ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : bloodterfly วันนั้น วันนี้และวันพรุ่งนี้
...คนที่เคยอยู่ด้วยกันมานานแสนนาน เพียงเวลาแค่เสี้ยวนาที คนๆนั้นก็กลับกลายเป็นอดีตและเลือนหายไป...
♪
...คิดแล้วใจหายนัก...
...สิ่งที่เรารักกลับถูกลบเลือนไป...
หลงเหลือไว้เพียงหัวใจอันอ้างว้าง และความแค้นอันหนักอึ้ง
ผ่านไปสองปีแล้วสินะ แต่...มองไปที่นั่นทีไรก็ทำให้หวนนึกถึงทุกที...
ต้นไม้ใหญ่ซึ่งผลิดอกเป็นสีชมพูสะพรั่ง พริ้วไหวไปตามกระแสลม เสียงของใบไม้ดังกระทบกันเป็นจังหวะ
เด็กสาวยืนมองไปยังต้นไม้นั้นอย่างอาลัย
ร่องรอยบนต้นไม้นั้นเหมือนกับถูกของมีคมกรีดไปทั่วต้น
เธอเดินเข้ามายังใต้ร่มไม้สีชมพู ที่ตั้งอยู่หน้าบริเวณอาคารเรียนหลัก ก่อนจะขุกเข่าลงตรงโคนราก
มือเล็กๆ บรรจงลูบไปตามรอยบากบนต้นไม้อย่างช้าๆ
...พี่เรย์ เมนิคิดถึงพี่จังเลย...
...อยากให้พี่กลับมาหาเมนิ...
...คิดถึงจังเลย...
เด็กสาวปล่อยให้ความสงบเข้าปกคลุม
เธอเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้ใหญ่ด้วยสายตาเข้มแข็ง
"เมนิรู้... ว่าพี่เรย์ถูกพวกมันฆ่า... พวกโรงเรียนโซลว่า พวกมันเกลียดพวกเรา พวกมันฆ๋าพี่ เมนิจะแก้แค้นให้พี่!"
...กริ๊ง...กริ๊ง~♪
"ขนาดมนุษย์ด้วยกันยังฆ่ากันเองได้ลงคอ ดูเหมือนงานจะเข้าเยอะแล้วสิ"
สาวน้อยในชุดสีดำมองไปยังต้นไม้ที่บานสะพรั่งไปด้วยดอกไม้อย่างเศร้าๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในตัวอาคารเรียนที่อยู่บริเวณเดียวกัน
♪
เรย์ อันคาเกน เด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเอสทอล สถานะ นักเรียนแลกเปลี่ยน
"เฮ้ย!นักเรียนแลกเปลี่ยนจากเอสทอลวะ"
"มันยังกล้ามาหาถึงที่นี่เลยหรอ"
"หมั่นไส้วะ สั่งสอนมันหน่อยไหม?"
"ฆ่ามันเลยไม๊?!"
"อย่านะ!!!"
เมนิดันตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะรู้ว่าตัวเองฝันร้าย
ฝันนั้น เป็นความจริง... เมื่อนานมาแล้ว
เธอพยายามลืมมัน แต่เธอไม่อาจลืม'เรย์'พี่ชายของเธอที่ถูกฆาตกรรมในวันนั้นได้
หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ก่อนจะค่อยๆ กลับเป็นปกติ
วันนี้ดวงจันทร์ทอแสงเด่นเป็นพิเศษ แข่งกับดวงดาวบนท้องฟ้า แสงนั้นสว่างทั่วส่องให้ทุกที่กลายเป็นสีขาวนวล
เธอยืนทอดสายตามองออกจากหน้าต่างห้องนอนไปยังท้องฟ้าสีดำอันไร้จุดหมาย คืนนี้เธอคงหลับตาไม่ลงอีกแล้ว
...ฉันจอสาปแช่งพวกโซลว่าทุกคน ให้พวกมันตายอย่างหมาข้างถนน ยิ่งกว่าที่พวกมันทำกับพี่ของฉัน!
...ความแค้นที่สะสมมาเนิ่นนาน ยากที่จะลบเลือนไปจากจิตใจได้ ยิ่งมีความแค้นสะสมมากเท่าใด จิตใจก็จะยิ่งตกต่ำลงเท่านั้น เว้นเสียแต่จะลืมมันไป...
เมนิตัดสินใจออกจากบ้านมาทั้งชุดนอน เธอเดินตรงรี่ไปยังโรงเรียนของเธอทันที
แสงจันทร์สว่างพอที่จะส่องให้เห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจน
เธอออกมาโดยไม่ได้ดูเวลาแม้แต่น้อย เมื่อนึกขึ้นได้จึงยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้เพิ่งจะห้าทุ่มเศษๆ
บริเวณโรงเรียนมืดสนิท รั้วโรงเรียนถูกปิดและถูกคล้องด้วยโซ่ขนาดใหญ่
เมนิปีนรั้วเข้ามาอย่างชำนาญ ก่อนจะวิ่งตรงเข้าไปทางหน้าต่างที่เปิดอยู่บริเวณห้องสมุด
หากมองออกจากหน้าต่างบานที่เปิดอยู่ คงจะเห็นเข้ากับข้อความบนต้นไม้ใหญ่ที่บานสะพรั่งด้วยดอกไม้สีชมพูต้นนั้นพอดี ข้อความที่ว่า'ไอพวกเอสทอลต้องตาย'
ก่อนอื่นก็ต้องหาหลักฐานเกี่ยวกับคดีนี้... อะไรก็ได้... ใช่สิ!ห้องพักครู เอกสารทุกอย่างต้องถูกเก็บอยู่ในนั้น
เมื่อเด็กสาวคิดได้ดังนั้นเธอก็วิ่งตรงไปยังอีกฝากของอาคาร ซึ่งเป็นห้องพักครู
"ชิ!ประตูล็อก" เด็กสาวสบธกับตัวเองเบาๆ
ห้องหาลวด... ห้องเก็บของ!
เด็กสาวไม่รอช้ารีบเดินไปยังชั้นใต้ดินของอาคารทันที ทว่า... ห้องใต้ดินนั้นมืดจนไม่สามารถที่จะมองเห็นทางได้สะดวก และแสงจากดวงจันทร์ก็ไม่สามารถส่องถึงได้
เธอใช้มือคลำไปทั่วบริเวณกำแพง ที่ๆเธอคิดว่าจะมีสวิตซ์ไฟอยู่ แล้วเธอก็พบมัน
เด็กสาวไม่รอช้าที่จะรีบกดมันลง
แต่...
