ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • Cruel {Baekhyun ft.sehun chanyeol kris kai luhan} 。

    ลำดับตอนที่ #6 : + Cruel + Number Tree

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 56




    อ่าน Talk กันหน่อยนะคะ



    Number Tree


                 แสงแดดยามเช้าเล็ดรอดผ่านม่านสีสวยเข้ามาภายในห้องนอนสุดหรู เจ้าของห้องทั้งสองกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงหนานุ่มภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ท่อนแขนแกร่งโอบรัดเอวบางมอบความอบอุ่นจากหัวใจและร่างกายให้คนในอ้อมกอดมากที่สุด

     

                แบคฮยอนที่ตอนนี้เริ่มรู้สึกตัวจากการถูกแสงแดดส่องหน้าค่อยๆ ปรือตาขึ้น นัยต์ตาหวานมองเห็นแผงอกล่ำๆ ของเพื่อนสนิทตัวเองเป็นสิ่งแรก รอยแดงที่เกิดจากการจิกและข่วนลาดยาวไปยังหัวไหล่ เผลอๆ ที่ด้านหลังอาจจะมีรอยข่วนมากกว่าด้วยซ้ำ พอเริ่มคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน พวงแก้มใสก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ แบคฮยอนยังคงจำได้ทุกสัมผัส ทุกการกระทำ ทั้งเสียงร้องของตัวเอง และเสียงครางทุ้มมีเสน่ห์ของชานยอล

     

                เงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาที่แสนอิดโรยแล้วอดปวดใจไม่ได้ ถึงเมื่อคืนจะรู้สึกดีและมีความสุขมากแค่ไหน แต่ความจริงที่ต้องเผชิญก็คือความเจ็บปวดอยู่วันยันค่ำ แบคฮยอนค่อยขยับตัวจับแขนชานยอลออกเบาๆ และลุกขึ้นจากเตียงช้าๆ คนตัวเล็กส่งเสียงร้องซี้ดออกมาเบาๆ เมื่อความเจ็บแสบบริเวณสะโพกและช่องทางด้านหลังเล่นงานเข้า

     

                มองเรือนร่างเปลือยเปล่าของตัวเองในกระจกที่เต็มไปด้วยรอยรักสีกุหลาบทั่วหน้าอก ไหล่บาง และหน้าท้อง ราวกับมองหลักฐานชิ้นใหญ่มัดตัวว่าแบคฮยอนทรยศเซฮุนเข้าให้แล้ว เงาในกระจกสะท้อนใครอีกคนที่เดินเข้ามาด้วยสภาพไม่ต่างกัน ชานยอลเดินมาซ้อนด้านหลังแบคฮยอนไว้ ได้แต่จุมพิตบางเบาที่ต้นคอขาว ถึงอยากจะทำรอยความเป็นเจ้าของเอาไว้มากแค่ไหนก็ต้องหักห้ามใจ

     

                “ตัวเล็กอย่าร้องไห้”

                “ฮึก...”

                “ตัวเล็ก...”

                “ฮือ...” หันหลังกลับไปกอดรูมเมทตัวเองแนบแน่นแล้วร้องไห้ออกมา ชานยอลได้แต่ยืนลูบหลังให้คนขี้แยอยู่อย่างนั้นจนแบคฮยอนรู้สึกสบายใจ ชานยอลรู้ดีว่าแบคฮยอนแค่กำลังรู้สึกแย่

     

              แต่จะแย่เพราะอะไรชานยอลไม่อาจรู้...

              อาจจะแย่ที่ต้องหนีเซฮุนมา...

              อาจจะแย่ที่ผิดนัดของเขา...

              อาจจะแย่ที่ลืมวันเกิดเพื่อนสนิท...

              อาจจะแย่ที่เสียตัวให้ชานยอล...

              หรืออาจจะแย่...ที่ครั้งแรกของแบคฮยอนไม่ใช่เซฮุน...

     

              ...ไม่ใช่...

             

              ...คนที่แบคฮยอนรัก...

     

                “โอเคแล้วใช่ไหมตัวเล็ก”

                “อื้อ...โอเคแล้ว ไม่ร้องไห้แล้ว” เอ่ยน้ำเสียงสดใสพร้อมส่งยิ้มให้เพื่อแสดงว่าตนนั้นไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ จมูกเล็กที่แดงเหมือนสีเชอร์รี่ทำใหชานยอลอดยิ้มตามไม่ได้ ยกมือขึ้นบีบเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยวจนคนถูกแกล้งต้องโวยวายร้องลั่น

                “เจ็บนะชานยอล! งื้อออออ ตัวเล็กเจ็บ!

                “ฮ่าๆ แล้วใครใช้ให้ทำหน้าตาเป็นลูกหมาได้ของเล่นล่ะ หืม?”

                “อะไรเล่า! คนนะไม่ใช่ลูกหมา!

                “หรอ? แต่เมื่อคืนครางหงิงๆ เลยนะ โอ้ย!

                “จะบิดให้หูขาดเลยเดี๋ยวเถอะ!” ปล่อยมือที่บิดหูคนตัวสูงอย่างไม่สบอารมณ์นัก

     

              ...รู้ทั้งรู้ว่าคนเขาอายแล้วยังจะมาแกล้งอีก อยากโดนกัดหูหรือไง!...

