ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO FICTION] ONE IPPON (KAISOO)

    ลำดับตอนที่ #36 : CHAP 35 (END)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.44K
      27
      6 ต.ค. 56

     

    CHAPTER 35 (END)

     

     

    คิมมินซอกแห่งมหาวิทยาลัย m ไม่ได้ล้มง่ายอย่างที่คิดไว้ ครั้งที่แล้วคงเพราะเจอของแข็งอย่างจงอินเข้าไปเลยทำให้แพ้ไปตอนแข่งทีม หากเมื่อมาลงรุ่นโอเพ่นแล้วกลับแสดงฝีมือออกมาได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ผ่านไปไม่ถึงนาทีก็ทำให้เหงื่อของเซฮุนไหลเรื่อยมาตามโครงหน้าสวยได้แล้ว

     

    เสียงร่างกระแทกเบาะดังสนั่นจากการพลิกคว่ำใช้เข่าและแขนกระจายน้ำหนักลงกับเบาะแทน อีกครั้งที่เซฮุนหวิดจะเสียคะแนนให้รุ่นพี่ต่างทีม มินซอกไม่ใช่คนที่ใช้พลังอย่างไร้การควบคุมแต่ฉลาดจะใช้พลังที่ตัวเองมีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด อย่างเมื่อกี้ก็ใช้แรงแค่นิดเดียวแต่กลับเหวี่ยงเซฮุนลงมากระแทกเบาะได้ขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะมินซอกรู้จักใช้แรงของเซฮุนเองช่วยหนุนด้วย

     

    “อย่าเดินตามจังหวะเขาสิเซฮุน! หาจังหวะแล้วพามา ไม่ต้องลังเล” กัปตันทีมป้องปากตะโกนตอนที่กรรมการสั่งมาเต๊ะ น้องเล็กบนเบาะเม้มปากแล้วพยักหน้า ก่อนที่กรรมการจะสั่งเริ่มต่อ

     

    มินซอกไม่ใช่คนตัวใหญ่มากนักสำหรับรุ่นโอเพ่นจึงเล่นได้คล่องตัว ใช่ว่าเซฮุนจะไม่มีวิธีรับมือ เขาต้านการเข้ากระทำของมินซอกได้เกือบทั้งหมดแต่ที่ยากคือการบุกต่างหาก คิมมินซอกไม่ยอมให้มีช่องว่างเลย สมแล้วที่เป็นนักกีฬารุ่นโอเพ่นของมหาลัย m

     

    สกอร์บอร์ดดิจิตอลค้างไว้คนละ 1 ชิโด้ ส่วนช่องคะแนนยังเป็นศูนย์ด้วยกันทั้งคู่ เวลาผ่านมาแล้วเกือบครึ่ง คนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้โค้ชกุมมือสองข้างชิดริมฝีปากและวางศอกลงบนเข่า ตาคมจดจ้องการเคลื่อนไหวที่กำลังเริ่มขึ้นอีกครั้ง

     

    จงอินรู้ดีว่าเซฮุนยังมีของอีกมากที่ยังไม่ได้ปล่อยออกไป แต่จะปล่อยสุ่มสี่สุ่มห้าก็ใช่ที่ รุ่นโอเพ่นเวทไม่ใช่รุ่นที่คิดจะเล่นอะไรก็เล่นไปอย่างที่ต้องการ ถ้าพลาดไปแค่วินาทีเดียวก็ตัดสินได้แล้ว ดีไม่ดีอาจจะเจ็บตัวเสียเอง เขาจึงต้องคิดหาวิธีที่จะให้เซฮุนได้ปล่อย ของไปโดยที่ไม่ต้องเสี่ยงมาก

     

    “เซฮุน!” เสียงทุ้มตะโกนเรียกขึ้นไปในจังหวะที่น้องเล็กถูกตัดจังหวะจนลงไปกองบนพื้นทั้งคู่อีกครั้ง ใบหน้าขาวชื้นเหงื่อหันมามองทางต้นเสียง

     

    “รอ”

     

    จงอินพูดเพียงแค่นั้นแต่เรียวปากสีสดของคนบนเบาะกลับวาดยิ้มเล็กๆ เซฮุนพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนและกลับไปที่เส้นเมื่อกรรมการสั่งมาเต๊ะเพื่อให้นักกีฬาจัดเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย

     

    ริมฝีปากหยักได้รูปจุดยิ้มตามมา ในเมื่อฝ่ายนั้นอยากบุกนักเขาก็จะปล่อยให้บุกเต็มที่ คราวนี้ก็อยู่ที่ตัวเซฮุนแล้วว่าจะฉลาดพอที่จะแปลสารที่เขาส่งไปได้มากน้อยแค่ไหน แต่ในเมื่อเด็กคนนี้เป็นถึงเพชรน้ำงามในทีม จงอินเชื่อมั่นว่าเซฮุนจะทำได้ดีกว่าที่เขาต้องการไว้แน่นอน

     

    “ฮาจิเมะ” กรรมการสั่งแล้ว ทั้งคู่ก้าวเข้าหากันคนละนิดแล้วย่อตัวลงเตรียมชิงจับหาจังหวะกันอีกหน เซฮุนยังคงเล่นไปตามเกมส์ก่อนหน้านี้ การเข้าจับจึงยังเหมือนเดิม และแน่นอนว่าการยื้อยุดเพื่อพาอีกฝ่ายเข้าจังหวะก็เช่นกัน

     

    เซฮุนชิงเข้าก่อนเพื่อป้องกันชิโด้ข้อหาไม่เข้ากระทำ แต่ก็หลุดไปได้เหมือนเคยก่อนจะตามมาด้วยแรงกระชากกลับเข้าจังหวะของมินซอก เด็กหนุ่มรู้อยู่แล้วว่าลองเป็นอย่างนี้อีกไม่นานเขาต้องถูกมินซอกชิงเข้าท่าไหนสักท่าแน่นอน แต่มันไม่สำคัญหรอกว่าจะโดนเข้ากระทำแบบไหน จังหวะต่อจากนั้นต่างหาก

     

    เป็นตามคาด เมื่อได้จังหวะคิมมินซอกก็จัดการเข้าท่าโมโรเต้ทันที เซฮุนหลบได้ มินซอกตามมาเกี่ยวโอยูชิการิอีก เซฮุนก็หลบได้อีก จงใจหลบทุกลูกที่อีกฝ่ายเข้ากระทำมา เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่ามนุษย์เรายิ่งรู้ว่าตัวเองได้เปรียบก็ยิ่งได้ใจ ยิ่งเซฮุนหลบมากเท่าไหร่โอกาสโดนโทษชิโด้ก็มากเท่านั้น ในทางตรงข้าม ยิ่งบุกมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเซฟตัวเองจากโทษเช่นกัน

     

    และมินซอกก็พลาดเหยียบหลุมตัวเองอย่างที่เซฮุนคาดไว้

     

    การเข้าเกี่ยวโอยูชิการิครั้งสุดท้ายมินซอกทุ่มให้ทั้งตัวเพราะหวังจะทุ่มเซฮุนลงกับเบาะให้ได้จริงๆ แต่ผิดคาด เมื่อคนที่เอาแต่หนีมาตลอดกลับใช้จังหวะนี้หมุนตัวแล้วใช้ขาข้างที่ถูกเกี่ยวนั่นเองวาดขาของอีกฝ่ายขึ้นพร้อมกับบังคับมืออย่างรวดเร็ว รู้ตัวอีกทีเซฮุนก็กลับเป็นฝ่ายเข้าท่าดีดอูชีมาตะเองเสียแล้ว!