"อะไรกัน... ไฟเสียรึไง?"
เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า
สักพัก เธอเริ่มมองเห็นสิ่งต่างๆ อย่างเลือนลาง คงเป็นเพราะสายตาเริ่มชินกับความมืดแล้วกระมัง
เธอเดินอย่างระมัดระวังไปยังห้องเก็บของที่อยู่บริเวณด้ายซ้ายมือตรงสุดทางเดิน
แผละ
เมนิหยุดเดินเมื่อเธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังเหยียบอะไรบางอย่าง สิ่งนั้นเป็นของเหลว ข้นๆ เหนียวๆ
"แหงะ ยี้~อะไรเนี๊ยะ?"
เมนิพูดพร้อมกับยกเท้าขึ้นในทันที
กลิ่นคาวๆ ของของเหลวนั้นลอยเข้าปะทะกับจมูก
...กลิ่นนี้...มัน..กลิ่นคาวเลือด!
"พี่เรย์คะ คราวหน้าพี่เรย์พาเมนิไปเที่ยวที่โซลว่ามั่งนะคะ พี่เรย์เป็นถึงนักเรียนแลกเปลี่ยนเชียวนี่นา"
"ได้สิ เอาไว้พี่จะพาไปนะ แล้วพี่จะเขียนจดหมายมาหาเมนิบ่อยๆ นะ"
"ค่ะ "
"แม่คะ ทำไมพี่เรย์เขาถึงเขียนจดหมายมาหาเมนิอีกไม่ได้แล้วละคะ?"
เด็กหญิงในชุดสีดำสนิทกล่าวถามกับผู้เป็นแม่
"พี่เขา...ฮึก พี่เขายุ่งนะจ๊ะ เขาคงจะต้องไปที่ไกลแสนไกล คงจะไม่กลับมาหาเราอีกแล้วละจ๊ะ ฮือ ฮือ"
หญิงผู้เป็นแม่กล่าวตอบ พร้อมกับน้ำตา
"หนูเห็นพี่เรย์เขามีเลือดออกด้วย หมอเขาจะพาพี่ไปรักษาใช่ไหมคะ?"
"จ๊ะ หมอเขาต้องรักษาพี่ได้แน่ๆ"
คำตอบที่ยากจะตอบเปร่งออกมาจากปากของผู้เป็นแม่ ่หวังไม่อยากเห็นน้ำตาของผู้เป็นลูก
♪
กริ๊ง... กริ๊ง...
เสียงกระพรวนดังก้อง สะท้อนไปทั่วบริเวณทางเดินชั้นใต้ดิน ก่อนที่จะถูกกลบด้วยเสียงของนาฬิกาที่ดังบอกเวลาเที่ยงคืนก้องไปทั่วโรงเรียน
"เสียงนาฬิกา...?"
เมนิเริ่มรู้สึกถึงความกังวลของตนเอง แต่เธอก็ข่มไว้ใต้จิตใจของเธอด้วยความแค้น
วัตถุเย็นเฉียบตรงเข้ามารัดคอองเธอ ก่อนที่วัตถุนั้นจะออกแรงบีบรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
เมนิพยายามใช้มือเล็กๆ ทั้งสองข้างของเธอแกะวัตถุนั้นแแก เธอจึงรู้ว่าสิ่งที่รัดคอของเธออยู่นั้นคือ'มือ'
ร่างของเธอถูกดันจนติดกับกำแพงทางด้านหลัง
"เธอเป็นใคร?! เข้ามาที่นี่ทำไม?!"
เสียงนั้นดังขึ้นตรงหน้าของเมนิ ก่อนที่มือเย็นเฉียบนั้นจะคลายออกเล็กน้อย น้ำเสียงนั้นดูร้อนรนและกังวลยิ่งนัก
เสียงที่เธอเคยได้ยินและคุ้นหู เสียงที่เธอรอคอยว่าจะเรียกชื่อของเธอมาตลอด
ใบหน้าที่ไม่คิดว่าจะได้พบเจออีกครั้ง ใบหน้าของคนที่ไม่ยอมส่งจดหมายมาอีกเลย...
...พี่เรย์...
"ฉันถามไม่ได้ยินรึไง! เธอเป็นใคร?!"
เสียงนั้นตะคอกดังขึ้น
"พี่เรย์... หนู... เมนิไงคะ เมนิ อินโนซาเบล หนูเป็นน้องของพี่ไงคะ!"
เมนิเริ่มมองเห็นใบหน้านั้นชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ผมสีดำเข้มมัดรวบไว้ข้างหลัง ไม่ผิดแน่นั่นคือ'เรย์'พี่ชายของเธอแน่นอน
"อย่ามาโกหก เธอมันก็มนุษย์ พวกมนุษย์ที่คอยจะแก่งแย่งชิงดีหาความสุขให้แต่ตัวเอง!"
เรย์ออกแรงบีบขึ้นเรื่อยๆ
"ฉันจะฆ่าพวกมนุษย์!"
เมนิปล่อยมือเล็กๆ ของตนออกจากมือของพี่ชาย ล้มเลิกที่จะแกะมือของเขาออก
"คงกลัวสินะคะ พี่คงจะเหงาเวลาอยู่ตัวคนเดียวเหมือนเมนิ... ถ้าหากเมนิตายไปตอนนี้ก็คงจะดี จะได้อยู่กับพี่เรย์ตลอดไป"
เด็กสาวหลับตาลงอย่างเงียบๆ
"เมนิ..."
ชื่อของเด็กสาวถูกเอ่ยออกจากปากของผู้เป็นพี่อย่างอ่อนโยน
เด็กสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อมือที่เย็นเฉียบนั้นคลายออกจากคอของเธอ
"พี่เรย์จำเมนิได้แล้วหรอคะ?"
"อืม... เมนิ...พี่ขอโทษ"
เรย์ก้มหน้าสำนึกผิด
เด็กสาวกระโจนเข้ากอดเด็กหนุ่มแน่น
แม้ว่าเธอจะร้องไห้ออกมา แต่...นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอเสียใจหรือดีใจเพียงอย่างเดียว แต่มันถูกบรรจุด้วยความรู้สึกทั้งสอง
"เมนิคิดถึงพี่ที่สุดเลย"
กริ๊ง...กริ๊ง...