     

                “เอ้อตัวเล็ก...สบายเนื้อสบายตัวหรือเปล่า”

                “หื้ม?”

                “เอ่อ...ตรงนั้นน่ะ” พยายามพูดอ้อมค้อมให้มากที่สุดเพื่อให้อีกคนไม่ต้องอาย แต่ถึงกระนั้นแล้วแบคฮยอนก็ยังก้มหน้างุดๆ หลังตีความหมายออกด้วยความเขินอยู่ดี

                “ก็...ไม่นะ...มันรู้สึกแปลกๆ”

                “ต้องเอาออก”

                “หระ เหรอ?...แล้ว...แล้วเอาออกยังไงชานยอล”

                “ล้วง”

                “ฮะ!

                “ก็ถ้าอยากให้ออกตอนนี้ก็ต้องล้วงล่ะ ไม่งั้นก็ทนอึดอัดไป”

                “(.//.)”

                “ให้เอาออกให้ไหม?”

                “มะ ไม่ต้อง!” ตวาดลั่นห้องน้ำเมื่อเห็นว่าชานยอลเริ่มทำตัวเจ้าเล่ห์อีกแล้ว นอกจากจะยื่นหน้ามาใกล้ๆ หูแล้วยังพูดด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่ชวนขนลุกอีก

                “แล้วจะเอาออกเองเหรอ? ทำเป็นเหรอ? กล้าเหรอ? อันตรายนะถ้าทำไม่เป็น” ชานยอลถามพลางแสร้งทำหน้าเครียด แบคฮยอนตอนนี้ก็เปรียบเสมือนเด็กอนุบาลตัวน้อยๆ ที่ต้องขมวดคิ้วถามและกลัวไปซะทุกเรื่อง ชานยอลไม่อยากจะฉวยโอกาสกับแบคฮยอนบ่อยนักหรอกนะ แต่ว่า...ก็ฉวยเล็กฉวยน้อยมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่เนอะ ฉวยอีกครั้งก็คงไม่เป็นอะไร

                “อันตรายด้วยเหรอ!?” ชานยอลแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่เมื่อเจ้าหนูบยอนแบคตัวน้อยดูท่าทางแล้วคงจะกลัวกับคำโกหกคำโตของคนเจ้าเล่ห์ ดวงตาเรียวรีเบิกกว้างและสั่นระริกราวกับมันเป็นเรื่องร้ายแรงจริงๆ

                “ก็ถ้าล้วงไปผิดจุดก็อาจจะเลือดออกไม่หยุด”

                “ละ แล้ว...แล้วชานยอลทำเป็นใช่ไหม?”

                “อาฮะ”

                “ทะ ทำ...ทำให้ตัวเล็กที” เอ่ยขอร้องคนที่คิดไม่ซื่อด้วยความรู้ไม่เท่าทัน น้ำเสียงหวานสั่นคลอนไปด้วยความกลัว แบคฮยอนไม่เคยรู้เลยว่ามันจะอันตรายถึงเพียงนี้

                “งั้นตัวเล็กกอดชานยอลไว้ ถ้าเกิดรู้สึกแปลกๆ ก็กอดชานยอลให้แน่นๆ โอเคไหม?”

                “อื้ม” พยักหน้าพร้อมขานรับก่อนจะสวมกอดคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว หมาป่าอย่างชานยอลถึงกับฉีกยิ้มกว้างเมื่อหลอกหนูแบคแก้มแดงได้สำเร็จ นิ้วหนาจัดการสอดใส่เข้าไปควานหาของเหลวของเขาที่ปลดปล่อยเข้าไปเมื่อคืนเรียกเสียงครางหวานหลุดลอดออกมาไม่น้อย

                “ฮ่ะ...อ้ะ...” แบคฮยอนรัดเอวของชานยอลเอาไว้แน่นจนแนบสนิทไปกับตัวเอง พยายามกลั้นเสียงน่าอายให้มากที่สุดเมื่อรู้สึกถึงความวาบหวามที่เกิดขึ้นปะปนกับความเจ็บปวด

                “อึก...อือ” ซุกหน้าเข้ากับแผงอกแกร่งและเปลี่ยนเป็นจิกไหล่หนาแรงๆ ระบายความเจ็บปวดโดยไม่รู้เลยว่าอีกคนที่ทำตัวป็นผู้หวังดีกำลังแกล้งหยอกล้อกับช่องทางสีหวานให้รู้สึกต้องการอยู่ ความเห็นแก่ตัวของชานยอลที่อยากสัมผัสแบคฮยอนให้มากกว่าเมื่อคืนกำลังครอบงำความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในตัวของร่างสูง จนความรู้สึกเปียกชื้นบนหน้าอกทำให้ชานยอลชะงัก

                “จะ เจ็บ...ฮือ...ชานยอล...จะเป็นอันตรายไหม ฮึก” เมื่อเห็นว่าคนถูกแกล้งกำลังขวัญผวาก็ทำเอาชานยอลใจเสีย ชานยอลดึงมือออกและกอดปลอบแบคฮยอนอย่างอ่อนโยน

                “เสร็จแล้วตัวเล็ก  ไม่เป็นอะไรแล้วครับ” ยกมือลูบผมนิ่มสลวยเป็นการปลอบใจคนถูกแกล้ง ชานยอลนึกโทษตัวเองอยู่ไม่น้อยที่ดันหลอกความอ่อนต่อโลกของแบคฮยอนจนคนตัวเล็กกลัว

     

              ...ขอโทษนะตัวเล็ก...

