ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO FICTION] ONE IPPON (KAISOO)

    ลำดับตอนที่ #13 : CHAP 13

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.07K
      22
      13 มี.ค. 56

     

    CHAPTER 13

     

     

    “ฉันไม่กล้าอ่ะ!

     

    “จะไม่กล้าได้ยังไง! เล่นยูโดไม่ให้ทุ่มกันแล้วจะให้ไล่เตะกันหรือไงห๊ะ!?

     

    จงอินตวาดเสียงดังพลางเท้าเอวมองคนที่ส่ายหัวเร็วๆ อยู่เหมือนเดิม มือเล็กเกาะแพคฮยอนแน่นแถมยังไปหลบอยู่ข้างหลังเพื่อนร่วมทีมตัวบางอีกต่างหาก แพคฮยอนได้แต่ยิ้มแห้งขณะที่ประธานชมรมถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย นี่คิดว่าสอนเด็กสามขวบอยู่หรือไงฟะ!?

     

    “ไม่ได้!” พูดเสียงดุแล้วดึงแขนบอบบางให้หลุดออกจากการยึดเกราะกำบังไว้

     

    “นายจะให้เวลาสามวันที่ฝึกเข้าท่ามาจนจะสมบูรณ์ขนาดนี้แล้วมันไร้ประโยชน์หรือไงห๊ะ!?  เข้าท่าได้แล้วก็ต้องทุ่มสิ! ถึงยังไงก็ต้องไปทุ่มคู่ต่อสู้อยู่แล้วจะกลัวอะไร”

     

    คยองซูส่ายหัวดิก ตากลมโตมองคนหน้าคมที่กำลังถมึงทึงได้ที่อย่างหวาดๆ แต่ก็ฉายแววดื้ออยู่ในที แขนข้างหนึ่งถูกมือหนายึดไว้และฉุดออกมาให้หลุดพ้นการเกาะกุมไหล่ของแพคฮยอน หากแรงบีบที่ข้อมือนั้นไม่ได้หนักหน่วงจนเขาต้องเจ็บตัวเหมือนในละคร

     

    ยอมรับว่าตัวเองดื้อขึ้นเยอะก็จริง แต่คยองซูก็อยากเตือนให้จงอินจำได้อยู่เรื่อยๆ เหมือนกันว่าเขาไม่แกร่งเหมือนแพคฮยอนหรือหัวไวใจสู้เหมือนอย่างเซฮุนหรอกนะ แล้วก็ไม่ได้เป็นนักกีฬามือหนึ่งอย่างจงอินและชานยอลด้วย คยองซูก็แค่คนธรรมดาที่ไม่เคยเล่นกีฬามาก่อนเลยในชีวิตนะ ไม่ได้เก่งแล้วเหมือนพวกเขานะ!

     

    ก็จู่ๆ วันนี้เล่นมาบอกว่าจะให้ลองทุ่มจริงๆ แล้วคิดว่าจะให้เขามั่นใจได้เลยหรือไงล่ะ ไม่ใช่จงอินนะที่เอะอะก็จับชานยอลทุ่ม ส่วนอีกคนก็ปล่อยให้ทุ่มโดยไม่ถามเหตุผลแบบนั้นทุกครั้ง นี่มันการทุ่มครั้งแรกของคยองซูเลยนะ!

     

    ทั้งเถียงทั้งวิ่งไล่กันมาอยู่พักใหญ่ ดูเหมือนตอนนี้จงอินจะไม่ยอมให้คยองซูหนีอีกแล้วจริงๆ แผงฟันคมงับริมฝีปากล่างอย่างชั่งใจก่อนจะอ้าปากบอกเหตุผลอีกคนไป

     

    “ก็ฉันไม่เคยทุ่ม ฉันกลัวแพคฮยอนจะเจ็บนี่”

     

    ได้ยินแค่นั้นจงอินก็ถอนหายใจออกมาเสียงดัง ส่วนแพคฮยอนที่ถูกพูดถึงได้แต่ส่ายหัวเบาๆ พร้อมระบายยิ้มมองคนพูด ไม่นานนักริมฝีปากคมกล้าของนักยูโดในตำนานก็ยกยิ้มตามแล้วดึงคนตัวบางให้ออกมาจากด้านหลังของอีกคน

     

    “มาถึงขนาดนี้แล้วจะไปกลัวอะไร ถ้านายทำถูก หุ่นก็ไม่เจ็บหรอก แค่เข้าท่าเหมือนอย่างที่ซ้อม เวลาทุ่มก็ให้ดึงเซฟเพื่อนไว้อย่างที่บอก ทำให้เต็มที่ก็แค่นั้น” จงอินพูดพลางจับคยองซูหมุนตัวให้หันหน้าไปหาแพคฮยอน

     