♪
แสงสีขาวเลือนหายไป
ความมืดมิดคอยบดบัง
ทุกสิ่งทุกอย่างถูกบดบัง... ด้วยสีดำ
'เมนิ อินโนซาเบล' เด็กสาวอายุสิบหกปี เธอเป็นน้อยชายของ 'เรย์ อันคาเกน' แม้ทั้งสองจะนามสกุลต่างกันแต่ทั้งสองก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เพราะเรย์เป็นลูกคนแรก แต่ภายหลังพ่อของเขาได้เสียชีวิตจากอุบัตติเหตุ และไม่กี่ปีต่อมาแม่ก็แต่งงานใหม่กับพ่อของเมนิ ถึงเรย์จะเป็นลูกติด แต่พ่อก็ยังรักและเอ็นดูเขาเหมือนกับลูกแท้ๆ เช่นเดียวกับเมนิ และเมื่อไม่นานเมื่อเมนิอายุได้สามปีและเรย์อายุได้เจ็ดปี พ่อก็ต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ ทั้งสองเลยต้องอยู่กับแม่เพียงแค่สามคน
เรย์เป็นเด็กเรียนเก่ง เมื่ออายุได้สิบหกปีเขาก็ได้รับเลือกให้ตัวแทนโรงเรียนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนไปยังโรงเรียนโซลว่า แต่เนื่องด้วยโรงเรียนโซลว่าเป็นอริอยู่กับเอสทอลอยู่ก่อนแล้ว จึงทำให้เรย์ไม่มีเพื่อนแม้แต่น้อย จนกระทั่งผ่านไปสามเดือน เมนิได้ไปโรงเรียนแต่เช้าตามปกติ แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือ มีร่างของพี่ชายเธอนอนจมกองเลือดอยู่ใต้ต้นไม้หน้าห้องสมุด ตามร่างกายมีบาดแผลเหมือนกับถูกของมีคมกรีดไปทั่วหลายแห่ง เลือดสีแดงฉานฉาบย้อมไปทั่วร่าง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง บนต้นไม้มีรอยของมีคมกรีดเป็นตัวหนังสือว่า 'ไอพวกเอสทอลต้องตาย'
...พวกมันฆ่าพี่เรย์
ทั้งที่พีเรย์เป็นฝ่ายถูก
ทำไมพวกครูต้องไปยิมพวกมันด้วย!
พอเรื่องเกิดขึ้นพวกครูฝ่ายปกครองนักเรียนกลับอุบเรื่องเงียบปิดเรื่องไว้ แล้วบอกเพียงแค่ว่า "ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดีกว่า" แล้วนานเข้าเรื่องก็ซาลง แต่สุดท้ายก็จับคนผิดไม่ได้
เมนินี่แหละจะทำให้เรื่องทุกอย่างจบลงเอง!
เมนิเกลียดพวกโซลว่าทุกคน
รอบๆ กายมืดมิด
มีเพียงลายตัดบนถุงเท้า เท่านั้นที่เป็นสีขาว
สาวน้อยจ้องมอง
"เมนิกลับไปเถอะ"
"ไม่คะ เมนิจะอยู่กับพี่เรย์" เด็กหนุ่มเดินออกห่างทันที
"ถ้าจะไป เมนิจะพาพี่เรย์ไปด้วย!"
เมนิพยายามดึงร่างของเรย์ไว้ แต่กลับถูกมืออันเย็นเฉียบนั้นปัดออก
"ไม่ได้หรอก ที่นั้นไม่มีที่ให้พี่อยู่อีกต่อไปแล้ว... รีบกลับไปซะเถอะ"
"แต่..."
"รีบไปซะ!" เขาตะคอก
เด็กสาวก้าวถอยหลังทำท่าทางจะร้องไห้ แต่เธอก็ไม่ได้หลั่งน้ำตาออกมา ก่อนจะหันไปอีกทางเสียงของพี่ชายเธอก็เอ่ยพูดอีกครั้ง
"และก็... เมนิ อย่ากลับมาที่นี่อีก เพราะที่นี่ไม่ใช่โลกที่เมนิควรจะอยู่ อย่ามาเจอพี่อีก เพราะพี่ไม่ใช่พี่ของเมนิอีกต่อไปแล้ว "
เรย์นั่งลงบนพื้นที่เปรอะไปด้วยเลือดหลังจากที่พูดจบ
พอฟังคำพูดแล้ว เด็กสาวเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ แล้วเธอก็วิ่งกลับขึ้นไปยังชั้นหนึ่งของอาคาร
"อย่าให้ความแค้นต้องทำร้ายตัวเองไปมากกว่านี้เลย ปล่อยมันให้หายไปพร้อมกับพี่เถอะ"
เนื้อตัวหนักอึ้ง
รองเท้าและเท้าเปียกไปด้วยเลือดสีแดง
สายตาเริ่มพร่าพราง
สติก็ค่อยๆ เลือนลาง
♪
"ขอโทษด้วยนะที่ฉันช่วยอะไรไม่ได้" เสียงใสดังกังวานไปทั่ว ท่ามกลางความมืดมิด
"เธอช่วยเมนิได้ไหม? ขอร้องหละ!ฉันไม่อยาก..."
"ขอโทษที่ฉันไม่ใช่พระเจ้า และพระเจ้าเองก็ไม่ได้กำหนดสักหน่อย หากเธอคนนั้นเชื่อฟังที่นายพูด มันคงจะดีไม่น้อยเลยหละ"
กริ๊ง... กริ๊ง...
เสียงกระพรวนขานรับ เสียงใสกังวานก้อง ก่อนจะมีเสียงแว่วคล้ายกับบทเพลงดังคลอเบาๆ กับสายลม
♪
ห้องสีขาว
ผ้าม่านสีขาวถูกพัดด้วยสายลมอ่อนๆ
"ห้องพยาบาล?"
เมนิลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางงัวเงีย
เธอรูสึกว่าร่างกายไม่ค่อยจะมีแรงเอาซะเลย
"อ่าวฟื้นแล้วหรอ ไปทำอีท่าไหนให้ล้มฟุบตรงบันไดแบบนั้นละนั่น?"
เสียงของครูผู้หญิงดังขึ้นภายในห้อง และนั่นก็คือครูของห้องพยาบาลนั่นเอง
"..."
เมนิพูดอะไรไม่ออก
เธอพยายามทบทวนเรื่องต่างๆ
"เราฝันไปงั้นหรอ?" เมนิพูดกับตัวเอง
...แต่... กลิ่นคาวเลือดนั่น มันยังติดจมูกอยู่เลย!