     

     

                วันนี้ทั้งวันแบคฮยอนไม่ได้ออกไปไหน อยู่แต่ในห้องกับชานยอล ลุกขึ้นไปทำอาหารมากินด้วยกันบ้าง เล่นเกมกันบ้าง ตบท้ายด้วยการกินเค้กของเมื่อคืนที่แบคฮยอนซื้อไว้ ก่อนจะมานั่งดูทีวีด้วยกันทั้งคู่

                เสียงเรียกเข้าจากมือถือราคาแพงของแบคฮยอนดังขึ้น เป็นชานยอลเองที่เอื้อมไปหยิบมือถือตรงโต๊ะให้ ฉับพลันที่เห็นชื่อคนโทรเข้าชานยอลก็ชะงักพร้อมแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ทันที

               

              โอเซฮุน

     

                แบคฮยอนคว้าโทรศัพท์ตนเองกลับมาแล้วมองดูชื่อก็รู้ถึงสาเหตุที่ชานยอลอารมณ์เสีย ยังไม่ทันจะได้กดรับมือหนาของคนข้างๆ ก็ส่งมาจับข้อมือบางเอาไว้

                “ไม่รับได้ไหม?” แบคฮยอนส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะกดรับสายโดยไม่สนใจสายตาดุดันจากคนตรงหน้า ของขวัญก็ให้ไปแล้วยังจะเอาอะไรอีก?

                “ว่าไงเซฮุน”

                [เมื่อคืนพี่ออกไปทำไมไม่บอกผม]

                “ก็เขียนใส่โน๊ตไว้แล้ว”

                [อย่าทำแบบนี้อีกไม่งั้นผมจะโกรธ]

                “อืม...ขอโทษนะ ทีหลังพี่จะไม่ทำอีกแล้ว”

                [ครับ]

                “ยังไม่หายโกรธหรอ? ไม่เอาน่า...เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปดูหนังด้วยกันก็ได้ โอเคไหม?”

                [หมายความว่าวันนี้...]

                “วันนี้พี่ไม่ว่าง พี่ต้องอยู่บ้าน...อ้ะ!” ยังพูดกับคนรักไม่ทันจบประโยคดีก็ถูกคนตัวสูงจับกดลงบนโซฟา แขนเล็กพยายามดันตัวชานยอลที่กำลังก้มหน้าลงซุกไซร้ซอกคอตัวเองด้วยความตกใจ

                [พี่แบคฮยอนเป็นอะไร!]

                “ชานยอล...อื้อ!” ถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อชานยอลเคลื่อนตัวเปลี่ยนทิศทางเป็นล็อคเอวบางเอาไว้ ก้มหน้าลงพรมจูบหลายๆ ครั้ง

                [พี่แบคฮยอน!] พยายามดิ้นรนหาทางรอดแต่แบคฮยอนก็รู้ดีว่าไม่มีทางสู้แรงชานยอลได้ ยิ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้าตัวกำลังโมโหอย่างรุนแรง ไม่มีทางเลยด้วยซ้ำที่แบคฮยอนจะคุยหรือจะห้ามชานยอลได้

                “ซะ เซฮุน แค่นี้ก่อนนะ”

     

                ติ้ด! กดตัดสายเพราะไม่อยากให้เซฮุนรู้เรื่องราวแย่ๆ ของเขากับชานยอลแล้วปล่อยโทรศัพท์ให้หล่นลงพื้นห้องก่อนจะหันมาจัดการดีดดิ้นหนีสัมผัสที่ป่าเถื่อนและรุนแรงอีกครั้ง ชานยอลปลดตะขอกางเกงแบคฮยอนออกยังไม่พอ ร่างสูงยังกระชากเสื้อเชิ้ตที่แบคฮยอนใส่จนขาดวิ่น แบคฮยอนโวยวายร้องเสียงหลงด้วยความตกใจแต่ก็ยังไม่สามารถหยุดคนเจ้าอารมณ์ได้

                “ชานยอลอย่า! อย่าทำแบบนี้! ไม่เอาแล้ว หยุดมันแค่เมื่อคืนเถอะ!” พยายามขัดขืนหลายครั้ง ทั้งทุบ ทั้งตี ทั้งจิก ทั้งถีบ แขนขาปัดป่ายเละเทะไปหมด โดยหารู้ไม่ว่ายิ่งตัวเองพูดก็เหมือนยิ่งปาหอกแหลมใส่หัวใจของชานยอล และแน่นอนว่าชานยอลไม่มีทางหยุดแน่ๆ ดวงตารีที่เคยสดใสกลับมีหยาดน้ำตาแห่งความเสียใจไหลออกมาจนแทบจะมองไม่เห็นอะไร

                “ฮึก! อย่าทำ ไม่นะชานยอล ไม่เอาแบบนี้ ไม่!!!

     

              ...พลาดแล้วแบคฮยอนคนโง่...