     

    มินซอกเพิ่งรู้ตัวตอนนี้เองว่าหลงติดกับอีกฝ่ายเข้าไปเต็มๆ เสียงอู๋ฟานจะโกนมาว่าให้รีบกระชากมือออกให้ได้ก่อนที่เซฮุนจะเข้าท่าได้สมบูรณ์กว่านี้ แต่มินซอกรู้ดีว่ามันช้าไปแล้ว เด็กคนนี้ไวกว่าที่คิด

     

    พริบตาเดียวเซฮุนก็เหวี่ยงตัวสุดแรงแล้วเปลี่ยนมือมาโอบไหล่ชนิดที่ไม่มีทางปล่อยให้คู่ต่อสู้ได้มีโอกาสดิ้นหลุดไปได้อีกแล้ว

     

    เสียงทุ่มดังขึ้นพร้อมกับกรรมการชูเมื่อขึ้นตรงเหนือศีรษะ เสียงเฮดังกึกก้องตามมาจนกลบเสียงให้คะแนนอิปป้งของกรรมการไปหมดสิ้น

     

    “ผลการแข่งขัน ฝ่ายน้ำเงิน โอเซฮุน มหาวิทยาลัย k เป็นฝ่ายชนะ” เสียงประกาศผ่านลำโพงหลังจากกรรมการยืนยันผลตัดสินและเซฮุนกับมินซอกเดินเข้าไปจับไม้จับมือกันกลางเบาะ

     

    จงอินลุกยืน ยิ้มรอเจ้าเด็กตัวขาวที่คิดไว้แล้วไม่มีผิดว่าต้องพาตัวเองมาจนเข้ารอบชิงจนได้ แพคฮยอนวิ่งถือน้ำกับผ้าเย็นมารออยู่ข้างๆ ด้วยกัน เมื่อเคารพเบาะครบทุกจุดเซฮุนก็หันมายิ้มกว้างแล้วพุ่งเข้าหากัปตันทีมที่กางแขนรอไว้ก่อนแล้ว

     

    “เอาจนได้นะตัวแสบ” จงอินพูดพลางตบหลังน้องเบาๆ ขณะที่แพคฮยอนก็ยีกลุ่มผมชื้นเหงื่อนั้นจนยุ่งไปหมด ยื่นน้ำท่าให้คนที่เพิ่งแข่งลงมาเรียบร้อยก็พากันกลับมาที่นั่งของทีมเพื่อรอแข่งในรอบชิงชนะเลิศต่อไป

     

    เด็กหนุ่มตัวบางถอดเสื้อยูโดออกก่อนจะรับเสื้อวอร์มจากคยองซูสวมทับท่อนบนเปลือยเปล่า เสียงหอบหายใจยังคงดังแผ่ว พร้อมกับที่ใบหน้าหวานสวยหันซ้ายทีขวาทีเหมือนกำลังมองหาใครอยู่

     

    “ยังไม่มาหรอก” เสียงทุ้มของพี่ชายตัวสูงเจ้าของเหรียญทองเมื่อวานพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของคนอายุน้อยกว่า ชานยอลหยุดเคาะด้ามปากกากับกระดาษแล้วระบายยิ้มนิดๆ เมื่อเซฮุนหันมามองเขา

     

    “เผลอๆ อาจจะไม่มาด้วยซ้ำใช่มั้ยฮะ?” รอยยิ้มเศร้าๆ ของเซฮุนเรียกให้แพคฮยอนต้องย้ายมานั่งลงข้างๆ แล้วตบไหล่เล็กเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ

     

    “ต้องมาสิ จงอินส่งข้อความไปบอกแล้วว่าเราได้เข้ารอบชิง พี่ลู่หานต้องมาแน่”

     

    เซฮุนส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มจาง “ไม่เป็นไรหรอกครับ เซฮุนเข้าใจ พี่ลู่หานก็มีหน้าที่ของตัวเอง เซฮุนก็มีเป้าหมายที่ต้องทำให้ได้ ถ้าพี่ลู่หานมาไม่ทันเซฮุนแข่งรอบชิงก็ไม่เป็นไรหรอก”

     

    “ไม่เป็นไรแน่เหรอ?” กัปตันทีมที่ยืนกอดคอพร้อมกับอิงร่างเล็กของคยองซูพูดขึ้นยิ้มๆ เซฮุนหันไปพยักหน้าให้เบาๆ เห็นอย่างนั้นจงอินก็เลิกคิ้วแล้วถามย้ำ “ถ้าไม่มีพี่ลู่แล้วจะเอาเหรียญทองมาให้พี่ได้แน่เหรอ?”

     

    คราวนี้เซฮุนชะงักไปเล็กน้อยก่อนเสียงเล็กจะตอบ “ได้สิฮะ เซฮุนไม่ทำให้พี่จงอินต้องผิดหวังอยู่แล้ว”

     

    ได้ยินคำตอบคนเป็นพี่ก็ถอนหายใจออกมาเสียงดัง ส่วนคนตัวเล็กที่ยืนให้อีกฝ่ายอิงแอบอยู่ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาแล้วฟาดเข้าที่อกกว้างเหมือนจะทำโทษแบบไม่จริงจังนัก

     

    “น้องมันบอกว่าทำได้ว่ะ งั้นก็กลับไปเหอะพี่ลู่”

     

    ทันทีที่ได้ยินจงอินพูดชื่อใครในท้ายประโยค เด็กตัวขาวที่นั่งยิ้มเศร้าอยู่เมื่อกี้ก็ถึงกับเบิกตากว้างแล้วลุกขึ้นยืนพรวด เทพไคจอมเจ้าเล่ห์ก็รู้งานยอมขยับถอยเพื่อให้น้องเล็กของทีมได้เห็นร่างของกัปตันทีมฟุตบอลที่ยืนอยู่ข้างหลังมาพักหนึ่งแล้ว

     

    ลู่หานคลี่ยิ้มนิดๆ แล้วยกมือทักทาย ทั้งๆ ที่คิดว่ามันดูเป็นการมาแบบโง่ๆ โดยเล่นตามแผนแกล้งบ้าๆ บอๆ ของจงอินมันแท้ๆ แต่เมื่อร่างขาวจัดถลาเข้ามาหาแล้วกอดเขาเสียเต็มรัก ลู่หานก็รู้ว่าตัวเองคิดถูกแล้วที่รีบมาหลังจากทีมแข่งรอบสองจบ

     

    ข้อความจงอินส่งไปให้ไม่ได้บอกเพียงแค่ว่าเซฮุนเข้ารอบชิง แต่บอกรายละเอียดมาพร้อมสรรพว่าคู่ต่อสู้ในรอบชิงนั้นคือใคร ถึงจะไม่ค่อยคร่ำหวอดในวงการยูโดสักเท่าไหร่แต่เมื่ออ่านข้อความในตอนท้ายว่าเป็นตัวท็อปในรุ่นโอเพ่นเวท ลู่หานก็พอจะเดาได้ว่ามันเป็นยิ่งกว่างานหินสำหรับโอเซฮุน

     

    กัปตันทีมให้เวลาเซฮุนจนถึงการแข่งรอบ repechage จบ หลังจากนั้นให้มาวอร์มเตรียมตัวแข่งรอบชิงชนะเลิศ ซ้ำยังกำชับลู่หานอีกว่าห้ามเข้าโหมดโหดหรือแม้แต่เข้าโหมดซึ้งจนน้องร้องไห้ เดี๋ยวกว่าจะหยุดสะอื้นพอดีไม่ต้องได้แข่งกัน