ชุดที่เธอใส่ในตอนนี้คงหนีไม่พ้น'ยูนิฟรอม'ของโรงเรียนเอสทอล ถุงเท้ายังคงเป็นสีขาวสะอาดสะอ้าน
"นี่ก็ปาเข้าไปเกือบหนึ่งทุ่มละ ฟื้นแล้วก็กลับบ้านได้แล้วหล่ะนะ"
"ค่ะ" เมนิตอบกลับครูคนนั้น
วันนี้ดวงดาวก็ยังสวยเหมือนกับทุกๆ วัน
แข่นกันส่องสว่างไสวไปทั่วท้องฟ้าที่มืดมิดนั้น
สวยจัง...
เมนิกลับมายังโรงเรียนอีกครั้ง
เมื่อเธอเห็นเข้ากับรอยกรีดบนต้นไม้นั้นทีไร เธอก็ไม่อาจลืมความแค้นได้ลง ถึงแม้จะเป็นคำขอจากพี่ชายสุดที่รักก็ตาม
...ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งแค้น แค้นที่สุด!
เธอปีนเข้าหน้าต่างบานที่เปิดข้างไว้บานเดิม เวลาเดิมและเดินกลับไปยังชั้นใต้ดินเหมือนกับตอนนั้น แต่คราวนี้เธอพกไฟฉายมาด้วย
มีไฟฉายทำให้หลายๆ อย่างสะดวกกว่าตอนนั้นเยอะ ทั้งที่เธอเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเรื่องนั้นเป็นความจริงหรือความฝันกันแน่ เธอจึงมาพิสูจน์ให้แน่ใจ
เธอเดินลงไปจนถึงชั้นใต้ดิน
เด็กสาวใช้ไฟฉายส่องไปทั่วบริเวณนั้น
"เรื่องทั้งหมดจะเป็นความจริงไปได้ยังไงกะ..."
เธอหยุดพูดลง เมื่อแลเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
เขานั่งหันหลังให้เธอ ผมสีดำสนิทนั้นดูยุ่งเหยิง
"พี่เรย์!" เด็กสาวพูดออกมา
เด็กหนุ่มยืนขึ้นพร้อมกับหันหน้ามาช้าๆ
...กริ๊ง...กริ๊ง..กริ๊ง.กริ๊ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ~♪
เสียงกระพรวนดังกังวานขึ้นต่อเนื่อง ไม่หยุด
เมื่อเด็กสาวได้เห็นใบหน้าของของพี่ชาย เธอก็ดีใจจนพูดอะไรไม่ออก ถึงแม้ว่าพี่ชายเธอจะอยู่ในสภาพที่ไม่เหมือนกับมนุษย์ก็เถอะ
มีรอยแผลอยู่ทั่วร่าง เลือดสีแดงไหลรินย้อมทั่วร่างกาย ดวงตาไม่ตอบสนองต่อแสงของไฟฉาย
เมนิวิ่งเข้ามาหาร่างของพี่ชายทันที
มือที่กางออกของเขาบ่งบอกราวกับว่า "มานี่สิ เมนิ มาหาพี่"
แต่แล้วความคิดต่างๆ ก็หยุดแล่น มือทั้งสองข้างที่กางออกนั้นตรงเข้าบีบคอของเธออย่างรุนแรง
"พี่เรย์... แค่ก แค่ก..."
เธอพูดอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
น้ำตาเริ่มทะลักออกมาเรื่อยๆ ไหลรินลงตามแก้มทั้งสองข้าง ดวงตาเลื่อนลอยจับจ้องที่เพดานอันมืดมิด
"และก็... เมนิ อย่ากลับมาที่นี่อีก เพราะที่นี่ไม่ใช่โลกที่เมนิควรจะอยู่ อย่ามาเจอพี่อีก เพราะพี่ไม่ใช่พี่ของเมนิอีกต่อไปแล้ว " คำพูดที่สุดท้ายที่เธอได้ยนจากปากของพี่ชายแล่นผ่านสมอง
เมื่อเริ่มขาดอากาศหายใจ
ความแค้นก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความโศกเศร้า
...ขอโทษคะ ที่เมนิทำไม่ได้
เมนิแพ้จิตใจตัวเอง
ปล่อยให้ความแค้นเข้าครอบงำ
เมนิขอโทษ...
กริ๊ง...กริ๊ง..กริ๊ง.
"เมื่อใดที่มีความเศร้า ความทุกข์หรือความแค้น ตัวเองไม่ใช่ผู้เจ็บ แต่คนอื่นที่รักเรานั้นต่างหากละ คือผู้เจ็บที่สุด"
สาวน้อยแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่นัยษ์ตาของเธอกลับดูโศกเศร้า
เธอปรากฎกายออกมาจากความมืดรอบๆ กาย พร้อมกับเสียงกระพรวนที่กวัดแกว่งไปมา
กางเขนสีทองอร่ามสะท้อนต้องกับแสงของไฟฉายที่ตกอยู่บนพื้น
"เออเรอวัวร์ อาเบียงโตร์*"
สาวน้อยยกกางเขนนั้นขึ้นเหนือศรีษะพร้อมกับบทเพลงที่ไพเราะแต่ฟังดูเศร้าสร้อยออกมาจากปาก พอจบเพลงเธอก็ปักกางเขนลงยังร่างของเด็กหนุ่ม
กางเขนสีทองเสียบลงไปยังร่างของเด็กหนุ่มก่อนจะทะลุผ่านร่างของเด็กสาวผู้เป็นน้องอีกที
ร่างของทั้งสองค่อยๆ เลือนหายพร้อมกับร่างของสาวน้อยสีดำ
เหลือไว้เพียงร่างโปร่งใสของสองพี่น้องที่จะอยู่ด้วยกันเป็นนิรันด์...
ยิ่งคุณเจ็บมากเท่าไหร่ ลองมองดูคนข้างคุณสิ... เขาอาจจะเจ็บยิ่งกว่าคุณพันเท่า ดังนั้น จงมีความสุขพร้อมกับปล่อยความทุกข์ให้จางหาย ไม่ใช่เพื่อตัวคุณเอง แต่...เพื่อคนที่รักคุณด้วย
...ฉัน'ลัทซ์'ค่ะ นักขับขานบทเพลงแห่งพระเจ้าเพื่อขับกล่อมและมอบความสุข ให้กับสิ่งต่างในโลกแห่งนี้ หวังว่าคุณจะมีความสุขกับคนรอบข้างของคุณนะคะ แล้วพบกันใหม่ เออเรอวัวร์ อาเบียงโตร์*
♪
*เออเรอวัวร์ อาเบียงโตร์ เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า ลาก่อน แล้วพบกันใหม่
♪
...คิดแล้วใจหายนัก...