     

                เสียงทุ้มครางด้วยความสุขสมปะปนไปกับเสียงร้องสะอื้นไห้ของคนถูกกระทำ ปล่อยตัวปล่อยใจตามอารมณ์ดิบที่มีโดยไม่สนใจว่าคนตัวเล็กจะต้องเจ็บปวดแค่ไหน แบคฮยอนตอนนี้ก็ไม่รู้จะขัดขืนต่อไปทำไมในเมื่อรู้ตัวอยู่แล้วว่าสู้ชานยอลไม่ได้ สุดท้ายก็ได้แต่จำยอมเป็นที่รองรับอารมณ์หึงหวงของชานยอล ดิ้นรนไปก็เท่านั้นอยู่เฉยๆ นอนร้องไห้ใต้ร่างมัจจุราชที่แสนโหดเหี้ยมตนนี้ไปเสียเถอะ...

     

     


                เป็นเวลากว่าสามวันแล้วที่แบคฮยอนเอาแต่คลุกอยู่ในคอนโดของตัวเองกับชานยอล ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น มันไม่ต่างกับฝันร้ายเลย ชานยอลทั้งป่าเถื่อนและรุนแรง แบคฮยอนตื่นขึ้นมาในเช้าอีกวันที่เต็มไปด้วยความบอบช้ำ ต้นแขนมีแต่รอยบีบจากชานยอลที่แรงจนกลายเป็นสีเขียว ทั้งช่องทางที่เจ็บแสบจนไม่สามารถหยัดตัวลุกขึ้นได้

     

                “ตัวเล็กตื่นแล้วเหรอ วันนี้ฉันทำบิบิมบับให้ จะลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนไหม?” ว่าพลางเดินเข้ามาพยุงร่างผอมบางให้ลุกขึ้น ชานยอลค่อยๆ ประคองแบคฮยอนให้เดินไปยังห้องน้ำ ถึงแม้แบคฮยอนจะห้ามแล้วก็ตามเพราะแบคฮยอนเองก็รู้สึกว่าตัวเองหายดีแล้ว

                “วันนี้ตัวเล็กต้องสระผมได้แล้วนะ หัวเริ่มเหม็นแล้ว” พูดแล้วก็แกล้งทำท่าฟุดฟิดๆ จนคนโดนแกล้งหน้าขึ้นสีเพราะความเขินอาย แบคฮยอนยกมือขึ้นตีคนขี้แกล้งสองสามทีก่อนจะยกมือลูบหัวตัวเองแก้เขิน

                “เหม็นขนาดนั้นเลยเหรอ?” ถามไปก็อายไป ใครจะไปรู้ดีเท่าชานยอลอีกว่าแบคฮยอนเซนซิทีฟกับเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์แค่ไหน ชานยอลอมยิ้มไม่ยอมตอบ แต่แกล้งก้มหน้าลงไปดมหัวทุยๆ นั้นอีกครั้ง

                “ความจริงก็หอมนะ...”

                “(.//.)”

                “...แต่ไม่เท่าตรงนี้” เลื่อนจมูกโด่งๆ ของตัวเองลงไปยังต้นคอขาวก่อนจะสูดหายใจเข้าไปฟอดใหญ่จนคนตัวเล็กทำหน้ามุ่ยที่ถูกแกล้ง ฝ่ามือเรียวเล็กกระหน่ำตีแรงๆ ที่ต้นแขนแกร่ง แต่ถ้าถามว่าเจ็บไหม?

     

              ...ชานยอลตอบได้เลยว่าไม่...

     

                “ออกไปเลยงอนแล้ว!” ทำแก้มป่องซะน่ารักจนชานยอลอดไม่ได้ก้มลงไปกัดเบาๆ หนึ่งที

                “ย่าห์! ชานยอลอยากโดนเตะใช่ไหม!” ยกมือขึ้นพยายามตะกุยหน้าชานยอลให้ได้มากที่สุด แต่ก็กลายเป็นถูกคนตัวสูงรวบตัวไปกอดอย่างช่วยไม่ได้

                “ฮ่าๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ ตัวเล็กถอดเสื้อผ้าเถอะ ฉันจะได้อาบน้ำให้” แบคฮยอนยอมทำตามแต่โดยดีแม้จะมีบ้างที่แอบส่งสายตาเคียดแค้นที่สู้ไม่ได้ไปให้ ร่างบางลงก้าวลงไปในอ่างอาบน้ำที่มีฟองสบู่นุ่มนิ่มอยู่เต็มอ่าง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาสนุกกับการเล่นฟองมากแค่ไหน คนรับใช้จำเป็นได้แต่หัวเราะน้อยๆ กับความเป็นเด็กของคนไม่รู้จักโต

     

                แบคฮยอนเอนตัวลงพิงขอบอ่างให้ชานยอลสระผมให้ คนตัวเล็กหลับตาลงช้าๆ ด้วยความรู้สึกอ่อนล้า นึกย้อนไปถึงเรื่องวันก่อนที่ถูกชานยอลทำร้าย คิดกี่ทีก็อยากจะตีตัวเองแรงๆ

     

              โกรธ...ที่ชานยอลโหดร้าย

              เสียใจ...ที่ชานยอลไม่ฟัง

              น้อยใจ...ที่ชานยอลรุนแรง

     

                เกลียด...ที่ตัวเองยังรักชานยอล

     

                แบคฮยอนไม่รู้เลยว่าตัวเองควรทำอย่างไร ทั้งเจ็บทั้งเสียใจที่ถูกชานยอลย่ำยี การยอมตกเป็นของชานยอลในวันเกิดไม่ได้หมายความว่าแบคฮยอนจะยินยอมพร้อมใจมีอะไรกันกับชานยอลอีกครั้งหรอกนะ แบคฮยอนอาจจะดูเป็นคนเลว แต่เขาก็ไม่ชั่วช้าขนาดไม่รู้ว่าควรจะหยุดอยู่แค่ที่คืนนั้น

     

              แต่ใครจะไปรู้ว่าชานยอลจะโกรธขนาดกล้าขืนใจคนที่ชานยอลรักล่ะถูกไหม?