    “จำไว้ว่านายต้องออกแรงดึงให้เต็มที่ ถ้านายยั้งแรงไว้ล่ะก็คนที่เจ็บจะเป็นแพคฮยอนนะ อย่าดึงครึ่งๆ กลางๆ เวลาทุ่มหันหน้ามองมือซ้ายไว้พร้อมกับดีดตัวที่ขา บิดสะโพกให้สุด แล้วใช้ช่วงไหล่เหวี่ยงอีกฝ่ายลงมา มั่นใจหน่อย”

     

    มือหนาจับมืออีกฝ่ายให้จับสาบและแขนเสื้อยูโดของหุ่นพร้อมจะทุ่ม คยองซูหันกลับมาทำหน้ามุ่ยเหมือนเด็กจะร้องไห้อีกครั้ง แต่จงอินก็จิ้มแก้มนุ่มให้หันกลับไปทางเดิมด้วยหน้านิ่งๆ

     

    “และไม่ต้องมาทำอ้อน คราวนี้ไม่ยอมหรอกนะ” พอได้ยินคำขาดอย่างนั้นก็รู้แล้วว่าไร้ทางหนีจริงๆ คยองซูเลยต้องสูดลมหายใจลึกๆ แล้วเริ่มขยับขาเข้าท่า

     

    จงอินบอกให้เด็กปั้นของตัวเองเข้าท่าเฉยๆ ก่อน 4 ครั้ง แล้วครั้งที่ 5 ให้ทุ่ม หลังจากสั่งไปก็เขยิบออกมายืนดูอยู่ใกล้ๆ มองไปก็ยิ้มไป รู้สึกขันระคนเอ็นดูในอาการกังวลว่าจะทำคนอื่นเจ็บของคนตัวบางจริงๆ ทั้งๆ ที่ตลอดระยะเวลาที่ฝึกเข้าท่ากันมาอย่างหนักก็ทำได้ดี มันดีเกินกว่าที่จงอินคิดไว้ด้วยซ้ำไป แต่ยังจะมากลัวอะไรไม่เป็นเรื่อง

     

    แต่ก็คงจะว่าไม่ได้เต็มปากเท่าไหร่นักหรอกในเมื่อพออีกฝ่ายเริ่มจะดื้อไม่ยอมทุ่มโดยใช้ลูกอ้อนเข้าหน่อย ไอ้เขาที่เจอหน้าตาน่ารักทำตาชวนสงสารใส่ก็ต้องใจอ่อนยอมอยู่เรื่อย จนชานยอลมันต้องสะกิดบอกนั่นแหละว่าถ้ายังเอาความฟินของตัวเองเป็นที่ตั้งจนพาลทำให้คยองซูแข่งไม่ทันขึ้นมาจะกลายเป็นไอ้หน้าโง่ไม่รู้ตัว จงอินถึงต้องทำใจแข็งและกำราบเด็กดื้อให้ได้ ยังไงซะวันนี้คยองซูก็ต้องทุ่มให้ได้!

     

    “นั่นแหละ ดี ดึงมือซ้ายอีก ย่ออีกสิ! อยากให้ตีหรือไงห๊ะ!?” ปากก็ว่าแต่ไม้ที่อยู่ในมือน่ะไปถึงขาเล็กแล้ว

     

    คยองซูกัดริมฝีปากตัวเองเมื่อต้องออกแรงยกแพคฮยอนขึ้น พยายามไม่สนใจความเจ็บแปล๊บๆ ตรงที่จงอินตีลงมา ค้างไว้สักพักก่อนจะปล่อยอีกคนลงพร้อมกับที่จงอินชักไม้กายสิทธิ์ของตัวเองกลับมากอดอกทำหน้านิ่ง แพคฮยอนกรอกตาพลางผุดยิ้มหลังจากที่คยองซูวางเขาลงกับพื้น

     

    “แหมะ! ดุจังเว้ย”

     

    “เป็นหุ่นก็อยู่เงียบๆ ไปเลย” คนที่รู้ตัวว่าโดนแซวทางอ้อมพูดขณะไม่เปลี่ยนสีหน้า กระแอมไอเบาๆ ในลำคอพลางตวัดตาคมมองหน้าคนที่ยิ้มระรื่นไม่เกรงกลัว

     

    “ครั้งต่อไปทุ่มได้ แล้วทุ่มให้ดี ถ้านายทำได้ดีวันนี้ฉันจะสอนท่าใหม่ให้”

     

    คยองซูพยักหน้ารับโดยไม่ได้หันมองคนพูด สูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึก พยายามควบคุมจังหวะการหายใจของตัวเองให้พร้อม แล้วตัดสินใจวนขาเข้าท่า เมื่อวนตัวเข้าไปถึงจังหวะที่สามแล้วคนตัวเล็กก็ชะงัก ดวงตาคู่เล็กหันไปมองคนที่ยืนตีหน้านิ่งอยู่ใกล้ๆ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไร มีเพียงแค่ตาคมที่เหมือนจะบอกให้เขาทุ่มแพคฮยอนลงมาเสียที เขากลืนน้ำลายเหนียวลงลำคอแห้งผาก

     

    เป็นไงเป็นกัน!!