...สิ่งที่เรารักกลับถูกลบเลือนไป...
หลงเหลือไว้เพียงหัวใจอันอ้างว้าง และความแค้นอันหนักอึ้ง
ผ่านไปสองปีแล้วสินะ แต่...มองไปที่นั่นทีไรก็ทำให้หวนนึกถึงทุกที...
ต้นไม้ใหญ่ซึ่งผลิดอกเป็นสีชมพูสะพรั่ง พริ้วไหวไปตามกระแสลม เสียงของใบไม้ดังกระทบกันเป็นจังหวะ
เด็กสาวยืนมองไปยังต้นไม้นั้นอย่างอาลัย
ร่องรอยบนต้นไม้นั้นเหมือนกับถูกของมีคมกรีดไปทั่วต้น
เธอเดินเข้ามายังใต้ร่มไม้สีชมพู ที่ตั้งอยู่หน้าบริเวณอาคารเรียนหลัก ก่อนจะขุกเข่าลงตรงโคนราก
มือเล็กๆ บรรจงลูบไปตามรอยบากบนต้นไม้อย่างช้าๆ
...พี่เรย์ เมนิคิดถึงพี่จังเลย...
...อยากให้พี่กลับมาหาเมนิ...
...คิดถึงจังเลย...
เด็กสาวปล่อยให้ความสงบเข้าปกคลุม
เธอเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้ใหญ่ด้วยสายตาเข้มแข็ง
"เมนิรู้... ว่าพี่เรย์ถูกพวกมันฆ่า... พวกโรงเรียนโซลว่า พวกมันเกลียดพวกเรา พวกมันฆ๋าพี่ เมนิจะแก้แค้นให้พี่!"
...กริ๊ง...กริ๊ง~♪
"ขนาดมนุษย์ด้วยกันยังฆ่ากันเองได้ลงคอ ดูเหมือนงานจะเข้าเยอะแล้วสิ"
สาวน้อยในชุดสีดำมองไปยังต้นไม้ที่บานสะพรั่งไปด้วยดอกไม้อย่างเศร้าๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในตัวอาคารเรียนที่อยู่บริเวณเดียวกัน
♪
เรย์ อันคาเกน เด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเอสทอล สถานะ นักเรียนแลกเปลี่ยน
"เฮ้ย!นักเรียนแลกเปลี่ยนจากเอสทอลวะ"
"มันยังกล้ามาหาถึงที่นี่เลยหรอ"
"หมั่นไส้วะ สั่งสอนมันหน่อยไหม?"
"ฆ่ามันเลยไม๊?!"
"อย่านะ!!!"
เมนิดันตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะรู้ว่าตัวเองฝันร้าย
ฝันนั้น เป็นความจริง... เมื่อนานมาแล้ว
เธอพยายามลืมมัน แต่เธอไม่อาจลืม'เรย์'พี่ชายของเธอที่ถูกฆาตกรรมในวันนั้นได้
หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ก่อนจะค่อยๆ กลับเป็นปกติ
วันนี้ดวงจันทร์ทอแสงเด่นเป็นพิเศษ แข่งกับดวงดาวบนท้องฟ้า แสงนั้นสว่างทั่วส่องให้ทุกที่กลายเป็นสีขาวนวล
เธอยืนทอดสายตามองออกจากหน้าต่างห้องนอนไปยังท้องฟ้าสีดำอันไร้จุดหมาย คืนนี้เธอคงหลับตาไม่ลงอีกแล้ว
...ฉันจอสาปแช่งพวกโซลว่าทุกคน ให้พวกมันตายอย่างหมาข้างถนน ยิ่งกว่าที่พวกมันทำกับพี่ของฉัน!
...ความแค้นที่สะสมมาเนิ่นนาน ยากที่จะลบเลือนไปจากจิตใจได้ ยิ่งมีความแค้นสะสมมากเท่าใด จิตใจก็จะยิ่งตกต่ำลงเท่านั้น เว้นเสียแต่จะลืมมันไป...
เมนิตัดสินใจออกจากบ้านมาทั้งชุดนอน เธอเดินตรงรี่ไปยังโรงเรียนของเธอทันที
แสงจันทร์สว่างพอที่จะส่องให้เห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจน
เธอออกมาโดยไม่ได้ดูเวลาแม้แต่น้อย เมื่อนึกขึ้นได้จึงยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้เพิ่งจะห้าทุ่มเศษๆ
บริเวณโรงเรียนมืดสนิท รั้วโรงเรียนถูกปิดและถูกคล้องด้วยโซ่ขนาดใหญ่
เมนิปีนรั้วเข้ามาอย่างชำนาญ ก่อนจะวิ่งตรงเข้าไปทางหน้าต่างที่เปิดอยู่บริเวณห้องสมุด
หากมองออกจากหน้าต่างบานที่เปิดอยู่ คงจะเห็นเข้ากับข้อความบนต้นไม้ใหญ่ที่บานสะพรั่งด้วยดอกไม้สีชมพูต้นนั้นพอดี ข้อความที่ว่า'ไอพวกเอสทอลต้องตาย'
ก่อนอื่นก็ต้องหาหลักฐานเกี่ยวกับคดีนี้... อะไรก็ได้... ใช่สิ!ห้องพักครู เอกสารทุกอย่างต้องถูกเก็บอยู่ในนั้น
เมื่อเด็กสาวคิดได้ดังนั้นเธอก็วิ่งตรงไปยังอีกฝากของอาคาร ซึ่งเป็นห้องพักครู
"ชิ!ประตูล็อก" เด็กสาวสบธกับตัวเองเบาๆ
ห้องหาลวด... ห้องเก็บของ!
เด็กสาวไม่รอช้ารีบเดินไปยังชั้นใต้ดินของอาคารทันที ทว่า... ห้องใต้ดินนั้นมืดจนไม่สามารถที่จะมองเห็นทางได้สะดวก และแสงจากดวงจันทร์ก็ไม่สามารถส่องถึงได้
เธอใช้มือคลำไปทั่วบริเวณกำแพง ที่ๆเธอคิดว่าจะมีสวิตซ์ไฟอยู่ แล้วเธอก็พบมัน
เด็กสาวไม่รอช้าที่จะรีบกดมันลง
แต่...
"อะไรกัน... ไฟเสียรึไง?"
เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า
สักพัก เธอเริ่มมองเห็นสิ่งต่างๆ อย่างเลือนลาง คงเป็นเพราะสายตาเริ่มชินกับความมืดแล้วกระมัง
เธอเดินอย่างระมัดระวังไปยังห้องเก็บของที่อยู่บริเวณด้ายซ้ายมือตรงสุดทางเดิน
แผละ
เมนิหยุดเดินเมื่อเธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังเหยียบอะไรบางอย่าง สิ่งนั้นเป็นของเหลว ข้นๆ เหนียวๆ
"แหงะ ยี้~อะไรเนี๊ยะ?"
เมนิพูดพร้อมกับยกเท้าขึ้นในทันที
กลิ่นคาวๆ ของของเหลวนั้นลอยเข้าปะทะกับจมูก
...กลิ่นนี้...มัน..กลิ่นคาวเลือด!
"พี่เรย์คะ คราวหน้าพี่เรย์พาเมนิไปเที่ยวที่โซลว่ามั่งนะคะ พี่เรย์เป็นถึงนักเรียนแลกเปลี่ยนเชียวนี่นา"
"ได้สิ เอาไว้พี่จะพาไปนะ แล้วพี่จะเขียนจดหมายมาหาเมนิบ่อยๆ นะ"
"ค่ะ "
"แม่คะ ทำไมพี่เรย์เขาถึงเขียนจดหมายมาหาเมนิอีกไม่ได้แล้วละคะ?"
เด็กหญิงในชุดสีดำสนิทกล่าวถามกับผู้เป็นแม่
"พี่เขา...ฮึก พี่เขายุ่งนะจ๊ะ เขาคงจะต้องไปที่ไกลแสนไกล คงจะไม่กลับมาหาเราอีกแล้วละจ๊ะ ฮือ ฮือ"
หญิงผู้เป็นแม่กล่าวตอบ พร้อมกับน้ำตา
"หนูเห็นพี่เรย์เขามีเลือดออกด้วย หมอเขาจะพาพี่ไปรักษาใช่ไหมคะ?"
"จ๊ะ หมอเขาต้องรักษาพี่ได้แน่ๆ"
คำตอบที่ยากจะตอบเปร่งออกมาจากปากของผู้เป็นแม่ ่หวังไม่อยากเห็นน้ำตาของผู้เป็นลูก
♪
กริ๊ง... กริ๊ง...
เสียงกระพรวนดังก้อง สะท้อนไปทั่วบริเวณทางเดินชั้นใต้ดิน ก่อนที่จะถูกกลบด้วยเสียงของนาฬิกาที่ดังบอกเวลาเที่ยงคืนก้องไปทั่วโรงเรียน
"เสียงนาฬิกา...?"
เมนิเริ่มรู้สึกถึงความกังวลของตนเอง แต่เธอก็ข่มไว้ใต้จิตใจของเธอด้วยความแค้น
วัตถุเย็นเฉียบตรงเข้ามารัดคอองเธอ ก่อนที่วัตถุนั้นจะออกแรงบีบรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
เมนิพยายามใช้มือเล็กๆ ทั้งสองข้างของเธอแกะวัตถุนั้นแแก เธอจึงรู้ว่าสิ่งที่รัดคอของเธออยู่นั้นคือ'มือ'
ร่างของเธอถูกดันจนติดกับกำแพงทางด้านหลัง
"เธอเป็นใคร?! เข้ามาที่นี่ทำไม?!"
เสียงนั้นดังขึ้นตรงหน้าของเมนิ ก่อนที่มือเย็นเฉียบนั้นจะคลายออกเล็กน้อย น้ำเสียงนั้นดูร้อนรนและกังวลยิ่งนัก
เสียงที่เธอเคยได้ยินและคุ้นหู เสียงที่เธอรอคอยว่าจะเรียกชื่อของเธอมาตลอด
ใบหน้าที่ไม่คิดว่าจะได้พบเจออีกครั้ง ใบหน้าของคนที่ไม่ยอมส่งจดหมายมาอีกเลย...
...พี่เรย์...
"ฉันถามไม่ได้ยินรึไง! เธอเป็นใคร?!"
เสียงนั้นตะคอกดังขึ้น
"พี่เรย์... หนู... เมนิไงคะ เมนิ อินโนซาเบล หนูเป็นน้องของพี่ไงคะ!"
เมนิเริ่มมองเห็นใบหน้านั้นชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ผมสีดำเข้มมัดรวบไว้ข้างหลัง ไม่ผิดแน่นั่นคือ'เรย์'พี่ชายของเธอแน่นอน
"อย่ามาโกหก เธอมันก็มนุษย์ พวกมนุษย์ที่คอยจะแก่งแย่งชิงดีหาความสุขให้แต่ตัวเอง!"
เรย์ออกแรงบีบขึ้นเรื่อยๆ
"ฉันจะฆ่าพวกมนุษย์!"
เมนิปล่อยมือเล็กๆ ของตนออกจากมือของพี่ชาย ล้มเลิกที่จะแกะมือของเขาออก
"คงกลัวสินะคะ พี่คงจะเหงาเวลาอยู่ตัวคนเดียวเหมือนเมนิ... ถ้าหากเมนิตายไปตอนนี้ก็คงจะดี จะได้อยู่กับพี่เรย์ตลอดไป"
เด็กสาวหลับตาลงอย่างเงียบๆ
"เมนิ..."
ชื่อของเด็กสาวถูกเอ่ยออกจากปากของผู้เป็นพี่อย่างอ่อนโยน
เด็กสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อมือที่เย็นเฉียบนั้นคลายออกจากคอของเธอ
"พี่เรย์จำเมนิได้แล้วหรอคะ?"
"อืม... เมนิ...พี่ขอโทษ"
เรย์ก้มหน้าสำนึกผิด
เด็กสาวกระโจนเข้ากอดเด็กหนุ่มแน่น
แม้ว่าเธอจะร้องไห้ออกมา แต่...นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอเสียใจหรือดีใจเพียงอย่างเดียว แต่มันถูกบรรจุด้วยความรู้สึกทั้งสอง
"เมนิคิดถึงพี่ที่สุดเลย"
กริ๊ง...กริ๊ง...