     

    ลู่หานรับปากพร้อมกับเขกหัวไอ้น้องชายตัวแสบไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ เขาไม่ได้พาเซฮุนไปไหนไกล แค่ออกมานั่งสูดอากาศด้านนอก ม้านั่งไม้ใต้เงาร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ข้างอาคารซึ่งผู้คนไม่พลุกพล่านคงจะเป็นที่ที่ดีที่สุดที่จะใช้เวลาสั้นๆ ด้วยกัน

     

    มือขาวที่กุมมือลู่หานไม่ปล่อยนั้นเย็นเยียบจนสัมผัสได้ แม้จะพยายามยิ้มแย้มและทำตัวปกติแค่ไหนลู่หานก็รู้ว่ามันผิดปกติ มืออีกข้างที่ว่างวางทับหลังมืออีกฝ่ายแล้วส่งยิ้มไปให้

     

    “กังวลอยู่เหรอเซฮุน?” เด็กตัวขาวนิ่งไปหลังจากเอ่ยถาม สักพักก็ส่ายหัวเป็นพัลวัน ลู่หานระบายลมหายใจออกมาเบาๆ แล้วพูดต่อ “ไม่ต้องฝืนตัวเองขนาดนั้นหรอก ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าจะกังวลก่อนแข่ง รู้ตัวหรือเปล่าว่าเราน่ะทำเกินตัวไปแล้วนะ”

     

    แตะปลายนิ้วบนจมูกโด่งรั้น เซฮุนนิ่งเงียบไปชั่วลมหายใจ จากนั้นหัวทุยก็ซบลงบนไหล่ของคนเป็นพี่ทันที ลู่หานหัวเราะเบาๆ แล้วลูบหัวเด็กน้อยที่พอรู้ตัวว่าน้ำตาจะไหลก็รีบหลีกเลี่ยงการสบตา คงกลัวว่ากลับไปตาแดงๆ จงอินจะดุเอาสินะ

     

    “เซฮุนอ่า...เราเป็นคนนะ เป็นมนุษย์ที่มีความรู้สึก เรากลัวได้ กังวลได้ เจ็บได้ เสียใจได้ แต่ไม่ใช่ว่าปล่อยให้มันเข้ามามีอิทธิพลเหนือใจเรา จำที่พี่เคยบอกเราได้มั้ย?” ก้มลงเล็กน้อยเพื่อมองเสี้ยวหน้าหวาน เซฮุนพยักหน้าเบาๆ

     

    “ดีมากครับ ถ้าจะกังวลก็เอาให้พอ ให้จบลงตรงนี้ แล้วพอไปยืนอยู่บนสนามก็ทิ้งมันให้หมด มั่นใจในตัวเอง พี่เชื่อว่าเซฮุนทำได้อยู่แล้ว เซฮุนของลู่หานน่ะเก่งอยู่แล้วนี่เนอะ”

     

    สิ้นประโยคพร้อมเสียหัวเราะของคนอายุมากกว่า ความเงียบก็เข้ารายล้อมคนทั้งคู่ หากแต่เป็นความเงียบที่ทั้งเซฮุนและลู่หานต่างยินดีอนุญาต บางครั้งคนเราก็ต้องการใช้เวลาอยู่กับความเงียบเสียบ้างเพื่อปลดปล่อยความรู้สึกต่างๆ ออกไป

     

    มีเพียงมือคู่เดิมที่กุมกันไว้ หัวทุยที่ซบลงบนไหล่ รอยยิ้มบนริมฝีปากได้รูป เสียงลมพัดแมกไม้ด้านบนจนสั่นไหวปลิดใบไม้ให้ลอยละลิ่วลงสู่พื้นเบื้องล่างบ้างเป็นครั้งคราว ไม่นานเท่าไรเซฮุนก็ขยับศีรษะลุกขึ้นแล้วส่งยิ้มให้คนข้างๆ ดวงตาคู่นั้นไม่หลงเหลือความหวั่นวิตกเอาไว้อีกแล้ว

     

    “เซฮุนพร้อมแล้วฮะ พี่ลู่หานรอถ่ายรูปเซฮุนรับเหรียญทองได้เลย” ราวกับได้รับกำลังใจเต็มเปี่ยม เซฮุนพูดเสียงมั่นใจแล้วหัวเราะออกมา กลับมาเป็นเซฮุนคนเดิมที่ต่อให้ต้องพบภูผาหรือพายุหนักหนาแค่ไหนก็จะมุ่งหน้าฝ่ามันไปให้ได้

     

    ลู่หานยีกลุ่มผมนุ่มด้วยความหมั่นเขี้ยว และหัวเราะไปพร้อมกับนักกีฬาตัวขาว เซฮุนบีบมือลู่หานเบาๆ อีกหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน ตั้งใจจะเดินกลับขึ้นไปเพื่อเตรียมตัววอร์มก่อนขึ้นแข่งรอบชิงหลังจากได้เรียกใจตัวเองกลับมาได้แล้ว แต่ทว่ากลับผิดคาดเมื่อลู่หานลุกขึ้นยืนตามแล้วเรียกรั้งเขาไว้

     

    ทันทีที่หันกลับไปหา มือใหญ่ก็วางลงบนโครงหน้าสวยแล้วรั้งเข้ามา ริมฝีปากได้รูปประทับลงบนกลีบปากนุ่มโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันตั้งตัว กดสัมผัสเบาๆ เพียงชั่วครู่หนึ่งเท่านั้นก่อนจะละออกมา ส่งรอยยิ้มให้อีกครั้งพร้อมคำพูดสั้นๆ

     

    “สู้ๆ นะครับคนเก่ง”

     

     

     

    เซฮุนไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งตนเองจะได้ยืนอยู่จุดนี้ ไม่เคยคิดว่าความกล้าและความมั่นใจที่เขาเชื่อว่าตัวเองมีมากไม่แพ้ใครจะไม่ช่วยอะไรเลย เขาไม่เคยรู้สึกว่าต้องเค้นเอาความกล้าทั้งหมดที่มีออกมาเพื่อเอาชนะความกลัวได้ถึงขนาดนี้

     

    ก่อนก้าวมาหยุดหลังเส้นเพื่อเผชิญหน้าคู่ต่อสู้นามว่า อ๊คแทคยอน นักกีฬามหาวิทยาลัย p ตัวเต็งของรุ่นโอเพ่นเวท จงอินบีบไหล่หนักๆ บอกกับเขาเพียงแค่ว่า ให้มั่นใจความคิดของตนเองแต่ก็ให้คิดถึงความปลอดภัยมาก่อนเป็นสิ่งแรก ถ้าไม่ไหวก็ปล่อยไปอย่าฝืนเอาไว้จนเสี่ยงอันตราย

     

    พี่ไม่อยากได้เหรียญทองแลกกับกระดูกของน้องหรอกนะ  

     

    นั่นคือประโยคที่จงอินเคยบอกเซฮุนไว้ ทว่าทันทีที่คำสั่งแรกเป็นสัญญาณเริ่มแข่งขันออกจากปากกรรมการ เซฮุนก็แทบลืมคำเตือนทั้งหมดของคนเป็นพี่ เขาจดจ่ออยู่ที่การแข่งขันเพียงอย่างเดียว สายตาจับจ้องสาบเสื้อของร่างใหญ่เบื้องหน้า