     

                แบคฮยอนไม่สามารถตอบคำถามในใจตัวเองได้อีกต่อไปแล้วว่าสิ่งที่เลือกทำลงไปถูกผิดมากเพียงใด แบคฮยอนก็แค่รักชานยอลมากๆ รักมากขนาดยอมให้ทุกอย่างที่มีแก่เพื่อนสนิทได้ แต่แบคฮยอนเองก็รักเซฮุน เซฮุนคือแฟนคนแรก แฟน...ที่แบคฮยอนรักที่สุด

     

                “คิดอะไรอยู่เหรอตัวเล็ก”

                “อืม...”

                “...”

                “คิดว่า...คิดว่าที่ตัวเล็กทำอยู่นี่ถูกต้องหรือเปล่า”

                “...”

                “ตัวเล็กอยากให้ชานยอลมีความสุข แต่ตัวเล็กก็ทิ้งเซฮุนไม่ได้”

                “...”

                “ตัวเล็กรักเซฮุน...” ราวกับมีเข็มนับร้อยพุ่งแทงที่หัวใจของชานยอล ชานยอลตระหนักอยู่ตลอดเวลาว่า ที่ได้กอด ได้จูบ ได้ใกล้ชิดอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะแบคฮยอนสงสาร แต่ไม่เคยคิดเลยว่า...การได้ฟังความจริงจากปากของแบคฮยอนมันจะเจ็บถึงขนาดนี้

     

              ...แต่ถ้ามันคือความเห็นแก่ตัวของผู้ชายคนนึง...

     

              ...ชานยอลก็ไม่ขอปฏิเสธ...

     

              “ดีแล้วล่ะตัวเล็ก”

                “...”

                “ยอมฉัน...”

                “...”

                “ทำให้ฉันมีความสุขแบบนี้ดีแล้ว...”

     

              ...ถึงแม้ลึกๆ เราจะต้องเจ็บปวดอย่างนั้นเหรอชานยอล?...

     

              ...ถ้านายต้องการ ฉันก็จะทำ...

     

               

                เวลาบ่ายแก่ๆ ของวัน วันนี้แบคฮยอนมีคาบเรียนไม่ตรงกับชานยอลทั้งช่วงบ่าย คนตัวเล็กถือโอกาสนี้โดนเรียนมานั่งเล่นคนเดียวภายในห้องชมรม แบคฮยอนเองก็ไม่ได้ติดต่อเซฮุนอีกเลยหลังจากวันที่แบคฮยอนตัดสายเซฮุนไป เป็นอันเข้าใจว่าเซฮุนต้องกำลังโกรธแบคฮยอนอยู่แน่ๆ

                “เฮ้อ...” ถอนหายใจให้กับความรู้สึกหนักอึ้งทั้งหมดทั้งมวลที่มีอยู่ คิดทบทวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเองช้าๆ...ใครกันนะ...ใครกันที่เป็นตัวก่อเรื่องทั้งหมด?

     

              เซฮุนหรือเปล่า?...เพราะเซฮุนเข้ามาจีบแบคฮยอนทำให้ชานยอลโกรธ

              หรือจะเป็นชานยอล?...ที่ไม่รู้จักหักห้ามใจอารมณ์หึงหวงจนพลั้งตัวทำร้ายแบคฮยอน

     

              เหอะ...ยิ่งคิดยิ่งหน้าสมเพช

     

              จะโทษคนอื่นไปทำไมกัน...ในเมื่อตัวต้นเหตุก็คือ เขา

     

              ตัวเองเป็นชนวนของเรื่องทั้งหมดแท้ๆ ยังจะมีหน้าไปโทษคนอื่นอีก...

     

                ขาเรียวชันขึ้นมาให้วงแขนของตัวเองกอดเอาไว้ได้ง่ายๆ ซุกใบหน้าลงราวกับไม่อยากมองเห็นสิ่งใดเลย ไม่อยากเงยหน้ามองความเป็นจริง พยายามคิดทบทวนว่าจะหาทางแก้ไขเรื่องนี้ยังไงดี จะหยุดยังไงดี เมื่อคำพูดของชานยอลยังคอยย้ำเตือนแบคฮยอนอยู่เสมอ

     

              อย่าสวีทกับมันถ้ามีฉันอยู่ ถ้ารู้แล้วยังทำ นายจะโดนแบบนี้อีก

     

                มันหมายความว่า...ฝันร้ายยังไม่จบง่ายๆ ใช่ไหม? แล้วแบคฮยอนต้องทำยังไง จะบอกเซฮุนยังไง เพราะถ้าพูดกับเซฮุนเรื่องชานยอล เซฮุนก็จะโกรธ และเซฮุนชอบยั่วชานยอลแบคฮยอนรู้ ผลที่ตามมาก็คือชานยอลโกรธ...แล้วแบคฮยอนล่ะ...มีสิทธิ์จะโกรธใครบ้างไหม?