♪
แสงสีขาวเลือนหายไป
ความมืดมิดคอยบดบัง
ทุกสิ่งทุกอย่างถูกบดบัง... ด้วยสีดำ
'เมนิ อินโนซาเบล' เด็กสาวอายุสิบหกปี เธอเป็นน้อยชายของ 'เรย์ อันคาเกน' แม้ทั้งสองจะนามสกุลต่างกันแต่ทั้งสองก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เพราะเรย์เป็นลูกคนแรก แต่ภายหลังพ่อของเขาได้เสียชีวิตจากอุบัตติเหตุ และไม่กี่ปีต่อมาแม่ก็แต่งงานใหม่กับพ่อของเมนิ ถึงเรย์จะเป็นลูกติด แต่พ่อก็ยังรักและเอ็นดูเขาเหมือนกับลูกแท้ๆ เช่นเดียวกับเมนิ และเมื่อไม่นานเมื่อเมนิอายุได้สามปีและเรย์อายุได้เจ็ดปี พ่อก็ต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ ทั้งสองเลยต้องอยู่กับแม่เพียงแค่สามคน
เรย์เป็นเด็กเรียนเก่ง เมื่ออายุได้สิบหกปีเขาก็ได้รับเลือกให้ตัวแทนโรงเรียนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนไปยังโรงเรียนโซลว่า แต่เนื่องด้วยโรงเรียนโซลว่าเป็นอริอยู่กับเอสทอลอยู่ก่อนแล้ว จึงทำให้เรย์ไม่มีเพื่อนแม้แต่น้อย จนกระทั่งผ่านไปสามเดือน เมนิได้ไปโรงเรียนแต่เช้าตามปกติ แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือ มีร่างของพี่ชายเธอนอนจมกองเลือดอยู่ใต้ต้นไม้หน้าห้องสมุด ตามร่างกายมีบาดแผลเหมือนกับถูกของมีคมกรีดไปทั่วหลายแห่ง เลือดสีแดงฉานฉาบย้อมไปทั่วร่าง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง บนต้นไม้มีรอยของมีคมกรีดเป็นตัวหนังสือว่า 'ไอพวกเอสทอลต้องตาย'
...พวกมันฆ่าพี่เรย์
ทั้งที่พีเรย์เป็นฝ่ายถูก
ทำไมพวกครูต้องไปยิมพวกมันด้วย!
พอเรื่องเกิดขึ้นพวกครูฝ่ายปกครองนักเรียนกลับอุบเรื่องเงียบปิดเรื่องไว้ แล้วบอกเพียงแค่ว่า "ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดีกว่า" แล้วนานเข้าเรื่องก็ซาลง แต่สุดท้ายก็จับคนผิดไม่ได้
เมนินี่แหละจะทำให้เรื่องทุกอย่างจบลงเอง!
เมนิเกลียดพวกโซลว่าทุกคน
รอบๆ กายมืดมิด
มีเพียงลายตัดบนถุงเท้า เท่านั้นที่เป็นสีขาว
สาวน้อยจ้องมอง
"เมนิกลับไปเถอะ"
"ไม่คะ เมนิจะอยู่กับพี่เรย์" เด็กหนุ่มเดินออกห่างทันที
"ถ้าจะไป เมนิจะพาพี่เรย์ไปด้วย!"
เมนิพยายามดึงร่างของเรย์ไว้ แต่กลับถูกมืออันเย็นเฉียบนั้นปัดออก
"ไม่ได้หรอก ที่นั้นไม่มีที่ให้พี่อยู่อีกต่อไปแล้ว... รีบกลับไปซะเถอะ"
"แต่..."
"รีบไปซะ!" เขาตะคอก
เด็กสาวก้าวถอยหลังทำท่าทางจะร้องไห้ แต่เธอก็ไม่ได้หลั่งน้ำตาออกมา ก่อนจะหันไปอีกทางเสียงของพี่ชายเธอก็เอ่ยพูดอีกครั้ง
"และก็... เมนิ อย่ากลับมาที่นี่อีก เพราะที่นี่ไม่ใช่โลกที่เมนิควรจะอยู่ อย่ามาเจอพี่อีก เพราะพี่ไม่ใช่พี่ของเมนิอีกต่อไปแล้ว "
เรย์นั่งลงบนพื้นที่เปรอะไปด้วยเลือดหลังจากที่พูดจบ
พอฟังคำพูดแล้ว เด็กสาวเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ แล้วเธอก็วิ่งกลับขึ้นไปยังชั้นหนึ่งของอาคาร
"อย่าให้ความแค้นต้องทำร้ายตัวเองไปมากกว่านี้เลย ปล่อยมันให้หายไปพร้อมกับพี่เถอะ"
เนื้อตัวหนักอึ้ง
รองเท้าและเท้าเปียกไปด้วยเลือดสีแดง
สายตาเริ่มพร่าพราง
สติก็ค่อยๆ เลือนลาง
♪
"ขอโทษด้วยนะที่ฉันช่วยอะไรไม่ได้" เสียงใสดังกังวานไปทั่ว ท่ามกลางความมืดมิด
"เธอช่วยเมนิได้ไหม? ขอร้องหละ!ฉันไม่อยาก..."
"ขอโทษที่ฉันไม่ใช่พระเจ้า และพระเจ้าเองก็ไม่ได้กำหนดสักหน่อย หากเธอคนนั้นเชื่อฟังที่นายพูด มันคงจะดีไม่น้อยเลยหละ"
กริ๊ง... กริ๊ง...
เสียงกระพรวนขานรับ เสียงใสกังวานก้อง ก่อนจะมีเสียงแว่วคล้ายกับบทเพลงดังคลอเบาๆ กับสายลม
♪
ห้องสีขาว
ผ้าม่านสีขาวถูกพัดด้วยสายลมอ่อนๆ
"ห้องพยาบาล?"
เมนิลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางงัวเงีย
เธอรูสึกว่าร่างกายไม่ค่อยจะมีแรงเอาซะเลย
"อ่าวฟื้นแล้วหรอ ไปทำอีท่าไหนให้ล้มฟุบตรงบันไดแบบนั้นละนั่น?"
เสียงของครูผู้หญิงดังขึ้นภายในห้อง และนั่นก็คือครูของห้องพยาบาลนั่นเอง
"..."
เมนิพูดอะไรไม่ออก
เธอพยายามทบทวนเรื่องต่างๆ
"เราฝันไปงั้นหรอ?" เมนิพูดกับตัวเอง
...แต่... กลิ่นคาวเลือดนั่น มันยังติดจมูกอยู่เลย!