     

    เกมส์ในรุ่นโอเพ่นเวทมักจะดำเนินไปช้ากว่ารุ่นเล็กๆ เพราะส่วนมากแล้วก็จะมีแต่คนตัวโตๆ แข่งกัน แต่บ่อยครั้งที่มีคนตัวเล็กแข่งกันเอง หรือคนตัวเล็กแข่งกับคนตัวใหญ่กว่าเหมือนเซฮุน ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นคนตัวเล็กกว่าก็ใช่ว่าจะสามารถเคลื่อนไหวได้เร็ว เพราะการจะลากคนตัวใหญ่ให้เข้าจังหวะของตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ

     

    ตอนนี้เซฮุนกำลังเผชิญกับมันอยู่ เขาจับเสื้อแทคยอนได้แล้วแต่ขณะเดียวกันฝ่ายนั้นก็คุมบนเขาแล้วเช่นกัน ท่อนแขนแกร่งกดร่างเล็กจนก้มต่ำ ยากต่อการยืดตัวขึ้นมาเพื่อหาจังหวะเข้ากระทำ เพียงแค่แทคยอนลากเซฮุนให้เดินเสียงผู้ชมก็ดังขึ้นตาม การแข่งขันของคนตัวใหญ่กับคนตัวเล็กแบบนี้แหละที่น่าลุ้นที่สุด

     

    “เซฮุนพยายามยืดตัวนะ!! แต่ค่อยๆ ยืด ระวังจังหวะเข้าสวนด้วย เฮ้ย!” ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงของจงอิน ผู้ที่นั่งเก้าอี้โค้ชก็ถึงกับร้องขึ้นพร้อมกับแทบจะลุกขึ้นยืน

     

    ไม่ได้รอให้เซฮุนพยายามขืนตัวยืดขึ้น แทคยอนก็จัดการลากเซฮุนแล้วส่งขาขาเหยียดไปขวางขาเซฮุนพร้อมจะทุ่มในท่าดีดแล้ว นับว่าไหวพริบเซฮุนยังดีที่เบี่ยงหลบทันทำให้คะแนนที่ควรจะเป็นอิปป้งลดมาเหลือแค่ยูโก้ แต่ถึงอยากนั้นจงอินก็ไม่ได้สบายใจขึ้นเลยสักนิด

     

    กรรมการสั่งมาเต๊ะเพื่อให้ยืนเล่นใหม่ เมื่อจังหวะเข้าจับเริ่มขึ้นอีกครั้ง เซฮุนพยายามกระชากคู่ต่อสู้ให้เดินตามมาแต่มันก็เป็นไปได้ยาก แทคยอนอาจเดินตามมาก็จริงแต่ก็น่ากลัวว่าเซฮุนอาจจะเดินเหยียบหลุมของตัวเอง หากแทคยอนใช้จังหวะที่เซฮุนเป็นคนสร้างกลบฝังเซฮุนเกมส์ก็เป็นอันจบ

     

    ความแข็งแรงมันต่างกันมากเกินไป แค่เซฮุนหลบลูกเมื่อกี้ได้ก็นับว่าเหนียวมากแล้ว จงอินกลืนน้ำลายเหนียวลงคอแล้วป้องปากตะโกนโค้ชให้นักกีฬาเท่าที่สมองอันหนักอึ้งของตนจะพอประมวลออกมาได้ หากคนที่อาการหนักกว่าเห็นจะเป็นรุ่นพี่ตัวเล็กที่ยืนมองเกมส์ตาไม่กะพริบอยู่กับทีมมหาวิทยาลัย k ต่างหาก

     

    เสียงเฮดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเซฮุนถูกดีดอีกครั้งจนลงไปกระแทกเบาะเสียงดัง เสียไปอีกยูโก้ ซ้ำยังโดนไล่ล็อคต่ออีก จากท่าทีที่เห็นทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจจะไล่ล็อคจริงๆ คงจะแค่ถ่วงให้เวลาไหลไปเรื่อยๆ ขณะที่ตนเองคะแนนนำ จงอินจึงตะโกนให้เซฮุนรีบลุกยืนขึ้นเพื่อทำให้กรรมการเห็นว่าฝ่ายนั้นไม่ได้จงใจเข้ากระทำจะได้มีคำสั่งมาเต๊ะเพื่อเริ่มเล่นใหม่

     

    “เซฮุนเก่งมากจริงๆ ที่ป้องกันได้ถึงขนาดนั้น” คยองซูพูดออกมาขณะที่ตายังคงมองแผ่นหลังเล็กที่เริ่มไหวขึ้นลงเพราะความเหนื่อย แพคฮยอนที่ยืนดูอยู่ใกล้ๆ กันก็พยักหน้าเห็นด้วย

     

    “เหนียวมากจริงๆ เป็นฉันคงจะลอยตั้งแต่ดีดลูกแรกไปแล้ว พี่แทคยอนน่ะแข็งแรงจะตาย” คนตัวเล็กพูดแล้วหันมาทางลู่หาน ทุกคนแทบกลั้นขำไว้ไม่อยู่เมื่อเห็นรุ่นพี่ต่างสถาบันยืนดูการแข่งขันที่เริ่มขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเสียยิ่งกว่าคนแข่งเอง

     

    เด็กหนุ่มตัวบางพยายามเข้ากระทำ หลายต่อหลายครั้งที่เข้าท่าทุ่มไปแต่กลับถูกอีกฝ่ายผลักออกทำให้การเข้ากระทำนั้นไม่เป็นผล แทคยอนป้องกันได้ดีจนไม่พลาดเสียคะแนนเลยสักลูก ตรงข้ามกับเซฮุนที่แม้จะป้องกันดีแค่ไหนแต่ก็ยังเสียคะแนนแทบทุกครั้ง

     

    เวลาเหลือน้อยลงทุกที จากหน่วยนาทีเริ่มกลายเป็นวินาที ไม่ทันไรเซฮุนก็ถูกแทคยอนกวาดขาซ้อนหลังจนเสียคะแนนไปถึง 1 วาซาริ

     

    เสียงเชียร์เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเวลาชั้นชิดขึ้นทุกขณะเซฮุนก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วกลับไปที่เส้นเพื่อให้กรรมการสั่งมาเต๊ะจะได้เริ่มเล่นใหม่ ไหล่ไหวสะท้านตามจังหวะหายใจ อากาศที่สูดเข้าไปแห้งจนรู้สึกเจ็บคอ เซฮุนนึกขอบคุณจงอินที่ก่อนหน้านี้จัดตารางซ้อมสุดโหดทำให้เขาต้องวิ่งเยอะขึ้น ตอนนี้เลยไม่เหนื่อยมากเท่าที่เคยคิดไว้

     

    “ฮาจิเมะ!” คำสั่งเริ่มอีกครั้ง คราวนี้แทคยอนใช้เทคติคไม่บุกเพื่อปล่อยให้เวลาไหลไปเรื่อยๆ หากคะแนนนำมากพอในเวลาที่เหลือน้อย การยืนรอให้อีกฝ่ายเข้ากระทำแล้วตนเองเป็นฝ่ายป้องกันถือเป็นการเล่นที่ฉลาด จงอินก็เคยสอนไว้แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นฝ่ายที่ต้องบุกเพื่อทำคะแนนให้ได้ในเวลาสั้นๆ ไม่ถึงนาที

     