     

    วินาทีต่อมาคยองซูตัดสินใจหลับตาแล้วดึงให้สุดแรง หันหน้าไปทางซ้ายตามที่จงอินบอกแล้วเหวี่ยงคนข้างบนไปข้างหน้าชนิดที่ไม่ยั้งแรงเอาไว้ ในใจก็นึกขอโทษแพคฮยอนล่วงหน้าถ้าหากว่าการทุ่มครั้งแรกของตัวเองจะทำให้อีกฝ่ายต้องบาดเจ็บ

     

     

    ตึง!

     

     

    เสียงตบเบาะดังทั่วทั้งห้องซ้อม สองมือดึงยึดแขนเสื้อข้างหนึ่งของคนที่ตอนที่คงนอนกระแทกเบาะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คยองซูยังไม่กล้าลืมตาขึ้น ไม่กล้าเห็นภาพตรงหน้า และไม่กล้าจะทำอะไรอย่างอื่นนอกจากดึงเซฟคู่ซ้อมเอาไว้ตามที่จงอินบอก

     

    เขากลั้นหายใจจนแทบได้ยินเสียงอื่นๆ รอบตัวชัดเจน แต่กระนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยสักคน แม้กระทั่งชานยอลกับเซฮุนที่ตอนนี้น่าจะรันโดริและส่งเสียงเวลาออกแรงซ้อมกันบ้างแต่ก็เงียบกริบ ราวกับทุกคนหยุดทุกการเคลื่อนไหวของตัวเองเพื่อดูการทุ่มครั้งแรกในชีวิตของคยองซู

     

    “ก็ไม่เห็นจะแย่ กลัวอะไรนักหนา”

     

    ในที่สุดจงอินก็เป็นคนทำลายความเงียบนั้น พร้อมกับสัมผัสอ่อนโยนของมือใหญ่ลูบแผ่วเบาบนศีรษะของเขา คยองซูค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ก้มมองแพคฮยอนที่นอนจัดท่าตบเบาะสวยงาม ปลายเท้าหันไปทางฝั่งตรงข้ามเหมือนครั้งที่จงอินเป็นคนทุ่ม ซ้ำยังส่งยิ้มสบายๆ มาให้คยองซูอีกต่างหาก

     

    หัวใจพองโตขึ้นมาราวกับว่ามีใครสูบลมเข้าไป รีบหันขวับกลับไปหาคนที่ยังวางมือไว้บนศีรษะของตัวเองพร้อมใบหน้าที่อธิบายไม่ได้ว่ากำลังดีใจหรือกำลังจะร้องไห้ เขาพบรอยยิ้มบนริมฝีปากได้รูปคู่นั้น รอยยิ้มของจงอินที่มีทั้งความภาคภูมิใจ ความยินดี และความอบอุ่นส่งมาให้เขา

     

    “จ...จงอิน”

     

    “ดีใจยังกับแข่งได้เหรียญทองเลยนะ ไอ้เด็กดื้อ”

     

    ร่างสูงกลั้วหัวเราะขณะที่คยองซูยิ้มกว้างพลางกลืนก้อนอะไรสักอย่างที่ขึ้นมาจุกถึงลำคอ รู้ว่ามันคงงี่เง่ามากๆ ที่ดีใจกับอิแค่ทุ่มได้ แต่เมื่อมองไปรอบๆ แล้ว ทั้งแพคฮยอนที่เพิ่งจะลุกขึ้นมาหลังจากถูกทุ่ม ชานยอลกับเซฮุนที่หยุดรันโดริแล้วยืนหอบน้อยๆ มองเขาอยู่ห่างๆ ทั้งจงอินที่อยู่ใกล้ๆ ตรงนี้ตลอดเวลา ทุกคนล้วนแต่ส่งรอยยิ้มที่ทำยังกับว่าเขาได้เหรียญทองส่งมาให้ทั้งนั้น

     

    เพราะรู้ดีว่าก้าวแรกของความสำเร็จที่ได้มาจากการชนะตัวเองมันสำคัญและมีค่าแค่ไหน ก่อนจะก้าวไปถึงเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตข้างหน้า ก้าวแรกนี่เองที่จะพาเราไปถึงจุดนั้น

     

    ไม่ใช่ทุกคนที่จะอดทนฝ่าฟันผ่านมันมาได้ และไม่ใช่ทุกคนที่จะอดทนให้พ้นขีดจำกัดของร่างกายมาจนถึงก้าวนี้ ก้าวเล็กๆ นี้จึงไม่ใช่แค่ก้าวธรรมดา มันเป็นก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่ของคยองซู และพวกเขาทุกคนก็พร้อมยินดีกับก้าวแรกก้าวนี้ที่จะพาผู้ชายตัวเล็กๆ ให้แข็งแกร่งได้อีกขั้น

     