ชุดที่เธอใส่ในตอนนี้คงหนีไม่พ้น'ยูนิฟรอม'ของโรงเรียนเอสทอล ถุงเท้ายังคงเป็นสีขาวสะอาดสะอ้าน
"นี่ก็ปาเข้าไปเกือบหนึ่งทุ่มละ ฟื้นแล้วก็กลับบ้านได้แล้วหล่ะนะ"
"ค่ะ" เมนิตอบกลับครูคนนั้น
วันนี้ดวงดาวก็ยังสวยเหมือนกับทุกๆ วัน
แข่นกันส่องสว่างไสวไปทั่วท้องฟ้าที่มืดมิดนั้น
สวยจัง...
เมนิกลับมายังโรงเรียนอีกครั้ง
เมื่อเธอเห็นเข้ากับรอยกรีดบนต้นไม้นั้นทีไร เธอก็ไม่อาจลืมความแค้นได้ลง ถึงแม้จะเป็นคำขอจากพี่ชายสุดที่รักก็ตาม
...ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งแค้น แค้นที่สุด!
เธอปีนเข้าหน้าต่างบานที่เปิดข้างไว้บานเดิม เวลาเดิมและเดินกลับไปยังชั้นใต้ดินเหมือนกับตอนนั้น แต่คราวนี้เธอพกไฟฉายมาด้วย
มีไฟฉายทำให้หลายๆ อย่างสะดวกกว่าตอนนั้นเยอะ ทั้งที่เธอเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเรื่องนั้นเป็นความจริงหรือความฝันกันแน่ เธอจึงมาพิสูจน์ให้แน่ใจ
เธอเดินลงไปจนถึงชั้นใต้ดิน
เด็กสาวใช้ไฟฉายส่องไปทั่วบริเวณนั้น
"เรื่องทั้งหมดจะเป็นความจริงไปได้ยังไงกะ..."
เธอหยุดพูดลง เมื่อแลเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
เขานั่งหันหลังให้เธอ ผมสีดำสนิทนั้นดูยุ่งเหยิง
"พี่เรย์!" เด็กสาวพูดออกมา
เด็กหนุ่มยืนขึ้นพร้อมกับหันหน้ามาช้าๆ
...กริ๊ง...กริ๊ง..กริ๊ง.กริ๊ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ~♪
เสียงกระพรวนดังกังวานขึ้นต่อเนื่อง ไม่หยุด
เมื่อเด็กสาวได้เห็นใบหน้าของของพี่ชาย เธอก็ดีใจจนพูดอะไรไม่ออก ถึงแม้ว่าพี่ชายเธอจะอยู่ในสภาพที่ไม่เหมือนกับมนุษย์ก็เถอะ
มีรอยแผลอยู่ทั่วร่าง เลือดสีแดงไหลรินย้อมทั่วร่างกาย ดวงตาไม่ตอบสนองต่อแสงของไฟฉาย
เมนิวิ่งเข้ามาหาร่างของพี่ชายทันที
มือที่กางออกของเขาบ่งบอกราวกับว่า "มานี่สิ เมนิ มาหาพี่"
แต่แล้วความคิดต่างๆ ก็หยุดแล่น มือทั้งสองข้างที่กางออกนั้นตรงเข้าบีบคอของเธออย่างรุนแรง
"พี่เรย์... แค่ก แค่ก..."
เธอพูดอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
น้ำตาเริ่มทะลักออกมาเรื่อยๆ ไหลรินลงตามแก้มทั้งสองข้าง ดวงตาเลื่อนลอยจับจ้องที่เพดานอันมืดมิด
"และก็... เมนิ อย่ากลับมาที่นี่อีก เพราะที่นี่ไม่ใช่โลกที่เมนิควรจะอยู่ อย่ามาเจอพี่อีก เพราะพี่ไม่ใช่พี่ของเมนิอีกต่อไปแล้ว " คำพูดที่สุดท้ายที่เธอได้ยนจากปากของพี่ชายแล่นผ่านสมอง
เมื่อเริ่มขาดอากาศหายใจ
ความแค้นก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความโศกเศร้า
...ขอโทษคะ ที่เมนิทำไม่ได้
เมนิแพ้จิตใจตัวเอง
ปล่อยให้ความแค้นเข้าครอบงำ
เมนิขอโทษ...
กริ๊ง...กริ๊ง..กริ๊ง.
"เมื่อใดที่มีความเศร้า ความทุกข์หรือความแค้น ตัวเองไม่ใช่ผู้เจ็บ แต่คนอื่นที่รักเรานั้นต่างหากละ คือผู้เจ็บที่สุด"
สาวน้อยแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่นัยษ์ตาของเธอกลับดูโศกเศร้า
เธอปรากฎกายออกมาจากความมืดรอบๆ กาย พร้อมกับเสียงกระพรวนที่กวัดแกว่งไปมา
กางเขนสีทองอร่ามสะท้อนต้องกับแสงของไฟฉายที่ตกอยู่บนพื้น
"เออเรอวัวร์ อาเบียงโตร์*"
สาวน้อยยกกางเขนนั้นขึ้นเหนือศรีษะพร้อมกับบทเพลงที่ไพเราะแต่ฟังดูเศร้าสร้อยออกมาจากปาก พอจบเพลงเธอก็ปักกางเขนลงยังร่างของเด็กหนุ่ม
กางเขนสีทองเสียบลงไปยังร่างของเด็กหนุ่มก่อนจะทะลุผ่านร่างของเด็กสาวผู้เป็นน้องอีกที
ร่างของทั้งสองค่อยๆ เลือนหายพร้อมกับร่างของสาวน้อยสีดำ
เหลือไว้เพียงร่างโปร่งใสของสองพี่น้องที่จะอยู่ด้วยกันเป็นนิรันด์...
ยิ่งคุณเจ็บมากเท่าไหร่ ลองมองดูคนข้างคุณสิ... เขาอาจจะเจ็บยิ่งกว่าคุณพันเท่า ดังนั้น จงมีความสุขพร้อมกับปล่อยความทุกข์ให้จางหาย ไม่ใช่เพื่อตัวคุณเอง แต่...เพื่อคนที่รักคุณด้วย
...ฉัน'ลัทซ์'ค่ะ นักขับขานบทเพลงแห่งพระเจ้าเพื่อขับกล่อมและมอบความสุข ให้กับสิ่งต่างในโลกแห่งนี้ หวังว่าคุณจะมีความสุขกับคนรอบข้างของคุณนะคะ แล้วพบกันใหม่ เออเรอวัวร์ อาเบียงโตร์*
♪
*เออเรอวัวร์ อาเบียงโตร์ เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า ลาก่อน แล้วพบกันใหม่
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น