    เซฮุนรู้ว่าตนเองกำลังกลัว ก้อนเนื้อใต้อกซ้ายเต้นแรงจนน่าหงุดหงิด เขาไม่เคยตกอยู่ในภาวะกดดันขนาดนี้มาก่อน สมองพาลตื้อจนคิดอ่านอะไรไม่ออก แม้แต่หูก็อื้ออึงจนแทบไม่ได้ยินเสียงจงอินที่ตะโกนอยู่ ยิ่งเวลาเดินถอยหลังลงไปเรื่อยๆ เขาก็ยิ่งกลัวมากขึ้นจนทำอะไรไม่ถูก

     

    “เซฮุนฟังพี่!” แต่แล้วเสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่กรรมการสั่งมาเต๊ะเพื่อให้โทษชิโด้ทั้งสองฝ่ายที่ไม่ยอมเข้ากระทำ ดวงหน้าหวานที่เริ่มซีดหันกลับไปมองทางต้นเสียงที่กำลังยืนอยู่พร้อมกับพี่ๆ ในทีมของเขา

     

    “ไม่มีอะไรให้เสียแล้ว ลุยให้เต็มที่เลย!” ลู่หานป้องปากตะโกนมาพร้อมยิ้มกว้าง แม้สายตาพร่าเลือนแค่ไหนแต่เซฮุนก็มั่นใจว่าลู่หานพูดออกมาอย่างไม่ลังเล

     

    “เซฮุน! เซฮุน!!” คราวนี้เป็นเสียงของรุ่นพี่ผู้ที่นั่งประจำที่ตำแหน่งโค้ช เซฮุนหันมามองจงอิน ใบหน้าหล่อเข้มนั้นดูจริงจังแต่กลับแย้มยิ้มบนริมฝีปาก มือใหญ่กำแน่นก่อนที่จะวางทาบลงบนอกข้างซ้าย จงอินทุบกำปั้นตัวเองลงบนอกสองสามครั้ง

     

    “ตรงนี้ไงเซฮุน อย่าถอดใจนะ! ถึงจะเหลือแค่วินาทีเดียวก็อย่าถอดใจเด็ดขาด”

     

    เซฮุนเคยคิดและจินตนาการเอาไว้เล่นๆ หากต่อไปเมื่อเขาเข้าตาจน เห็นความพ่ายแพ้อยู่รอมร่อโดยที่ตัวเองยังทำไม่ได้สักคะแนน คนที่นั่งอยู่เก้าอี้โค้ชจะตะโกนบอกเขาว่าอย่างไร จะถูกต่อว่าหรือถูกกดดันให้เร่งเข้ากระทำแข่งกับเวลาไหม แล้วเซฮุนจะทนรับแรงกดดันที่เขาแสนจะเกลียดนั้นได้มากแค่ไหน

     

    ตอนนี้เซฮุนรู้แล้วว่ามันไม่จำเป็นอะไรเลย ในเมื่อคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวนั้นยังคงเป็นคิมจงอิน พี่ชายใจดีที่ปั้นแต่งเขามากับมือ คนที่คอยห่วงใยดูแลและฝึกฝนจนเขามายืนอยู่ ณ ตรงนี้ได้ กัปตันทีมที่ไม่บีบบังคับให้เขาเล่นตามที่สั่งแต่กลับให้อิสระกับเขาเต็มที่แม้เวลาจะเหลือน้อยจนน่าวิตกขนาดนี้

     

    ในเมื่อทั้งจงอิน ลู่หาน และทุกคนในทีมดีกับเขามากขนาดนี้ แล้วเขาจะทำให้ทุกคนผิดหวังได้อย่างไรกัน

     

    ริมฝีปากเรียวสวยกระตุกยิ้มพร้อมๆ กับที่กรรมการสั่งฮาจิเมะอีกครั้ง โดยที่คนบนสนามไม่รู้ตัวเช่นกัน ร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มนักวูซูก็เพิ่งถูกคยองซูลากมาดูช่วงสุดท้ายของการแข่งขันที่ด้านหน้าหลังจากที่หันไปเห็นว่าเจ้าตัวแอบหลบดูอยู่ข้างหลังอยู่ตั้งนาน

     

    จื่อเทาถูกลากให้มายืนข้างลู่หานที่กำลังยืนลุ้นผลอยู่เช่นกัน ทั้งคู่หันมองกันชั่วครู่หนึ่งก่อนที่ต่างฝ่ายต่างหันกลับไปให้ความสนใจบนสนามต่อ แต่แค่นั้นก็พอแล้ว จื่อเทาจุดยิ้มพลางส่ายหน้านิดๆ เมื่อคนที่ทำหน้าโหดเมื่อกี้หลุดยิ้มออกมาเช่นกันแม้ตาจะยังจับจ้องที่สนามอยู่

     

    การแข่งขันในช่วงครึ่งนาทีสุดท้ายเป็นไปอย่างลุ้นระทึก เซฮุนเข้าจับแต่ก็ระมัดระวังมาก แม้จะวินาทีเดียวเขาก็ประมาทไม่ได้ เวลายังคงไหลไปพร้อมกับที่แทคยอนเริ่มฝืนการลากเข้าจังหวะของเขา เซฮุนรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นอย่างนี้จึงยิ่งลากมาเรื่อยๆ ถึงแม้ต้องยอมเสียเวลาอันมีค่าไป

     

    ที่สุดเมื่อคิดว่าได้จังหวะ ขาเล็กก็รีบเร่งเกี่ยวโอยูชิการิทันที ฝ่ายนั้นไม่ถึงกับล้มแต่ก็มีเซจนลงไปคว่ำคู้ป้องกันตัวอยู่บนเบาะ และนี่แหละคือสิ่งที่เซฮุนต้องการ

     

    “เยี่ยม! อย่าปล่อยหลุดนะเซฮุน!” จงอินตะโกนและลุกขึ้นพรวด เขาหันมองตัวเลขดิจิตอลที่ถอยลงไปเรื่อยๆ บนจอ เหลืออีก 15 วินาที ถ้าเซฮุนทำสำเร็จล่ะก็ชนะแน่!

     

    เซฮุนทำสิ่งที่ทำให้คนทั้งสนามถึงกับต้องลุกขึ้นยืนพร้อมส่งเสียงฮือฮา คนตัวเล็กใช้จังหวะที่คู่ต่อสู้กำลังคู้ตัวอยู่นั้นยึดแขนข้างหนึ่งไว้แล้วทิ้งตัวมาข้างหลังสวนทางกับไหล่ ลองโดนแบบนี้ไม่ว่าคนตัวใหญ่กว่าแค่ไหนก็จำต้องหงายหลังตามมา แต่แทคยอนก็ไม่สามารถพลิกตัวขึ้นมากดล็อคได้เพราะลำตัวท่อนบนถูกกดไว้ด้วยขาทั้งสองข้างที่ไขว้กันแน่น

     

    แขนยาวที่ยึดมาตรึงไว้ระหว่างขาที่ไหว้ทับอกคู่ต่อสู้ บิดกดให้ตำแหน่งด้านหลังกระดูกข้อศอกวางบนต้นขาของหนึ่งของตนเองแล้วจัดการดัดขัดสวนกับทิศทางที่กระดูกควรจะเป็น

     

    ใช่...เซฮุนกำลังใช้เทคนิคหักแขนด้วยท่าจูจิกาตาเม่ (Juji katame) ที่เขาเคยใช้เล่นงานชานยอลตอนซ้อมมาแล้ว

     

    เซฮุนยั้งแรงเอาไว้เพื่อไม่ให้กระดูกข้อต่อนั้นหักในทันที ทีนี้ก็ต้องลุ้นว่าอีกฝ่ายนั้นจะยอมตบเบาะเพื่อเป็นสัญญาณว่ายอมแพ้เมื่อไหร่ แทคยอนดิ้นสุดแรงเพื่อให้หลุดพ้นจากการเกาะกุมยึดท่อนแขนไว้ เวลาก็ยิ่งถอยหลังไปเรื่อย คนทั้งสนามเริ่มนับถอยหลังเป็นวินาทีต่อวินาที

     

    “เซฮุนอย่าถอนนะ!