    “จ...เจ็บไหมแพคฮยอน?” ถามขณะที่พยายามกลั้นเสียงตัวเองไม่ให้สั่น แม้ทุกคนจะยินดีกับเขาแต่มันคงจะน่าอายน่าดูหากปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา แพคฮยอนส่ายหัวพลางยิ้ม

     

     “ไม่เจ็บเลย เซฟดียิ่งกว่าจงอินอีก”

     

    “อ้าวๆ อย่าพาล”

     

    “เรื่องจริง! นายน่ะไม่เคยยั้งแรงเวลาใช้กับชาวบ้านเลยนะ!” แพคฮยอนเถียงกลับ ซึ่งอีกคนที่คร้านจะเถียงก็ทำได้เพียงถอนหายใจออกมาเสียงดัง

     

    หลังจากนั้นจงอินก็ให้คยองซูทำแบบนี้อีก 10 เซ็ท คือให้เข้าท่า 4 ครั้งและครั้งที่ 5 ให้ทุ่ม เมื่อครบเซ็ทตามที่สั่งไว้แล้วก็ให้ผลัดกันทุ่มกับแพคฮยอนด้วยท่าเดียวกัน อีกคนละ 20 ครั้ง

     

    โดนแพคฮยอนทุ่มครั้งแรกเขาก็โดนถามกลับด้วยคำถามเดียวกันกับที่ถามแพคฮยอน ซึ่งคำตอบก็ไม่ได้ต่างกัน มันไม่ใช่ว่าไม่เจ็บเสียทีเดียว แน่นอนว่าการที่ร่างกายคนเราอยู่เฉยๆ จะเอาไปกระแทกกับเบาะแข็งๆ ไหนจะต้องตบเบาะกระจายแรงอีกแบบนั้นมันก็ต้องมีเจ็บมีแสบบ้างเป็นธรรมดา แต่ที่ทำให้ร่างกายไม่แตกหักและเจ็บน้อยกว่าที่ควรจะเป็นมากนักมันก็มาจากการตบเบาะของตัวเองครึ่งหนึ่งและการเซฟของคนทุ่มอีกครึ่งหนึ่งด้วย

     

    คยองซูรู้ตอนนั้นเองว่าเสน่ห์ของยูโดอีกอย่างหนึ่งที่เพิ่งจะพบคืออะไร แม้เป็นกีฬาที่น่าจะทำให้เพื่อนเจ็บตัวได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่มีใครโมโหโกรธาอะไรขึ้นมาเลย สิ่งเดียวที่เพื่อนร่วมทีมมีให้กันคือผลักดันหนุนนำให้เพื่อนได้พัฒนาฝีมือขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ถึงตัวเองจะโดนทุ่มนับครั้งไม่ถ้วนก็ยังยินดีที่จะทำ

     

    เพราะนั่นไม่ใช่แค่ความสำเร็จของใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือความสำเร็จของพวกเราทั้งหมด

     

     

     

    “เหนื่อยหรือเปล่า?” เสียงทุ้มถามพร้อมขวดน้ำเย็นๆ ถูกส่งมาตรงหน้า

     

    คยองซูเงยหน้ามองเจ้าของใบหน้าคมเข้มก่อนจะยกยิ้มแล้วส่ายหัว มือเล็กรับขวดน้ำมาแล้วเปิดดื่ม น้ำเย็นๆ ไหลผ่านลำคอไปช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะ แม้จะหอบหายใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขาแล้ว อาการอ่อนล้าที่ขากับแขนก็ดูเหมือนจะเบาลงด้วยเช่นกัน

     

    คนตัวสูงคลายสายดำของตัวเองออกแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ คยองซูเขยิบเล็กน้อยให้อีกคนได้นั่งด้วยกัน

     

    “สองสามวันมานี่ปวดเอวใช่มั้ย?”

     

    “ห..หะ?”

     

    เพราะจู่ๆ ถูกถามขึ้นมาเฉยๆ คยองซูเลยขมวดคิ้วพลางส่งเสียงงุนงงตอบกลับไป จงอินกระดกน้ำเข้าปากก่อนจะหันกลับมามองคนหน้าหวานด้วยสีหน้าเรียบเฉยตามสไตล์

     

    “อย่ามาทำเป็นเก่ง ปวดใช่ไหม?”

     

    คยองซูเงียบไปอึดใจหนึ่งแล้วพยักหน้าพลางหัวเราะแห้งๆ เหมือนเด็กซนที่ถูกจับได้ จงอินพ่นลมหายใจออกมา หันกลับไปวางขวดไว้ข้างกาย แล้วจู่ๆ มือใหญ่ก็เอื้อมมาบีบช่วงหลังค่อนมาทางเอวของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ทันที คยองซูเบ้หน้าพลางส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ

     

    “อ๊ะ เจ๊บ!