     

              แกร๊ก~

     

                เสียงลูกบิดจากบานประตูดังขึ้น ปลุกคนที่กำลังอยู่ในห้วงภวังค์ความคิดต้องหันหน้าไปดูแขกผู้มาเยือน เด็กหนุ่มร่างสูงใบหน้าหล่อเหลายิ้มให้แบคฮยอนอย่างเป็นมิตร

                “มาทำอะไรเหรอจงอิน?” ถามออกไปด้วยรอยยิ้มไม่ต่างกัน

                “เดินผ่านมาเห็นพี่แบคฮยอนนั่งเหงาอยู่คนเดียวเลยว่าจะชวนโดดเรียนไปเดินเล่นกันน่ะครับ” ว่าแล้วก็เดินเข้ามาส่งมือให้รุ่นพี่ตัวเล็กจับ แบคฮยอนลุกขึ้นพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ

                “น้องรหัสจะพาพี่รหัสไปไหนครับ?” เอียงคอถามอย่างสงสัย หากแต่รุ่นน้องผิวเข้มก็ส่ายหน้าทำทาทางทะเล้น จนคนเป็นพี่อดหมั่นไส้ไม่ได้ มือเรียวยื่นไปบีบจมูกจงอินเบาๆ อย่างอดไม่ได้

                “ไปสวนสาธารณะแถวๆ มหาลัยครับ ผมว่ามันเงียบสงบดี คงจะช่วยให้พี่แบคฮยอนหายเครียดได้” แบคฮยอนมองหน้าจงอินเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มเพื่อเป็นการขอบคุณ

     

              ตลกดี...ทุกครั้งที่แบคฮยอนกำลังเศร้า คนที่มาปัดเป่าก็คือจงอินเสมอ...

     

                แบคฮยอนเพิ่งรู้ว่าสวนสาธารณะแห่งนี้มีทะเลสาปอยู่ด้วย จงอินพาแบคฮยอนมานั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ทะเลสาป น้องรหัสของแบคฮยอนมักทำหน้าที่ของผู้รักษาจิตใจได้ดีเสมอ มักจะนั่งเงียบๆ บีบมือแบคฮยอนเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ จนบางครั้งก็อดดุตัวเองไม่ได้ที่ทำหน้าที่พี่รหัสได้ไม่ดี เพราะมองดูยังไงจงอินก็เป็นฝ่ายดูแลแบคฮยอนเสียมากกว่า

     

                คนตัวเล็กหลับตาลงคิดทบทวนหาทางออกของเรื่องแย่ๆ จะปรึกษาจะบอกใครก็ไม่ได้ แม้กระทั่งจงอิน...ถึงจะเป็นน้องรหัสที่แบคฮยอนรักและไว้ใจมากแค่ไหน แต่เรื่องราวน่ารังเกียจที่แบคฮยอนเจอะเจอมันก็ยากที่จะเล่าให้ใครได้ฟัง แบคฮยอนไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนน่ารังเกียจ...

     

                สัมผัสบางเบาบนเปลือกตาที่ปิดสนิทอยู่ทำเอาคนที่กำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยถึงกับสะดุ้งลืมตาขึ้นมามองหาสาเหตุ เป็นจงอินนั่นเองที่แอบจุมพิตบนเปลือกตาของรุ่นพี่ตัวเล็ก ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากต่อว่าที่ถูกล่วงเกิน เสียงทุ้มนุ่มแสดงถึงความเป็นห่วงก็เอ่ยขึ้น

     

                “พี่กำลังร้องไห้รู้ตัวไหม?” เลิกคิ้วเล็กน้อยกับคำพูดคนตรงหน้า มือเรียวสวยยกขึ้นแตะใต้ตาตนเอง แบคฮยอนพับคำต่อว่าที่ตั้งใจจะตำหนิจงอินลงทันทีเมื่อพบว่าเขากำลังร้องไห้อยู่จริงๆ

     

              ...อย่างน้อยที่จงอินทำไปก็เพราะว่าเป็นห่วง...

     

                “พี่มีเรื่องไม่สบายใจหนักมากใช่ไหมคราวนี้?”

                “อืม”

                “พี่อยากจะระบายกับผมไหม?”

                “...” ได้แต่ก้มหน้าเม้มปากด้วยความรู้สึกกังวล เล่าไม่ได้หรอก...เรื่องแบบนี้จะเล่าให้ใครฟังไม่ได้ โดยเฉพาะจงอิน...น้องรหัสที่แสนดีของเขา

                “...ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรครับ” ยกยิ้มอย่างอบอุ่นก่อนจะคว้ามือเรียวสวยของรุ่นพี่มากอบกุมไว้

                “พี่รู้สึกถึงมันไหม?”

                “หื้ม?”

                “ความรู้สึก...ความรู้สึกดีๆ ที่ผมมอบให้พี่...”

                “...”