     

    8…7…6

     

    ไม่มีครั้งไหนเลยที่เซฮุนอยากหยุดเวลาเท่าครั้งนี้ เด็กหนุ่มหลับตาแล้วแอ่นตัวเพิ่มแรงดัดมากขึ้น แขนยาวเริ่มบิดผิดรูปจนน่ากลัว

     

    5…4…3

     

    ยอมสักทีเถอะ ได้โปรด ยอมสักที!

     

    2…

     

     

    แปะ แปะ

     

    “อิปป้ง!

     

    เสียงตบเบาะดังแผ่วหากเทียบกับเสียงเฮดังลั่นไปทั่วทั้งห้องโถงในขณะนี้ เซฮุนปล่อยแขนข้างนั้นของแทคยอนที่ดึงยึดอยู่นานแล้วทิ้งตัวลงกับเบา ยกข้อมือข้างหนึ่งขึ้งปิดตาทั้งที่ยังหอบหายใจถี่

     

    เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากร้องไห้กลางสนามแข่ง ก้อนเนื้อใต้อกซ้ายเต้นแรง มันผสมปนเปกันไปหมดทั้งความเหนื่อย ความล้า ดีใจ โล่งใจและอีกหลายๆ ความรู้สึกที่ทำให้เซฮุนไม่มีแม้แรงจะยันตัวเองให้ลุกขึ้นจนลำบากคู่ต่อสู้ตัวโตที่เพิ่งจะตบเบาะยอมแพ้ไปเมื่อครู่ต้องเป็นคนลุกขึ้นมาฉุดให้เขาลุกขึ้นยืน

     

    ต่างฝ่ายต่างกลับไปที่เส้นเพื่อเคารพกันและฟังคำตัดสินของกรรมการท่ามกลางเสียปรบมือและเสียงเฮที่ยังดังก้อง เมื่อได้รับคำตัดสิน แทคยอนและเซฮุนก็เดินยิ้มเข้ามากอดและจับมือกันกลางเบาะ เซฮุนขอโทษที่ทำให้เจ็บส่วนแทคยอนก็ส่ายหน้าทั้งรอยยิ้ม น้ำใจนักกีฬาที่แสดงออกมามีค่ายิ่งกว่าที่จะสนใจว่าคนตัวใหญ่หรือคนตัวเล็กเป็นฝ่ายชนะ

     

    เซฮุนถอยหลังโค้งเคารพตามเส้นแล้วหมุนตัวกลับไปเพื่อพบกับร่างสูงที่ยืนคลี่ยิ้มรอเขาอยู่ก่อนแล้ว คนเด็กกว่าไม่อาจเก็บกักความรู้สึกที่จวนล้นต่อไปได้อีก ร่างเล็กโผเข้ากอดคนเป็นพี่ เสียงสะอื้นแผ่วๆ เจือเสียงหอบหายใจดังอยู่กับอกแกร่งแต่จงอินก็เลือกที่จะหัวเราะแล้วยีกลุ่มผมชื้นเหงื่อนั้นแทน

     

    “สุดท้ายก็เอาเหรียญทองแลกกับกระดูกของคู่ต่อสู้แทนสินะ เหลือเกินจริงๆ โอเซฮุน”

     

    แพคฮยอนวิ่งถือน้ำกับผ้าเย็นตามไปสมทบกับจงอินที่กำลังพาเซฮุนเดินออกมาจากบริเวณสนามแข่ง ส่วนคยองซูก็ไปอยู่กับชานยอลตั้งแต่ที่จื่อเทามาอยู่กับลู่หาน ทำให้ตอนนี้อดีตคู่แข่งหัวใจได้ยืนอยู่ข้างกันเพียงลำพัง

     

    จื่อเทาระบายลมหายใจออกมาแล้วคลี่ยิ้ม “เป็นอย่างที่พี่บอกจริงๆ ด้วยสินะ”

     

    “ก็ฉันบอกแกแล้ว คนอาบน้ำร้อนมาก่อนน่ะมีเหรอจะไม่เข้าใจ” ลู่หานหันมายิ้มแล้วทำหน้าติดจะกวนใส่เด็กรุ่นน้อง แต่จื่อเทาก็ตอบสนองท่ากวนๆ นั้นกลับด้วยการยกไหล่ส่งๆ

     

    “แล้วไม่รีบไปหาล่ะ ปล่อยให้คนแรกที่กอดเซฮุนเป็นเทพไคได้ยังไง”

     

    “เฮ้ย ทีมก็อยู่ส่วนทีมดิวะ ให้กัปตันเขาได้ยินดีกับนักกีฬาหน่อย แฟนน่ะค่อยไปทีหลังก็ได้”

     

    “โห...พี่นี่โคตรคนดีเลยว่ะ ผมยอม” พูดจบก็หัวเราะออกมา ลู่หานทำท่าเหมือนจะเข้าไปเขกหัวเจ้าเด็กแพนด้าแต่ก็กลับหัวเราะออกมาแทน

     

    “เออ รู้แล้วก็ดี รับรองอยู่กับพี่เซฮุนไม่มีวันเสียใจหรอกไอ้น้อง” ตบท้ายด้วยการทุบอกตัวเองเสียงดังปั่กๆ อย่างอวดภูมิ พอดีกับที่จงอินพาเซฮุนกลับมา เสียงร้องเฮด้วยความยินดีจึงได้ดังขึ้นอีกครั้งตรงนี้

     

    น้องชายผิวคล้ำที่พ่วงตำแหน่งกัปตันทีมดันไหล่เล็กส่งเจ้าของเหรียญทองสดๆ ร้อนๆ ให้ลู่หาน เด็กน้อยยังคงน้ำตารื้นจนจมูกแดงก่ำ ลู่หานหัวเราะเบาๆ แล้วดึงอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอด ข้างกันจื่อเทาก็ยื่นมือมายีหัวทุยของเพื่อนตัวเล็กด้วย

     

    เสียงหัวเราะสอดประสานทำให้หลายๆ คนที่มองมาต้องนึกอิจฉาในความสัมพันธ์อันอบอุ่นของคนในทีม ความเห็นอกเห็นใจและความเข้าใจราวกับเป็นครอบครัวเดียวกันเป็นพลังที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นได้จริงๆ

     

     

     

    พิธีรับเหรียญในวันสุดท้ายพิเศษกว่าวันอื่นๆ สักหน่อย เพราะมีธรรมเนียมที่มักจะทำกัน นั่นคือคนที่ได้เหรียญมาก่อนแล้วต้องเปลี่ยนชุดยูโดคล้องเหรียญขึ้นมาถ่ายรูปพร้อมกัน ดังนั้นหลังเสร็จพิธีการ เบาะยูโดจึงแน่นขนัดไปด้วยนักกีฬาจากทุกทีม

     

    รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเป็นสิ่งยืนยันได้ดีถึงมิตรภาพหลังการแข่งขัน คนที่แข่งกันก็มาถ่ายรูปแสดงความยินดีกัน ไม่มีคู่แข่ง มีแต่ความเป็นเพื่อนที่ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ระหว่างที่ต่างฝ่ายต่างปะทะกันอยู่บนสนามแข่ง

     

    มินซอกและเซฮุนยิ้มกว้างให้กล้องพร้อมกับชูเหรียญที่คล้องคออยู่ รุ่นพี่แก้มป่องโอบกอดเด็กตัวขาวอีกครั้งก่อนจะขอตัวไปถ่ายรูปพร้อมกับอู๋ฟานและคนอื่นๆ ในทีมที่เปลี่ยนชุดยูโดขึ้นมาพร้อมกันแล้ว จื่อเทาได้โอกาสเข้าประชิดตัวถ่ายรูปคู่กับเซฮุนอยู่ไม่เท่าไหร่ก็ถูกตากล้องไล่ให้กลับไปหาอู๋ฟานด้วยอีกคน

     

    “ไหนบอกจะให้เซฮุนมีรูปกับเพื่อนเยอะๆ ไง”

     

    “แต่เพื่อนอย่างไอ้เด็กตาแพนด้านั่นแค่นี้ก็พอแล้ว!” ลู่หานบ่นพลางก้มกดดูรูปจากกล้อง ร่างเล็กเบ้หน้าเล็กน้อยแต่ก็เดินมาดูรูปอยู่ข้างๆ คนอายุมากกว่า

     

    เสียงหัวเราะคิกคักดังสลับกับเสียงคุยกันหงุงหงิงสองคน ทำเอาคนที่กำลังมัดสายดำอยู่นึกหมั่นไส้ นี่คิดว่าโลกมีกันอยู่แค่สองคนหรือไงวะ? นักยูโดก็เดินกันให้ขวักทั้งสนามยังจะมายืนอยู่ในโลกที่สร้างขึ้นกันอยู่ได้

     

    “หมั่นไส้โว้ยยยยยย” ว่าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาดังๆ “จะถ่ายมั้ยครับรูปอ่ะ ลงไปค่อยไปจีบกันต่อ อิจฉาเฟ้ย!

     

    จบเสียงบ่นกวนๆ ของคิมจงอิน ลู่หานก็เขวี้ยงคำด่าผ่านสายตาไปให้ไอ้น้องชายตัวแสบที่กำลังกอดคอคยองซูอยู่ ลู่หานให้เซฮุนเข้าไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ ที่เปลี่ยนชุดยูโดพร้อมคล้องเหรียญขึ้นมาเตรียมถ่ายรูปทีมร่วมกัน

     

    กัปตันทีมฟุตบอลมองภาพตรงหน้าผ่านเลนส์กล้องแล้วอดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้ เด็กหนุ่มในชุดยูโดสีขาวพร้อมกับเหรียญรางวัลยืนจัดตำแหน่งกันอย่างเหมาะเจาะ คนตัวสูงสองคนยืนอยู่ด้านหลังเยื้องออกมาข้างๆ โดยให้คนรักตัวเล็กของตัวเองอยู่ด้านหน้าและมีเซฮุนยืนอยู่กลางกลุ่มอีกที

     

    “พร้อมนะ เอ้า ยิ้มมมมม” ยิ่งทุกคนยิ้มกว้างภาพที่ออกมาก็ยิ่งสดใส

     

    ใครจะไปคิดล่ะว่าจากจุดเริ่มต้นแย่ๆ ของคิมจงอินจะทำให้เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ได้ จากเด็กหนุ่มที่ไม่มีอะไรโดดเด่นกลับกลายมาเป็นเทพไคที่ใครๆ ต่างกล่าวถึง ความรักที่ไม่สมหวังกับความบังเอิญที่น่าขันยังผลักดันให้โดคยองซูผู้ที่ไม่เคยแตะต้องกีฬาเลยสักครั้งพลิกผันกลายมาเป็นนักยูโดดาวรุ่งอย่างไม่น่าเชื่อ

     

    มิตรภาพระหว่างนักกีฬาคู่แข่งบนสนามของคู่เพื่อนสนิทตัวสูงยังพาให้แพคฮยอนได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของปาร์คชานยอลอีกด้วย และแน่นอนว่าพยอนแพคฮยอนยังติดพ่วงเอาเทวดาตัวน้อยอย่างโอเซฮุนมาเพื่อให้ลู่หานได้รู้ว่าความสุขในวันที่คนที่เรารักประสบความสำเร็จนั้นมันเป็นอย่างไร

     

    “อ้าวพี่คริส! มาๆๆๆ มาถ่ายรูปด้วยกันเร็ว” จงอินกวักมือเรียกรัวๆ เมื่อหันไปเห็นทีมมหาวิทยาลัย m กำลังเดินอยู่ใกล้ๆ อู๋อี้ฟานพยักหน้ารับแล้วจับจูงมืออี้ชิงให้เดินมาด้วยกัน มินซอก จงแด และจื่อเทาก็ตามมาด้วย โดยมีจุนมยอนเดินถือกล้องให้

     

    พอทุกคนเข้ามาอยู่ด้วยกันในเฟรมเดียวแบบนี้ยิ่งทำให้ดูเหมือนเป็นครอบครัวใหญ่ กดถ่ายครั้งแรกลู่หานขอความร่วมมือให้ทุกคนช่วยทำตัวเรียบร้อยถ่ายภาพแบบเป็นผู้เป็นคนกันก่อน จากนั้นจะทำท่าประหลาดหรือจะกวนประสาทใครก็ไม่ว่า แน่นอนว่าอู๋ฟานก็ยังไม่เลิกแกล้งจงอินง่ายๆ ยิ่งอี้ชิงไม่ว่าแถมยังเอาแต่หัวเราะตอนจงอินถูกแกล้งแบบนี้ก็ยิ่งแกล้งหนักเข้าไปใหญ่

     

    เสียงหัวเราะดังขึ้นท่ามกลางความวุ่นวาย ลู่หานกับจุนมยอนก็กดชัตเตอร์ไปเรื่อยๆ เพื่อเก็บภาพความประทับใจแบบเป็นธรรมชาติเอาไว้ แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าจุนมยอนก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งในทีมถึงจะไม่ได้แข่งก็ตาม ลู่หานเลยบอกให้คนตัวขาวฝากกล้องไว้ให้เขาแล้วเข้าไปอยู่ร่วมเฟรมด้วยกัน

     

    “อ้าวเฮ้ย จะมาก็มากันให้ครบๆ ดิ พี่ลู่เข้ามาถ่ายด้วยกันมาๆ” หลังจากดึงคยองซูมาไว้อีกทางให้ห่างมือท่านคริสจอมกวนได้แล้ว จงอินก็เรียกคนที่ถือกล้องให้เข้ามาด้วย

     

    “ฉันเข้าไปแล้วใครจะถ่ายล่ะวะ”

     

    คยองซูช่วยหันมองซ้ายขวาเพื่อหาตัวช่วย พลันสายตาก็เจอกับหญิงสาวในชุดยูโดกำลังเดินผ่านหลังลู่หานไปพอดี คนตาโตร้องเรียกเธอไว้พร้อมกับรบกวนให้ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย ซึ่งเธอก็ยินดีรับกล้องทั้งของลู่หานและจุนมยอนมา แล้วให้สัญญาณพร้อมถ่าย

     

    คนที่อยู่ในเฟรมแต่ละคนจัดหาจุดยืนกันได้ถูกใจแล้ว หลายคนเตรียมยิ้มกว้างชูเหรียญพร้อมถ่าย แต่หารู้ไม่ว่าก็มีอีกหลายคนเช่นกันที่ดวงตาฉายแววเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มไม่น่าไว้ใจที่ผุดบนริมฝีปากยิ่งฟ้องว่าคนพวกนี้เตรียมจะทำอะไรเอาแต่ใจในจังหวะที่กดชัตเตอร์อยู่แน่ๆ

     

    “พร้อมนะคะ หนึ่ง...สอง...”

