมพิตริมฝีปากสีสวย...ไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วที่คริสแอบทำแบบนี้ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรเช่นกันที่เผลอรักรุ่นน้องคนสนิทนี้ได้
แรงสั่นจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงทำให้คริสละความสนใจจากคนตรงหน้า ฝ่ามือหนาล้วงเข้าไปหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาดูแล้วก็ต้องแปลกใจ
...แปลก...
...ร้อยวันพันปีไม่เคยโทรมา...
“ฮัลโหล” กดรับสายแล้วเดินออกมาคุยยังหน้าระเบียงห้องเพื่อป้องกันการรบกวนคนที่นอนหลับอย่างเหนื่อยล้า และป้องกันว่าเซฮุนจะไม่ได้ยินอะไร เพราะคริสมั่นใจว่าคนที่โทรมาหาเขาต้องไม่มีจุดประสงค์แค่ถามไถ่เรื่องงานหรือสารทุกข์สุขดิบเป็นแน่...
[……………….]
“หื้ม?”
[……………….]
“แล้วทำไมฉันต้องช่วยนายด้วย”
[……………….]
“หึ...คิดดีแล้วเหรอถึงได้โทรมา”
[……………….]
“ถ้านายมั่นใจขนาดนั้น ฉันก็โอเค
.
.
.
.
จะได้มีอะไรสนุกๆ ทำคั่นเวลาด้วย” กดตัดสายแล้วยืนยิ้มเมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่คุยกันเมื่อครู่ คริสแทบจะอยากทำเต็มทนแล้ว เพราะเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะสนุกอย่างที่อีกคนบอกมากน้อยแค่ไหน...
“ชานยอลเดี๋ยวก่อนสิ ชานยอล!” เสียงเล็กตะโกนเรียกเพื่อนสนิทของตนเองดังลั่นโดยไม่สนใจใคร นึกโทษตัวเองที่ดันทำร้ายคนที่ตนรักและรักตนอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว ขาเรียวเล็กวิ่งจ้ำอ้าวตามหาเพื่อนตัวสูงที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าหลบเขาไปอยู่ที่ไหนแล้ว ท้ายสุดก็ลองเสี่ยงดวงเดาดูว่าที่ไหนเป็นที่ที่ชานยอลชอบไปมากที่สุด
“ดาดฟ้า...ดาดฟ้าตึกเก่า!” พึมพำตามประสาคนกำลังร้อนรน สถานที่ที่แบคฮยอนนึกออกเป็นที่แรกก็คือดาดฟ้าของอาคารเรียนเก่าที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีผู้คนเข้าไปนัก ปกติแล้วชานยอลมักจะชอบโดดเรียนไปแอบนอนเล่นเสมอ และแบคฮยอนก็ได้แต่ภาวนาขอให้เขาคิดถูกด้วยเถอะ!
“ชานยอล!” เปล่งเสียงออกไปทันทีเมื่อถึงที่หมาย ร่างเล็กหอบหายใจอย่างหนักก่อนจะรีบเดินไปกอดแผ่นหลังหนาของเพื่อนสนิทที่ยืนหันหลังให้เขาอยู่
“ชานยอล...ตัวเล็กขอโทษ” พูดพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นกว่าเดิม ยิ่งชานยอลเงียบนิ่ง คนทำผิดก็ยิ่งใจเสีย พยายามดึงอีกคนให้หันกลับมาสนใจตัวเองบ้าง แต่สิ่งที่ได้รับก็คือสายตาเย็นชากับแววตาที่ว่างเปล่า
...ปาร์คชานยอลเจ็บจนไม่รู้จะแสดงออกอย่างไรแล้วจริงๆ...
“ฮึก...อย่าทำเย็นชาใส่ตัวเล็กสิ ตัวเล็กเจ็บนะ” สิ้นเสียงหวานกับคำว่าเจ็บที่แล่นเข้าสู่ประสาทการรับรู้ของชานยอล หน่วยตาคมเปลี่ยนไปในทันที กลายเป็นแข็งกร้าว ดุดัน และมีแต่ความน่ากลัว
“เจ็บเหรอ?...กล้าพูดได้ยังไงว่านายเจ็บ ทั้งๆ ที่นายเพิ่งจะยืนยิ้มมีความสุขอยู่กับมัน!” ตวาดลั่นพร้อมบีบไหล่เล็กเขย่าอย่างรุนแรง คนถูกกระทำได้แต่ยอมรับความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ น้ำใสๆ ไหลรินเต็มใบหน้าที่เคยมองว่าสดใส หัวใจดวงน้อยก็ถูกบีบไม่แพ้กับคนเจ้าอารมณ์
“ฉันบอกนายแล้วใช่ไหมว่าถ้านายกับมันทำอะไรต่อหน้าฉันอีก นายจะเจออะไร?” ตาเรียวรีเบิกกว้างด้วยความตกใจ ร่างบางคิดถึงแต่ว่าจะทำอย่างไรให้ชานยอลหายโกรธ แต่ลืมนึกไปว่าสิ่งที่ต้องพบเจออีกมันคืออะไร
แบคฮยอนส่ายหน้ารัวอย่างหวาดหวั่น ภายในใจได้แต่อ้อนวอนขอให้ชานยอลอย่าทำอะไรกับร่างกายเขาอีกเลย เพราะแค่นี้ เขาก็ไม่มีอะไรเหลือให้เซฮุนได้ภาคภูมิใจอีกแล้ว แต่ทำไปก็เท่านั้น วิญญาณมัจจุราชได้ครอบงำเพื่อนสนิทของเขาและพร้อมจะพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขาอีกครั้ง