                “มันส่งผ่านจากตรงนี้...” ชี้ไปที่หน้าอกด้านซ้ายของตนแล้วบีบมือคนตรงหน้าเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ

                “...ลงมายังตรงนี้” ยกมือเรียวสวยนั้นขึ้นมาจุมพิตอย่างอ่อนโยน

                “แล้วแล่นไปสู่หัวใจของพี่...ผมเป็นห่วงพี่นะครับ” พูดพลางหันมาจ้องตากับพี่รหัสหน้าหน้าหวาน ส่งผ่านทางสายตาอีกทีว่าเขารักและเป็นห่วงพี่รหัสคนนี้มากแค่ไหน

                “ว๊า~ ทำไมพี่ทำหน้าเป็นหมางงล่ะ ไม่เข้าใจผมใช่ไหม งั้นเดี๋ยวทำให้ดูว่ามันส่งผ่านไปยังไง” ว่าแล้วก็ก้มลงจูบหลังมือรุ่นพี่ตัวดีอีกครั้งเบาๆ ยกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วจัดการพรมจูบไล่ขึ้นไปจากหลังมือไปยังท่อนแขนผอมบาง จนแบคฮยอนที่ตอนแรกเงียบเพราะกำลังซึ้งถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเพราะจั๊กจี้

                “คิมจงอินเดี๋ยวเถอะ! ฮ่าๆ~

                “พี่หัวเราะแล้ว” จงอินผละออกมาจากการกลั่นแกล้งรุ่นพี่ตัวเล็กในที่สุด มองแบคฮยอนที่หัวเราะจนตาหยีก็อดยิ้มตามไม่ได้ พอหายใจได้สะดวกแบคฮยอนก็ตีหน้ามุ่ยโวยวายพร้อมกับตีแขนน้องรหัสตัวเองไปสองสามที

                “ฮื่อ! ไม่ให้หัวเราะได้ไงดูนายทำสิ”

                “อย่างน้อยพี่ก็หัวเราะแหละน่า~” แบคฮยอนหยุดหัวเราะ ดวงตาเรียวรีทอดมองไปสุดสายตา ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยแล้วเอนหัวพิงไหล่จงอินด้วยความรู้สึกอ่อนล้า

                “ถ้าเหนื่อยก็พักนะครับ ผมเห็นพี่เศร้าบ่อยๆ แล้วรู้สึกไม่ดีเลย”

                “...”

                “พี่แบคฮยอนที่ผมรู้จัก คือพี่รหัสที่สดใส ชอบยิ้มให้กับรุ่นน้องทุกคน พี่แบคฮยอนเป็นคนมองโลกในแง่ดี ถึงแม้จะมีบางทีที่ผมแอบอิจฉาพี่ชานยอลที่เป็นเพื่อนสนิทของพี่ และก็เซฮุนที่ได้เป็นแฟนกับพี่...”

                “...”

                “แต่เวลาที่พี่แบคฮยอนอยู่กับสองคนนั้นพี่แบคฮยอนจะดูมีความสุขอยู่เสมอ...นั่นทำให้ผมอิจฉาพวกเขาน้อยลงบ้าง เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็ทำให้พี่มีความสุข”

                “...”

                “...”

                “ขอบคุณนะจงอิน”

     

              นั่นสินะ...ถึงตอนนี้แบคฮยอนจะเศร้า แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด

              แบคฮยอนลืมไปว่าทุกครั้งที่ได้อยู่กับชานยอลแบคฮยอนจะรู้สึกดี

              แบคฮยอนลืมไปว่าทุกครั้งที่ได้อยู่กับเซฮุนแบคฮยอนจะมีความสุข

              แบคฮยอนลืมไป...ลืมไปว่าเขามักจะลืมความเจ็บปวดได้ง่ายอยู่เสมอ...

     

              ...ตอนนี้ก็แค่ต้องปรับตัวให้ชิน...

     

                จงอินขยับตัวลุกขึ้นแล้วหันมาพยุงตัวแบคฮยอนให้ลุกขึ้นตาม ดันหลังร่างบางให้เดินไปยังริมขอบทะเลสาปก่อนจะสวมกอดคนตัวเล็กเอาไว้จากด้านหลัง แบคฮยอนสะดุ้งเล็กน้อยที่ถูกกระทำเช่นนี้ หากแต่จงอินก็ชิงพูดดึงสติแบคฮยอนขึ้นมาก่อน

                “พี่ก้มลงมองในทะเลสาปสิครับ เห็นตัวเองไหม”

                “...”

                “พี่ลองยิ้มดูสิ...พี่จะได้รู้ว่าเวลาพี่ยิ้มมันสดใสแค่ไหน”

                “...” แบคฮยอนมองลงไปบนผืนน้ำของทะเลสาป มองเห็นใบหน้าของตัวเองที่ฉายแววเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด แบคฮยอนจึงลองยิ้มดูตามที่คนรุ่นน้องบอก

     

              ...รอยยิ้มของเขาดูสดใสจริงๆ นั่นแหล่ะ...

     

                “ดีมากครับ...เพราะฉะนั้นยิ้มบ่อยๆ เถอะนะครับ เรื่องแย่ๆ ก็ปล่อยมันทิ้งไว้ที่นี้แหล่ะ” ว่าแล้วก็กระชับอ้อมกอดหนึ่งครั้งก่อนจะเอาคางเกยไหล่คนสูงน้อยกว่า แบคฮยอนเห็นเงาใบหน้าของตัวเองใกล้กับใบหน้าของจงอินในน้ำก็นึกขึ้นได้

     

              ...นี่มันใกล้เกินไปแล้ว...