     

     “เฮ้ย!

     

     

    แชะ...

     

     

    จากวันนั้น...มีรูปถ่ายขยายใหญ่หนึ่งรูปใส่กรอบไม้วางไว้บนหลังตู้ล็อคเกอร์ให้ห้องชมรมยูโด รูปสมาชิกของชมรมยูโดสองมหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายแต่ก็อบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ

     

    ด้านหน้าสุดของภาพเป็นคู่นักยูโดตาเรียวกับนักยูโดแก้มกลมที่กำลังกอดคอกันชูเหรียญทองแดงและเหรียญเงินของตนเองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ส่วนริมซ้ายเป็นภาพของร่างสูงโปร่งยิ้มโชว์ฟันครบทุกซี่ขณะที่อุ้มคนตัวเล็กซึ่งกำลังทำหน้าเหวอไว้ในอ้อมกอด ถัดมาเป็นชายหนุ่มหน้าหล่อราวรูปสลักวางมือใหญ่ของตัวเองลงบนหัวทุยของคนมีลักยิ้มแล้วดึงมาชิดกับตนพร้อมยิ้มให้กล้องทั้งคู่

     

    ริมขวาสุด คนหน้าหวานโอบเอวร่างบางในชุดยูโดมาจนชิดตัวพร้อมส่งยิ้ม แต่ยิ้มของคนกอดออกจะแกนๆ ไปสักหน่อยเมื่อข้างๆ กันนั้นเด็กขอบตาคล้ำเล่นวางมือลงบนหัวของอีกฝ่ายพร้อมอมยิ้มนิดๆ แต่บอกนัยแฝงได้เป็นอย่างดีว่าจงใจดูถูกดูแคลนความสูงที่มีอยู่น้อยนิดของคนข้างๆ ถัดจากเด็กตัวสูงเป็นร่างขาวจัดของใครอีกคนที่ส่งยิ้มให้แต่ตากลับมองใครอีกคน

     

    ท้ายที่สุดตรงกลางรูปถ่าย ผู้ชายตาโตยิ่งตาโตมากขึ้นเมื่อถูกจมูกโด่งของเจ้าของเหรียญทองกดลงบนแก้มพร้อมรอยยิ้มที่บอกได้เป็นอย่างดีว่ารักคนๆ นี้มากแค่ไหน

     

    ถึงแม้จะเป็นรูปถ่ายรูปเดียวของพวกเรา (เพราะหลังจากนั้นก็เกิดสงครามย่อมๆ ขึ้น) แต่เราทุกคนต่างบอกว่ามันเป็นรูปถ่ายที่มีค่ามากที่สุด ความทรงจำที่เลือนรางไปตามกาลเวลาถูกผนึกลงบนรูปเดียวในกรอบไม้ธรรมดา

     

    ความรักและมิตรภาพ สิ่งนี้ต่างหากที่ไม่เคยหายไปไหน และมันจะยังคงอยู่ตลอดไป

     

     

    บานหน้าต่างเปิดออกกว้างรับลมเย็นๆ ให้พัดเข้ามาในห้อง เบาะยูโดสีน้ำเงินเหลืองถูกเช็ดสะอาดเอี่ยม ราวไม้ด้านนอกหน้าต่างเรียงรายไปด้วยชุดยูโดสีขาวสะอาด สายดำและสายขาวพาดมัดเรียงกันเป็นระเบียบ

     

    ...เสื้อยูโดที่เย็บด้ายแดงไว้ใต้สาบด้านซ้ายไหวเบาๆ ตามแรงลม...


     

     

     

    END.




    บทส่งท้าย ...COMING SOON...

     

     

    Mirror* talk: อ่า...จบแล้วสินะ จบแบบยังไม่จบรออ่านบทส่งท้ายแบบจบจริงๆ กันอีกทีเร็วๆ นี้เนอะ เดี๋ยวจะตามมาแน่นนอนค่ะ ฮา

    เอาล่ะ จะพูดอะไรดีล่ะ เอาไว้เก็บไว้บอกยาวๆ หลังจากลงบทส่งท้ายละกันเนอะ ;____; ระหว่างนี้กระจกตัวน้อยๆ อยากขออะไรคนอ่านสักครั้งตั้งแต่เขียนวอป.มา หากไม่รบกวนมากไป อยากให้ทุกคนบอกความรู้สึกหรืออะไรก็แล้วแต่ที่มีต่อฟิคเรื่องนี้ได้ไหมคะ จะทางคอมเม้นท์ วิจารณ์ ทวิตติดแท็ก #วอป เมนชั่นมาหา หรืออะไรก็ได้ตามสะดวก เพราะเราเชื่อว่าคงไม่ใช่แค่เราที่ผูกพันกับฟิคเรื่องนี้ ผูกพันกับทุกตัวละคร ผูกพันแม้กระทั่งห้องชมรมซึ่งเป็นฉากสุดท้าย ร่วมกันแชร์สิ่งเหล่านี้ให้กันและกันนะคะ หรือใครจะอยากรอให้ลงบทส่งท้ายก่อนก็ได้ค่ะ

    ตั้งใจจบในจุดเริ่มต้นเพื่อให้เห็นว่าเราเดินทางมาด้วยกันไกลขนาดไหน ตั้งใจจบด้วยรูปภาพใบเดียวที่เป็นตัวแทนของมิตรภาพของกีฬาที่เราอยากให้ทุกคนได้สัมผัสมากกว่ามุมมองเรื่องความรักของตัวละคร(ที่จะเก็บไว้ให้สัมผัสซึมซับกันเต็มที่ในบทส่งท้าย) ความรักแบบคนรักจะหาอ่านจากฟิคเรื่องอื่นที่ดีกว่าฟิคเรื่องนี้อีกสักกี่เรื่องก็ได้ มีคนมากมายที่เสนอมุมมองความรักนี้ได้ดีกว่าเรา แต่มิตรภาพที่เกิดจากเกมส์กีฬาซึ่งค่อยๆ ถักทอกันขึ้นมาตั้งแต่จุดเริ่มต้นนั้นเราเชื่อว่าคงมีฟิคน้อยมากที่จะดึงมาเขียน เราหวังเล็กๆ เพียงแค่ว่า หากใครที่ไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึกนี้กับตัวเองอย่างน้อยขอให้ฟิคเราทำให้คุณซาบซึ้งกับมันได้จะมากจะน้อยเราก็ดีใจแล้วค่ะ

    อ่า...ไหนบอกว่าจะเก็บไว้บอกยาวๆ หลังลงบทส่งท้าย นี่ก็ยาวแล้วนะเนี่ย 5555* เป็นอันว่าขอจบทอล์คไว้แต่เพียงเท่านี้ พบกันอีกครั้งในบทส่งท้ายค่ะ

    ยังรักทุกสายตาที่กวาดทุกตัวอักษรตั้งแต่ตอนแรกจนถึงวินาทีนี้ ขอบคุณมากนะคะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×