     

    เสียงนั่นทำให้อีกสามชีวิตที่กำลังคุยเล่นกันอยู่บนเบาะหันกลับมามองทันที คยองซูกับจงอินที่ยังค้างกันอยู่ในท่าเดิมหันกลับไปมองแทบจะพร้อมๆ กัน ชานยอลยกยิ้มมุมปากพลางส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้ ส่วนเซฮุนกับแพคฮยอนก็พากันหัวเราะคิกคัก

     

    “เสียงติดเรทมาก”

     

    เพียงคำพูดสั้นๆ ก็ทำให้คยองซูหน้าร้อนเห่อขึ้นมาได้ง่ายๆ จงอินเองก็คงไม่ต่างกัน แม้หน้าหล่อคมนั้นจะยังคงเรียบนิ่งออกจะแสดงอาการเอือมหน่อยๆ ด้วยซ้ำแต่ก็ยอมละมือออกจากกล้ามเนื้อส่วนนั้นที่ตัวเองจับลงไปได้ถูกจุดเป๊ะ

     

    “เข้าโอโกชิมันต้องใช้กล้ามเนื้อหลังกับเอวมาก ไม่ปวดก็แปลกแล้ว แล้วทำไมไม่บอก ทำปากแข็งอยู่ได้” จงอินบนพลางหันไปรื้ออะไรบางอย่างในกระเป๋าตัวเอง

     

    “ก็ไม่อยากทำตัวเรื่องมากนี่นา เดี๋ยวจะหาว่าไม่อดทน” คยองซูยู่หน้าใส่คนที่หันหลังค้นของอยู่ ไอ้เรารึอุตส่าห์ปิดปากเก็บอาการเงียบยังจะมาบ่นกันอีก!

     

    จงอินหันกลับมามองคนพูดครู่หนึ่งเล่นเอาคยองซูปรับสีหน้าแทบไม่ทัน ก่อนจะหันกลับไปรื้อกระเป๋าตัวเองต่อ สักพักก็หันกลับมาพร้อมกับกล่องยานวดหลอดกลาง ยื่นมันมาให้คนที่ยังทำหน้างง จงอินเห็นว่ายังงงไม่หายสักทีเลยยัดใส่มือเล็กให้เรียบร้อย

     

    “อะไรอ่ะ?” ถามเสียงใส

     

    “ไม่เห็นหรือไงว่ามันคือยานวด กลับหอแล้วให้ทาตรงที่ปวดด้วย แต่อย่านวด ทาแค่บางๆ พอ แล้วคราวหลังถ้าเจ็บก็ไม่ต้องปิดปากเงียบแบบนี้อีกล่ะ รู้มั้ยว่าคนเขา...” เงียบไปชั่วอึดใจขณะที่ตาใสคู่นั้นจับจ้องกลับมาเหมือนต้องการให้พูดต่อ

     

    “...คนเขาเป็นห่วง”

     

    คยองซูยิ้มกว้างพลางแกะกล่องยานวดในมือ “ขอบคุณนะจงอิน”

     

    ระหว่างที่คนตัวเล็กก้มหน้ากล่องเล็กในมืออย่างอารมณ์ดี จงอินก็ย้ายกลับไปมองที่ไอ้เพื่อนร่วมทีมตัวดีที่แสดงอาการหยอกล้อเขาอยู่บนเบาะอย่างชวนให้ลุกขึ้นไปทุ่มมาก ชานยอลแกล้งทำเป็นโอดโอยปวดเอวอย่างไม่มีเสียง แล้วแพคฮยอนก็แกล้งทำเป็นบีบๆ นวดๆ ให้ มีเซฮุนหัวเราะเป็นลูกคู่อยู่ใกล้ๆ

     

    ทีอย่างนี้ล่ะสามัคคีกันดีเชียวนะ!

     

    “อ้าว จงอิน นี่มันยังไม่เปิดใช้เลยนี่” คยองซูพูดขึ้นหลังจากที่เปิดฝาหลอดออกมาแล้ว ผลึกข้างในยังคงปิดสนิทรอให้เอาฝั่งจุกแหลมของฝามาเจาะเพื่อเปิดใช้

     

    จงอินพยักหน้า “ก็ซื้อมาให้ จริงๆ ตั้งใจจะให้ตั้งแต่วันก่อนแล้วแต่นายกลับก่อนทุกที”

     

    พูดจบก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง รวบเสื้อตัวเองจัดให้เรียบร้อยแล้วยืนมัดสายด้วยท่าทางไม่เร่งรีบ คยองซูมองแผ่นหลังกว้างในชุดยูโดของคนตรงหน้าสลับกับมองหลอดยาที่อยู่ในมือ เขาหันกลับไปวางของที่เพิ่งได้มาไว้บนโต๊ะ

     

    “คิมจงอิน” เสียงเล็กเรียกให้เจ้าของชื่อหันกลับมาหา

     

    “นี่นาย...เป็นห่วงฉันขนาดนี้เลยเหรอ?”