เคร้ง!~ เสียงลำตัวบอบบางกระแทกกับตาข่ายเหล็กสูงใหญ่ที่มีไว้กั้นไม่ให้ใครตกลงไป คนตัวเล็กนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด ยกมือขึ้นจับไหล่บางที่ถูกกระแทกเมื่อครู่ เพียงไม่นานกายหนาของคนตรงหน้าก็ถาโถมเข้าใส่ รสจูบที่เคยหอมหวานและอ่อนโยนบัดนี้กลายเป็นขมขื่นและรุนแรง ริมฝีปากบางถูกขบกัดให้อ้าออกจนมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง แบคฮยอนพยายามดันตัวอีกคนออกแต่ก็ไม่ได้ผล กางเกงที่เคยสวมใส่ถูกร่นลงไปกองกับพื้นอย่างช่วยไม่ได้ ชานยอลจับแบคฮยอนให้พลิกตัวหันหลังให้กับตนเอง กลายเป็นว่าด้านหน้าของแบคฮยอนจึงถูกแนบเข้ากับตาข่ายเหล็ก
“อุ้ก!~” กลั้นเสียงร้องอย่างสุดความสามารถ ความเจ็บปวดแล่นเข้าสู่ร่างกายลามไปยังหัวใจที่บอบช้ำ คนป่าเถื่อนกระแทกกระทั้นช่องทางด้านหลังอย่างเอาแต่ใจ นิ้วเรียวกำซี่ตาข่ายเอาไว้แน่นราวกับต้องการระบายความเจ็บปวดที่ได้รับ เพียงไม่นานคนใจร้ายก็สุขสม ร่างเล็กทรุดตัวลงกับพื้นทันทีที่ถูกปลดปล่อย
ชานยอลมองคนที่ตนรักนั่งหอบหายใจสะอึกสะอื้นแล้วก็เจ็บปวด ถึงแม้จะรู้และเข้าใจว่าสิ่งที่ตนทำไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แต่มันคือความเห็นแก่ตัวที่เขามีและดึงดันที่จะทำ
...เลวกว่านี้ก็จะทำ...
หลังจากที่ตัวเองใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงค่อยๆ นั่งลงซ้อนด้านหลังคนตัวเล็ก แขนแกร่งค่อยๆ โอบรัดเอวบางช้อนคนตัวเบาให้ขึ้นมานั่งบนตัก บรรจงสวมใส่อาภรณ์ที่ถูกปลดเปลื้องด้วยน้ำมือของตัวเองให้เข้าที่ แบคฮยอนสะอึกสะอื้นราวกับเด็กน้อยไม่พูดไม่จา
...และเพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร...
“รักแบคฮยอนนะ...”
“ฮึก...”
“ขอโทษที่ทำให้เจ็บ...”
“ฮึก...”
“ขอโทษจริงๆ แต่ฉันรักนายจนไม่สามารถที่จะปล่อยนายไปให้ใครได้”
“ฮึก...ฮือ....” เปลี่ยนจากสะอื้นไห้กลายเป็นปล่อยโฮออกมาอย่างเจ็บปวด แบคฮยอนเอี้ยวตัวมากอดคอชานยอล แนบใบหน้าซุกอกแกร่งแล้วร้องไห้ปานจะชาดใจ ชานยอลเองก็ได้แต่โอบกอดอย่างห่วงใยและลูบหัวทุยอย่างอ่อนโยน
ถึงแม้การกระทำของเขาจะขัดๆ กันบ้างเถอะ
แต่ก็เพราะว่าเขารักแบคฮยอนมากจริงๆ
และอารมณ์มักอยู่เหนือเหตุผลเสมอ
...แบคฮยอนนา...
ชานยอลขอโทษ
ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นที่บางคนรู้สึกสะอิดสะเอียนและขยะแขยง มือหนากดปุ่มหยุดการบันทึกวิดีโอแล้วลดโทรศัพท์เครื่องหรูของตนเองลง ทอดมองด้วยสายตาสมเพชให้คนทั้งสองที่ยังคงไม่รู้ตัวว่าเรื่องนี้มีบุคคลที่สามรับรู้เข้าแล้ว
...เป็นโชคดีของเขาที่บังเอิญนึกอยากโดเรียนขึ้นมาพอดีจริงๆ...
--------------------------------------------------------------------------------------------
หมาน้อยขอเห่า : ปุ้งงงง!~ มาลงให้แล้วกับส่วนที่เหลือ ขออภัยที่มาช้านะคะ
นี่นับได้ว่าทิ้งห่างไปเป็นเดือนเลยจริงๆ ;^; ที่รักเราขอโทษน้าที่ทำตัวไม่ดี
แต่ต่อไปนี้จะมีเวลาทุ่มเทให้กับเรื่องนี้แล้วล่ะค่ะ ตั้งใจว่าจะอัพอาทิตย์ละตอนดีไหม?
นานไปไหมหรือว่ายังไงดี? (ก็แต่ละตอนไม่ค่อยมีคนเม้นเลยนี่นา ._. )
ขอบคุณทุกคอมเม้นและคำวิจารณ์หน้าบทความด้วยนะคะ
สำหรับตอนหน้าชานแบคจะห่างกันแล้ว แต่ความโชคร้ายของแบคฮยอนยังไม่หมดไป
จะเป็นเพราะอะไร เพราะใครรอติดตามกันด้วยนะคะ
Ps. ฝากแท็กโปรโมทฟิคหน่อยนะคะ >< #ficcruel เวิ่นให้เค้าชื่นใจหน่อยนะตัวเอง~
ความคิดเห็น