     

                “จงอิน...ใกล้กับพี่เกินไปแล้ว”

                “ทำไมล่ะ ผมว่า...”

                “จงอินไม่ได้คิดอะไรกับพี่ใช่ไหม?” พูดออกไปทั้งๆ ที่อีกฝ่ายยังพูดไม่จบ ถึงจะเป็นการเสียมารยาทไม่ใช่น้อย แต่เพราะเป็นพี่น้องสนิทกันแบคฮยอนจึงคิดว่าจงอินจะไม่ถือโทษอะไร

                “พี่รักเซฮุนจงอินเข้าใจนะ”

                “ทำไมจู่ๆ พี่ก็พูดเรื่องนี้?” ผละออกจากอ้อมกอดที่จงอินคิดว่าอบอุ่นที่สุด ถอยหลังออกมามองใบหน้าคนเป็นพี่ด้วยความผิดหวัง

                “พี่...พี่แค่อยากมั่นใจว่าที่จงอินทำกิริยาแบบนั้นใส่พี่ไม่ใช่เพราะหวังอะไร” หันกลับมาจ้องหน้าน้องรหัสด้วยท่าทีจริงจัง แบคฮยอนไม่อยากทำให้จงอินอึดอัดหรอก เพียงแต่ว่าการกระทำรุ่มล่ามที่จงอินแสดงออกมาวันนี้ทำให้แบคฮยอนสงสัย

                “ผมหวังให้พี่มีความสุข”

                “และนายไม่ได้หวังอย่างอื่นด้วยใช่ไหม?”

                “...”

                “...”

                “พี่มองเห็นผมเป็นคนยังไงเหรอ?” ถามออกไปด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ เรียกเอาความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของแบคฮยอนกลับมาอย่างรวดเร็ว

     

              ...ไม่น่ากลัวกับเหตุการณ์ต่างๆ แล้วมาระแวงจงอินเลย...

     

                “พี่ขอโทษ...”

                “...”

                “พี่แค่กลัว...”

                “...”

                “กลัวว่าถ้านายชอบพี่แล้วมันจะทำให้นายเจ็บปะ...อื้อ!” ดวงตาเรียวรีเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงจนแทบจะระเบิดเมื่อจู่ๆ คนตรงหน้าก็ดึงตัวเขาเข้าไปจูบ...

               

              ...เพียงแค่ริมฝีปากแตะกันเท่านั้น...

     

              “ผมเป็นน้องรหัสของพี่ครับ” พูดเพียงแค่นั้นหลังจากถอนริมฝีปากตัวเองออกมาแล้ว จงอินยกยิ้มอย่างที่ชอบทำเป็นประจำให้รุ่นพี่ตัวเองก่อนจะจับมือคนที่ยืนอึ้งอยู่ให้เดินกลับเข้ามหาลัยไปพร้อมๆ กัน

                แบคฮยอนได้แต่เดินตามแผ่นหลังหนาและปล่อยให้คนตรงหน้าเดินนำไปในที่สุด ความคิดในหัวตีกันไปหมด ราวกับมีผีเสื้อนับร้อยตัวบินก่อกวนกระทำงานของสมอง

     

              ...คิมจงอิน...นายต้องการอะไรกันแน่...

     
     

    -------------------------------------------------------------------------------------

    หมาน้อยขอเห่า! : ปุ้งงงงงงงงงงงงงงงง!~ ครบ 100% ซักทีนะ lol

    มาคุยกันเถอะ หมาน้อยรู้สึกว่ายิ่งมาคอมเมนท์ยิ่งน้อยลง

    ทุกคนไม่ชอบเรื่องนี้กันใช่ไหมคะ? มันดราม่าไปใช่ไหม?

    ไม่เป็นไร...จะแต่งต่อไปแม้จะไม่มีใครอ่าน

    ถึงแม้พล็อตฟิคเรื่องนี้จะมีเนื้อหาค่อนข้างน่ากลัว

    แต่ก็อยากให้ทุกคนลองอ่านจนจบนะคะ

    สเปฯในเล่มเป็นชานแบคในความทรงจำ

    และสมุดบันทึกความลับของแบคฮยอนที่เซฮุนเปิดอ่าน #สปอยทำไมวะ lol

     

    ใครไม่เมนท์ก็ติดแท็ก #ficcruel ในทวิตให้หมาน้อยได้ชื่นใจก็ยังดีค่ะ

    ถึงจะไม่ได้รีทุกอัน แต่ตามอ่านทุกอันนะคะ

     

    ขอบคุณทุกคอมเมนท์ด้วยนะคะ เวลาหมาน้อยท้อ หรือคิดอะไรไม่ออก

    แล้วย้อนกลับมาอ่านคอมเม้นท์ของทุกคนมันทำให้รู้สึกฮึดมากๆเลยค่ะ

     

    Ps.ตอนหน้าฮุนกับยอลจะทำให้บยอนเราเสียใจอีกแล้ว งืออออออออ~

    Ps2.ย้ำอีกที...ฟิคเรื่องนี้...อ ย่ า เ ด า...
     

    G Minor!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×