     

     

    คยองซูทอดสายตามองร่างหนาที่นิ่งเงียบไป แต่สุดท้ายจงอินก็ไม่ได้ตอบอะไร ประธานชมรมยูโดหันกลับไปเดินขึ้นเบาะ เป็นอันรู้กันว่าหมดเวลาพักแล้ว คนที่ไม่ได้รับคำตอบก็เพียงแค่ยิ้มบางแล้วลุกขึ้นมัดสายตัวเองบ้าง

     

    โดยไม่รู้เลยว่าตั้งแต่วินาทีแรกที่อีกฝ่ายหันกลับไป มีรอยยิ้มกว้างแค่ไหนที่ปรากฏอยู่บนริมฝีปากคู่นั้น

     

     

     

    กลับขึ้นเบาะหลังจากพักรอบนี้จงอินให้สลับแพคฮยอนกับเซฮุน โดยให้เซฮุนมาเป็นคู่ซ้อมให้คยองซูบ้างเพื่อที่แพคฮยอนจะได้ไปซ้อมเทคนิคกับชานยอล คยองซูรู้สึกเกรงใจเพื่อนร่วมทีมทั้งสองคนอยู่เหมือนกันที่ต้องสละเวลาซ้อมของตัวเองเพื่อมาเป็นหุ่นให้เขาทุ่ม สิ่งเดียวที่ทำได้คือต้องตั้งใจเข้าท่าทุ่มให้ได้เร็วๆ เพื่อที่จะได้ไปฝึกรันโดริพร้อมๆ กับคนอื่นๆ

     

    เซฮุนบอกว่าอันที่จริงตอนนี้ตนเองกับแพคฮยอนก็ใช่ว่าจะทิ้งนำคยองซูไปไกล เพียงแต่มีท่าทุ่มที่ไว้ใช้เล่นมากกว่าคยองซูเท่านั้น เทคนิคการหาจังหวะเข้าเหมือนแข่งก็ไม่ได้ฝึกบ่อยนัก ด้วยเหตุผลว่าคนมีน้อย และจงอินก็อยากให้มั่นใจว่าจะซ้อมกันได้อย่างปลอดภัย อีกอย่างก็เพื่อรอคยองซูตามให้ทันด้วย

     

    นับว่าเป็นเรื่องดีที่คยองซูสามารถเรียนรู้ท่าทุ่มได้ไวและถูกต้องพอที่จงอินไว้ใจจะให้ผ่าน แต่สำคัญคือต้องหมั่นฝึกฝนให้มาก ยิ่งทำบ่อยครั้งมากเท่าไหร่ร่างกายก็จะยิ่งจดจำ เช่นเดียวกับที่จงอินให้คยองซูทวนท่าตบเบาะทุกครั้งก่อนขึ้นเบาะ ผลของมันทำให้ทุกวันนี้คยองซูสามารถตบเบาะตอนถูกทุ่มได้อย่างปลอดภัย โดยเก็บคอได้แบบอัตโนมัติ

     

    “ท่าต่อไปที่จะสอนคือท่าในหมวดหัวไหล่ อยู่ในพวกตระกูลท่าเซโออิ ฉันจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ไม่วิชาการก็คือไอ้ท่าที่ต่อท้ายด้วย เซโออินาเงะ ทั้งหลายมันคือท่าที่ต้องใช้ไหล่เป็นสำคัญ” จงอินพูดขณะที่ดึงตัวเซฮุนให้เขยิบเข้ามายืนใกล้ๆ

     

    “เหตุผลที่ฉันให้นายฝึกท่าในตระกูลนี้เพราะว่านายตัวเล็ก ไม่เหมาะกับท่าสูงแบบชานยอล ท่าพวกนี้ถ้าฝึกให้คล่องจะเป็นท่าทุ่มที่สวยและสมบูรณ์แบบไม่แพ้กับท่าสูงเลย แล้วต่อไปถ้านายเข้าได้ฉันจะสอนท่าที่จะใช้เป็นจังหวะต่อเนื่องเวลาใช้แข่ง เอาล่ะ! อย่างอื่นเดี๋ยวนายก็รู้ ตอนนี้ฉันจะสอนท่าอิปป้อนเซโออินาเงะก่อน”

     

    คงเพราะเห็นเครื่องหมายคำถามลอยอยู่บนหน้าคยองซู จงอินจึงตัดบทสนทนายาวยืดของตัวเองแล้วดึงคยองซูให้เขยิบออกห่างตัวเอง แล้วดึงร่างเซฮุนให้มายืนตรงหน้าเขาพร้อมทั้งจับเสื้อยูโดเตรียมพร้อม

     

    “ท่าอิปป้อนเป็นท่าที่เหมือนจะง่าย แต่มันยากตรงที่จะต้องล็อคแขนไม่ให้เกิดช่องว่าง”

     

    หันมาพูดกับคนตัวบางที่ยืนฟังอยู่ด้านข้างก่อนจะวนขาเข้าท่าแบบเดิม จากเดิมจังหวะที่หนึ่งมือขวาจับสาบเสื้อ มือซ้ายจับแขนเสื้อแล้วดึงเปิดขึ้นเหมือนเดิม พอจังหวะที่สองเปลี่ยนมือขวาที่จับสาบเสื้อมาไว้ใต้รักแร้ของหุ่นแทน พูดง่ายๆ ก็คือให้ข้อพับแขนของตัวเองอยู่บริเวณรักแร้ของหุ่น หลังจากนั้นวนขาจนถึงจังหวะที่สาม เมื่อหุ่นซ้อนอยู่ด้านหลังเราพอดี ข้อพับแขนก็จะล็อคแขนหุ่นไว้ด้วย

     

    จงอินบอกเทคนิคว่า ส่วนที่จะทำให้ตัวหุ่นติดยึดติดกับเรานอกจากจะเป็นมือซ้ายที่คอยใช้ดึงแขนเสื้อแล้ว ข้อพับแขนที่ใช้ล็อคแขนหุ่นก็สำคัญ เวลาที่ปล่อยมือขวามาล็อคแขนอีกฝ่ายแล้ว วิธีที่จะทำให้ล็อคได้แน่นต้องดึงมือซ้ายกระตุกให้แขนของหุ่นกดลงมาด้านล่างด้วย ซึ่งจะสวนทางกับข้อพับเราที่เสยขึ้นไปหารักแร้ของหุ่น ทำให้ลงล็อคกันพอดี เมื่อถึงจังหวะที่สามที่วนขาจนสุดก็จะแน่นจนอีกฝ่ายขยับหนีไปไหนไม่ได้

     

    “ท่าตระกูลเซโออิน่ะสำคัญที่หัวไหล่ นอกจากจะใช้หัวไหล่เป็นจุดหมุนสำคัญในการทุ่มแล้ว ต้องยึดหัวไหล่ของคู่ต่อสู้ให้ใช้การไม่ได้ เมื่อช่วงไหล่ขยับไม่ได้ก็เท่ากับตายไปแล้วนั่นแหละ คราวนี้จะโยนไปตรงไหนก็สบาย”

     

    พูดจบก็เหวี่ยงร่างบอบบางของเซฮุนลอยหวืดลงมานอนตบเบาะตึง เซฮุนจัดท่าตบเบาะได้สวยงามไม่แพ้แพคฮยอน แถมสีหน้าก็ยังดูดี ยิ้มแป้นแล้นเหมือนไม่ได้รู้สึกกระทบกระเทือนกับการทุ่มที่ดูแรงเมื่อครู่นี้เลย

     

    จงอินยังคงยืดแขนข้างหนึ่งของเซฮุนไว้เพื่อเซฟ หลังจากตบเบาะเรียบร้อยแล้วก็ฉุดเซฮุนให้ลุกขึ้นมา เด็กหนุ่มตัวบางเดินกลับมายืนในตำแหน่งเดิม ก่อนที่จงอินจะหันมาพูดกับคยองซูต่อ

     

    “สิ่งสำคัญอีกอย่างคือห้ามเข้าท่าแล้วขึ้นไหล่เด็ดขาด คำว่าขึ้นไหล่ของฉันหมายถึงในตอนที่นายเอาข้อพับไปล็อคแขนหุ่นน่ะ ให้มันตรงกับข้อพับศอกพอดี อย่าให้มันเลยขึ้นไหล่มาอย่างนี้”

     

    พูดแล้วก็สาธิตให้ดูด้วย คำว่าขึ้นไหล่ของจงอินหมายถึงข้อพับไม่ได้อยู่ตรงรักแร้เพื่อล็อกแขนและช่วงไหล่ของคู่ต่อสู้ แต่ช่วงรักแร้ของอีกฝ่ายมันกลับเลยข้อพับศอกมาทางไหล่ของเราซึ่งเป็นคนทุ่ม ทันทีที่จงอินลองทำแบบที่ผิดให้ดู เซฮุนก็ส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ ด้วยความเจ็บ

     

    “ถ้าทำผิดแบบนี้หุ่นจะเจ็บและมันจะเป็นอันตรายมากๆ ด้วย นี่ ไม่ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น ยังไงซะนายก็ต้องทำขึ้นไหล่อยู่แล้ว”

     

    “อ้าว” คยองซูร้องเสียงหลงพลางทำหน้าเหวอเมื่อจงอินพูดออกมาแบบนั้น ริมฝีปากคมหยักยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะดึงให้เขามาหยุดยืนตรงหน้าเซฮุน

     

    “ที่บอกอย่างที่เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ที่คนเพิ่งฝึกเล่นจะเข้าอิปป้อนไม่ขึ้นไหล่ ตอนฉันฝึกใหม่ๆ ฉันก็เป็น แพคอยอนก็ด้วย”

     

    “เซฮุนเหมือนกันฮะ” คนเป็นน้องพูดเสริมขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแจ่มใส

     

    “เพราะฉะนั้นถ้าทำผิดไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่ให้นายทุ่มจนกว่าจะเข้าท่าถูก โอเคมั้ย? เอาล่ะ เริ่มได้”

     

    สิ้นเสียงให้สัญญาณคยองซูก็สูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมปล่อยลมหายใจออกมาจากปากช้าๆ สองมือจับชุดยูโดของอีกฝ่าย นิ่งเพื่อรวบรวมสมาธิอีกสักพักแล้วจึงวนขาเข้าท่า

     

    “บอกว่าอย่าขึ้นไหล่!!

     

    การซ้อมสุดหฤโหดยังคงดำเนินต่อไปพร้อมๆ กับเสียงทุ้มที่คอยจะดุจะบ่นให้คนที่เพิ่งก้าวสู่ชีวิตนักกีฬายูโดดังขัดกับความรู้สึกอยากทะนุถนอมปกป้องที่ร้องค้านอยู่ในใจ แต่จงอินไม่สนใจหรอกว่าอนาคตข้างหน้ามันจะเป็นยังไง เพราะสิ่งหนึ่งตอนนี้ที่เขามั่นใจมันกำลังเริ่มขึ้นแล้ว

     

     

    ก้าวแรกที่สำคัญที่สุด

    ก้าวเริ่มต้นที่เขาจะทำให้คยองซูค่อยๆ รับรู้ว่าผู้ชายคนนี้ชอบเขามากแค่ไหน


     

    TBC.




    Mirror* Talk : แอร๊ มาลงดึกๆ ดื่นๆ อีกตามเคย TvT เป็นโรคจิตที่ต้องเขียนฟิคตอนกลางคืน และกว่าจะเสร็จชาวบ้านชาวช่องเขาก็นอนกันหมดแล้วค่ะ โฮกกกกกกก ตอนนี้เป็นอีกตอนที่มีครบทั้งมุมกุ๊กกิ๊ก(?)และเนื้อหายูโดเข้มข้นนะคะ ถ้าจะสังเกตจะพบว่าเนื้อหามันเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และคนเขียนก็กำลังรู้สึกเหมือนใกล้ตายขึ้นเรื่อยๆ ด้วยค่ะ T___T ฮือออออ ทุกคนนนน มันเขียนยากมากเลยอ่ะ โดยเฉพาะท่าอิปป้อนเซโออินาเงะนะ เชื่อมั้ยว่าเป็นท่าง่ายๆ ที่ไม่ง่ายจริงๆ เราใช้เวลาอยู่หลายปีเลยว่าจะเข้าท่านี้ได้สมบูรณ์แบบจริงๆ อย่างของญี่ปุ่น ต้องโดนเซนเซ(โค้ชญี่ปุ่น)ติวเดี่ยวอยู่ตั้งหลายปี เคยร้องไห้เพราะฝึกท่านี้มาแล้วด้วยนะ T____T คือเราคิดว่ามันถูกอ่ะ แต่สำหรับต้นตำรับเขาบอกว่ามันยังไม่ใช่ เราต้องฝึกเข้ามันอยู่นั่นแหละ วันหนึ่งๆ เข้าเป็นร้อยๆ ครั้งอ่ะ จนถึงตอนแข่งมันเข้าได้เองอัตโนมัติเลย สมองยังไม่ได้สั่งร่างกายนี่ไปก่อนแล้ว 5555* แต่ท่านี้ไม่ใช่ท่าถนัดของกระจกหรอกนะคะ ท่าถนัดหรือท่าเล่นประจำตัวของเราเป็นอีกท่าหนึ่งที่รับรองว่าต้องสอนน้องคยองซูแน่นอน ไซส์แบบนี้เราเล่นท่าชุดเดียวกันนะจ๊ะคยองจ๋า ฮา

    และอย่างที่บอกค่ะ เราจะพยายามเร่งให้เนื้อเรื่องไปไวขึ้น เพราะฉะนั้นเรื่องความเหมาะสมของการเข้าท่าทุ่มได้ของคยองซูมันอาจจะไปอย่างรวดเร็วและอาจไม่สมเหตุสมผล แต่ขอให้ทุกคนคิดว่าถ้ามันช้ามากไปกว่านี้รับรองจงอินไม่ได้หวานกับคยองซูแน่นอนค่ะ TvT สงสารจงอินมันเหอะ ทุกตอนๆ นี่สอนปากเปียกปากแฉะ แม้มันจะฟินแต่มันก็ยังอยากได้คยองนะ(?) อิอิ

    ขอจบการทอล์คไว้เพียงเท่านี้ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้นะคะ TTvTT ขอบคุณจริงๆ ที่อยู่ด้วยกันทั้งขาประจำและขาจร ทั้งคนคอมเม้นท์และนักอ่านเงา ขอบคุณมากที่รอคอยอิปป้งของคยองซูไปพร้อมกัน ฮือออ

     

    ขอบคุณทุกคอมเม้นและทุกสายตาที่กวาดทุกตัวอักษรค่ะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×